เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ศสา ที่ 06 ส.ค. 05, 23:10



กระทู้: ปาริชาต..ดอกไม้ในตำนาน
เริ่มกระทู้โดย: ศสา ที่ 06 ส.ค. 05, 23:10
 อยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับดอกปาริชาติค่ะ  เคยได้ยินแต่ชื่อแล้วก็ความเชื่อบางประการ แต่ไม่ทราบความเป็นมาค่ะ


กระทู้: ปาริชาต..ดอกไม้ในตำนาน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 06 ส.ค. 05, 23:55

ว่ากันว่าไม่มีในโลกมนุษย์นี่ครับ
เป็นดอกไม้แห่งการระลึกชาติ ในกามนิตฯ เล่าว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นสุขาวดีครับ แต่เหมือนว่าในไตรภูมิพระร่วงจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ผมจำไม่ได้แล้วล่ะครับ
รอพี่ๆท่านอื่นแล้วกันครับ


กระทู้: ปาริชาต..ดอกไม้ในตำนาน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ส.ค. 05, 09:36
 จำได้อย่างคุณติบอว่า เหมือนกันค่ะ
เป็นต้นไม้สวรรค์ ดอกสีแดงเหมือนเปลวไฟ กลิ่นหอม
ชาวสวรรค์ที่ได้กลิ่นจะระลึกชาติได้ค่ะ
ไทยเราเรียก 2 ชื่อคือปาริฉัตร กับปาริชาต
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯ ให้คำแปลไว้อีกอย่างว่า ต้นทองหลาง

ภาพดอกทองหลาง นำมาจากเว็บ
 http://www.tourthai.com/gallery/general/pic18283.shtml
เจ้าของภาพถ่ายดอกทองหลาง สวยๆหลายภาพ


กระทู้: ปาริชาต..ดอกไม้ในตำนาน
เริ่มกระทู้โดย: ดารากร ที่ 07 ส.ค. 05, 13:04

จาก http://www.peseenam.com/webboard/01835.html  ค่ะ

อริยสาวกกับปาริฉัตตกพฤกษ์(ดอกปาริชาติ)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์แห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีใบเหลือง สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ต้นปาริฉัตตกพฤกษ์ใบเหลือง "ไม่นานเท่าไรก็จักผลัดใบใหม่"

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลัดใบใหม่ สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ต้นปาริฉัตตกพฤกษ์กำลังผลัดใบใหม่ "ไม่นานเท่าไรก็จักผลิดอกออกใบ

ดูกรภิกษุทั้งหลายสมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลิดอกออกใบแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ปาริฉัตตกพฤกษ์ผลิดอกออกใบแล้ว"ไม่นานเท่าไรก็จักเป็นดอกเป็นใบ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ปาริฉัตตกพฤกษ์เป็นดอกเป็นใบแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักเป็นดอกตูม

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใดปาริฉัตตกพฤกษ์ ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูมแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ ปาริฉัตตกพฤกษ์ดอกออกตูมแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักเริ่มแย้ม

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้มแล้ว สมัยนั้นเทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ ปาริฉัตตกพฤกษ์เริ่มแย้มแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักบานเต็มที่

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจเอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ ๕ เดือนทิพย์ ณ ควงแห่งไม้ปาริฉัตตกพฤกษ์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อปาริฉัตตกพฤกษ์ บานเต็มที่แล้ว แผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ ในบริเวณรอบๆ จะส่งกลิ่นไปได้ ๑๐๐ โยชน์ตามลม อานุภาพของปาริฉัตตกพฤกษ์ มีดังนี้ "

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล "สมัยใด อริยสาวกคิดจะออกบวชเป็นบรรพชิต" สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์มี ใบเหลือง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล" สมัยใด อริยสาวกปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลัดใบใหม่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลิดอกออกใบ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูม

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้ม

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่"

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภุมมเทวดาย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้ มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านชื่อนี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น บวชเป็นบรรพชิตกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่

เทวดาชั้นจาตุมหาราชฟังเสียงแห่งภุมมเทวดา ... เทวดาชั้นดาวดึงส์ ... เทวดาชั้นยามา ... เทวดาชั้นดุสิต ... เทวดาชั้นนิมมานรดี ... เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ... เทวดาชั้นพรหมฟังเสียงแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดีแล้ว ย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้ มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านผู้นี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น

บวชเป็นบรรพชิต กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ โดยเหตุนี้เสียงก็ระบือไปตลอดพรหมโลกชั่วขณะนั้น ชั่วครู่นั้น อานุภาพของพระขีณาสพเป็นดังนี้ ฯ"

ลานธรรมเสวนา พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎกที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ปาริฉัตตกสูตร  


กระทู้: ปาริชาต..ดอกไม้ในตำนาน
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 07 ส.ค. 05, 18:26
 แวะเอาลิงค์เกี่ยวกับกามนิตบทที่ 24 มาให้ครับ

 http://www.khonnaruk.com/html/book/liturature/kamanita/kamanita-24.html