ร่าย เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
ครั้นล่วงปฐมยามเวลา เสด็จมาเข้าที่พระบรรทม
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน ดังได้โฉมตรูมาสู่สม
ยินดีปรีดาในอารมณ์ พลางชมสไบบางต่างเทวี
หอมตลบอบซาบนาสา เหมือนกลิ่นจินตระหรามารศรี
นึ่งนึกตรึกไตรในราตรี ภูมีไม่สนิทนิทรา
แต่เฝ้าเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ เหมือนพรุ่งนี้จะได้ไปเห็นหน้า
พระกรรณตรับนับทุ่มนาฬิกา นั่งคอยเวลาจะคลาไคล
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย ครั้นประโคมฆ้องย่ำยามสามเศษ ภูวเรศยินดีจะมีไหน
เสด็จออกจากห้องทองทันใด คลาไคลไปสรงชลธาร
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน ไขสุหร่ายวารินกลิ่นเกลี้ยง สถิตนั่งเหนือเตียงสรงสนาน
ทรงสุคนธ์ปนทองรองพาน กลิ่นสุมาลย์ตลบอบองค์
สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด ปักรูปสีหราชเหมหงส์
ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ ฉลององค์อินทร์ธนูงามงอน
เจียระบาดคาดสุวรรณพรรณราย คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายสร้อยอ่อน
ทับทรวงดวงกุดั่นดอกซ้อน ทองกรแก้วมณีเจียระไน
ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองระยับ มงกุฎเพชรเก็จประดับดอกไม้ไหว
เหน็บกริชเทวาแล้วคลาไคล มาทรงมโนมัยในเที่ยงคืน
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
โทน ม้าเอยม้าต้น สามารถอาจผจญไม่เต้นตื่น
พ่วงพีมีกำลังยั่งยืน ตัวรู้อยู่ปืนได้ทดลอง
ผูกเครื่องกุดั่นดาวจำหลัก สายถือเทศถักเป็นลายสอง
ห้อยหูภู่จามรีกรอง ใบโพธิ์ทองถมยาประดับเพชร
พานหน้าผนังข้างอย่างนอก ดวงดอกเนาวรัตน์ตรัสเตร็จ
พระทรงแส้สุวรรณกัลเม็ด เสนาตามเสด็จแน่นนันต์
ม้าพี่เลี้ยงเคียงม้าที่นั่งทรง ตำมะหงงนั้นนำพลขันธ์
เดินทางสว่างแจ้งด้วยแสงจันทร์ เร่งกันให้รีบจรลี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
โอ้ร่าย เข้าในอรัญวาป่าใหญ่ ภูวไนยคะนึงถึงโฉมศรี
โอ้ว่าจินตระหราวาตี ป่านฉะนี้ดวงใจจะไสยา
ฤาจะตื่นนิทราเวลาดึก รำลึกถึงพี่บ้างกระมังหนา
หอมหวนอวลรสสุมาลา พระพายพากลิ่นตลบอบอาย
น้ำค้างตกต้องใบพฤกษา จับแสงจันทราจำรัสฉาย
หิ่งห้อยย้อยระยับจับไม้ราย พรายพรายแพร้วแพร้วที่แถวทาง
เสียงบุหรงร้องก้องพนาวัน สุริย์ฉันจวนแจ้งแสงสว่าง
พอพ้นด่านกุเรปันชั้นกลาง หนทางรื่นราบดังปราบไว้
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย พระคิดดูรู้ระยะมรคา เห็นยังไกลหมันหยากรุงใหญ่
จะอุบายขับควบอาชาไนย รีบไปให้เปลืองหนทางจร
คิดแล้วจึงมีบัญชาสั่ง ให้รอรั้งมโนมัยไว้ก่อน
พอรุ่งรางสร่างแสงทินกร จึงให้ควบอัสดรดูกำลัง
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา