จ้อ
|
เกิดความสงสัยถึงความแตกต่างระหว่างสองนิกายของศาสนาอิสลามคือ นิกายสุหนี่ และ นิกายซีอะห์ ว่าแท้จริงแล้วแตกต่างกันอย่างไรครับ? แล้วมีนิกายอื่นๆ อีกหรือเปล่า
บังเอิญผมมีเพื่อนชาวอีหร่านหลายคน แต่ยังไม่ได้คุยกันให้แน่ชัดว่าต่างกันอย่างไร จากที่คุยกันบ้าง เพื่อนบอกว่า ซีอะห์นี้จะมีจำนวนน้อยกว่าสุหนี่ และตามความรู้สึกของเพื่อนผม ซีอะห์ จะเคร่งในกฎต่างๆ น้อยกว่าสุหนี่ คือผ่อนปรนกว่า ... อันนี้ไม่ยืนยันเพราะคนเล่าให้ฟังเป็นนิกายซีอะห์
เท่าที่ทราบกลุ่มที่นับถือนิกายซีอะห์ จะมีน้อยกว่า นิกายซุหนี่ คือมีแค่ใน อีหร่าน และ บางส่วนของอีรัก มุสลิมในส่วนอื่นๆ ของโลกนั้นจะเป็นสุหนี่ พี่น้องมุสลิมชาวไทยก็นับถือนิกายสุหนี่เช่นกัน ( ไม่แน่ใจว่ามีนิกายชีอะห์หรือไม่ )
เมื่อตอนที่ผมเด็กๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ โคไมนี่ ยังมีชีวิตอยู่ อีหร่านมีปัญหากับอเมริกามาก ข่าวสารต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมามักจะทำให้ มีความรู้สึกว่า พวกมุสลิมนิกายซีอะห์ค่อนข้างจะหัวรุนแรง ( ในเนื้อข่าวมักใช้คำว่า "กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนิกายซีอะห์" เป็นต้น ) อีกทั้งภาพข่าวค่อนข้างจะออกมาน่ากลัว เมื่อก่อนผมเลยกลัวๆ เหมือนกัน แต่หลังจากคุ้นเคยและมีเพื่อนเป็นชาวอีหร่านหลายๆ คนมากขึ้นก็เริ่มเปลี่ยนทัศนะคติ รู้สึกว่าความคิด และ วัฒนธรรม หลายๆ อย่างของมุสลิมนิกายนี้ก็น่ารักดี บางอย่างคล้ายๆ คนไทยเสียด้วยซ้ำ ไม่น่ากลัวเหมือนในข่าวที่เคยดู
พอดีวันนี้จะไปเยี่ยมเพื่อนชาวอีหร่าน ประกอบกับในคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก ในไทยรัฐพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอีรัก อีหร่าน เลยคุยบ้างดีกว่า ... อิอิ เดี๋ยววันนี้ถ้ามีโอกาสจะแอบถามเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปของอีหร่าน ถ้ามีอะไรน่าสนใจจะมาเล่าให้ฟังครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 07 พ.ค. 01, 22:17
|
|
ดูเหมือนจะมี ซูฟี อีกนิกาย เข้าใจว่าเป็นนิกายย่อยกว่า 2 นิกายแรก แต่รายละเอียดคงต้องเชิญท่านผู้เป็นมุสลิมะห์หรือมุสลิมีนตัวจริงมาอธิบายครับ
จำได้รางๆ ว่า แยกกันเป็นสองนิกายใหญ่ (ชีอะห์ กับ สุหนี่) หลังท่านศาสดานบีมุฮัมหมัดสิ้นไปได้ไม่นาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 07 พ.ค. 01, 23:34
|
|
ผมไปอ่านคุณนิติภูมิมาแล้วครับ ถูกแขวะแล้วเรียบร้อย...
ท่านว่าท่านจะเล่าเรื่องอิรักอิหร่าน ผมก็ตั้งใจพนมมือรับฟัง ก็จะเล่าก็เล่ามาสิ แต่ก่อนจะขึ้นต้นได้ท่านต้องแขวะเอาเชิงเสียหน่อยว่า ไม่ทราบที่จะเล่านี้ จะตรงกับที่นักปราชญ์มหาวิทยาลัยตะวันตกทั้งหลายเรียนๆ สอนๆ กันอยู่หรือเปล่า...
ผมหมั่นไส้จนขัน หัวเราะเลยครับ นึกถึงเด็กเกๆ เฮี้ยวๆ คนหนึ่ง โถ... อายุคุณนิติภูมิก็ไม่น้อยแล้วนะเนี่ย สไตล์หรือมารยาทอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบที่ถ่ายทอดมายังเด็กรุ่นใหม่บางคนที่ชื่นชม ชื่นชอบอ่านของคุณนิติภูมิแก พอดีจะรักกันได้ก็เลยรักแกไม่ลง
กำลังรออ่านตอนต่อไปของแกอยู่ครับ
อ้อ คุณจ้อครับ อันนี้ผมกระซิบบอกคุณจ้อคนเดียว (อย่าไปบอกท่านผู้เขียนนะครับ ผมกลัว แฮ่ะๆ) ว่า พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน Shah ที่ถูกโค่นไปแล้วน่ะ ถอดเป็นไทยคงต้องมี ห การันต์ครับ คนไทยเราหลายคนมักสับสนกับพระเจ้าซาร์ของรัสเซีย Tsar ถูกโค่นไปแล้วเหมือนกัน อันนี้ ร การันต์
ส่วนลูกผสมเป็น ชาร์ ของคุณนิติภูมินั้น แกคงเผลอน่ะ ก็คนเราก็เผลอกันได้นี่นา (ถ้าผมนิสัยอย่างเดียวกับคุณนิติภูมิ ป่านนี้ผมหุยฮาโห่แกไปแล้ว ว่าเป็นลูกศิษย์รัสเซียจนหลงจับชาห์/ซาร์มาปนกันมั่ว...)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 08 พ.ค. 01, 06:33
|
|
พึ่งกลับมาจากเยี่ยมเพื่อนชาวอีหร่านครับ บังเอิญว่าคุยเรื่องอื่นกันเลยลืมถาม เรื่องนิกายซีอะห์กับสุหนี่ไปซะนี่
... แหมคุณ นกข.ก็ ผมไม่ได้รู้จักมักจี่กับคุณนิติภูมิแกซะกะหน่อยจะไปบอกแกได้อย่างไร ผมว่าถ้าเปรียบคุณนิติภูมิเป็นสาวสวย ก็คงเป็นสาวเปรี้ยว สาวมั่น ทำนองนั้น หนุ่มๆบางคนก็ชอบชอบสไตล์เปรี้ยว บางคนก็ชอบ สาวเรียบร้อยกุลสตรี อันนี้แล้วแต่ครับ แต่ถ้าถามหนุ่มเจ้าชู้หลายใจอย่างผม เป็นแฟนนิติภูมิก็จริง แต่ก็ไม่ใช่หนึ่งเดียวในดวงใจ ยังมีชอบคุณแสงชัย และอื่นๆ อีกหลายคน ( หลายใจจริงๆ ผมนี่ ) ยังนึกๆอยู่ถ้าคุณนกข. เกิดไปเป็นคอลัมนิสต์ขึ้นมา ผมคงติดงอมแงมต้องอ่านทุกวันแหงๆเลย
กลับเข้าเรื่องอีหร่านดีกว่า แหะๆ ...
ถ้าจะว่าไปอีหร่านคงรวยสู่อีกหลายประเทศในตะวันออกกลางไม่ได้เช่นพวก ซาอุดิอาระเบีย คูเวต ฯลฯ ซึ่งขายน้ำมันจนร่ำรวย เลยดูเหมือนว่าอีหร่านล้าหลังกว่า แต่จริงๆนั้นอีหร่านมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งมากและได้รับการส่งเสริมอย่างดี จากรัฐบาล ปัจจุบันมีนักฟิสิกส์อีกหร่านที่อยู่ในขั้นชั้นนำของโลกอยู่หลายคนด้วยกัน ในความคิดผม ในภูมิภาคตะวันออกกลางนี่ เห็นจะมีแต่อิสราเอลที่แข็งกว่า ในด้านของพื้นฐานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือทำไม้...ทำไม ตอนที่อเมริกามีปัญหากับอีหร่าน แต่กลับมีนักเรียนอีหร่านอยู่ในอเมริกากับอังกฤษเยอะแยะ นักฟิสิกส์ที่สำคัญของอีหร่านในยุคนี้หลายคนก็จบจากอเมริกา หรือเป็นแผนดึงหัวกระทิ ... อืมน่าคิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
little sun
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 08 พ.ค. 01, 19:30
|
|
พี่ขาแล้วอิรักับอิหร่านนี่มีความคล้ายคลึงกันเหมือนลาวกับไทยมั้ยคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 09 พ.ค. 01, 05:36
|
|
คล้ายขนาดไทยลาวหรือเปล่านี่ผมไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับมองแง่ไหน แต่ก็มีต่างเยอะเหมือนกันนะครับผมว่า ที่อีหร่านต่างกับชาติอื่นๆแถบนั้นอย่างหนึ่งก็คือภาษา ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ในอีหร่านจะพูดภาษาเปอร์เซียมีบางส่วนที่พูดภาษาอาระบิค ( เพื่อนบอกมาอีกที ) ในขณะที่ชาติตะวันออกกลางอื่นๆพูดอาระบิคเป็นส่วนใหญ่ ผมคิดว่าคนอีรักก็พูดภาษาอาระบิคมากกว่า
คนอีหร่านเขาจะภูมิใจว่าสืบเชื้อสายมาจากอณาจักร์เปอร์เซียสมัยก่อนนู้นนนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อำแดงริน
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 09 พ.ค. 01, 21:58
|
|
สงสัยเรื่องที่ไม่ค่อยเกี่ยวกะข้างบนค่ะ ^_____^ เอ่อ ทำไมมุสลิมถึงกำหนดให้มีภรรยาสี่คนคะ เขาน่าจะมีเหตุผลอะไรบ้างนะ นอกจาก...แล้ว อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
little sun
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 10 พ.ค. 01, 16:34
|
|
พี่คะเมื่อวานหนูอ่านเรื่องการทักทายของคนอิรัก ที่คุณนิติภูมิเขียนเค้าบอกว่าคนอิรักผู้ชายที่เป็นเพื่อนกันเวลาเจอกันจะหอมแก้มเป็นการทักทาย หนูก็เลยเกิดสงสัยว่า แล้วคนอิหร่านล่ะคะเวลาที่คุณJorเจอเพื่อนคนอิหร่านทักทายกันอย่างไรคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 10 พ.ค. 01, 18:07
|
|
ผมคิดว่าทางศาสนาบอกว่าสามารถมีภรรยาได้ 4 คน แต่ไม่ใช่ต้องมีให้ถึง 4 คนมั้นครับ ผมยังไม่เห็นเพื่อนที่เป็นมุสลิมคนไหนมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนเลย เคยได้ยินว่าไม่ใช่มีง่ายๆ ต้องแน่ใจว่าสามารถเลี้ยงดูได้และให้ความรักได้เท่ากันทุกคน ส่วนเหตุผลจริงๆ ที่กำหนดไว้เช่นนั้นผมไม่ทราบครับ ถ้าให้เดา (เดาจริงๆ) อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนผู้ชายมีน้อยก็ได้ เพราะพวกอาหรับก็รบกันบ่อยๆ และผู้หญิงสมัยก่อนต้องการคนคุ้มครองปกป้อง เลยอนุญาติให้ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ 4 คนตามข้อแม้ดังกล่าว คงต้องไปแอบถามเพื่อนมาอีกที ... อิอิ
ส่วนเรื่องการทักทายนั้น เท่าที่ผมเห็นคนอีหร่านเจอกันจะทักกันว่าโดยพูดว่า " ซาลาม " คล้ายๆ กับสวัสดีทำนองนั้น แต่ไม่มีเอาแก้มมาหอมกันนะ ผมไม่แน่ใจว่า อาจจะเป็นเพราะอยู่ต่างแดนเลยไม่ทำ แต่ในประเทศเขาอาจจะทำก็ได้ อันนี้ผมไม่ทราบ เท่าที่สังเกตุพวกคนอีหร่าน อีรัก ที่ผมรู้จักจะค่อนข้างระวังมารยาท เช่น การเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว จะแต่งเรียบร้อย(ขนาดผู้ชายนะ) ให้ร้อนแค่ไหนรับรองได้ ว่าจะไม่เห็นพวกเขาใส่กางเกงขาสั้น แม้แต่ไปเล่นฟุตบอลก็ยังใส่กางเกงขายาว
ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือไม่ดื่มเหล้า อันนี้ผมชอบมาก เพราะไม่เปลืองเหล้าผม ฮ่าาาๆๆๆ แต่เคยเจอเด็กรุ่นใหม่ของอีหร่านตอนไปสัมมนา นายคนนั้นดื่มไวน์ได้แฮะ? ผมสงสัยเลยถามว่า อ้าว... นายดื่มได้หรือ ไม่ห้ามตามพระคำภีร์หรือ ? พ่อหนุ่มตอบว่า... ดื่มเหล้าไม่ห้ามหรอก แต่ห้ามเมา ... อืม ความรู้ใหม่ของผมครับ แต่ถ้าทางจะห้ามยากนะไอ้เมานี่
ความจริงแล้วพวกฝรั่งอังกฤษเจอกันเขาก็หอมกัน แต่ต้องสนิทกันมากๆ เช่นเพื่อนผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิง หรือ เพื่อนผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยกัน แต่ถ้าเห็นเพื่อนผู้ชายหอมกัน ... เอ่อ ... อันนี้อีกกรณีหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
little sun
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 11 พ.ค. 01, 09:24
|
|
ขอบคุณเจ้าค่ะที่มาให้ความรู้ ผู้ชายทำไมนะชอบดื่มเหล้ากันจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อำแดงริน
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 11 พ.ค. 01, 19:34
|
|
อืมมมมม... เป็นได้ค่ะ ^____^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เปี้ยว
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 14 พ.ค. 01, 19:58
|
|
ภรรยา 4 คน !! โอ.. ไปอยู่เมืองแขกกันดีกว่าจ้อ ฮะๆ
ทำไมอาบังไม่กินหมูนะครับ ? ผมคิดว่าผมเคยรู้แต่ลืมซะแล้วว.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
little sun
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 15 พ.ค. 01, 09:15
|
|
เค้าว่าหมูไม่สะอาดและเป็นสัตว์สกปรกค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายใหญ่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 17 พ.ค. 01, 23:02
|
|
เคยทราบคร่าวๆเรื่องความแตกต่างระหว่างสุหนี่และชีอะห์มาบ้างครับ เลยขอเล่าให้ฟังหน่อย จะผิดถูกประการใดขออภัยด้วยครับ
เดิมทีอิสลามมีนิกายเดียวคล้ายๆกับพุทธหรือคริสต์นั่นแหละ แต่แล้วก็มาแยกภายหลังไม่นานนักหลังจากท่านนะบีมูฮัมหมัดได้ไปสู่อ้อมกอดของอัลลาห์ได้ไม่นานนัก โดยทางฝ่ายชีอะห์มีผู้นำคือเจ้าชายฮุสเซนหรือตำแหน่งทางชีอะห์เรียกว่า "อิหม่ามฮุสเซน" อันเป็นที่มาของชื่อผู้นับถือนิกายชีอะห์ในเมืองไทยว่า "แขกเจ้าเซน" คือผู้ถือนิกายของเจ้าชายฮุสเซนนั่นเอง เหล่าชีอะห์เหล่านี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวเปอร์เซีย ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เจริญภาสน์ฝั่งธนบุรี ชาวชีอะห์ทั้งหลายจะมีพิธีกรรมบางอย่างแตกต่างกับสุหนี่อยู่บ้าง เช่นการทรมานร่างกาย ตีอก ชกหัว รอบกองไฟ เพื่อแสดงความระลึกถึงและแสดงความอาลัยรวมถึงซึมซับความเจ็บปวดทรมานของอิหม่ามฮุสเซนก่อนที่ท่านจะตาย เพราะอิหม่ามฮุสเซนได้๔กฆ่าตายอย่างทรมาน พิธีกรรมที่ต้องใช้กองไฟเป็นสักขีนั้น ผมมีความคิดเห็นส่วนตัวว่าน่าจะมีเค้ามาจากพิธีกรรมของนิกายดั้งเดิมของชาวเปอร์เซียคือลัทธิโซโรอาสเตอร์ หรือลัทธิบูขาไฟนั่นเอง (หนังสือกำลังภายในของจีนจะเรียกพวกที่นับถือลัทธินี้ว่า "ม้อก้า" หรือลัทธิมาร หรือพรรคมารนั่นเอง แต่พวกเขาจะเรียกตัวเองว่า "เม้งก้า" ความในเรื่องนี้จะหาอ่านได้ค่อนข้าละเอียดในเรื่อง "ดาบมังกรหยก"ของกิมย้ง พระเอกหรือเตียบ้ออ้วง ได้เป็นประมุขลัทธินี้ในตงง้วน)
กลับมาถึงเรื่องสุหนี่แชอะห์ต่อ ความแตกต่างที่เด่นชัดคือ สุหนี่จะไม่มีผู้นำสวด ไม่มีนักบวช ไม่มีพระ ทุกคนสามารถสวดมนต์ ได้ใกล้ชิดกับอัลลาห์ได้ด้วยตัวเอง แต่ทางชีอะห์จะมีผู้นำสวด ซึ่งมองในมุมของเราท่านที่ไม่ใช่ชีอะห์ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดีนอกจากนอกจากนักบวช แต่คงไม่ถูกต้องนัก ซึ่งเรียกในทางชีอะห์ว่า "มุลลาห์" หรือ "มุลเลาะห์" และมุลลาห์ก็สามารถถูกโปรโมทขึ้นเป็นผู้นำสวดชั้นสูงขึ้นคือ "อยาตอลลาห์" ทั้งสองตำแหน่งนี้จะดูได้ที่สีผ้าโพกศีรษะ คือสีขาวและสีดำ ส่วนใครจะโพกสีดำสีขาว ผมขออภัยด้วยครับ จำไม่ได้จริงๆ ตำแหน่งสูงสุดในนิกายนี้คือ "อิหม่าม" เช่นอิหม่ามฮุสเซน และอีกหลายๆท่านในอดีต ตอนอยาตอลลาห์ โคไมนี่เถลิงอำนาจในอิหร่านใหม่ๆ พวกขี้ประจบทั้งหลายพยายามเรียกท่านว่า "อิหม่ามโคไมนี่" เหมือนกัน
คัมภีร์ที่สำคัญของชาวชีอะห์นอกจาก อัล กุลอ่านแล้วยังมีชาเลียด้วย
ส่วนตำแหน่งต่างๆของนิกายสุหนี่โดยเฉพาะในเมืองไทยน่าจะมีการคลาดเคลื่อนไปบ้าง เช่น "โต๊ะอิหม่าม" นั้น ผมไม่ทราบประวัติความเป็นมาเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายใหญ่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 18 พ.ค. 01, 00:15
|
|
ต่ออีกนิดครับ ผู้นับถืออิสลามแถบตะวันออกกลางและอ่าวเปอร์เซีย (พวกอาหรับเรียกว่า "อ่าวอาหรับ") รวมถึงอาฟริกาเหนือแบ่งตามเชื้อชาติแล้วเป็น 3 เชื้อชาติใหญ่ๆ คือ 1. อาหรับ ได้แก่ อิรัก ซาอุดิอารเบีย คูเวต อิยิปต์ ฯลฯ และอีกหลายๆประเทศ พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสุหนี่ครับ มีชีอะห์บ้างเล็กน้อย อาหรับบางประเทศได้ตั้งอยู่บนอาณาจักรดั้งเดิมของชนชาติอื่นที่ไม่ใช่อาหรับและมุสลิม เช่นอิรักซึ่งเป็นอาหรับได้ตั้งอยู่บนดินแดนเก่าของอาณาจักรเมโสโปเตเมียซึ่งล่มสลายไปก่อนหน้านานแล้ว ที่เห็นชัดคือประเทศอิยิปต์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันกับอาณาจักรไอยคุปต์เลยไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติและศาสนา 2. เปอร์เซีย คืออิหร่านปัจจุบัน เป็นชนเผ่าอารยันโบราณดั้งเดิม ไม่ใช่อาหรับ และไม่ชอบให้ใครเข้าใจว่าเป็นอาหรับด้วย พูดภาษาฟารซี หรือเปอร์เซียนั่นแหละ ทรนงในความเป็นเชื้อสายอารยันเปอร์เซียมาก เพิ่งมาเปลี่ยนชื่อประเทศจากเปอร์เซียเป็นอิหร่านหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่อประเทศ"อิหร่าน" ก็มาจาก "อารยัน" นั่นเอง พวกนี้เป็นชีอะห์เกือบทั้งหมด 3. เติร์ก พวกนี้กระจัดกระจายมากมาย ที่ใหญ่สุดก็คือเติร์กในประเทศตุรกี เคยมีอาณาจักรอันยิ่งใหญ่เรียกว่าอาณาจักรออตโตมาน มีแว่นแคว้มอยู่ในครอบครองมากมายทั้งเติร์กและไม่เติร์ก ซึ่งเติร์กเองก็มีหลายเติร์กอีก ทั้งเติร์กหน้าฝรั่ง เติร์กหน้าแขก หรือแม้กระทั่งเติร์กหน้าตี๋ หลังจากรบแพ้ฝรั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เติร์กต่างๆก็เลยแยกเป็นรัฐเป็นเมืองขึ้นฝรั่งหมด สาธารณรัฐอิสลามต่างๆที่แยกมาจากโซเวียตก็มีเชื้อเติร์กซะเยอะ ถ้าใกล้พวกอาหรับหน่อยก็หน้าเป็นแขก ใกล้จีนหน่อยก็หน้าตี๋ๆพิกลเพราะมีเชื้อมองโกลผสม ประเทศตุรกีนี่ก็แย่งฝรั่งมันมา เพราะเป็นที่ตั้งเดิมของอาณาจักรโรมันตะวันออก มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงคอนสแตนนิโนเปิล เติร์กยึดได้ก็เปลี่ยนเป็นอิสตันบุลตามประสาเติร์กซะ พวกนี้ส่วนมากก็เป็นสุหนี่อีกนั่นแหละ
นอกจากนี้ยังมีพวกเคิร์ดป้วนเปี้ยนอยู่ตามชายแดนอิรักอิหร่านตุรกีอีก เป็นชนเร่ร่อน ป่านนี้ยังไม่มีประเทศเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|