ขอโทษครับ เพิ่งเห็นว่าคุณตอบแล้ว ขอบคุณครับ
แต่ถ้าว่าราชการ ขุนนางสวมจี๋ฝูค่ะ......?
ในราชวงศ์ชิงการออกว่าราชการนั้น มีประวัติที่แตกต่างจากราชวงศ์หมิงค่อนข้างมากค่ะ
ก่อนอื่น ขอเกริ่นให้ทราบถึงความเป็นไปก่อนนะคะ
ในราชวงศ์ชิง เมื่อเข้าด่านมาสู่เมืองปักกิ่ง จะเริ่มต้นที่การสำเร็จราชการของรุ่ยชินหวัง หรือ องค์ชายตัวเอ่อร์กุ่น และเจิ้งชินหวัง หรือ องค์ชายจีเอ่อร์ฮาหลั่ง
องค์ชายตัวเอ่อร์กุ่นต้องมาปกครองปักกิ่ง ในขณะที่องค์ชายจีเอ่อร์ฮาหลั่งต้องปกครองที่เมืองเสิ่นหยางและดูแลจักรพรรดิซุ่นจื้อที่ต้องอยู่เสิ่นหยางไปจนกว่าสถานการณ์ที่ปักกิ่งจะสงบแล้วค่อยย้ายไปปักกิ่งแบบถาวรค่ะ
ในเวลานั้น ราชวงศ์ชิงมีการว่าราชการ 2 ที่ค่ะ
องค์ชายตัวเอ่อร์กุ่นที่ว่าราชการนั้น ว่าราชการที่พระที่นั่งอู่อิงเตี้ยน
สาเหตุที่ต้องว่าราชการที่พระที่นั่งอู่อิงเตี้ยน เพราะพระที่นั่งอื่น ๆ รวมถึงพระตำหนักส่วนใหญ่ ถูกกบฎชาวนาเผา แล้วใช้การไม่ได้ค่ะ
แม้ว่าองค์ชายตัวเอ่อร์กุ่นจะสั่งให้สร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่าง ๆ ขึ้นใหม่ แต่ก็ยากลำบาก ด้วยว่าแมนจูเข้าด่านมาแล้วก็จริง แต่การขนส่งวัสดุต่าง ๆ ที่จะนำมาสร้างใหม่นั้น ยากลำบากค่ะ
อาคารพระที่นั่งไท่เหอเตี้ยน ซึ่งเป็นพระที่นั่งหลัก ท้องพระดรงใหญ่ ก็ค่อย ๆ ซ่อมไป และไม่ใช้งานในการว่าราชการค่ะ
ในช่วงต้นรัชกาลซุ่นจื้อ ไม่มีชุดเฉาฝูที่เป็นทางการค่ะ เดิมเป็นแค่ชุดกระโปรงยาวที่ใช้ผ้าทอสีเหลือง เขียนลายด้วยสีทอง มีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่ใส่ คนอื่นไม่มีใส่ค่ะ อีกทั้งจักรพรรดิใส่แค่ตอนมาพิธีการสำคัญ แต่คนอื่นไม่มี
2 ปีหลังจากองค์ชายตัวเอ่อร์กุ่นเสียชีวิต ในปีซุ่นจื้อที่ 10 จักรพรรดิซุ่นจื้อย้ายมาพร้อมทั้งเชื้อพระวงศ์จำนวนมาก มาอยู่ปักกิ่ง แต่พระที่นั่งไท่เหอเตี้ยนยังซ่อมไม่เสร็จ จักรพรรดิซุ่นจื้อก็เลยว่าราชการที่พระที่นั่งเป่าเหอเตี้ยนแทนค่ะ
พระที่นั่งเป่าเหอเตี้ยน เป็นพระที่นั่งที่อยู่ถัดไปหลังจากไท่เหอเตี้ยนและจงเหอเตี้ยน
โดยจักรพรรดิซุ่นจื้อใช้เป็นทั้งที่พักและที่ว่าราชการค่ะ โดยชุดที่จะใช้ว่าราชการ ก็ลอกเลียนแบบลายปักกลางอกของขุนนางในราชวงศ์หมิงมาใช้ แต่ก็ยังไม่มีชุดเฉาฝูสำหรับขุนนางอยู่ดีค่ะ สวมใส่แบบชุดที่ปักลายกลางอกเหมือนสมัยหมิง เป็นชุดจี๋ฝูค่ะ
ภายหลังพระตำหนักเฉียนชิงกง พระที่นั่งเจียวไท่เตี้ยน และพระตำหนักคุนหนิงกง ที่เคยถูกเผาในสมัยกบฎชาวนา ได้ถูกสร้างใหม่จนเสร็จสิ้น จักรพรรดิซุ่นจื้อก็ค่อยย้ายไปประทับค่ะ
ในช่วงรัชกาลซุ่นจื้อ มีหวงโฮ่วคือพระนางเสี้ยวฮุ่ยจาง พระนางเป็นคนเริ่มคิดออกแบบชุดเฉาฝูสำหรับคนอื่น ๆ ขึ้นมา
การออกแบบชุดของพระนางยาวถึงรัชกาลคังซี ก่อกำเนิดเป็นชุดเฉาฝูสำหรับเชื้อพระวงศ์และขุนนางค่ะ
แต่ตอนนั้นพระตำหนักเฉียนชิงกงสร้างเสร็จไปนานแล้ว จักรพรรดิก็ว่าราชการที่นั่น อีกทั้งจักรพรรดิคังซีก็สนับสนุนให้มีการทำชุดจี๋ฝูแบบมาตรฐานขึ้นมาบ้าง เพราะชุดเฉาฝูจะเอามาใส่ว่าราชการก็ไม่ไหว ผ้าไหมในสมัยนั้นแพงมาก ไม่ใช่ของถูก ชุดเฉาฝูให้สงวนไว้ใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญ ส่วนจี๋ฝู ก็ให้ทั้งเชื้อพระวงศ์และขุนนาง สวมใส่ในการเข้าร่วมว่าราชการ งานพิธีการแบบที่ไม่ใช่ระดับราชวงศ์ งานเลี้ยงทั่วไปในพระราชวัง งานออกรับทูตมองโกล เป็นต้น
ชุดจี๋ฝู จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่ก็ต้องคงลักษณะการใช้งานไว้ ให้อยู่ในขอบงานสำคัญที่รองจากงานระดับราชวงศ์ค่ะ
จี๋ฝู(吉服) นั้นมีทั้งเชื้อพระวงศ์และขุนนาง
หมวก เรียกเหมือนกันทั้งหมดว่า จี๋ฝูกวน
ตัวอย่างหมวกจี๋ฝูกวนของจักรพรรดิค่ะ
ส่วนเสื้อ จะเรียกแตกต่างกันบ้าง
-ของหวงตี้ เรียกหลงผาว
-ของหวงไท่จื่อ เรียกหลงผาว
-ของฝ่ายในหวงโฮ่วลงไปถึงผิน เรียก หลงผาว
-ขององค์ชายชินหวังลงไปถึงเจียงจุน เรียก หมางผาว
-ขององค์หญิงกู้หลุนกงจวู่ลงไปถึงเซี่ยงจุน เรียก หมางผาว
-ของขุนนางชายขั้น 1-9 เรียก หมางผาว
-ของภรรยาขุนนางขั้น 1-7 เรียก หมางผาว(ภรรยาขุนนางขั้น 8-9 ไม่มีสิทธิ์สวมชุดทั้งเฉาฝูและจี๋ฝูค่ะ)
ตัวอย่างชุดจี๋ฝูของจักรพรรดิ เรียกว่า หลงผาวค่ะ
ตัวอย่างชุดจี๋ฝูของกู้หลุนกงจวู่ เรียกว่า หมางผาวค่ะ
ตัวอย่างชุดจี๋ฝูของขุนนาง เรียกว่า หมางผาวค่ะ
เข็มขัดจะมีแต่ฝ่ายชาย เรียกกันว่า จี่ฝูไต้ ซึ่งจะมีถุงหอมผ้าไหมและมีดสั้นประดับค่ะ
ตัวอย่างเข็มขัดจี๋ฝูไต้ของจักรพรรดิค่ะ
โดยหลัก ๆ แล้ว ชุดจี๋ฝู จะเป็นแบบนั้นค่ะ
แต่จะมีออฟชั่นเสริม ที่จะใช้คลุมทับ นั่นคือ เสื้อคลุมปู่ฝูค่ะ
เสื้อคลุมปู่ฝู จะเป็นสีกรมท่าและดำ และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปค่ะ
-ของหวงตี้ เรียกกุ่นฝู
-ของหวงไท่จื่อ เรียกหลงกั้ว
-ของฝ่ายในหวงโฮ่วลงไปถึงผิน เรียก หลงกั้ว
-ขององค์ชายชินหวังลงไปถึงเจียงจุน เรียก ปู่ฝู
-ขององค์หญิงกู้หลุนกงจวู่ลงไปถึงเซี่ยงจุน เรียก จี๋ฝูกั้ว
-ของขุนนางชายขั้น 1-9 เรียก ปู่ฝู
-ของภรรยาขุนนางขั้น 1-9 เรียก ปู่ฝู(โดยภรรยาขุนนางทุกชั้นมีสิทธิ์ได้รับตัวเสื้อคลุมปู่ฝู หรือขอรับเฉพาะลายปักเพื่อนำไปเย็บติดกับเสื้อได้หากว่าสตรีนั้นเป็นชาวฮั่น และต้องการสวมแบบฮั่น)
ตัวอย่างชุดคลุมปู่ฝูของหวงตี้ เรียกกว่า กุ่นฝู ค่ะ
ตัวอย่างชุดคลุมปู่ฝูของหวงโฮ่ว เรียกว่า หลงกั้ว ค่ะ
ตัวอย่างชุดคลุมปู่ฝูของขุนนาง เรียกว่า ปู่ฝู ค่ะ
เมื่อสวมชุดปู่ฝูคลุมทับ ก็จะง่ายต่อการดูว่า ใครเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางขั้นไหนค่ะ
นอกจากนี้ ประคำเฉาจูซึ่งเป็นประคำทางการ เอามาใส่กับชุดจี๋ฝูได้เลยค่ะ เพราะในราชวงศ์ชิง ประคำทางการเป็นของสำคัญ เชื้อพระวงศ์ทุกคนต้องมี แต่ขุนนางมีแค่ขุนนางขั้น 1-5 เท่านั้น(ภรรยาขุนนางขั้น 1-5 ก็จะมีค่ะ แต่ฝ่ายหญิงจะได้ 3 เส้น ฝ่ายชายจะมีเส้นเดียว)
หลังการย้ายมาประทับ ณ พระที่นั่งหยั่งซินเตี้ยน จักรพรรดิยงเจิ้งก็ให้ว่าราชการแบบเล็ก ๆ ใช้แค่ขุนนางสำคัญ แล้วกระจายงานกันค่ะ ดังนั้นชุดว่าราชการ จึงเป็นชุดจี๋ฝูทั้งหมด
ในรัชกาลเฉียนหลง ออกว่าราชการพิเศษที่ประตูเฉียนชิงเหมินทุก 15 วัน ขุนนางก็ใส่ชุดจี๋ฝูเพื่อเข้าร่วมการว่าราชการค่ะ
คำตอบนี้ยาวหน่อย แต่อยากให้ทราบถึงต้นสายปลายเหตุ และภาพชุดสวย ๆ จากพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงปั๋วอู้ก่วนค่ะ ซึ่งทางวังปักกิ่งขุดค้นและนำชุดเหล่านี้ออกมาจากหีบในสุสานของเชื้อพระวงศ์หลายองค์ และนำมาคืนสภาพ ซึ่งชุดที่นำมาคือชุดที่คืนสภาพได้เกือบสมบูรณ์ค่ะ แต่ก็มีชุดจำนวนมากที่คืนสภาพได้ยากค่ะ