เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 67 68 [69] 70 71 ... 77
  พิมพ์  
อ่าน: 85011 ฉากประทับใจในหนังเก่า (3)
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1020  เมื่อ 10 มี.ค. 22, 14:30

      อ.มัทนี รัตนิน แปลและนำบทละคร รถรางคันนั้นชื่อปรารถนา มาจัดแสดงที่หอประชุมเล็ก มธ.
(ยุคนั้นท่าพระจันทร์ก็มีละครเวทีนำเสนอต่อเนื่องอย่าง เช่น อันตราคนี,อวสานของเซลส์แมน)
      และ ละครเวที เรื่องนี้ที่มธ. ก็ยังไปปรากฏเป็นฉากหนึ่งในหนังดังระดับตำนานกาลก่อน เรื่อง วัยอลวน
ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงที่เล่าโดยพระเอก - ตั้ม นศ.มธ. ผู้รับบทเป็นพระเอกร้ายในละครเวทีเรื่องนี้ที่ถึงวันแสดง
กลับเปิดม่านไม่ได้สักที เพราะคนรัก - โอ๋ ออกอาการหวงไม่ให้เล่นบทกอดภรรยาในเรื่อง จึงประท้วงนั่งอยู่บนเวที
ไม่ยอมลุกไปไหน ต้องใช้เวลากล่อมอยู่นาน และ
      เมื่อถึงฉากสำคัญนั้น สายตาพิฆาตของโอ๋ที่จ้องมองมาก็ทำให้ตั้มหวาดหวั่นจนแสดงแทบไม่ออก

ไม่พูดพิมพ์มาก, เจ็บคอนิ้วล็อค


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 1021  เมื่อ 10 มี.ค. 22, 22:33

สุดยอดครับคุณหมอ อย่าว่าแต่ตั้มเลย สามีคนไหนประสบแววตาแบบนี้ก็ต้องมือเท้าอ่อน ยกเครดิตให้คุณลลนากับคุณเปี๊ยกเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1022  เมื่อ 11 มี.ค. 22, 08:08

ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของสรพงศ์ ชาตรี ค่ะ
ขอรำลึกถึงศิลปินแห่งชาติ ท่านนี้ ด้วยผลงานโด่งดังในอดีต  แผลเก่า

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 1023  เมื่อ 11 มี.ค. 22, 08:46

คารวาลัย "สรพงษ์ ชาตรี"
กรีพงษ์ เทียมเศวต
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง


ร่วงลาดังใบไม้ในหน้าร้อน
พอลมพัดก็ปลิวฟ้อนลงซัดส่าย
เพียงพริบตาหล่นลับลงซับทราย
โอ้ใจหายวับวับเกินรับทัน

เป็นพระเอกตลอดกาลนะสรพงษ์
ยิ่งเล่นยิ่งยืนยงย่ิงคงมั่น
แสน "เสียดาย"  "แผลเก่า" ของเรานั้น
ถูก "มือปืน" ยืนยันให้จากลา

เป็นตำนานตรึงใจไม่รู้ลืม
บุญด่ำดื่มธารดลกุศลกล้า
"วัดหลวงพ่อโต"โอ่อ่าตระการตา
ย่อมส่งเอกสู่ฟ้าสุขาวดี

อาลัยนักนักบุญการุณจิต
ประชาชนทั่วทิศน้ำตาปรี่
ในท่ามกลางความอึงอลอันล้นมี
ขอ "สรพงษ์ ชาตรี" สงบงาม

  
ขมัยภร แสงกระจ่าง
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
๑๐  มีนาคม  ๒๕๖๕


สิ้นแล้วทั้งดาราและโรงภาพยนตร์
ภาพจาก กระทู้นี้ช่วงรำลึกถึง "แผลเก่า"

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1024  เมื่อ 11 มี.ค. 22, 08:49

พล่ามต่อ...

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ฮอลลีวู้ดทำร้ายจิตใจนักแสดงที่โด่งดังมากกว่าเรื่องแรกที่ผมได้รู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ นู้น  เกิดขึ้นในเวลาต่อมากับหนัง My fair lady (1964) เรื่องย่อไม่ต้องเล่าเพราะ คนไทยนักดูหนังทุกคน (ยกเว้นผม  ผมไม่เคยดู) รู้จักดี

เรื่องเริ่มต้นอีหรอบเดียวกันคือ My fair lady เป็นบทละครแล้วก็สร้างเป็นละครเวทีที่โด่งดังมาก  ทั้งทางฝั่งอังกฤษและอเมริกา  Warner Studio จึงตัดสินใจนำมาดัดแปลงเป็นหนังโรง  บทศาสตราจารย์ Henry Higgins ใช้ดาราละครเดิมคือ Rex Harrison ส่วนบทสำคัญของเรื่อง Eliza Doolittle นั้น studio กลับเลือก Audrey Hepburn แทน Julie Andrews  ซึ่งช่ำชองกับบทนี้บนเวทีทั้งที่อังกฤษและอเมริกา  studio ให้เหตุผลอมตะว่า  คนอเมริกันรู้จัก JA น้อยมาก  เลยต้องการปิดประตูขาดทุน

ซึ่ง studio ก็ตัดสินใจถูก (ตามเคย) หนังดังสนั่นแม้บทของ AH จะต้องร้องเพลงตลอดเรื่องซึ่งเสียงของเธอ แม้จะเคยโชว์มาแล้วจากหนังเรื่อง Breakfast at Tiffany's  แต่ผู้ผลิตตัดสินใจว่าไม่มีพลังพอ  ทาง studio ก็แก้ปัญหาด้วยการนำนักร้องหลังม่าน (Marni Nixon) มาอัดเสียงทับ (ไม่ได้เช็คละเอียดว่าเธอร้องแทนในทุกเพลงหรือเฉพาะเพลงเอกในเหตุการณ์นั้น ๆ  ซึ่งไม่ใช่ประเด็นของเรื่องที่จะนินทาถึงนี้)

ฝ่าย JA ความที่ตัวเองเป็นเจ้าแม่บทนำนี้บนเวทีละคร  จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเสียใจสุดขีด อย่างไรก็ตาม  มี studio (Disney) หนึ่งเห็นใจและยื่นมือเข้ามาปลอบประโลมโดยการมอบบทแม่มด Mary Poppins ให้และปล่อยให้เธอแสดงความสามารถทั้งในการแสดงและร้องเพลงเต็มที่

หนัง Mary Poppins ดังถล่มทลายไม่แพ้ My fair lady  ทั้ง 2 เรื่องเข้าไปชิงดำกันบนเวทีรางวัล Oscar ปีนั้นอย่างดุเดือด MP เข้าชิง 13 ตัวรวมถึงบทนักแสดงนำหญิงของ JA  ส่วน MFL เข้าชิง 12 ตัว  แต่ AH ไม่ได้รับการเสนอชื่อ

ผลออกมาต่างก็หยิบรางวัลกันไปตามส่วนแบ่ง  รวมทั้ง JA กับหนังฮอลลีวู้ดเรื่องแรกของเธอ แต่ที่โด่งดังจนเข้าทำเนียบตำนานฮอลลีวู้ดคือเรื่องที่ทุกคนเข้าใจว่า JA ได้ Oscar เพราะฮอลลีวู้ดต้องการปลอบใจเธอในกรณีอกหักจากบทนำใน My fair lady 

อย่างไรก็ตามกาลเวลาได้พิสูจน์ว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่  เพราะในปีต่อมาเธอก็ได้รับการเสนอชื่ออีกในหนังดัง The sound of music  และอีกครั้งในปี 1983 ในหนังเรื่อง Victor Victoria  ได้เข้าชิง Oscar ถึง 3 ครั้งนี่การันตีความสามารถในการแสดงของเธออย่างแน่นอน

บนเวที Oscar เธออดเหน็บฮอลลีวู้ดไม่ได้

(2.15 เป็นต้นไป)

 
บนเวที Golden Globe ซึ่งเป็นเวทีที่เล็กกว่า  แต่การแข่งขันดุเดือดกว่าเพราะทั้ง JA กับ AH ต่างเข้าชิงรางวัลเดียวกัน

เธอหยอกผู้บริหารของ Warner studio ที่ไม่เลือกเธอไปรับบทใน MFL จึงเปิดโอกาสให้เธอได้รับบทใน MP ที่ Disney studio เสนอให้แทนซึ่งทำให้เธอได้รางวัล GG ในที่สุด


 
JA ในบท Eliza Doolittle บนเวทีละคร



AH ในบทเดียวกัน ฉบับหนังโรง



อย่างที่บอก ผมไม่เคยดูหนัง My fair lady แต่พอได้มีโอกาสดู clip เพลงนี้ทาง youtube ก็พบว่าเพลงคุ้นหูมานาน  แสดงว่าตอนเด็ก ๆ ผมต้องเคยได้ฟังเพลงนี้ทางสถานีวิทยุ

ยังมีเพลงเก่า ๆ อีกที่คุ้นหูมานานแต่ไม่รู้ที่มา  จนกระทั่ง youtube ถือกำเนิดถึงรู้ว่ามันเป็นเพลงจากหนัง  ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าเคยดูหรือไม่  หรือเคยได้ยินทางวิทยุแค่นั้น  อย่างเพลงนี้



และเพลงนี้ซึ่งจำได้ว่าเคยได้ยินทางรายการเพลงทางทีวี  รู้สึก ผุสดี อนัคฆมนตรี เป็นคนร้องนะ



(จบแล้น)

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1025  เมื่อ 11 มี.ค. 22, 09:32

ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของสรพงศ์ ชาตรี ค่ะ
ขอรำลึกถึงศิลปินแห่งชาติ ท่านนี้ ด้วยผลงานโด่งดังในอดีต  แผลเก่า



เคยเห็นเธอครั้งแรกในหนังทีวีชุด หมอผี ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ คืนวันพฤหัสฯ  (เล่าจากประสบการณ์  ผมไม่มั่นใจในข้อมูลของ wikiฯ นะ ในเรื่องฉายทุกวัน ๆ ละ 2 ชม. เอาเวลาที่ไหนมาสร้าง)  อันเป็นผลงานแรก ๆ หรือแรกเลยก็ไม่ได้เช็คของ ท่านมุ้ย

จำได้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยของหมอผีที่แสดงโดย ถนอม นวลอนันต์

ผู้ช่วยมีทั้งหมด 3 คนเป็นหนุ่มหล่อทั้งสิ้น คือ  สรพงศ์ ชาตรี   สมภพ เบญจาธิกุล  และคนที่ผมว่าหล่อที่สุดแล้วก็เพิ่งตายไปเมื่อ ต.ค. ปีที่แล้ว (แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงเลย  น่าน้อยใจแทน) คือ สายัณห์ บำรุงกิจ ที่ต่อมาข้ามไปเล่นหนังโรงแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น อัศวิน รัตนประชา



เคยอ่านในหนังสือ BR (ของแม่)  ตอนนั้น สรพงศ์ฯ เพิ่งเข้าวงการ  จากหนังทีวีเรื่อง หมอผี  ท่านมุ้ยจับไปเล่นหนังโรงเรื่อง มันมากับความมืด คู่กับ นัยนา ชีวานันท์  ท่านให้สัมภาษณ์ในหนังสือฯ ว่า  ตั้งใจปั้นให้ สรพงศ์ฯ เป็นพระเอกที่ไม่เหมือนพระเอกคนอื่น ๆ  คือเป็นพระเอกที่ไม่หล่อ (ท่านเน้นที่จมูกโต ๆ)  แต่ผม (ในวัยเด็ก) ว่า เธอก็ยังหล่ออยู่ดี

บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1026  เมื่อ 12 มี.ค. 22, 12:16

        ใจหาย พระเอกมากฝีมือที่คุ้นเคยมานานจากหนังที่นำแสดงหลากหลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังที่เป็นผลงาน
จากการกำกับของท่านมุ้ย (ความจริง แรกเห็นตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักแสดงสมทบในหนังทีวีของท่านมุ้ย ทางช่องเจ็ด)

ภาพจากหนังผลงานท่าน Cinephile


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1027  เมื่อ 14 มี.ค. 22, 08:33



เธอได้เข้าชิง Oscar 4 ครั้ง  ได้จากการเข้าชิงครั้งแรกในปี 1986



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1028  เมื่อ 14 มี.ค. 22, 08:45

Road to Perdition (2002) เป็นหนังอาชญากรรมย้อนยุคไปในช่วง 20s อันเป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก  เรื่องเล่าถึงการแก้แค้นของมือปืนรับจ้างกับลูกชายกับกลุ่ม gangster กลุ่มหนึ่งที่ฆ่าครอบครัวของเขาอย่างโหดเหี้ยม




ผมเคยดูหนังของ Tom Hanks เรื่องแรกคือ Splash (1984) หนังเกี่ยวกับนางเงือก  เป็นหนังที่ส่งเธอจากดาราทีวีเป็นดาราหนังโรง  จากหนังเรื่องนี้เธอก็ติดลมบนมาตลอดจนขึ้นจุดสูงสุดเมื่อได้รางวัล Oscar 2 ตัวซ้อนจากหนัง Philadelphia (ผมดูเรื่องนี้  โดยส่วนตัวแล้วการจัดให้ TH เป็นเกย์ ไม่ ‘convincing’ ในความคิดของผมเพราะเธอดังมากแถมเป็นคนรักครอบครัว  เกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเธอเป็นเกย์)  กับ Forest Gump

เธอเล่นหนังเยอะมาก  ถ้าผมเป็นคนติดดาราคงต้องดูหนังเธอเล่นจนอ้วกไปข้าง
  
หนังเรื่องนี้ดูสนุกดี  ไม่โหดแบบยิงกันหูดับตับไหม้ตามประสาหนัง gangster เท่าไร  แถมยังมีฉากน่ารัก ๆ มาผ่อนคลาย

เมื่อเหลืออยู่กันแค่ 2 คน  ก็ต้องฝึกลูกขึ้นมาเป็นผู้ช่วย  แต่อย่างแรกคือต้องขับรถให้เป็นก่อน

(เด็กคนนี้ไม่เคยขับรถมาก่อน  มาฝึกตอนถ่ายทำเลย)


ฉากจบของเรื่อง  



เป็นหนัง on-screen/live-action เรื่องสุดท้ายของ Paul Newman










บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1029  เมื่อ 15 มี.ค. 22, 08:12

หลังจากกลับไปนั่งไล่รายชื่อหนังของ William Hurt ที่เคยดูมา  ปรากฏว่ามีไม่มากเรื่องเท่าไร  เรื่องที่ชอบมาก ๆ คือ The Big Chill (1983) ก็ฝอยถึงไปแล้ว  แล้วก็มาเจอหนังที่ชอบมากอีกเรื่อง (นี่ถ้าเธอไม่ตายก็คงยังนึกไปไม่ถึง) คือ Body Heat (1981)  ถ้าจำไม่ผิดฉายที่โรง EMI

เป็นหนังฆาตกรรมซ่อนเงื่อน  ตัวเอกซึ่งคือตัวแสบเจ้าเล่ห์เป็นผู้หญิงสวยเซ็กซี่ยั่วยวนและรวยเช็ดแต่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว  ดันไปมี ‘อะไรๆ’ กับทนายหนุ่มกิ๊กก๊อก

บุคลิกของตัวละครหญิงแบบนี้ (คือ สวยเซ็กซี่ยั่วยวนแต่แสบสันต์) มีชื่อเฉพาะที่เจ้าบ้านเค้าเรียกว่า Femme fatale หรือ Vamp (ตย. อื่นเช่น บทของ Glen Close ใน Fatal Attraction) บทนี้เป็นที่นิยมมากในหนังฮอลลีวู้ดยุค 40s  ซึ่งจะมากับหนังบรรยากาศหม่นหมองทึม ๆ ที่เจ้าบ้านเรียกว่า Film Noir  ต้นกำเนิดของศัพท์มาจากฝรั่งเศส  'film noir' ที่สร้างนอกเหนือจากช่วงเวลาต้นกำเนิดของมันจะเรียกว่า Neo-Noir

กลับมาที่หนัง... ทนายคนนี้นอกจากกิ๊กก๊อกแล้วยังทึ่มอีกต่างหากเพราะไปหลงคารมสาวช่วยกันวางแผนฆ่าผัวของเจ้าหล่อน  แผนสำเร็จแต่เรื่องเสร็จเพราะเงื่อนงำโผล่ขึ้นมาให้สืบเสาะได้

ฉากเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างหญิงแสบ (Kathleen Turner) กับเหยื่อ (ที่บ้านผมเรียกว่า) ‘หน้าหม้อ’ (William Hurt)




ก่อให้เกิดจุดกำเนิดของฉาก ‘ตัณหา’ ที่เร่าร้อนมากแม้แอร์ในโรงฯ จะเย็นยะเยือกก็ตาม



ตัณหาพาไป  แผนฆาตกรรมตามมา



ตัวอย่างหนัง



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1030  เมื่อ 16 มี.ค. 22, 09:35

ตอนที่นั่งดู Body Heat อยู่ในโรง  เห็น Kathleen Turner แล้ว  ถึงกับตลึงเพราะเธอทั้งสวยและเซ็กซี่ไม่มีที่ติ

ภายหลังได้อ่านรายละเอียดใน Wikiฯ แล้วพบว่า  มีคนเห็นด้วยกับความเห็นของผม

“Empire magazine cited the film in 1995 when it named her one of the "100 Sexiest Stars in Film History". The New York Times wrote in 2005 that, propelled by her "jaw-dropping movie debut [in] Body Heat ... she built a career on adventurousness and frank sexuality born of robust physicality" ... (ถึงกับใช้คำว่า 'robust' แน่ะ)

KT ก้าวขึ้นสู่ฟ้าฮอลลีวู้ดจากเรื่องนี้  เธอมีหนังดี ๆ เล่นอีกมากมาย  ช่วงนั้นหนังที่เธอเล่นเข้ามาฉายในบ้านเราอย่างสม่ำเสมอ  ที่ผมติดใจก็เช่น Romancing the stone (1984)

มันเป็นหนังที่ถ้าเป็นอาหารก็อาหารจานอร่อยมีครบทุกรสชาติ  คือเป็นหนังผจญภัยตื่นเต้นที่แฝงความตลกทำให้เกิดความสนุกสนานในการชม  แถมบทโรแมนติกเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นน้ำจิ้ม

หนังเล่าเรื่องของนักเขียนนิยายโรแมนติกสาว (Kathleen Turner) ที่มีผลงานเป็นที่นิยมไปทั่วโลก  ขณะที่เนื้อเรื่องในนิยายของเธออบอวลไปด้วยความโรแมนติกแต่ในชีวิตจริงเธอเป็นสาวโดดเดี่ยวและขี้เหงา

วันหนึ่งก็มีเหตุการณ์มาเปลี่ยนแปลงชีวิตอันเรียบง่ายเมื่อจู่ ๆ เธอก็ได้รับ แผนที่ลึกลับ จากน้องเขยซึ่งถูกฆ่าตาย  ในเวลาเดียวกัน  อพาร์ตเม้นท์ที่อยู่ก็โดนรื้อกระจุย  ลงท้ายด้วยโทรศัพท์จากน้องสาว (ที่ผัวโดนฆ่าตาย) ที่โทร. มาแจ้งว่าเธอถูกลักพาตัว  น้องสาวสั่งเสียด้วยการให้เธอเดินทางไปประเทศ Colombia พร้อมแผนที่ที่ว่าซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็น ‘เงินค่าไถ่’

ความสนุกสนานเริ่มขึ้นเมื่อเธอมาถึงประเทศที่ว่า  ขณะเดียวกันคนดูก็พบว่าผู้ร้ายมี 2 กลุ่ม  กลุ่มโจรค่าไถ่กับกลุ่มที่รื้ออพาร์ตเม้นต์ของเธอ  ทั้ง 2 กลุ่มมีความต้องการในสิ่งเดียวกันคือ แผนที่ลึกลับ

เมื่อโจรกลุ่มหนึ่งทำให้เธอหลงทาง  เธอก็ได้พบกับนักล่านกหายากเพื่อเอาไปขายในตลาดมืด (Michael Douglas) เพื่อจะสะสมเงินไว้ซื้อเรือยอร์ชเอาไปแล่นท่องโลก
หลังจากเจอกัน  สาวก็เลยว่าจ้างให้พาเธอไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้






(นั่งดูในปี 1984 ฉากนี้ผมฮากลิ้ง)


(0.24 – ‘These were Italian’ … ‘Now, they are practical’ … อีกหนึ่งขำ)


ทั้ง 2 เดินทางไปถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ใต้อิทธิพลของนักค้ายาเสพย์ติดตัวเอ้  แทนที่จะซวย  เหตุการณ์กลับตาละปัด  เพราะปรากฏว่าตัวหัวหน้าเกิดเป็นแฟนนิยายโรแมนติกของเธอ  และดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง



มีฉากไล่ล่าสนุก ๆ




หนังจบด้วยสูตรสำเร็จที่ไม่จำเป็นต้องเล่า



ตัวอย่างหนัง




หนังสนุกจริง ๆ  และเป็นความสนุกแบบสากลด้วยเพราะคนทั่วโลกก็สนุก  เลยมีภาค 2 ตามมาชื่อว่า Jewel of the Nile ในปีถัดไป  เป็นการผจญภัยเช่นกันแต่ต่างรูปแบบกัน  อนิจจา ผมไม่สามารถดึงฉากเด่น ๆ ในเรื่องออกมาจากความทรงจำได้  แม้จะดู clips กระตุ้นก็ตาม  ข้อมูล wikiฯ บอกว่า  ภาคต่อไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร  franchise เลยหยุดอยู่แค่ภาค 2 นี้

อย่างไรก็ตาม  ยังมีสิ่งหนึ่งในหนังที่จำได้ดีคือเพลงดัง "When the Going Gets Tough, the Tough Get Going" ที่ร้องโดย Billy Ocean เพลงนี้ดังมากขึ้นถึงอันดับ 2 ในตารางเพลง billboard  ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบเล้ย จะเต้นตามก็ไม่ชวนขยับ  วิทยุเมืองไทยก็ไม่ค่อยเปิด  ไปเปิดเพลงช้า Suddenly ของเธอซึ่งผมชอบมากกว่า (มากกกกกก)



ตัวอย่างหนัง



ยังมีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1031  เมื่อ 17 มี.ค. 22, 08:31

แต่หนังที่ส่ง Kathleen Turner ให้เป็นที่ยอมรับในฝีมือในวงการภาพยนตร์เกิดขึ้นในปี 1986 กับหนังเรื่อง Peggy Sue Got Married  ในเรื่อง KT เล่นกับ Nicholas Cage  ทั้ง 2 เป็นผัวเมียที่ความสัมพันธ์กำลังร้านฉาน ทั้งคู่เป็นแฟนกันมาตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ชั้น ม. ปลาย (High school sweetheart)  แต่ปัจจุบันนี้มนตร์เริ่มเสื่อม  การตัดสินใจหย่าร้างกำลังคอยอยู่ที่โค้งหน้า

แต่แล้ววันหนึ่ง ในงานคืนสู่เหย้าเมียก็มีอันให้ได้มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตในอดีต  ในยุค ม. ปลายนั้นอีกครั้ง  เธอได้กลับไปสัมผัสเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงความรักที่กำลังเริ่มเบ่งบานกับว่าที่ผัวในอนาคตของตัวเอง

ต้นเรื่อง

(บทลูกสาวแสดงโดย Helen Hunt ต่อมาเธอได้ Oscar จาก As good as it gets (1997))




Peggy Sue ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับไปในยุค ม. ปลาย
 

(เหตุการณ์ย้อนเวลากลับไปบ้านนี้หลอนผมมากเพราะผมอยากย้อนเวลากลับไปหาความสุขในสมัยเด็กที่สุด  บรรยากาศในหนังใช้โทนสีอบอุ่นมาก)



(ฉากนี้เป็นฉากขำส่วนตัว  คือขำเฉพาะชาวอเมริกัน  คือว่า รถ Edsel ในฉากที่พ่อเธอเพิ่งซื้อนั้น  มันเป็นรุ่นหนึ่งของ บ. Ford  บริษัทฯ หวังในตัวรถรุ่นนี้มากว่าจะฮิตถล่มทลายในตลาด  แต่ในกาลเวลาต่อมาปรากฏว่ามันขายไม่ออก  บ. Ford ขาดทุนไปกับมันแบบหูรูด  แต่ตอนนั้นไม่มีใครรู้เพราะมันเป็นเรื่องอนาคต ในเรื่องยังมีรถสวย ๆ อีกบานตะเกียง  ผมนั่งไล่ชื่ออย่างเมามัน)


จากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตที่มีประสบการณ์ของปัจจุบันกับยุคอดีต



แล้วก็พยายามบอกชาวบ้านว่าตัวเองมาจากไหน



ได้มีโอกาสกลับไปหาคุณตาคุณยาย  เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ผมโหยหา

(บทคุณยายเล่นโดยนักแสดงใหญ่ในยุคทองของฮอลลีวู้ดชื่อ Maureen O’ Sullivan (1911-1998)  เธอดังจากหนังโรงชุด Tarzan ฉบับ Johnny Weissmuller  เธอเป็นแม่ของดารา Mia Farrow)




ได้กลับไปสานสัมพันธ์กับหนุ่มที่ตัวเองเคยแอบคลั่งไคล้  เพราะนอกจากหล่อระเบิดแล้วยังมีอารมณ์ศิลปินเต็มเปี่ยม



แล้วก็พบผัวตัวเองตอนยังเป็นแฟน (มี Jim Carrey เล่นด้วย  ตอนนั้นยังไม่ดัง)



จากการย้อนไปสัมผัสประสบการณ์ในอดีตอย่างสด ๆ ร้อน ๆ   การกลับมาสู่ปัจจุบันทำให้เธอมองผัวเฮงซวยของตัวเองในมุมมองที่เปลี่ยนไป

(การกลับไปอดีตของเธอ  เผอิญไปสะกิดบางมุมอันก่อให้เกิดผลในปัจจุบัน คือฉากคืนที่อยู่ร่วมกับปิ๊งหนุ่มอารมณ์อ่อนไหวที่เธอแอบคลั่งแล้วได้คุยกันถูกคอ (จำไม่ได้ว่าพลีกายให้ด้วยป่าว  clip ลากยาวไปไม่ถึง) ที่ในความเป็นจริงไม่ได้เกิดขึ้น  การสะกิดนี้ไปเปลี่ยนแปลงชีวิตหนุ่มจากที่เอาแต่ฟุ้งซ่าน  กลับเป็นนักเขียนแนวปรัชญา (4.40))


ตัวอย่างหนัง



หนังแฟนตาซีที่สดใสกลิ่นหอมชื่นใจ  ผมหลงใหลในหนังย้อนยุคอยู่แล้ว  ตอนนั่งอยู่ในโรงผมสนุกสนานกับการกวาดตาไปรอบ ๆ ฉากแต่ละฉาก  ดูดดื่มความคลาสสิกของยุคโบราณ  นอกจากนี้เพลงประกอบก็เป็นที่คุ้นหูพวกเราทั้งนั้น

หนังไม่แค่ดังเฉย ๆ แต่ส่งให้ KT ขึ้นไปแข่งขันบนเวที Oscar ด้วย


หมายเหตุ – เล่าเรื่องรถ Ford Edsel อีกนิด  ที่จริงทุกคนจะเรียกมันแค่ Edsel เฉย ๆ  ข่าวบอกว่า ก่อนจะประกาศชื่อรุ่นของรถอย่างเป็นทางการ  ทาง บ. มีชื่อให้เลือกอยู่ประมาณหลายร้อยชื่อ  หลังจากประชุมกันเพื่อพิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วน  องค์ประชุมพร้อมใจกันเลือกชื่อ Edsel  อันเป็นชื่อลูกชายที่ตายไปก่อนหน้านี้ของ Henry Ford ประธานก่อตั้งบริษัท  

ความที่ บ. ลงทุนโฆษณาลงไปบาน แต่ผลออกคือยอดขายไม่ดีทำให้เกิดการเจ๊ง  จึงเป็นการเจ๊งแบบดังกระหึ่ม  Edsel ก็เลยกลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งของรถยนต์อเมริกัน  กลายเป็นรถเจ๊งที่ดังที่สุดรุ่นหนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน
  
ถ้าเป็นคนรักรถคลาสสิกของอเมริกา  เวลาดูหนังย้อนยุคไปในช่วงเวลาดังกล่าว  จะเห็นรถ Edsel นี้โผล่โฉม  ไม่ก็วิ่งฉวัดเฉวียนเข้าออกอยู่ในฉากเสมอ ๆ  คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปจะคิดว่า  แหม... รถคันนี้ในยุคนั้นท่าจะฮิต  เห็นโผล่ออกมาทุกเรื่อง  เปล้า...

ผมก็อุตส่าห์ช่วยซื้อตั้ง 2 คัน



ยังมีต่อ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1032  เมื่อ 18 มี.ค. 22, 08:31

จากการดูหนัง Body Heat  อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสรุปได้ว่า Kathleen Turner เซ็กซี่ไม่มีที่ติ  นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว  มันรวมถึงน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกของเธอด้วย

ชะรอยจะมีคนเห็นด้วยกับผมเพราะมีหนังอื่นอีกที่จ้างเธอมามีส่วนร่วมเฉพาะการให้เสียง 
 
เรื่องที่ดังเพราะบุคลิกของตัวละครกับเสียงของเธอเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยคือ หนังคนผสมการ์ตูนทำนองเดียวกับ Mary Poppins (แต่คนละแนว) คือเรื่อง Who framed Roger Rabbit (1998) หนังเกิดขึ้นในเมืองจินตนาการที่คนกับการ์ตูนอยู่ร่วมกัน  นักสืบที่เป็นคนแถมเกลียดการ์ตูนเป็นที่สุดกลับต้องมาสืบสวนเพื่อหาความจริงว่าตัวการ์ตูน Roger Rabbit นั้นคือฆาตกรจริงรึเปล่า

หนังสนุกอย่างบอกไม่ถูก  สงสัยจังว่ามีชาวเรือนไทยคนไหนได้ดูบ้าง ถ้าได้ดูเป็นต้องจำได้อย่างแน่นอน  บรรยากาศหนังออกแนว ‘film noir’ ทั้งลึกลับตื่นเต้นในแบบหนัง film noir  และตลกในแบบหนังการ์ตูน (มุขเจ็บตัวที่เจ้าบ้านเรียกว่า slapstick ถ้าเป็นแนวไทย ๆ ก็ใช้ฝากล่องขนมปังฟาดหัวกบาลกันไปมานั่นแหละ)

KT เธอให้เสียงกับ ตัวการ์ตูนชื่อ Jessica Rabbit เธอเป็นเมียสุดเซ็กซี่ของ RR ดาราการ์ตูน


(นี่คืออาชีพของเธอ เสียงร้องเพลงเป็นของ Amy Irving …. ตัวการ์ตูนสาวขาวดำ (1.00) ชื่อ Betty Boop เป็นตัวละครคลาสสิก ที่ปรากฏมาให้เห็นตั้งแต่ยุค 30s เป็นต้นมา  พวกเราคงคุ้นตามาบ้างทางทีวีตอนเด็ก ๆ)




(1.01 – ‘Dum-dums’ = ไอ้ (กระสุน) โง่เอ้ย)


ฉากจบ เมื่อสามารถหาตัวฆาตกรตัวจริงได้สำเร็จ  RR พ้นจากการกล่าวหาแล้วกลับไปครองรักกับเมีย (โคตรเซ็กฯ) ของตัวเอง










นี่คือ RR  เป็นดาราเชียวนะ






Special Effects ในด้านต่าง ๆ สุดยอดสมกับที่ได้ Oscar ในทุกสาขาของด้านนี้


ตัวอย่างหนัง



Kathleen Turner อยู่ในวงการอย่างภาคภูมิจนกระทั่งเวลาก้าวสู่ต้น 1990s เธอก็พบว่าเป็นโรค rheumatoid arthritis  อันเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก จากนั้นเธอก็รับงานน้อยลงเพื่อไปรักษาตัว  เมื่อกลับมาอีกครั้ง  ผมเห็นแล้วตกใจ  รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปเลย... ยกเว้นเสียงที่ยังเซ็กซี่อยู่


ไม่จบง่าย ๆ แฮะ...

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1033  เมื่อ 21 มี.ค. 22, 07:40

นักแสดงในเรื่อง Body Heat อีกคน  แม้จะเป็นแค่ตัวประกอบแต่เด่นจนเห็นแล้วอดตะลึงไม่แพ้ Kathleen Turner คือ Mickey Rourke  ในสายตาผม  ผมว่าเวลาเธอยิ้มแล้วหน้าเธอสวยไม่มีที่ติ




MR ก็เช่นกัน  เธอเป็นที่จับตามองจากบทในเรื่องนี้  อีก 5 ปีต่อมาเธอกลับมากระชากหัวใจสาว ๆ จนขาดกระจุยจากบทในหนัง erotic เรื่อง 9 ½ weeks  หนังมาฉายที่เมืองไทยเช่นกัน  SP ลงรูปงาม ๆ ของเธอและ Kim Basinger ซึ่งสวยเด่นไม่แพ้กันอยู่หลายฉบับ




ฉากเซ็กซี่ ๆ





รวมถึงฉากนี้ที่อื้อฉาวมาก คนในโรงนั่งเหงื่อแตกกันถ้วนหน้า  คาดว่าช่วงนั้น น้ำแข็งก้อน ขายดีมาก



อนิจจา  ในช่วงต้น 1990s MR โดน ‘ผีสิง’ เธอหันไปฝักใฝ่กับการชกมวยถึงกับหันไปยึดอาชีพต่อยมวย  ผลก็คือหน้าตาเละดูไม่ได้  …His face was later called "appallingly disfigured"…
ถ้าเอ่ยชื่อ MR กับนักดูหนังชาวไทยรุ่นหลัง ๆ  ทุกคนจะคิดถึงหน้าอันยับเยินของเธอโดยหารู้ไม่ว่าก่อนหน้านี้ หน้าของเธอ ‘งามขนาดไหน’


หมายเหตุ - มีคนเห็นด้วยกับผมเรื่องรอยยิ้มของ MR และรวบรวมฉากเธอยิ้มมาให้ชื่นชม


ในปี 2008 เธอได้รับเลือกเข้าชิง Oscar (ปี 2009) จากบทในเรื่อง The Wrestler
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 1034  เมื่อ 22 มี.ค. 22, 07:57

ช่วงที่กำลังพล่ามเกี่ยวกับ  Mickey Rourke   ก็เผอิญมีคนนำหนังอีกเรื่องของเธอมาปล่อย  ชื่อว่า Diner (1982)  

ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กจาก SP แต่ไม่เคยดู  I/UBC ทีวีก็ไม่เอามาลง  และผมก็ไม่ได้ขวนขวายด้วย  รู้สึกเฉย ๆ  แต่คราวนี้มีแรงผลักดัน (ก็จากสุดหล่อ MR นั่นแหละ)  ก็เลย 'ดูด' มาดูซะหน่อย  เผื่อจะมีควันหลงมาเล่า  ปรากฏว่า โป๊ะเชะ   มันไม่ใช่แค่ควันโชย ๆ   แต่เป็นควันหนาทึบแบบไฟไหม้ป่าเลยเพราะหนังสนุกมาก  สมกับได้ตั้ง 3 ดาว  มีฉากดี ๆ น่าเล่าถึงมากมาย  ส่วนใหญ่ฉากเหล่านั้นก็สามารถหาได้ใน youtube ด้วย

มันเป็นหนังย้อนยุคของโปรดของผม  ย้อนไปปี 1959   เล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนสนิท 6 คน  ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส  ซึ่ง 1 ในนั้นกำลังจะแต่งงาน (เป็นคนที่ 2 ของกลุ่ม)  ดูจากการแต่งกาย  พวกเธออยู่ในวัยทำงานแล้ว  แต่ไม่รู้จบระดับไหน  คนหนึ่งเตรียมตัวเข้า Law School ส่วนอีกคนก็กำลังต่อ ป.โท

หนุ่ม ๆ นักแสดงในเรื่องนี้ในตอนนั้นล้วนละอ่อนกันทั้งนั้น  ใน clip แรกนี้มี 4 คน  ต่อมาต่างก็ได้เล่นหนังอีกมากมายยาวเป็นหางว่าว
 
คนแรกที่เห็นคือ Kevin Bacon คนนี้พวกเรารู้จักดี  ผมเพิ่งเอ่ยถึงไปไม่นาน  เธอดังสนั่นจาก Footloose (1984) ต่อไปก็ Paul Reiser คนนี้พวกเรา (รวมทั้งผมด้วย) ไม่คุ้นแน่นอน  เธอไม่ดังในหนังใหญ่  แต่ไปดังระเบิดในหนัง sit-com ทางทีวีเรื่อง Mad about you (1992-1999) หนังชุดนี้มาฉายครบทุกฤดูกาลทาง I/UBC ทีวี  ผมรู้จักเธอจากหนังชุดนี้

ต่อไปคือ Steve Guttenberg คนนี้พวกเราคุ้นหน้าดีมาก  สมัยยังรุ่งเรือง  หนังของเธอมาฉายไปเมืองไทยเยอะแยะ  ที่รู้จักกันดีก็ franchise หนังตลกเรื่อง Police Academy (1984-87) แล้วก็ Three men and a baby (1987)  คนสุดท้ายคือ Daniel Stern คนนี้พวกเราไม่คุ้นชื่อ/หน้า  เธอมีหนังเล่นอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ดังมากมาย  หนังที่พอจะจำได้คือ Home alone ในบทหัวขโมยปัญญาอ่อน

ตอนนี้ 2 ใน 4 คนนี้ (PR กับ SG) กำลังกัดกันด้วยเรื่องงี่เง่า  ด้วยคนหนึ่ง (PR) ไม่ชอบพูดตรง ๆ แต่อ้อมไปอ้อมมา (เจ้าบ้านเรียกว่า to beat around the bush) ประมาณว่าจะเอ่ยตรง ๆ ก็กลัวเสียหน้า  ทำให้อีกคน (SG) หัวฟัดหัวเหวี่ยง



แล้วก็ออกมากวนตีนอีกข้างนอก ร้าน Diner ชื่อ Fell's Point Diner อันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง  คือเป็นที่สังสรรค์หลักของกลุ่ม



นี่เป็นฉากจำลองร้านขายเครื่องไฟฟ้าในยุคนั้น  เพลินตาดีจัง  รู้สึกทีวียี่ห้อดังของที่นั่นคือ Emerson รุ่น top จะเป็น set มาพร้อมวิทยุและเครื่องเล่นแผ่นเสียง สมัยเด็ก ๆ ที่บ้านผม (บ้านคุณตาคุณยายน่ะ)  ก็มีแบบนี้  แต่ยี่ห้อ JVC Nivico  มีฉากปิดหน้าจอ  ถ้าปิดปั๊บ  ทีวีจะดับเครื่องเอง  แต่ถ้าเปิดฉากจะดูทีวีก็ต้องหมุนปุ่มเปิด



สำหรับฉากต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนันขันต่อระหว่างเพื่อนในกลุ่ม  แต่จะด้วยเรื่องอะไร  เชิญค้นหาเอาเอง  พูด (เขียน) ออกมาเดี๋ยว ‘จาร จะแว้ด
  
จากนั้นเชิญเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับหนัง  อ่านข้อแก้ตัวอันแสนเจ้าเล่ห์เป็นปลาไหลแสนลื่นของ MR เพื่อนคนที่ 5 ของกลุ่ม  ตามที่โบราณบอกว่า ‘คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง’ นั้น  ใช้ไม่ได้เสมอไป  เพราะ MR เธอหล่อสุด  เลยกลายเป็นอารมณ์เป็นต่อ  รูปหล่อเป็นอาวุธ  เพราะผลคือ สาวศิโรราบ (หมายเหตุ – บทเรียนนี้หาไม่ได้จากในห้องเรียนนะเออ)


เริ่มที่ 2.30
No, Carol, seriously. It was an accident. I swear to God.

An accident? Your ‘thing’ just got into a box of popcorn.

Well, damn near that. Listen, can I be straight with you?

Boogie (ชื่อเล่นของ MR)!

Wait, look. There's a real good reason but it's a little embarrassing to me. So maybe if you don't want to hear it, I'll understand.

Go on. I want to hear this.

I don't know, it's just... I don't like to tell this to girls, but you really are a knockout. No, you really are. And sitting down next to you in there got me crazy. I got a “hard on”.
I don't like to admit it, but I did. I mean, you don't know me. I try to come off like I'm being cool all the time. I don't like to look like I'm hustling, and there I was next to you with a “boner”.
Am I embarrassing you?

Go on.

I don't know. It's just that the pain was killing me. It was to stop the pain. It was digging into the side of my leg. So what I did was. I opened my fly (ซิปกางเกง) to loosen everything up. Just to give it a little air. And it worked.

Everything settled down and then I got caught back up in the picture (หนังในโรงที่กำลังดูอยู่ ‘A summer place (เขียนถึงแล้วด้วย)’. And then, when Sandra (Sandra Dee ดาราในหนังในโรง) got her leg caught on the bush and she lifted up her dress, “It (= boner ของ MR)” just popped right up. And it went through the bottom of the popcorn box and the force of it just opened up the flap (ฝาก้นกล่อง popcorn).

It just pushed the flap open?

It's Ripley's (...เจ้าของ ‘Believe it or not’). I'm telling you. It just pushed the flap right open. And I couldn't move the box. You would have seen it.

That's true…. สาวก็ติดกับด้วยประการฉะนี้

(หมายเหตุ – ผลของการพนันคือ MR แพ้เพราะหลักฐานไม่หนักแน่น ก้นกล่องขาดก็จริงแต่ไม่รู้ว่าขาดเพราะอะไร  และสาวเจ้า ‘จับ boner ของเธอ’  จริงรึเปล่า)

มีต่อ...


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 67 68 [69] 70 71 ... 77
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.11 วินาที กับ 19 คำสั่ง