ขอบพระคุณมากเลยค่ะ คุณ V_Mee ที่กรุณานำข้อมูลมาฝากอย่างละเอียด
ไม่ได้เข้าเวบวิชาการมานานมากเลยล่ะค่ะ เลยเพิ่งเห็นโพสต์นี้ ระหว่างนั้นก็ไปได้ข้อมูลมาเพิ่มเติมเหมือนกัน แต่ไม่มีตรงนี้
เอ...สงสัยจริงว่าตอนนั้นท่านเริ่มเรียนชั้นอะไรหนอ จะได้นำไปปะติดปะต่อกับข้อมูลตรงอื่นถูก เพราะทราบว่าท่านไปเรียนญี่ปุ่นต่อเลยพร้อมกับพระยาวิสูตรที่ไปเป็นราชทูตในปี ๒๔๔๖ ก็แปลว่าหลังจากเรียนที่ยุพราชเพียงแค่ ๓ ปีเท่านั้นเอง
ไม่ทราบเสียด้วยว่าตอนนั้นยุพราชเริ่มเปิดสอนชั้นอะไร ทราบแค่ว่าพระยาวิสูตรซึ่งเป็นข้าหลวงในขณะนั้นรับสนองพระราชดำริเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนตามหัวเมืองให้ได้มาตรฐาน จึงตั้งรร.ยุพราชในจวนข้าหลวงของท่านเองเลยน่ะค่ะ
ถ้าเช่นนั้นสงสัยคงต้องค้นจากทางรร.ยุพราชอีกที
อ้อ, แต่ว่าบทความวิชาการที่ไปค้นเจอก่อนหน้าก็อ้างถูกแล้วนะคะ คือจริง ๆ ท่านหลวงจรูญฤทธิไกรท่านเป็นบุตรพระยาทิพโกษา และเกิดที่ภูเก็ต แต่ว่าตอนนั้นพระยาวิสูตรฯ หรือ พระยานริศฯ ขณะนั้น ยังไม่มีลูกชาย ท่านและภรรยาท่านคือคุณหญิงปลั่งจึงไปขอจองหลวงจรูญไว้ตั้งแต่ในท้องว่า ถ้าเป็นผู้ชายจะขอ
จึงเป็นที่มาทำให้มีบันทึกไว้ทั้งสองอย่างนี่ล่ะค่ะ และทำให้ในทะเบียนสมรสเขียนว่า ร้อยตรีจรูญ เป็นบุตรพระยาทิพโกษา
อนึ่ง ตระกูลโชติกเสถียร เป็นตระกูลใหญ่ ได้ค้นฐานข้อมูลในซีดีรอมแล้ว พบว่า มีอีกหลายจรูญค่ะ แต่เป็นหลวงจรูญท่านนี้ล่ะค่ะ ที่ไปญี่ปุ่น และเป็นท่านที่กำลังค้นประวัติอยู่น่ะค่ะ
ขอขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ คุณ V_Mee ที่กรุณามีน้ำใจเผื่อแผ่นำข้อมูลที่หาได้ยากยิ่ง แต่มีค่ายิ่ง มาฝากกัน ณ ที่นี้