เช่นกัน ในกรณีที่พระไพศาลท่านว่า
ศีลธรรมทางพุทธศาสนา..ตระหนักถึงศักยภาพของจิตที่สามารถจะเป็นอิสระเหนือความเจ็บปวดได้
ข้อนี้ น่าจะเป็นศักยภาพความสามารถของคนส่วนน้อยมากที่จะทำได้, อยู่เหนือความเจ็บปวด
จากโรคร้ายได้ (จิตใจคนเจ็บขณะที่ได้รับทุกขเวทนาทางกายขนาดนั้นส่วนใหญ่ไม่พ้นต้องมีโทสะ)
การทำจิตให้สงบด้วยการน้อมใจนึกถึงสิ่งดีงาม หรือทำสมาธิภาวนา อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้จาก
ความเจ็บป่วย ใช้ความเจ็บป่วยเป็นเครื่องมือสอนธรรม
หลายคนที่เห็นความจริงดังกล่าวสามารถทำใจปล่อยวางจากความเจ็บปวดได้ คืออยู่กับความเจ็บ
ปวดได้โดยไม่ทุกข์ใจ เพราะเห็นว่ามันเป็นธรรมดาของสังขาร
จิตมีสมาธิ มีสติ ไม่ปล่อยใจถลำจมอยู่ในความเจ็บปวด และมีปัญญาคือแลเห็นว่ามันเป็นธรรมดา
ไม่คิดผลักไสความเจ็บปวด ทำให้ปวดแต่กาย ส่วนใจไม่ปวด
โดยส่วนตัวแล้วก็ปรารถนาจะทำให้ได้เช่นนี้ แต่ก็คงเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง เป็นแนวทางในอุดมคติที่
เฉพาะบางบุคคลที่ได้ฝึกสั่งสมมาเท่านั้นจะไปถึง
โดยเฉพาะในคนเจ็บป่วยระยะสุดท้ายที่ส่วนใหญ่ต้องใช้ยาระงับความเจ็บปวดอย่างแรง ซึ่ง
แน่นอนย่อมมีฤทธิ์กดจิตประสาทด้วย