คงจะทำนองเดียวกันกับคนไทยใช้น้ำมันตานี แต่งผมให้อยู่รูปและเป็นเงางาม
จาก FB คนรักไม้ดอกหอมและเครื่องหอมไทย
"น้ำมันตานี"
น้ำมันตานีเป็นเครื่องหอมอีกชนิดที่สูญหายไปแล้วน้อยคนที่จะรู้จัก น้ำมันตานีเป็นน้ำมันใส่ผมของคนโบราณรุ่นปู่ย่า สตรีชาวสยามเมื่อ100ปีก่อนนิยมตัดผมสั่นทรงดอกกระทุ่ม การใช้น้ำมันลูบจัดแต่งทรงผมให้ได้รูปอยู่ทรงสวย ถือเป็นสิ่งจำเป็นกับสตรีทุกผู้ทุกนามไม่ว่าสาวหรือแก่ แต่งตัวนุ่งผ้าลายใส่เสื้อลูกไม้งดงามผมจับน้ำมันเงาวับกลิ่นหอมฟุ้งทีเดียว
น้ำมันตานีถือกำเนิดมาแต่ยุคไหนไม่ปรากฏหลักฐานชี้ชัดได้แต่ เท่าที่มีบันทึกไว้ในบันทึกของ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศ สตรียุคสุโขทัยแผ่นดินพระร่วงเจ้า นางได้จารบันทึกว่าสตรีนุ่งผ้าเนื้อตัวสะอาดผมลูบน้ำมันหอม
จึงเห็นชัดว่าน้ำมันใส่ผมมีมานานมากแล้ว
หรือไล่มาจนแผ่นดินกรุงศรี สาวๆชาววังก้อรู้จักการปรุงน้ำมันใส่ผมขึ้นไว้ใช้กันเองตามตำหรับโบราณ น้ำมันตานีเป็นของเหลวข้น มีกลิ่นหอมชื่นใจแบบโบราณ เด็กที่ไว้จุกตามขั้นตอนการเกล้าจุกก้อจะรูดผมด้วยน้ำมันตานีให้ขึ้นเงาแล้วเกล้าขมวดเป็นจุกทรงลูกจันทร์ไว้กลางกระหม่อมก่อนจะยึดตรึงไว้ด้วยปิ่น
ความนิยมการใช้น้ำมันตานีมีเรื่อยมาถึงกรุงรัตนโกสินท์ นิยมเรื่อยมาตลอด จนมาถึงช่วงรัชกาลที่๕ ทรงผมเริ่มรับอิทธิพลจากต่างชาติมีการไว้ผมยาวมากขึ้น ผมโปรง ผมทรงดอกกระทุ่ม การใช้น้ำมันตานีลูบผมจัดแต่งทรงให้เข้ารูปยังคงใช้กันอยู่ตลอดมา
น้ำมันตานีจะทำให้ผมดกดำเงางาม มีกลิ่นหอมชวนดม
"ต่อไปจะเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการปรุงน้ำมันตานีค่ะ"" (กระทิขั้นสด ดอกลำเจียก ดอกกระดังงาไทย ดอกมะลิ น้ำมันจันทร์ ผิวมะกรูดนิดหน่อย ขี้ผึ้งแท้เล็กน้อย )
ขั้นตอนนำกระทิสดๆตั้งไฟเคี่ยวไปจนแตกมันจนกลายเป็นขี้โล้คือเคี่ยวจนแห้งจนเหลือแต่น้ำมันบริสุทธิ์สีขาวใส นำมากรองกากออก จะได้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สีขาวใส
ขั้นตอนนี้ใช้เวลาในการทำนานค่ะคอยดูอย่าให้ไหม้จะมีกลิ่นไหม้ได้
ขั้นตอนคือไปฉีกดอกกระดังงาใส่ลงไปในน้ำมันมะพร้าว ดอกลำเจียกฉีกใส่ลงไป นำขึ้นตั้งไฟอ่อนเคี่ยวไปอีกนิดก้อยกลง ใส่น้ำมันจันทร์แท้กับน้ำมันลำเจียกลงไป๔-๕หยด แล้วถึงใส่ขึ้ผึ้งแท้นิดหน่อยอย่าใส่มากเวลาเย็นจะแข็งเกินไป น้ำมันตานีจะเหลวๆแต่จะไม่ใสจนแต่ะไม่ติดปลายนิ้ว ก่อนยกลงทิ้งไว้ให้เย็นถึงอบควั่นเทียนซัก๒รอบ อบด้วยดอกมะลิอีกซัก๑คืน เป็นอันเสร็จขั้นตอน
น้ำมันตานีจะต้องเนื้อสัมผัสเหมือนเราต้มไข่ตานีแล้วมีไข่แดงเป็นตานีเยิ่มออกมาแบบนั้นเลยค่ะ
ที่มาตามชื่อน้ำมันตานี คือลักษณะจะเหลวข้นเหมือนไข่ตานี เวลาจะใช้แต่ะมาลูบบนฝามือแล้วลูบฝามือก่อนจะไปลูบผม สรรพคุณ เป็นอันทราบกันดีว่าน้ำมันมะพร้าวบำรุงรากผมให้นุ่มสวยเงางามผมจะหงอกช้าถ้าใช้เป็นประจำ มะกรูดช่วยบำรุงรากผม ขี้ผึ้งแท้ทำให้หนังหัวเย็น อีกทั้งดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมจากธรรมชาติไม่มีเคมีใดๆทั้งสิ้น
คนโบราณหรือสาวชาววังผมหงอกช้ามากแก่แล้วผมยังดำธรรมชาติอยู่มีให้เห็นได้เมื่อ๑๐๐ปีก่อน
น้ำมันตานีทำเสร็จแล้วนิยมใส่โถ่ปริก เป็นโถ่โลหะลงยา เรียกโถ่ปริกมียอดสูงแหลม พอมาช่วงกลางรัชสมัยของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕ เครื่องแก้วสีจากยุโรปได้เข้ามานิยมจากสังคมชั้นสูง น้ำมันตานีจึงเปลี่ยนจากโถ่ปริกแบบดั้งเดิมมาใส่ในโถ่แก้วตลับแก้วเจียรไรแทนของเดิมที่ดูโบราณสำหรับสมัยนั้น
ความนิยมในน้ำมันตานี เริ่มเสื่อมและหมดสิ้นลงในยุคของรัชกาลที่๗ทรงผมดัดหยิกเริ่มเข้ามามากสตรีสาวๆรุ่นๆเลิกไว้ผมดอกกระทุ่มอีกเด็ดขาดหันมาไว้ผมยาวใช้คีมเผาไฟดัดให้หยิกเป็นลอนหยักเป็นคลื่น ซึ้งนิยมมากทั้งเจ้านายและชาวบ้านก้อนิยมและเริ่มเปลี่ยนกันมาแต่ครั้งแผ่นดินรัชกาลพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ไม่ทรงโปรดให้ไว้ผมสั้นข้าราชบริพาลฝ่ายในที่ใกล้ชิดต่างเริ่มไว้ผมบ๊อบยาวมากขึ้น แต่ก้อยังไม่มากเท่ายุครัชกาลที่๗
ยุคปลายๆรัชกาลที่๗ของนอกไม่ว่าจะน้ำอบฝรั่ง ลิปสติกแบบที่แหม่มชาวต่างชาติทาปากแดงกัน หรือแม้แต่เจลใส่ผมแบบฝรั่งที่นำเข้ามากลืนกินความนิยมของโบราณให้หายไปโดยสิ้นเชิง
ของใหม่จากเมืองนอกที่หรูหราและแพงถูกลดทอนคุณค่าของดั้งเดิมของไทยแท้จนหมด พอช่วงยุค2500 ชื่อของน้ำมันตานีก้อหายไปจากหูของคนไทยไปโดยปริยาย
เจลสีสวยจากเมืองนอกกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ในสายตาคนไทยที่เห่อของนอก ตั้งใจมานำเสนอให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นได้เห็นกันว่าของไทยแท้ดีที่สุด ใครยากลองทำลองทำใช้ก้อลองได้ค่ะไม่ยากจนเกินไป ดอกไม้ปลูกไว้เด็ดมาอบมาทำสดๆจะดีมากกว่าใช้ดอกไม้จากตลาดที่แช่สารเคมีมา ชอบในถูกใจแชร์ต่อได้ไม่ว่ากันค่ะ อยากให้คนรุ่นใหม่ๆได้รู้จักของไทยๆที่สูญหายไปแล้ว......."น้ำมันตานี"
https://www.facebook.com/618245741648114/posts/722591744546846/