เรือนไทย

มีพี่ๆน้องๆท่านใดบ้างคะ ที่อยุ่อเมริกาตอนนี้ ช่วยเล่าสถาณการณ์ที่นั่นให้ฟังบ้างสิคะ

ขอให้ทุกท่านปลอดภัยนะคะ เป็นห่วงค่ะ มารายงานตัวบ้างนะคะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลิงค์อื่นๆและรายงานข่าว
จากรายงานพิเศษของวิชาการ.คอม

ช๊อคมากครับ เป็นการก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

ได้ยินข่าวแล้วน่ากลัวมากที่สุด เตรียมรับมือผลกระทบต่อไป

แย่มากๆครับขอประนามการกระทำครั้งนี้
แต่ผมว่าอย่าพึ่งตื่นตระหนกจนเกินไปนัก
แบบว่าจะเกิดสงครามโลกแตกอะไรแบบนั้น
ค่อยติดตามข่าวสารต่อไปดีกว่าครับ
ใครอยู่อเมริกาส่งเสียงหน่อยครับ กำลังเป็นห่วง
เป็นไงบ้างครับ รายงานตัวด้วย

เห็นพี่พวงร้อยเริ่มเอารูปบางส่วนมาให้ดูที่

http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn20&ID=CS1525

เหตุการณ์นี้ อเมริกาต้องตอบโต้อย่างรุนแรงแน่นอน ผมรู้สึกไม่ดีเลยกับการที่จะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นอีก คนบนเครื่องบิน และคนในตึกเวิด์ลเทรด ก็น่าสงสารที่ต้องมาเสียชีวิตโดยไม่รู้เรื่องอะไร แล้วทางกองทัพอเมริกาก็คงต้องไปไล่บอมบ์ประเทศที่เกี่ยวข้องกับการก่อร้ายต่อไปอีก จะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นอีก น่าเสียใจจริง ๆ เห็นว่ามีหน่วยงานของประเทศไทยหลายหน่วยงานอยู่บนตึกนั้นด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงกัน เฮ้อ

ข่าวว่าคนไทยที่ตึกเวิลด์เทรดไม่มีใครเป็นอะไรค่ะ
สยองจริงๆ เฮ้อ

คนที่วางแผนนี่อำมหิตสุดยอดเลย

ขอไว้อาลัยแก่ผู้ที่จากไปและแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วยค่ะ

เห็นในข่าว มีคนกระโดดตึก ลงมาตายเอาดาบหน้า สลด มาก เลย  ขอประนามคนหรือกลุ่มที่กระทำการนี้ค่ะ เลือดเย็นจริงๆค่ะ

ยังตกใจไม่หายเลขครับ ถึงแม้ผมจะไม่ชอบอเมริกาในบางเรื่อง แต่มาทำกับผู้บริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องราวอย่างนี้ สมควรได้รับการประณามครับ

ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกๆท่าน

ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่นี้

ในยามนี้ สำหรับเราชาวพุทธ คงไม่มีอะไรดีกว่าแผ่เมตตาให้กับทุกคน ทุกฝ่าย ทุกชาติ ศาสนา เชื้อชาติ ภาษา ครับ ทั้งคนที่ตายไปแล้ว และคนที่ยังอยู่ เราต่างเป็นมนุษย์เหมือนกันทั้งนั้น

คุณนกข. กลับมาพอดีเลย... อยากทราบความเห็นส่วนตัว
ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในวงการทูตและความสัมพันธระหว่างประเทศครับ

เหตุการณ์ครั้งนี้หลายสำนักข่าวบอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนสถานะการณ์โลก
-The Event that change the World- อะไรทำนองนั้น คิดว่าผลของเหตุการณ์ครั้งนี้
จะมากขนาดไหนครับ

กลับมาประเดี๋ยวเดียว จะไปทำงานอีกแล้วครับ คงต้องหายไปอีกอาทิตย์หนึ่ง



ขอบคุณที่ให้เกียรติสนใจจะฟังความเห็นของผม แต่ต้องสารภาพว่ามันยังกระทันหันมากครับ เราคงต้องติดตามดูอีกระยะหนึ่ง แต่ผมเห็นด้วยทีเดียวแหละว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญมากอันหนึ่งทีเดียวสำหรับประวัติศาสตร์การเมืองโลกในศตวรรษที่ 21 และคงจะส่งผลกระทบหลายๆ อย่าง แต่จะเป็นอย่างไหนบ้างต้องดูกันไป

 

หลายคนพูดตรงกันว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีสหรัฐฯ อย่างรุนแรงที่สุดนับแต่เมื่อญี่ปุ่นทิ้งระเบิดเพิลฮาเบอร์ตั้ง 50 ปีมาแล้ว ที่จริงนับว่าร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเป็นครั้งแรกที่เป้าหมายบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ถูกโจมตี (เพิลฮาเบอร์อยู่ถึงฮาวายโน่น) แถมเป็นเป้าที่สำคัญมากอย่างนิวยอร์กกับดีซีด้วย การโจมตีเพิลฮาเบอร์ทำให้สหรัฐฯ กระโดดเข้าสงครามโลกครั้งที่สอง เปิดฉากสงครามแปซิฟิก แต่คราวนี้ จะทำให้เกิดอะไรต่อไป สมัยญี่ปุ่นบุกนั่น หรือแม้แต่ตอนหลังจากนั้น ในช่วงสงครามเย็นก็ยังมีโฉมหน้าของศัตรูให้เห็น คือไม่นาซีเยอรมันก็ญี่ปุ่น หรือโซเวียต แต่ตอนนี้จะให้ไปรบกับใคร ผู้ก่อการร้ายเป็น faceless enemy (หรือ enemies) จะให้เป็นโอซามา บินลาเดนหรือ ก็โอเค - เอ้า แล้วแกหลบอยู่ไหนล่ะ แล้วถ้าจะตอบโต้แกจริงจะทำอย่างไร (เช่นเอาเครื่องบินรบไปถล่มกรุงคาบูล?) และสหรัฐจะโดนกลุ่มก่อการร้าย ตอบโต้กลับอีกไหม แล้วจะป้องกันอย่างไรกับการกระทำของผู้ก่อการร้าย ซึ่งใช้วิธีรบแบบสงครามคนจนคล้ายๆ เวียดกง เป็นสงครามจรยุทธนอกแบบหรือสงครามกองโจร ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของสหรัฐคงต้องเปลี่ยนเพื่อจะรับมือกับภัยคุกคามชนิดนี้



แป๊บเดียวก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ ผมต้องยอมรับว่า หมั่นไส้อเมริกามากในหลายเรื่อง พี่แกกร่างเหลือเกินในวงการระหว่างประเทศ จะเอาแต่ใจตัวท่าเดียว ตั้งแต่เรื่องข้อตกลงเรื่องภูมิอากาศโลก เรื่องอาวุธชีวะ เรื่องการใช้ขีปนาวุธป้องกันตนเอง...  แต่ตอนนี้ผมก็คงได้แต่ให้ความเห็นใจประชาชนคนอเมริกัน เลิกหมั่นไส้สหรัฐฯ ชั่วคราว จำได้ว่าก่อนวันที่ 11 กันยา นั้น เรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่า อเมริกาหัวดื้อคือการที่รัฐบาลนี้พยายามจะให้มี National Missile Defence ให้ได้ โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศและอาจจะกลายเป็นการสร้างเสริมการใช้อวกาศในทางทหาร ทั้งๆ ที่ในหลักการ อวกาศควรจะเป็นเขตสันติร่วมกันของมนุษยชาติทั้งปวง เรื่องนี้รัสเซียไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสหรัฐเลย จีนก็ไม่เห็นด้วย พันธมิตรของอเมริกันอย่างเยอรมันหรือยุโรปก็ไม่เห็นด้วย และว่าที่จริงคนอเมริกันหลายคนเขาก็ไม่เห็นด้วย บางคนบอกว่าในทางเทคนิคมันยากมากเกือบทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่จะ "ยิงลูกกระสุนปืนด้วยลูกกระสุนปืนอีกนัดหนึ่ง"  แต่รัฐบาลบุชก็ดื้อ ก็ยื้อกันอยู่



แล้วเป็นไง ผลปรากฏว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้มาจากขีปนาวุธเลย แต่มาจากเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดาๆ ของอเมริกันเองน่ะแหละที่ถูกจี้ให้พุ่งชนตึก ไม่ใช่จรวด นั่นแปลว่ายุทธศาสตร์การป้องกันภัยคุกคามของสหรัฐฯ อาจจะต้องจัดกันใหม่ การข่าวจะต้องมีความสำตัญขึ้น และต้องระวังการก่อการร้ายมากขึ้น



ผมกำลังกลัวอีกเรื่องที่เราต้องดูกันต่อไป ว่า ถ้านักการเมืองสหรัฐอาจจะอยากหา "ใบหน้า" มาใส่ให้ faceless enemy ที่ว่าแล้ว จะกลายเป็นการเหมารวมว่าฉันเป็นฝรั่งจะต้องตีกับแขกหรือเปล่า ถ้ามีการหมายหัวเป็นกลุ่มอย่างนั้นคงไม่ดีเลย เพราะไม่ยุติธรรมต่อมุสลิมที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เมื่อสามสี่ปีก่อนเมื่อจบสงครามเย็นใหม่ๆ ก็มีคนพยายามจะหาผู้ร้ายตัวใหม่แทนที่โซเวียตและคอมมิวนิสต์ ก็บอกว่าอาจจะเป็นกลุ่มอิสลามปะทะกับกลุ่มตะวันตก มีกระทั่งคนที่เชื่อว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างอารยธรรมตะวันตกกับออารยธรรมอิสลามหรืออารยธรรมอื่นๆ (คนสำคัญที่สุดที่พูดไว้เป็นนักประวัติศาสตร์ชื่อ แซมมวล ฮันติงตั้น เขียนเรื่อง Clashes of Civilizations ไว้ตั้งแต่ราวๆ กลาง 1990's ) ถ้าหากคนอเมริกันเชื่อตามนั้นจริง กลายเป็นสงครามครูเสดขึ้นมาอีกหน คุณเอ๋ยคงดูไม่จืด .... แต่ก็ดีใจที่รู้สึกว่าคนอเมริกันก็มีคนที่เขามีเหตุผล มีสติ เขาเตือนกันเองว่าอย่าเหมารวมเป็นการต่อต้านอิสลามหรือต่อต้านคนอาหรับทั้งหมด



เรื่องหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าจะได้รับผลให้เปลี่ยนแปลงหรือเปล่า คือนโยบายของสหรัฐในตะวันออกกลาง ซึ่งถ้าให้ผมดู ผมว่าสหรัฐเอียงกะเท่เร่เข้าข้างอิสราเอลอย่างน่าเกลียดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นที่ยิวไม่ยอมลดราวาศอกในช่วงหลังๆ นี่ (โดยสหรัฐทำเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจด้วย) และคนที่เขาสูญเสีย เขาโกรธแค้น เขาก็ตีรวมว่าสหรัฐกับยิวเป็นพวกเดียวกัน ส่วนหนึ่งเลยออกมาฉลองตอนเกิดเหตุร้ายที่นิวยอร์ก ผมไม่ได้เห็นด้วยกับเขาหรอกนะครับ แต่จะบอกว่า บรรยากาศที่มีมาก่อนวันที่ 11 ก.ย.มันแย่มาก และสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำอะไรที่จะให้บรรยากาศมันดี ให้กระบวนการสันติภาพมันเดินไปได้ แลความทีบรรยากาศไม่เอื้อ พูดกับบนโต๊ะประชุมเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องก็มีคนเลือดร้อน (ทั้งฝ่ายยิวฝ่ายอาหรับนั่นแหละ) บอกว่า อย่างกระนั้นเลย พูดดีๆ ไม่ชอบ ตีกันดีกว่าวะ ยิ่งมีความรุนแรง ยิ่งพูดกันเจรจากันลำบาก ยิ่งรุนแรงขึ้น เป็นวงจรวิกฤตเรื่อยไป แถมยิ่งทำให้คนที่ใจเย็นกว่าหรือไม่หัวรุนแรงเท่าในทั้งสองฝ่ายยิ่งเสื่อมอำนาจการบังคับบัญชาในฝ่ายตัวไปทุกที ในฝ่ายปาเลสไตน์อารอฟัตก็หง่อมแล้ว คุมพวกหัวรุนแรงของฝ่ายตัวก็จะไม่ได้แล้ว ฝ่ายอิสราเอลราวที่แล้วฝ่ายที่ไม่หัวรุนแรงก็แพ้เลือกตั้ง ได้ฝ่ายที่ค่อนข้างเลือดร้อนขึ้นมา ก็ตีกันมาได้ตั้งปีสองปีกว่ามาแล้ว การที่ตีกันนี้ไม่ถูกต้องหรอกครับ ไม่ว่ายิวตีอาหรับ อาหรับตียิว ก็ตาม ไม่ถูกทั้งนั้น แต่มันก็เป็นข้ออ้างได้ ให้คนอาหรับบางคนหันไปโกรธสหรัฐได้ มากพอที่จะลุกขึ้นมาฉลองอย่างที่เราเห็นในข่าว ถ้าหากว่าคนอเมริกันหลังเหตุการณ์วันที่ 11 พลอยโกรธเกลียดคนอาหรับหรือมุสลิมด้วย ทีนี้วงจรวิกฤตแห่งความเกลียดจะขยายยาวเลย ... หวังว่าจะไม่เกิดเหตุนั้น



ผมได้เห็นรูปข่าวอารอฟัตและคนปาเลสไตน์บริจาคเลือดให้ไปช่วยอเมริกัน และปฏิเสธว่าไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายนี้แล้ว ก็หวังว่าจะช่วยปลดชนวนความรู้สึกที่อาจจะปะทุกันไปได้บ้าง



รับตรงๆ ว่า ปฏิกิริยาแรกของบุชและฝ่ายอนุรักษ์นิยมในอเมริกา ทำให้ผมกลัวครับ กลัวว่าแกจะไม่ยั้งคิดแล้วจะยิ่งทำให้ความรุนแรงขยายวงกว้างไปอีกไปยังผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย เช่นถ้าเกิดลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับอิสลามก็คงยุ่ง (แกปราศัยคล้ายๆ ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรทำนองนั้น) แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่ามีคนในอเมริกาเองย้ำเตือนกันเองว่า จะต้องไม่เหวี่ยงแห จะต้องสร้างความยุติธรรมกับผู้เสียชีวิตน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ทำให้คนบริสุทธิ์คนอื่นตายอีก ไม่ยังงั้นอเมริกาจะไม่ต่างจากผู้ร้ายเอง อเมริกาต้องเคารพหลักของตัวเองคือสิทธิมนุษยชน ผมก็เห็นด้วย พวกนี้มี website ให้ไปร่วมเซ็น ผมก็ไปเซ็นสนับสนุนแล้ว



เพิ่งนึกได้อีกว่า ผลกระทบต่อนโยบายทางทหารไม่รู้จะเป็นไง จะยิ่งทุ่มเทมาก หรือจะปรับลดและจัดลำดับความสำคัญใหม่ ขึ้นอยู่กับว่า ในระยะยาวเขาจะมองภัยคุกคามยังไง ในระยะยาวจริงๆ ผมเองเชื่อเรื่อง Common Security ครับ คือความมั่นคงปลอดภัยร่วมกันของทุกๆ ฝ่าย แต่รัฐบาลสหรัฐช่วงเร็วๆ นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อหลักนี้นัก อยากเป็น Unilateralist มากกว่า แปลง่ายๆ ว่าลัทธิข้ามาคนเดียว ผมเพิ่งพูดไปข้างบนเรื่องความสำคัญของการข่าวในสงครามรูปแบบใหม่ แต่นึกขึ้นมาได้อีกว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ คือ CIA นั่นแหละ ที่เป็นคนฝึกสอนโอซามา บินลาเดน เอง ตอนนั้นตั้งใจจะให้ไปรบกับโซเวียตที่ยึดครองอัฟกานิสถานอยู่ ตอนนี้เลยหันมาเล่นงานครูเอง นึกขึ้นมาแล้วก็ปวดหัวว่า ยังงั้นแล้วควรจะเพิ่มหรือจะลดขนาด CIA ดีหว่า?



เรื่องที่เราต้องดูกันต่อไปคืออเมริกาจะแข็งกร้าวขึ้น กลายเป็นอันธพาลทางทหารไปเลย หรือจะสุขุมขึ้น และใช้ประโยชน์จากการที่ทั่วโลกเขาเห็นใจอเมริกันอยู่ตอนนี้ไปในทางสร้างสรรค์ ผมเชื่อว่าคนอเมริกันเขาไม่โง่ครับ ขอให้หวังในทางดีกันไว้และรอดูต่อไปครับ ขอให้ความมีเหตุผลชนะอารมณ์รุนแรง ขอให้สันติภาพชนะความเกลียดชัง ขอพระคุ้มครองโลกใบนี้ด้วย

ดูข่าวของทางอเมริกาอยู่ทางนี้ รู้สึกที่คุณ นกข กลัวไว้จะมีแนวโน้มเป็นจริง ขึ้นมาแล้ว ตอนนี้คนอาหรับ และมุสลิมในอเมริกา กำลังเดือดร้อนมาก เพราะถูกข่มขู่ และกลายเป็นแพะรับบาป ความโกรธแค้นของคนเมกัน ไปเยอะเลย สุเหล่าถูกขว้างปา ร้านอาหารมุสลิมของคนตะวันออกกลาง ถูกขว้างปา

ส่วนทางรัฐบาลเมกันก็แข็งกร้าวเหลือเกิน สภาคองเกรส ก็ผ่านเสียงสนับสนุนให้ ปธน. บุชใช้กำลังทหารตอบโต้ ผู้ก่อการร้ายได้เต็มที่แล้วด้วย แม้แต่นายพล โคลิน เพาเวล แกให้สัมภาษณ์ ที่ฟังดูแล้วค่อนข้างน่ากลัวครับ แกบอกว่า "May God have mercy on them (terrorist) because we won't" สรุปคือ รัฐบาลอเมริกัน เตรียมตอบโต้ผู้ก่อการร้าย และประเทศที่สนับสนุนผู้ก่อการร้าย แบบเต็มที่แล้ว

วันนี้ ปธน. บุชก็บอกแล้วว่าอเมริกา อยู่ในสงคราม "We're at War" ก็ท่าทางสันติภาพคงไม่เกิดขึ้นสักพักใหญ่ ๆ ล่ะครับคราวนี้

ขอบคุณครับคุณ นกข. ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าสันติภาพค่อนข้างจะเลือนลางเหมือนกัน
โดยเฉพาะในปาเลสไตน์ ช่วงที่ชาวโลกกำลังเศร้าอยู่กับโศกนาฎกรรมที่อเมริกา
อิสราเอลก็ยังสังหารชาวปาเลสไตน์อยู่เลย ... คงจริงอย่างที่ว่าครับสมัยนี้ดูพวกหัวรุนแรง
และก้าวร้าวจะขึ้นมามีอำนาจมากจริงๆ

ผมคิดว่าบางทีข่าวสารที่เสนอมานั้นก็มีส่วนที่ทำให้คนอเมริกัน และทั่วโลกแยกแยะไม่ถูกครับ
ข่าวบางช่องดูแล้วเหมือนกับชักจูง ให้เกิดความเครียดแค้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอื่นคิดอย่างไร
แต่ผมคิดว่าบางทีมัน too emotional ... จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องที่โศกเศร้า แต่ถ้ามันมากไป ก็อาจจะชี้นำให้ประชาชนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลได้ ผมว่านะครับ

ส่วนที่อังกฤษดูเหมือนนายกฯ โทนี่ แบลล์ จะถูกวิจารณ์มากพอสมควร เพราะดูจะสนับสนุนอเมริกาให้แก้แค้นเต็มที่ จนบางทีดูเหมือนว่าจะมากไปหน่อย แบลล์พูดทำนองว่าเราจะยืนจับมือเคียงบ่าเคียงใหล่ Hands in hands, shoulders to shoulders ทำนองนั้น หลายคนตั้งข้อสังเกตุว่าไม่น่าแปลกใจเพราะอังกฤษเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับอเมริกาอยู่แล้ว แต่ควรจะสนับสนุนในกรณีที่ควรจะสนับสนุนเท่านั้น ผู้วิเคราะห์จากทีวีหลายๆช่องออกมาเหน็บแนมนายกตัวเองว่า เข้าทำนองออกนอกหน้าไปหน่อย

น่าสนใจว่าอเมริกาจะทำอย่างไร เพราะข่าวว่าตาลีบัน ค่อนข้างจะมีท่าทีก้าวร้าว
ขอให้คุณพระคุ้มครองโลกมนุษย์ด้วยคนครับ

คลายเครียดกันบ้างเล็กน้อยนะครับ===============================

ถ้านักข่าวไทยรัฐ ไปทำข่าว World Trade Center

ไทยรัฐ ถามคนที่เพิ่งรอดชีวิต
นักข่าว : ไม่ทราบว่า คุณห้อยพระอะไร หรือมีตระกรุดใครไหมเนี่ย

ไทยรัฐ ถามญาติผู้เสียชีวิต
นักข่าว : มีลางสังหรณ์หรือเปล่า
นักข่าว : วิญญาณเขากลับมาเข้าฝัน หรือมีเหตุการณ์ผิดปกติหรือเปล่า

ไทยรัฐ ถามบุช
นักข่าว : มีอีกา หรือ นกแสกมาเกาะทำเนียบขาวหรือเปล่า หรือว่ามีตัวเงินตัวทองมาอาศัยอยู่
นักข่าว : ไปผูกดวง ดูโชคชะตาหรือยัง ก่อนเข้ารับตำแหน่ง

คุณ นกข. ข้อมูลดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
พี่เปี้ยว โจ๊กขำดีค่ะ เห็นภาพๆ :) :D

โจ๊กเพื่อนพี่เขาส่งมา พี่เพิ่มเติมเข้าไปเล็กน้อย :D

ระหว่างที่ยังรอว่าอเมริกาจะดำเนินการยังไง คุณ นกข. หรือท่านอื่น พอจะเล่าเรื่องการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในเมืองไทย เมื่อ 20-30 ปีที่แล้วให้ฟังได้มั้ยครับ ว่าเราทำยังไง ดำเนินนโยบายยังไง ผมคุ้นๆว่าเมื่อก่อนพวกคอมมิวนิสต์ พวกแบ่งแยกดินแดน พวกก่อการร้ายยังเยอะในเมืองไทย ยังจำได้ว่าคุณพ่อผมก็เคยไปรบอยู่ที่ช่องช้าง (อาจจะจำชื่อผิด) อยู่พักนึง

อิๆๆ  โจ๊กแสบทรวงดีค่ะ คุณเปี้ยว

ใครก็ได้ช่วยเล่าเพิ่มให้หน่อยได้มั้ยคะ  ว่าตอนที่ก๊อดอาร์มี่บุกโรงพยาบาลในราชบุรีนั้น  คนไทยทั่วๆไปมีความรู้สึกอย่างไร  เข้าใจว่าไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิตใช่ไหมคะ  เคยรู้จักคุณหมดท่านหนึ่งใน รพ นั้น  ตอนนั้นท่านก็อยู่ในนั้นด้วย  ดิฉันเป็นห่วงเขียนเมล์ไปถาม  ท่านก็กรุณาตอบมาว่าไม่เป็นไร  แต่ก็ไม่ได้ไปรบกวนอีกเพราะท่านยุ่งมาก  และดิฉันก็มัวยุ่งๆเขียนบทความอยู่เลยไม่มีเวลาไปติดตามข่าวโดยละเอียดค่ะ

ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์  แต่ขอเล่าบ้างพอเป็นเกร็ดค่ะ
แค่ความรู้สึกของคนไทยบางคนนะคะ
ได้ทราบข่าวมาว่า พวกก็อดอาร์มี่
ไม่ได้โหดร้ายต่อตัวประกัน
ข่าวจากเบื้องหลังเล่าว่า  ตอนหลังคนไข้เอง  บางคนสงสาร  ถึงกับบอกว่า ยอมเป็นตัวประกัน  เพื่อให้พวกเขาได้หมอไปรักษาคนไข้  
งานนั้น เขาเลือกโรงพยาบาล เพราะต้องการหมอไปรักษาคนค่ะ
ฟังดูคงแปลกไปจากที่เป็นข่าว
ฝนเองก็ไม่ได้ยินกับตัวเองค่ะ
แค่ฟังเขาเล่านะคะ

แต่ก็นานาจิตตังนะคะ
บางคนก็คงโกรธ  บางคนก็โมโห
บางคนก็รู้สึกเสียหน้า
บางคนก็สงสาร
บางคนก็ตกใจ
ส่วนใครจะโกรธ ใครจะอาย
คงเดาออกนะคะ

เหตุการณ์ของ กองทัพก็อดอาร์มี่ยึดโรงพยาบาลราชบุรี แล้วถูกจับตายทั้งหมด ฟังดูก็น่าสงสารจริง ๆ ครับ แต่ว่า มองจากมุมของทหารผู้ต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศ ซึ่งบางครั้ง ถ้าเป็นการต่อสู้กับทหาร และกองกำลังติดอาวุธด้วยกัน ต้องโหดเหี้ยมและเด็ดขาด เราจำเป็นต้องทำครับ ตอนนั้น มีเหตุการณ์จี้ตัวประกันในประเทศไทยถึงสองครั้งแล้ว ในช่วงใกล้ ๆ กัน คือยึดสถานทูตของพม่า แล้วก็ได้รับการปล่อยตัวไป พอครั้งแรกทำได้ ครั้งที่สองก็มีขึ้นอีก ผมคิดว่า ทางรัฐบาลและทางทหารคงคิดว่าต้องจัดการให้เป็นตัวอย่าง เพื่อกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก อ้อรวมไปถึงเหตุการณ์จี้จับตัวประกันจากคุกราชบุรี(ไม่แน่ใจ) ด้วยอีกครั้งนึงน่ะครับ

เวบที่ เรียก ร้องให้ คำนึงถึงผู้บริสุทธ์และ คำนึงถึงหลัก มนุษยธรรม  แอดเดรศอะไรแจ้งให้ทราบหน่อยซิครับ

ดูข่าวจาก CNN  เห็นสภาพบ้านเมืองและผู้คนของอัฟกานิสถานแล้วก็ได้แต่หดหู่   อยู่กันแบบหวาดวิตก
หน้าตาทุกข์ร้อนไม่มีความสุข  ที่มีทางไปก็หาทางอพยพ  ที่ไม่รู้จะไปไหนก็ขุดหลุมหลบภัย  อยู่กันแบบหวาดวิตก   เพราะไม่รู้ว่าหายนะจะมาถึงตอนไหน

ถ้าวันไหนที่อเมริกาส่งระเบิดไปลง (เพราะต้องการตัวคนคนเดียว คือ บิลลาเดน)  ทุกอย่างก็คงย่อยยับ ผู้คนบริสุทธิ์ล้มตาย พลัดพรากจากกัน  บ้านเมืองพินาศ  (หรือถ้าไม่ส่งระเบิด  ก็คงต้องส่งกำลังทหารเข้าไปจู่โจม)

แต่อย่างไรก็ตาม ... ความโกรธแค้นของฝ่ายที่คิดว่าตนเองถูกกระทำ และถูกย่ำยีนั้น   เชื่อว่าจะไม่มีวันจบสิ้น  ประเทศนี้อาจจะถึงขั้นสูญหายไปจากแผนที่โลก  แต่ความรู้สึกคลั่งแค้นของผู้คนที่หลงเหลืออยู่  จะไม่มีวันสูญหาย   และผู้คนที่เหลือเหล่านี้ก็จะกระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในโลก  ตั้งหน้าตั้งตา รอเวลาเพื่อเอาคืน  ซุ่มทำสงครามแบบกองโจรตอบโต้ต่อไปอย่างไม่จบสิ้น  

สมมติว่า.... อเมริกาชนะในวันนี้    แต่ก็เป็นชัยชนะที่ได้มาเพื่อที่จะต้องอยู่อย่างระแวดระวัง ไม่เป็นสุขต่อไป  คนอัฟกันถนัดทำสงครามแบบกองโจร ซ่อนตัวอยู่ในป่ามาตลอดเป็นสิบ ๆ ปี จนแทบจะเป็นชีวิตปกติอยู่แล้ว
รับประกันเลยว่า  อเมริกาจะต้องผจญกับการก่อการร้ายต่อไปเรื่อย ๆ ... ไม่มีวันนอนตาหลับค่ะ

เนี่ยแหละครับความเศร้าของการก่อสงคราม
จะไปบอกให้อเมริกาอย่าไปทำสงครามก็ไม่ได้ เพราะคนของเค้าตายเยอะเหลือเกิน สามัญชนธรรมดาย่อมคิดแก้แค้นแน่นอน
มาถึงขั้นนี้ก็คงได้แต่ปลง
ย้อนไปนึกถึงสมัยพุทธกาล ผมจำไม่ได้แน่นอน แต่รู้สึกว่า พระพุทธองค์ ได้เคยเสด็จไปโปรดและห้ามทัพ ระหว่างพระญาติของพระองค์เอง ที่จะรบทำลายกัน เพื่อล้างแค้นเนี่ยแหละครับ ไว้หลายครั้ง แต่ในที่สุดพระพุทธเจ้าท่านก็ต้องทรงถือ อุเบกขาครับ เพราะว่าเสด็จไปห้ามหลายครั้ง ก็ห้ามได้ แต่ฝ่ายที่ต้องการล้างแค้นก็ยังไม่หายแค้น และเตรียมยกทัพไปอีก ในที่สุดพระพุทธเจ้า ท่านก็ทรงไม่ได้ไปห้ามอีก แล้วก็สองฝ่ายก็ต้องรบกันไป มีการล้างแค้นไปตามกรรมของสัตว์โลก
อเมริกา ก็ต้องแค้นกับสิ่งที่เค้าโดนกระทำ แล้วก็ต้องไปล้างแค้น อัฟกานิสถาน สู้ไม่ได้ ก็คงมาแก้แค้นกับคนอเมริกาอีกทีหลัง เฮ้อ ไม่มีทางเลยที่จะห้ามได้ สันติภาพที่แท้จริง คงยากที่จะเกิดน่ะครับ

เมื่อวันก่อนไม่ได้ดูประวัติของ บิน ลา เดน ใครที่ได้ดูช่วยมาเล่าให้ฟังกัหน่อยได้ไหมคะ

แถมรูปมาให้ด้วยรูปหนึ่งเป็นรูปก่อนตึกจะถล่ม

ฟังคำปราศัยของ ประธานาธิบดีจอร์จ บุชแล้ว อยากให้คุณ นกข ถ้ามีเวลาช่วยมาวิเคราะห์ให้พวกเราฟังหน่อยครับว่า จะมีผลตามมาอย่างไร สำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
สำหรับผมฟังแล้ว รู้สึกว่า ปธน. บุชพูดจาแข็งกร้าวมาก และมีแนวโน้มที่จะจัดการกับรัฐบาลตาลิบันอย่างเต็มที่ แล้วก็ประกาศแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ไม่มีการให้รัฐบาลประเทศไหนวางตัวเป็นกลางเลย

คุณ c664 คะ นี่ค่ะเวปที่ถามถึง (เซ็นต์ชื่อเรียกร้องให้พิจารณาอย่างมีความยุติธรรม & สันติภาพ: Call for peach and justice not revenge) ตอนนี้มีคนลงชื่อประมาณ 170,000 คนเองคะ (น้อยมากเลย ทั้งๆ ที่เปิดให้ลงกันได้ทั่วโลกมาตั้งนานแล้ว) ถ้าเห็นด้วยก็ไปช่วยลงชื่อหน่อยนะคะ เพราะเค้าตั้งเป้าไว้ว่าจะล่าให้ครบล้านชื่อแล้วส่งไปให้บุชกะคณะรัฐบาลน่ะค่ะ



http://www.thepetitionsite.com/takeaction/224622495

เชิญอ่านอัพเดตใหม่ที่ข่าวนะคะ  ดิฉันอยากชวนให้ไปดูภาพยนต์สารคดีเกี่ยวกับผู้หญิงอัฟกานีค่ะ



http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn10&ID=VN191

มาบ่นให้ฟังดีกว่า :) ตอนนี้ผมไม่ค่อยชอบหลายอย่าง อันนึงก็คือ You're with us or you're against us ของ ปธน. บุช ครับ ผมไม่ชอบคำขู่จากผู้มีอำนาจเท่าไหร่ ตัวผู้พูดเองก็ double standard ด้วย ทั้งปัญหาปาเลสไตน์ ทั้งการกลับหลังหันยอมเลี้ยงปากีสถาน เลี้ยงศัตรูไว้ฆ่าศัตรู ดูๆแล้วผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เวลาที่เขาบอกว่าจะถอนรากถอนโคนผู้ก่อการร้าย ผมว่าทั้งหมดทำเพื่อฆ่าล้างแค้นคนบางคนเท่านั้น แล้วที่เหลือค่อยว่ากันใหม่



ผมนึกถึงตอนราชบุรี เมื่อเกิดใหม่ๆ ผู้คนก็เจ็บแค้น โกรธเกลียดกะเหรี่ยง ฆ่ามันๆ แล้วหลังจากนั้นความโกรธเริ่มหายไป จึงเริ่มหันกลับไปมองใหม่ เริ่มตั้งคำถามว่าจับกะเหรี่ยงมัดมือแล้วฆ่าทิ้งหรือเปล่า การที่เราอยู่ในเหตุการณ์มุมมองมันไม่เหมือนกับผู้ที่อยู่ข้างนอก แนวทางการแก้ปัญหาก็จะมองต่างกัน คนข้างนอกย่อมจะมองหาแต่หนทางการแก้ไขระยะยาว แนวทางการเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู คนข้างในส่วนใหญ่จะมองเห็นแต่ความโกรธและการแก้แค้น



แต่จะว่าไปแล้วก็คงไม่มีใครสนับสนุนพวกพม่าให้เข้ามาฆ่าพวกกะเหรี่ยงให้หมด ล้มล้างมัน เหมือนอย่างที่ผมแว่วๆมาว่า มีการสนับสนุนให้ Northern Alliances เข้ามาโจมตีและยึดอำนาจจากรัฐบาลตาลีบัน(ด้านการเมือง) คราวนี้หลังจากอเมริกากลับไปแล้ว อัฟกานิสถานคงแตกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยยิ่งกว่าเดิมไปอีก



ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าอัฟกานิสถานแตกเป็นหลายกลุ่มเมื่อไหร่ เข้าใจว่าตอนที่รัสเซียเข้าไปยึดครอง มีหลายกลุ่มรวมตัวต่อต้าน นายบิน ลาดินก็ train โดยพวก CIA ของอเมริกาเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย พอจะมีใครทราบบ้างครับว่าไฉน บิน ลาดินถึงได้เริ่มเกลียดอเมริกา ทั้งๆที่เคยได้ร่วมต่อสู้ด้วยกันมา เรื่องการพูดว่า นายบิน ลาดิน เกลียดและโจมตี democracy นั้นผมว่าเพียงแค่พวกรัฐบาลตะวันตกยกมาปั่นหัวคนในประเทศตัวเองให้เห็นด้วยกับการทำสงครามหรืออะไรก็ตามที่รัฐบาลตัดสินใจจะทำ ส่วนเรื่องศาสนานั้น บิน ลาดินก็คงต้องยกขึ้นมาอ้างเพื่อให้เกิดการรวมตัวของเหล่านักรบตะวันออกกลาง เพราะเขาไม่มีเครื่องมืออะไรจะไปต่อสู้ซึ่งๆหน้า สรุปเลยยังไม่รู้ว่าบิน ลาดินเกลียดอเมริกาเพราะอะไร



บ่นต่ออีกหน่อย ทำไมพวกไทยรัฐพวกเดลินิวส์มันเขียนข่าวยังกะพากษ์มวย เชียร์มวย?

เวลาผ่านไปพอสมควร ผมเห็นว่าหลายๆ อย่างที่ผมกลัวไว้ก็มีคนในรัฐบาลอเมริกาที่เขาเห็นและเขาระวังเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องดีครับ บุชอุตส่าห์ไปเข้าสุเหร่าของมุสลิมอเมริกัน (ยอมถอดรองเท้าด้วย) และยังพูดย้ำมากว่าอเมริกาไม่ได้กำลังจะทำสงครามศาสนาต่อต้านอิสลามและมุสลิม แต่ต่อต้านการก่อการร้าย  

สันติภาพในตะวันออกกลางก็ดูเหมือนมีลู่ทางแจ่มใสขึ้น สหรัฐกำลังต้องการอาหรับเป็นเพื่อนในการร่วมต่อต้านการก่อการร้าย เลยหันไปบีบหนักให้ยิวยอมเข้านั่งโต๊ะเจรจากับปาเลสไตน์ ก่อนหน้านี้ยิวภายใต้นายกแอเรียล ชารอน ไม่ยอมเจรจาครับ

อาจารย์แซมมวล ฮันติงตั้นเองที่เขียนเรื่อง Clashes of Civilizations ก็เพิ่งออกมาออก CNN ว่าแกไม่ถือว่าเหตุที่เกิดขึ้นนี้เป็นการปะทะกันระหว่างอารยธรรมอิสลามกับอารยธรรมตะวันตก แต่เป็นการที่อนารยชนผู้ก่อการร้ายโจมตีอารยธรรมทั้งหมด แต่แกเตือนว่าอาจจะมีความพยายามที่จะลากให้เป็นการปะทะกันระหว่างอารยธรรมอิสลามกับอารยธรรมตะวันตก (อย่างที่บินลาเดนออกแฟกซ์มา) และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบของทุกฝ่าย ทั้งฝรั่งและมุสลิม ที่จะป้องกันไม่ให้กลายเป็นอย่างนั้น

เรื่องที่คุณพระนายเล่า ใครเป็นมหาบาเรียนแถวนี้มีบ้างไหมครับ ช่วยแก้ผมหน่อย ถ้าผมจำไม่ผิด ศากยวงศ์ของพระพุทธองค์ก็สูญวงศ์เพราะเหตุนี้แหละครับ วงศ์ศากยะของพระพุทธเจ้านั้น ตำราทางพุทธท่านว่ามีอีโก้สูง ถือตัวจัด   ขนาดเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จออกบวช ตรัสรู้แล้ว โปรดมหาราชต่างๆ ในชมพูทวีปเช่นพระเจ้าพิมพิสารแล้ว มีกิตติศัพท์งามเฟื่องฟุ้งไปทั่วดังที่เราสวดบทอิติปิโสแล้ว เมื่อจะกลับไปโปรดพระญาติวงศ์ทางกรุงกบิลพัสดุ์ ทางฝ่ายพระญาติผู้ใหญ่ยังถือตัวอยู่มาก จะไม่ยอมไหว้พระเอาด้วยซ้ำ พระพุทธเจ้าทรงทราบนิสัยญาติท่านดี เลยต้องแสดงพุทธปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปเหนือหัว พวกนั้นถึงยอมละทิฐิ ยอมฟังธรรมที่ทรงเทศน์โปรดได้

ผมจำเรื่องศากยวงศ์ที่ถูกฆ่าล้างตระกูลไม่ได้แม่น คล้ายๆ ว่าพระเจ้าจักรพรรดิปเสนทิโกศลหรือมหาราชองค์ใดองค์หนึ่งของอินเดียตอนนั้น (จำไม่ได้แน่) เมื่อทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาแล้วก็อยากจะเป็นญาติเกี่ยวดองกับพุทธวงศ์ ส่งราชทูตมาขอเจ้าหญิงศากยะไปเป็นชายา แต่ขนาดกบิลพัสดุ์เมืองเล็ก อีกเมืองเป็นเมืองใหญ่ของจักรพรรดิ ฝ่ายศากยวงศ์ก็ยังถือตัวจัดว่าตระกูลฉันสูงกว่า ไม่ยอมปะปนกับมหาราชองค์นั้น จึงส่งนางทาสีไปแทนหลอกว่าเป็นเจ้าหญิงศากยะ พระเจ้าจักรพรรดิก็โปรดให้เสกสมรสรับเป็นชายา โดยไม่รู้เลยว่าถูกหลอก มีโอรสออกมาชื่อ... วิฑูฑภะ? หรืออะไรนี่แหละครับ เจ้าชายลูกนางทาสีพอโตขึ้นก็ไปเยี่ยมบ้านแม่ ปรากฏว่าไปนั่งตรงไหนพอลุกขึ้นก็ถูกพวกศากยะเอาน้ำนมมาล้างที่นั่งตรงนั้นให้หมดมลทิน (...ที่เปื้อนก้นลูกทาสี...) ตอนแรกๆ ก็ไม่รู้ มีหนหนึ่งลุกไปแล้วเกิดทรงลืมอะไรสักอย่าง เสด็จกลับมาหรือใช้คนกลับมาเอาเลยเห็นเข้าพอดี เลยต้องสอบถาม จนทรงทราบความจริงว่า พระองค์เป็นลูกทาสในวังศากยะ ไม่ใช่ลูกเจ้า ก็กริ้วมากที่ถูกดูถูก ทรงสาบานว่า วันนี้พวกศากยะเอาน้ำนมมาล้างตั่งที่กูนั่ง เมื่อขึ้นครองราชย์เมื่อไหร่ กูจะเอาเลือดคอพวกศากยะนี่แหละล้างเมืองทั้งเมือง

พอพระเจ้าจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ วิฑูฑภะขึ้นรับราชสมบัติต่อก็ยังแค้นไม่หาย ทรงเกณฑ์ทัพจะไปตีกรุงกบิลพัสดุ์ตั้งสามครั้ง พระพุทธเจ้าทรงทราบดด้วยพระญาณก็เสด็จไปห้าม แต่ไม่ได้ออกปากห้ามหรอกนะครับ เสด็จไปทางเส้นทางเดินทัพให้มหาราชพระองค์ใหม่เห็นเท่านั้นเอง พระเจ้าวิฑูฑภะยังเกรงพระทัยพระพุทธเจ้าอยู่ก็เสด็จกลับ พอกลับเมืองของพระองค์ก็กลับมาแค้นใหม่ เกณฑ์ทัพใหม่ เดินทัพไปกลางทางก็เจอพระพุทธเจ้าอีก ยกทัพกลับอีก แค้นอีก... เป็นอย่างนี้ตั้งสามหน จนตอนหลังพระพุทธเจ้าท่านเล็งเห็นว่าเป็นกรรมของพวกศากยะทำไว้อย่างนั้น เรื่องกรรมจะให้ผลนี่แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ห้ามไม่ได้ครับ และความเกลียดชังในพระทัยพระเจ้าวิฑูฑภะก็แรงมาก ไม่ยอมรับการโปรดจากพระพุทธเจ้า จะล้างแค้นอย่างเดียวให้ได้ เมื่อทรงพยายามถึงสามหนแล้วยังไม่สำเร็จพระพุทธเจ้าก็ต้องทรงวางอุเบกขา พอกองทัพยกไปอีกทีไม่มีใครมายืนขวางให้สติอยู่ วิฑูฑภะก็เข้าตีกรุงกบิลพัสดุ์ได้ จับศากยวงศ์มาฆ่าจนหมดทั้งตระกูลสูญวงศ์ไปเลย ส่วนผลกรรมจะสนองพระเจ้าวิฑูฑภะอย่างไรต่อไปนั้นคงเป็นอีกส่วนหนึ่งตางหาก ผมยังอ่านไปไม่ถึงครับ

ย้อนกลับมาเรื่องอัฟกันแตกเป็นหลายกลุ่มนิดหนึ่งน่ะครับ
เท่าที่ผมทราบรู้สึกว่าในสมัยที่สหภาพโซเวียตเข้ายึดครองอัฟกานิสถานนั้น
มีกลุ่มต่อต้านอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือ ตาลีบัน ส่วนอีกกลุ่มคือ กลุ่มมูจาฮีดินห์

กลุ่มตาลีบัน เป็นกลุ่มที่สนับสนุนโดย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และปากีสถาน
ใครเคยชมภาพยนต์เรื่องแรมโบ้ภาค 2 ที่แรมโบ้บุกเข้าไปช่วยอดีตผู้บัญชาการซึ่งโดนจับ
อยู่ในอัฟกานิสถานคงพอจำได้ กลุ่มกบฎอัฟกันที่แรมโบ้ไปช่วยรบนั่นก็คือ ตาลีบันนั่นเอง
(แต่ในชีวิตจริง ไหงเด็กๆที่แรมโบ้สอนไว้กลายเป็นสมุนบินลาเดนไปซะนี่? )

ส่วนกลุ่มมูจาฮีดินห์นั้นสนับสนุนโดยหลายชาติในยุโรป ส่วนใหญ่มาจากเยอรมัน
ฝรั่งเศษ โดยผ่านทางอีหร่าน

หลังจากที่รัสเซียถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานแล้ว กลุ่มตาลีบันก็ขึ้นมามีอำนาจ
และสามารถยึดครองพื้นที่ได้มากถึง 90 เปอร์เซนต์ของทั้งหมด การที่ตาลีบันขึ้นมามีอำนาจ
แบบรวดเร็วนี้ ค่อนข้างน่าประหลาดใจชาติตะวันตกทั้งหลายพอสมควร
ส่วนกลุ่มที่เหลือน้ันก็กระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ที่มีมากหน่อยคงจะเป็นฝ่ายเหนือ
แต่ผมไม่แน่ใจว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตาลีบันที่มีฐานที่มั่นอยู่ทางเหนือนั้นเป็นพวกเดียวกับ
กลุ่มมูจาฮีดินห์หรือเปล่า เห็นข่าวรายงานว่า 2 วันก่อนที่ผู้ก่อการร้ายจะถล่มนิวยอร์คและวอร์ชิงตันนั้น
กลุ่มตาลีบันภายใต้การช่วยเหลือของนายบินลาเดน ได้ลอบสังหารผู้นำของฝ่ายมูจาฮีดินห์

เพื่อนชาวอีหร่านเล่าให้ฟังว่ากลุ่มชาติอาหรับชอบพวกมูจาฮีดินห์มากกว่า
ฝ่ายตาลีบันนั้นไม่ค่อยจะมีเพื่อนเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่ปากีสถานที่เคยสนับสนุนกันมาแต่เก่าก่อน
เมื่อไม่นานนี้ ตาลีบันยังได้สังหารผู้แทนของอีหร่าน ที่เข้าไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่าง
มูจาฮีดินห์กับตาลีบันอีกด้วย

ผู้วิเคราะห์ของอังกฤษหลายคนคิดว่าปากีสถานกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
เพราะประชาชนส่วนใหญ่ดูจะไม่ค่อยชอบใจที่รัฐบาลช่วยเหลืออเมริกามากนัก
หลายคนวิตกว่าหากอเมริกาทำอะไรที่บุ่มบ่ามลงไปอาจจะทำให้สเถียรภาพของ
รัฐบาลปากีสถานสั่นคลอนได้ และหากว่ารัฐบาลปัจจุบันเกิดล้มลงแล้วกลุ่มหัวรุนแรง
ที่สนับสนุนบินลาเดนเข้ามามีอำนาจจะยิ่งยุ่งไปใหญ่ เพราะอย่าลืมว่าปากีสถานมีอาวุธนิวเคลียร์
ตอนนี้จึงมีความเป็นไปได้มากว่าอเมริกาจะใช้คนอัฟฟกานิสถาน ซึ่งอาจจะเป็นกบฎทางภาคเหนือ
เข้ามาช่วยมากกว่าที่จะส่งทหารตัวเองเข้าไป เพราะคนอัฟกันด้วยกันเองจะเชี่ยวชาญพื้นที่มากกว่า

... ซีไอเอนั้นถนัดอยู่แล้ว เรื่องใช้สนับสนุนฝ่ายกบฎให้โค่นล้มรัฐบาลประเทศต่างๆ เพราะมีประสบการณ์มาเยอะ หึๆๆๆ

ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วขอบคุณหลายๆ ท่าน _/|\_



เพิ่งทราบว่า ตาลีบันเป็น 'เด็กเลี้ยง' เก่าของพวกตะวันตกมาก่อน ตอนหลังโตแล้วดื้อแข็งแรงไม่ยอมเชื่อฟัง เมื่อกี๊ฟังโทนี่ แบร์พูดใน BBC เค้าก็ว่า our friend's enemy is our enemy ก็ปลงเลยสงสัยคงจะอยากเคลื่อนไหวอะไรซักอย่าง แต่ยังนึกภาพที่เค้าประกาศว่าเป็น war กับพวกผู้ก่อการร้ายโดยไม่กระทบกับประชาชนว่าจะทำได้ยังไงเลย ยังไงๆ ถ้ามีอะไรจริงๆ คนบริสุทธิ์มันก็คงโดนลูกหลงอยู่แล้ว... (ว่าแต่ ที่ว่าๆ กันมาเนี่ย มันชัวร์แล้วเหรอว่า บินลาดินเป็นคนทำ?)



จริงๆ ส่วนตัวก็ไม่ชอบพวกตาลีบันเลย (โดยเฉพาะช่วงก่อนที่เค้ายิงปืนใหญ่ทำลายพระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดของโลก ทั้งๆ ที่เป็นมรดกสำคัญทางอารยธรรมและประวัติศาสตร์ของเส้นทางสายไหม) แต่ก็ไม่อยากเห็นเหตุการณ์รุนแรงอะไร... อืม... โลกเรานี่วุ่นวายจัง

I agree with KhunPranai on some points in Bush's speech, that he seems to think he is rightness itself. Although I am encouraged by his more sensitivities towards Islam, the Muslims, and the Afghan people, as well as towards the need to protect the rights of Arab-Americans and those who look Middle Eastern, I still feel a bit uneasy about his tone ("Be with us or against us").



It is interesting to note that (I don't know why) PM Thaksin came out and said Thailand "would be neutral" just before Bush's speech in Congress, and after that the President himself called PM Thaksin on the phone. I don't know what was said but Khun Thaksin told reporters there nothing much - just a talk between old friends...



"The Northern Alliance" - a group of Afghan fighters who oppose the Taleban's rule - might be one of the US'  most important allies on the ground now. I have also seen recent news on TV about the ex-king of Afghanistan who abdicated in early 1970's (before the arrival of the Russians and the Muslim Mujahedeens), and still lives in exile somewhere. (He looks very old now.) Perhaps the US might give him some role to play too.

ไม่รู้จะขำออกมั้ย ก๊อปมาโดยไม่ได้ขออนุญาต

http://www.dailynews.co.th/cartoon.html

http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,1101011001-175979-1,00.html



จากแมกกาซีน Time.

Root of Rage

Grievances over U.S. policy in the Middle East combined with Islamic triumphalism make a toxic mix