เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:28



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:28

เพลงล่องลมเถา   บทร้องที่ ๑  (นิยมร้องมาแต่โบราณ)

       ลมพัดเพลิงดับอนธการ                        ประมาณเหมือนต้อนค้างคาวมาดับไฟ

กลิ่นลำดวนหอมหวลเหมือนกลิ่นเจ้า                  พี่คลึงเคล้าเชยชิดยังคิดได้

       เดือนดับลับเมฆมืดไป                           เหมือนกับมืดในวิหารบนคีรี

แว่วเสียงสำเนียงบุหรงร้อง                             เหมือนเสียงน้องร้องทูลมะเดหวี

       วังเวงใจในเวลาราตรี                            จวนจะแจ้งแสงสีสว่างฟ้า

ไก่กระชั้นฉ่ำเฉื่อย                                       บุหรงเรื่อยร้องรับจับพฤกษา


       ครูเฉลิม  บัวทั่ง แต่งขึ้นใหม่ทั้งเถา ในปี ๒๕๒๐    เดิมมีแต่อัตรา ๓ ชั้นและ ๒ ชั้น


ขอเชิญท่านที่นับถือมาคุยกันเรื่อง บุษบาเสี่ยงเทียน   ตามอัธยาศัยไมตรีที่มีมา


ฟังเพลงบุษบาเสี่ยงเทียนสมัยนี้แล้ว    ไม่ค่อยจะเข้าใจค่ะ

เทียนจุดเวียนพระพุทธา  ตัวข้า  บุษบาขออธิษฐาน
...เทียนที่เวียนนมัสการ  บันดาลให้  หทัยสมปรารถนา
ดลจิตอิเหนา  ให้เขามารักข้า  ขอองค์พระปฏิมา  เมตตาช่วยคิดอุ้มชู
ขอเทียนที่เวียนวน  ดลฤทัยสิงสู่  ให้องค์ระเด่นเอ็นดู  อย่าได้รู้คลายคลอน
...อ้า  องค์พระพุท-ธา  ตัวข้า  บุษบาขอกราบวิงวอน
...ข้าสวดมนต์ขอพระพรวิงวอนให้  หทัยระเด่นปรานี
รักอย่าเคลือบแฝง  ดังแสงเทียนริบหรี่  ขอองค์ระเด่นมนตรี  โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย  ดลให้คนรักข้า  รักเพียงแต่บุษบา  ดั่งข้านี้  ตั้งใจ   



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:33


มะเดหวี   ชวนบุษบาไปเสี่ยงเทียน

องค์ระเด่นมนตรีกุเรปัน                       ก็เห็นผูกพันอยู่หนักหนา

จะได้ข้างอิเหนาหรือจรกา                     เป็นที่น่าสนเทห์หฤทัย

จะไปไหว้พระปฏิมากร                        เห็นจะแก้ความร้อนของเราได้

เสี่ยงดูให้รู้แจ้งใจ                             ว่าจะได้ข้างไหนเป็นมั่นคง


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:36


อิเหนานั้นคลั่งไคล้ในบุษบายิ่งนัก


พระแสนระลึกตรึกคะนึง                          ถวิลถึงบุษบาสาวสวรรค์

ให้เร่าร้อนอุราจาบัลย์                             ดังเพลิงกัลป์ลามลนสกนธ์กาย


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:46


อิเหนาเก็บดอกปะหนัน   เขียนด้วยเล็บทุกดอกแล้วฝากนางค่อมไปให้บุษบา

คำกลอนนั้นลึกซึ้งกินใจ   เพราะอิเหนาเสียดสีรูปร่างของจรกา


เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่             ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน

ดังกากาจชาติข้าสาธารณ์                        มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา


แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย                       อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า

พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา                      หรือวาสนาน้องจะต้องกัน


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 12:58


หนึ่งเล่มเทียนระเด่นบุษบา                                ปักลงตรงหน้านวลหง

เล่มหนึ่งเทียนอิเหนาสุริย์วงศ์                              ปักลงเบื้องขวาเทวี

เล่มหนึ่งเทียนท้าวจรกา                                    อยู่เบื้องซ้ายบุษบามารศรี

เทียนทองทั้งสามเล่มนี้                                     ขอจงเป็นที่เสี่ยงทาย


มะเดหวีสอนบุษบาว่า

เจ้าอย่าขวยเขินสะเทิ้นอาย                                จงเสี่ยงทายอธิษฐานด้วยวาจา

แม้นเจ้าจะได้ข้างไหนแน่                                   ให้ประจักษ์ทักแท้จงหนักหนา

แม้นจะได้ข้างระตูจรกา                                     ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป

แม้นจะได้ข้างอิเหนากุเรปัน                                ให้รัศมีเพลิงนั้นแจ่มใส

ให้เทียนจรกาดับทันใด                                     ขอให้เห็นประจักษ์บัดนี้


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 13:11


มะเดหวียังสอนบุษบาให้ถามพระปฎิมาต่อไปว่า

ว่าอิเหนามาตามด้วยความรัก                             ข้อนี้ไม่ประจักษ์ยังสงสัย

ซึ่งมาจากหมันหยาเวียงชัย                                เพราะดาหามีภัยจึงไคลคลา


     พระพี่เลี้ยงชองบุษบาทั้งสี่คือ  บาหยัน  ส่าเหง็ด   ปะเสหรัน  และ ประลาหงัน

เป็นสี่คนเท่านั้นที่ มะเดหวีให้ติดตามเข้าไปในวิหารซึ่งเป็นถ้ำสูงใหญ่  มีถ้ำน้อยๆเป็นบริวารที่ค้างคาวมาเกาะอยู่      ทุกคนนั่งเงียบเรียบร้อย

ไม่ได้ลุกขึ้นร่ายระบำหงายหลังแต่อย่างใด(ดูจากการประกวดร้องเพลงของโรงเรียนหนึ่ง)


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 16:23


อิเหนาซ่อนองค์อยู่หลังพระปฎิมาแล้วทำเสียงตอบว่า   บุษบาจะได้กับอิเหนาเป็นมั่นคง

แล้วให้บริวารไล่ค้างคาวเข้ามาเพื่อดับเทียน  แล้วเข้าไปถึงตัวนางบุษบา  โดยไม่เกรงใจมะเดหวีผู้เป็นผู้ใหญ่ที่คุมมา

มะเดหวีต้องปลอบโยนให้ปล่อยตัวบุษบาเสียก่อน     ส่วนตัวมเดหวีจะช่วยพูดจาช่วยเหลือ

อิเหนาก็ได้ขอแลกเปลี่ยนเครื่องทรงของนางไว้  แล้วจึงปล่อยนางไป


เรื่องราวก็มีเพียงแค่นี้สำหรับตอนบุษบาเสี่ยงเทียน

ไม่ใช่มาขอให้อิเหนารักตนคนเดียว   ไม่ทราบว่าไปเอาฉบับไหนมาเป็นที่ตั้ง



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 ธ.ค. 11, 16:36


เมื่ออภิเษกสมรส กับนางทั้งสิบ   จินตหราได้เป็นเบอร์หนึ่ง คือประไหมสุหรีฝ่ายขวา

บุษบาได้เป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย   แต่อิเหนาพอใจที่จะอยู่กับบุษบาคนเดียว

เพราะได้ตกระกำลำบากและผจญภัยมาด้วยกันเป็นสาหัส

ทั้งสองนางนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเพราะมารดาของทั้งสองรวมมารดาของอิเหนาเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน

เพียงแต่ท้าวกุเรปันและท้าวดาหา  เป็นลูกเทวดา  และปกครองเมืองใหญ่กว่า

เมื่อแม่ของบุษบาประชดบุษบาให้ไหว้จินตหรา   แต่จินตหรามิได้รับไหว้  อิเหนาถึงกับน้ำตาตกเพราะสงสาร

คนสมัยนี้คงไม่ได้อ่าน พระราชนิพนธ์อิเหนาเสียแล้ว


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ธ.ค. 11, 07:42
เทอรีมา กาซี คุณวันดี (เป็นคำขอบคุณภาษาอินโดนิเซีย) ที่ข้าพเข้าเรียนรู้ในการทำงาน อันละครรำนั้นครูเพลงท่านได้ประดิษฐ์คิดท่วงทำนองการรำให้งดงามทั้งโสตสัมผัส และจักษุสัมผัส เกิดความเบิกบานในจิตใจ

หากสมัยใหม่จะแอ่นหน้าแอ่นหลังนั้นไม่งามยิ่งนัก

บทเพลงที่ได้ยินถนัดสองหู มิรู้เบื่อคือ "เพลงเสี่ยงเทียน" นำมาร่ายรำได้งามอย่างไทยมากนัก

คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

"อ้า องค์พุทธา ปฏิมา ข้าน้อมเศียร
เทพ ประจำแสงเทียน ฟังข้า เสี่ยงเทียนวันทา
ด้วยกุศล ผลกรรม ขอจงโปรดนำ ให้สมอุรา
ขอความปรารถนา ของข้า สมดังสัจจา ที่มุ่งไว้

มาตรแม้น รักข้า ชื่นชม สบสมสมาน
เทียนจงโชติ ชัชวาล ดังคำ อธิษฐานทันใด
ถ้าหากรัก ของข้า ถึงต้องอัปรา สลายไป
แสงเทียน สุกใส จงดับ ลับไปต่อหน้า บัดนี้เทอญ"

มีเพลงไพเราะแล้ว ยังจะขอแทรกภาพเขียนสีน้ำมัน ของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต วาดไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ไว้ให้ระรื่นตาครับ



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ธ.ค. 11, 07:47
ภาพวาดจัดให้มีเทียนทอง ๓ เล่ม หลังองค์พระปฏิมาเห็นเงาซ่อนกายอยู่ บรรยากาศงามยิ่งครับ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ธ.ค. 11, 08:13
บุษบาอฐิษฐาน พุ่มพวง ดวงจันทร์
http://www.youtube.com/watch?v=xACLGzPFCuY&feature=related


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 09:10
อิเหนาตอน "บุษบาเสี่ยงเทียน" นี้ ให้กำเนิดเพลงสองเพลงคือ เพลงแรกที่คุณวันดีนำเสนอ "บุษบาเสียงเทียน" คำร้องโดย คุณศักดิ์ เกิดศิริ และเพลงที่สองที่คุณหนุ่มนำเสนอ "เสี่ยงเทียน" คำร้องโดย ครูแก้ว อัจฉริยะกุล  ท้งสองเพลงใช้ทำนองเพลงไทยเดิม "ลาวเสี่ยงเทียน"

เรื่องนี้มี ๒ คำถาม

๑. ทำไมเนื้อเพลงไม่ตรงกับเรื่องอิเหนาในบทพระราชนิพนธ์ ตามที่คุณวันดีตั้งข้อสังเกต

เรื่องราวก็มีเพียงแค่นี้สำหรับตอนบุษบาเสี่ยงเทียน

ไม่ใช่มาขอให้อิเหนารักตนคนเดียว   ไม่ทราบว่าไปเอาฉบับไหนมาเป็นที่ตั้ง

๒. เรื่องอิเหนาเกิดในชวา แต่ทำไมใช้ทำนองเพลงลาวเสี่ยงเทียนซึ่งเป็นทำนองเพลงทางเหนือ

สงสัยเพิ่มเติมว่า แต่เดิมตามชื่อเพลง ลาวเสี่ยงเทียนในเหตุการณ์เกี่ยวกับอะไร

 ???


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 09:22
การเสี่ยงทายมีอยู่ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง และมีหลายวิธีเช่น เสี่ยงน้ำ, เสียงต้นไม้, เสี่ยงเทียน

เรื่องการเสี่่ยงทาย เป็นความเชื่อของคนไทยเวลาเผชิญปัญหาใหญ่บางอย่างที่ต้องใช้เวลาถึงจะรู้ผล

ระหว่างที่รอด้วยความกระวนกระวาย   คนที่เกี่ยวข้องก็มักใช้วิธีเสี่ยงทาย เพื่อให้รู้ผลล่วงหน้า


วรรณคดีไทยบันทึกความเชื่อข้อนี้เอาไว้ในหลายเรื่องด้วยกัน

ในลิลิตพระลอ  เมื่อพระลอออกจากเมืองจะไปหานางเพื่อนนางแพง  ตามแรงเสน่ห์ที่ถูกกระทำ  

รู้ตัวไปแล้วจะอันตรายมาก ไม่แน่ว่าจะรอดกลับมาได้หรือไม่ เพราะเมืองทั้งสองเป็นศัตรูกัน จึง"เสี่ยงน้ำ" คือเสี่ยงทายกับแม่น้ำกาหลง  ดูว่าจะไปคราวนี้ดีหรือร้าย

ผลคือแม่น้ำไหลวนเป็นสีเลือดตรงหน้า ก็รู้แน่ว่าจะไปตาย

แต่ด้วยขัตติยมานะ( และฤทธิ์เสน่ห์ยังแรงอยู่) ก็ตัดสินใจมุ่งหน้าแทนที่จะกลับบ้าน

ผลคือไปตายจริงๆ


ในขุนช้างขุนแผน   ตอนพลายแก้วไปทัพ  ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายไม่รู้จะรอดกลับมาไหม พลายแก้วหรือขุนแผนก็ไปปลูกต้นโพธิ์เสี่ยงทายไว้ให้นางพิม

คือถ้าต้นไม้ยังงอกงามเติบโตดี แปลว่าไม่มีอันตราย  ถ้าเหี่ยวเฉาตายแปลว่าเจ้าของไปตาย

ขุนช้างก็แอบให้คนเอาน้ำร้อนไปรดต้นไม้เสียจนตาย  หลอกนางพิม และนางศรีประจันต์แม่นางพิม

เป็นส่วนหนึ่งของอุบายชิงนางพิมมาเป็นเมีย


ในอิเหนา  มะเดหวีเมืองดาหา ตัดสินใจไม่ถูกว่าบุษบาควรได้กับอิเหนาหรือจรกา

ก็ไปขอเสี่ยงทายกับพระประธานในโบสถ์   คือตอนบุษบาเสี่ยงเทียน

คือจุดเทียน ๒ เล่มแทนตัวอิเหนากับจรกา   ถ้าได้ข้างไหนก็ขอให้เทียนด้านนั้นสว่างดี  ข้างไม่ได้ก็ดับไป

อิเหนาเลยใช้อุบายไปต้อนค้างคาวในวิหารให้บินพึ่บพั่บ เทียนดับ



ในพระราชพงศาวดาร  เล่ากันมาว่า

ตอนที่พระเธียรราชากับขุนพิเรนทรเทพคิดกำจัดขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์

ก็ไปเสี่ยงทายหน้าพระพุทธรูปเช่นกัน ด้วยการจุดเทียนของขุนวรวงศาฯ และเทียนของพระเธียรราชาคู่กัน ว่าใครจะดับก่อน

ตอนนั้น พระเธียรราชาท้อใจว่าแผนน่าจะไม่สำเร็จเสียแล้ว

ขุนพิเรนทรฯคายชานหมากออกมา ขว้างไป เผอิญไปถูกเทียนขุนวรวงศาดับ

หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเจ้าตัวขว้างแม่นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม  พอเทียนดับก็เกิดฮึกเหิมว่าเสี่ยงทาย ผลออกมาแล้วศัตรูแพ้แน่

ก็ลงมือตามแผน  ดักจับตัวและประหารขุนวรวงศาได้ในที่สุด

(แล้วจะมาเล่าต่อถึงพระราชพิธีเสี่ยงทายโดยแทงพระธรรมบทค่ะ)


อิเหนาตอนนี้ คงเกณฑ์ให้บุษบาเสี่ยงทายตามวิธีไทย ๆ นั่นแล

 ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 09:49
อิเหนาเก็บดอกปะหนัน   เขียนด้วยเล็บทุกดอกแล้วฝากนางค่อมไปให้บุษบา

คำกลอนนั้นลึกซึ้งกินใจ   เพราะอิเหนาเสียดสีรูปร่างของจรกา


เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่             ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน

ดังกากาจชาติข้าสาธารณ์                        มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา


แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย                       อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า

พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา                      หรือวาสนาน้องจะต้องกัน


(http://www.sahavicha.com/UserFiles/Image/s015.jpg)

ตอนนี้นึกถึงฟักสลักของนางจันท์เทวี

 ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 09:54
เพลงลาวเสี่ยงเทียนนั้น  ของเก่ามีบทร้องว่า

เจ้าสาวโคมเวียนเสี่ยงเทียนถวาย   ขอน้อมกายก้มเกล้าเข้ามาหา

ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑  หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร  ศิลปบรรเลง)ได้นำเพลงนี้มาแต่งขยายขึ้นเป็นอัตรา ๓ ชั้น  

พร้อมทั้งเพิ่มลีลาเที่ยวกลับแปลกเปลี่ยนจากเที่ยวแรกไว้เป็นท่อนที่ ๒     ตลอดจนแปรเปลี่ยนจากท่อนที่ ๑ และท่อนที่ ๒  ซึ่งทำไว้แต่เดิม  

ให้แตกต่างจากเที่ยวต้น   ตัดลงเป็นชั้นเดียว  ครบเป็นเพลงเถาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗(สารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย  ภาคประวัติและบทร้องเพลงเถา

ฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พิมพ์ครั้งที่ ๒    ๒๕๓๘    หน้า ๒๗๙)


๓ ชั้น              
       ข้อยขอบังคมองค์ทรงภพ                               เลิศลบแหล่งหล้าสุธาไหว
ทรงโฉมประโลมลักษณ์วิไล                                    ดังไทยเทวราชประสาททอง
จะเทียมทัดแต่กษัตริย์นครหนึ่ง                                ใครไม่ถึงเทียมเธอเสมอสอง
มีธิดานารีพี่น้อง                                                 ชื่อพระเพื่อนแพงทองสองอนงค์
ไม่สูงต่ำดำขาวพีผอม                                           พริ้มพร้อมสรรพสงค์ดังนางหงส์
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์                                          ดวงพักตร์โฉมยงดังวงเดือน
พิศพี่ก็ไม่มีเสมอสอง                                            พิศน้องก็ไม่มีเสมอเหมือน
ขนงเนตรเกศแก้มแย้มเยื้อน                                    เหมือนจะเตือนให้ต้องตาชาย

๒ ชั้น
       พระกรรณเปรียบเทียบกลีบบุษบง                      นาสิกทรงวงขอวิเชียรฉาย
ดำเนินเดินทอดระทวยกาย                                     กรกรายตล้ายงวงเอราวัณ
โอษฐนางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม                                        งามพริ้มเพราสมคมสัน
เกศาดำระยับขลับเป็นมัน                                      ทนต์นั้นเทียมสีมณีนิล


ชั้นเดียว
       สองถันสันทัดสัตตบุษย์                                  พึ่งผุดพ้นท่าชลาสินธุ์
ขึ้นบังใบใสสดหมดมลทิน                                       ภุมรินยังมิได้ใกล้เคียง


บทลครเรื่องพระลอนรลักษณ์
พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 09:56

อิเหนาคงไว้เล็บยาวเชียว  และน่าจะเป็นนิ้วชี้ด้วยล่ะ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 10:06
ตามเนื้อเพลงที่คุณวันดีนำเสนอ # ๑๔  ยังไม่พบว่ามีการเสี่ยงทายอะไร

พบแต่ความงามตามความนิยมสมัยนั้น

๒ ชั้น
       พระกรรณเปรียบเทียบกลีบบุษบง                      นาสิกทรงวงขอวิเชียรฉาย
ดำเนินเดินทอดระทวยกาย                                   กรกรายตล้ายงวงเอราวัณ
โอษฐนางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม                                     งามพริ้มเพราสมคมสัน
เกศาดำระยับขลับเป็นมัน                                      ทนต์นั้นเทียมสีมณีนิล

(http://navy20.ob.tc/picture/12288/1228807172navy20.jpg)

ฟันยายงามสู้พระเพื่อนพระแพงได้ไหมหลาน

 ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 10:23

เข้าใจได้ว่าเพลงเสี่ยงเทียนของสุนทราภรณ์ที่แสนไพเราะ  คงมีลิขสิทธิ์ปกป้อง


        บุษบามาเสี่ยงเทียนเพราะมีความร้อนใจเนื่องจากอิเหนาเข้ามาพัวพันและแสดงความหึงหวงอย่างหนักฐานคู่หมั้นตั้งแต่เกิด

ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะจรกาก็ได้ยกทัพมาแล้วเพื่อช่วยเมืองดาหา


ไม่ทราบว่าจะเวียนเทียนไปได้อย่างไรเมื่อพระปฎิมาก็คงตั้งไว้ใกล้ผนังถ้ำด้านหนึ่ง  แสงสว่างคงไม่พอ  พื้นถ้ำน่ะทั้งมืดทั้งเย็น

และลื่นแน่นอน

ถ้าเวียนจะแปลว่ามาบ่อยก็คงไม่ใช่เพราะไม่ใช่กิจของพระธิดาที่จะเที่ยวในป่าในถ้ำ      

ถ้าจะเวียนกันจริงจังก็ต้องออกไปนอกวิหารที่ลานวัด

อยู่ดี ๆ ก็ขอให้พระปฎิมาอุ้มชู    แปลกแท้ๆเชียว


แถมขอให้อิเหนาเอ็นดูอีก      อิเหนานั้นรักใครไหลหลงบุษบายิ่งนัก  ว่านางงามกว่าสาวสวรรค์  

หมากที่นางเคี้ยว  อิเหนายังเอามาเคี้ยวต่อชื่นพระทัย


วกมาถามท่านที่เคารพทั้งปวงที่แวะมาคุย(ตอนนี้นับได้สองท่านเอง)  คิดว่า พระเพื่อนพระแพงตอนนั้นอายุเท่าไรคะ

สาวเร็วจัง


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 10:28
  

เสี่ยงโฆษณามาว่า  ลูกสาวเมืองนู้นสวยมาก  คู่ควรกับคนหล่อๆเมืองนี้ไงคะ

สีฟันนั้นน่าจะสีทับทิมระเรื่อมากกว่า  เพราะคงจะเคี้ยวหมากได้ไม่นาน เหมือนวิหยาสะกำ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:04
ภาพวาดของอ.จักรพันธุ์ นั้น  อ่อนหวานละเมียดละไม
แต่รายละเอียดของภาพวาดนั้นน่าสงกาเป็นยิ่งนัก
ถ้าใครได้อ่านบทละครในเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒
คงจำได้ว่า  พระปฏิมานั้นอยู่ในถ้ำ  ไม่ใช่ในสิ่งก่อสร้างอย่างวิหารโบสถ์เทวาลัย
ก็ไม่ควรจะมีเสาสลักสวยงามอยู่ในถ้ำ  เว้นแต่ว่าถ้ำนั้นเพดานไม่มั่นคง
จึงตั้งหาเสาอะไรมาค้ำเพดานไว้กันถล่ม  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น  ก็คงไม่ปลอดภัยที่เข้าไป

ถ้ำที่พระปฏิมานั้นประดิษฐานอยู่น่าจะลึกพอสมควร
กล่าวคือ พระปฏิมาคงจะประดิษฐานอยู่ตรงกลางถ้ำ
และหลังพระปฏิมาไปคงเป็นถ้ำต่อไปอีกลึกพอสมควร
มิฉะนั้น  อิเหนาจะไปต้อนค้างคาวมาแต่ไหน ถ้าถ้ำสิ้นสุดตรงพระปฏิมา

ภาพวาดของอ.จักรพันธุ์  นั้นสวยงาม  แต่ในรายละเอียดนั้นต้องพิจารณาให้มาก


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:17


เทพประจำแสงเทียน ไม่ใช่พระลักษมีหรือคะ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:28
เพลงลาวเสี่ยงเทียนนั้น  ของเก่ามีบทร้องว่า

เจ้าสาวโคมเวียนเสี่ยงเทียนถวาย   ขอน้อมกายก้มเกล้าเข้ามาหา

คุณวิพล นาคพันธ์ขยายความไว้ในบทความเรื่อง เพลงลูกกรุงลูกทุ่งที่ดัดแปลงทำนองมาจากเพลงลาวเสี่ยงเทียน  (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/361359)

เพลงลาวเสี่ยงเทียนเดิมเป็นเพลงลูกบท เกิดขึ้นในระหว่างปลายรัชกาลที่ ๔ ถึงต้นรัชกาลที่ ๕ โดยมีครูเพลงซึ่งไม่ทราบชื่อเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้น แล้วนำมาเล่นต่อท้ายเพลงใหญ่ เป็นเพลงสำเนียงลาว (สำเนียงภาคเหนือ) อัตราจังหวะ ๒ ชั้น มี ๒ ท่อน ต่อมามีผู้ประดิษฐ์ทางร้องและใช้บทร้องที่ว่า “ข้าเจ้าสาวโคมเวียนเสี่ยงเทียนถวาย ขอน้อมกายก้มเกล้าเข้ามาหา” ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ถึงกับนำไปเล่นกันอย่างแพร่หลาย และเรียกชื่อกันตามบทร้องว่า "ลาวเสี่ยงเทียน" เพลงนี้จึงมีชื่อ “ลาวเสี่ยงเทียน” มาตั้งแต่นั้น

 “ข้าเจ้าสาวโคมเวียนเสี่ยงเทียนถวาย ขอน้อมกายก้มเกล้าเข้ามาหา”  หมายความว่ากระไร มีที่มาจากเรื่องอะไร

 ???


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:39
คุณวิมลยังอธิบายต่อไปว่า เพลงลูกกรุงและลูกทุ่งที่นำทำนองลาวเสี่ยงเทียนมาใช้ไม่ใช่มีเพียง "บุษบาเสี่ยงเทียน" และ "เสี่ยงเทียน" เท่านั้น แต่มีทั้งหมดถึง ๒๕ เพลง

มีผู้นำเอาทำนองเพลงลาวเสี่ยงเทียน ๒ ชั้น ไปดัดแปลงเป็นเพลงลูกกรุงลูกทุ่งเท่าที่รวบรวมได้ ๒๕ เพลง โดยเพลงส่วนใหญ่มาจากเพลงลาวเสี่ยงเทียน ๒ ชั้น เพลงที่ ๗ มาจากเพลงลาวเสี่ยงเทียน ๒ ชั้นทางเปลี่ยน ส่วนเพลงที่ ๘-๙ ทำนองลาวเสี่ยงเทียน ๓ ชั้น

(๑) เพลงลาวเสี่ยงเทียน ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง พูลศรี เจริญพงษ์ ขับร้อง มีเนื้อร้องดังนี้

“เพลินวิญญาหลับตาครั้งใดใยเฝ้าแต่ฝันเห็น ดังจะเป็นภาพเพียงนิทราพาให้ใฝ่ฝันถึง งามซาบซึ้งครวญคะนึงสวาท เหมือนใจจะขาดอยู่รอนรอน เผยอตาตื่นชะเง้อ ละเมอเผลอไปใจอ่อน โถไยจากจร อาวรณ์สะท้อนฤดี
พนมมือถือเทียนตั้งจิตพิษฐาน จงบันดาลให้รักในใจมั่นอย่าหมองศรี ตาหลับไว้ตรงแสงเทียนดวงนี้ ให้เป็นสักขีพยานข้า แม้เคยคู่สองเหมือนปองรักจริงดังว่า สมความปรารถนา ลืมตาให้พบเธอ”


(๒) เพลงลาวเสี่ยงเทียน คำร้องโดย คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง เป็นเพลงสำหรับให้นักเรียนร้อง ต่อมาดวงพร ผาสุข นำไปร้องแบบลูกกรุง มีเนื้อร้องดังนี้

“ธูปเทียนทองสองมือถือไว้ตั้งใจวันทา น้อมเคารพบูชาพระศาสดาของชาวพุทธ

พระปัญญาเลิศล้น ทรงค้นพบสัจธรรม พระการุณย์เลิศล้ำ ทรงน้อมนำสู่มนุษย์ พระองค์เลิศล้วนบริสุทธิ์สอนชนให้หลุดพ้นความทุกข์ทน “


(๓) เพลงเสี่ยงเทียน คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน มีเนื้อร้องดังนี้

“อ้าองค์พุทธาปฏิมาข้าน้อมเศียร เทพประจำแสงเทียนฟังข้าเสี่ยงเทียนวันทา ด้วยกุศลผลกรรม ขอจงโปรดนำให้สมอุรา ขอความปรารถนาของข้า สมดังสัจจาที่มุ่งไว้

มาตรแม้นรักข้าชื่นชมสบสมสมาน เทียนจงโชติชัชวาลดังคำอธิษฐานทันใด ถ้าหากรักของข้า ถึงต้องอัปราสลายไป แสงเทียนสุกใสจงดับ ลับไปต่อหน้าบัดนี้เทอญ”


(๔) เพลงบุษบาเสี่ยงเทียน ประพันธ์คำร้องโดย ศักดิ์ เกิดศิริ มีเนื้อร้องดังนี้

“เทียนจุดเวียนพระพุทธา ตัวข้าบุษบาขออธิษฐาน เทียนที่เวียนนมัสการบันดาลให้ หทัยสมปรารถนา ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่ ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน
อ้าองค์พระพุทธา ตัวข้าบุษบาขอกราบวิงวอน ข้าสวดมนต์ขอพระพรวิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่ ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ตั้งใจ”


(๕) เพลงลูกทุ่งเสี่ยงเทียน ประพันธ์โดย พยงค์ มุกดา มีเนื้อร้องดังนี้

“ลูกจุดเทียนอธิษฐาน บนบานทวยเทพไท วอนคุณพระรัตนตรัย ฟังคำพร่ำไขขาน เทียนเล่มนี้คือชีวิต แม้นโชคโสภิต โปรดช่วงชัชวาล แม้ลูกโชคร้ายเพียงวายปราณ พระพายจงปาฏิหารย์ ดับเทียนลูกนั้นทันใด
พรหมบันดาลสวรรค์ลิขิต ในอดีตแห่งชีวิตลูกนี้ มีแต่ตรมขื่นขมทวี นานปีไม่มีแจ่มใส ลูกผิดหวังลูกพลั้งพลาด หมายใดมุ่งมาดกลับพลาดไป น้ำตาหยาดย้อยแต่น้อยจนใหญ่ มิมีผู้ใดเยื่อใยเวทนาการ
กลิ่นธูปควันเทียนที่ในกระถาง บัวน้อยที่วางหน้าพระประธาน ลูกสังเวยบวงสรวงอธิษฐาน นำเสียงบนบานไปสู่พระพรหม พระสร้างลูกไว้ในโลกกว้าง พบความอับปางแทบสิ้นลม เมื่อไรจักพ้นทางระทม พระหัตถ์แห่งพรหมโอบอุ้มลูกที
เทียนเสี่ยงทายประกายวับแวม ไม่แอร่มแจ่มหวนโหย ลมสงัดไม่มีพัดโชย โบยต้องให้หมองศรี กรรมแต่หลังยังไม่ลับ แสงเทียนไม่ดับแต่ริบหรี่ แสงเทียนอยู่ยั้งหวังยังมี ขอรอโชคดีสักวันคงมา”


(๖) เพลงสาวน้อยเสี่ยงเทียน ประพันธ์โดย พยงค์ มุกดา เพลงนี้เป็นเพลงเดียวกันกับเพลงลูกทุ่งเสี่ยงเทียน แต่ตั้งชื่อใหม่ให้เหมาะกับเป็นเพลงลูกกรุงที่ผู้หญิงร้อง


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:43
(๗) เพลงเสี่ยงเทียนเสี่ยงรัก คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ ทำนอง ธนิต ผลประเสริฐ เป็นเพลงคู่ ดัดแปลงจากเพลงลาวเสี่ยงเทียน ๒ ชั้นทางเปลี่ยน มีเนื้อร้องดังนี้ 

“(ญ) จรดกรสองประณมเหมือนดอกบัว ไหว้วอนพระทั่วทิศถิ่นไกล โอ้คุณพุทธาจงได้ แจ้งในดวงใจของข้า โอ้ยามนี้ใครเหมือนดั่งเรา ถูกไฟร้อนเร่าเผาอุรา โอ้ไฟรักรุมกายข้า ยิ่งลามมาท่วมในหัวใจ ข้าคอยรักใครคนหนึ่ง โปรดให้สมภิรมย์รักใคร่ ไหว้วอนคุณพระเมตตา ชักนำให้เขามาให้รักมาชื่นหทัย

(ช) เจ้าเอย จะสมดังใจ รักจริงจริงหรือไร ข้านี้จะให้รักชื่นเชย

(ญ) โอ้คุณพระช่วยนำ ให้ความรักข้าเอย เสี่ยงรักชื่นเชย อกเอ๋ยสมใจ

(ช) โอ้นวลน้องเจ้าเอย ไหนเลยคร่ำครวญ หวนให้ใจหวน หวนครวญคร่ำคิดอะไร เผยคำสักนิด พี่จะคิดช่วยได้

(ญ) อย่าหวัง อย่าคิด

(ช) บอกสักนิดเถอะชื่นใจ

(ญ) ยากนักพี่เอย เผยคำให้ฟัง หวังใดที่หวัง หวังมาช่วยน้องทำไมพุทธาที่หวัง ได้ฟังหวังช่วยได้

(ช) อธิษฐานเรื่องรัก

(ญ) เรื่องรักไม่จริง

(ช) น้องรักเอย ถ้อยคำทั้งสิ้น พี่ได้ยินทุกสิ่ง

(ญ) ถ้าได้ยินก็จริง

(ช) สมใจได้จริง สิ่งสรรค์บันดาล

(ญ) สิ่งใดที่หวัง สมดังอธิษฐาน ไหนกันพี่

(ช) อยู่ใกล้ใกล้เธอนี้ รักเจ้ายิ่งชีวี อยู่เช่นนี้จนตาย”


(๘) เพลงเสี่ยงเทียนคอยคู่ ทำนองลาวเสี่ยงเทียน ๓ ชั้น คำร้อง-ทำนองโดย สง่า อารัมภีร วินัย จุลละบุษปะ ขับร้อง ต่อมาเมื่อ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ขับร้อง ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเพลงเสี่ยงเทียนเสี่ยงรัก คำร้องเพิ่มเติมโดย แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนองโดย สง่า อารัมภีร มีเนื้อร้องดังนี้

“ค่ำคืนฝืนเศร้า พี่คอยแต่เจ้าร้าวใจ รักเอ๋ยเคยใกล้ จากไปดวงใจระทม รักปองของพี่ ไม่มีให้พี่ชื่นชม อกพี่ต้องตรม รักเคยได้ชม ไม่สมดังปอง
จุดเทียนไหว้พระ พุทธาเสี่ยงรัก ชักพามาให้ หากเทียนสดใส รักคงสุขใจ ได้สมดังปอง แสงเทียนงามผ่องแต่พี่หมองใจ สองกรวอนไหว้ หัวใจจะขาดรอน
พี่คอย คอยเธอ อยู่เสมอทุกวัน รักไม่จริงดั่งฝัน รักไม่มั่นดั่งปองรักน้องปองมั่น ขวัญเคยใกล้ สุดที่ใจจะต้อง อกพี่กลับหมอง แสงเทียนสุกส่อง แต่น้องไม่มา”


(๙) เพลงใต้แสงเทียน ของวงสุนทราภรณ์ คำร้อง สุรัฐ พุกกะเวส ทำนอง ธนิต ผลประเสริฐ ขับร้องโดย วินัย จุลละบุษปะ-ชวลี ช่วงวิทย์ มีเนื้อร้องดังนี้

“(ช) แจ่มจันทร์ขวัญพี่
(ญ) ค่ำคืนนี้ไม่มีโสมส่อง
(ช) ขอแสงเทียนที่ส่อง ส่องให้มองปรางทองของเจ้า
(ญ) ใต้เงาแสงเทียน อย่าวนเวียนเปลี่ยนใจเสียเล่า
(ช) รักคนเดียวเพียงเจ้า
(ญ) อย่ามาเย้าให้หลงวจี ดูซิแสงเทียนริบหรี่
(ช) ใจพี่ไม่หรี่เหมือนแสงเทียนหรอกเจ้า
(ญ) เสี่ยงประทีปเทียนชัย
(ช) รักพี่จะไม่เปลี่ยนไปใฝ่หลงนงเยาว์
(ญ) อย่าให้อายเขา แม้นรักอับเฉาจะเฝ้าร้าวใจ
(ช) หากเปลวเทียนดับลง รักพี่ไม่ดับกลับคงลุ่มหลงรักใคร่ แสงเทียนเป็นสื่อ
(ญ) ฮื้อ ไม่เบื่อบ้างหรือไร
(ช) หลงครวญชวนใคร่ ขวัญใจของพี่เอย
ญ.) ดึกลงฟากฟ้าพราว
(ช) มีแต่ดวงดาววับวาว ยังสวยไม่เท่าเจ้าเลย
(ญ) หวานคำพร่ำเฉลย
(ช) น้องเอยอย่าหมองอุรา โอ้ขวัญตาของพี่
(ญ) โธ่ดึกแล้วหนอ
(ช) ขอให้พี่เฝ้าพะนอ ไม่ขอแรมฤดี
(พร้อม) รื่นรมย์สุขศรี รักคงชื่นอย่างนี้ไม่มีร้างรา ใต้แสงเทียนนี่หนา สองเราเฝ้าบูชาเสน่หารักเอย”




กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:44
ภาพวาดของอ.จักรพันธุ์ นั้น  อ่อนหวานละเมียดละไม
แต่รายละเอียดของภาพวาดนั้นน่าสงกาเป็นยิ่งนัก
ถ้าใครได้อ่านบทละครในเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒
คงจำได้ว่า  พระปฏิมานั้นอยู่ในถ้ำ  ไม่ใช่ในสิ่งก่อสร้างอย่างวิหารโบสถ์เทวาลัย
ก็ไม่ควรจะมีเสาสลักสวยงามอยู่ในถ้ำ  เว้นแต่ว่าถ้ำนั้นเพดานไม่มั่นคง
จึงตั้งหาเสาอะไรมาค้ำเพดานไว้กันถล่ม  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น  ก็คงไม่ปลอดภัยที่เข้าไป

ถ้ำที่พระปฏิมานั้นประดิษฐานอยู่น่าจะลึกพอสมควร
กล่าวคือ พระปฏิมาคงจะประดิษฐานอยู่ตรงกลางถ้ำ
และหลังพระปฏิมาไปคงเป็นถ้ำต่อไปอีกลึกพอสมควร
มิฉะนั้น  อิเหนาจะไปต้อนค้างคาวมาแต่ไหน ถ้าถ้ำสิ้นสุดตรงพระปฏิมา

ภาพวาดของอ.จักรพันธุ์  นั้นสวยงาม  แต่ในรายละเอียดนั้นต้องพิจารณาให้มาก

มิชอกช้ำดังมีดมากรีดหิน...องค์พระปฏิมาในถ้ำ ถือเป็นสิ่งเคารพสูงสุดเป็นองค์ประธานแห่งสถานที่ ต้องตกแต่งให้งามงด เรื่องสลักเข้าไปในภูเขาทั้งลูกยังทำได้งาม นะขอรับ ที่อินโดนิเซียภูเขามากมายให้เลือกปีน จะโดยเกาะต้นหมากก็กระทำได้  ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:49
(๑๐) เพลงนิราศนุช ประพันธ์โดย ป. วรานนท์ (ประชา วรานนท์) มีเนื้อร้องดังนี้

“ดวงฤดีพี่แสนตรม ระทมเศร้าเงียบเหงาหงอย ยามราตรีพี่หลงคอย คอยเจ้าเฝ้าฝันหา น้องอยู่ไหน ไม่เห็นหน้าหรือว่าอนงค์ หลงเพลินวิมาน หรือใครซ่อนน้อง ไว้ไกลบ้าน พี่ซานเที่ยวมอง หาน้องเนื้อนวล
ดวงฤทัยพี่ทุกข์ตรม ระบมเศร้า เฝ้าโหยหวล ดวงกมลพี่ร้องครวญ ครวญเพรียกเรียกโฉมศรี ด้นดั้นหาน้องพี่ ไม่มีสร่างซา นิทราไม่ลง ถามมวลแมกไม้ ในไพรพง แม้พบอนงค์ ช่วยกระซิบมาบ้าง
พี่ค้นอนงค์เสียทั่วทิศา ตามหาแก้วตาจนทั่วทุกทาง จนแสงรำไรฟ้าใกล้จะสาง ไม่พบน้องนางพี่เศร้าฤดี ถามดาวทั่วฟ้า นภาทุกที่ ไม่มีร่างน้อง หมองดวงฤทัย
จนเสียงดุเหว่าร้องก้องไพรพฤกษ์ พี่นึกว่าเธอเพ้อเพรียกร้องไป มองเห็นดวงดาววับวาวสดใส พี่นึกว่าใช่ดวงเนตรของเธอ พี่คอยผวา พาใจเก้อ หลงครวญพร่ำเพ้อ ถึงเธอคนเดียว เห็นจันทร์เคลื่อนคล้อย ลอยดวงเสี้ยว คิดถึงรูปเรียว เล็บมือน้องนาง”


(๑๑) เพลงสาบานรัก ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง เพลงนี้เป็นคนละเพลงกับเพลงสาบานรักที่ชรินทร์ – รุ่งฤดี เนี้ยว – ต้อม อู๋ – เอ๋ ร้อง มีเนื้อร้องดังนี้

“(ญ) มองนภาฟ้างามยามเย็น สวยเด่นจันทราน่ามอง
(ช) ถึงเดือนจะงามก็ยังเป็นรอง มิเปรียบหน้าน้องหรอกหนา
(ญ) คอยแต่ปากหวาน ชมทุกวันน่าเบื่อ ไม่อยากเชื่อถือวาจา
(ช) มิใช่ปากหวาน สรรน้ำคำมาว่า แจ่มจันทร์ สบตาหน้าน้องคงอาย
(ญ) รักน้องนานปีมิเบื่อหรือ
(ช) รักพี่ซื่อมิเบื่อง่ายดาย
(ญ) ไม่ช้าก็เบือนเคลื่อนคลาย
(ช) รักจนตายไม่หน่ายกัน
(ญ) พอรักมีใหม่คร้านจะเมินหมาง
(ช) รักไม่จางมิห่างจอมขวัญ
(ญ) จะเหมือนวจีสักกี่วัน
(ช) ขอสาบานให้จากใจ
(ญ) สาบานหน่อยซิ
(ช) จ๊ะ พี่สาบานก็ได้ ต่อไปไม่ขอรักใคร
(ญ) แม้ใจเปลี่ยนผัน ลืมสาบานเมื่อไหร่
(ช) ขอให้พี่แก่ตายเถอะขวัญชีวี”


(๑๒) เพลงกลับมาทำไม สังข์ทอง สีใส ประพันธ์เนื้อร้องและขับร้องเอง ต่อมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องแหยม ยโสธร ขับร้องโดยหม่ำ จ๊กมก มีเนื้อร้องดังนี้

“มาทำไมให้อายบ้านนาเล่านวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลา หนีหน้าไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือป่าว ทิ้งเคียวคราดไถไปเลยเดือนเก้า ช่างสุขสกาวกลับมาทำไม
คงจะโดนเค้าทิ้งไปหรือไงเจ้า ถึงเดินหน้าเศร้าหมดอาลัย นึกว่าเป็นคุณนายไปแล้วน้องแก้วฉัน จำได้ใหมเป็นคุณนายกี่วัน ช่างหน้าสงสารเสียนี่กระไร อะโอ้ยทำเป็นเศร้าให้เราเอาใจ น้ำตาพี่ไหลใครก็รู้ดี
ไปหาข้างหน้าดีกว่าคนสวย หาคนร่ำรวยก็อาจจะมี พี่นี่ไม่มีความหมาย ขืนอยู่ไปจะเป็นของฟรีขอบใจสุดซึ้งที่คิดถึงพี่ ขอให้โชคดีโทษทีนะพี่ไม่ว่าง”


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ธ.ค. 11, 11:54
(๑๓) เพลงเดือนคว่ำเดือนหงาย คำร้อง-ทำนอง จิ๋ว พิจิตร ขับร้องโดย ชินกร ไกรลาศ-กิ่งกาญจน์ กาญจนา ยอดรัก สลักใจ-สุนารี ราชสีมา มีเนื้อร้องดังนี้

“(ช) เรามามองกันสองคน ดูโน่นแน่ะดวงจันทร์

(ญ) มองอะไรที่ไหนกัน ดูนั่นแน่ะดวงเดือน

(ช) มีชื่อเหมือนดวงเดียวดังว่า เขาสร้างให้มาส่องฟ้ายามค่ำ

(ญ) เขาว่าเดือนหงาย แล้วทำไมเดือนคว่ำ

(ช) ร้ายจริงถ้อยคำ ไม่เอาน่ะถามมาใหม่

(ญ) สมมุติว่าเรา ได้เข้าเรือนหอ

(ช) พะเน้าพะนอ พี่จูบขวัญใจ

(ญ) จูบแล้วแนะนำ ว่าทำไฉน

(ช) ไม่ร้างแรมไกล นอนกอดทุกคราว

(ญ) อ๋อเพียงแค่นี้ หรือจะมีลูกเต้า

(ช) เรื่องมันยืดยาว ต้องอธิบายในห้อง

(ญ) เราจะไปที่ไหนดี ที่นี่มีคนมอง

(ช) ไปโรงเรียนเพื่อทดลอง เธอจะต้องไม่อายครู

(ญ) เรียนแบบไหนใจอยากรู้ ขอวอนให้ครูช่วยสอนแต่ต้น

(ช) รับรองชาตินี้ไม่มีหมองหม่น สามปีสี่คน

(ญ) ไม่จนก็เลี้ยงไม่โต”

 

(๑๔) เพลงสงกรานต์น้ำตา อาจินต์ ปัญจพรรค์ แต่ง ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้อง

(๑๕) เพลงรักไม่มีชนชั้น ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง อาณัติ พุทธมาศ ขับร้อง
 
(๑๖) เพลงดูดูดาดา ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง สุชาติ เทียนทอง ขับร้อง 
 
(๑๗) เพลงคาถามัดใจ ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง สายัณห์ สัญญา ขับร้อง
 
(๑๘) เพลงสายัณห์วอนแฟน ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง สายัณห์ สัญญา ขับร้อง
 
(๑๙) เพลงคนชายแดน ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง สายัณห์ สัญญา เอกชัย ศรีวิชัย   ขับร้อง
 
(๒๐) เพลงคนชายแดน ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง ร้องแก้เพลงคนชายแดนที่ผู้ชายร้อง ตั้งชื่อเดียวกัน แต่ดัดแปลงเนื้อร้องให้เหมาะกับที่ผู้หญิงร้อง แวว มยุรา ขับร้อง
 
(๒๑) เพลงคืนอาลัย ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง เสรี รุ่งสว่าง ขับร้อง

(๒๒) เพลงธารน้ำใจ ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง รุ่งตะวัน ขวัญกระบี่ ขับร้อง
 
(๒๓) เพลงวอนต้อยกลับบ้าน ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง รุ่งตะวัน ขวัญกระบี่ ขับร้องในแบบสำเนียงใต้ 

(๒๔) เพลงคนรักแม่ คำร้อง/ทำนอง ขวัญใจ สุริยัน เป็นเพลงสลับพูด แนวตลกขบขันแต่ให้คติเตือนใจ   วิฑูรย์ ใจพรหม ขับร้อง
 
(๒๕) เพลงวอนพ่อจตุคาม ยังไม่มีข้อมูลผู้แต่ง ดอกฟ้า ท่าชนะ ขับร้อง

 ;D




กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 ธ.ค. 11, 12:14

ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูค่ะ   ลงแรงเขียนมาเป็นความรู้ทั้งนั้น

ขอบคุณคุณดอนราชประสงค์ผู้หลงใหลความเป็นไทย และชักมีดละว้าว่องไว  ป้องกันตัวทัน

ขอบคุณคุณหลวงเล็กผู้กรุณาสละเวลาอันมีค่ามาแนะนำทั้ง ๆ ที่ราชการรัดตัว


       ยังมีเพลง ลาวเจริญศรี  ที่สองชั้น คนแถวนี้น่าจะร้องได้อยู่   ที่ว่า  อายุเยาวเรศเจริญศรี   

๓ ชั้นและ ชั้นเดียว นั้น  คุณหมอพูนพิศ  อมาตยกุล  ผู้เป็นที่เคารพของวันดี ได้แต่งไว้เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๑๙ว่า


๓ ชั้น
       พระสดับขับร้องทำนองหวน                              ถึงเนื้อนวลพระธิดาฟ้าเมืองสรอง
ให้ซ่านซาบวาบหวามตามทำนอง                               ดังอกต้องศรรักปปักฤทัย
ด้วยมืดมนดลแดจนแพ้ฤทธิ์                                     บ่ได้คิดถึงองค์เฝ้าหลงใหล
พระกรรณแว่วขับลำอยู่ร่ำไป                                    ฝันใฝ่นวลละอองสองบังอร

ชั้นเดียว
       อนิจจาความรักหนักหนาหนอ                            ลวงพระลอมอดไหม้ดั่งไฟผลาญ
เหลือแต่เพลงเจริญศรีที่ยืนนาน                                 ขับขานไพเราะเสนาะเอย



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 ธ.ค. 11, 18:21

มิชอกช้ำดังมีดมากรีดหิน...องค์พระปฏิมาในถ้ำ ถือเป็นสิ่งเคารพสูงสุดเป็นองค์ประธานแห่งสถานที่
ต้องตกแต่งให้งามงด เรื่องสลักเข้าไปในภูเขาทั้งลูกยังทำได้งาม นะขอรับ ที่อินโดนิเซียภูเขามากมายให้เลือกปีน
จะโดยเกาะต้นหมากก็กระทำได้  ;D

ถามต่อไปว่า  ถ้าเพดานถ้ำสูงดังที่ปรากฏในภาพวาดแล้ว
พลพรรคของอิเหนาจะต้อนค้างคาวออกมาดับเทียนทุกเล่มหมดด้วยวิธีการใด  
ท่าทางอิเหนาจะบังคับค้างคาวได้กระนั้นฤา

อันที่จริงก็สงสัยอยู่ว่า  ตกลงจะเป็นถ้ำหรือวิหารกันแน่
เพราะในบทละครในนั้น  บอกว่า วิหารพระปฏิมาอยู่บนเขา
แสดงว่าใช้ถ้ำเป็นวิหาร  ถ้ำนั้นน่าจะเพดานไม่สูงมาก


การสลักภูเขานั้นทราบอยู่  ที่อินเดียนั้นทำได้วิจิตรวิตถารมาก
ที่ชวาซึ่งรับอิทธิพลอินเดียมาก็น่าจะมีบ้าง  
แต่อยากเห็นภาพ ไม่ทราบว่าจะหามาให้ทัศนาได้หรือไม่

ถ้าพิจารณาพระปฏิมาในภาพวาด  น่าจะเป็นปฏิมากรรมพระโพธิสัตว์ในพุทธมหายาน
อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  หรือพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี (เดาไปเรื่อยๆ)


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 05:17


       อิเหนากุเรปันนั้นตามดูบุษบาอยู่ตลอดเวลา  อยากจะให้นางเห็นว่าตามมาด้วยเพราะ

พระแสนปฎิพัทธ์กำหนัดนาง                        ปิ้มปางจะสิ้นสมประดี


       ในการมาใช้บนยังเขาวิลิศมาหรา    อิเหนาดักหน้าดักหลังได้เข้าใกล้บุษบาหลายครั้ง

พรรคพวกอิเหนาที่มาด้วยมี กะหรัดตะปาตี (พี่ชายที่เกิดกับมเหสีรองนางลิกู)   สังคามาระตา

(ที่พูดว่าแม้มีจิตพิสวาทก็นับญาติกันได้  และเป็นน้องนางมาหยารัศมีแห่งเมืองปักมาหงัน)

และสุหรานากง(ราชโอรสแห่งสิงหัดส่าหรี  ลูกพี่ลูกน้องของอิเหนา) 


       จรกานั้นโกรธอิเหนาที่ถือโอกาสเข้าใกล้ชิดบุษบา   

จึ่งเสว่าแก่ระเด่นทั้งสาม                            เจ้าทำหยาบหยามข้ามข่มเหง

อะไรกลุ้มรุมดูเมียกันเอง                           เป็นเพื่อนชายไม่เกรงใจกัน


สังคามาระตาปากไวที่สุดตอบว่า  จะดูก็แต่เมื่อขบวนผ่านไปแล้ว

อันพระบุตรีดังปิ่นเกล้า                             เช่นเรานี้ควรแต่เป็นข้า

ไม่ใฝ่สูงให้เกินพักตรา                              อย่าพักคิดริษยาให้ป่วยการ


กะหรัดตะปาตีซ้ำ

ข้าและแลดูเยาวมาลย์                              จะใคร่ได้จึงซานซมมา

ด้วยตัวเรารูปชั่วแล้วต่ำศักดิ์                        เขย่งรักบังอรได้เกื้อหน้า

แม้นมิได้ก็ไม่คืนพารา                               จะเอากรุงดาหาเป็นเรือนตาย


สุหรานากงชมพรรคพวกกันว่าเสด็จพี่กะหรัดตะปาตีมีโวหารดี   สังคามาระตาก็อ่อนหวานฉลาดเจรจาพูดแก้หน้า

แล้วพูดกับจรกาต่อไปว่า

ฝ่ายระตูจรกา                                        เจ้าว่าทั้งนี้ผิดทีไป

ถึงจะเป็นคู่ครองของเข้า                            แต่พี่น้องของเราเรายกให้

อย่าดูนางนางจะอดสูใจ                             ต่อได้แล้วจึงพิศให้อิ่มตา


       เมื่อนั้น                                         จรกาแค้นขัดสหัสา

มิรู้ที่จะตอบวาจา                                     ก็สรวลเสเฮฮาไปด้วยกัน


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 05:37


       ในตอนกลับเข้าเมือง  อิเหนาทำทีเป็นม้าพยศบุกเข้ามาในขบวนของนางบุษบา

นางบุษบานั้นปิดม่านสองไขทันที          บาหยันพระพี่เลี้ยง(แป้งน้ำชนิดหนึ่งก็ใช้ชื่อบาหยัน)

จึงโผล่หน้าไปดูว่าใครบุกเข้ามา  และได้ต่อปากต่อคำกับอิเหนาว่า  ม้าของอิเหนาคงคิดถึงโรง

เร่งควบคืนหลังยังสถาน                            หญ้าน้ำสำราญเคยอาศัย

จึงจะสิ้นพยศสะกดใจ                               ที่ปั่นป่วนก็จะได้สมประดี


อิเหนาว่าถ้าม้ารักโรงจริงคงกลับไปแล้ว

ทั้งนี้เพราะพี่ไม่เมตตา                               วาสนาน้อยแล้วไม่เห็นใจ


นางบาหยันตอบว่ารักอิเหนาจะเปรียบราวรักเส้นผม

ถึงรักก็เป็นแต่รักเร้น                                  ยากจะชี้เช่นให้เห็นจริง


อิเหนาแก้ตัวรักพี่จริงดังพูดอยู่นี่ล่ะ

รักเหมือนหนึ่งกริชที่น้องเหน็บ                       ยากที่จะเก็บเอามาว่า

ถ้าแหวะอกยกใจได้ออกมา                           จึงจะแจ้งวิญญาณ์ว่ารักนาง           


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 05:48


       บัดนั้น                                         บาหยันแก้ไขไม่ขัดขวาง

พระเป็นปิ่นกษัตริย์เลิศปาง                         ทรงอาวุธต่างต่างมี

เห็นจะรักไปสิ้นทั้งนั้น                                จะผูกพันแต่กริชก็ใช่ที่

อันเกศาของข้าน้อยนี้                                ไม่มีสิ่งจะเปรียบเทียบทัน


       เมื่อนั้น                                         ระเด่นมนตรีตอบบาหยัน

ถึงจะรักอาวุธทั้งนั้น                                  ไม่เท่ากริชเทวัญเล่มนี้

รักนักเหน็บอยู่ไม่รู้ขาด                              จึงอาจเอาเปรียบกับรักพี่

ครั้นถึงประตูพระบุรี                                  ทีนี้จะแลลับตา

จะตามไปส่งด้วยมิตรจิต                             พี่คิดถึงบ้างอย่าลืมข้า

สิ่งใดที่ได้จำนรรจา                                   อย่าลืมสัญญาที่ว่าไว้



กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 ธ.ค. 11, 08:24

มิชอกช้ำดังมีดมากรีดหิน...องค์พระปฏิมาในถ้ำ ถือเป็นสิ่งเคารพสูงสุดเป็นองค์ประธานแห่งสถานที่
ต้องตกแต่งให้งามงด เรื่องสลักเข้าไปในภูเขาทั้งลูกยังทำได้งาม นะขอรับ ที่อินโดนิเซียภูเขามากมายให้เลือกปีน
จะโดยเกาะต้นหมากก็กระทำได้  ;D

ถามต่อไปว่า  ถ้าเพดานถ้ำสูงดังที่ปรากฏในภาพวาดแล้ว
พลพรรคของอิเหนาจะต้อนค้างคาวออกมาดับเทียนทุกเล่มหมดด้วยวิธีการใด 
ท่าทางอิเหนาจะบังคับค้างคาวได้กระนั้นฤา

อันที่จริงก็สงสัยอยู่ว่า  ตกลงจะเป็นถ้ำหรือวิหารกันแน่
เพราะในบทละครในนั้น  บอกว่า วิหารพระปฏิมาอยู่บนเขา
แสดงว่าใช้ถ้ำเป็นวิหาร  ถ้ำนั้นน่าจะเพดานไม่สูงมาก


การสลักภูเขานั้นทราบอยู่  ที่อินเดียนั้นทำได้วิจิตรวิตถารมาก
ที่ชวาซึ่งรับอิทธิพลอินเดียมาก็น่าจะมีบ้าง 
แต่อยากเห็นภาพ ไม่ทราบว่าจะหามาให้ทัศนาได้หรือไม่

ถ้าพิจารณาพระปฏิมาในภาพวาด  น่าจะเป็นปฏิมากรรมพระโพธิสัตว์ในพุทธมหายาน
อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  หรือพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี (เดาไปเรื่อยๆ)


ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ;D ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ธ.ค. 11, 10:38
    พระพี่เลี้ยงชองบุษบาทั้งสี่คือ  บาหยัน  ส่าเหง็ด   ปะเสหรัน  และ ประลาหงัน

เป็นสี่คนเท่านั้นที่ มะเดหวีให้ติดตามเข้าไปในวิหารซึ่งเป็นถ้ำสูงใหญ่  มีถ้ำน้อยๆเป็นบริวารที่ค้างคาวมาเกาะอยู่      ทุกคนนั่งเงียบเรียบร้อย

ไม่ได้ลุกขึ้นร่ายระบำหงายหลังแต่อย่างใด(ดูจากการประกวดร้องเพลงของโรงเรียนหนึ่ง)


ฉากวิหารของคุณจักรพันธุ์ โปษยกฤต เพดานสูง


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ธ.ค. 11, 10:47
แบบฉากของละคอนดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา ตอนไหว้พระ แสดงระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๒-๒๔๕๒ ออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นฉากวิหารเล็ก ซึ่งมะเดหวีพานางบุษบา เข้าไปเสี่ยงเทียนว่าจะได้เสกสมรสกับ อิเหนา หรือจรกา แสดงให้เห็นภายในวิหาร และองค์พระปฏิมาซึ่งอิเหนาเข้าไปแอบซ่อนอยู่ข้างหลัง

ให้สังเกตเพดานว่าไม่สูงมาก เหมาะแก่การไล่ค้างคาวมาดับเทียนนัก

 ;D

ภาพจาก เว็บลักษณะไทย (http://www.laksanathai.com/book3/p089.aspx)


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ธ.ค. 11, 11:55
อันที่จริงก็สงสัยอยู่ว่า  ตกลงจะเป็นถ้ำหรือวิหารกันแน่
เพราะในบทละครในนั้น  บอกว่า วิหารพระปฏิมาอยู่บนเขา
แสดงว่าใช้ถ้ำเป็นวิหาร  ถ้ำนั้นน่าจะเพดานไม่สูงมาก

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดโสมนัสวิหาร ผนังที่ ๗ ภาพที่สอง เป็นภาพเขียนในสมัยรัชกาลที่สี่ เป็นตอนที่ท้าวดาหาเสด็จมาแก้บนที่ภูเขาวิลิศมาหรา คำบรรยายจาก เว็บวัดโสมนัสวิหาร  (http://www.watsomanas.com/painting/mural/window-07-2.php) มีว่า อันมีสถาปัตยกรรมเทวสถานเบื้องบนอย่างอลังการ  เขียนด้วยสไตล์ทันสมัย  (คือนิยมฝรั่ง)  ดูเป็นชั้นเชิง  เบื้องล่างฐานไพทีเห็นเป็นเนินไศลหินผา  โตรกศิลาอันมืดทมิฬ  ท่านจิตรกรได้รจนาออกมาเป็นภาพอันวิจิตรที่มีสีหนัก ๆ ห่อหุ้มโดยรอบ  ประสงค์จะให้เห็นนิติอันเร้นลับและวังเวงชวนให้ฝันเฟื่องเป็นดรามาติก  คลุกคละระคนกับความเป็นจริง

มะเดหวีพานางบุษบาไปไหว้พระปฏิมาเพื่ออธิษฐานเสี่ยงทายเนื้อคู่ที่เขาวิลิศมาหรานี้ในคราวเดียวกัน

วิหารพระปฏิมาอยู่แถว ๆ นี้แหละ

 ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 12:35
       วิหารพระปฎิมากรนั้นอยู่บนเขา        มืดต้องใช้แสงเทียนส่อง

มีค้างคาวอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ๆที่ติดต่อกัน       ส่งคนไปไล่มาได้อย่างรวดเร็ว

ดีไม่ดีค้างคาวคงเกาะอยู่ในวิหารด้วยตามมุมมืด

เมื่อโดนไล่  ค้างคาวบินผ่านองค์พระปฎิมาเพราะทางประตูคงเป็นทางออก

ถ้ามีทางออกทางอื่นหรือปล่องเปลวก็คงไปทางนั้นและโน้นแล้ว

ถ้ำที่เป็นที่ประดิษฐานพระปฎิมาก็ต้องสูงกว่าองค์พระอยู่แล้ว   จะสูงแค่ไหนคิดไม่ออกค่ะ

กิจกรรมที่ถนัดทางปีนป่ายก็นานมากมาแล้วจนแทบจะจำไม่ได้  รู้จักเพียงต้นมะม่วง  ต้นชมพู่   มะขามนั้นไม่สู้

ระดับเก็บหมากโดยไม่ต้องลงดินนั้นอ่านมาจากหนังสือเท่านั้น

น่าจะสูงมากทีเดียวเพราะชวานั้นเป็นแผ่นดินที่มีภูเขามาช้านาน   แผ่นดินเป็นปล่องเป็นโพลงเป็นหลุมเป็นเหว

ชวาโบราณคงไม่ไปนั่งในถ้ำที่มีค้างคาวอยู่ใกล้เคียงเพราะกลิ่นไม่น่าอภิรมย์

วิหารน่าจะกว้างและสูงไม่น้อย(แปลว่าสูงมาก)

แต่บริเวณคงกว้างขวางพอที่มีคนหลายคนแอบอยู่แล้วผู้ที่เข้าไปไม่รู้สึก     ตัวอิเหนาเองก็คงอาบน้ำกุหลาบ

ทาน้ำหอมกลิ่นกำจายแน่ ๆ


       บุษบาเป็นเจ้าหญิงที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี   ความอับอายที่โดนเมืองกุเรปันเลื่อนงานวิวาห์นั้น

ประไหมสุหรีดาหาคร่ำครวญว่า

เสียทีที่เจ้าเกิดมา                                     ในตระกูลเทวาอันสูงศักดิ์

รูปทรงยงยิ่งนรลักษณ์                                แต่อาภัพอัปลักษณ์กว่าฝูงคน

แม่เห็นสมสุริยวงศ์จึ่งปลงใจ                         ควรฤาช่างไม่เป็นพักผล

จะได้คู่ไพร่ฟ้าประชาชน                              ไหนเลยจะพ้นอัปยศอดอาย

ในแว่นแคว้นแดนชวาจะลือทั่ว                       จะนินทาว่าชั่วไม่รู้หาย

ร่ำพลางทางสลดระทดกาย                           โฉมฉายกำสรดโศกี

     บุษบาอาย และโกรธค่ะ


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 12:43


พระฤาษีที่รดน้ำมนต์นั้นชื่อ สังปะลิเหงะ  มีอภิญญาณ      ที่อยู่เรียกว่าอาศรมพระนักธรรม


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 17 ธ.ค. 11, 12:50


ศาลเทพารักษ์ที่เมื่อเมืองมีภัยก็เป็นที่บนบาน

ศาลนั้นมีชั้นเชิงสนุกนัก                       ฉลุฉลักลายงามทั้งสามหลัง

ทองหุ้มซุ้มทวารบานบัง                       มีบัลลังก์ตั้งรูปอาลักษณ์ไว้

ริมรอบขอบเขตุอารามนั้น                     มีระเบียงสามชั้นกว้างใหญ่

พื้นผนังหลังคาพาไล                           แล้วไปด้วยสุวรรณบรรจง


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 19 ธ.ค. 11, 11:28

ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย
ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน
องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย
เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว
หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ;D ;D

ที่ยกเรื่องแกะเขาแลถ้ำเป็นวิหารเทวาลัยในอินเดียนั้น  ก็เพราะเห็นว่าที่นั่นเขามีหลักฐานชัดเจน
ว่าได้ทำวิหารเทวาลัยด้วยสัทธาปสาทะอย่างยิ่ง  ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็ยังปรากฏมีที่จีน
ซึ่งก็ไม่แปลกประหลาดอันใด  เนื่องจากวัฒนธรรมจากอินเดียได้อาศัยเส้นทางสายไหม
ในการแพร่กระจายวัฒนธรรมมาเป็นเวลาช้านาน  ซึ่งลักษณะเช่นนี้ก็ปรากฏอยู่ในเอเชียกลางด้วย

แต่ที่จะโยงชวาให้เป็นอย่างอินเดียนั้น  ยังไม่เห็นภาพจึงยังเชื่อไม่ได้ว่าจะมีเหมือนกัน
เพราะเท่าที่สังเกตจากถ้ำที่ใช้เป็นวิหารไว้พระปฏิมาในแถบอุษาคเนย์นี้ 
ก็ไม่ค่อยเคยเห็นที่ตกแต่งสลักเสลาให้วิจิตรพิสดาร จนถึงชั้นทำเสาที่ขื่อใส่ไว้ในถ้ำด้วย
ไม่ค่อยเห็นมีในแถบนี้

ส่วนเรื่องค้าวคาวนั้น  อาศัยว่าเป็นชาวสวน จึงรู้จักค้างคาวพอตัว
ค้างคาวที่อยู่ในถ้ำนั้น  มักจะอยู่ลึกจากปากถ้ำเข้าไปพอสมควร
จากเรื่องอิเหนา   สันนิษฐานว่า  ค้างคาวไม่ได้อยู่ในห้องวิหารที่ไว้พระปฏิมา
แต่คงจะอยู่ในถ้ำที่ต่อไปจากตรงที่ไว้พระปฏิมา ซึ่งมืดและเงียบกว่า
ไม่แน่ว่า  ถ้ำที่แยกออกไปอีกทางจากห้องวิหารนั้น  น่าจะเป็นทางออกอีกทาง
ซึ่งไม่กว้างนัก (อาจจะเป็นปล่อง) แต่ค้างคาวคงจะบินออกได้
ปกติค้างคาวคงไม่บินออกมาทางวิหาร  เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องไปต้อนมาทำไม
แค่ไปกวนให้ค้างคาวตื่นก็จะบินกรูหนีออกมาตามทางที่มันเคยบินอยู่ประจำ
แต่ที่ต้องไปต้อนค้างคาวมา  ก็เพราะค้างคาวอาจจะบินไปออกทางอื่นที่ไม่ใช่ทางวิหาร
เมื่อค้างคาวบินมาออกทางห้องวิหาร  อาจจะหาทางออกไม่ไม่ถูก เพราะไม่คุ้นทาง
จึงบินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอยู่ระยะหนึ่ง  เมื่อมีค้างคาวจำนวนมากบินวนในที่อย่างนี้
อาจจะไปชนเทียนให้ล้มดับได้ (ถ้าใครเคยเห็นค้างคาวบินเข้าบ้านเวลากลางคืน
คงทราบว่า  ค้างคาวจะบินวนหาทางออกทั้งสูงและต่ำไปทั่วทั้งบ้านจนกว่าจะหาทางออกเจอ)

ถ้าถ้ำวิหารนั้นมีเฉพาะคูหาที่ยาวตรงๆ และเป็นทางที่ค้างคาวบินไปมาเข้าออกเป็นปกติ
ค้างคาวคงจะบินออกไปโดยไม่ต้องมาวนเวียนหาทางออกในห้องวิหารจนชนเทียนล้มดับ
เพราะเป็นเช่นนั้น  ห้องวิหารคงจะอุดมขี้ค้างคาวเกลื่อนกลาดจนนั่งลงไม่ได้แน่

ส่วนว่าเพดานถ้ำสูงหรือไม่นั้น   อาจจะไม่จำเป็นต้องคิด  ที่แน่ๆทางเข้าน่าจะแคบกว่าตรงห้องวิหาร

ส่วนภาพร่างฉากที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ทรงวาดนั้น  วิจิตรสวยงามดี
ทรงพระดำริออกแบบไว้งามตามทางศิลปะ   แต่ความสมจริงตามท้องเรื่องเดิมนั้น
เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณาครับ  ก็แปลกใจอยู่ว่า  หน้าต่างมีลูกกรงมะหวดนี้
จะเอาไปวาดตรงใดของถ้ำไว้พระปฏิมาบนภูเขา


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 19 ธ.ค. 11, 14:54

ท่านมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก การสลักช่องหินให้เป็นวิหาร พบมากในอินเดีย
ซึ่งสวยงามปานเทวดาสร้าง เจาะลึกเข้าไปเป็นห้อง ๆ วัฒนธรรมนี้ยังพบได้ที่ประเทศจีน
องค์พระปฏิมาที่อินโดนิเซีย คงเป็นในรูปแบบของพุทธมหายาน คือ นับถือพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
ที่ท่านอยากเห็นภาพองค์พระพุทธในถ้ำ ก็ชมได้เลยเป็นพระพุทธที่แกะสลักเข้าไปในถ้ำที่อินเดีย
เห็นห้องคูหา เพดานก็สูงสมส่วน

ส่วนเรื่องค้างคาวมิถนัดนัก หากชอบทำครัวก็จะรู้จักแต่ขนมค้างคาว
หากเป็นชาวสวนย่อมต้องยิน ต้นค้างคาว เสียมากกว่า  ;D ;D

 แต่ค้างคาวคงจะบินออกได้
ปกติค้างคาวคงไม่บินออกมาทางวิหาร  เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องไปต้อนมาทำไม
แค่ไปกวนให้ค้างคาวตื่นก็จะบินกรูหนีออกมาตามทางที่มันเคยบินอยู่ประจำ
แต่ที่ต้องไปต้อนค้างคาวมา  ก็เพราะค้างคาวอาจจะบินไปออกทางอื่นที่ไม่ใช่ทางวิหาร
เมื่อค้างคาวบินมาออกทางห้องวิหาร  อาจจะหาทางออกไม่ไม่ถูก เพราะไม่คุ้นทาง
จึงบินวนเวียนอยู่ในห้องนั้นอยู่ระยะหนึ่ง  เมื่อมีค้างคาวจำนวนมากบินวนในที่อย่างนี้
อาจจะไปชนเทียนให้ล้มดับได้ (ถ้าใครเคยเห็นค้างคาวบินเข้าบ้านเวลากลางคืน
คงทราบว่า  ค้างคาวจะบินวนหาทางออกทั้งสูงและต่ำไปทั่วทั้งบ้านจนกว่าจะหาทางออกเจอ)


คุณหลวงใช้วิธีการอย่างไร ที่จะต้อนให้ค้างคาวบินเข้ามาในวิหารได้ มิกลัวค้างคาวโฉบกัดหูกระนั้นหรือ  อีกอย่างสัตว์นั้นกลัวไฟ ประการหนึ่งค้างคาวตัวไหนทำให้เสียชื่อหมด บินชนได้อย่างไร น่าจับมาทอดกินให้เข็ด


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 19 ธ.ค. 11, 15:47

คุณหลวงใช้วิธีการอย่างไร ที่จะต้อนให้ค้างคาวบินเข้ามาในวิหารได้
มิกลัวค้างคาวโฉบกัดหูกระนั้นหรือ  อีกอย่างสัตว์นั้นกลัวไฟ
ประการหนึ่งค้างคาวตัวไหนทำให้เสียชื่อหมด บินชนได้อย่างไร น่าจับมาทอดกินให้เข็ด


ก็ไฟนั่นแลที่ใช้ไล่ต้อน  ถ้าไล่ต้อนโดยดักตรงทางที่ค้างคาวออกประจำ
เมื่อค้างคาวแตกตื่นแต่บินออกทางที่เคยบินออกไม่ได้  ก็ต้องบินออกทางอื่น
ในกรณีนี้อาจจะต้องปิดปากทางที่ค้างคาวเคยบินออกไว้ด้วย
ส่วนที่ถามว่า ไม่กลัวค้างคาวกัดหูหรือไม่นั้น   อันนี้สุดวิสัยจะตอบแทนตัวละครได้
ก็ถ้ากลัวขนาดนั้น มีไฟอยู่กับมือ และไม่รู้จักป้องกันตัวเอง ปล่อยให้ค้างคาวโฉบหูไปกินได้ 
ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้  เหมือนคนไปตีรังผึ้งเอาน้ำผึ้งบนต้นไม้
แต่ไม่รู้จักหาทางหนีทีไล่ หรือ ไม่รู้จักหาทางป้องกันผึ้งต่อย 
ก็นับว่าเป็นการกระทำที่อ่อนประสบการณ์มาก  ถ้าถูกผึ้งต่อยตายก็คงสมควรแล้ว

ค้างคาวถ้าบินในเวลาปกติ  สามารถบินหลบหลีกสิ่งที่กีดขวางได้แม้จะมืดจนมองไม่เห็น
แต่ถ้าในเวลาคับขันมีอันตรายมาจวนตัว  อารามตกใจ  มันก็จะบินว่อนไปไม่รู้ทิศ
ตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด  ถ้ามันจะบินชนกันบ้าง ก้ไม่น่าจะแปลก
บางทีมันอาจจะไม่บินชนจนเทียนดับ  แต่แรงกระพือปีกทำให้เกิดลม อาจจะทำให้เทียนดับได้เหมือนกัน
หรืออีกกรณีหนึ่ง  สาวเจ้า ตกใจกลัวแบทแมนที่บินโผไปมาในถ้ำ  สะดุ้งวี้ดว้าย
ทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ หลบหลีกค้างคาวจนกระทบกระแทกเทียนล้มล้มก็เป็นได้

ส่วนเรื่องไฟ  ไฟจากคบ กับไฟจากเทียน
ไฟจากแหล่งไหนที่ค้างคาวจะกลัวมากกว่ากันนั้น  ลองคิดดูเอาเถิดออกขุน
ก็ลองคิดดู


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ธ.ค. 11, 15:53
อิเหนาตอนนี้ คงเกณฑ์ให้บุษบาเสี่ยงทายตามวิธีไทย ๆ นั่นแล

เรื่องเดิมของชวา มีการไล่ต้อนค้างคาวด้วยหรือเปล่ายังสงสัย

 ;D


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 19 ธ.ค. 11, 16:11
อิเหนาตอนนี้ คงเกณฑ์ให้บุษบาเสี่ยงทายตามวิธีไทย ๆ นั่นแล

เรื่องเดิมของชวา มีการไล่ต้อนค้างคาวด้วยหรือเปล่ายังสงสัย

 ;D

คุณเพ็ญคิดว่า วรรณคดีไทยเรื่องใด ปรากฎมีการพาดพิงถึง "ค้างคาว" บ้างหนอ  ???


กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 19 ธ.ค. 11, 17:11

คิดมาก่อนแล้ว  ว่าเทียนทองซึ่งคือเทียนขี้ผึ้งบริสุทธ์คงไม่สูงมาก

แสงไฟคงเป็นจานดินเผาใส่น้ำมันมากกว่า

สมัยทำกิจกรรมในสมาคมนักเรียนต่างชาติ    สหายซึ่่งเป็นประธานนักเรียนของอินโดนีเชีย    รำถ้วยน้ำมัน

ตั้งมือเป็นฉากอยู่ไปมา    นั่งลงบ้าง  กลิ้งไปมาบ้าง     ดูแล้วสวยดี   สง่ามาก


เทียนนั้นดับหลายครั้ง

        ครั้นถึงทวาราก็เพลิงดับ                               จึงกลับไปจุดมาใหม่

ถึงสามทีแล้วไม่ได้ไฟ                                          ด้วยค้างคาวบินไปบินมา

พอเหลียวไปเห็นปล้องไม้                                     วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา

จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา                                  แฝงตัววิ่งพาเข้ามาพลัน

       นี่คือนางประเสหรัน  พระพี่เลี้ยงคนหนึ่งที่โตขึ้นมาในวัง  ถวายตัวเข้ามาตั้งแต่บุษบาเกิด




กระทู้: กลิ่นลำดวนหวนหอมเหมือนกลิ่นเจ้า
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ธ.ค. 11, 20:05
คุณเพ็ญคิดว่า วรรณคดีไทยเรื่องใด ปรากฎมีการพาดพิงถึง "ค้างคาว" บ้างหนอ  ???

ขอต่อรองเป็นเพลงไทยได้ไหม

http://www.youtube.com/watch?v=kP9lZ64_mh4&feature=related

 ;D