ขอต่อเรื่องเพลงในหนังอีกหน่อย
ผมว่าในยุคที่ผมเติบโตเป็นวัยรุ่นวุ่นรักอกหักก็ฟังเพลงนั้น หนังเพลงที่น่าจดจำที่สุดคือ Grease (1978) มันเป็นหนังที่ดังมากทั้งในบ้านเขาและบ้านเรา
ความจริงมันควรจะเป็นหนัง Saturday night fever (1977) เพราะออกมาลุยตลาดก่อน แต่หนังไม่มาฉายในบ้านเรา มาแต่เพลงซึ่งเป็นเพลง disco ซึ่งเป็นแนวใหม่ของคณะ Bee Gees ที่ผมไม่เคยชอบ ผมชอบแนว ballad สมัยเก่าของพวกเขามากกว่า
ความจริงหนังมาฉายบ้านเรา แต่หลังจากนั้นหลายปีมาก น่าจะ 4-5 ปีนะผมว่า เป็นช่วงที่ผมทำงานแล้ว แล้วก็หมดยุค disco เปลี่ยนเป็น dance music บรรยากาศหนังก็เลยล้าสมัย หนังเข้ามาเงียบมาก เพื่อนถามว่าจะไปดูรึเปล่า ผมบอกไม่อาวววว
เรื่อง Grease นี่ ในบ้านเราเพลงเข้ามาก่อน มาเป็นชุดเลย เปิดกันกระหึ่มตามคลื่นวิทยุต่าง ๆ
แต่สำหรับผม ผมรู้เรื่องหนังจาก SP ซี้เก่าก่อนที่เพลงจะเข้ามาเสียอีก แค่อ่านก็อยากดู อยากดู Olivia Newton John ‘in motion’ ในยุคนั้นเห็นเธอแต่เพียงภาพนิ่งตามสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ แล้วก็หน้าปกแผ่นเสียง
ในช่วงเวลานั้นเหล่าดีเจกระหน่ำเปิดเพลง Don’t stop believin’ กับ Sam ของเธอ แล้ววันหนึ่งก็ได้ยินเพลงใหม่จังหวะติดหูของเธอ You’re the one that I want จังหวะมันมาก จากนั้นก็ตามมาอีกหลายเพลง
ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าเพลงเหล่านี้มาจากหนังเรื่อง Grease นส. SP ไม่ได้ให้รายละเอียดขนาดนั้น บรรดาดีเจวิทยุเป็นผู้ให้รายละเอียด ผมว่าความอยากดูหนังเรื่องนี้ของผมมีมากกว่าใคร ๆ คงด้วยประการฉะนี้ สรุปแล้วผมดูตั้ง 2 รอบ
แค่ฉากเพลงเปิดเรื่องซึ่งดังมากทางคลื่นวิทยุก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว
ตอนอยู่ในโรง ฯ ผมสงสัยว่าเพลง You’re ฯ จะโผล่ออกมาในฉากไหน โอ้โฮ... ท้ายเรื่องโน่นแน่ะ
เพลงดังที่ได้ยินทางคลื่นวิทยุที่โผล่ออกมาในหนังเป็นเพลงแรกกลับเป็น Summer night ที่ออกขายในตลาดหลังเพลงอื่น ๆ
อีก 1 เพลงดัง Hopelessly devoted to you แนวของ ONJ เธอเลยละ ที่จริงในต้นฉบับไม่มีเพลงนี้ในหนัง แต่ ผจก. ของ ONJ แต่งและเอาไปเสนอ
4 เพลงนี้ไม่ใช่ดังทางคลื่นวิทยุเท่านั้น ยอดขายมากขนาดกวาดแผ่นเสียงทองคำบ้าง ทองคำขาวบ้าง
เพลงนี้ Greased Lightin’ ดังน้อยที่สุด จังหวะแนววง Sha na na ข่าวบอกว่าตะแรก Jeff Conaway ตัวรองเป็นผู้ร้องซึ่งเธอรับบทนี้มาตั้งแต่เป็นละครเวที แต่แล้ว John Travolta ไปลอบบี้ผู้สร้างดึงมาให้ตัวเองร้องแทน (ผมละไม่เคยชอบหน้าหมอนี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งมาได้ข่าวแบบนี้ยิ่งไม่ชอบใหญ่)
เพลง Greased Lightin’ นี้ข้ามไปดังกว่ามากในฝั่งอังกฤษ รวมถึงเพลง Sandy ที่ดังในอังกฤษเช่นกันแต่ไม่ได้ปล่อยขายในอเมริกา
ฉากน่ารักที่ผมติดใจของ ผอ. McGee กับเลขา นักแสดงที่รับบท ผอ. คือ Eve Arden ดาราระดับยักษ์คนหนึ่ง (ได้ชิง Oscar) ในยุคทองของฮอลลีวู้ด
พอดูแล้ว 2 รอบ ตัวละครในหนังที่ผมชื่นชอบกลับไม่ใช่คู่ ONJ-JT (แบบว่าไม่ชอบ JT เป็นทุนอยู่แล้วน่ะ) แต่เป็นคู่รองคือ Stockard Channing กับ Jeff Conaway บุคลิกของทั้งคู่มีสีสันมากกว่า และผมว่า JC เท่เป็นแมนกว่า JT
SC ได้ร้องเพลงด้วยคือ There are worse things I could do ผมว่าเสียงของเธอเพราะมาก เธอเป็นนักแสดงระดับคุณภาพ Oscar (เข้าชิง) คนหนึ่ง
ส่วน JC เป็นนักแสดงที่โชคร้ายที่สุดในกลุ่มนักแสดง ข่าวเล่าว่าระหว่างการถ่ายทำฉากเพลง Greased Lightin’ เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหลังของเธอ ความเจ็บปวดทำให้เธอต้องกินยาแก้ปวดเพื่อให้การถ่ายทำดำเนินต่อไป กว่าจะเสร็จสิ้นเธอก็กลายเป็นคนต้องพึ่งยาและในที่สุดก็ติดยาเมื่อเธอไปยกกล่องขนาดหนักถึงกับทำให้หลังเดี้ยง ในบั้นปลายเธอกลายสภาพจากหนุ่มหล่อเป็นคนกึ่งพิการ และตายก่อนวัยอันควร (60 ขวบ – กรุณาหารูปดูเอาเอง ไม่อยากไปกวนภาพหล่อ ๆ ในใจ)
นักแสดงทุกคนแก่เกินกว่าอายุของตัวละครจริงในเรื่องซึ่งอยู่ในวัย ม. ปลาย SC นำโด่งด้วยวัย 33 ที่รับบทเด็ก ม. ปลายอายุ 17
ข่าวบอกอีกว่าแรกเริ่ม ONJ ไม่ใช่ตัวเลือกแรก ตัวเลือกแรกคือ Susan Dey ไม่ก็ Deborah Raffin แต่พอผู้สร้างไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดย Helen Reddy ซึ่งเชิญ ONJ มางาน พอได้เห็นบุคลิกของ ONJ ผู้สร้างก็เปลี่ยนใจกะทันหัน แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ HR ซึ่งเป็นเจ้าภาพงาน จึงต้องปรับความเข้าใจกับ HR ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าบุคลิกของตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากเกินกว่าที่จะมาปรับเป็นตัวละครเด็ก ม. ปลายในเรื่อง (แล้วตอนนั้นเธอก็มีลูกโตแล้วด้วย)
ตัวอย่างหนัง
เกร็ดเซ็ง ๆ คือ หลังดูหนังจบรอบแรกด้วยความประทับใจ ผมก็ร่อนไปร้านแผ่นเสียงเจ้าประจำที่บางรักเพื่อสั่งซื้อแผ่น พอแผ่นมาก็ไปรับ ปรากฏว่ามันเป็นแผ่นคู่ ความด้อยประสบการณ์ทำให้ผมลืมไปว่า singles มากมายขนาดนั้นมันไปรวมอยู่ในแผ่นเสียงแผ่นเดียวได้อย่างไร
สรุปว่าผมเอาตังค์ไปไม่พอ แผ่นคู่ราคาตั้ง +/-500 บาท แพงหูตูบ ในขณะที่แม่ให้เงินใช้เดือนละ 800 บาท ผมไม่ใช่ลูกเศรษฐีจะได้พกเงินเป็นฟ่อน
ผมเลยต้องกระโดดขึ้นรถเมล์กลับไปบ้านสะพานควายเพื่อไปทุบกระปุกเอาเงินเพิ่มแล้วกลับไปใหม่ หมดเวลาไปครึ่งค่อนวัน แต่ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อวางเข็มลงบนแผ่นแล้วเริ่มฟังเพลงโปรดนานาพร้อมกับดูภาพสวย ๆ บนปกแผ่นประกอบกัน
(หมายเหตุ - ถึงจะเป็นแผ่นคู่ราคาแพง แต่ยอดขายพุ่งเป็นพลุ ติดอันดับ 1 ของ Billboard อยู่ถึง 12 อาทิตย์แน่ะ)
จบด้วยฉากจบของหนัง เพลง We go together
(ขอนินทานิด เด็ก ม.ปลาย พวกนี้คงเรียนซ้ำชั้นกันหลายปีเลยดูแก่แรดกันหมด)