เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Pudtan ที่ 02 เม.ย. 21, 15:55



กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 02 เม.ย. 21, 15:55
 ;D เริ่มต้นในปีพุทธศักราช 2325
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ชื่อใหม่ว่า “กรุงเทพฯ” ครั้งนั้น พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีรับสั่งโปรดเกล้า ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงฟื้นฟูบ้านเมืองและการพระศาสนา โปรดเกล้าฯให้สร้างและปฏิสังขรณ์วัดในพระนครมากมายหลายแห่ง รวมถึงบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสั่งให้อัญเชิญพระพุทธรูปโบราณที่ถูกทิ้งร้างอยู่ตามหัวเมืองทางเหนือ ส่วนมากชำรุดจากศึกสงคราม เชิญลงมาประดิษฐานตามวัดต่างๆในพระนครเป็นจำนวนมากหลายร้อยองค์  เพื่อเป็นการรักษาพระพุทธรูปโบราณมิให้สูญหาย และพระราชทานพระบรมราชานุญาติ ให้เจ้านายรวมทั้งขุนนางผู้ใหญ่ถือปฏิบัติด้วย

(https://bit.ly/3fAIa59)

 ;D ต่อมาในปีพุทธศักราช 2384
สมัยรัชกาลที่3 ได้ทรงมีรับสั่งให้สร้างวัดขึ้นใหม่ บูรณะและปฏิสังขรวัดเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมรวมทั้งสิ้น38วัดในเขตพระนครและพื้นที่โดยรอบ ในครั้งนั้น ทรงมีรับสั่งมอบหมายให้ พระยาโชฎึกราชเศรษฐีเจ้ากรมท่าซ้าย เป็นหัวหน้าคนจีนควบคุมคนจีนในไทยของรัชกาลที่3 และในเวลาต่อมา ได้รับตำแหน่งเป็นพระยาไกรโกษา(บุญมา) แต่งตั้งในปีพุทธศักราช 2353 ทรงมอบหมายให้รับหน้าที่สร้างวัดขึ้น1วัด รวมถึงบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากบริเวณที่จะก่อสร้างนี้พบว่า มีอารามตั้งอยู่1หลัง   สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนปี พุทธศักราช 2344 แต่เป็นเพียงอารามเล็กๆเท่านั้น ในอารามแห่งนั้นยังพบมีพระพุทธรูปอยู่ 2 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในอารามแห่งนี้

(https://1.bp.blogspot.com/-irg2akImBrI/YDpSOLs6itI/AAAAAAAAANE/j_DjfUqw0icjXVuGcdFsG6ytp85hAj6kwCLcBGAsYHQ/w564-h388/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3.png)

บริเวณอารามเดิมรวมถึงวัดที่พระยาไกรโกษาได้รับมอบหมายให้สร้างขึ้นใหม่นี้ อยู่บนที่ดินของพระยาไกรโกษาอยู่เดิมแล้ว ตั้งอยู่ติดชายน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเนื้อที่ประมาณ 100ไร่ เมื่อสร้างเสร็จจะมีพระอุโบสถ และวิหารตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา   บริเวณโดยรอบวัดนั้น  ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตร และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมารายูที่อพยพมาจากทางใต้ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อีกส่วนหนึ่งมาจากการปราบกบฏ อพยพเทครัวมายังบริเวณนี้ และยังพบเห็นการอยู่อาศัยของผู้ที่นับถือศาสนาอิลามได้ในปัจจุบัน ทุกวันนี้ กลายเป็นที่ตั้งของโครงการ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟอนท์
พระอุโบสถและวิหารที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ตัวอาคารเป็นศิลปะและเทคนิคการสร้างวัดแบบในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นการประยุกต์ดัดแปลงศิลปะจีนผสมผสานกับศิลปะไทย เกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการขนานนามว่า “ศิลปะแบบพระราชนิยม” วัดพระยาไกรนั้นมีรูปแบบสถาปัตยกรรมเหมือน วัดราชโอรสฯ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร

“ วัดพระยาไกร ”
ถูกเรียกชื่อตามราชทินนามของผู้สร้างวัดคือ พระยาไกรโกษา โดยพบมีข้อมูล "ในหนังสือเซอร์เซมสบรุก (Sir James Brooke เจมส์ บรูก : 29 เมษายน พ.ศ. 2346 – 11 มิถุนายน พ.ศ. 2411) ทูตอังกฤษที่เดินทางเข้ามาขอแก้ไขหนังสือสัญญาในรัชกาลที่3 เมื่อเดือน9 ปีจอ พุทธศักราช 2393 ได้กล่าวถึงพระยาโชฎึกราชเศรษฐีว่า ต่อมาได้เป็นพระยาไกรโกษาในสมัยรัชกาลที่4 เป็นผู้สร้างวัดโชตินาราม ซึ่งภายหลังเรียกกันว่าวัดพระยาไกรตามราชทินนามของท่าน การเรียกชื่อวัดพระยาไกรนั้น ยังคงใช้อยู่อาจด้วยเนื่องจากเป็นภาษาปาก ยังคงคำเรียกและเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ จนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อสร้างวัดพระยาไกรแล้วเสร็จ พระยาไกรโกษาถวายขึ้นเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่3 มีนามว่าวัดโชตินาราม

ในสมัยนั้น วัดพระยาไกรหรือวัดโชตินาราม เป็นวัดที่ได้รับการอุปถัมภ์ มีหลักฐานตามที่ปรากฏในจดหมายเหตุสมัยรัชกาลที่3 จุลลศักดิ์ราช1213บันทึกไว้ว่า วัดพระยาไกรได้รับการยกให้เป็นพระอารามหลวง นอกจากนี้พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ได้รับกิจนิมนต์ไปแสดงธรรมและฉันภัตตาหารในพระราชวังตลอดรัชกาล

 ;D ชื่อวัดโชตินาราม แปลว่า "อารามแห่งความรุ่งเรื่อง"  น่าจะมาจากคำว่า "โชฎึก" เพราะคำว่า "โชฎึกราชเศรษฐี" นี้เข้าใจว่า จะตั้งขึ้นตามคำเก่าที่ไทยเราใช้เรียกมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัย อ้างอิงหนังสือไตรภูมิพระร่วงได้กล่าวถึง เศรษฐีผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าโชติเศรษฐี ว่าเป็นเศรษฐีร่ำรวยมหาศาลเลยทีเดียว คำว่าโชติ เป็นภาษาบาลี แปลว่าผู้มีความรุ่งเรือง ผู้มีความสว่างไสว ดังนั้นชื่อ "วัดโชตินาราม" จึงมีที่มาจากผู้สร้างในตำแหน่งโชฎึกราชเศรษฐี เหมือนธรรมเนียมการสร้างวัดแต่ครั้งเก่า ที่นิยมใส่ชื่อผู้สร้าง ชื่อผู้บูรณะ เป็นชื่อวัดนั้นๆ
หลังสร้างและถวายวัดเสร็จไม่นาน พระยาไกรโกษา เสียชีวิตลง ในเวลานั้น พระยาไกรโกษามีเพียงภรรยาและไม่มีผู้สืบทายาท พระยาไกรโกษาได้ติดหนี้พระคลังหลวงอยู่เป็นจำนวน100ชั่ง ภรรยาพระยาไกรโกษา จึงยกที่ดินของวัดทั้งหมดให้พระคลังหลวงเป็นการชดใช้หนี้สิน ที่ดินและวัดจึงตกเป็นของหลวงตั้งแต่เวลานั้น

 ;D ปีพุทธศักราช 2404
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่4 ทรงรับสั่งให้สร้างถนนเจริญกรุงขึ้น เพื่อความสะดวกในการสัญจรเดินทาง ถนนนั้นได้ตัดผ่านที่ดินของวัดพระยาไกร ถนนได้แบ่งที่ดินวัดออกเป็น2แปลง จาก 100ไร่ กลายเป็น ที่ดินฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา70ไร่  และที่ดินอีกฝั่งถนนประมาณ30ไร่

(https://1.bp.blogspot.com/-7KAXeBFz9wU/YDpTGwAujlI/AAAAAAAAANU/-5NusLAR0EY10JYPEyFDx8ksaQiYlnAbgCLcBGAsYHQ/w292-h173/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%2B%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2587.png)

ต่อมาวัดโชตินารามหรือที่ยังคงเรียกติดปากชาวบ้านว่า "วัดพระยาไกร" มีสภาพกลายเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะท่านพระยาไกรโกษาไม่มีทายาทสืบสายสกุล ขาดผู้ดูแลอุปถัมภ์วัด บริเวณภายในวัดก็กลายเป็นวัดที่รกร้างว่างเปล่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในสมัยรัชกาลที่4 วัดนี้ก็ไม่มีเจ้าอาวาสปกครองแล้ว เสนาสนะสงฆ์ปรักหักพังชำรุดทรุดโทรมยากแก่การบูรณะ รวมไปถึงพระอุโบสถอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น และหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ก็ชำรุดทรุดโทรมลงตามลำดับ  บริเวณภายในวัดก็กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเนื่องจากไม่มีผู้ดูแลรักษา
ภายหลังจากที่มีการตัดถนนเจริญกรุง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้ บริษัท East Asiatic สัญชาติเดนมาร์ก เช่าที่บริเวณริมน้ำเพื่อทำโกดังซุงและอู่ต่อเรือเรื่อยมาจนถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 วัดพระยาไกรก็เริ่มชำรุดทรุดโทรมหนัก ดังมีบันทึกกล่าวไว้ว่า หลังคาวิหารได้พังลงเป็นที่น่าติเตียน โปรดให้สืบหาบุตรหลานผู้สร้าง จนพบจมื่นเด็กชายในราชการ เรียกมาสอบถามแล้วจะเห็นเหลือกำลัง พระสงฆ์ก็เหลืออยู่เพียง4-5 รูป ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณนั้นส่วนใหญ่เป็นหมู่คนต่างประเทศ และต่างศาสนา


 ;D ปีพุทธศักราช 2437
มีคนขอซื้ออู่ต่อเรือนี้ จากพระยาอิศรานุภาพ(เอี่ยม บุญนาค) ผู้ซึ่งอ้างว่าได้รับพระราชทานที่ดินจากสมเด็จพระปิ่นเกล้า แต่กระทรวงการคลังในเวลานั้นคัดค้านว่า ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อเลื่อมสภาพ ย่อมต้องตกกลับเป็นของหลวง ซึ่งกรมอัยการเห็นชอบ และไม่ได้ขายในครั้งนั้น

 ;D ปีพุทธศักราช 2440
บริษัท East Asiatic ประสงค์จะขอเช่าที่ต่อเพื่อทำอู่ต่อเรือและโรงเลื่อย รัชกาลที่5 ทรงเห็นชอบให้บริษัท East Asiatic ทำการเช่าต่อเป็นเวลา20ปี เพื่อนำค่าเช่าที่ได้ ใช้ในการดูแลสถานที่ต่อไป ต่อมาในปีพุทธศักราช2450พบว่า   บริษัท East Asiatic กระทำการละเมิดสัญญา โดยการใช้โบสถ์และวิหารเป็นโกดังเก็บของ จึงทำการปรับขึ้นราคาค่าเช่า

 ;D ปีพุทธศักราช 2461
เจ้ากรมกัลปนา กระทรวงธรรมการเจ้าของสัญญาเช่าพบว่า บริษัท East Asiatic ได้ใช้โบสถ์และวิหาร เป็นสถานที่บรรจุสุรา ทำผิดจากสัญญาที่ตกลงไว้ จึงทำการเปรียบเทียบปรับ และให้บริษัท East Asiatic ย้ายอุปกรณ์ออกไปในทันที จากการกระทำนี้ทำให้อดีตวัดพระยาไกรที่เคยเป็นถึงพระอารามหลวง  คงสภาพทรุดโทรมหนักหนาสาหัส

" วัดพระยาไกรหรือวัดโชตินาราม "
เมื่อนานวันถูกทิ้งร้างจะด้วยเหตุผลในเรื่องของภูมิศาสตร์พื้นที่อยู่ติดชายน้ำ ได้รับความเสียหายแลยากแก่การบูรณะ จึงถูกทิ้งร้างไปในที่สุด เมื่อสภาพการณ์ถูกทิ้งร้าง จึงได้มีการย้ายเสนาสนะมาร่วมสร้างกับวัดไผ่เงิน และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไผ่เงินโชตนารามในปัจจุบัน แม้เสนาสนะจะไม่มี แต่ชื่อวัดและที่ดินอันเป็นที่ศาสนาสมบัติกลางยังมีอยู่ ชื่อวัดยังปรากฏในทำเนียบวัด จนกระทั่งปีพุทธศักราช2539 วัดพระยาไกรหรือวัดโชตินาราม ได้ถูกหน่วยงานราชการที่ดูแลอยู่ในเวลานั้น ประกาศยุบวัด ตามประกาศของกระทรวง ศึกษาธิการเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช2539 ถือเป็นการหายไปของวัดพระยาไกรอย่างสมบูรณ์ และทิ้งไว้เพียงชื่อเท่านั้น
อีกเรื่องหนึ่ง  ที่ทำให้วัดพระยาไกรถูกกล่าวขานเรียกถามหาแม้แต่จะไม่มีวัดหลงเหลืออยู่แล้วก็ตาม คือพระพุทธรูปสององค์ ที่มีประวัติและการค้นพบอันน่าทึ่ง โดยพระพุทธรูปทั้ง2องค์นี้ ได้มาอยู่ที่วัดพระยาไกรตั้งแต่สมัยยังเป็นอารามเล็กๆ ก่อนจะถูกสร้างและปฎิสังขรโดยพระยาไกรโกษา โดยการได้มานั้น เมื่อสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้นำพระพุทธรูปที่อยู่ตามวัดเก่าหัวเมืองทางเหนือ นำมาประดิษฐานไว้ยังวัดในเขตพระนครโดยการลอยน้ำมา ในครั้งนั้น ท่าน้ำอารามเก่าแห่งนี้ ก็มีพระพุทธรูปมาติดที่ท่าน้ำด้วยเช่นกันถึง2องค์ เมื่อครั้งสร้างและบูรณะวัดแล้วเสร็จ จึงอัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ แยกประดิษฐานไว้ มีองค์หนึ่งอยู่ในพระอุโบสถ อีกองค์หนึ่งประดิษฐานไว้ในวิหารของวัดพระยาไกร

" วัดพระยาไกรหรือวัดโชตินาราม "
ตำนานที่มีอายุมากกว่า200ปี แม้จะไม่เหลือวัดให้เป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธและคนในพื้นที่แล้วก็ตาม อาจเรียกได้ว่า เป็นวัดที่เหลือแต่ชื่อ ก็คงไม่ผิด ด้วยเหตุผลเงื่อนไขของเวลา หรือสิ่งอื่นใด แต่ในปัจจุบัน วัดพระยาไกร ยังถูกเรียกเป็นสถานที่ประหนึ่งว่ามีวัดตั้งอยู่ ดังปรากฏตั้งชื่อเป็นแขวงการปกครองหนึ่งของกรุงเทพมหานคร  ในชื่อ "แขวงวัดพระยาไกร" และเป็นชื่อของหน่วยงานราชการ อาทิเช่น สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ที่ทำการไปรษณีย์วัดพระยาไกร รวมถึงท่าเรือด่วนแม่น้ำเจ้า ท่าน้ำวัดพระยาไกร เปิดให้บริการ และพบเห็นได้ในปัจจุบัน

ติดตามชมวีดีโอ ได้ที่ Youtube  ของเราได้นะครับ คลิก>> https://bit.ly/3v8jmqw
 ;D facebook : https://www.facebook.com/pudtan.ch
 ;D youtube  : https://www.youtube.com/c/Pudtan
 ;D website   : http://www.pudtan.com

(https://cache-igetweb-v2.mt108.info/uploads/images-cache/948/article/49312536cd0450b22e339bd0f825645c_full.png) (http://https://bit.ly/3v8jmqw)


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 เม.ย. 21, 17:17
ติดตามชมวีดีโอ ได้ที่ Youtube  ของเราได้นะครับ คลิก>> https://bit.ly/3v8jmqw

https://youtu.be/mxTcWtO7tvQ



กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 เม.ย. 21, 17:47
ตำแหน่งวัดพระยาไกรบนแผนที่กรุงเทพฯ กรมแผนที่ทหาร พ.ศ. ๒๔๕๓

ภาพจาก faiththaistory.com (https://www.faiththaistory.com/phrayakrai/)


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 เม.ย. 21, 18:07
แม้เสนาสนะจะไม่มี แต่ชื่อวัดและที่ดินอันเป็นที่ศาสนาสมบัติกลางยังมีอยู่ ชื่อวัดยังปรากฏในทำเนียบวัด จนกระทั่งปีพุทธศักราช2539 วัดพระยาไกรหรือวัดโชตินาราม ได้ถูกหน่วยงานราชการที่ดูแลอยู่ในเวลานั้น ประกาศยุบวัด ตามประกาศของกระทรวง ศึกษาธิการเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช2539 ถือเป็นการหายไปของวัดพระยาไกรอย่างสมบูรณ์ และทิ้งไว้เพียงชื่อเท่านั้น

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2539/D/067/20.PDF


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 เม.ย. 21, 19:10
หมายเหตุท้ายกระทู้
กระทู้นี้เป็นคำตอบ จากคำถามในกระทู้นี้ค่ะ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2846.msg175553;topicseen#msg175553

รบกวนผู้รู้ช่วยสืบหาว่าวัดพระยาไกร หายไปไหนครับ ทำไมจึงเหลือแต่ชื่อ


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 02 เม.ย. 21, 19:29
ขอบคุณครับ  ;D ;D


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 เม.ย. 21, 00:13
นำรูปมาช่วยเสริมครับ ถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 เม.ย. 21, 00:25
พระพักตร์เดิมของพระทองคำ ปั้นได้สวยทีเดียว(แสดงว่าไม่เร่งรีบ)

ผมคิดเอาเอง(ไม่มีหลักฐานอ้างอิงใดๆ)ว่าราชสำนักสุโขทัยเป็นผู้พอกปูน ซ่อนองค์พระทองคำจากการรู้เห็นของราชสำนักอยุธยา ในช่วงปลายยุคสุโขทัยก่อนจะเสียเมืองแก่ราชสำนักอยุธยา
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ความงดงามของพระทองคำน่าจะลือกระฉ่อนไปทุกทิศ ไหนเลยอยุธยาจะไม่ตามเสาะหาพระองค์นี้ภายหลังจากควบรวมสุโขทัยไว้ในอำนาจได้แล้ว

พระทองคำสุดยอดประติมากรรม ถูกซ่อนไว้ในแคปซูลกาลเวลาถึง ๖๐๐ ปี หายสาบสูญไปจากบันทึกทุกฉบับ บูรพกษัตริย์แห่งอยุธยายังไม่มีโอกาสได้เห็น แห่งรัตนโกสินทร์ก็ไม่ได้เห็น จนถึงรัชกาลที่๙นี่เอง แคปซูลถึงได้เปิดออก

ผมยังเห็นเศษปูนที่กระเทาะออกมา ถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร อยากทราบครับว่ามีการตรวจอายุปูนด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือยัง?


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 11 เม.ย. 21, 12:25
เหตุการณ์ปูนกระเทาะ

หลวงพ่อวัดพระยาไกรมายังพระวิหารเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ต้องอาศัยแรงงานคนซึ่งรวมถึงพระภิกษุสามเณรโดยใช้ท่อนไม้กลมหลาย ๆ ท่อนรองใต้องค์พระแล้วค่อยๆชักลากจากเพิ่งสังกะสีข้างพระเจดีย์มาจนถึงหน้าพระวิหารจากนั้นใช้เชือกโอบรอบองค์พระและสอดใต้ฐานรวมเชือกเป็นสาแหรกขึ้นไปเบื้องพระเศียรติดรอกและขอแล้วกว้านยกองค์พระขึ้นสู่ชั้นบนของพระวิหารเริ่มตั้งแต่เวลาเพลกระทั่งพลบค่ำก็ยังทำการไม่สำเร็จครั้งสุดท้ายยกองค์พระได้สูงประมาณ ๑ ฝ่ามือเชือกก็ขาดสะบั้นเพราะทานน้ำหนักไม่ไหวองค์พระจึงตกกระทบกับพื้นเสียงดังสนั่นโดยขณะนั้นกำลังมีลมพายุฟ้าคะนองครั้นแล้วฝนได้ตกลงมาอย่างหนักทำให้การดำเนินการในวันนั้นต้องยุติลงวันรุ่งขึ้นเมื่อทางวัดตรวจดูองค์พระจึงได้พบรอยแตกกะเทาะของปูนและเห็นว่ามีรักอยู่ใต้ปูนอีกชั้นหนึ่งเมื่อลองแวะรักนั้นออกก็พบผิวทองคำสุกอร่าม จึงทราบว่ามีพระพุทธรูปทองคำอยู่ภายใน


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 08 พ.ค. 21, 11:12
วัดพระยาไกร ภาพผู้หญิงกำลังทำความสะอาดครั่งดิบ
ภาพปรากฎในหนังสือ "Twenties Century Impressions of Siam" ระบุไว้ใต้ภาพว่า "East Asiatic Company, Ltd." จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาคารด้านหลังนี้ คงเป็นโบสถ์หรือวิหารของวัดโชตนาราม หรือวัดพระยาไกร ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นสำนักงาน โกดัง โรงเลื่อยและอู่ต่อเรือของบริษัทอีสต์เอเชียติค ภาพผู้หญิงทำความสะอาดครั่งนี้ ก็สะท้อนภาพการเป็นอู่ต่อเรือของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี แต่ทำสำคัญคือ ความงามของซุ้มหน้าต่างพระอุโบสถ/พระวิหารด้านหลัง ก็คงสะท้อนความปราณีตของพระยาไกรโกษา

(https://scontent.fbkk12-2.fna.fbcdn.net/v/t1.6435-9/183200190_147113884090881_3939758396832688012_n.jpg?_nc_cat=105&ccb=1-3&_nc_sid=730e14&_nc_eui2=AeElHm_1CgLJiSBp1FNKb_J7ARCozLslRN0BEKjMuyVE3URdOeZ1oC52W6FQ9lz9AgrNkYBOXd2asSV_DoATRS2c&_nc_ohc=_fiRGFfH92oAX-EnMCM&_nc_ht=scontent.fbkk12-2.fna&oh=407ad10ba64e36c878edaf70dc133df4&oe=60BD81A4)


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 08 พ.ค. 21, 12:34
ประโยคแรก ย้ายองค์พระเข้าพระวิหาร 25 พ.ค. 2554 >> ปีพ.ศ.ผิดแน่ๆครับ
เพิ่งสังกะสี >> ตัดไม้เอกออก
แวะรักนั้นออก >> แงะ หรือ แกะ ?


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 09 พ.ค. 21, 11:18
ประโยคแรก ย้ายองค์พระเข้าพระวิหาร 25 พ.ค. 2554 >> ปีพ.ศ.ผิดแน่ๆครับ
เพิ่งสังกะสี >> ตัดไม้เอกออก
แวะรักนั้นออก >> แงะ หรือ แกะ ?

ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ ผมจะแก้ไขตามที่แนะนำมาเลยคับ

ขอบคุณมากๆครับ


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 10 พ.ค. 21, 09:34
เรื่องราวน่าสนใจจัง  ขออนุญาตเจ้าของกระทู้รวบรวมบทความเพื่อนำไปเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติอ่านนะครับ


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: Pudtan ที่ 10 พ.ค. 21, 14:11
เรื่องราวน่าสนใจจัง  ขออนุญาตเจ้าของกระทู้รวบรวมบทความเพื่อนำไปเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติอ่านนะครับ

ผมมีทำเป็น วีดีโอด้วยครับ ฝากติดตาม รับชมด้วยนะครับ
youtube: https://youtu.be/mxTcWtO7tvQ


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 พ.ค. 21, 15:23
เสริมข้อมูล


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 พ.ค. 21, 15:26
ลักษณะการแยกชิ้นส่วน กล่าวไว้ต่างกันระหว่าง ข้อมูลของพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร กับ สนพ.ศิลปวัฒนธรรม


กระทู้: ประวัติวัดพระยาไกรที่หายไป เรื่องราวอายุมากกว่า 200ปี By พุดตาน
เริ่มกระทู้โดย: ธสาคร ที่ 10 พ.ค. 21, 15:27
.