เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 16:56



กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 16:56
ดูเซ็นเซอร์ในกระทู้ญี่ปุ่นจนตาลาย  เห็นมีกระทู้ใหม่ซะแล้ว รู้สึกอิจฉาอดรนทนไม่ได้ต้องตั้งกระทู้แข่งเป็นการวัดรอยเท้าเทียบรัศมีท่านผู้อาวุโส  แถมนับเนื่องวันนี้เป็นวันพิเศษหลายประการด้วยกัน


ประการแรกก็เป็นวันที่ผมสร้างเรื่องคุยโม้โอ้อวดว่าวาสนาหล่นทับได้มาเมืองนอกเมืองนากับเค้าครบ 4 ปีเป๊ะวันนี้พอดี 
ประการที่สอง ถ้าเป็นผมเป็นนักเรียนทุนจริง ทุนก็หมดวันนี้พอดีอีกนั่นแหละ หลวงไม่ส่งต่อแล้วแต่สถานการณ์การเรียนยังลูกผีลูกคน 
ประการที่สาม  คิดไม่ออกแล้ว  ช่างมันดีกว่า

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอฉลองเรื่องราวในอังกฤษที่ได้พบเห็นมาซะหน่อยพอให้หายแสบหายคัน  บวกกับนินทาคนไทยในอังกฤษ(งานหลักที่เขียนไว้ใน blog ส่วนตัวหลายตอนไปหมด)เพื่อเพิ่มความแซ่บแด่ลุงป้าน้าอาที่หลงเข้ามาในกระทู้นะคร้าบบบ


อังกฤษเองสำหรับคนไทยก็มีเรื่องให้น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เป็นประเทศที่นักเรียนไทยนิยมมาเรียนต่อกันมาก มีอะไรหลายอย่างทั้งคล้ายคลึงและแตกต่างจากเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง บางคนที่มีโอกาสมาอาจจะไม่ค่อบชอบอังกฤษ เนื่องด้วยสภาพอากาศบ้างอะไรบ้าง แต่หลายคนก็หลงรักประเทศนี้ ดังนั้น เราก็มาทำความรู้จักอังกฤษกับแบบช้าๆ ตามสะดวกคนเขียนกันดีกว่า    รบกวนท่านผู้อาวุโสทั้งหลายมีอะไรเพิ่มเติมชี้แนะบอกเล่า เชิญได้เลยนะครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:02
ก่อนอื่นเห็นจะต้องให้คุณประกอบแนะนำสักหน่อยว่า ทำไมคนไทยเรียกประเทศนี้ว่า "อังกิด" และเขียนว่า "อังกฤษ"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:05
มาเสิฟน้ำชาและขนมสกอนใส่แยมกับครีม ให้เข้ากับบรรยากาศอังกิ๊ด อังกิด


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 17:12
ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างอังกฤษกับไทยแล้ว มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ แง่ เช่นระบบการปกครอง  จำนวนประชากร  เลนถนนในการขับรถ ฯลฯ  ลองมาดูข้อมูลคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมกันก่อนซักเล็กน้อย


จากข้อมูลพี่วิกิ  ถ้าเปรียบเทียบเรื่องพื้นที่ อังกฤษ(ในที่นี้หมายถึงอิงแลนด์ สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ) มีพื้นที่ประมาณ 242,900 ตร.กม.  คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทยที่มีพื้นที่ประมาณ 513,000 ตร.กม.  ในขณะที่มีประชากรใกล้เคียงกัน คืออังกฤษมีราว 63 ล้าน แต่ไทยมีราวซัก 65 ล้าน แต่เรื่อง GDP อย่าเอามาเทียบกันให้เสียอารมณ์ดีกว่า  อัตราการรู้หนังสือก็ไม่แตกต่างกัน คืออังกฤษมีราว 99% ส่วนไทย 91%  นอกจากนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากให้บ้านเราเอาเยี่ยงอย่างเยอะๆ โดยเฉพาะระเบียบวินัยและการเคารพกฏเกณฑ์


คนไทยมักเรียกชาวอังกฤษว่าผู้ดีอังกฤษ  ซึ่งมีส่วนจริงไม่น้อย คนที่นี่นับว่าสุภาพและมีมารยาทดีเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนแก่ๆ หน่อย แต่วัยรุ่นก็น่ากลัวไม่น้อย


พูดถึงผู้ดี เลยเอาภาพนักเลงวัยรุ่นที่เรียกว่า Chav มาให้ดูซะหน่อย พวกนี้จะมีรูปแบบการแต่งตัวคล้ายๆ กัน คือเสื้อแบบมีฮู้ดคลุมหัว ตัดผมเกรียนๆ อาจใส่สร้อยคอเป็นโซ่ๆ บ้าง เจอพวกนี้เป็นกลุ่มที่ไหน ชาวเอเชียอย่างเราควรเลี่ยงๆ หน่อยอย่าไปสบตา  เพราะเดี๋ยวเกิดหลงรักกันขึ้นมาจะยุ่ง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 17:18
ก่อนอื่นเห็นจะต้องให้คุณประกอบแนะนำสักหน่อยว่า ทำไมคนไทยเรียกประเทศนี้ว่า "อังกิด" และเขียนว่า "อังกฤษ"

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

ไอ้หยา โจทย์ยาก แห่ะๆ ผมก็ไม่รู้ทำไมเรียกอังกฤษ  เดาว่ามาจากคำว่าอิงลิช แล้วเรียกเพี้ยนตามสไตล์ไทยๆ แบบชื่อหันแตร บาระนีอะไรแบบนั้น  ส่วนทำไมอังกิดนั้น ยุคนี้ใครเรียกอังกฤษชัดถ้อยชัดคำตามราชบัณฑิตมันไม่แนวครับ มันไม่โดน ไม่เท่ห์  ต้องเรียกอังกิดเพื่อสื่อถึงความป็นคนยุคใหม่ ไม่ยึดติดระเบียบกฏเกณฑ์เก่าๆ   ผมพิมพ์ง่ายสะกดสะดวก เหมาะกับระบบการเรียนการสอนภาษาไทยยุคเด็กห้ามสอบตกจนเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่จบมัธยมมีเต็มประเทศไปหมด  >:(  >:(


ท่านอาจารย์ว่าไงหละครับ  ทำไมอังกิด และทำไมอังกฤษ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:36
ดิฉันสันนิษฐานว่า มาจากภาษาโปรตุเกส  ที่พวกเรียกชาวอังกฤษ ว่า Inglês  ออกเสียงว่า อิงกลิช ค่ะ

โปรตุเกสเป็นฝรั่งชาติแรกที่เข้ามาค้าขายกับอยุธยา   คุ้นเคยกับไทยก่อนหน้าชาติอื่นๆ อยู่กันมายาวนานจนเสียกรุงเมื่อพ.ศ. ๒๓๑๐  ศัพท์ต่างๆที่ไม่มีในไทย เช่นชื่อประเทศฝรั่งและคนฝรั่งทั้งหลาย ไทยก็ต้องอาศัยคำเรียกจากโปรตุเกสเป็นพื้นฐาน   

โปรเฟสเซอร์เพ็ญ(เรียกตามภาษาอังกิด  ออกจากญี่ปุ่นมาแล้วนี่นา)คงจะถามต่อว่าทำไมจึงสะกด ฤ (ร) แทน ฦ (ล) ข้อนี้ไม่ทราบว่ามีความผิดพลาดแต่หนใด     และไม่อยากเดา   
ส่วน ษ พอเดาได้ว่า เทียบอักษรโรมัน sh  ซึ่งเดิม ษ  ออกเสียงคล้าย ช   ดังนั้นถอดออกมาจึงใช้ ษ 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:37
ส่วนอังกฤษมาเป็นอังกิดก็ตอบง่ายมาก  คนไทยปัจจุบันออกเสียงควบกล้ำไม่ได้แล้ว   ต้องฝึกกันอย่างหนักกว่าจะออกเสียงได้ถูกต้อง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:39
ทำไม "อังกฤษ"

คำว่า อังกฤษ ในภาษาไทย มีที่มาจากคำอ่านของคำว่า Inggeris ในภาษามลายูที่ยืมมาจาก anglais (English) ในภาษาฝรั่งเศส

ส่วน ทำไม "อังกิด" คิดตรงกับคุณเทาชมพูเลย (แต่ตอบช้ากว่า  ;))  ถ้าตอบให้ตรงเป้าเผงเลย ก็ต้องว่าการออกเสียงคำควบกล้ำ ร เรือ สำหรับคนไทยปัจจุบันเป็นเรื่องยาก ไม่เป็นธรรมชาติเสียแล้ว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 17:47
Inggeris ออกเสียงว่า อิง-กริซ (ออกเสียงคำท้ายด้วย)

ดิฉันยังสงสัย    คนไทยสมัยอยุธยาใกล้ชิดกับโปรตุเกสมากกว่ามลายู      ถ้าจะยืมก็ยืมจากโปรตุเกสโดยตรงได้ ไม่ต้องลงไปล่างสุดของแหลมทองเพื่อไปยืมคำนี้มา


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ส.ค. 13, 18:12
แม้ไทยจะเคยติดต่อกับฝรั่งมาเป็นเวลานาน   นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่การศึกษาก็ยังคงเป็นแผนโบราณอยู่ ตามเดิม การถ่ายทอดวิชาความรู้ศิลปวิทยาการต่าง ๆ ยังน้อยมาก      เข้าใจว่ามีเพียง วิธีหล่อปืนไฟ การใช้ปืนไฟในการสงคราม วิธีทำป้อมค่ายสู้กำลังปืนไฟ ตำรายาบางอย่าง  เช่น วิธีทำขี้ผึ้ง และตำราทำอาหาร เช่น ฝอยทอง   เป็นต้นเท่านั้น     ในระยะปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก   การติดต่อกับฝรั่งขาดไประยะหนึ่ง   ต่อมาใน พ.ศ. 2361   รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงได้มีการติดต่อกันอีกครั้งหนึ่ง    กล่าวคือ    ไทยอนุญาตให้โปรตุเกสเข้ามาตั้งสถานกงสุลในกรุงเทพฯ แต่ไม่มี อำนาจพิเศษอย่างไร ใน     พ.ศ.2365   บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษอยากจะขยายการค้าขายมาถึงกรุงเทพฯ   มาควิสเฮสติงส์ผู้สำเร็จราชการอินเดีย   แต่งตั้งให้ ให้นายจอห์นครอเฟิด   เป็นทูตมาเจรจา      เพื่อทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี การสนทนาโต้ตอบเป็นไปอย่างลำบากมาก      เพราะพูดกันโดยตรงไม่ได้ ต้องมีล่าม คือ ครอเฟิด   พูดภาษาอังกฤษกับล่ามของเขา ล่ามนั้นแปลเป็นภาษามลายูให้ล่ามฝ่ายไทยฟัง   ล่ามฝ่ายไทยจึงแปลเป็นภาษาไทยเรียนเสนาบดี    เมื่อเสนาบดีตอบว่า กระไรก็ต้องแปลกลับไปทำนองเดียวกัน   ปรากฏว่าในครั้งนั้นไม่ได้ทำหนังสือสัญญาต่อกัน ในรัชกาลที่ 3 พ.ศ.2369 รัฐบาลอินเดียส่งร้อยเอกเฮนรี เบอร์นีย์มาทำหนังสือ สัญญาทางพระราชไมตรีกับไทย    ขอความสะดวกในการค้าขาย   แต่หาได้เรียกร้องอำนาจศาลกงสุล    ไม่ตรงกัน       กลับบัญญัติไว้ว่า    ต้องปฎิบัติตามกฎหมายของ บ้านเมืองหนังสือสัญญาต้องทำถึง    4  ภาษา  คือ ภาษาไทย   ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู และภาษาโปรตุเกส

http://www.moe.go.th/main2/his_edu.htm


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 20:04
ฮิฮิ  เรื่องอะไรหนักๆ เช่นที่มาที่ไปชื่อทำไมเราเรียกอังกฤษ ต้องปล่อยให้ท่านผู้อาวุโส lecture กันไป  ทั้งโปรเฟสเซอร์เพ็ญฯ โปรเฟสเซอร์นวรัตน์ หรือท่านดีนเทาฯ  เด็กๆ ก็นั่งอ้าปากรอรับป้อนความรู้กันต่อไป


เมื่อมาถึงอังกฤษก็ต้องพูดถึงคนอังกฤษ  ที่อังกฤษนี่เนื่องจากอายุขัยเฉลี่ยจะยืนยาวกว่าคนไทย เราจึงได้เห็นผู้สูงอายุค่อนข้างมาก  สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจนเนื่องจากอาจจะเพราะวัฒนธรรมตะวันตกคือการแสดงความรักระหว่างกัน โดยเฉพาะคู่รักสูงวัยจะเห็นได้บ่อยมาก   เวลาเดินไปไหน ตามถนนหนทางหรือร้านอาหาร ภาพที่ชินตาคือคู่สามีภรรยาที่เดินจูงมือกุมมือหรือควงแขนกัน การแสดงออกเรื่องความรักเอาใจใส่เช่นนี้จะหาดูยากหน่อยในเมืองไทย  เพราะเราจะเห็นคู่รักเดินจูงมือกันเฉพาะหนุ่มสาวไทยช่วงจีบๆ หรือปิ๊งกันใหม่ๆ เท่านั้น  พอคบกันหรืออยู่ด้วยกันเป็นเวลายาวนานการแสดงออกแบบหวานๆ ของคู่รักชาวไทยดูจะลดน้อยถอยลงไปมาก แถมใครแสดงออกเดินจูงมือกันเผลอๆ จะโดนคนรอบข้างมองด้วยสายตาแปลกๆ


ภาพนี้แอบถ่ายลุงป้าคู่หนึ่งแถวสก็อตแลนด์ จริงๆ แกเดินกันสวีทหวานแหววกว่าในภาพ แต่แอบถ่ายลำบากต้องแอบถ่ายด้านหลัง อะแฮ่ม ไม่ทราบว่าโปรเฟสเซอร์ในเรือนไทย รวมทั้งท่านดีน พอจะมีภาพกุ๊กกิ๊กแบบนี้มาอวดบ้างรึเปล่าครับ   8)  8)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 20:14
บังเอิญโปรเฟสเซอร์ในเรือนไทยยังหนุ่มสาวอยู่ทั้งสิ้น   บางคนก็จบ Ph.D สองปริญญารวดตั้งแต่อายุ 18  จึงมีแต่รูปที่คุณประกอบถามหาแบบนี้ค่ะ
ไม่มีหวีทกว่านี้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 13, 20:42
อ๊ะ อ๊ะ  นี่มันกระทู้อังกิด ดินแดนแห่งประชาธิปไตย   :-X  :-X  ไม่อนุญาตให้เซนเซอร์แบบญี่ปุ่นครับ  ห้าม ห้าม ห้าม เด็ดขาด  ;D  ;D  ;D  เดี๋ยวกลิ่นอายญี่ปุ่นโดยเฉพาะการเซ็นเซอร์แบบโมเสกจะมาติดที่อังกฤษมากเกินไป  :P


นอกจากการเดินควงแขนกุมมือกันเป็นเรื่องปกติแล้ว  อีกเรื่องคือเรื่องการรักสัตว์ของคนอังกฤษ  ตามท้องถนนหนทางจะเห็นคนจูงหมาได้ทั่วไป ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่  พันธุ์ยักษ์ พันธุ์จิ๋ว  หมาที่นี่ได้รับการฝึกดี เวลาเดินไปตามถนนหนทางเจอกันมันไม่ฮึ่มฮ่ำเห่าใส่กันแบบหมาไทย  คนที่นี่ที่เลี้ยงหมาจะมีกิจวัตรประจำคือต้องพาหมาเดินออกกำลังกาย โดยต้องมีสายจูงด้วย  และต้องเตรียมถุงพลาสติกพร้อมที่ตักอึหมาติดตัวด้วย  หมาอึเมื่อไหร่เจ้าของเช็ดทันที เนื่องจากเจ้าของหมามีความรับผิดชอบสูง โอกาสที่เราจะได้เจออึหมาตามท้องถนนเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้  แต่การเจออึม้าบนถนนกลับเป็นเรื่องปกติ  ที่อังกฤษยังมีคนขี่ม้ากัน และม้าอึทิ้งไว้กลางถนนยังเป็นเรื่องธรรมดาและเจ้าของไม่ยักต้องเก็บ


อีกาพที่เห็นเจนตาคือตามหน้าห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีคนที่พาหมามาชอปปิ้งด้วยผูกหมาเอาไว้ให้รอระหว่างเจ้าของเข้าไปซื้อของข้างใน บางครั้งเห็นมีผูกไว้ 3-4 ตัวคนละเจ้าของเลย อยู่มา 4 ปีจนบัดนี้ยังไม่เคยเห้นหมาเหล่านี้เห่าใส่กันเลยซะที


หมาและแมวในอังกฤษนี่เห็นชีวิตมันแล้วก็ไม่รู้ว่าหมาเป็นเจ้าของคน หรือคนเป็นเจ้าของหมากันแน่


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 21:04
คนที่นี่ที่เลี้ยงหมาจะมีกิจวัตรประจำคือต้องพาหมาเดินออกกำลังกาย โดยต้องมีสายจูงด้วย  

ถ้าไม่มีสายจูง แต่ฝึกสุนัขให้เดินได้อย่างนี้ ก็น่าจะใช้ได้

http://www.youtube.com/watch?v=-d8EYyveK_E

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ส.ค. 13, 21:23
ไม่มีความรู้อะไรหรอก แต่ใช้อินทรเนตรหาอะไรไปเรื่อย

จากรอยอิน

ภาษาฮินดีเรียก English ว่า Angrezi ออกเสียงคล้าย ๆ กับ "อังเกรจี" หรือ "อังเกรจ" หรือ "อังกริจ" ตัว z ออกเสียงกึ่ง ๆ ระหว่าง จ กับ ช

คำว่า อังกฤษ ของเราน่าจะดัดแปลงมาจากภาษาฮินดีที่ใช้เรียกคำว่า English นั่นเอง

http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1869


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 21:37
ภาษาฮินดีเรียก English ว่า Angrezi ออกเสียงคล้าย ๆ กับ "อังเกรจี" หรือ "อังเกรจ" หรือ "อังกริจ" ตัว z ออกเสียงกึ่ง ๆ ระหว่าง จ กับ ช

अंग्रेज़ी ลองให้ คุณกุ๊ก  (http://translate.google.co.th/?hl=th&tab=wT#hi/en/%E0%A4%85%E0%A4%82%E0%A4%97%E0%A5%8D%E0%A4%B0%E0%A5%87%E0%A5%9B%E0%A5%80) ช่วยออกเสียงให้ฟังก็ได้

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 21:44
ถ้าให้เว็บนี้ออกเสียง Angrezi  และ  Aṅgrēzī ก็คนละเรื่องกันเลย

http://www.oddcast.com/home/demos/tts/tts_example.php?sitepal



กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 13, 22:41
เอารูปมาคั่นโปรแกรมค่ะ  
เมื่อมาถึงอังกฤษ  ภาพจากเครื่องบินจะเป็นเช่นนี้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 28 ส.ค. 13, 23:00
ถ้าให้เว็บนี้ออกเสียง Angrezi  และ  Aṅgrēzī ก็คนละเรื่องกันเลย

http://www.oddcast.com/home/demos/tts/tts_example.php?sitepal



ดูเหมือนเว็บนี้จะไม่รู้จัก ṅ, ē และ ī นะครับ เวลาออกเสียงเลยตัดตัวอักษร 3 ตัวนี้ออกไปดื้อๆ แต่ถ้าใส่เป็น अंग्रेज़ी เข้าไปล่ะก็ เป๊ะเลยครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 ส.ค. 13, 16:09
เมื่อวานแวะไปในเมือง ไปซื้อของที่เซ็งบุรี ซูเปอร์มาเก็ตใหญ่ของเมืองไกลปืนเที่ยงของผม ได้เจอน้องหมาที่เจ้าของมาซื้อของเลยผูกไว้หน้าทางเข้าร้าน เลยเก็บภาพมาฝากกันครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 ส.ค. 13, 16:26
ก่อนมาอังกฤษ คนไทยอาจจะนึกภาพของคนอังกฤษไว้ว่าเป็นชาติที่เงียบขรึม มีมารยาท ออกจะเย่อหยิ่งและตัวใครตัวมัน ตามแบบที่เราเชื่อๆ กันมาหรือรับมาผ่านทางหนังหรือละคร ไม่ก็มีความรู้สึกปนๆ กันกับลักษณะของชาวอเมริกัน เป็นต้นว่าตัวใครตัวมัน วัยรุ่นพอโตหรือเข้ามหาวิทยาลัยก็แยกออกไปใช้ชีวิตคนเดียวอะไรทำนองนี้ ซึ่งพอผมได้มีโอกาสมาสัมผัสเองก็รู้สึกว่าไม่จริงซะทั้งหมด ชาวอังกฤษโดยเฉพาะในชนบทมีลักษณะที่น่ารักๆ หลายประการเลย ไม่ต่างจากคนไทยในชนบทในอดีต


มารยาทประการหนึ่งที่ชาวอังกฤษนิยมทำกันมาก คือการเปิดประตูให้กัน   นั่นคือเมื่อเราเดินไปไหน ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ประตูทางเข้าอาคาร ฯลฯ  สิ่งที่คนอังกฤษต้องทำเสมอคือเหลือบมองว่าด้านหลังเมีคนเดินตามมาหรือไม่ รวมทั้งด้านที่สวนกัน  มีธรรมเนียมอยู่ว่าเมื่อเราเปิดประตูและเดินผ่านไปแล้ว  เราจะต้องเปิดประตูคาไว้สำหรับคนที่เดินมาด้านหลังด้วย  หรือแม้แต่คนที่เดินสวนมา   เป็นหน้าที่ของคนที่ถึงประตูก่อนจะต้องคาประตูไว้ให้คนที่ตามๆ มา  ถ้าเดินตามๆ กันมาก็คาประตูกันไว้เป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ   และถ้ามีคนเปิดประตูคาไว้ให้เรา เราก็ต้องขอบคุณด้วย อาจจะบอกว่าแต๊งงกิ้ว หรือเชียสสสส์ ก็ได้


เรื่องเปิดประตูนี่สร้างความลำบากใจกับผมยิ่งนัก เพราะบางครั้งเราเดินตามหลังเค้าเกือบ 10 เมตร พอมีคนคาประตูไว้ให้ สิ่งที่เราต้องทำคือต้องเร่งฝีเท้าด้วยความเกรงใจ และบางครั้งเราก็ต้องคาประตูรอไว้ให้คนที่ตามหลังมานานพอสมควรทีเดียว โอกาสที่คนทั่วไปจะมีโอกาสเป็นเด็กเปิดประตูมากที่สุด โดยทั่วไปคือตามห้องน้ำสาธารณะ และทางเข้าอาคารต่างๆ  ดังนั้น ใครจะมาอังกฤษให้เตรียมรับมือกับการเป็นเด็กเปิดประตูเอาไว้ด้วย  ;D  ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 13, 20:31
เอาหมาอังกฤษ ที่ไม่มีปัญญาจะเลี้ยง   มาให้ดูกันบ้างค่ะ
เรียกว่า  Giant English Mastiff


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 13, 10:48
คุณชายประกอบเทพมัวไปขับแท็กซี่เสียแล้ว    ดิฉันเลยต้องมาดึงกระทู้ขึ้นเอง

แม่น้ำที่เห็นอยู่ทางตอนใต้ของอังกฤษ ชื่อแม่น้ำ Ex  ไหลผ่านเมือง Exeter ในแคว้น Devon    อากาศทางนี้อุ่นกว่าทางเหนือนิดนึง    ในฤดูร้อน  อากาศกำลังสบาย   


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 13, 11:00
ที่นี่มีหงส์ซึ่งไม่กลัวคน เพราะชาวบ้านจะมาโปรยเศษขนมปังให้เสมอ        พอมีคนเอาอาหารมาให้ หงส์ก็มากันใหญ่
ปกติฝรั่งเขาจะเอาเศษๆขนมปังเหลือก้นถุงมาโปรยให้หงส์กิน แต่คนไทยใจกว้างกว่า ซื้อมาทั้งถุงจากซุปเปอร์ ฉีกจากแผ่นโปรยให้เลย
เล่นเอาฝรั่งมองตาค้าง
ตอนเย็นๆ ก็เลยกลายเป็นกิจวัตรจะต้องมาเยี่ยมหงส์ที่นี่   แวะซื้อขนมปังใส่ถุงใหญ่หิ้วมาที่ริมแม่น้ำ   แล้วก็ลงมือเลี้ยงหงส์
มารู้ทีหลังว่าไม่ควรทำ   เพราะทำให้หงส์ติดใจรสชาติอาหารคน   เลยไม่หาอาหารธรรมชาติกินเอง   จะมีผลเสียต่อร่างกายของมัน
ข้อนี้ต้องถามโปรเฟสเซอร์เพ็ญอีกน่ะแหละว่าจริงหรือเปล่า   
ตอนนี้เต่าที่อยู่ในสระหลังบ้านก็ไม่ยอมกินผักบุ้งอีกแล้ว    จะกินแต่อาหารเม็ดของปลา


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ย. 13, 11:10
นอกจากหงส์ ยังมีนกนางนวลบินมาแย่งอาหารด้วย     โยนขนมปังขึ้นไปในอากาศ มันก็บินโฉบมางับไปเลย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 13, 11:22
มารู้ทีหลังว่าไม่ควรทำ   เพราะทำให้หงส์ติดใจรสชาติอาหารคน   เลยไม่หาอาหารธรรมชาติกินเอง   จะมีผลเสียต่อร่างกายของมัน
ข้อนี้ต้องถามโปรเฟสเซอร์เพ็ญอีกน่ะแหละว่าจริงหรือเปล่า    
ตอนนี้เต่าที่อยู่ในสระหลังบ้านก็ไม่ยอมกินผักบุ้งอีกแล้ว    จะกินแต่อาหารเม็ดของปลา

หงส์กับเต่าของคุณเทาชมพูเป็นสัตว์เลี้ยงไปเสียแล้ว ให้อาหารเถิดคงไม่เกิดพิษภัยใด ๆ ต่อมัน

แต่ถ้าเป็นสัตว์ป่า ตัวอย่างเช่น ลิงข้างทางขึ้นเขาใหญ่นี่ อย่าไปให้อาหารเชียว จะทำให้มันนิสัยเสียไม่ยอมไปหาอาหารกินเอง มัวแต่ทำตัวเป็นขอทานรอรับอาหารจากนักท่องเที่ยว เป็นอันตรายทั้งต่อตัวมันเองนอกจากจะเสียนิสัย เสียสุขภาพ แล้วยังเสี่ยงที่จะถูกรถทับ และอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่จะประสบอุบัติเหตุด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=4aSMFYLuolI

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ย. 13, 11:41
พูดถึงเรื่องนี้ ที่ญี่ปุ่น (ขออนุญาตคุณประกอบที่เอาญี่ปุ่นมาบุกอังกฤษเสียแล้ว  ;)) เขามีวิธีที่จะพบกันครึ่งทาง เขาไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวให้อาหารลิงป่ากลางทาง แต่จะจัดเป็นห้องให้อาหารโดยเฉพาะที่จุดท่องเที่ยว คือเป็นห้องที่ล้อมรอบสี่ด้านด้วยตาข่ายรูกว้างพอที่ลิงจะยื่่นแขนเข้าไปได้  นักท่องเที่ยวจะเข้าไปในห้อง และให้อาหารลิงที่มาคอยรับอาหารข้างนอก

ที่เขาใหญ่น่าจะเอาตัวอย่างนี้นำไปใช้ น่าจะได้ผล

http://www.youtube.com/watch?v=UeGuD6StXLc

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ย. 13, 21:24
หายไปหลายวันมัวเหลวไหลจนโดนตามตัว  คือผมไปพยายามเก็บภาพบ้านของคนอังกฤษอยู่ครับ   ถ้าใครมาอังกฤษอาจจะแปลกใจเวลาเห็นบ้านคน แม้แต่บ้านใหม่ๆ ก็ตาม  คือหลายๆ บ้าน โดยเฉพาะบ้านของชนชั้นกลางทั่วไป ไม่มีที่จอดรถ  ดังนั้นเจ้าของรถจะจอดรถหน้าบ้าน ถ้าถนนแคบหน่อยหรือพลุกพล่านหน่อยเจ้าของบ้านจะจอดแบบเกยขึ้นมาบนทางเท้าครึ่งคัน เพื่อไม่ให้เบียดเบียนพื้นที่ถนนจนเกินไป

บ้านเหล่านี้ไม่มีที่จอดรถ แต่ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่หลังบ้าน เป็นสวนบ้างอะไรบ้างกว้างขวางทีเดียว บางบ้านพื้นที่หลังบ้านมีถนนเล็กๆ เข้าถึงได้ แต่กระนั้นเจ้าของก็ยังไม่ทำที่จอดรถ  กลับใช้พื้นที่หลังบ้านทำเป็นสวนหรืออาณาจักรส่วนตัวแทนซะงั้น


ภาพนี้ถ่ายแถวบ้านผมเอง ด้านบนเป็นด้านหน้าบ้าน จอดรถกันเป็นตับ ด้านหลังคือหลังบ้าน แต่ละบ้านมีพื้นที่ด้านหลังพอสมควร แต่ก่อรั้วรอบขอบชิด ไม่มีใครใช้ทำที่จอดรถซะงั้น 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ย. 13, 21:29
นี่ก็อีกหลัง เป็นบ้านสร้างใหม่ มีสวนทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน แต่ไม่มีที่จอดรถ  :D  :D  :D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ย. 13, 21:37
ที่ยิ่งแปลกประหลาดไปอีกก็คือ บ้านของคนอังกฤษหลายๆ บ้านจะมีโรงจอดรถด้วย แต่ที่แปลกคือโรงจอดรถส่วนใหญ่มีประตูทางเข้าที่แคบมาก ถ้าคิดจะเอารถไปจอดจริงๆ ต้องใช้ฝีมืออย่างมาก และน้อยคนที่จะจอดรถในโรงจอดรถ  ส่วนใหญ่จอดไว้หน้าโรงนั้นแหละ ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักในการมีโรงจอดรถของคนอังกฤษคือ ใช้เป็นที่เก็บของ เช่นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ จักรยาน ของเหลือใช้ ฯลฯ ยกเว้นแต่รถ

ลองดูขนาดประตูเทียบกับรถบ้านนี้ครับ นี่เป็นประตูโรงจอดรถที่นับว่าใหญ่แล้วนะ โรงจอดรถบางบ้านประตูแคบหว่านี้อีก


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ย. 13, 21:46
บางบ้านมีที่จอดรถหลังบ้าน ดังภาพตัวอย่างด้านล่างหน้าบ้านและหลังบ้านที่มีที่จอดรถส่วนตัว แต่อีตาเจ้าของกลับมักง่ายเอารถมาจอดหน้าบ้านซะงั้น แบบว่าขี้เกียจเดิน  >:(  >:(


นี่ภาพหน้าบ้านผมเอง รถคันที่เห็นจอดอยู่หน้าบ้านคือรถเฟียตรุ่นพุงโตที่ผมใช้ขับ taxi ป้ายดำทำมาหากินอยู่นั่นเอง ประหยัดน้ำมันมากๆ กินน้ำมัน ประมาณ 70 ไมล์/แกลลอน คิดแบบไทยๆ ก็ราว 25 กม/ลิตร eco car บ้านเรายังประหยัดสู้ไม่ได้   ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 08:27
ร่วมด้วยช่วยเสริม

ขอเสริมเรื่องรถๆ ราๆ ในอังกฤษหน่อยครับ

การจะซื้อรถในอังกฤษ จะไม่มีเงื่อนไขว่าต้องมีที่จอดรถเหมือนในญี่ปุ่น  และบ้านโดยส่วนใหญ่มักจะไม่มีที่จอดรถซะด้วย
บ้านของคนชั้นกลางทั่วๆ ไปในอังกฤษ มักเป็นเหมือนทาวน์เฮาส์บ้านเรา ปลูกติดๆ กันขนาดไม่กว้างขวางนัก มี 2 หรือ 3 ห้องนอนเท่านั้น
ด้านหน้าบ้านอาจะมีพื้นที่เล็กๆ ปลูกต้นไม้ได้นิดหน่อย แต่ไม่พอจอดรถ  หรือถ้าพอจอด ก็ไม่ค่อยมีใครใช้ทำที่จอดรถกัน กันเป็นสวนเล็กๆ ซะมากกว่า
หลายๆ บ้านที่เคยเห็นมา มีพื้นที่หลังบ้านเป็นลานกว้างเหลือเฟือไว้ตากผ้า แต่ไม่มีถนนเข้าถึงให้เอารถไปจอดได้ คาดว่าบ้านพวกนี้อาจสร้างตั้งแต่สมัยมากกว่าร้อยปีก่อน คนไม่มีรถใช้กัน

เมื่อบ้านจำนวนมากไม่ได้เตรียมพื้นที่สำหรับจอดรถ ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยจึงจอดรถบนถนนหน้าบ้านกัน
ซึ่งแต่ละถนนที่เป็นย่านพักอาศัย ถ้าเป็นย่านตัวเมืองหน่อย เจ้าของบ้านจะจอดรถก็ต้องไปเสียค่าธรรมเนียมให้บางเทศบาลก่อนซึ่งก็ไม่แพง
แล้วเค้าจะให้บัตรมาแปะหน้ารถว่าเราสามารถจอดตรงบริวเวณย่านนั้นๆ ได้ แต่ก็ต้องแย่งกันจอดกับคนที่มีบ้านแถวนั้นอีก ไม่มีที่จอดประจำหรือสงวนไว้
ส่วนใครไม่มีบัตรสุ่มสี่สุ่มห้าไปจอด โดนพนักงานเดินตรวจมาเห็นอาจโดนปรับครั้งละ 60 ปอนด์ได้
พนักงานเดินตรวจจะถ่ายรูปรถเรา ลงเวลาไว้ แปะสัญลักษณ์ใบสั่ง แล้วก็เป็นหน้าที่เจ้าของรถต้องไปเสียค่าปรับ ถ้าไม่เสียจะต่อภาษีปีต่อไปไม่ได้

หน้าบ้านผมก็มีใครต่อใครเอารถมาจอดทุกวันเพราะเป็นย่านบ้านนอก ใครก็จอดได้ บ้านผมดีหน่อยมีพื้นที่จอดรถส่วนตัวด้านหลัง เลยไม่ต้องแย่งจอดหน้าบ้านกับใคร
แถมเวลาจอดรถหน้าบ้านกัน คนจำนวนไม่น้อยจะจอดแบบปีนฟุตพาธขึ้นมาค่อนคันกัน เพราะถนนหนทางค่อนข้างแคบ จะได้เหลือพื้นที่ถนนให้รถอื่นๆ ไปมาได้สะดวกขึ้นอีกนิด


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 16:49
มาคั่นโปรแกรม
พยายามคิดว่า อะไรที่ "อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ " สมชื่อกระทู้     นึกได้อีกอย่างคืออาหารอังกฤษ
รูปที่เอามาลงคืออาหารเช้าแบบอังกฤษ  มีไส้กรอก  เบคอน เห็ด ไข่ดาว มะเขือเทศ   
คุณประกอบชอบอาหารอังกฤษ  เหมือนคุณนวรัตนกับคุณเพ็ญชมพูชอบอาหารญี่ปุ่น ไหมคะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 16:54
อาหารเช้าอีกอย่างที่เจอแต่ในอังกฤษ ยังไม่เจอในอเมริกา คือ porridge  อันได้แก่ข้าวโอ๊ต(หรือข้าวสาลี หรือซีเรียล อะไรก็ได้)นำมาบดละเอียดแล้วต้มกับนม     จากนั้นก็ใส่ผัก ใส่ผลไม้อะไรลงไปเพื่อชูรส  เติมน้ำตาลด้วยถ้าใครชอบหวาน

เคยกินหนเดียว แล้วไม่ได้ติดใจจะกินอีกเลยจนบัดนี้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ย. 13, 17:19
ไม่ลองนี่ๆครับ Fast food อังกฤษแท้ๆคือ Pork pie คุณประกอบต้องรู้จักแล้วละ ที่ไหนๆในอังกฤษก็มีให้สั่งทั้งนั้น ได้น้ำพริกศรีราชาซะอีกอย่างก็เยี่ยมเลย น้ำพริกศรีราชาเดี๋ยวนี้หาได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปในยุโรป แต่ดูให้ดีนะครับ อย่าให้ทำในญวนก็แล้วกัน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 17:45
ส่ง fast food ยอดนิยมของอังกฤษเข้าประกวด (แก้ไขชื่อเรียบร้อยแล้ว)  ;)

อาหารคาวของฝรั่งถ้าเทียบกับทางเอเชียแล้วรสชาติจะไม่ค่อยคุ้นลิ้นคนไทยนัก โดยส่วนตัวรู้สึกเหมือนว่าเค้าจะเน้นเรื่องกลิ่นมากกว่ารส  รสชาติจะไม่จัดจนถึงกับจืดๆ เลยโดยเฉพาะอาหารอังกฤษนี่เรียกได้ว่าไม่เด่นเลย  ส่วนนึงอาจจะเพราะฝรั่งเค้าคุ้นเคยรสชาติแบบนั้น

อย่าง fish and chips ที่นิยมกินกันในอังกฤษ ถ้าเป็นบ้านเราแป้งที่ใช้ชุบปลาเราคงผสมเกลือหรือปรุงรสให้มันเข้นข้นขึ้นอีกนิดเพราะปลามันก็จืดๆ แต่ที่นี่เค้าก็ใช้แป้งจืดๆ ทอดทั้งอย่างนั้น แล้วค่อยมาโรยเกลือป่นกับเวเนก้าน้ำส้มฝรั่งทีหลัง ทำให้คุมรสชาติไม่ค่อยได้ เพราะบางทีคนโรยเกลือหนักไปก็เค็ม น้อยไปก็จืด ไม่ก็ไปกระจุกเค็มเป็นหย่อมๆ แถมหนังปลาเค้าก็ไม่กินกัน ที่จริงถ้าทาเกลือที่ปลาหน่อยแล้วทอดทั้งหนังกินร้อนๆ อาจจะอร่อยกว่า

fish and chips หรืออาหารที่ซื้อกินตามร้านในอังกฤษมักจะมี chip หรือมันทอดให้ แถมให้ทีก็เยอะพูนจานเลย กินกันไม่ค่อยหมดทั้งไทยทั้งฝรั่ง แทบจะไม่เคยเห็นใครกินหมดเลย  เหลือทิ้งปีๆ หนึ่งไม่ใช่น้อยๆ เลย  เห็นแล้วเสียดายมาก  ใช่ว่าฝรั่งเองก็กินเรียบไม่มีเหลือทุกจานเสมอไป


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5482.0;attach=38313;image)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 17:51
ไม่ลองนี่ๆครับ Fast food อังกฤษแท้ๆคือ Pork pie คุณประกอบต้องรู้จักแล้วละ ที่ไหนๆในอังกฤษก็มีให้สั่งทั้งนั้น ได้น้ำพริกศรีราชาซะอีกอย่างก็เยี่ยมเลย น้ำพริกศรีราชาเดี๋ยวนี้หาได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปในยุโรป แต่ดูให้ดีนะครับ อย่าให้ทำในญวนก็แล้วกัน

ถ้าทำในญวนอาจจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ pork หรือไงคะ (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3276.0;attach=9565;image)

ส่งอีกอย่างเข้าประกวด   คุณประกอบคงเคยกินมาแล้ว  เรียกว่า  steak and kidney pie  เป็นพายเนื้อ ใส่เครื่องในสัตว์ คือไต   กินเป็นของคาวแบบเดียวกับ pork pie ของท่านนวรัตน    
แต่รสชาติถ้าใครชอบแป้งผสมเนื้อจืดๆเค็มๆ ก็คงชอบ    ถ้าใครชอบรสจัดจ้านกว่านี้เห็นจะต้องหาซอสศรีราชามาจิ้มเอาเอง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ย. 13, 18:07
สงสัยผมจะใช้ภาษาไทยผิด


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ย. 13, 18:11
จะเอาพ๋มไปทำพายหรือก๊าบ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 18:23
ห้ามเป็นตัวนี้ละกันค่ะ   เจ้าของขาดใจแน่


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ย. 13, 18:28
!


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 20:19
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นยาวๆทอดที่เรียกว่าเฟร้นช์ฟราย  เป็นอาหารจานด่วนยอดนิยม คนไทยกินควบกับไก่ชุบแป้งทอด จิ้มซอสมะเขือเทศ       แต่พอเปลี่ยนจากไก่เป็นปลาชุบแป้งทอด กลับไม่ถูกปากคนไทย
เคยได้ยินชื่อ fish and chips มานานแล้วว่าเป็นอาหารสามัญประจำร้านของคนอังกฤษ  ไปไหนๆก็เจอ เหมือนคนไทยกินข้าวแกง  ก็เลยนึกว่าคงอร่อยถูกปากคนอังกฤษ  พอมีโอกาสได้กิน ไปลองชิมดูบ้าง   ก็เหลือเบะแบนในจานไม่แพ้คนอังกฤษเหมือนกันค่ะ

ยังนึกไม่ออกเลยว่ามีอาหารอังกฤษจานไหนที่ถูกปากคนไทย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 13, 21:15
อาหารอีกอย่างที่ทำให้งงพอใช้เมื่อไปเจอ คือพุดดิ้ง    เพราะพุดดิ้งของอเมริกันกับอังกฤษไม่เหมือนกัน     พุดดิ้งของอเมริกามันมี 2 แบบคือเนื้อคล้ายๆเค้กแบบหนึ่ง และเหลวคล้ายๆมูสอีกแบบหนึ่ง   กินเป็นของหวาน
แต่พอมาเจอยอร์คเชอร์ พุดดิ้งของอังกฤษเข้า   กลายเป็นก้อนแป้งอย่างเดียวกับขนมปังก้อนๆ  เอาไว้กินแกล้มกับเนื้อย่าง (เป็นเนื้อวัวหรือเนื้อแกะก็ได้)  ราดน้ำเกรวี่ และมีผักอย่างถั่วฝักยาวและแครอทประกอบด้วยค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 03 ก.ย. 13, 02:11
ความเห็นของ Prof. เพ็ญฯนี่มันคุ้นๆ ยังไงชอบกล

ส่งภาพอาหารเช้าเข้าประกวด  เป็นครั้งแรกที่ผมไปพัก B&B คือ Bed and Breakfast ที่เกาะ Sky ตอนเช้ามีอาหารเช้าน่ากินให้ด้วย ไอ้ก้อนดำๆ คือ black pudding ทำจากเลือด

อาหารเช้ามื้อนี้ปรากฏว่าเห็ดย่างไม่ค่อยสุก กินแล้วอาหารเป็นพิษ  อาเจียนกันแทบตาย แถมทำให้ท้องแข็งกินข้าวไม่ลงไปอีกสองวัน  ;D  ;D  ;D  ที่รู้ว่าเป็นเห็ดเพราะไปกันสามคน ไม่กินเห็ด 1 คน ไม่เป็นไร อีกสองคนที่ฟาดเข้าไปเต็มที่ป่วยเหมือนกัน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 03 ก.ย. 13, 04:14
ด้วยความเคารพ quiche กับ pie ต่างกันอย่างไร ถามฝรั่งก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ
ส่วนมากคนที่นี่เรียก quiche ครับ หรือว่าเป็นการตลาดเรียกให้เป็นภาษาฝรั่งเศษเพื่อให้ดูโก้เก๋
จะได้อร่อยขึ้นครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 09:04
ส่วนผสมมันก็ทำนองเดียวกันละค่ะ    บางทีหน้าตาก็ออกมาเหมือนกัน  คือทำในชามเป็นรูปกลมแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นแบบเดียวกัน

แต่ว่าคิช  ซึ่งมีส่วนผสมเป็นแป้งใส่ไส้เนื้อสัตว์ เนยแข็ง ผัก  กินเป็นอาหารคาว ส่วนพายมีหลายประเภท ถ้าไส้เป็นเนื้อสัตว์อย่างพายไก่  หรือพายเนื้อ ก็กินเป็นของคาว  ถ้าไส้เป็นผลไม้หวานๆปรุงรสให้หวาน   เช่นพายบลูเบอรี่ ก็ถือว่าเป็นของหวาน
ข้างล่างนี้คือคิช ไม่ใช่พาย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 09:29
ส่วนมากคนที่นี่เรียก quiche ครับ หรือว่าเป็นการตลาดเรียกให้เป็นภาษาฝรั่งเศษเพื่อให้ดูโก้เก๋
จะได้อร่อยขึ้นครับ


ที่นี่ของคุณโฮโบนี่อยู่ต่างประเทศหรือเปล่าหนอ   ???


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ก.ย. 13, 10:15
           เห็นอาจารย์พูดถึงเรื่องหงส์แล้วตอนนี้คุยกันเรื่องอาหาร ทำให้นึกถึงข่าวนี้
เมื่อเดือนก่อน ครับ     

            Queen's swan 'killed, barbecued, eaten and dumped on riverbank'

          รายงานข่าวเมื่อ 21 August 2013 ว่าพบซากส่วนบาร์บีคิวหงส์ที่ Baths Island
ใน Berkshire ใกล้ Windsor Castle

อ่านรายละเอียดที่

     http://www.standard.co.uk/news/london/queens-swan-killed-barbecued-eaten-and-dumped-on-riverbank-8778451.html


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 10:31
โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ   เห็นแล้วสลดใจ
กลุ่มคนที่ทำได้แบบนี้น่าจะทำเพราะคึกคะนอง     มากกว่าอดอยากไม่มีอะไรกิน 
หงส์ที่นั่นมันเชื่อง   น่าจะล่อมาใกล้ๆแล้วฆ่าได้ไม่ยาก  จากนั้นลากหงส์มาถอนขน ถลกหนัง   แล่เนื้อย่างกินกันสนุกสนาน
เสร็จแล้วขนเตาย่างจานชามขึ้นรถกลับไป   จึงไม่เหลือร่องรอยอื่น  ทิ้งซากหงส์ไว้เย้ยตำรวจ

บาบิคิวโหดครั้งนี้ น่าจะกินเวลานานพอสมควร อย่างน้อยก็เป็นช.ม.
ทำไมไม่มีใครเห็นบ้างเลย 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 03 ก.ย. 13, 15:38
 

ที่นี่ของคุณโฮโบนี่อยู่ต่างประเทศหรือเปล่าหนอ   ???
[/quote]

ผมอยู่บ้านนอกครับ แค่สะกดคำว่าฝรั่งเศส สันสกฤต ยังผิดเลยครับ ไม่มีความสามารถขนาดนั้นครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 17:04
ของกินที่เป็นเอกลักษณ์ของอังกฤษอีกอย่างคือ ชา   ส่วนกาแฟเป็นของอเมริกัน
เมื่อก่อนนี้  คนอังกฤษเป็นเจ้าแห่งการกินน้ำชา    เช้าสายบ่ายเย็นเรียกมากินได้เสมอ   หนาวก็กิน   เครียดก็กิน   ทำงานหนักก็กิน  เบื่อขึ้นมาไม่มีอะไรทำก็กิน     
แต่ที่กินเป็นธรรมเนียมแบบแผนในสังคมคือมื้อบ่าย   ระหว่างสี่โมงเย็นถึงหกโมง     กินน้ำชาร้อนๆกับขนมและของว่าง ซึ่งแม้แต่ในบ้านก็ยังจัดมาแบบมีให้เลือกหลายชนิด เช่นเค้ก และแซนด์วิช    ถ้าหากว่าเชิญแขกมาคุย  ก็มากินน้ำชากันในช่วงนี้   
ในยุคที่แม่บ้านอังกฤษยังมีเวลาอยู่บ้านดูแลบ้าน  การทำขนมกินกับน้ำชา ถือเป็นการอวดฝีมืออย่างหนึ่ง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ย. 13, 17:15
คนไทยไฮโซสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง  โดยเฉพาะพวกที่ไปเรียนในอังกฤษ(อเมริกายังมีคนไปเรียนน้อยมาก) นำความเคยชินกลับมากินน้ำชาตอนบ่ายเหมือนกัน   
สมัยนั้น  อากาศในกรุงเทพตอนนั้นยังไม่ร้อนเท่าตอนนี้    เพราะยังไม่มีอาคารสูงๆ มีแต่บ้านคนปลูกห่างๆกัน มีต้นไม้ล้อมรอบบ้าน    ลมพัดผ่านได้   การกินน้ำชาจึงทำได้สบาย ไม่ร้อนเหงื่อแตก   แต่คนไทยมีนิสัยชอบประยุกต์  จึงเปลี่ยนชาฝรั่งเป็นชาจีนบ้างเหมือนกัน   หรือไม่ก็กินชาฝรั่งกับของว่างแบบไทย

ไม่ทราบว่าคุณชายประกอบเทพดื่มชาบ้างหรือเปล่าคะ  ตอนว่างจากขับแท็กซี่
ดิฉันไม่ดื่มชา  แต่ไปอังกฤษทีไรก็ต้องหอบหิ้วชากระป๋องเล็กๆขายเป็นแพคกลับมาเป็นของฝาก     ไม่งั้นมันเหมือนไม่ได้ไปอังกฤษ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 03 ก.ย. 13, 23:36
ช่วงนี้ยุ่งหัวหมุน ผลุบๆ โผล่ๆ ไปหน่อย ต้องขออภัยครับ ว่าจะมา update โน่นนี่แต่ไม่มีเวลา ได้แค่แวะเข้ามาแว่บๆ


เรื่องชากาแฟนี่ผมเด็กดีไม่แตะเลยครับ  เหล้า บุหรี่ การพนัน เรื่องเจ้าชู้ผมไม่มีทั้งนั้น  ข้อเสียผมมีแต่ขี้โม้และไม่ชอบพูดความจริงเท่านั้น  ;D


พูดถึงชานี่ ที่อังกฤษมีมากมายหลายแบบให้เลือกจริงๆ ตามซูเปอร์มาเก็ตนี่แถวที่ขายชากินพื้นที่ไม่น้อย มีชาแบบต่างๆ มให้เลือกลานตาไปหมด  แต่เรื่องจากผมไม่กินชาเลยบอกความแตกต่างไม่ได้ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดีกว่ากันยังไง  แต่เห็นคนที่นิยมชาเคยบอกว่าชาหลายตัวที่นี่หอมมาก กินแล้วติดใจ    นอกจากแค่กินชาแล้ว ธรรมเนียมกินชายังเป็นวิถีชีวิตของคนอังกฤษจำนวนไม่น้อยอยู่   อย่างภาควิชาที่ผมมานั่งอ้วนอยู่ พอตอน 11 โมง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงฝ่ายต่างๆ จะมาล้อมวงกินชาแล้วก็นั่งคุยกันที่โซฟาเป็นกลุ่มเป็นกิจวัตรประจำวันเลยครับ  นานๆ ครั้งจะเห็นหัวหน้าภาควิชามาร่วมวงด้วย ก็เป็นภาพที่แปลกตาดี  


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 13, 13:01
คุณประกอบไม่แตะชากาแฟ เลยอดกินชากุหลาบ (rose tea)  ดิฉันเคยกินหนหนึ่ง เจ้าภาพเชิญไปเลี้ยง ชงชากุหลาบมาให้   ดูๆก็ชาอังกฤษนี่แหละ แต่ว่าเวลาดื่มแล้วรสออกเปรี้ยวหน่อยๆ คงจะรสชาติของกลีบกุหลาบที่ผสมลงไป   และมีกลิ่นกุหลาบอบอวลขึ้นมาจากถ้วย
วิธีทำคือผสมกลีบกุหลาบตากแห้งกับใบชาป่นละเอียด  ตากแห้งจนได้ที่แล้วมาชงเป็นชา   
นอกจากชากุหลาบก็ยังมีชาผสมดอกไม้แห้งอีกหลายชนิด   แต่ไม่ได้ติดตามว่ามีอะไรบ้างค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ย. 13, 15:17
กลับมาเรื่องบ้านอีกครั้งค่ะ
สังเกตว่าบ้านในอังกฤษ มักจะสร้างค่อนมาทางด้านหน้าของเนื้อที่      บางบ้านอย่างบ้านคุณประกอบก็ติดบาทวิถีเลยทีเดียว    เนื้อที่ว่างที่เขามีคือเนื้อที่หลังบ้าน    จะทำกิจกรรมต่างๆ เช่นปลูกดอกไม้ไว้ชมเล่น  หรือนั่งกินน้ำชา   หรือทำโรงเก็บรถ ก็เอาจากเนื้อที่หลังบ้านนี่แหละ   
ส่วนบ้านไทยตรงกันข้าม   ถ้าหากว่ามีบริเวณบ้าน  จะสร้างบ้านลึกเข้าไปติดด้านหลัง  ปล่อยด้านหน้าเอาไว้เป็นสนาม   เนื้อที่สนามนี้สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้ใช้เอาไว้ทำอะไรนอกจากปลูกหญ้า ปลูกดอกไม้(ถ้าบ้านไหนเจ้าของขยันปลูก)  แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ด้านใช้สอย     
ไม่เคยเห็นเจ้าของบ้านเอาสนามเป็นที่นั่งเล่นประจำ  หรือพักผ่อนพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก     ถ้าเชิญเพื่อนฝูงมาบ้านก็ไม่จัดปาร์ตี้บนสนาม  แต่จะจัดเลี้ยงกันภายในบ้าน   อาจเป็นเพราะอากาศบ้านเราร้อนจัดจนไม่เป็นใจให้อยู่กลางแจ้งได้นานๆ  อยู่ในห้องแอร์สบายกว่า   
แต่ถ้าบ้านไหนมีบริเวณ ก็จะทำสนามหน้าบ้านอยู่ดี  ไม่ทำสนามหลังบ้าน

รูปข้างล่าง  ซ้ายบนกับซ้ายล่างเป็นบ้านอังกฤษ  ส่วนขวาบนกับขวาล่างเป็นบ้านในไทยค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 05 ก.ย. 13, 20:39
สำหรับคนไทยที่คุ้นเคยกับบ้านใหญ่ๆ เมื่อมาอยู่บ้านในอังกฤษใหม่ๆ อาจต้องปรับตัวนึดนึง เพราะบ้านคนอังกฤษทั่วไปจะมีขนาดเล็กกว่าบ้านคนไทยในระดับเดียวกัน  ขนาดที่ว่าคือขนาดของตัวบ้าน ไม่รวมสวน โดยเฉพาะบ้านของชนชั้นกลางที่มักมีลักษณะเป็น Terrance house หรือเหมือน townhouse บ้านเรา คือใช้ผนังสองด้านร่วมกัน  เพียงแต่ส่วนใหญ่อาจมีพื้นที่สวนหลังบ้านเยอะหน่อยแบบภาพที่ให้ดูในต้นๆ กระทู้


เรื่องที่ต้องอึดอัดอย่างแรกคือจำนวนห้องน้ำจะน้อยกว่าบ้านเรา  บ้านสองชั้นขนาด 2-3 ห้องนอนที่มีห้องน้ำเดียวเป็นเรื่องธรรมดา  บางบ้านดีหน่อยอาจจะมีห้องน้ำเล็กๆ สำหรับขับถ่ายเพิ่มมาอีก 1 ห้อง  แต่โดยทั่วไปจะมีห้องน้ำไม่เยอะ  บางบ้านเป็นกึ่งบ้านเดี่ยว 3 ห้องนอนหลังใหญ่ แต่ดันมีห้องน้ำห้องเดียวก็มี  ห้องน้ำส่วนใหญ่มักอยู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน คือชั้นเดียวกับห้องนอน ดังนั้นอาจต้องมีการวิ่งขึ้นวิ่งลงบ่อยๆ ถ้าชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ชั้นล่าง


เรื่องอึดอัดที่สองคือ ห้องน้ำส่วนใหญ่ เอาเป็นว่าห้องน้ำทั้งหมดที่ผมเคยเห็นมา จะไม่มีช่องระบายน้ำที่พื้นห้องน้ำครับ ! ! !  นั่นคือถ้าเราทำพื้นห้องน้ำเปียกเราต้องใช้ผ้าถูกให้แห้งอย่างเดียว  พื้นห้องน้ำจะไม่ได้ปูกระเบื้องเปียกได้ล้างได้ ระบายน้ำได้แบบบ้านเรา แต่มักจะแค่ปูประเบื้องยาง ลามิเนท หรือเสื่อน้ำมันแทน  บางบ้านหนักขึ้นไปอีกคือปูพรมที่พื้นห้องน้ำ  ที่สุดยอดน่ากลัวไปอีกคือปูพรมจนสูงเสมอขอบอ่างอาบน้ำก็มี เห็นแล้วน่ากลัวเชื้อโรคหมักหมมจริงๆ  


เวลาอาบน้ำฝรั่งเค้าจะไปอาบในอ่างอาบน้ำกันแทน ดังนั้นพื้นห้องน้ำจึงไม่จำเป็นต้องเปียกและไม่ต้องระบายน้ำได้  ผมมาใหม่ๆ ไม่รู้ล้างห้องน้ำเทน้ำลงพื้นขัดอย่างดี สุดท้ายต้องร้องแย่เลี้ยววว มันไม่มีทางระบายน้ำ ต้องไปหาผ้าขี้ริ้วมานั่งซับ ไม่งั้นมันจะรัวซึมลงฝ้าเพดานแทน   อีกหนพี่สาวมาจากเมืองไทยมาเยี่ยม หวังดีช่วยล้างพื้นห้องน้ำให้ กว่าผมจะรู้ตัวก็เห็นน้ำซึมผ่านฝ้าชั้นล่างหยดแหมะๆ ลงมาข้างล่างใส่หลอดไฟติ๋งๆๆๆ แล้ว ดีกว่าฝ้ายังไม่พัง


นอกจากอึดอัดพื้นห้องน้ำแล้ว  ในอ่างล่างหน้าก็มักจะมีก๊อกแบบแยกร้อนเย็นจากกัน  เพราะธรรมเนียมโบราณเค้าจะเปิดน้ำร้อนเย็นผสมกันใส่อ่างล้างหน้า แล้วจะเช็ดล้างอะไรก็วักเอาตามอัธยาศัย  ปัญหาคือไอ้น้ำร้อนก็ร้อนจุด น้ำเย็นก็เย็นเจี๊ยบ  จะล้างมือทีต้องคิดหนัก ล้างนานไม่ได้ ไม่ลวกมือก็มือแข็ง  แทนที่จะทำก๊อกแบบน้ำร้อนเย็นเปิดที่หัวก๊อกแต่ช่องออกเดียวกันให้ผสมเป็นน้ำอุ่นได้ นี่ดันแยกกันทำไมก็ไม่รู้  บ้านสร้างใหม่กิ๊กๆ เลยก็ยังมีธรรมเนียมใช้ก๊อกอ่างน้ำแบบนี้อยู่


ส่วนของยอดเยี่ยมแสนจำเป็นในบ้านเราอย่างสายฉีดล้างก้นนี่ อย่าหวังครับ ฝรั่งอังกฤษบอก ไอม่ายรูจั่กกก


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 05 ก.ย. 13, 20:54
มีอยู่หนนึงมีวาสนาได้ไปอิตาลี  ถึงโรงแรมพักกับเพื่อนไนจีเรีย  เปิดเข้าไปในห้องน้ำเจออ่างหน้าตาประหลาด เห็นแล้วสงสัยว่ามันมีไว้ทำไมกันนี่  เพราะที่เมืองฝรั่งอังกฤษไม่เคยเห็น เจ้าไนจีเรียบอกว่าเอาไว้ซักผ้า  แล้วมันก็ใช้ซักผ้าจริงๆ ด้วย   จะว่าไว้ล้างหน้าก็ดูว่ามันต่ำไป  เวลาเปิดก๊อกแล้วน้ำมันจะพุ่งสูงเหมือนน้ำพุ   ผมเดาเล่นๆ ว่าเป็นก๊อกน้ำพุสำหรับดื่ม  :P    เวลาหิวน้ำก็คุกเข่าก้มหน้าลงไป เปิดก๊อกให้น้ำพุ่งสูงขึ้นมาแล้วก็ดื่มน้ำได้เลย   แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงจะมีไว้ทำไมนั้น อาจต้องรอท่านผู้รู้มาเฉลย  ;D  ;D  ;D


ไม่กี่วันก่อนไปช่วยเพื่อนย้ายบ้าน ได้มีโอกาสเจอไอ้เจ้าอ่างแบบนี้ในบ้านของคนอังกฤษเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ย. 13, 21:02
แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงจะมีไว้ทำไมนั้น อาจต้องรอท่านผู้รู้มาเฉลย  ;D  ;D  ;D

สมัยที่ผมสอบเอ็นทรานซ์ ตอนนั้นเขาสอบแยกกัน ข้อสอบวิชาศิลปะภาคทฤษฎีเข้าสถาปัตย์จุฬามีข้อหนึ่งให้เลือกตอบว่า Bidet เป็นชื่อของ


ก.   น้ำพุแห่งหนึ่งในกรุงโรม
ข.   ที่สำหรับกดน้ำดื่มในสถานสาธารณะ
ค.    ที่ปัสสาวะของผู้หญิง


เข้าไปแล้วอาจารย์เอามาเบิ้ลนิสิตใหม่ว่า ข้อนี้ไม่มีใครตอบว่าBidetเป็นที่ปัสสาวะของผู้หญิงเลยซักกะคน

แล้วพวกเราก็มีโอกาสได้เห็นได้เจ้าบิเด้จริงๆก็ตอนที่อาจารย์พาไปดูโรงแรมชั้นหนึ่งที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆในสมัยนั้น พอเข้าไปในห้องสวีต เห็นเจ้าที่ว่านี่ติดอยู่ข้างเคียงกับโถส้วมในห้องน้ำ แปลกดีแฮะ เข้าไปมุงกันใหญ่ เพื่อนคนที่อยู่ใกล้ทดลองบิดก๊อกดูแต่แรงไปหน่อย น้ำพุ่งจากฝักบัวเล็กๆที่อยู่ด้านล่างขึ้นสูงถึงเพดาน ก่อนจะโปรยปรายลงมาดังสายน้ำมนต์ นิสิตทั้งชายและหญิงต่างฮือแย่งกันออกจากห้องน้ำ เปืยกปอนไปทั่ว คนโรงแรมหน้าเป็นจวัก อาจารย์ที่พาไปก็หน้าจ๋อยตามระเบียบ


(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4738.0;attach=24805;image)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ย. 13, 21:08
คุณชายประกอบเทพอำได้หน้าตายมากค่ะ  ป่านนี้คงรู้แล้วว่าเอาไว้ทำอะไร
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5709.0;attach=42042;image)

bidet ทับศัพท์ว่า บิเดต์    อ่านว่าบิเด้ ค่ะ 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ย. 13, 22:08
ห้องน้ำของคนอังกฤษกระเบียดกระเสียรเนื้อที่สุดๆ   แม้แต่บ้านที่สร้างใหม่  เขาก็ไม่เผื่อเนื้อที่ห้องน้ำไว้เกินจำเป็น    ก้าวเข้าไปกางแขนเอามือยันผนังฟากตรงข้ามได้สบายๆ      ขนาดห้องน้ำบางแห่ง แคบพอๆกับห้องเก็บเสื้อผ้าของอเมริกาที่เรียกว่า closet
อีกอย่างคือไม่ทำหน้าต่าง  ต้องอุดอู้อยู่ในนั้น    ถ้าหน้าหนาวก็ยังพอไหว แต่หน้าร้อนเข้าไปแล้วอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกค่ะ  

มาสนับสนุนคุณประกอบอีกเสียงหนึ่ง ว่าห้องน้ำในอังกฤษเขาไม่ได้ทำพื้นห้องไว้ให้ล้าง   เขาทำไว้ให้ถูหรือเช็ดเท่านั้นเอง   ล้างแต่เฉพาะอ่าง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 09 ก.ย. 13, 18:06
หนีจากห้องน้ำพาชาวเรือนไทยไปเที่ยวกันบ้าง

ส่วนหนึ่งที่ทำให้อังกฤษเป็นจ้าวโลกในช่วง 100 - 200 ปีที่ผ่านมาคือการมีกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรสุดๆ  และถ้าถามว่าเรือรบลำไหนของอังกฤษที่เป็นที่จดจำมากที่สุดก็น่าจะเป็นลำนี้ เรือรบ HMS Victory เรือธงของลอร์ดเนลสันแม่ทัพเรืออังกฤษที่เอาชนะกองทัพเรือฝรั่งเศสอย่างเด็ดขาดเมื่อปี 1805 แม้ว่าท่านลอร์ดเองจะต้องสละชีพในการรบครั้งนี้ด้วยก็ตาม

ปัจจุบันเรือรบวิคตอรีประจำการอยู่ที่ฐานทัพเรือที่ Portsmouth  เรือลำนี้ยังอยู่ในสถานะประจำการอยู่แม้จะออกไปแล่นในทะเลไม่ได้แล้วก็ตาม  น่าสนใจไปเยี่ยมชมมาก เลยเอาภาพมาให้ชมกัน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 09 ก.ย. 13, 19:57
บนเรือจะมีการแสดงจุดที่ลอร์ดเนลสันโดนยิงล้มลง ซึ่งเป็นบริเวณดาดฟ้าค่อนไปทางท้ายเรือ  มีป้ายทองเหลืองบอกไว้เด่นชัด

สาเหตุหนึ่งที่ลอร์ดเนลสันถูกยิงขณะบัญชาการรบคือ ท่านลอร์ดเล่นแต่งกายเต็มยศ เหรียญตราต่างๆ ติดเต็มแผงเด่นชัด ทำให้พลแม่นปืนจากเรือรบของฝรั่งเศสสามารถใช้เป็นจุดเล็งได้อย่างง่ายดาย ท่านนายพลของเราเลยต้องเอาชีวิตมาทิ้งโดยไม่น่าเลย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 09 ก.ย. 13, 20:02
ที่น่าสนใจคือที่หลับที่นอนของลูกเรือในสมัยนั้น เหล่ากลาสีลูกเรือก็มักจะผูกเปลนอนกันในตำแหน่งประจำสถานีรบของตน  ส่วนนายพลก็จะมีที่หลับนอนเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ก็ผูกเปลนอนเหมือนกัน  ภาพบนคือบริวเวณที่ลูกเรือนอนกัน ส่วนภาพล่างคือแถวๆ ที่ลอร์ดเนลสันนอน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 20:15
ชุดนี้มั้งคะ คุณประกอบ  เหรียญตราเป็นเป้าชัดเหลือเกิน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 20:39
ภาพวาด The Fall of Nelson, Battle of Trafalgar โดย Denis Dighton ช่างเขียนชาวอังกฤษ  ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 09 ก.ย. 13, 22:28
จริงๆ แล้วถ้าใครวางแผนจะมาเรียนต่อที่อังกฤษโดยมองเรื่องเที่ยวเป็นหลัก เรียนเป็นรองแล้วหละก็  ควรจะเลือกมหาวิทยาลัยแถวๆ โซนใต้ๆ หรือใกล้ลอนดอนหน่อยจะดีมาก เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ มักจะอยู่แถวใต้ๆ มากกว่าเหนือๆ  อย่างกระผมเองมาอยู่เมืองไกลปืนเที่ยง  เทียบกับเมืองไทยก็ราวๆ จังหวัดตาก ปรากฏว่ามันไม่ค่อยมีสถานที่น่าสนใจให้ไปเยี่ยมชมเท่าไหร่  จะไปไหนทีก็ไกลเหลือหลาย  ถ้าเลือกไปเมืองใต้ๆ หน่อย เช่น Bath, Bristol, Exeter, Southampton, Kent, etc. พวกนี้ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สะดวก  ข้ามไปฝรั่งเศสก็ไม่ไกล เล่นมาอยู่จังหวัดตากของอังกฤษแบบผมนี่ต้องตีหน้าเบ้ส่ายหัวเดี๊ยะ แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ มันน้อยจริงๆ   ในหนังสือท่องเที่ยวอังกฤษทุกเล่มทุกภาษาจะผ่านเลยเมืองไกลปืนเที่ยงของผมไปอย่างไม่ใยดี  :'(  :'(


ถ้าโซนใต้ๆ ไม่สะดวก จะเลื่อนไปทางอิสานของอังกฤษก็ยังพอไหว เช่นเมือง York, Leeds, Durham  อะไรพวกนี้  สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์น่าสนใจมีไม่น้อย แถมหน้าหนาวยังมีหิมะให้เล่นอีก  ไม่งั้นก็ขึ้นเหนือไปสกอตแลนด์เลย  อย่างเอดินเบิร์กนี่เมืองสวยมาก  โรแมนติคสุดๆ  ใครกำลังจีบๆ กันรับรองมาแล้วกลับไปกลายเป็นแฟน   ใครเพิ่งเป็นแฟนกันมานี่ก่อนกลับไปมีหวังได้เสียกันก่อน 95%   ใครรักกันมานานชักจืดแล้วมาเติมไฟรักใหม่ได้ ส่วนใครยังไม่มีคู่ หัวใจผมยังว่างนะคร้าบบบบ


อย่างพิพิธภันฑ์ทหารเรือที่ Portsmouth นี่ก็อยู่ซะใต้เลย เป็นที่ที่น่าสนใจมาก ได้ข่าวว่าตอนนี้เปิดส่วนของเรือ Mary Rose เรือรบยักษ์สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่จมลงแถวๆ Portsmouth เมื่อราวห้าร้อยปีก่อน แล้วเค้าขุดกู้มาแสดงโชว์ให้ดูในพิพิธภัณฑ์   ใครไปที่นี่นอกจากจะได้ชมเรือ Victory แล้ว ยังได้ชมเรือ Mary Rose พ่วงด้วย  ถ้าใครชอบประวัติศาสตร์จริงๆ บอกได้เลยว่าหนึ่งวันนี่ไม่พอ ค่าตั๋วแพงหน่อยแต่ของเค้าคุ้มจริงๆ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 13, 22:46
มาฟังเรื่องเรือต่อ ค่ะ

เที่ยวมากก็จบช้านะ   คุณประกอบ    ไปอยู่เมืองไม่มีที่เที่ยวก็ดีแล้ว  ได้ก้มหน้าก้มตาเรียนจบเร็วๆไงล่ะคะ
เคยลงใต้ไปถึง Land's End หรือยังคะ   ไม่มีอะไรมาก ไปยืนถ่ายรูปกับป้ายว่าลงใต้สุดของประเทศได้แล้ว ก็เดินทางกลับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 13 ก.ย. 13, 06:42
เข้ามาขัดจังหวะครับ วันนี้พึ่งได้ภาพจาก Daily Mail เป็นภาพหน้าบ้าน หลังบ้านของคนอังกฤษ หวังว่าคงจะมีประโยชน์บ้าง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 13 ก.ย. 13, 06:42
ต่อครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 13 ก.ย. 13, 15:32
ฮิฮิ ขอบคุณคุณ hobo ครับ  บ้านคนอังกฤษทั่วๆ ไปเป็นแบบนี้จริงๆ  เพียงแต่ขนาดบ้านไม่ได้ใหญ่โตแบบบ้านในภาพแต่ลักษณะการวางผังจะแบบนี้  ข้างหน้ามีที่นิดเดียวจนอาจจะไม่มีที่สำหรับจอดรถเลยก็มี แต่หลังบ้านมีที่เหลือเฟือแบบในภาพ   สวนหลังบ้านเป็นเสมือนอาณาเขตส่วนตัวสำหรับเจ้าของบ้านชาวอังกฤษจริงๆ ที่ถ้าคุณไม่ใช่แขกได้รับเชิญจะไม่มีโอกาสได้เห็น   บางบ้านอาจจะมีทางเดินแคบๆ จากหน้าบ้านเข้าสวนหลังบ้านได้  แต่หลายๆ บ้านไม่มีแม้แต่ทางเข้าสวนหลังบ้านจากหน้าบ้าน  คือต้องเดินเข้าบ้านก่อนแล้วถึงจะเปิดประตูทะลุออกไปสวนหลังบ้านได้ 


ว่าจะพาไปเที่ยวชมเรือต่อ มัวแต่ยุ่งๆ หลายเรื่องแวะเข้ามาแว่บๆ   ไม่ทันลงภาพเลย แค่ตามอ่านเรื่องเล่ารุ่นทวดก็ตามไม่ทันแล้นนนนน  :'(  :'(  :'(


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ย. 13, 17:23
ภาพสนามหลังบ้านของฝรั่งค่ะ  อเมริกาก็มีสนามหลังบ้านเหมือนกัน เป็นที่พักผ่อนเป็นสัดส่วนของเจ้าของบ้านที่คนภายนอกจะสอดส่ายเข้าไปดูไม่ได้   จะปลูกดอกไม้ ปูหญ้า ตั้งเก้าอี้สนาม ประดับประดาสวยๆ ก็สนามหลังบ้านนี่แหละ    ไม่ได้ปล่อยไว้รกๆ อย่างที่เราอาจจะคิดว่าหลังบ้านมักเป็นเช่นนั้น
โดยมากสนามหลังบ้านแม้จะเล็กขนาดไหน ก็ยังกว้างกว่าสนามหน้าบ้าน   บ้านบางแห่งไม่มีเนื้อที่ว่างด้านหน้าเลย  อยู่ติดรั้วหรือไม่ก็ติดถนน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: mrpzone ที่ 15 ก.ย. 13, 02:26
รออ่านเรื่องเรือรบอังกฤษอยู่เหมือนกันครับ  ;D

ในระหว่างนี้ ขออนุญาตเสริมกระทู้เนื้อหาที่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงแมรีโรสนิดนึงครับ
เป็น CGI จากยูทูป แนะนำพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจครับ

4Qw-qN2dt10

จากข่าว อังกฤษเปิดพิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงโบราณ (http://news.voicetv.co.th/global/71449.html) ระบุเอาไว้ว่าใช้งบประมาณในการสร้างประมาณ 1,200 ล้านบาท และจากคลิปยูทูป Mary Rose Museum - NEW CGI Fly Through (http://www.youtube.com/watch?v=4Qw-qN2dt10) ที่เผยแพร่เมื่อ 7 ก.ย. 2011 ก่อนวันเปิดพิพิธภัณฑ์สองปี (เปิดใช้เมื่อ 31 พ.ค. 2013) ซึ่งจะมีการสร้างปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหลายส่วนโดยเฉพาะการนำเสนอตัวเรือพร้อมพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ คาดว่าจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2016

รูปข้างล่างใช้โปรแกรม MTN Screenshot จับภาพจากคลิป CGI จากยูทูปข้างต้นมาให้ชมในภาพรวมครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 16:59
จริงๆ แล้วถ้าใครวางแผนจะมาเรียนต่อที่อังกฤษโดยมองเรื่องเที่ยวเป็นหลัก เรียนเป็นรองแล้วหละก็  ควรจะเลือกมหาวิทยาลัยแถวๆ โซนใต้ๆ หรือใกล้ลอนดอนหน่อยจะดีมาก เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ มักจะอยู่แถวใต้ๆ มากกว่าเหนือๆ  อย่างกระผมเองมาอยู่เมืองไกลปืนเที่ยง  เทียบกับเมืองไทยก็ราวๆ จังหวัดตาก ปรากฏว่ามันไม่ค่อยมีสถานที่น่าสนใจให้ไปเยี่ยมชมเท่าไหร่  จะไปไหนทีก็ไกลเหลือหลาย  ถ้าเลือกไปเมืองใต้ๆ หน่อย เช่น Bath, Bristol, Exeter, Southampton, Kent, etc. พวกนี้ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สะดวก  ข้ามไปฝรั่งเศสก็ไม่ไกล เล่นมาอยู่จังหวัดตากของอังกฤษแบบผมนี่ต้องตีหน้าเบ้ส่ายหัวเดี๊ยะ แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ มันน้อยจริงๆ   ในหนังสือท่องเที่ยวอังกฤษทุกเล่มทุกภาษาจะผ่านเลยเมืองไกลปืนเที่ยงของผมไปอย่างไม่ใยดี  :'(  :'(  

ขอบรรยายต่อจากคุณประกอบว่า ถ้าจะเที่ยวอังกฤษแบบอังกี๊ด อังกฤษ   อย่าหวังว่าจะได้ไปแต่แหล่งช็อปปิ้งเหมือนเราไปเที่ยวฮ่องกง   หรือไปเดินเล่นตามชายหาดอย่างไปชายทะเลบ้านเรา     อังกฤษมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิดหน้าชูตาอยู่ทุกแคว้นในประเทศเขา คือเที่ยวปราสาทหรือคฤหาสน์โบราณ

มันมีเกลื่อนไปทุกเมืองจริงๆบ้านหลังโอฬารพวกนี้   แม้แต่เมืองเล็กเมืองน้อยก็ต้องมีคฤหาสน์ใหญ่ตั้งเป็นสง่าอยู่สักแห่ง   ทุกแห่งเปิดให้เข้าชม เสียเงินค่อนข้างแพงเพื่อจะไปเอาไปเป็นค่าซ่อมบำรุงคฤหาสน์    เจ้าของจริงๆมักขายหรือยกให้องค์กรในท้องถิ่นประเภทมูลนิธิดูแล    
แต่ก็มีบางแห่งเหมือนกัน เจ้าของยังอาศัยอยู่  แต่ความที่บ้านมันใหญ่เหลือเกิน ตรงข้ามกับครอบครัวที่เล็กลงทุกวัน บางทีก็มีพ่อแม่และลูกคนเดียวรวมกันสามคนนั่งอยู่ในบ้านขนาดสามสิบแปดห้อง     เขาก็เลยอาศัยอยู่ปีกเดียวของคฤหาสน์ และเปิดส่วนอื่นให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

รูปข้างล่างนี้คือ Leeds Castle อยู่ใน Kent   เจ้าของคนสุดท้ายเป็นมหาเศรษฐินีเชื้อสายอเมริกัน-อังกฤษ   ลงทุนสร้างและซ่อมขึ้นมาจากซากปราสาทโบราณในยุคกลาง เพื่อจะอยู่อาศัยอย่างโอ่อ่าเหมือนเดินย้อนกลับไปอยู่ในยุคอัศวินไอแวนโฮ        ก่อนตายยกให้มูลนิธิดูแลไป    เพราะมันล่วงเข้ายุคที่ลูกๆเธอคงรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว   ถึงไหวก็ไม่คุ้ม
ปราสาทลีดส์เปิดให้เข้าชม และให้เช่าบางส่วนจัดงานเลี้ยง และงานอีเว้นท์ด้วยค่ะ    คุณชายประกอบเทพจะเข้าสู่พิธีวิวาห์กับท่านหญิงแต้วเมื่อไหร่ก็เช่าที่นี่ได้เลย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 17:06
บางส่วนของห้องที่้เปิดให้เข้าชม


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 17:09
;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 17:22
อีกแห่งที่นักท่องเที่ยวเดินกันขาลากได้ไม่น้อยกว่า Leeds  คือ Warwick Castle  (อ่านว่า วอริค นะคะ ไม่ใช่วอวิค)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ย. 13, 17:28
ในปราสาทวอริค เขาจัดทำหุ่นขี้ผึ้งของเจ้าของในแต่ละยุคเอาไว้ ในห้องต่างๆที่นักท่องเที่ยวเดินชม  เป็นหุ่นตัวโตเท่าคน(หรืออาจจะใหญ่กว่าคนเล็กน้อย)  อยู่ในอิริยาบถเหมือนกำลังดำเนินชีวิตประจำวัน
ใครเผลอเดินล่าช้าตามขบวนไม่ทัน    เดินเงอะงะ  ชมอยู่คนเดียวเมื่อคนอื่นๆเขาออกจากห้องไปหมดแล้ว    หุ่นอาจจะยิ้มให้ก็ได้ค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ก.ย. 13, 17:07
หายหน้าหายตาไปหลายวัน  ไม่ได้มา update กระทู้เลย ครูบาอาจารย์ส่ายหน้าอิดหนาระอาใจไปตามกัน

ในปราสาทวอวิค  ;D  นอกจากจะมีหุ่นขี้ผึ้งแล้ว ยังมีคนเป็นๆ แต่งตัวตามยุคสมัยต่างๆ ในแต่ละห้องด้วย  อย่างผมเดินเข้าไปห้องนึง เจอมิสเตอร์เชอร์ชิลเข้ามาทักทายพูดคุย เดินไปอีกห้องเจอสุภาพสตรียุควิคตอเรียนอีกคน เค้าจัดได้น่าชมมาก  น่าเสียดาย ภาพถ่ายทั้งหมดที่ไปเที่ยวที่นี่ผมเผลอลบทิ้งไปหมดด้วยอุบัติเหตุ เลยไม่เหลืออะไรมาอวดเลย


แวะกลับไปที่เรือวิคตอรี่อีกนิด  เพราะเป็นเรือรบที่น่าสนใจ มีประวัติศาสตร์เกรียงไกรที่สุดที่ยังเหลืออยู่ให้เราชม เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่น่าไปเยี่ยมชมมากแห่งหนึ่งในอังกฤษ ใครมาไม่อยากให้พลาดจริงๆ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ก.ย. 13, 17:12
เนื่องจากความขีเกียจ  จึงใช้โปรแกรมย่อภาพแบบสั่วๆ หน่อย ดังนั้นความคมชัดของภาพจึงหายไปเยอะ จะทำดีๆ ก็ได้แต่ตามประสาเด็กขี้เกียจก็ผลัดผ่อนไว้วันหลังก็แล้วกันครับ


เวลาทัวร์เรือวิคตอรี่ นอกจากจุดที่เนลสันตาย ยังมีห้องที่เนลสันนอนแบบที่เคยให้ดูรูปไปแล้ว ขาดแต่ถังที่ใช้ดองศพเนลสันกลับเข้าฝั่ง ไม่รู้เค้าเอาไปไว้ที่ไหน ไม่งั้นจะเพิ่มความน่าสนใจได้อีกมาก

คราวนี้ลองไปดูเสากระโดงหน้าตรงหัวเรือกัน ลองดูว่าด้านในของเรือเสามันยึดติดกับเรืออย่างไร  คนอื่นเค้าเดินผ่านๆ แต่ผมลองผลักดูเผื่อจะทำลายเรือได้ แต่ปรากฏว่าแรงไม่พอ  แต่เสาเค้าต้นใหญ่ดีจริงๆ  ภาพบนด้านนอกตัวเรือ ภาพล่างเสาเดียวกันด้านในตัวเรือนะครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ก.ย. 13, 17:16
เวลาเห็นท้ายเรือกว้างๆ เราอาจสงสัยว่าห้องท้ายเรือเป็นอย่างไร ก็เป็นห้องที่นายพลใช้รับประทานอาหารกับประชุมครับ เป็นห้องโถงใหญ่  นอกจากนั้นยังมีห้องกินข้าวของกัปตันเรือแยกต่างหากด้วย  ในเรือรบที่เป็นเรือธงแบบเรือวิคตอรีนั้น มีนายพลเป็นผู้บังคับบัญชากองเรืออยู่บนเรือ  แต่นายพลไม่ได้เป็นกับตันเรือ บนเรือจะมีกัปตันเรือทำหน้าที่ควบคุมเรือต่างหาก

ภาพบนเป็นห้องโถงของนายพลเรือ ภาพล่างเป็นห้องกินข้าวของกัปตันเรือ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 ก.ย. 13, 17:18
บนเรือจะเห็นมีปืนใหญ่เรียงกันบนดาดฟ้าชั้นต่างๆ เป็นร้อยกระบอก แต่ส่วนใหญ่เป็นปืนพลาสติกทั้งนั้น เท่าที่เดินสำรวจดูจะเจอของจริงที่เป็นเหล็กแค่กระบอกเดียวทางหัวเรือเท่านั้น ตามรูปบนครับ  บอกจากนั้น ในห้องท้องเรือยังมีการโชว์วิธีที่เค้าใช้ปะเรือเวลาโดนยิงหรือรั่วด้วย ก็เลยเอามาให้ดูกันด้วย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 09:21
คุณชายประกอบเทพมัวไปขับแท็กซี่ส่งอาจารย์ที่ปรึกษาอีกแล้ว  กระทู้จะตกหน้า  เลยต้องพยายามดึงขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างที่บอกแล้วว่านอกลอนดอน อังกฤษมีปราสาทหรือคฤหาสน์ขุนนางผู้ลากมากดีให้ชมได้มากมายทุกเมือง     จะว่าไปนอกจากชมโบราณสถานและมิวเซียมแล้ว  ก็ยังนึกไม่ออกว่าแวะตามเมืองเล็กเมืองน้อยจะเข้าไปชมอะไรอีก      นอกจากลงทางใต้ไปก็มีทะเลให้ดู   แต่ทะเลเขามีเอาไว้เล่นเรือกัน  ไม่ค่อยจะมีหาดเอาไว้นอนอาบแดด เล่นทราย หรือลงโต้คลื่นอย่างทะเลของเรา (ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมีใครลงโต้กันแล้ว  ว่ายในสระว่ายน้ำกันมากกว่า)  ได้ข่าวว่าน้ำทะเลที่นั่นเย็นเจี๊ยบไม่อุ่นอย่างบ้านเรา   บางแห่งคลื่นก็แรงด้วยซีคะ
เพราะฉะนั้น พาชมปราสาทต่อดีกว่าค่ะ
ปราสาทที่จะพาชมในค.ห.นี้และต่อจากนี้ชื่อว่า Powderham Castle  อ่านว่า "เพาแดรม" ไม่ใช่เพา-เดอร์-แฮม  อยู่ห่างลงไปทางใต้ของ Exeter เมืองที่ดิฉันเอาขนมปังไปเลี้ยงหงส์ ราว 6 ไมล์หรือเกือบ 10 ก.ม.   เส้นทางชนบทที่นี่ในฤดูร้อนเป็นถนนตัดตรงไปในหมู่ไม้  มีกำแพงต้นไม้หนาทึบสองข้างทางแต่เขาตัดเรียบไม่รกรุงรัง  ด้านบนปล่อยให้กิ่งก้านโค้งประสานกันเหนือถนนเป็นตอนๆ    เหมือนรถวิ่งไปในอุโมงค์ต้นไม้
วิ่งไปๆสักพัก ก็จะเห็นปราสาทเพาแดรมอยู่ลึกเข้าไปจากถนน  เลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ แล้วก็ลงเดินไปซื้อตั๋วทัวร์  มีไกด์พาชม เหมือนๆกับทุกปราสาทคฤหาสน์   ค่าเข้าชมนี้ก็จะมาเป็นเงินสำหรับเสียภาษี และทะนุบำรุงปราสาทให้อยู่ในสภาพดี    ซึ่งแพงเอาการ  เจ้าของส่วนใหญ่ยอมแพ้ยกให้มูลนิธิหรือทางรัฐเข้ามาดูแลกันเกือบหมดแล้ว  เพาแดรมเป็นปราสาทส่วนน้อยที่เจ้าของยังครอบครองอยู่



กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 09:24
มองจากมุมด้านหน้า  เจ้าของยังอาศัยอยู่ทางส่วนนี้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 14:51
คฤหาสน์เหล่านี้อยู่ยั้งยืนยงมาจนน่าตกใจสำหรับคนไทย   เพราะของเราบ้านอายุ 50 ปีเราก็เรียกว่าบ้านเก่ามากแล้ว     ถ้าอายุ 100 ปีเราเรียกว่าบ้านโบราณ     แต่คฤหาสน์อย่างปราสาทเพาแดรมหลังนี้สร้างระหว่างค.ศ. 1390 ถึง 1420  หรือพ.ศ. 1933-1963  ตรงกับสมัยพระราเมศวรของไทยที่ครองราชย์ต่อจากขุนหลวงพะงั่ว       แล้วยังอยู่ยั้งยืนยงมาถึงปัจจุบันแม้ว่าต้องซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติมใหม่หลายครั้งในหลายยุคก็ตาม
เจ้าของคนปัจจุบันคือเอิร์ลแห่งเดวอน  ซึ่งพยายามดิ้นรนรักษาปราสาทของตระกูลไว้สุดความสามารถ     นับตั้งแต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม   อนุญาตให้จัดงานเลี้ยงและงานแต่งงานที่นี่   และให้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายหนังได้ด้วย

ปราสาทเพาแดรมเป็นปราสาทสวยระดับแถวหน้าของอังกฤษ  เข้ารอบสุดท้ายของการคัดเลือกโดยนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
ห้องที่ลือชื่อมากคือ "ห้องสีฟ้า" ซึ่งเป็นห้องโถงมีบันไดทอดขึ้นไป ทาสีฟ้า สลับลายทอง     ปกติห้องหับเหล่านี้มักจะใช้สียืนพื้นเป็นสีอ่อนๆ เช่นขาวหรือครีม      มีที่นี่แหละเล่นสีฟ้าสด กลายเป็นจุดเด่นไปเลย
 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 15:01
     ห้องหนึ่งที่ไม่ว่าปราสาทไหนๆก็ต้องมี คือที่เขาเรียกกันว่าแกลเลอรี่     บางแห่งก็เป็นทางเดินยาว  บางแห่งก็เป็นห้องโถงใหญ่   ที่สำคัญคือประดับด้วยรูปวาดของบรรดาเจ้าของในอดีตของปราสาทแห่งนั้นๆ  วาดโดยศิลปินมีชื่อประจำยุคสมัย      คือเขาถือเป็นธรรมเนียมว่าเจ้าของ ภรรยาและลูกๆ จะต้องมีภาพวาดประดับอยู่ในบ้าน    ดังนั้นพอใครรับมรดก  ขึ้นเป็นเจ้าของบ้านเมื่อไหร่  ก็ต้องไปหาศิลปินดังๆมาวาดภาพเอาไว้เมื่อนั้น    จะตายไปโดยไม่ทันมีรูปวาดไม่ได้ 
    ศิลปินดังๆพวกนี้เมื่อสร้างผลงาน ก็รับประกันได้ว่า  ผลงานพวกเขาคืองานศิลปะ     งานศิลปะในอังกฤษนอกจากมีคุณค่าแล้วยังมีราคาอีกด้วย      เมื่อกาลเวลาผ่านไป   ฐานะตระกูลชักจะทรุดลงไม่อู้ฟู่เหมือนเมื่อก่อน    ลูกหลานก็ได้งานศิลปะเหล่านี้แหละเอามาขายพยุงฐานะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 15:12
ห้องนี้น่าจะเป็นห้องที่เจ้าของบ้านยังใช้งานอยู่


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 15:15
บางห้องเอาไว้จัดงานเลี้ยง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 15:32
แต่ทั้งๆท่านเอิร์ลพยายามดิ้นรนหารายได้สุดความสามารถ   รายจ่ายก็ยังมากกว่าจนได้     จึงปรากฏผลว่าเจ้าของปราสาทเพาแดรม ก็ต้องตกลงขายภาพวาด เครื่องเรือนงามๆบางชิ้นให้ห้างโซเธอบีแห่งอังกฤษประมูลขายไป  เพื่อเอาเงินมาใช้ให้พอกับการดูแลรักษาปราสาท
http://elogedelart.canalblog.com/archives/2009/08/26/14851344.html

ภาพล่างนี้คือเอิร์ลแห่งเดวอน เจ้าของปราสาท


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ก.ย. 13, 17:51
หนีหายเหลวไหลไปหลายวัน ท่านอาจารย์มาตามแล้วก็ต้องมา update กระทู้กันหน่อยก่อนถูกลงโทษ  ;D  ;D


อย่างที่ท่านอาจารย์ใหญ่ยกมาว่าปราสาทหลายๆ แห่งในอังกฤษตอนนี้ตกเป็นของ trust หรือองค์กรที่ดูแลโบราณสถานไปหมดแล้ว  จะบอกว่าตกเป็นของรัฐบาลก็อาจจะพูดได้ไม่เต็มปาก ส่วนใหญ่จะตกเป็นของกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าของและดูแลรักษาบ้านหรือโบราณสถานเหล่านั้น โดยกองทุนเหล่านั้นจะซื้อบ้านหรือโบราณสถานสำคัญ  ดูแลรักษา และเปิดให้เข้าชม   ในอังกฤษปัจจุบันกองทุนที่เด่นๆ ก็มี English Heritage กับ National Trust  ซึ่งผู้สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกทั้งรายปีหรือตลอดชีพ ก็จะได้สิทธิ์เข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่แต่ละกองทุนดูแลได้ฟรี  ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกก็ต้องเสียค่าเข้าชม  แต่บางแห่งที่เล็กๆ หน่อยหรือไม่ต้องการการดูแลรักษาหรือไม่คุ้มที่จะจ้างคนเฝ้าเช่นซากปราสาทเก่าๆ เราก็เข้าชมฟรีได้


นอกจากเงินจากกองทุนแล้ว ยังมีเงินสนับสนุนในการอนุรักษ์โบราณสถานหรือสถานที่ตามธรรมชาติโดยใช้เงินจากล็อตตารี่ด้วย ที่อังกฤษนี่คอหวยคงชอบเพราะมีให้เลือกเล่นเยอะ ออกรางวัลบ่อย แถมรางวัลก็ใหญ่ๆ ทั้งน้น  ถูกกันทีเรียกได้ว่าเลิกทำงานทำงานนอนกินดอกเบี้ยไปทั้งชาติได้เลย


แต่ก็ยังมีบ้านโบราณหรือปราสาทหลายแห่งที่มีเศรษฐีเป็นเจ้าของ  บางแห่งเปิดให้เข้าชมด้วย   ผมจะพาไปเที่ยวซักปราสาทนึง ชื่อปราสาท Hornby อยู่ใน Lancashire เป็นปราสาทเก่าตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันครอบครองโดยเอกชน เป็นคนธรรมดาไม่ใช่ชนชั้นสูงท่านลอร์ดแต่อย่างใดแต่คงต้องรวยมาก เจ้าของปัจจุบันจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมปราสาทได้ปีละ 2 วัน ในช่วงเดือนกุมภาและมิถุนายน    ปีนี้ผมเลยแวะไปชมปราสาท  ทีแรกนึกว่าใช้คนสวนมาเฝ้าประตูเก็บค่าเข้าชม  ปรากฏว่าที่แท้เจ้าของออกมายืนเก็บตั๋วเอง  มิน่า แต่งตัวดี


ภาพด้านบนช่วงเช้าตอนตีตั๋วเป็นหลานชายกับสามีคนเจ้าของเป็นเด็กเดินตั๋วเอง     ภาพด้านล่างภาพที่สองเป็นภรรยาเจ้าของกับหลานชายมายืนส่งตอนเย็นก่อนปิดปราสาท  ภรรยาจะเป็นคนพาชมแล้วก็บรรยายประวัติของปราสาทให้ผู้เข้าชม  ส่วนเด็กเสื้อเขียวๆ ด้านหลังคาดว่าอาจได้เป็นเจ้าของปราสาทในรุ่นถัดไป  :D  :D  :D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ก.ย. 13, 18:12
เอารูปปราสาทมาให้ชมเพิ่มเติม


ระหว่างการชมปราสาท เจ้าของได้เล่าประวัติของปราสาท และเล่าเรื่องราวการฆษตกรรมที่เกิดขึ้นในปราสาทรวมทั้งความเชื่อเรื่องผีๆ ด้วยว่ามีผีผู้หญิง  แต่ตัวเจ้าของบอกว่าไม่เคยเจอ  เศร้าเลย  นึกว่าจะมีอะไรตื่นเต้นๆ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 18:40
อ้าว  ลืมบอกคุณประกอบเสียสนิทเลย เพิ่งนึกได้เมื่อเห็นค.ห.ข้างบน  ว่าไม่ควรพลาดประสาทเพาแดรม ถ้าอยากจะเจอ "อะไร"ที่คนอื่นไม่อยากเจอ   มีคนเขารับรองว่าปราสาทนี้มีจริง
ตอนเดินร่วมขบวนตามไกด์ไปอธิบายถึงความสง่าอลังการของปราสาท    นักท่องเที่ยวคนหนึ่งก็ถามอย่างพึงถาม   คือไม่ได้สนใจเลยว่าปราสาทนี้วิเศษวิโสยังไง  ถามแต่ว่ามีผีไหม     ไกด์ก็ตอบสนองให้ตามต้องการว่ามีซีครับ     เรียกว่า Grey Lady  มักจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าต่างบานโน้นแน่ะ   เจ้าของคนที่เท่าไหร่ไม่รู้เคยเห็น ตอนปิดปราสาทช่วงสงครามโลกเตรียมอพยพหนีระเบิด

แต่มาเปิดดู  ท่านเซอร์กูเกิ้ลอธิบายไว้มากกว่า   บอกว่าในช่วงปรับปรุงรีโนเวทปราสาทเมื่อสองร้อยปีก่อน  ช่างไปพบผนังด้านหนึ่งกลวงๆ ก็พังเข้าไป   พบว่ามีห้องเล็กๆที่ถูกก่อกำแพงอิฐปิดหมด  ในนั้นมีโครงกระดูกสตรีและทารก    สันนิษฐานว่าเธอถูกขังทั้งเป็นให้อดตายอยู่ในนั้น   แม้ว่าย้ายไปฝังตามประเพณีเรียบร้อยแล้วในโบสถ์ใกล้ๆ เธอก็ยังวนเวียนมาอยู่เสมอ

แต่ดิฉันว่าทุกแห่งก็มีประวัติทำนองนี้เล่าเป็นนิทานประกอบอยู่เสมอละค่ะ     ถ้าไม่มี นักท่องเที่ยวจะรู้สึกผิดหวังยังไงไม่รู้  เหมือนดูปราสาทแบบไม่สมบูรณ์


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ก.ย. 13, 19:31
ที่เมืองอังกฤษนี่บ้านเก่าอายุ 100 - 200 ปีถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาหาได้ทั่วไป อย่างในเมืองผมนี่ย่านกลางๆ เมืองโซนที่อยู่อาศัย บ้านหลายๆ หลังจะมีป้ายหินด้านบนบอกไว้ว่าสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่  ส่วนใหญ่มักจะมีอายุช่วงราวๆ ปลายสตวรรษที่ 18 จนถึงศตวรรษที่ 19   เคยไปเที่ยวฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งหนึ่ง ป้ายหน้าบ้านบอกว่าสร้างตั้งแต่ปี 1700 กว่าๆ น่ากลัวผียิ่งนัก


บ้านทั่วไปจะดูว่าเก่าไม่เก่าไม่ยาก บ้านเก่าๆ ส่วนใหญ่มองขึ้นไปบนหลังคาจะเห็นปล่องไฟ เป็นเครื่องแสดงว่าบ้านนี้สร้างมาตั้งแต่ในยุคที่ต้องใช้ถ่านหินหรือฟืนให้ความอบอุ่น  จนยุคหลังๆ เปลี่ยนมาเป็นระบบแกสตามท่อ ปล่องไฟเลยหมดความสำคัญลง  แต่บ้านที่มีปล่องไฟก็เป็นสัญลักษณ์หนึ่งว่าน่าจะเก่าแก่


อย่างบ้านด้านล่างเป็นภาพบ้านเลขที่ 22 Ullswater Rd. ในเมืองผม เป็นบ้านเช่าที่เจ้าของร้านอาหารไทยเคยเช่าให้พนักงานอยู่ ปรากฏว่าทุกคนโดนผีหลอกถ้วนทั่วหน้ากัน สุดท้ายเลยต้องย้ายบ้านหนีผี   เลยเอารูปมาลงไว้เป็นที่ละลึก เผื่อใครไปเช่าต่อ



กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 25 ก.ย. 13, 19:38
บ้านที่เคยมีอดีตหรือเคยเป็นบ้านของบุคคลสำคัญ ก็อาจจะมีป้ายบอกไว้ว่าบ้านนี้เคยเป็นบ้านของใคร อย่างตอนผมออกมาจากปราสาท Hornby หันไปมองบ้านตรงข้ามเห็นมีป้ายแปลกๆ หน้าประตู ลองมองเข้าไปเห็นบอกว่าเคยเป็นบ้านของ ดร. อะไรซักคนเมื่อ 200 ปีก่อน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ดร. อะไรคนนี้แกสำคัญอย่างไร


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 19:48
บ้านอังกฤษถ้ามีผีก็ไม่แปลกค่ะ     เพราะแต่ละบ้านอายุยืนกว่าเจ้าของทั้งนั้น    แต่ละบ้านเจ้าของก็ตายไปเรื่อยๆตามอายุขัย    ถ้าไม่รู้จะไปไหนก็วนเวียนอยู่ในบ้านเดิม    เจ้าของบางตัวก็มาให้เห็นเป็นเงาๆ ไกลๆ วอบๆแวบๆ  บางตัวก็มาให้เห็นชัดเจน  อย่างหลังนี้จากคำบอกเล่าของท่านผู้ใหญ่ที่เคยเจอ   ชนิดเห็นหน้าตากันชัดเจนทีเดียว   
เวลาไปอังกฤษ  ขับรถไปเที่ยวกันเอง ค้างตาม B&B  ตามเมืองต่างๆ    ก่อนนอนต้องสวดมนตร์อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้าของห้องเสมอ   เพราะแน่ใจจากการก่อสร้างบ้านว่าต้องมีเจ้าของตกทอดกันมาหลายรุ่นทีเดียว  ไม่ลืมแถมท้ายว่าอย่ามาให้เห็น  จะได้นอนหลับสนิทหน่อย

ข้างล่างนี้คือป้ายหน้าบ้านเดิมของมารี คอเรลลี  บอกให้รู้ว่าเธอเคยอยู่ที่นี่


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 19:57
โรงแรมเล็กๆตามเมืองต่างๆ ที่เรียกว่า B&B หรือ Bed and Breakfast  หรือ Guest house  เป็นสถานที่ที่ดิฉันชอบไปพักมากกว่าตามโรงแรมที่หน้าตาเป็นโรงแรมเต็มที่     B&B มักมีเจ้าของดำเนินกิจการเอง    เอาห้องนอนในบ้านนั่นแหละให้แขกมาเช่าพักแรม   มันก็เลยเหมือนไปนอนตามบ้านเพื่อนมากกว่าไปนอนในโรงแรม  
แม้บ้านอังกฤษเก่ากันทั้งนั้น แต่ข้างในเขาตกแต่งใหม่ ไม่ปล่อยให้เก่าคร่ำคร่า  ก็เลยไม่น่ากลัวเท่าไหร่  เว้นแต่บางแห่งมีภาพสีน้ำมันของเจ้าของเดิมจ้องถมึงทึงมาจากผนังก็น่ากลัวหน่อยค่ะ

รูปนี้คือ Telstar  B&B ที่เคยไปพักตอนไปเที่ยว Exeter


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ย. 13, 20:03
ภายในเป็นแบบนี้ค่ะ  ห้องนอนกับห้องอาหาร


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 13, 21:12
ไปเที่ยวอังกฤษแบบไปทัวร์มันก็ดีอยู่ตรงที่สะดวกสบาย     ทางบริษัทจัดให้หมดทุกอย่างเหลือแต่จะอุ้มลูกทัวร์ขึ้นกะเอวไปเท่านั้นละค่ะ     แต่ถ้าไปเอง จะประทับใจมากกว่าตรงที่ต้องตะลอนๆกันไปเอง  กางหนังสือแผนที่ หมุนซ้ายหมุนขวา  กะกันว่าคืนนี้นกขมิ้นจะไปนอนที่ไหน   
ในเมืองเล็กๆในชนบทอังกฤษเหมือนกันอยู่อย่างคือ แม้ว่าพระอาทิตย์ตกดินช้ามาก  แต่ผู้คนเขาเลิกงานกันตั้งแต่ตอนเย็น ตั้งแต่แดดยังเหลืองสว่างอยู่     เพราะฉะนั้นถ้าขับรถโผล่เข้าไปในเมืองหลังผู้คนเขาเลิกงานกันแล้ว   ก็จะเหมือนหลุดเข้าไปในเมืองร้าง  เจอคนเดินในดาวน์ทาวน์สัก 2-3 คนก็บุญแล้ว
พอเลิกงาน   ร้านรวงปิดกันเป็นส่วนใหญ่     คนอังกฤษกลับเข้าบ้านหรือไม่ก็ไปแวะผับ    ทำเอาต้องขับรถออกจากเมืองไปตายเอาดาบหน้า   เดาสุ่มมองหา B&B  ซึ่งส่วนใหญ่อยู่แถวชานๆเมือง หรือไม่ก็นอกเมือง  ภาวนาว่าให้หาเจอก่อนจะมืด
เพราะฉะนั้นก็เป็นการวัดดวงกันไปในแต่ละเมือง ว่าจะหาที่พักได้เร็วหรือช้า   เพราะไปเที่ยวในฤดูร้อน ใครๆเขาก็เที่ยว  จึงเจอป้าย " ไม่มีห้องว่าง"   อย่างข้างล่างนี้บ่อย   


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 13, 21:14
   ไปเที่ยวอังกฤษแต่ละวัน   ไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าคืนนี้จะหา B&B สวยๆอย่างในรูปข้างล่างนี้ได้หรือไม่   ถ้าเจอ และมีห้องว่าง ก็ถือว่าดวงวันนี้เฮง


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 13, 21:19
เคยมีบางครั้งเหมือนกันที่หาห้องว่างไม่ได้เลย  ต้องขับรถออกนอกเมือง ไปดู B&B ไกลๆเมืองออกมาหน่อยซึ่งอาจจะยังพอมีห้องหลงเหลืออยู่
ถ้ามาเจอ B&B แบบนี้เข้า ก็ต้องหันหน้ามาปรึกษา โยนหัวโยนก้อยกันว่าระหว่างแข็งใจขับรถจนกว่าจะเจออีกเมือง กับเหนื่อยเต็มทีแล้ว เอาที่นี่แหละ  นอนคลุมโปงเอา   พอฟ้าสว่างก็ออกรถ   จะเลือกอย่างไหนดี


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 ก.ย. 13, 22:02
B&B นี่จะเห็นได้ง่ายตามริมถนนชนบทย่านท่องเที่ยงของอังกฤษ  เช่นแถวๆ  ทะเลสาบ Lake District หรือทางเหนือๆ แถวสก็อตแลนด์ ไฮแลนด์  ผมเคยขับรถจาก Inverness ไปยังเมือง Fort William ระหว่างทางจะเจอ B&B เป็นระยะๆ  อีกที่ที่เจอ B&B เยอะมากคือบนเกาะ Skye  ซึ่งจะมีป้ายบอกด้านหน้าอย่างที่ท่านอาจารย์เทาเอาให้ดูว่าว่างหรือไม่ว่าง   ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยวจะหาว่างๆ ยากหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะโดนจองเต็มล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ  ผมเองจะเที่ยวที จองโรงแรมล่วงหน้าไว้ 6-8 เดือนโน่น


มีข้อแนะนำว่าถ้าเราไปแหล่งท่องเที่ยวแต่ไม่ได้จอง B&B ไว้ ผ่านที่ไหนก็ไม่ว่างเลย แนะนำให้แวะเข้าไปซักที่ครับ เข้าไปถามเค้า แม้ว่าเค้าไม่ว่างแต่เราขอให้เค้าช่วยถาม B&B เจ้าอื่นๆ เพื่อนเค้าให้ได้ เพราะเจ้าของกิจการ B&B มักจะจับกลุ่มกันเป็นเครือข่าย ช่วยส่งต่อลูกค้ากันอยู่แล้ว แถมคนอังกฤษทั่วๆ ไปจะมีน้ำใจและอัธยาศัยดี มักจะยินดีช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว อย่างที่ผมเคยพักผมถามไปเจ้าหนึ่ง เค้าไม่มีห้องว่างแต่เค้าส่งต่อไปให้เพื่อนที่มีห้อง ซึ่งคุณภาพบริการยอดเยี่ยมมาก ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย เสียอย่างเดียวอาหารเช้าเห็ดย่างไม่สุกดี กินแล้วอาหารเป็นพิษ  :'(


สนนราคา B&B ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หัวละ 30-35 ปอนด์ต่อคืน ห้องหนึ่งพัก 2 คนก็ตกราว 70 ปอนด์ แพงเกินงบผมไปหน่อย ผมเลยไม่ค่อยมีประสบการณ์นัก อยู่อังกฤษมา 4 ปี เคยพัก B&B หนเดียว ที่บนเกาะ Skye


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 13, 22:26
 ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยวจะหาว่างๆ ยากหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะโดนจองเต็มล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ  ผมเองจะเที่ยวที จองโรงแรมล่วงหน้าไว้ 6-8 เดือนโน่น

ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ   ตอนไปเที่ยว ไม่รู้จริงๆว่าต้องจอง แล้วเที่ยวในฤดูร้อนด้วยค่ะ     ถ้ารู้ล่วงหน้าคงไม่ได้ไปเที่ยวแน่ๆ  เพราะไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ขนาดนั้น
ชอบห้องนอนใน B&B ที่เป็นอังกิด อังกี๊ดดด อังกฤษ   เจ้าของเขาตกแต่งน่ารักมาก จนทำให้ลืมไปว่าห้องและเตียงพวกนี้อาจมีเจ้าของเดิมนอนอยู่จนวาระสุดท้ายมาหลายคนแล้ว


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 28 ก.ย. 13, 13:21
ภาพห้องนอน B&B ในความเห็นที่100 ของคุณเทาชมพูน่ารัก น่านอนจังค่ะ B&Bที่ได้เคยไปพักไม่น่ารักอย่างนี้เลย เห็นกระทู้นี้แล้วคิดถึงอังกฤษมาก คืนนี้จะไปเปิดอัลบัมรูป เพื่อมาร่วมวงโพสด้วยคนนะคะ   ;)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 13, 13:50
ด้วยความยินดีค่ะ อยากให้มาโพสต์หลายๆคน    จะได้เอาประสบการณ์ในอังกฤษมาแลกเปลี่ยนกัน

เมื่อไปลอนดอนครั้งแรก  หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปดูหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ให้ได้  เพราะได้ยินชื่อมานานแล้ว ว่าเหมือนจริงมาก
หนังสือเรื่องผีๆ สยองขวัญ หรือหนังสือนักสืบก็เอาพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของมาดามเป็นฉากหลังกันมาหลายเรื่อง
อย่างแรกที่รู้สึกเมื่อเห็นตั้งแต่หน้าโรง   ก็คือ "คิวยาวจัง"
แต่ตอนที่เห็นครั้งแรกจำไม่ได้ว่าหน้าตาอาคารเป็นยังไง   มันนานมากแล้ว  แต่รู้สึกว่าไม่เหมือนในภาพนี้ึ่ค่ะ 


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 13, 13:54
ในอาคารเขาแบ่งเป็นห้องๆ จัดไว้ตามประเภท     ห้องแรกที่เจอก็คือห้องบุคคลสำคัญของโลก   มีหุ่นตั้งอยู่บนยกพื้น แบ่งออกเป็นมุมนั้นมุมนี้ 
ขาดไม่ได้คือพระราชวงศ์อังกฤษ     ตอนไปครั้งแรก  ยังเป็นยุคพระราชวงศ์ที่มีแต่ควีน เจ้าชายฟิลิป   เจ้าชายชาร์ลส์ยังไม่อภิเษกก็เลยยังไม่มีเจ้าหญิงไดอาน่า   ไปครั้งต่อมา มีไดอาน่าแล้ว    มายุคนี้ก็มีเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์กับเจ้าชายวิลเลียม


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ย. 13, 13:56
เห็นหุ่นขี้ผึ้งควีนมาตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงวัยกลางคน   จนกระทั่งชรา   หุ่นเขายกสลับสับเปลี่ยนกันไปตามยุคสมัย
เขาอนุญาตให้ถ่ายรูปได้    นักท่องเที่ยวรวมทั้งหนูๆนักเรียนก็เลยได้กระทบไหล่ควีนและพระสวามีกันใกล้ชิด


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ย. 13, 11:44
ห้องที่เรียกคนดูได้มากที่สุดคือ Chamber of Horrors หรือห้องสยองขวัญ   มีหุ่นขี้ผึ้งอาชญากรสำคัญๆของโลกตั้งให้ดูอยู่ในคูหาสองข้างทาง    รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งเหยื่อในเหตุการณ์สยองระดับโลก เช่นการประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวแนตต์ด้วยกีโยตีน    เห็นแต่หัวที่ถูกตัดซึ่งว่ากันว่ามาดามทุสโซด์แกไปกดขี้ผึ้งมาจากของจริง

พยายามจะหารูปมาให้ดู แต่ว่ายังหาที่สมจริงสมจังไม่ได้ค่ะ   ที่มีในกูเกิ้ลก็ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่    ไปหาดูกันเองก็แล้วกัน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 29 ก.ย. 13, 15:40
จำตัวอาคารไม่ค่อยได้ค่ะ จำได้แต่ว่าคนเยอะมากๆ  มีบัตรเข้าชมมาฝากด้วยค่ะ  :D
(http://)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 13, 09:58
ใช่ค่ะ คนเยอะมาก  
บรรยากาศในห้องสยองขวัญจะได้ผลมาก หากว่ามีคนเข้าชมทีละกลุ่มเล็กๆ  ฝ่าเข้าไปในความมืด เห็นแต่หุ่นขี้ผึ้งเลือดอาบ   หัวที่ถูกเสียบอยู่กับเหล็กแหลม   ฆาตกรหน้าตาโรคจิตสุดๆในคูหา  
แต่เขาเปิดให้แห่กันเข้าไปจนเต็มห้อง   มองทางไหนเห็นแต่คนมากกว่าหุ่น  บรรยากาศเลยหายขลัง

http://www.youtube.com/watch?v=jFc2zwVjTGc


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ต.ค. 13, 15:51
คอมพิวเตอร์พังไปสองวัน กว่าจะซ่อมได้ ไม่ได้แวะมาในกระทู้เลย



พิพิธภัณฑ์มาดามตุ๊ดโซนี่ผมนั่งรถเมล์ผ่านหลายหน ทุกครั้งจะเห็นคิวผู้คนยาวเหยียดต่อแถวรอเข้าชม ยังกะคิวซื้อโดนัทดังในไทยก็ไม่ปาน  แต่โดยส่วนตัวไม่คิดจะเข้าชมครับเพราะมีแต่หุ่น ไม่ใช่ตัวจริง อย่างลิซซี่ เคท ชาส์ล คาเมลา หรือวิลเลี่ยมนี่ผมก็รู้จักดี เห็นกันประจำ  หรือถ้าอยากเห็นอาชญากรหรือนักลวงโลกตัวเอ้ ส่องกระจกดูก็เจอแล้ว  เลยไม่รู้จะไปดูหุ่นทำไม  :P  :P  :P  แต่เหตุใหญ่จริงๆ คือคิวมันยาวและค่าตั๋วแพงนี่แหละครับ ตัดใจซื้อไม่ลง ถ้าชมฟรีหรือเสียตังค์ไม่แพงก็อาจจะเข้าก็ได้  แต่เที่ยวแบบกระจอกทัวร์ต้องเน้นประหยัดนิดนึง เน้นชมฟรีเป็นหลัก  เอาตังค์ไปกินเป็ดย่างให้ขาบวมเล่นดีก่า  ;D



อะไรๆ ที่คมที่มาเที่ยวลันดั้นหรืออังกฤษเค้าบอกห้ามพลาดกัน เช่นละครเวที ผมก็ไม่เคยลองซะที ว่าจะลองดูละครเวทีซักทีก็ไม่รู้เรื่องไหนดี  เห็นโฆษณาตามสถานีรถไฟใต้ดินเต็มไปหมด  เคยดูตัวอย่างเรื่องผีในโรงโอเปร่าจาก youtube ดูแล้วหลับ หรืออย่างฟุตบอลที่เด็กไทยนิยมกันว่าต้องไปดูซักนัดนึงในสนาม ผมก็ไม่รู้จะไปดูทำไม นักเตะระดับเศรษฐีเตะลูกกลมๆ กันไปมา  เตะกันทั้งปีซ้ำไปซ้ำมา ปีนี้เสร็จปีหน้าล้างไพ่เตะกันใหม่  นานกว่าจะยิงประตูกันได้ซักลูก  ดูไปก็แค่นั้น น่าเบื่อ ก็ไม่รู้ทำไมคนอื่นเค้าดูฟุตบอลแล้วสนุกกันได้ หรือทำไมคนไทยที่ไม่ได้เกี่ยวพันกับสโมสรใดๆ เลยสามารถอุปโลกตัวเองเป็นเด็กผีแฟนหงส์กันได้  เดือดเนื้อร้อนใจเวลาทีมที่ตัวอุปโลกว่าเป็นแฟนพ่ายแพ้ งง งง งง  ???  ::)  ::)




กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ต.ค. 13, 16:11
พิพิธภัณฑ์ชมฟรีในลอนดอนมีหลายแห่งมาก ที่เด็ดๆ ไม่ควรพลาดก็มี British Museum, National History Museum, National Gallery  พวกนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง   ข้อเสียของพิพิธภัณฑ์เหล่านี้คือมีของดีๆ เยอะมาก เยอะจนดูไม่หมด เดินไม่ไหว วันนึงดูได้ไม่ครบ ถ้าดูครบแบบผ่านๆ ก็จะพลาดของเด็ดของดีไป  อย่าง National Gallery นี่มีภาพเขียนดังๆ ประเมินมูลค่าไม่ได้หลายรูปมาก ถ้าดูผ่านๆ เราจะไม่เห็นหรือไม่รู้เลย  เช่นภาพของแวน ก็อก, ดาวินซี่, กาลิเลโอ  :P ฯลฯ


ในบรรดาภาพทั้งหมดที่นี่ ตอนผมเดินผ่านๆ ด้วยความเมื่อยกะว่าดูให้มันครบๆ ไปก็พอ ภาพดอกทานตะวันของแวนก๊อกที่คนไปมุงดูมากมายผมดูแล้วก็งั้นๆ เดินๆ ไปเผอิญไปเจออยู่ภาพนึง เจอแล้วต้องชะงักไปหลายวินาที  บอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ ดูแล้วมันชอบ  ยิ่งมองเข้าไปใกล้ๆ เห็นฝีแปรงรอยสี มันเหมือนเรามองเห็นลมพัด ใบไม้ไหว ฯลฯ   ทั้งที่ดูผ่านๆ งานยังกะเด็กประถมสลัดแปรงวาด  แต่พอดูพิศๆ แล้ว เฮ้ยมันเจ๋งหวะ  ขนาดเค็มปี๋อย่างผมยังตั้งใจยอมลงทุนจะซื้อโปสเตอร์ภาพนี้กลับบ้านไปใส่กรอบโชว์ที่ผนังบ้าน แต่ปรากฏว่าภาพถ่าย ภาพเลียนแบบใดๆ ของภาพนี้ มันสื่ออารมณ์ไม่ได้เหมือนของจริง พอไปดูโปสเตอร์ที่เค้าขายกลายเป็นว่ามันห่วย ไม่สวยเลย  เลยไม่ซื้อมา ไปโหลดภาพนี้ในอินเตอร์เน็ตหรือดูจากหนังสือที่ไหนมันก็ไม่ได้อารมณ์แบบดูของจริง แปลกมากๆ    หลังจากนั้นไปลอนดอนคราใด ต้องแวะไปชื่นชมภาพนี้ให้หายคิดถึงทุกครั้ง   ใครแวะไปลองไปหาของจริงดูกันนะครับ


The Water-Liliy Pond ของ Claude Monet


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 13, 16:27
ดีจริง    ท่าทางจะเลี้ยงง่าย  เว้นแต่เลือกกินเป็ดนี่แหละเปลืองที่สุดเลย  เพราะเป็ดในลอนดอน(หรือแม้แต่นอกลอนดอน)มันแพงระดับโหด      คุณชายประกอบเทพน่าจะชอบกินปลาทอดกับมันฝรั่ง  จะทุ่นกระเป๋าคนเลี้ยงไปเยอะค่ะ
ต่อไปจะพาไปเที่ยวฟรีนะคะ

ครั้งหนึ่ง  ไปอังกฤษโดยไม่ได้ไปทัวร์  บริษัททัวร์เจ้าประจำเขาจองโรงแรมที่เบย์สวอเตอร์ให้    เพราะบอกเขาไปว่าชอบโรงแรมเล็กๆ เพราะติดใจ B&B มาแต่ก่อน   ปรากฏว่ามันเล็กสมใจจริงๆ  เดินเข้าไปในห้องพัก นึกว่าเดินเข้าไปในตู้เสื้อผ้า    วางกระเป๋าเดินทางลงบนพื้นข้างเตียงเท่านั้นก็เต็มห้อง   เวลาจะออกจากห้องต้องปีนข้ามกระเป๋าเดินทางไปออกประตู
แต่ที่ดีก็คืออยู่ใกล้สวนสาธารณะเคนซิงตัน และไฮด์ปาร์ค       ย้อนหลังกลับไปเมื่อไปอังกฤษครั้งแรก ชอบสวนสาธารณะมากค่ะ   ไปนั่งอยู่คนเดียวก็ไม่เหงา  เพราะมันสวย เขียวรื่นตาไปหมด  หน้าดอกไม้ก็มีดอกกุหลาบให้เห็น   ตอนนั้นกรุงเทพมีแต่สวนลุมพินีที่เป็นสวนสาธารณะ    จตุจักรยังไม่มี   สนามหลวงก็มีแต่ตลาดนัด    การมาได้เห็นสวนสาธารณะเขียวกว้างขวาง มีทะเลสาบน้ำใสสะอาด   มีต้นไม้ร่มรื่น  จึงเป็นความตื่นตาตื่นใจ

ในเคนซิงตันการ์เดน ที่สำคัญคือมีรูปปั้นปีเตอร์แพน อยู่ในมุมหนึ่ง  เป็นรูปปั้นขนาดย่อมๆของเด็กผู้ชายยืนอยู่บนโขดหิน มีนางไม้ที่เรียกว่า fairy และสัตว์เล็กๆประดับอยู่บนฐาน
Peter Pan เป็นวรรณกรรมเด็กขึ้นชื่อของอังกฤษ เกิดจากปลายปากกาของ Sir James Barrie    ดังไปทั่วโลกเมื่วอลท์ ดิสนีย์นำไปทำภาพยนตร์การ์ตูนชื่อเดียวกัน


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ต.ค. 13, 16:29
ชนกลางอากาศ
ตามคุณประกอบไปดูภาพสระบัวดีกว่า

ขอแถมท้ายว่ากลับไปเคนซิงตันครั้งสุดท้ายนี่ผิดหวังหน่อยๆ เจอหญ้ารกบางตอนเหมือนไม่มีใครดูแล    แถมยังมีขยะทิ้งไว้ ซึ่งเมื่อก่อนไม่เห็น
ลอนดอนดูโทรมลงไปมาก


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 13:07
พิพิธภัณฑ์ชมฟรีในลอนดอนมีหลายแห่งมาก ที่เด็ดๆ ไม่ควรพลาดก็มี British Museum, National History Museum, National Gallery  พวกนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง   ข้อเสียของพิพิธภัณฑ์เหล่านี้คือมีของดีๆ เยอะมาก เยอะจนดูไม่หมด เดินไม่ไหว วันนึงดูได้ไม่ครบ ถ้าดูครบแบบผ่านๆ ก็จะพลาดของเด็ดของดีไป  อย่าง National Gallery นี่มีภาพเขียนดังๆ ประเมินมูลค่าไม่ได้หลายรูปมาก ถ้าดูผ่านๆ เราจะไม่เห็นหรือไม่รู้เลย  เช่นภาพของแวน ก็อก, ดาวินซี่, กาลิเลโอ  :P ฯลฯ

ลองตามคุณเทาชมพูไปชมพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อค โฮล์มส์บ้าง ก็น่าสนใจดี  ;D

ในบรรดานิยายแปลที่เคยอ่านตอนเด็กๆ และประทับใจมากที่สุด  มีนิยายนักสืบเชอร์ล็อค โฮล์มส์ รวมอยู่ในแถวหน้า     ต้องยกให้เป็นความดีของคุณอ.สายสุวรรณ ผู้แปล  ซึ่งแปลอย่างหมดจด ประณีต ละเอียดถี่ถ้วน   อ่านแล้วเคลิบเคลิ้มเห็นภาพตามไปด้วย  ทั้งๆตอนนั้นเกิดมายังไม่เคยเห็นลอนดอนเลยสักครั้ง แม้แต่ในหนัง

ต่อมามีเหตุให้ไปอังกฤษอยู่หลายครั้ง    ไปถึงลอนดอน  ก็ยังมองหาถนนโน้นถนนนี้ตามที่เคยระบุไว้ในนิยาย  แต่ในเมื่อมหานครลอนดอนเปลี่ยนไปจากปลายศตวรรษที่ 19 มาก   จึงโยงภาพไม่ถูก     แม้แต่ถนนเบเกอร์ ที่บอกว่าเป็นที่อยู่ของนักสืบเอก   ผ่านไปก็มองไม่เห็นร่องรอยบรรยากาศเดิม

จนกระทั่งชาวโลกทั้งหลายมีโอกาสใช้อินทรเนตร     สอดส่องดูจึงพบว่า บัดนี้เขามีพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ที่ถนนเบเกอร์กันแล้ว
เมื่อไปลอนดอนครั้งล่าสุด   จึงบอกไกด์กิตติมศักดิ์ว่า  ช่วยพาไปเยี่ยมเชอร์ล็อค โฮล์มส์ ทีเถอะ  ไม่ไป British Museum  ไม่ไป National Gallery    ขอไปที่นี่แหละ
แล้วก็ได้ไปสมใจ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 16:13
ความเป็นอังกี๊ด อังกฤษอีกอย่างของคนอังกฤษคือเขาจะรักษาบ้านช่องและร่องรอยของศิลปินดังของประเทศเขาเอาไว้สุดความสามารถ    สาขาจิตรกรรมหรือดนตรีเป็นอย่างไรไม่รู้เพราะไม่ได้ไปตามหา     แต่ในสาขาวรรณกรรม พบว่าเขาพยายามรักษาบ้านของนักเขียนเอาไว้เท่าที่จะทำได้   
ที่ Cumbria   แถว Lake District  คุณประกอบเคยไปมาแล้ว   มีบ้านของนักเขียนวรรณกรรมสำหรับเด็กชื่อ Beatrix Potter เธอเขียนเรื่อง Peter Rabbit 
บ้านของเธอชื่อ Hill Top  ยังอนุรักษ์ไว้จนบัดนี้ค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 16:15
บีทริกซ์ พอตเตอร์


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 16:17
ปัจจุบันไทยเราก็เริ่มอนุรักษ์แบบนี้ไว้บ้างแล้ว  อย่างเช่นบ้านซอยสวนพลูของม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 16:24
นอกจากเป็นนักเล่าเรื่องนิทานที่มีเสน่ห์จับใจเด็กๆแล้ว  บีทริกซ์ยังเป็นนักวาดภาพประกอบฝีมือดี   ผลงาน Peter Rabbit ของเธอจึงมีทั้งเรื่องและภาพ    ภาพที่ว่านี้ก็กลายเป็นภาพประกอบคลาสสิค เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 16:24
 :D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 13 ต.ค. 13, 20:01
เห็นด้วยอย่างที่สุดค่ะในการรักษาบ้านเรือนของศิลปิน โดยเฉพาะผู้ชายคนนี้ค่ะ William Shakespeare
http://www.shakespeare.org.uk/visit-the-houses/shakespeares-birthplace.html


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 13 ต.ค. 13, 20:31
พิพิธภัณฑ์ชมฟรีในลอนดอนมีหลายแห่งมาก ที่เด็ดๆ ไม่ควรพลาดก็มี British Museum, National History Museum, National Gallery  พวกนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง   ข้อเสียของพิพิธภัณฑ์เหล่านี้คือมีของดีๆ เยอะมาก เยอะจนดูไม่หมด เดินไม่ไหว วันนึงดูได้ไม่ครบ ถ้าดูครบแบบผ่านๆ ก็จะพลาดของเด็ดของดีไป  อย่าง National Gallery นี่มีภาพเขียนดังๆ ประเมินมูลค่าไม่ได้หลายรูปมาก ถ้าดูผ่านๆ เราจะไม่เห็นหรือไม่รู้เลย  เช่นภาพของแวน ก็อก, ดาวินซี่, กาลิเลโอ  :P ฯลฯ


ในบรรดาภาพทั้งหมดที่นี่ ตอนผมเดินผ่านๆ ด้วยความเมื่อยกะว่าดูให้มันครบๆ ไปก็พอ ภาพดอกทานตะวันของแวนก๊อกที่คนไปมุงดูมากมายผมดูแล้วก็งั้นๆ เดินๆ ไปเผอิญไปเจออยู่ภาพนึง เจอแล้วต้องชะงักไปหลายวินาที  บอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ ดูแล้วมันชอบ  ยิ่งมองเข้าไปใกล้ๆ เห็นฝีแปรงรอยสี มันเหมือนเรามองเห็นลมพัด ใบไม้ไหว ฯลฯ   ทั้งที่ดูผ่านๆ งานยังกะเด็กประถมสลัดแปรงวาด  แต่พอดูพิศๆ แล้ว เฮ้ยมันเจ๋งหวะ  ขนาดเค็มปี๋อย่างผมยังตั้งใจยอมลงทุนจะซื้อโปสเตอร์ภาพนี้กลับบ้านไปใส่กรอบโชว์ที่ผนังบ้าน แต่ปรากฏว่าภาพถ่าย ภาพเลียนแบบใดๆ ของภาพนี้ มันสื่ออารมณ์ไม่ได้เหมือนของจริง พอไปดูโปสเตอร์ที่เค้าขายกลายเป็นว่ามันห่วย ไม่สวยเลย  เลยไม่ซื้อมา ไปโหลดภาพนี้ในอินเตอร์เน็ตหรือดูจากหนังสือที่ไหนมันก็ไม่ได้อารมณ์แบบดูของจริง แปลกมากๆ    หลังจากนั้นไปลอนดอนคราใด ต้องแวะไปชื่นชมภาพนี้ให้หายคิดถึงทุกครั้ง   ใครแวะไปลองไปหาของจริงดูกันนะครับ


The Water-Liliy Pond ของ Claude Monet

ชอบภาพนี้มากเช่นกันค่ะ แล้วมีอีกภาพของโมเน่ต์ที่ชอบมากอีกภาพคือ Le Promenade เป็นภาพผู้หญิงกางร่มที่สวยงามมาก แต่ศิลปินที่ดิฉันชื่นชอบมากกลับเป็นแวนก๊อก อาจเป็นเพราะว่าชอบดอกทานตะวันเป็นทุนเดิม  ;) จริงอย่างที่คุณประกอบว่าไว้ว่า พวกโปสเตอร์หรือภาพถ่ายต่างๆที่วางขายมันสืออารมณ์ไม่ได้เหมือนของจริง แต่ดิฉันก็ยังซื้อรูปดอกทานตะวันหลายแบบเชียวค่ะ สิ่งหนึ่งที่ชอบอังกฤษด้วยก็คือ จะมีร้านขายรูปศิลปินมากมายหลายแบบไว้ให้เลือก ทั้งยังมีนำไปทำเป็นลายเสื้อ ลายแก้วน้ำ โปสการ์ด กระดาษเขียนจดหมาย โน่นนี่นั่นสารพัด ทำให้แฟนคลับอย่างดิฉันมีความสุขมาก อยากให้ประเทศเรามีแบบนี้บ้าง จำได้ว่าเมื่อเพื่อนรู้ว่าดิฉันชอบแวนก๊อก เค้าบอกว่าดิฉัน passionate เหมือนแวนก๊อก ยังคิดไม่ออกเลยว่าเค้าหมายว่าอะไรกันนี่  ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 13, 20:49
ภาพประกอบค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 ต.ค. 13, 01:48
ภาพ"ประกอบ"ของแท้ต้องแบบนี้ครับ  ;D  ;D  ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 13, 13:48
ผิดกระทู้ป่าว  คุณชาย...ลืมชื่อจริงไปแล้ว สะกดยากมากค่ะ

นักท่องเที่ยวเมื่อไปถึงอังกฤษ โปรแกรมทัวร์มักจะไม่พลาดเรื่องพาไปเมืองเกิดของเชคสเปียร์   พอไปถึง เจอบ้านเจอถนนสายขายของที่ระลึก เจออนุสาวรีย์   อะไรต่ออะไร  อดคิดไม่ได้ว่าสแตรทฟอร์ดจะเหมือนดิสนีย์แลนด์เข้าไปทุกที
บ้านที่ให้ชมนอกจากบ้านของลุงวิลเลียม สุนทรภู่แห่งอังกฤษ  ก็มีบ้านภรรเมียของแกชื่อกระท่อมของแอนน์ แฮทธาเวย์    เธอเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้อง  วัยแก่กว่าสามี 7 ปี     แต่งงานกันไม่นานพอมีลูกออกมา 3 คนยังเล็กๆอยู่  สามีก็อำลาบ้านมาแสวงโชคในลอนดอน    แล้วก็ปักหลักทำงานอยู่ในลอนดอนจนเกษียณจึงกลับถิ่นเดิม
นักวรรณคดีพยายามแก้ตัวให้ว่า วิลเลียม เชคสเปียร์อาจกลับไปเยี่ยมครอบครัวในวันสุดสัปดาห์ เหมือนพ่อบ้านที่ทำงานตจว.ในสมัยนี้ของไทย  หรือกลับไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว  ตัวเองต้องมาทำงานขุดทองในเมืองหลวง ก็เลยให้ลูกเมียอยู่บ้านเดิม
แต่อ่านจากซอนเนทของเชคสเปียร์   แกมีผู้หญิงอยู่ทางเมืองหลวงนี้ด้วยแน่ๆ เพราะเขียนถึงเอาไว้  หนึ่งในนั้นลุงเรียกว่า Dark Lady  พูดถึงความรักระคนแค้นแบบทั้งรักทั้งชัง    คงจะเป็นสาวที่คบกันแล้วเลิกกันไปในช่วงเขียนถึง    นักวรรณคดีปิดปากกันเงียบเชียว

รูปนี้คือกระท่อมของแอนน์ แฮทธาเวย์ ที่มักจะปรากฏบนกล่องขนมคุกกี้ ส่งมาขายในไทยตอนดิฉันเด็กๆค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 14 ต.ค. 13, 14:57
ขอบคุณนะคะคุณเทาชมพูสำหรับภาพสาวกางร่ม กับภาพดอกทานตะวัน
กระท่อมของแอนน์ แฮทธาเวย์ น่ารักน่าอยู่เสียจริงๆ  :D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 13, 15:48
ถ้าอยากช็อปของที่ระลึกของเมืองกับของเชคสเปียร์ ก็ไปที่ถนนคนเดิน ชื่อ Henley Street ค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 16 ต.ค. 13, 17:55
ซื้อเข็มกลัดมาฝากค่ะ  :)

ป.ล.อยากให้มีเข็มกลัดท่านสุนทรภู่บ้างจัง







กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 13, 18:00
ขอบคุณค่ะ
กระเป๋าผ้าใบนี้พอประทับชื่อวิลเลียม เชคสเปียร์ ดูน่าซื้อขึ้นมากโข


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: saimai ที่ 16 ต.ค. 13, 18:31
กระเป๋าผ้าสีสวย ลายน่ารักค่ะ จะแพงก็ตรงมีชื่อนี่กระมัง  ;D


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 24 ต.ค. 13, 20:54
เมื่อวานแม่กับลูกคนไทยที่เค้ามาแชร์บ้านกับผมเค้ามีกิจกรรมให้ผู้ปกครองพบครูที่โรงเรียนกัน ผมเลยถือโอกาสสวมรอยไปดูว่าที่นี่เค้าพบครูกันยังไง

โดยทั่วไปผู้ปกครอง ร.ร. ประถมที่อังกฤษจะพบครูเฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง โดยครูจะรายงานว่าลูกเป็นอย่างไรที่โรงเรียน มีอะไรน่าวิตกบ้างไหม ผลการเรียนเป็นอย่างไร ต้องส่งเริ่มอะไรบ้างทำนองนั้น

ร.ร. ประถมที่อังกฤษ ห้องเรียนหนึ่งจะมีนักเรียนไม่เกิน 30 คน ครูหลัก 1 คน ครูผู้ช่วยอีก 1 คน ไม่มีการสอบไล่ ไม่มีจัดลำดับความเก่งของเด็กแบบเด็กไทย ทำให้เด็กไม่ต้องเครียดหรือถูกพ่อแม่เอาไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เพราะผลการเรียนของเด็กอื่นในห้องถือเป็นความลับ ผู้ปกครองคนอื่นไม่มีสิทธิรู้ ผมชอบมากๆ เพราะรู้สึกบ้านเรามุ่งแต่จะให้เด็กเป็นอัจฉริยะกันจนตอนนี้ระบบการศึกษาไทยเด็กทั้งเครียดและล้มเหลวมีจำนวนมาก

เมื่อไม่มีการสอบ เด็กจะถูกประเมินจากพัฒนาการเป็นหลัก ว่ามีความสามารถในด้านการอ่าน เขียน และคณิตศาสตร์ในระดับไหน แบ่งเป็นเลเวลหลักๆ 6 ระดับ แต่ละระดับยังแบ่งเป็น C, B, A ด้วย เมื่อขึ้นชั้นใหม่ครูจะประเมินเด็กจากผลการเรียนก่อนหน้าและวางเป้าหมายไว้ให้เด็กแต่ละคนว่าเมื่อครบปีควรจะพัฒนาถึงระดับไหน แต่ละระดับจะมีเกณฑ์บอกไว้ว่าอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรือสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย  เป้าหมายคือแต่ละชั้นปีควรขยับขึ้นประมาณ 2 เลเวล เช่นขึ้น ป. 4 อยู่ที่ 3C เมื่อจบ ป. 4 ก็ควรอยู่ที่ 3A หรือสูงกว่า

ภาพด้านล่างเป็นตารางเกณฑ์เฉลี่ยของแต่ละระดับของชั้น ป 2 - ป 6 ครับ จะเห็นว่าแต่ละชั้นปีจะมีบอกว่าวรอยู่ระดับไหน แบบไหนต่ำกว่าเกณฑ์ แบบไหนสูงกว่า ทำให้ผู้ปกครองพอประเมินระดับพัฒนาการของลูกๆ ได้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 ต.ค. 13, 00:11
พอเมื่อวานไปพบครูก็เลยได้เห็นว่าเค้าประเมินกันอย่างไร

อย่างเด็กชายที่ผมสวมรอยไปเป็นผู้ปกครองด้วยคนนี้ อยู่ ป 4 เพิ่งเปิดเทอมขึ้น ป 4 เมื่อต้นเดือนกันยานี้เอง  เมื่อเริ่มต้นเทอมครูจะมีผลการเรียนจากปีก่อนว่าอยู่ในระดับใด และเกณฑ์ที่ควรจะเป็นเมื่อจบ ป 4 คือระดับใด อย่าง ป 4 นี่ มาตรฐานของโรงเรียนคือเด็กทุกคนเมื่อจบแล้วควรอยู่ในระดับ 3B ทั้งอ่าน เขียน และเลข  เป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศอังกฤษ  แต่นายเด็กคนนี้พอขึ้น ป 4 ก็อยู่ระดับ 3B อยู่แล้ว ครูจึงตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อจบ ป 4 ควรจะอยู่ที่ระดับ 4C ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย   ก็นับว่าไม่เลวเมื่อพิจารณาว่าหมอนี่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะที่โรงเรียน ผู้ปกครองที่บ้านจ้อกันแต่ภาษาไทย และมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษย่ำแย่กว่าตัวเล็กมาก


เด็กทุกคนจะมีเป้าไม่เท่ากัน บางคนเรียนเก่งมากอาจจะมีเป้าหมายถึงระดับ 4B หรือ 5C เลยก็ได้  คนไหนเรียนอ่อนเป้าหมายก็จะลดลง แต่ครูจะไม่เปรียบเทียบกันหรือมุ่งแต่สนใจเด็กเรียนเก่งแบบบ้านเรา  ในห้องเรียนนี้มีเด็กพิเศษที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ ก็มีการจัดผู้ช่วยครูประจำคนหนึ่งคอยประกบช่วยสอนบทเรียนต่างๆ เป็นพิเศษ นับได้ว่าเค้าไม่ทอดทิ้งคนที่ล้าหลังดีมาก


นอกจากนี้มาตรฐานโรงเรียนต่างจังหวัดหรือในกรุงไม่แตกต่างกันเลย ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพโรงเรียนมักมาจากย่านที่โรงเรียนตั้งอยู่มากกว่า อย่างโรงเรียนในย่านคนมีการศึกษาหรือชนชั้นกลาง ระดับสัมฤทธิ์ผลของนักเรียนก็จะดีกว่าโรงเรียนในย่านคนชนหรือชนชั้นแรงงาน  เพราะระบบการเรียนประถมที่นี่ผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วม เช่นช่วยกระตุ้นการอ่านและสอนการบ้านด้วย ไม่ใช่ปล่อยทุกอย่างเป็นหน้าที่ของครูอย่างเดียว  อย่างโรงเรียนที่ผมไปสังเกตุการณ์ แม้โรงเรียนจะตั้งอยู่ในชนบทนอกตัวเมือง แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นฝรั่งคนชั้นกลางและพวกที่ทำงานในมหาวิทยาลัย ทำให้เด็กค่อนข้างจะดีหน่อย ระดับผลการเรียนโดยเฉลี่ยของนักเรียนที่นี่จึงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และของลอนดอนเล็กน้อย คือสูงกว่าประมาณ 2-3%


พ่อแม่เอเชียโดยเฉพาะคนจีนจะไม่ค่อยชอบระบบโรงเรียนประถมอังกฤษเท่าไหร่ เพราะมองว่าด้านวิชาการค่อนข้างอ่อน แต่ผมมองว่าระบบนี้ทำให้เด็กไม่เครียดและไม่ต้องแบกรับการแข่งขันสูงแบบบ้านเรา และสุดท้ายที่ปลายทางจากประสบการณ์เป็น TA ช่วยสอน ผมเห็นการบ้านหรืองานของเด็กระดับปริญญาตรีที่นี่ เทียบกับเด็ก ป ตรีที่เมืองไทย การเรียนปริญญาตรีที่นี่จริงจังกว่า การบ้านยากกว่ามากๆ  และเด็กมีสัมฤทธิ์ผลจากการเรียนที่ดีกว่าระดับปริญญาตรีบ้านเรา  แปลว่าต้องมีอะไรซักอย่างในระบบการศึกษาของอังกฤษที่แข็งแกร่งกว่าไทย แต่ผมยังอธิบายไม่ได้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: mutita ที่ 26 ต.ค. 13, 01:27
 :D
ขออนุญาติมาร่วมวงด้วยคนในฐานะที่เป็นคนไทย พาไปวัดไทยในอังกฤษก่อนเลยค่ะ .... Buddhapadipa Thai Temple ....

(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash2/425957_554614911220385_1720289627_n.jpg)

ข้างในโบสถ์

(https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/544704_554618227886720_1233924161_n.jpg)

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/521634_554618797886663_765525918_n.jpg)

(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/407603_554618351220041_1364768054_n.jpg)

ไม่ทราบเราควรเรียกว่าอะไร พระอาศัยอยู่ที่นี่ค่ะ

(https://scontent-b-mxp.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/182530_554615711220305_1017416331_n.jpg)

ถึงจะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองพระที่นี่ไม่อดอยากค่ะรายชื่อคนจองถวายอาหารยาวเป็นปี กระดานใหญ่เท่าผนัง

(https://scontent-a-mxp.xx.fbcdn.net/hphotos-ash3/487308_554617321220144_1636185807_n.jpg)




กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.พ. 14, 17:36
อยู่ที่นี่ได้ยิน ข่าวว่ามีน้ำท่วมหนักที่อังกฤษเลวร้ายที่สุดในรอบ ๒๕๐ ปี (http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/216059/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95) คุณประกอบเล่าให้ฟังบ้างซีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=iN2Ms4S0fyI


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 15 ก.พ. 14, 05:34
เมืองที่ผมอยู่อยู่ในโซนที่ไม่ค่อยประสบภัยอะไรเลยครับ น้ำไม่ท่วม หิมะไม่ตก  ลมไม่แรงมาก ฝนเยอะอย่างเดียว  ที่อื่นเค้าเดือดร้อนกันแต่เมืองผมไม่เคยต้องลำบาก
หน้าหนาวอังกฤษปีนี้แปรปรวนมาก คือไม่หนาวเท่าปีก่อนๆ อุณหภูมิราว 5 - 10 องศา แต่ฝนตกแบบไม่มีวันพัก ซักผ้าไม่มีโอกาสตากกันเลย
ฝนตกมาตั้งแต่ปลายปี จนล่วงมากลางเดือนกุมภาแล้วก็ยังไม่หยุด เห็นว่าหน้าหนาวนี้อังกฤษมีฝนมากที่สุดในรอบร้อยปีเลย


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 14, 10:35
อุทกภัยในอังกฤษ
ภาพซ้ายบน เจ้าชายวิลเลียมกำลังช่วยขนกระสอบกั้นน้ำ

คนอังกฤษเริ่มสูสีกับคนไทยแล้วในเรื่องนี้


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 16 ก.พ. 14, 02:44
ขออนุญาตเล่าเรื่องสยองขวัญให้ฟังครับ เข้าใจว่าคราวนี้เกิดแน่ๆ ถ้าท่วมนานกว่านี้
ที่ New Orleans เมื่อคราวพายุเฮอริเคนแคทริน่านั้น น้ำก็ไม่ได้ท่วมนานมากนัก แต่บรรดาสุสานทั้งหลาย
โลงศพซึ่งเหมือนกล่องสุญญากาศ ลอยขึ้นมา บางโลงก็ทะลุดินขึ้นมาเลยเพราะระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้นด้วย
เพราะเป็นที่ลุ่ม ใครโชคดีเดินผ่านเวลานั้นก็เจ๊คพ๊อต นึกว่าผีหลอก ที่อังกฤษคราวนี้ก็เหมือนกัน
แต่ป่าช้าฝรั่งมักตั้งอยู่ตามเนินเขา สวยๆ ทั้งนั้น อาจพอรอดได้บ้างครับ เคยได้ยินทางจีนว่า
ถ้าน้ำท่วมฮวงซุ้ยนี่แย่มากๆ ต้องย้ายที่ฝังกันเลยทีเดียว ซินแสที่บ้านผมเล่าว่า
มีครอบครัวหนึ่งจู่ๆ ธุรกิจที่เคยดีๆ ก็มีปัญหา ญาติพี่น้องทะเลาะกัน เดี๋ยวคนนั้นป่วย คนนี้ป่วย
จนมารู้ว่าที่ฮวงซุ้ยของพ่อถูกน้ำท่วม (ผมไม่แน่ใจว่าคราวท่วมหนักนั้นหรือเปล่า)
เปิดหลุมออกมาโลงจากเดิมที่อยู่ตรงกลาง ย้ายไปกระแทกข้างๆ หลุม
เปิดโลงยิ่งแล้วใหญ่ ศพนอนตะแคงโคลนเต็มไปหมด
น่าแปลกว่าทำไมมันมีผลขนาดนั้น แต่พอแก้ไขแล้วก็จบครับ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 14, 14:36
ป่าช้าในอังกฤษประสบชะตากรรมอย่างที่คุณ hobo เกรงแล้วละค่ะ


กระทู้: อังกิด อังกี๊ดดดดดดด อังกฤษ
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 17 ก.พ. 14, 11:13
ขอบคุณครับ
โลงอเมริกันจะเป็นแบบฟู่ฟ่า หนา มีที่หิ้วด้านข้าง ปิดสนิท
ขณะที่โลงอังกฤษส่วนมากนิยมเป็นไม้หกเหลี่ยมต่อกัน น้ำน่าจะซึมเข้าได้
ไม่น่าจะลอยขึ้นมาเป็นแบบแคปซูลครับ ไม่น่าห่วงมาก