ปูนปั้น สกุลช่างเมืองเพชร

[tuka007]

ปราสาทศิลาแลงทั้ง 5 องค์ สร้างตั้งเป็นรูปแถว 3 คือ จากเหนือมาใต้เรียง 3 องค์ จากตะวันออกไปตะวันตก 3 องค์เหมือนกัน รูปลักษณะของปราสาท 5องค์ มีลักษณะดังนี้ 1. ปรางค์องค์กลาง หรือปรางค์เทพศิวะ เป็นปรางค์สร้างแบบจตุรมุข ตามมุมอยู่เหลียมไม้สิบสองทุกมุมวัดโดยรอบฐานประมาณ 36 เมตร วัดโดยรอบองค์ชั้น 2 ประมาณ 24 เมตร ส่วนสูง14 เมตร ต่อยอดเป็นชั้นๆ ชั้นล่างตั้งเป็นใบเสมา ชั้นยอดเป็นรูปดอกชุบเห็ด ปัจจุบันยอดองค์งกล่าวพังลงมาแล้ว 3ชั้น พศ.2898 พระสุวรรณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีได้ย้ายพระพุทธรูปหินแดงจากกุฎีทองมาประดิษฐานในปรางค์ และขนานนามว่าหลวงพ่อเพชร

[tuka007]

2.ปรางค์องค์ทิศใต้ หรือ พรหมปราสาท สร้างแบบจตุรมุข แต่มุขทิศตะวันออก-ตก ยาวออกมา มุขทิศตะวันตกคล้ายประดิษฐานเทวรูปอะไรสักอย่าง มุขทิศตะวันออกมีบันไดและทวารเข้าไปคูหาองค์ปรางค์ใต้ ปัจจุบันมีผู้สร้างพระพุทธไสยสน์ไว้ในคูหาปรางค์องค์นี้

[tuka007]

3.ปรางค์องค์ทิศเหนือ หรือนารายณ์ปราสาท สร้างลักษณะเดียวกับปรางค์องค์ทิศใต้ แต่มุขด้านทิศตะวันออกได้พังลงมาปิดคูหาหมดเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้หล่อคอดกรีตเป็นเสาค้ำจุนไว้

[tuka007]

4.ปรางค์ทิศตะวันตก หรืออุมาภควีปราสาท เทวสถานของพระแม่เจ้าอุมา หรือพระขันธกุมารได้พังลงมาเป็นกองศิลาแลงเสียแล้ว แต่ยังเห็นเนินและรากฐานทุกประการ

[tuka007]

5.ปรางค์องค์หน้าทิศตะวันออก หรือโคปุระปราสาท เป็นปราสาทที่สูงและใหญ่กว่าทุกปราสาท สร้างแบบจตุรมุข มุขทิศเหนือและใต้ยาวออกมาเหมือนเป็นที่อาศัยของโค อันเป็นพาหนะของพระศิวะเจ้า ส่วนมุขตะวันออกและตกเป้นคูหาเดินทะลุตลอดตรงกันได้แต่คูหาทิศตะวันตกพังทลายลงเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้เทเสาคอนกรีตกันเอาไว้

[tuka007]

ขออภัยค่ะ ขอแก้รูปที่ คห 110 ที่จริงต้องเป็นองค์นี้ค่ะ

[tuka007]

 ภายในกำแพงแลงมีหลักฐานแสดงว่ามีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่หลายสมัย สมัยอยุธยามีผู้ศรัทธาสร้างอุโบสถขึ้นทิศใต้ ห่างจากปราสาทประมาณ 10วาเศษแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เมื่อ พศ. 2497 พระสุวรรณมุนีเจ้าคณะเพชรบุรีได้ส่งพระสงฆ์ไปอยู่เริ่มสำนักวิปัสนากัมมัฏฐานขึ้นภายในวัดกำแพงแลง ในขณะที่ทำการขุดถากถางนั้นได้ขุดพบเทวรูปสันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปเพระแม่เจ้าอุมาภควดี จึงนำไปเก็บรักษาที่ศาสากลางเพชรบรุ ต่อมาได้มีการสร้างกุฎี สำนักอุบาสิกา หอสวดมนต์ และพระอุโบสถแบบจตุรมุข ความจริงโบราณสถานแทบทุกแห่ง ส่วนมากได้อาศัยพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เข้าครอบครองรักษา เพื่อก่อให้เกิดศรัทธาแก่ตนเองและชาวบ้าน ดีกว่าปล่อยไว้ตามธรรมชาติ ฉะนั้นปราสาทศิลาแลงแห่งนี้นับเป็นของดีเมืองเพชรชิ้นเอกที่มีเพื่ออนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ทั้งทางโบราณคดีและทางประวัติศาสตร์ควบคู่กันไป

[tuka007]

( ที่มาของข้อมูล :แผนกศึกษาธิการ จังหวัดเพชรบุรี .ของดีเมืองเพชรบุรี., ม.ป.ท. : ม.ป.พ.,2512. ) ++++++++++++++++++ ภายในปรางค์เทพศิวะ

[tuka007]

เงยหน้าไปเจอเพื่อนที่มาเที่ยวที่เดียวกันพอดีเลยเก็บภาพมาฝากค่ะ

[tuka007]

ลายปูนปั้นที่คงเหลืออยู่ให้เห็น ซึ่งไม่แน่ว่าจะอยู่อีกนานเท่าไร

[tuka007]

อีกมุมค่ะ เสียดายที่ถ่ายย้อนแสงไปหน่อย

[tuka007]

เห็นว่าเป็นปูนปั้นสมัยทวารวดี ซึ่งคงต้องรบกวนขอความรู้เพิ่มเติมกับท่านผู้รู้แล้วค่ะ  ตูก้าได้แต่เป็นผู้ถ่ายทอดภาพมาให้ชม

[tuka007]

อีกมุมหนึ่งค่ะ

[tuka007]

ขนาดเห็นเพียงเท่าที่เหลือนี้ก็งามจับใจเลยนะคะ

[tuka007]

 ออกจากวัดกำแพงแลง เลี้ยวซ้ายไปจนสุดถนนโพธิ์การ้องเลี้ยวซ้ายอีกที จะพบกับ วัดใหญ่สุวรรณารามค่ะ ((ถ้าไปถึงตอนเที่ยงแวะกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำแดงหน้าวัดก่อนนะคะ  ..ห้ามพลาดเชียวค่ะ))



วัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นวัดสำคัญของจังหวัดเพชรบุรี วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา แต่มีบางท่านให้ความเห็นว่าอาจมีมาก่อนสมัยอยุธยาก็ได้ โดยพิจารณาแบบอย่างใบสีมาคู่ศิลาทรายแดงรอบพระอุโบสถ ว่าน่าจะเก่าก่อนสมัยอยุธยา รวมทั้งพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งซึ่งอยู่บนฐานชุกชีหลังพระประธานปัจจุบัน เข้าใจว่าจะเป็นพระประธานองค์เดิมแต่ข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ


วัดนี้แต่เดิมเรียกชื่อว่า วัดใหม่ จนเมื่อพระสุวรรณมุณีหรือสมเด็จแตงโม พระราชาคณะสำคัญรูปหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี ในรัชสมัยสมเด็จพระศรีสรรเพชรญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ) ได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดสุวรรณาราม" แต่ชาวบ้านยังคงเรียกว่า "วัดใหญ่" อยู่ก็มีจึงทำให้เรียกชื่อรวมในบางครั้งว่า วัดใหญ่สุวรรณาราม และชื่อนี้ได้กลายมาเป็นชื่อที่เรียกเป็นทางการอยู่ในปัจจุบัน