กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระพริบ ที่ 23 เม.ย. 06, 23:57 จากกระทู้สมเด็จเจ้าพระยานะคะ
ที่คุณเทาชมพูยกบทกลอนมาค่ะ "เดี๋ยวขอเล่าถึงผ้าสมปักก่อน เรื่องนี้มาจากคำอธิษฐานของคุณพุ่ม กวีหญิงคนสวยฝีปากกล้าในสมัยรัชกาลที่ ๓ คำอธิษฐานนี้แต่งเป็นคำคล้องจองกัน จุดมุ่งหมายก็คือ"แซว" บุคคลที่ท่านเอ่ยถึง มีดังนี้ค่ะ -ขออย่าให้เป็นชิดของเจ้าคุณผู้ใหญ่ -ขออย่าให้เป็นคนใช้ของเจ้าพระยานคร -ขออย่าให้เป็นคนต้มน้ำร้อนของพระยาศรี -ขออย่าให้เป็นมโหรีของพระยาโคราช -ขออย่าให้เป็นสวาสดิของพระองค์ชุมสาย -ขออย่าให้เป็นฝีพายของเจ้าฟ้าอาภรณ์ -ขออย่าให้เป็นละครของแม่น้อยบ้า -ขออย่าให้รู้ชาตาเหมือนอาจารย์เซ่ง -ขออย่าให้เป็นนักเลงอย่างท่านผู้หญิงฟัก -ขออย่าให้เป็นสมปักของพระนายไวย -ขออย่าให้เป็นดอกไม้ของเจ้าคุณวัง " อยากทราบรายละเอียดน่ะค่ะ ว่าคุณพุ่ม ได้เขียนแซวใครบ้าง อย่างไรค่ะ ขอบคุณนะคะ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 เม.ย. 06, 09:47 - ขออย่าให้เป็นชิดของเจ้าคุณผู้ใหญ่
เจ้าคุณผู้ใหญ่หมายถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)สมุนายก ซึ่งเป็นแม่ทัพคู่บารมีในรัชกาลที่ ๓ ท่านเป็นคนดุ ไม่เห็นแก่หน้าใคร คนใกล้ชิดมักถูกเฆี่ยนหลังลายเสมอถ้ารับใช้ไม่ถูกใจ -ขออย่าให้เป็นคนใช้ของเจ้าพระยานคร นี่ก็คล้ายๆกัน คนใช้เจ้าพระยานครมักถูกลงโทษแปลกๆ เช่นพายเรือช้าไปท่านก็สั่งให้ฝีพายถองเรือ --ขออย่าให้เป็นคนต้มน้ำร้อนของพระยาศรี พระยาศรีสหเทพ (ทองเพ็ง) เป็นขุนนางใหญ่ที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงมีคนไปหาไม่ขาดสายทั้งวัน เมื่อแขกไปถึงทางบ่าวเจ้าของบ้านก็ต้องยกน้ำร้อนน้ำชามาต้อนรับ ใครเป็นคนต้มน้ำร้อนก็ต้องต้มกันทั้งวันไปจนดึกดื่น ไม่เป็นอันได้พักผ่อน -ขออย่าให้เป็นมโหรีของพระยาโคราช พระยาโคราช เจ้าเมืองนครราชสีมา อยากมีวงมโหรีในบ้านเหมือนขุนนางผู้ใหญ่ในกรุง แต่หาชาวกรุงไม่ได้ ท่านก็จับพวกข่าพวกลาวซึ่งเป็นเชลยมาหัดมโหรีแทน ฝีมือคงแย่เอาการ -ขออย่าให้เป็นสวาสดิของพระองค์ชุมสาย กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 เม.ย. 06, 09:48 หมายเหตุ: ที่ยกมาไม่ใช่กลอนค่ะ เรียกว่าคำคล้องจอง
แล้วจะมาต่อจนจบนะคะ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระพริบ ที่ 24 เม.ย. 06, 19:07 ขออนุญาต นั่งรอเลยนะคะ
กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 24 เม.ย. 06, 20:02 มานั่งรอด้วยคนครับ
เอ.. เคยทราบมาว่า สมัยนั้น ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือกัน เพราะเกรงว่าจะริไปตอบโต้เพลงยาวกับผู้ชายพายเรือ กรณีคุณพุ่มนี่เป็นข้อยกเว้นรึอย่างไรครับ? ผมเดา(เอาเอง)ว่าสมัยนั้นก็คงไม่ปลื้มเอาเท่าไหร่ที่คุณพุ่ม มาเป็นกวีหญิง เรียนรู้หนังสือเฉกเช่นเดียวกับผู้ชาย อาศัยดูจาก สมญานามที่คุณพุ่มได้รับ ว่า " บุษบาท่าเรือจ้าง" ต้องขอรบกวนอาจารย์เทาชมพู ช่วยให้ความเห็น และให้ความรู้ เสียแล้วล่ะครับ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 25 เม.ย. 06, 06:52 ถ้าจำไม่ผิด สมญานาม บุษบาท่าเรือจ้าง มาจากการที่ท่านอาศัยอยู่ในเรือนแพ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นการเรียกในทางลบ (ถ้าผิดพลาดอย่างไร อาจารย์เทาชมพูกรุณาแก้ให้ดิฉันด้วยนะคะ)
ท่านถวายบังคมลา จากการเป็นพนักงานเชิญพระแสงของรัชกาลที่สาม ไปเป็นหม่อมของพระปิ่นเกล้าฯ รัชกาลที่สามท่านประพันธ์กลอนบทนี้ เมื่อคุณพุ่มกลับมาอยู่ในวังหลวงเหมือนเดิมค่ะ เจ้าช่อมะกอก เจ้าดอกมะไฟ เจ้าเห็นเขางาม เจ้าตามเขาไป เขาทำเจ้ายับ เจ้ากลับมาไย เขาสิ้นอาลัย เจ้าแล้วหรือเอย กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 06, 09:00 เรื่องราวก็เป็นอย่างที่คุณ B เล่าค่ะ
สมญา "บุษบาท่าเรือจ้าง" ไม่ใช่คำดูถูกดูหมิ่น แต่เป็นเพราะเธออาศัยอยู่ในเรือนแพของพระยาราชมนตรี ผู้บิดา คุณพุ่มเป็นสาวสวย และสาวเปรี้ยวประจำยุค มีความรู้อ่านออกเขียนได้ แต่งกลอนได้ซึ่งนับว่าหายากในหมู่สตรีสมัยนั้น แพของคุณพุ่มมีเจ้านายหนุ่มๆเสด็จไปร่วมวงสักรวากันเป็นประจำ เช่นเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์(ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ) กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ เป็นต้น คุณพุ่มเข้ามารับราชการในราชสำนักรัชกาลที่ ๓ เป็นพนักงานเชิญพระแสง ตำแหน่งนี้ไม่ใช่เจ้าจอม หรือนางข้าหลวงอย่างแม่พลอย เป็นพนักงานฝ่ายใน อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าสิบสองนางพระกำนัล (อย่าเพิ่งขอให้อธิบายคำนี้ มีหนังสือแล้วค่ะแต่หายังไม่เจอตามเคย) เรื่องต่อไปก็เป็นอย่างที่คุณ B เล่า กลับมาเรื่องกระทู้ -ขออย่าให้เป็นสวาสดิของพระองค์ชุมสาย พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๓ (ต้นราชสกุลชุมสาย) สวาสดิในที่นี้หมายถึงมหาดเล็กคนโปรด กล่าวกันว่าใครเป็นมหาดเล็กคนโปรด ทรงใช้สอยบ่อยก็มีเรื่องให้กริ้วบ่อยพอกัน เวลาใช้ไม่ได้ดังพระทัย เลยโดนจำโซ่ตรวน แย่กว่าคนที่ไม่ได้โปรดปราน กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 06, 09:08 -ขออย่าให้เป็นฝีพายของเจ้าฟ้าอาภรณ์
เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ ประสูติแต่เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ต้นราชสกุล อาภรณกุล ว่ากันว่าฝีพายของพระองค์ต้องขานถี่และยาวกว่าฝีพายเรืออื่นเวลาเสด็จไปไหนมาไหน คงคอแหบคอแห้งไปตามๆกัน -ขออย่าให้เป็นละครของแม่น้อยบ้า แม่น้อยบ้าเป็นธิดาพระยานครราชสีมา(ทองอิน) เป็นเจ้าของโรงละคร ละครเจ้าอื่นพอเล่นเขารับเงินค่าจ้าง แต่ละครของแม่น้อยบ้าถึงไม่ได้เงินก็เล่น รับค่าว่าจ้างเป็นพริก กะปิ หอม กระเทียม อะไรก็ได้แล้วแต่คนจ้างจะให้ เอามาแจกตัวแสดง -ขออย่าให้รู้ชาตาเหมือนอาจารย์เซ่ง อาจารย์เซ่งเป็นหมอดู ใครไปดูก็ทำนายว่าดี คนก็เลยขึ้นกันมาก ในที่สุดแกลืมดูชะตาตัวเองหรือไม่ก็ดูไม่ถูก มีคราวหนึ่งถูกลงพระอาญา กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 เม.ย. 06, 09:14 -ขออย่าให้เป็นนักเลงอย่างท่านผู้หญิงฟัก
ท่านผู้หญิงฟักเป็นเมียของเจ้าพระยาท่านหนึ่งในรัชกาลที่ ๓ นิสัยชอบเล่นการพนัน เข้าไปเล่นในบ่อนเป็นประจำ วิธีหลอกดึงความสนใจของเจ้ามือคือนั่งโป๊ เปิดผ้าถุงให้ดูของดี เจ้ามือหลงดูทางนี้ พรรคพวกท่านผู้หญิงก็แอบโกงเจ้ามือได้ ทำเอาท่านผู้หญิงเล่นรวยไปเลย -ขออย่าให้เป็นสมปักของพระนายไวย อธิบายแล้วค่ะ -ขออย่าให้เป็นดอกไม้ของเจ้าคุณวัง " เจ้าคุณวังคือเจ้าจอมมารดาตานี ในรัชกาลที่ ๑ เกิดจากภรรยาเก่าของเจ้าพระยามหาเสนา(บุนนาค) ท่านเป็นช่างดอกไม้ ใครมีงานมีการก็ไปขอให้ท่านช่วยทำดอกไม้ ดอกไม้ในสวนของเจ้าคุณวังจึงถูกเด็ดตลอดเวลา ไม่มีโอกาสอยู่กับต้นจนบาน มีอีกข้อสุดท้ายค่ะ -ขออย่าเป็นระฆังวัดบวรนิเวศ สมัยรัชกาลที่ ๓ เจ้าฟ้ามงกุฎผนวชอยู่วัดบวรนิเวศ วัดอื่นตีระฆังกันแค่วันละ ๒ เวลา แต่วัดนี้พระองค์ท่านโปรดให้ตีระฆังเป็นสัญญาณวันละหลายครั้ง ระฆังวัดบวรเลยถูกตีแทบไม่ได้หยุด กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 25 เม.ย. 06, 09:16 ขอขอบพระคุณอาจารย์ กับคุณบี ครับที่หาเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน ประดับความรู้กัน
กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 25 เม.ย. 06, 21:21 "สมัยนั้น ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือกัน"
ผมขอแย้งความเห็นนี้ครับ ลองอ่านประวัติเจ้านายตั้งแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ลงมา ส่วนมากทีเดียวที่ทรงศึกษากับครูผู้หญิง จนถึงขึ้นสมุด จากนั้นจึงค่อยแยกวิชาเฉพาะ แต่เรื่องกลอนนี่ ก่อนโสกันต์ก็น่าจะทรงได้บ้างแล้ว ถ้าจะลองทำบัญชีกวีหญิงครั้งรัตน์โกสินทร์ ผมว่าจะได้ถึงสองโหลนะครับ แถมบางคน ไม่แพ้ผู้ชายเลย สุนทรภู่ยังยอมนะครับ และใครเอ่ย เป็นสตรีเพียงนางเดียว ที่ทรงโปรดให้ตรวจแก้ ลิลิตนิทราชาคริต อันนี้ขอเชิดชูกวีหญิงหน่อยนะครับ ถูกมองข้ามมาตั้งหลายร้อยปี กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 26 เม.ย. 06, 00:57 เดานะคะคุณ พิพาท
สมเด็จหญิงน้อยค่ะ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 26 เม.ย. 06, 05:14 เพิ่งเห็นว่าในความเห็นที่ห้าของดิฉัน ใช้ราชาศัพท์ผิด
ขอแก้ไขเป็น ทรงพระราชนิพนธ์ นะคะไม่ใช่ ประพันธ์ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 26 เม.ย. 06, 07:38 ลิลิตเรื่องนี้ พระราชนิพนธ์ตั้งแต่ยังหนุ่มฟ้อเชียวละครับ
กรรมการเป็นผู้ชายดูเหมือนจะสี่ เดี๋ยวจะไปหาหนังสืออ้างอิงมาเฉลย (อยู่ที่ทำงาน) ระหว่างนี้ เชิญร่วมสนุกกันต่อ ของรางวัลเป็นเพลงของครูมี(แขก) สนใจกันใหมครับ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 06, 08:12 "สมัยนั้นไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ"
หมายถึงชาวบ้านชาวช่อง ทั่วไปอย่างบรรพสตรีของเราๆนี่แหละค่ะ ไม่ได้หมายถึงเจ้านายฝ่ายใน มีกวีหญิง ๒ โหลต่อประชากรหญิงนับล้านทั่วประเทศ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วอาจจะต่ำว่า 1% นะคะ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: เวคิน ที่ 26 เม.ย. 06, 12:48 แล้วกลอนบทอื่นๆของคุณพุ่มล่ะครับไม่ทราบว่าพอจะหาได้ที่ไหน เคยไปที่หอสมุดฯ ก็ไม่มี ทั้งในห้องธรรมดาและห้องหนังสือเก่า
กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระพริบ ที่ 27 เม.ย. 06, 13:49 กลับมาอ่านแล้วค่ะ
ขอบคุ๕ คุณเทาชมพูอีกครั้งนะคะ ขอตอบคำถามคุณ pipat พระองค์เจ้าหญิงบุตรี หรือเปล่าคะ คุ้นๆ ว่าอ่านจากวิชาการนี่แหละค่ะ :) กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 27 เม.ย. 06, 20:37 เพื่อยืนยันว่าไม่มั่ว แบบโอเอเน็ต เชิญคุณดาวกระพริบเล่ารายละเอียดเพิ่มสักนิดนะครับ
กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระพริบ ที่ 28 เม.ย. 06, 21:25 แหะๆ ขอสารภาพว่า
จำได้เพียงเท่านี้ ที่จำพระนามท่านได้ เพราะมีเพื่อนรุ่นน้อง ชื่อบุตรีค่ะ ทราบแต่ว่าเป็นพระราชธิดาในพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ้าสอบ โอ เอเน็ต คอมพิวเตอร์คงไม่ตรวจข้อสอบให้แน่ๆ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: Rinda ที่ 29 เม.ย. 06, 11:57 อาจารย์สอนภาษาไทยของดิฉันเล่าว่า กวีในวังท่านหนึ่งมีฝีพระโอษฐ์คมคายมาก
สมัยยังสาว หากใครแซวท่าน ท่านทรงสามารถว่ากลอนสดโต้ตอบได้ที กวีท่านนั้นน่าจะเป็น พระองค์เจ้าหญิงบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา พระราชธิดาองค์เล็กใน ร. 3 (เป็นเพื่อนเล่นกับพระราชนัดดา 2 องค์ ที่ ร. 3 ทรงรับอุปการะ ด้วยกำพร้าพ่อคือ พระองค์เจ้าโสมนัสฯ และ หม่อมเจ้ารำเพย แต่องค์บุตรีแก่ชันษากว่า 6 ปี) ประสูติเมื่อวันอังคาร เดือน 8 บูรพาสาฒ ขึ้น 6 ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิศก จ.ศ. 1190 ในเจ้าจอมมารดาอึ่ง ธิดาเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) รัชกาลที่ 5 โปรดฯให้เป็นท้าวสมศักดิ์ และต่อมาทรงโปรดฯสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา อาทิอักษรวรรคศรี สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 12 แรม 12 ค่ำ ปีมะเมีย จ.ศ. 1269 พระชันษา 80 ปี พระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็นครูบาอาจารย์ สอนหนังสือในวังค่ะ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 29 เม.ย. 06, 12:28 น่ากลัวต้องแบ่ง CD เป็นส่องแผ่น แจกเสียทั้งคู่
กรมหลวงวรเสรฐสุดา ทรงได้รับยกย่องรองมาจากสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนฯ ใครตอบได้ใหมครับ ว่าเหตุผลเช่นไร ผมเคยมีบุญตา เห็นลายพระราชหัตถ์เลขา (ของจริง และทรงด้วยพระองค์เอง) ในรัชกาลที่ 5 สั่งพระองค์เจ้าประวิช(...กระมัง ไม่ได้สอบปี ท่านทรงไว้ลอยๆ อย่างนั้น) ให้จัดการเชิญกรมหลวงฯ ประพาสรถไฟ ตอนนั้นกรมหลวงวรเสรฐสุดาพระชันษามากแล้ว แต่อยากลองของใหม่ อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักใคร่ต่อกรมหลวงฯ เหมือนพวกเราคงอยากพาคุณยายไปดูปลาที่พารากอนมังครับ กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: Rinda ที่ 29 เม.ย. 06, 21:36 ว่ากันว่าสำนักตักศิลาของท่าน ถือว่าเป็นสำนักศึกษาแห่งแรกของพระราชกุมารพระราชกุมารี
ในรัชกาลที่ 4 และ 5 แทบจะทุกพระองค์ นอกจากนี้พระองค์ทรงเป็นราชนารีผู้ประเมินคุณสมบัติกุลสตรีไทย สมัยรัชกาลที่ 3 ราชสำนักมีการโล้สำเภาไปค้าขายไกลโพ้นยังแผ่นดินตงง้วน สร้างความมั่งคั่งมหาศาล เจ้าจอมมารดาอึ่ง แม่ของพระองค์บุตรี เป็นลูกเจ้าสัวโต (ภายหลังเป็นเจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินทรมหากัลยามิตร) ซึ่งโล้สำเภาเหมือนกัน และใกล้ชิดสนิทในฐานะข้าแผ่นดินของ ร.3 มั้กๆ ตั้งแต่ยังทรงเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เจ้าสัวโต จึงเป็นขรัวตา ของพระองค์บุตรีนั่นเอง เพราะพระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์สูง ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ "ลิลิตนิทราชาคริต" พระองค์เจ้าหญิงบุตรี เป็นกวีหญิงแต่เพียงพระองค์เดียว ที่ได้ทรงรับเลือกท่ามกลางจินตกวีชายให้เข้าร่วม ช่วยกันตรวจแก้ใบหน้าแท่น (ตรวจปรู้ฟ) ด้วยพระจริยาวัตรที่งดงามน่าชื่นชม และพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร ร.5 จึงโปรดเกล้าฯ สถาปนา ให้เป็น พระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา (พระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน) ลิลิตนิทราชาคริต (นิทรา=หลับ ชาคริต=ตื่น) ทรงใช้เวลา 29 วันในการนิพนธ์เพื่อประทานแจก พระบรมวงศานุวงศ์ในวันขึ้นปีใหม่ เมื่อเสร็จแล้วจึงให้กรมหลวงพิชิตปรีชากร เป็นผู้ชำระ ก่อนให้ พระศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจาริยางกูร) ตรวจอีกครั้งหนึ่ง มีโคลงเตือนสติสอนใจหลายท่อน ที่จำได้ตั้งแต่สมัยเรียนคือ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ความลับไม่มีในโลก เป็นคติที่นางจอบแก้ว ได้เตือนบุตรชาย อาบูหะซัน ตอนกำลังคลั่งให้ระมัดระวังวังคำพูดคำจา ดังในโคลงนี้ ผิวใครผู้อื่นอ้าง...........คำอัน นี้นา พ่อจักคิดฉันใด...........ดั่งนี้ กำแพงย่อมมีกรรณ.....คอยสดับ ดีชั่วใช่จักอั้น.............โอษฐ์เอื้อนออกเอง กระทู้: ขอเรียนถามคุณเทาชมพูและท่านอื่นๆ เกี่ยวกับบทกลอนของคุณพุ่ม กวีหญิงในสมัยร.3ค่ะ เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 29 เม.ย. 06, 21:54 ผมหมดตัวแน่ ต้องเพิ่ม CD เป็น 3 แผ่นซะแล่ว
อย่าเพิ่งจบนะครับ คุณ Rinda คงได้รับถ่ายทอดข้อมูลมาลึกซี้งมิใช่น้อย อย่าเก็บไว้คนเดียวนะครับ ขอบคุณล่วงหน้า |