เรือนไทย

ก่อนอื่นต้องขออวยพรปีใหม่กับทุกๆท่านในห้องเรือนไทยนี้ทุกคนนะครับขอให้มีความสุขตลอดปีเสือนี้นะครับคิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาทุกคนนะครับ
ในช่วงปีใหม่นี้ ผมได้ไปภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เลยถือโอกาสสำรวจงานศิลปกรรมในนครเสียเลยครับนำมาฝาก  ไปถึงนครศรีธรรมราชเวลาเก้าโมงเช้าเดินผ่านกำแพงเมืองนครดังรูปครับ

กำแพงเมืองนคร

กำแพงเมืองนคร

กำแพงเมืองนคร

กำแพงเมืองนคร

เดินทางต่อมาตามถนนมาเรื่อยๆผ่านวัดมหาธาตุแต่ตั้งจุดมุ่งหมายที่วัดท้าวโคตรก่อนเพาะตั้งใจมาถ่ายจิตรกรรมแผ่นไม้บนคอสองของพระอุโบสถเก่า ซึ่งอยูสูงพอควรเคยมาถ่ายหลายครั้งแต่ไม่ชัดสักทีครั้งนี้ตั้งใจจะถ่ายให้ได้สักทีครับ  เฮ้อ.....มาถึงหน้าวัดเล่นเอาซะเหนื่อย  เอามาดูประวัติวัดท้าวโครตดูครับ
 
วัดท้าวโคตรเดิม ตั้งอยู่ในตำบลนา อำเภอเมือง ปัจจุบันยุบเป็นตำบลในเมือง เป็นวัดเก่าแกวัดหนึ่ง ปัจจุบันวัดนี้ได้รวมพื้นที่วัดร้างจำนวนห้าวัดเข้าด้วยกัน คือ วัดศก วัดชายนา วัดวา วัดธาราวดี (วัดไปไหม้) และวัดท้าวโคตร ทำให้บริเวณกว้างขวาง

ภายในบริเวณมีโบราณวัตถุที่สำคัญคือ เจดีย์แบบศรีวิชัย อยู่ในสภาพปรักหักพังเหลือเพียงซากของฐาน ภายในประอุโบสถมีจิตรกรรมบนแผ่นไม้ ศิลปะแบบต้นรัตนโกสินทร์ ท่านเจ้าอาวาสวัดท้าวโคตรเล่าว่า ตอนที่กรมศิลปากรเข้ามาบูรณะตัวโบสถ์ ได้ถอดไม้เหล่านี้ลงมา แต่เมื่อประกอบเข้าใหม่ปรากฏว่ามีเหลืออยู่อีก 2 แผ่น ทำให้ไม่แน่ใจว่า ที่นำไปติดนั้นได้ติดตามลำดับอย่างของเดิมหรือไม่ นอกจากนี้ ครั้งที่บูรณะใบเสมารอบโบสถ์ซึ่งของเดิมทำด้วยหินปะการัง แต่ละหลักมีลวดลายไม่ซ้ำกันปรากฏว่า ช่างได้นำปูนมาพอกกลบ และทำลวดลายเหมือนกันหมด ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีก อาทิกุฏิไม้ตกแต่งด้วยลายฉลุงงดงาม อยู่หลังหอระฆัง นอกจากนี้ บริเวณตอนเหนือของวัดยังเป็นตลาดเล็กๆ บรรยากาศเป็นแบบพื้นบ้าน มีเสน่ห์และน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ภายในพระอุโบสถจะเห็นภาพจิตรกรรมบนแผ่นไม้และองค์พระประธานขนาดใหญ่

สวัสดีพี่ยุทธครับ รีบๆมาลงภาพปูทางไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเที่ยวบ้าง
สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ

พอจะถ่ายภาพภาพก็อยู่สูงเหลือเกินไปขอบันไดจากวัดก็ไม่มีเนื่องจากมีขโมยมาขโมยบันไดไปหมด แหม๋น่าแตะขโมยจริง มันขโมยอะไรไม่ขโมยดันเอาบันไดไปตูเลยไม่มีอะไรปีนถ่ายรูปเลยทำใจอยู่พักหนึ่งเลยเหลือบไปเห็นอุปกรณ์ดังภาพ  นี่ถ้าตูตกลงไปตายจะได้เหรียญกล้าหาญจากชมรมไหมเนี่ย

รูปทางฝั่งซ้ายจะเป็นเรื่องพุทธประวัติ และขวาเป็นเรื่องชาดกครับภาพแรกเป็นพุทธประวัติเลือนมากเนื่องจากถูกแสงมาก(อยู่ริมนอก ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรแต่น่าจะเป็นตอนอัญเชิญลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า)

ภาพที่สองเป็นภาพ "วิวาหมงคลปริวรรต" เรื่องราวของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางสิริมหามายาราชธิดาของพระเจ้ากรุงเทวทหะ

ลายละเอียด

ภาพตอนประสูติ

ลายละเอียด

เย้ รอชม จะได้ไปดูของจริงแล้ว

สวัสดีปีใหม่ทุกคนคะ

สวยงามมากครับ  พักนี้บอร์ดเงียบ ๆ

"ราชาภิเษกปริวรรต"  พราหมณ์ทั้งแปดถวายพระนามราชกุมารว่า" พีระอังคีรสราชกุมาร  ประการหนึ่งพระมหาสัตว์ จะมีประโยชน์ด้วยสิ่งอันใด  สิ่งอันนั้นก็จะสำเร็จประโยชน์ทุกประการเหตุอันนั้นพราหมณ์ทั้งหลายจึงถวายนามอีกนามหนึ่งว่า  พระสิทธัตถราชกุมาร  หลังจากพระราชกุมารประสูติได้เจ็ดวันพระราชมารดาก็เสด็จทิวงคต ขึ้นไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต
ถึงวันวัปปมงคลแรกนาขวัญ พระเจ้าสิริสุทโธทนะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีนอกพระนคร  จัดที่สำหรับพระราชกุมารซึ่งตามเสด็จไปด้วยให้บรรทมใต้ต้นชมพูพฤกษ์(ไม้หว้า)  นางนมพี่เลี้ยงทั้งหลายออกมาดูการวัปปมงคล ณ นอกม่านทั้งสิ้นแลพระโพธิสัตว์เสด็จอยู่พระองค์เดียว  ในเวลานั้นเป็นเวลาบ่ายร่มเงาไม้ทั้งหลายหันไปตามดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น  มีเพียงเงาต้นชมพูพฤกษ์เท่านั้นที่เคลื่อนไปไหนเป็นอัศจรรย์  ดังรูป

"ลักขณาปริคคาหกปริวรรต"  ครั้นพระราชกุมารประสูตรแล้วกาฬเทวินดาบสผู้เป็นกุลุปาจารย์เข้ามาเยี่ยมในพระนิเวศน์ จะขอเห็นพระกุมาร   จึงดำรัสให้พระราชกุมารราชโอรสทรงอาภรณ์พร้อมนำมาน้อมลงนมัสการพระดาบส  ขณะนั้นพระบาททั้งสองแห่งพระมหาสัตว์กลับขึ้นไปประดิษฐานอยู่บนชฎาแห่งพระกาฬเทวินดาบส   ตามรูป

ลายละเอียด

ลายละเอียด

พระสิทธัตถะทอดพระเนตรนางพิมพาและพระราหุลราชโอรสก่อนเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์

นางกำนัลทั้งหลาย

ลายละเอียด

รูปมีทั้งหมดสี่สิบภาพพุทธประวัติ ๒๐ ภาพและชาดกอีก๒๐ ภาพตอนนี้ตูข้าม่ายไหวแย้วง่วงนอนมากเอาไว้ต่อพรุ่งนี้นะจ๊ะสัญญาว่าจะลงจนครบ

ลากันด้วยภาพนี้ครับเอามาฝากยายแพรโดยเฉพาะใครรู้ว่ามีที่มาอย่างไรช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะตอนไปถ่ายมันวังเวงงัยไม่รู้

ต่อ

ต่อ

ต่อ

ทางหน้าบ้านไม่มีใครอยู่ตูถือวิสาสะแล้วละบ้านสวยมาก

เข้ามาแย้ว 

ท่าจะเป็นเจ้าของบ้าน.....สุธุลูกมาดีมาขอความรู้ครับ   ขออนุญาติครับ

เดินมาหน่อยอีกห้องหนึ่ง..........

ภาพบรรยากาศอีกด้านครับ

ลากันด้วยอาหารกลางวันของตู ร้านอยู่หลังวัดท้าวโคตรอร่อยมาก..............

กุ๊กๆ กู๋...บ้านเหล่ียมจัด สวยเสียจริง แต่ให้นอนค้างคงไม่ไหวนะค่ะคุณผู้ชม

บ้านแบบน้ีแพรขอเรียกโคโลเนียลสไตล์ Colonial Style เคยแอบสำรวจท่ีนิวซีแลนด์ ปลูกเป็นแถบแบบบ้านจัดสรร เอกลักษณ์มักมีมุขเหล่ียมยื่นออกมา.
บางแบบมีมุขเดียว หรือมาแพคคู่ก็ดูงาม

ของบ้านเราก็ปรับแบบให้เหมาะกับภูมิอากาศร้อนชื้น ใต้ถุนโปร่ง

ถ้าให้หรูต้องมีไม้ฉลุแบบขนมปังขิง เป็นแบบวิคตอเรียน

เลิศ แต่แอบหลอนนะคะ

มาต่อกันอีกนิดนึงแล้วกันครับชั่วโมงนี้ว่างไม่มีสอนเดี๋ยวจะไม่จบ เอาภาพลงไปก่อนแล้วกันครับแล้วข้อมูลจะตามมาทีหลังครับ

ลายละเอียด

มารแบบชัดๆ

ออกผนวช

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ก่อนตรัสรู้

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ตามประว้ติว่าภาพเขียนเป็นสมัยต้นรัตนโกสินทร์พิจารณาดูแล้วเห็นว่าคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างปลายร.3ต่อร.4มีจุดสังเกตุ2อย่าง คือการเขียนน้ำยังเขียนเป็นแบบตัดเส้นแบที่นิยมในสมัยร.3 แต่ที่ดูเป็นร.4ก็เพราะมีการใช้สีคราม(น้ำเงิน)ปรากฎอยู่แทบทุกตอนด้วย เรื่องน้ำนี้ผมเคยคิดว่าอาจารย์ น.ณ ปากน้ำไม่น่าจะฟันธงว่าสมัยร.4ไม่มีการตัดเส้นน้ำเป็นคลื่น จนเอาเป็นจุดกำหนดยุคสมัยอยู่เสมอในบทความของอาจารย์ เพราะจิตรกรรมสมัยร.4หลายๆที่ก็ยังมีการตัดเส้นน้ำอยู่ เพียงแต่ความปราณีตจะไม่เท่าสมัยร.3เท่านั้น ซึ่งผมขอเรียกจิตรกรรมสมัยร.4แบบนี้ว่าแบบนิยมร.3(คือยังเขียนแบบขนบนิยมเดิม) ไม่ไปตามอย่างตะวันตก อย่างที่เห็นได้ชัดก็ที่วัดมัชฌิมาวาสสงขลา วัดกำแพงบางจากที่ฝั่งธน ท่าพระ ถ้าให้ผมฟันธงผมยังว่าจิตรกรรมวัดท้าวโคตรอาจจะเป็นสมัยร.4ต่อเนื่องร.5เสียมากกว่าคล้ายกับที่วัดไทรอารีรักษ์ที่ราชบุรี แต่ที่นั่นเป็นสมัยร.5ชัดเจน ดังนั้นสรุปว่าวัดท้าวโคตรในความคิดผมจะต้องเป็นจิตรกรรมสมัยร.4ค่อนข้างจะแน่นอน*(ทราบมาว่าเดิมจิตรกรรมบนแผ่นไม่คอสองที่นี่อาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้แต่เมื่อกรมศิลป์เข้ามาบูรณะเสร็จสิ้น จึงนำชิ้นส่วนคอสองที่เหลือมาติดไว้อย่างนี้) ไม่รู้คุณยุทธได้ข้อมูลมาบ้างหรือไม่

สวัสดีปีใหม่ครับพี่ยินส์  เป็นจิตรกรรมสมัยรัชกาลที่๔ แน่นอนครับเอาภาพที่เป็นรูปแบบสมัยนั้นมาลงให้ดูเป็นหลักฐานครับ  และมีการบันทึกชื่อช่างที่เขียนไว้เรียกว่าช่างหนูไว้และงานเขียนนั้นมีกลิ่นอายของรัชกาลที่๓อยู่ด้วยครับเช่นนาฎลักษณ์ ภาพต้นไม้หรือตัวสถาปัตบางส่วน มีทั้งแบบรัชกาลที่๓และ๔ บางภาพสลับกันไป   ตำแหน่งที่ติดนั้นไม่น่าจะเป็นตำแหน่งเดิม(ซึ่งตำแหน่งเดิมน่าจะอยูติดฝนังแต่เนื่องจากฝนังพระอุโบสถเดิมชำรุดจึงย้ายไปติดที่เสาแทน  จิตรกรรมที่อยู่บนคอสองนั้นนับวันจะเลือนหายไปทีละน้อยไม่ถึงสิบปีคงไม่เหลืองานสิลปกรรมงามๆชิ้นนี้อีแล้วครับนับว่าน่าเสียดายมากครับ

สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ทุกคนครับ

ภาพสวยงาม
เบื้องหลังการถ่ายทำทุ่มสุดตัวเลยครับ
เรือนไม้หลังเก่าก็สวย

คอยติดตามชมอยุ่นะครับ

แวะมาทักทาย ระหว่างรออาหารท่ีร้านท่าวัง

วันน้ีแก็งค์อ้วนผอมไปวัดมหาธาตุฯ นครฯมา ตามรอยคุณครูเก็บภาพลายปูนป้ัน
ชอบมากเลยค่ะ ยืนอ้าปากค้าง รายละเอียดลวดลาย โอยสุดจะบรรยายค่ะ

แล้วก็ไปวัดสวนหลวง วัดท้าวโคตร และวัดชายนา เินชมอย่างผ่านๆ

ไว้รอน้องเนอัพรูปละกันคะ

ปล. เห็นอุปกรณ์ถ่ายภาพท่ีวัดท้าวโคตรของพ่ียุทธด้วย ยังสภาพดี ขาไม่หัก

สดจากนครฯ

แวะมาชมภาพ และสวัสดีปีใหม่ครับผม  :D

ภาพส่วนใหญ่เน้นรายละเอียด เก็บเป็นข้อมูลนะครับ รูปแนวนี้ผมถ่ายไม่เป็นครับ

....ช่วงเดือนธันวาที่ผ่านมาผมไปถ่ายวัดทุกอาทิตย์เหมือนกันครับ แต่เป็นวัดในกรุงรัตนโกสินทร์นะครับ
กำลังคิดว่าจะเอามาลงที่บอร์ดนีดีไหม ของผมมีแต่เน้นสวยเป็นหลักอะครับ  ;D

สดจากสุราษฎร์ธานี

กำลังน่ังรอเวลากลับบ้าน ท่ีร้านกาแฟ Sweet Kitchen ร์มแม่น้ำตาปี

เม่ือวานเท่ียวท่ีนครฯส่งท้าย ไปวัดวังตะวันตกกุฏิ100ปี แต่ซ่อมใหม่หมดเสียแล้ว หมดความขลังไปเยอะ
แต่ก็ยังดีกว่าทุบท้ิงละหน่า....ปลอบใจตัวเอง

โชคยังดีหน่อย หลวงพ่ีใจดีมาก พอเดินชมวัด เปิดวิหารเก่าพบธรรมาสน์เก่า พระไม้แกะเก่า น้องเนว่าจะอยุธยา
หลวงพ่ียังพาไปโบสถ์ พบตู้พระธรรมลายรดน้ำ เนประมาณได้ว่าต้นๆรัตนกันเลยทีเดียว

หลบฝนท่ีวัดจันทารามกุฏิเก่าขนมปังขิง ร.6 คุณลุงในวัดพาไหว้พระประธาน เลยค้นตู้หนังสือ ได้พบสมุดข่อย เขียนเก่ียวกับสถาปัตยกรรม แปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน

วันน้ีไปใชยามาวิหารเก่าวัดจำปากำลังซ่อมเลยคะ เนถึงกับเซ็ง แต่หน้าบันอยุธยายังอยู่
ไหว้พระธาตุไชยา ก็กลับสุราษฯ แต่ไม่ลืมไข่เค็มติดไม้ติดมือมาด้วย

จบการรายงาน

เตรียมข้าวต้มไว้แล้ว  เอาไข่เค็มมาเสียดีๆ       กลับมาถึงบ้านเกือบ๓ทุ่มเหนื่อยอย่าบอกใครเลยคุณสมชัยอยากนำภาพมาแบ่งกันจะเป็นวิทยาทานอย่างยิ่งครับ อยากให้สมาชิกทุกคนมีภาพไว้โพสบ้างเพราะบางจังหวัดหรือในพื้นที่ของสมาชิกนั้นๆสมาชิกจะรู้ข้อมูลมากกว่า   เอามาต่อกันต่อดีกว่าเดี๋ยวจะไม่จบ
"  จากนั้นพระมหาบุรุษเสด็จพระดำเนินไปยังต้นโพธิ์ พราหมณ์ผู้หนึ่งนามว่าโสตถิยพราหมณ์  ถือหญ้าคาไว้ ๘ กำ  น้อมถวายหญ้าคาเพื่อทำรัตนบัลลังก์ "
"หลังจากนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสแล้ว  เสด็จลงไปริมน้ำอษิฐานถาดทองถ้าไดตรัสรู้ขอให้ถาดลอยทวนน้ำ  ถาดลอยทวนน้ำประมาณ ๘๐ ศอกวนแล้วจมลงที่ภิภพแห่งพระยากาฬนาคราชกระทบกับถาดทองของอดีตพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ทั้งสาม

รายละเอียด

รายละเอียด

รายละเอียด

มารผจญ  ภาพนี้เป็นอีกภาพหนึ่งที่ครูหนูเขียนสีและจัดภาพได้อย่างงดงามลงตัวครับชมเอาเองแล้วกันครับว่างามแค่ไหน

รายละเอียด

รายละเอียด

รายละเอียด

ตรัสรู้

ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นชื่อผู้เขียนภาพบันทึกไว้ด้านล่าง

ลายละเอียด   มีพระสงฆ์อยู่ด้านหลังเทวดาแต่เลือนมากถ้าเป็นภาพสมบูรณ์คงจะสวยมาก

ลายละเอียด

ภาพไม่ชัดเอาใหม่

สวัสดีครับ กลับมาแล้วเหนื่อยจริงๆ ทั้งสนุก ทั้งผิดหวังปะปนกันไป
เดี๋ยวรอพี่ยุทธลงภาพวัดท้าวโครตเสร็จแล้วจะมาลงภาพแจมนะครับ

ฝีมือดีัจังเลยครับ เสียดายหลุดล่อนไปมาก

ครับหลุดร่อนและสีซีดไปบ้าง  แต่สำหรับคนที่เรียนศิลปะไทยโดยตรงเหลือแค่นี้ก็พอจะเขียนจำลองลอกแบบขึ้นมาใหม่ได้พอควรแล้ว่ครับดีกว่าไม่เห็นอะไรเลยหรือโดนลบทิ้งอย่างบางวัดครับ
เอาละมาต่อกันไปเรื่อยๆครับเนื่องจากเวลาไม่ลงตัวเสียทีเลยต้องลงนิดลงหน่อยเป็นช่วงๆครับ   ยินดีต้อนรับสมาชิกทุกท่านนะครับ  ยิ่งถ้ามีภาพถ่ายมาแลกเปลื่ยนความรู้กันจะดีมากครับ
ภาพต่อมาครับ

ผมชอบภาพแบบนี้เนื่องจากจะเป็นการจัดภาพที่ลงตัวในช่องเดียวกัน  ต่างจากการจัดภาพเล่าเรื่องราวบนจิตรกรรมฝาผนัง  เหมาะสำหรับติดหรับติดห้องพระหรืออยู่ตามบ้านดีครับ

ลายละเอียดครับ

ลายละเอียดครับ

"กปิลวัตถุคมนปริวรรต"  พระเจ้าสิริสุโธทนะรับสั่งให้กาฬุทายีอำมาตย์ ไปทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์  กษัตริย์ศากยราชเตรียมรับเสด็จ

ลายละเอียดครับ

ลายละเอียดครับ

ลายละเอียดครับ

ลายละเอียดครับ

"พิมพาพิลาป"  พระพุทธองค์เสด็จเข้าไปในพระราชนิเวศ  พระนางยโสธราพิมพาคร่ำครวญด้วยความอาลัยรัก  ทรงเทศนาเรื่องจันทกินนรชาดกโปรดจน พระนางได้บรรลุโสดาปัตติผล

รายละเอียด

รายละเอียด

เหมือนเป็นสกุลช่างของทางใต้เองเลยนะครับ มีความเป็นตัวเองสูงทีเดียว

อย่างจีวรพระเป็นเจ้า ที่เดี๋ยวก็แดงลายดอก เดี๋ยวก็เป็นลายเกราะเพชรประแจจีน

รูปพระนางพิมพมานั่งมหาราชลีลาก็ผิดหูผิดตาไปเลย ปกติไม่ค่อยเห็นตัวนางนั่งท่านี้กันเท่าไหร่

ที่น่าสนใจคือ พิมพาพิลาปที่นี่เขียนต้องตามคัมภีร์ คือจับข้อพระบาทไว้ แล้วทรงกรรแสง อันเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูงสุดของทางอินเดีย ซึ่งเท่าที่รู้กันมา พิมพาพิลาปตั้งแต่สมัยทวารวดี พระนางพิมพาสยายผมเช็ดพระบาท อันเป็นความคิดแบบพื้นเมืองมากกว่า (ผมไม่แน่ใจว่าที่อื่นเป็นอย่างไร แต่เพิ่งเห็นที่นี่ว่าจะข้อพระบาทชัดเจน)

ไม่นึกว่าช่างทางใต้จะเขียนได้งามขนาดนี้ กลิ่นอายยังติดสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ถึงแม้อายุจะล่วงลงมาแล้ว ขอบคุณที่เอาภาพสวยๆมาให้ชมกันครับ

"ยมกปาฏิหาริย์" ต่อกันไปเรื่อยๆนะครับ  เนื่องจากมีเวลาเป็นช่วงๆ

รายละเอียดครับ

รายละเอียดครับ

มาต่อกันอีกภาพครับสำหรับวันนี้ครับเป็นตอนโปรดพุทธมารดาครับ

ลายละเอียดครับอย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนละครับคงต้องลงวันละภาพครับ

เสด็จจากดาวดึงส์ครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมครับ

ลายละเอียดอีกรูปครับ

ปรินิพาน

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ลายละเอียด

ตวงพระธาตุซึ่งเป็นภาพสุดท้ายในแผ่นไม้ฝั่งซ้ายซึ่งเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ

ลายละเอียด

ลายละเอียด

หลังจากจบภาพพุทธประวัติมาต่อกันด้วยภาพทศชาติครับภาพนี้เป็นภาพมหาชนกครับผมว่าภาพนี้สวยมากภาพหนึ่งเลยละครับ

ลายละเอียดครับ

ลายละเอียด

สุวรรณสามชาดก

การเน้นลายละเอียดในส่วนต่างๆนั้นเพื่อความชัดเจนในการศึกษาสำหรับผู้ทำงานจิตรกรรมไทยซึ่งลักษณะแบบนี้อาจทำให้สมาชิกบางท่านที่อยากชมงานหลายชิ้นอาจเบื่อง่ายๆและเพื่อเป็นการรวดเร็วขึ้นผมคงจะลงภาพรวมๆให้จบจะดีกว่าและหากสมาชิกอยากได้ลายละเอียดช่วงใดตอนไหนค่อยลงเพิ่มแล้วกันครับไม่งั้นจะนานไปสำหรับการติดตามครับ   
ต่อครับ      เนมีราชชาดก

ชื่อครูผู้เขียนภาพ

มโหสฎชาดก

ภูริฑัตชาดก

จันทกุมารชาดก

พรหมนารท

วิทูรบัณฑิต

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก  (ชูชกกับนางอมิตดา)

กัณฑ์ชูชก

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก (กัณฑ์มัทรี)

อ้าวผิดรูปขออภัยแก้ตัวใหม่

ดูๆไป ภาพเขียนที่นี่มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด จิตรกรรมไทยนี่ดูที่ไรก็ไม่เบื่อ ว่าแต่คุณยุทธ ตราชมรมพี่ได้รึยัง!

พระอิทร์ขอนางมัทรี

เวสสันดรชาดก

ภาพสุดท้ายเลือนลางเต็็มทนเนื่องจากอยูี่ริมสุด น่้าจะเป็นตอนเสด็จกลับพระนครครับ ส่วนตราชมรม แฮะๆรอไปก่อนนะพี่ยังไม่มีเวลาทำต่อเลยช่วงนี้หรือพี่่ยินส์จะเขียนก่อนก็ได้นะจะ๊

วัดชายนาอยู่ด้านหลังวัดท้าวโคตร  วัดนี้น่าจะเป็นวัดในสมัยอยุธยาซึ่งดูจากโครงที่ซ่อมแล้ว  ของเดิมน่าจะเป็นพระอุโบสถแบบมหาอุตย์ ไม่มีหน้าต่างแต่ใช้ช่องลมแทนดังรูปครับ

มีจิตรกรรมอญุหลังพระประธานซึ่งเลือนเต็มทีครับชมดูกันแล้วกันครับ

เทวดาน่าจะเป็นพระพรหมอีกเสาด้านหนึ่งเป็นพระพรหมครับ

ดูใกล้ๆอีกรูปครับอีกฝั่งเป็นพระอินทร์ครับ

สถานที่ต่อไปที่ไหนครับ ....

จังหวัดเพชรบุรีเป็นไงน้องเน    ไปได้หลายวัดค้างซัก๒ ๓  คืน   วัดเขาบรรไดอิฐ   วัดสระบัว   วัดใหญ่สุวรรณาราม   วัดมหาธาตุ   ทานข้าวที่ตลาด๘เมตร   พักที่ริมแม่น้ำเพชรบุรีไปไหม
ครายจาปายยกมือขึ้น

ซุ้มเรือนแก้วหลังพระประธาน

ต่อครับ

อีกด้าน

ต้องไปสิครับ ไม่พลาดชัวร์  ;D
ยังมีวัดหนองหว้า กับ วัดโรงเข้ด้วยครับ ที่อยากจะไป แต่อยู่ไกลออกไปน่าจะลำบาก
ไม่รู้หัวหน้าชมรมเราจะคอนเฟริ์มทริปเมื่อไหร่ ไปกันเยอะๆก็น่าสนุกครับ

รูปนี้ดูไม่ออกว่าใครนั่งเสลี่ยงอยู่แต่มียักษ์มาห้ามอยู่ด้านหน้า

ยักษ์

ภาพฝนังฝั่งทางออกลายผ้าสีสวยมาก

ภาพขยายลายผ้า   มีสีแดงของชาดอย่างเห็นได้ชัดเจนครับ

รายงานตัว ว่าเพชรบุรีขอไปด้วยยยยยยยย วันนั้นแว้บไปมาที่วัดใหญ่ ยังคงตะลึงงงงงงงงในสถาปัตยกรรมของศาลาการเปรียญอะน้องเน  หลังนั้นนี้คือในวังหลวงปะ ถ้าใช่ ถือว่าสมบูรณ์แบบไหมของเหล่าพระราชมณเฑียร  ว่าแต่พี่ยุทธจะจัดเมื่อไหร่ ไปด้วยคนนนนนนนน
ทอมมี่ค้าบบบ

มาลงชื่อไม่พลาดแน่นอนค่ะ

น้องกบพร้อม

อยากไปเพชรบุรีด้วยจังครับ อิอิ แถวท่ายางมีหลายวัดที่น่าสนใจ

อยากไปด้วยเช่นกัน แต่หาเวลาว่างไม่เจอเลยครับ  อย่างไรแล้วเพื่อนๆเก็บภาพและรายละเอียดมาฝากผมด้วยนะครับผม

ถ้ามาเพชร ชวนด้วยนะคับ ผมทำงานอยู่ในเมืองเพชรนี่แหละ
พอนำทางไปวัดแปลกๆได้ แต่อธิบายไม่ได้คับ ไม่มีความรู้
ถ้าไม่ได้อยู่เวรขอไปด้วยค้าบ อยากรู้จักจังหวัดที่มาอยู่มากขึ้นกว่านี้