NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 01 ม.ค. 13, 00:03
|
|
ผมขอหยุดปีใหม่กับเขาบ้างสักสองสามวัน กลับมาแล้วจะต่อตอนบู๊ของพม่ารบฝรั่ง ประกอบภาพที่ท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น
ในโอกาสนี้ ผมขออวยพรปีใหม่แด่ทุกท่าน ขอให้ประสพความสุขสมหวังดังใจปรารถนาทุกประการด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 01 ม.ค. 13, 07:17
|
|
เข้ามารับพรจากคุณนวรัตน สี่กระทู้แรกของปี ๒๕๕๖ ของคุณนวรัตนทำเวลาได้สวยงามยิ่ง เรียงเวลาจาก ๐๐.๐๐, ๐๐.๐๑, ๐๐.๐๒ และ๐๐.๐๓ ภาพบรรยากาศร่วมสมัยของพม่าในงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่สากลเป็นครั้งแรกของพม่า นับแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ภาพจาก ไทยรัฐ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 01 ม.ค. 13, 08:49
|
|
ผมขอหยุดปีใหม่กับเขาบ้างสักสองสามวัน กลับมาแล้วจะต่อตอนบู๊ของพม่ารบฝรั่ง ประกอบภาพที่ท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น
ในโอกาสนี้ ผมขออวยพรปีใหม่แด่ทุกท่าน ขอให้ประสพความสุขสมหวังดังใจปรารถนาทุกประการด้วยครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีปีใหม่ ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 07:39
|
|
ภาพนี้ราวกับส.ค.ส. เลยเอามาประเดิมในฉากสงครามพม่ารบฝรั่งครับ บรรยายหลังภาพว่า Ava Army หรือกองทัพอังวะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 08:40
|
|
อังกฤษเตรียมตัวจะรบกับพม่าไว้ระยะนึงแล้ว พอประกาศสงครามก็เคลื่อนทหารลงเรือ ใช้เวลาไม่นานนัก กองเรือที่ประกอบด้วยเรือลำเลียงและเรือรบคุ้มกันก็มาจอดทอดสมออยู่ที่ปากอ่าวมะตะบัน เตรียมการยกพลขึ้นบกสู่แรงกูน
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 08:41
|
|
ชาวพม่าต่างพากันแตกตื่นมาดูกองเรือขนาดใหญ่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงชะตากรรมของฝ่ายเหนือ แน่นอนว่า ข่าวนี้จะทราบไปถึงมัณฑเลย์ด้วยเช่นกัน แต่พม่ายังทะนงในศักดิ์ศรีนักเลงใหญ่ในซอยนี้อยู่ ยังไงๆอังกฤษก็เอาเรือรบที่กินน้ำลึกขนาดนั้นขึ้นไปจ่อคอหอยไม่ได้ ต้องส่งพลเดินเท้าเข้าลุยอยู่ดี ถึงตอนนั้นก็คงพอจะฟัดกันมั๊ง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 08:43
|
|
การยกพลขึ้นบกอังกฤษไม่ได้มีเรือเปิดหัวอะไรอย่างพวกอเมริกันในสมัยสงครามโลกหรอก แต่ไปเกณฑ์เรือพื้นเมืองของพม่ามารับพวกทหารแขกอย่างในภาพ อ่าวมะตะบันบางฤดูกาลจะมีคลื่นใหญ่พอประมาณทีเดียว การยกพลขึ้นบกครั้งนั้นก็ทุลักทุเลอยู่บ้าง มีเสียวให้ลุ้นในช่วงที่คลื่นหัวแตกใกล้กระทบฝั่ง ช่วงนั้นชาวเรือจะต้องกลับลำเอาหัวสู้คลื่น ไม่ให้น้ำเข้าท้าย ดีไม่ดีกลับไม่ทันคลื่นซัดเข้ากลางลำก็มีหวังพลิกท้อง เทกระจาดคนในเรือลงไปลอยคอในทะเลได้
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 10:46
|
|
อังกฤษไปรบพม่านี้ถือบทเรียนจากสงครามครั้งก่อนๆที่เอาทหารฝรั่งแท้ๆสวมเครื่องแบบสงครามในยุโรปไปรบ พอเจออากาศร้อนชื้นยุงชุมเข้า ทหารก็ล้มเจ็บเป็นไข้ป่าตายกันมากมายยิ่งกว่าที่ตายเพราะต้องอาวุธ ปืนใหญ่ที่ลากขึ้นไปก็จมปลักโคลน ในที่สุดก็ต้องยอมเลิกทัพเสียที่ครึ่งทาง ปล่อยให้ราชอาณาจักรพม่าส่วนบนหลุดจากกรงเล็บพญาสิงห์ไป ครั้งที่๓ ฝรั่งฉลาดขึ้นรู้จักใช้บ๋อย โดยเอาชาวอินเดียที่จ้างไว้เป็นทหารไว้ปราบคนอินเดียด้วยกันที่หือ คราวนี้เอามาใช้เป็นทหารเลวอัดพม่าให้คุ้มค่าจ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 10:54
|
|
ทหารอังกฤษเดินทางมารบพม่าครั้งนี้มีความเป็นอยู่ประดุจบรรดาเศรษฐี ที่จัดขบวนไปล่าสัตว์แบบซาฟารีในอัฟริกา ใช้บ๋อยมากมายทั้งเป็นพวกล่า พวกลูกหาบและคนรับใช้ประจำตัวบรรดานายทหาร
คำว่าบ๋อยนี้ มาจากคำที่ทหารอังกฤษเรียกคนรับใช้ในอาณานิคมอินเดียของตนก่อน ตอนหลังมีการนำไปใช้แพร่หลายโดยความหมายเปลี่ยนไปบ้าง ที่อินเดียนั้น ฝรั่งเรียกแขกรับใช้พวกนี้ว่า boy หมดไม่ว่าเด็กหรือแก่ ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ที่ไม่เรียกชื่อเพราะเรียกยาก คนไทยรับเอาคำนี้มาเรียกพนักงานเสริฟตามภัตตาคารว่าบ๋อย ฟังดูโก้ คนที่ถูกเรียกก็ยืดอกรับ พนักงานแม่บ้านที่โรงเรียนเก่าของผมก็ถูกเรียกว่าบ๋อยมาแต่โบราณกาลเหมือนกัน แต่อย่าจำไปใช้ในเมืองนอกนะครับ ไปส่งเสียงเรียกบ๋อยๆมันจะกลายเป็นไปดูถูกเค้าเข้า ให้เรียกว่า waiter จะถูกต้องตามสเป็ก
เอ๊ะ ท่านประธานที่เคารพ นี่ผมบรรเลงผิดประเด็นหรือเปล่า ไปก้าวก่ายกระทู้ “เก็บตกจากโต๊ะอาหาร” เข้าแล้ว เดี๋ยวคุณตั้งจะเข้ามาประท้วงใหญ่โต ท่านประธานจะให้ผมถอนหรือเปล่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 11:13
|
|
เอ๊ะ ท่านประธานที่เคารพ นี่ผมบรรเลงผิดประเด็นหรือเปล่า ไปก้าวก่ายกระทู้ “เก็บตกจากโต๊ะอาหาร” เข้าแล้ว เดี๋ยวคุณตั้งจะเข้ามาประท้วงใหญ่โต ท่านประธานจะให้ผมถอนหรือเปล่าครับ
เข้ามารอคำตัดสิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 11:40
|
|
ท่านประธานที่เคารพ ข้าพเจ้าเห็นว่าข้อความที่ผู้อภิปรายบรรยายมานั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง เห็นควรให้แทรกเกร็ดความรู้อย่างนี้บ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 12:07
|
|
ท่านประธานส่งมาให้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 14:13
|
|
ขอบคุณคร้าบ ท่านประธานและท่านสมาชิกที่แปรญัติสนับสนุนกระพ้ม
ต่อเลยนะครับ
การที่จะบุกขึ้นเหนือจากแรงกูนไปมัณฑเลย์นั้น ทางที่สะดวกที่สุดต้องไปทางเรือ กองทัพอังกฤษในแรงกูนเองก็มีเรือกลไฟท้องแบนติดตั้งปืนใหญ่ไว้คุ้มครองตัวเองอยู่แล้ว และจะใช้เพื่อการรุกราญในครั้งนี้ด้วย
แต่เรือของกองทัพไม่พอเพียงที่จะใช้ลำเลียงทหารที่ยกกำลังมาในครั้งนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 14:21
|
|
ในกาลครั้งนั้นนักธุรกิจชาวสก๊อตได้ไปลงทุนตั้งบริษัทเดินเรือชื่อว่าบริษัท Floatilla เปิดสำนักงานในร่างกุ้งนานแล้ว ใช้เรือกลไฟท้องแบนกินน้ำตื้นหลายขนาด ใหญ่ที่สุดก็มีถึง๓ชั้น เดินขึ้นล่องรับส่งผู้โดยสารและสินค้าตามหัวเมืองริมแม่น้ำต่างๆ ครั้นสงครามเกิด รัฐบาลอังกฤษก็เกณฑ์เรือพวกนี้มาใช้ลำเลียงกองทัพ ไม่ทราบว่าเป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าแบบญี่ปุ่นในเมืองไทยสมัยก่อนสงครามหรือเปล่า ตอนนั้นพอญี่ปุ่นยกพลถึงบก ธุรกิจร้านค้าตราอาทิตย์อุทัยต่างๆ นายห้างต่างแปลงร่างออกมาเป็นไอ้มดเอ๊กซ์คาดซามูไรกันเป็นแถว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 04 ม.ค. 13, 14:31
|
|
ส่วนเรือของFloatillaก็เอามาจับยึดโยงเข้าด้วยกันเล็กลำนึงใหญ่ลำนึงแบบแฝดสยาม ซึ่งถ้าจะเรียกว่าแฝดสยองก็น่าจะเข้าแก็ปกว่า แฝดสยองนี้บรรทุกจุมากทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก ไปถึงทหารคนและทหารม้า
เมื่อพร้อมแล้ว อังกฤษก็เคลื่อนทัพ ไชโยโห่ร้องเป็นภาษาฝรั่งว่า ฮิปฮิป ฮูเล กันเป็นการเอิกเริก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|