ดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์เทาชมพูค่ะว่า ถ้าหากว่าคนวาดไม่เอารูปทั้งสองมารวมกัน ก็คงไม่มีใครว่าอะไร และแน่นอนว่าดิฉันก็เห็นด้วยกับคุณ Crazy Horse ด้วยนะคะเรื่องที่คนเราคิดและมองอะไรต่างกัน
สำหรับตัวดิฉันแล้วนั้นต้องขอมาพูดต่อหน่อยนะคะ สำหรับภาพนี้ ดิฉันไม่ได้บอกว่า ‘ไม่ชอบ’ หรือต่อต้านไม่ให้ขึ้นฝาผนัง Gallery ที่ไหน แต่ระบุลงไปแล้วว่า ‘ไม่ค่อยจะน่าดู’ สาเหตุก็คือเมื่อมองภาพที่ว่าแล้วนั้น ดิฉัน และคนอื่นๆ…เราคิดและมองอะไรต่างกัน ผลก็คือดิฉันและคนเหล่านี้ก็เลยออกมาพูดอย่างที่เห็น คนที่ติดกับสถาบันเขาก็ออกมาพูดในเชิงรักษาสถาบันของเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ ส่วนดิฉันออกมาพูดเป็นการส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาที่จะเลือกที่รักมักที่ชัง
มองภาพแล้วดิฉันเฉยๆ ไม่ชื่นชมในผลงาน ถ้าเห็นในร้านหรือห้องแสดง คงจะดูนิดหนึ่งแล้วก็เดินผ่านไป อาจจะชื่นชมในความสามารถในการพยายามที่จะสร้างภาพวาดขึ้นมา (ก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ระบุลงไปในความคิดเห็นก่อนๆ) มีความคิดเห็นว่าไม่ว่าภาพไหนๆ แย่แค่ไหนทุกคนก็มีความพยายามและความตั้งใจเช่นเดียวกันล่ะค่ะ ตอนสอนลูกศิษย์ เวลาให้พวกเขาวาดรูปหรือทำอะไรๆ เคยบอกพวกแกว่า ‘อย่าเอาความพยายามของตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ให้ใช้ความพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อตัวเราเองได้มีผลงานที่โดดเด่นเท่ากับคนอื่นๆ’ แต่พวกเขาไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เพราะเพิ่งจะไม่กี่ขวบ อิ อิ...
แต่สำหรับรูปนี้ต้องขอบอกตามตรงว่าถ้ามีใครให้ดิฉันไปติดฝาบ้านในห้องรับแขกที่บ้าน หรือแม้แต่ห้องนอน จะเอาไหม? ดิฉันไม่เอาหรอกค่ะ
เพราะอะไร?
อย่างที่บอกไปแล้วว่าดิฉันใช้เวลา ๕ วันนั่งดูภาพและคิดตาม แล้วจึงเข้ามาเขียนในเวบนี้ เพราะถ้าหากว่าเข้ามาเขียนแบบวู่วามตามนิสัยเดิมของดิฉันล่ะก็ ‘เละ’ เหมือนกัน! เวลาที่ใช้ไปในการเฝ้ามองดูภาพ ดิฉันกลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสิ่งที่ได้บอกไปแล้ว ก็ต้องยอมรับล่ะค่ะว่ามองได้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อาจจะชื่นชอบภาพทำนองนี้ และดิฉันเองก็เคารพในส่วนนั้น อาจจะขอหยอกล้อหน่อยว่า เก็บเอาภาพในนิตยสารที่เขาเก็บไว้มาวาดหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถ้าหากว่ามันไม่ควรล่ะก็ ต้องกราบขอโทษด้วยนะคะ
ถ้าหากอยากจะสื่ออย่างที่เขาบอกมาจริงๆ ดิฉันว่ามันก็น่าจะมีทางออกมากมายในการสื่อให้เห็นเรื่องกิเลส ตัณหา และการหลงอำนาจ แต่ภาพที่ว่ายังไงเสียมันก็ไม่สื่อออกมาอย่างที่เขาระบุ หรือถ้ามีใครอธิบายให้ดิฉันฟังหน่อยว่าตรงไหนเป็นตัวสื่อของอะไร? ดิฉันอาจจะเข้าใจได้มากกว่านี้ค่ะ
ทั่วโลกมีรูปโป๊เปลือยตั้งเยอะแยะมากมาย ขนาดจิตรกรรมฝาผนังตามวัด อย่างภาพในวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์ ก็มีภาพวาดที่เป็นภาพไทยแบบเปลือยๆ ที่ชุดของบรรดาผู้หญิงในภาพนั้นเปลือยท่อนบน… ดิฉันเรียกไม่ถูกแล้ว ไม่ทราบว่าจะเรียกอย่างไรดี? เวลาที่ไปดู ดิฉันเดินดูได้เป็นหลายสิบรอบ โดยที่ไม่เคยเลยที่จะคิดไปในทางไม่ดี จิตใจดิฉันไม่ได้จดจ่อกับสิ่งเหล่านี้ แต่กลับมองได้มองดีและได้เรื่องราวและเนื้อหาอย่างอื่นมากกว่า
ภาพเปลือยทั้งหลาย ดิฉันไม่เคยคิดต่อต้านว่ามันเป็นความลามกอนาจาร ผลงานของศิลปินชื่อดังของเมืองไทยก็อีกเยอะ ผลงานของอาจารย์จักรพันธุ์อย่างที่คุณ CH ว่าดิฉันก็เคยเห็น ดิฉันชื่นชมและชอบไปหมดแหละค่ะ แต่มาเทียบกับภาพนี้แล้วนั้น ต้องขอบอกว่าเมื่อมองภาพแล้วนั้นก็คงหนีไม่พ้นที่จะเอาเรื่องเทคนิกการวาดมาพูดด้วย…เพราะดิฉันไม่ได้กำลังมองคน ตึก หรืออื่นๆ เกณฑ์ในการมองจึงออกมาในรูปที่ว่า… มองดูความปราณีตในงานวาด การลงเส้น ความบางหนักเบาหนาลึก ความอ่อนไหวอ่อนช้อยในภาพ การใช้สี การแสดงรายละเอียดของภาพและเนื้อหาของภาพ เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างคนวาดและคนมอง…และอื่นๆ มันไม่เหมือนกันนะคะ
ความสวยงามนั้นขึ้นอยู่กับการมองของคนดูภาพหรือวัตถุอื่นๆ ความสวยงามของภาพไม่ได้มาจากส่วนประกอบของภาพหรืออย่างใดอย่างหนึ่งเพียงแต่อย่างเดียว แต่มันมีอะไรหลายๆ อย่างประกอบกัน จนสุดท้ายคนดูสรุปด้วยตัวเองว่าสวยไหม สวยในระดับไหน สวยอย่างไร และอื่นๆ
บางภาพดูแว้บแรกก็ต้องบอกว่าไม่ไหว แต่ดูไป…ดูไป…เอ…มันมีอะไรบางอย่างที่เตะตา มีเสน่ห์ แต่บางภาพดูอย่างไร ดูกี่ทีๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์ของคนดูได้ มันก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดของคนดู คงไม่สามารถที่จะบอกว่าสวยได้เพราะว่าคนวาดบอกว่าภาพของเขาสวย หรือเป็นเพราะว่าคนอื่นๆ บอกว่าภาพนี้ภาพนั้นสวย ดิฉันไม่ได้เป็นนักขายภาพที่พยายามตามหาภาพที่คนเขาบอกว่าสวยและราคาแพงแล้วจึงซื้อมาเพื่อขายต่อขอเก็งกำไร ดิฉันรู้ดีว่าตัวเองชื่นชมอะไรและชอบแบบไหนมากกว่าค่ะ บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ค่านิยม และ วัฒนธรรม
อีกอย่างหนึ่งที่มักจะทำให้เกิดปัญหา ใช่ที่เขาเรียกว่า ‘พวกมากลากไป’ หรือเปล่าค่ะ? เพราะบางทีก็จะมีพวกที่คนส่วนใหญ่ว่าอะไรก็ตามเขาไป ก็เลยเกิดการตีกัน โดยเฉพาะสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ หรืออื่นๆ ที่บางทีก็โจมตีเพื่อเรียกความสนใจของคนดูอย่างเดียว เราก็ต้องฟัง ดูและคิดตามไปด้วย แต่บางทีบางคนไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดู ไม่ได้คิดตาม โจมตีร่วมไปกับสื่อลูกเดียว สังคมก็ไม่สร้างศิลปินใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะกลัว ‘เละ’
จิตใจเราและตัวเราเท่านั้นที่ควรจะตัดสินใจ…การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คนเราแต่ละคนคิดและมองอะไรไม่เหมือนกัน ฉะนั้นก็ต้องทนคำวิพากษ์วิจารณ์เอาหน่อยนะคะ นอกจากทนแล้วก็ต้องให้การยอมรับและเคารพในการแสดงความคิดเห็นของคนอื่นด้วย ไม่ใช่เพียงแต่พูดว่าคนเราแตกต่างกัน แต่แกพูดอะไรมาฉันต้านรับและตอบกลับ ‘เละ’ ถ้าอยากจะให้คนส่วนใหญ่ยอมรับในผลงาน ก็เอาแรงไป ‘ปรับปรุง’ ผลงานคราวหน้าจะดีกว่า แต่ถ้าจะยืนยันที่จะทำตามความต้องการของตัวเองเหมือนเดิม ก็ทำไปไม่มีใครไปห้ามหรือหยุดคุณได้ แต่ก็ต้องเตรียมใจว่าอาจจะเจอเหมือนเดิมอีก
ดิฉันไม่ได้รู้จักกับคนวาดคนไหนเป็นการส่วนตัว โมเน่ ปีกาสโซ่ หรือนักวาดโนเนมหรือมีเนมอื่นๆ ผลงานของบางคนดิฉันก็ต้องบอกว่า ‘ไม่ได้ชื่นชอบ’ อย่างภาพของปีกาสโซ่บางภาพ มองยังไงก็ไม่เข้าใจ ใครว่าเขาดังก็เป็นเรื่องของเขา แต่สำหรับดิฉันไม่เข้าใจค่ะ ไม่เคยพบอาจารย์จักรพันธุ์ หรือคุณสมศักดิ์เป็นการส่วนตัว และแน่นอนว่าไม่อยากจะเปรียบเทียบฝีมือบุคคลทั้งสองว่าใครจะเหนือกว่าใคร ไม่เคยเปรียบเทียบความพยายามและความแตกต่างของแต่ละบุคคล (อย่างน้อยๆ ก็พยายามเสมอที่จะไม่เอาใครมาเปรียบเทียบกับใคร) คุณค่าของคนและผลงานไม่ได้อยู่ที่การเอาความแตกต่างและความเป็น Individual มาเปรียบและเทียบกัน
ดิฉันมีความคิดเห็นว่าคนวาดไม่ได้มีความแตกต่างจากคนที่ไม่ได้วาด ต่างคนก็มีความถนัดและความสามารถในการสื่อต่างกัน มองดูสิ่งเดียวกันแล้ว บางคนอยากจะวาดออกมาเป็นรูป บางคนถนัดพูด บางคนชำนาญการขอเก็บเงียบอยู่คนเดียว บางคนอยากเขียนเป็นกลอน เรื่องสั้น บทความและอื่นๆ บางคนอยากจะร้องเป็นเพลง บางคนขอเอาไปปั้น บางคนขอทำการวิจัยออกมาเป็นงานทางวิชาการ และหลายๆ รูปแบบ ความหลากหลายของบุคคลและอาชีพเป็นส่วนประกอบของสังคม ดิฉันไม่อยากมองว่าคนที่ถนัดด้านไหนมีความแตกต่างจากคนที่เหลือในสังคม
เออ…พูดไปพูดมาก็ไม่ทราบว่าคนอื่นจะเข้าใจสิ่งที่เขียนไปกันหรือเปล่านะคะ แต่สิ่งที่พูดไปเป็นการขอเสนอความคิดเห็นเท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ใครเหมือนกับศิลปินผู้วาดภาพ ‘อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว’ ผิดถูกอย่างไร ดิฉันยินดีเสมอที่ที่จะรับฟังความคิดเห็นและพร้อมเสมอที่จะได้รับการชี้แนะให้เห็นความกระจ่างและความถูกต้อง