เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อ ที่ 23 ก.ค. 02, 16:46



กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 23 ก.ค. 02, 16:46

ดูฟุตบอลมากไปหน่อยเลยนอนไม่หลับ ... ทำให้เกิดนึกอยากฟังนิทานก่อนนอนของเด็กๆขึ้นมา
ไม่ทราบเหมือนกันว่าสมัยนี้ยังมีการเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กๆฟังหรือเปล่า?
นิทานพวกนี้เกือบทุกเรื่องจะมีข้อคิดและคติสอนใจอยู่เสมอๆ

ใครมีนิทานสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็นนิทานพื้นบ้านของไทย หรือนิทานฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น
เอามาเล่าให้ฟังกันบ้างดีกว่าครับ ...

เอานิทานสำหรับเด็กของญี่ปุ่นมาให้อ่านกัน ค้นมาจากเว็ปนี้ครับ
 http://www.jinjapan.org/kidsweb/folk.html  มีน่าสนุกอยู่หลายเรื่องผมยังอ่านไม่หมดเลย
เอาเป็นว่าเล่าให้ฟังหนึ่งเรื่องก็แล้วกันคือเรื่อง Tsuru no Ongaeshi (หรือมีอีกชื่อหนึ่งคือ Yuzuru )
เป็นเรื่องที่เด็กๆในญี่ปุ่นรู้จักกันอย่างดีมีแสดงเป็นละครเวทีด้วย
Tsuru และ  Yuzuru หมายถึงนกกระสา Ongaeshi แปลว่าการตอบแทนความดีทำนองนั้น
เรื่องย่อๆ มีอยู่ว่า ...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีชายหนุ่มคนหนึ่งฐานะยากจน อยู่มาวันหนึ่งชายหนุ่มไปพบนกกระสาบาดเจ็บ
เนื่องจากถูกลูกศรของนายพราน ด้วยความสงสารเลยรักษาทำแผลให้แล้วปล่อยเจ้านกกระสาบินขึ้นฟ้าไป
ในคืนวันนั้นเองเมื่อเจ้าหนุ่มกลับมาถึงบ้าน เขาก็พบว่ามีสาวสวยนางหนึ่งยืนอยู่ที่หน้ากระท่อมของเขา
ยังไม่ทันที่เขาจะจีบ สาวเจ้าก็เอ่ยว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะพี่รูปหล่อ ตัวน้องเป็นภรรยาของพี่ค่ะ"
ชายหนุ่มประหลาดใจและกล่าวตอบว่า "อ้ายคนจนจำต้องทนปั้นรถถีบ ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูน้องสาวหรอก"
สาวสวยกล่าวว่า "ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ชาย น้องมีข้าวสารติดตัวมาหลายกระสอบ" ว่าแล้วหล่อนก็เข้าครั้วทำกับข้าว
ฝ่ายเจ้าหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยตามเลยรับสาวน้อยเป็นภรรยาและอยู่กินด้วยกันอย่างมีความสุข ...

อยู่มาวันหนึ่งภรรยาสาวขอร้องให้ชายหนุ่มสร้างห้องทอผ้าให้เธอ เมื่อชายหนุ่มสร้างเสร็จ
เธอขอให้ชายหนุ่มสัญญาว่า "ระหว่างที่เธอกำลังทอผ้าห้ามชายหนุ่มเข้ามารบกวนเป็นอันขาด"
ชายหนุ่มก็รับคำ หลังจากนั้นเธอก็หายเข้าไปในห้องเป็นเวลาหลายคืน และกลับออกมาด้วยความหนื่อยอ่อน
ร่างกายผอมซูบลงจนเจ้าหนุ่มตกใจ สาวสวยยืนผ้าที่หล่อนทอเสร็จให้เจ้าหนุ่มดู ซึ่งเป็นผ้าที่สวยงามมาก
อย่างที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวบอกให้ชายหนุ่มนำผ้าไปขายในตลาด ซึ่งเขาก็ขายได้ราคาแพง
หลังจากนั้นฐานะของชายหนุ่มก็ร่ำรวยขึ้นทันตาเห็น

ผ่านไปหลายเดือนเจ้าหนุ่มเก็บความสงสัยไว้ไม่ใหวผิดสัญญาแอบดูภรรยาทอผ้า
แต่แทนที่จะพบภรรยาตัวเอง กลับกลายเป็นนกกระสากำลังดึงขนตัวเองออกมาทอผ้า
เมื่อนกกระสาเห็นชายหนุ่มผิดสัญญาจึงบอกกับว่า ตัวหล่อนนั้นเป็นนกที่เจ้าหนุ่มช่วยเหลือไว้
ซาบซึ้งในความมีเมตตาเลยมาตอบแทนบุญคุณ แต่วันนี้ชายหนุ่มผิดสัญญาหล่อนจึงจำใจต้องขอลา
ว่าแล้วหล่อนก็ให้ผ้าผืนหนึ่งกับเจ้าหนุ่มไว้เพื่อดูต่างหน้า แล้วก็บินหายลับไปไม่กลับมาอีกเลย
พ่อหนุ่มของเราเลยต้องหุ่มผ้าแก้หนาวแทนที่จะมีสาวไว้ให้กอด .... เรื่องก็จบด้วยประการชะนี้เอย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ควรจะทำดีให้สม่ำเสมอ ชายหนุ่มทำดีมีเมตตาในตอนแรกช่วยเหลือนกที่บาดเจ็บ เลยได้รับผลดีตอบแทน
แต่เมื่อเขาได้ดีแล้ว กลับผิดสัญญา เลยต้องสูญเสียภรรยาไป
เหมือนกับหลายคนเมื่อมีชื่อเสียงประสบความเร็จมีฐานะร่ำรวยนิสัยใจคอเปลี่ยนไป
ลืมความดีที่ตัวเองเคยมีก่อนที่จะร่ำรวยถูกไป สุดท้ายก็ตกต่ำลง เราจึงควรจะรักษาความดีไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ...

เล่าจบได้ก็ง่วงพอดี ไปนอนดีกว่า ... หุๆๆๆ  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: สร้อยสน ที่ 17 มิ.ย. 02, 11:34
 คุณภังคี มาอ่านหรือเปล่าคะ เรื่องนี้ ผู้ชายอยากรู้อยากเห็นมั่งล่ะ เห็นมั้ย


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 17 มิ.ย. 02, 12:54
 คุณสร้อยสนพูดถูกใจจังค่ะ      
คุณจ้อคะ ทองรักมีนิทานชาวเกาะทะเลใต้ เรื่อง "นางเงือก" ค่ะ แต่ขอผลัดเป็นตอนกลางคืนนะคะ  จะเอาแปะให้อ่านกัน
จะได้สมชื่อกระทู้หน่อยค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 17 มิ.ย. 02, 18:35

มีนิทานชาวเกาะทะเลใต้ เรื่อง "นางเงือก" มาฝากค่ะ  เก็บความมาจากนิทานมหัศจรรย์ของ ส.พลายน้อย
ใช้เล่าให้สองสาวน้อยที่บ้านฟังอยู่บ่อย ๆ

นานมาแล้วที่เกาะกวม มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งชื่อไซรีน อาศัยอยู่กับมารดาในกระท่อมใกล้ลำธาร ซึ่งมีน้ำลึกไหลอยู่เสมอ  ไซรีน เป็นคนชอบเล่นน้ำ เธอจะขึ้น ๆ ลง ๆ ในลำธารนี้ตลอดทั้งวัน    ในขณะที่แม่ของเธอต้องทำงานหนักทั้งงานในบ้านและงานในไร่ แม่เคยเรียกให้ไซรีนมาช่วยทำงานอยู่บ่อย ๆ  แต่ทุกครั้งที่แม่เรียกไซรีนมักจะขานรับมาจากลำธารบ้าง หรือบางครั้งเมื่อว่ายน้ำออกไปไกล ๆ เธอก็จะไม่ได้ยินที่แม่เรียกเอาเลย

วันหนึ่งเมื่อแม่เรียกไซรีน แต่ไม่มีเสียงตอบ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่  ไซรีนจึงกลับมา  แม่จึงถามว่า ไปอยู่ที่ไหนมา เมื่อได้คำตอบว่า ไปว่ายน้ำ ทำให้แม่รู้สึกโกรธมาก จึงเผลอดุไปว่า  มัวแต่ว่ายน้ำอยู่นั่นแหละ  แม่ว่าในไม่ช้านี่แหละ แกจะต้องกลายเป็นปลาไปแน่ ๆ จะได้ว่ายน้ำได้ตามสบาย

ในขณะที่แม่กำลังดุว่าลูกสาวอยู่นั่นเอง นางฟ้าประจำตัวไซรีนได้ปรากฎกายขึ้น แล้วบอกว่า ได้ยินที่แม่ดุไซรีนแล้ว  แต่นางฟ้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเป็นอันขาด   แม่ของไซรีนรู้สึกตัวก็เกิดอาการตกใจ  และได้สติคิดถึงสิ่งที่ตนพูดออกไปแล้ว จึงอ้อนวอนนางฟ้าให้ช่วยไซรีนด้วยเถิด  

นางฟ้าได้แต่บอกว่า มันสายเกินไปที่จะช่วย  ในเมื่อแม่ของ   ไซรีนได้พูดไปเช่นนั้นแล้ว นางฟ้าทำได้แค่ผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้นคือ ร่างกายครึ่งหนึ่งของไซรีนจะเป็นคนตามที่นางฟ้าปรารถนา  แต่ร่างกายอีกครึ่งหนึ่ง  จะกลายเป็นปลาตามที่แม่แช่งไว้  ว่าแล้วก็ร่ายมนต์ไปที่ร่างของไซรีน

ก่อนที่แม่จะทันพูดอะไรออกมา ไซรีนก็กระโจนลงน้ำไป  ทันใดนั้นร่างกายท่อนล่างของเธอก็กลายเป็นปลา      แต่เธอกลับดูร่าเริงและมีความสุขดี  เธอว่ายน้ำออกไปอย่างรวดเร็ว แถมยังอยู่ในน้ำได้นาน ๆ อีกด้วย ไซรีนจึงว่ายน้ำต่อออกไปในทะเล  พวกหาปลาชาวเกาะกวมเคยเห็นเธอที่โน่น ที่นี่ อยู่เสมอ      แถมบางทียังได้ยินเสียงเธอร้องเพลงอีกด้วย (ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่คุณเทาชมพูเล่าไว้ในกระทู้ก่อนหรือเปล่านะคะ)
แต่คนที่ไม่เคยเจอเธออีกเลยก็คือแม่ของเธอนั่นเอง

นิทานเรื่องนี้ไม่มีคำสอนค่ะเล่าให้ฟังเพลิน ๆ ก่อนนอนเท่านั้นเอง


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 18 มิ.ย. 02, 05:51
 ชอบฟังครับนิทานก่อนนอนเนี่ย
ผมชอบหมดเลยทั้งเรื่องเจ้าชายกบ นิทานอีสปอย่างเรื่อง เต่ากับกระต่าย หรือ โคนันทวิศาลของไทยเรา
นิทานของญี่ปุ่นก็ฟังดูสนุกดี
หรือจะเป็นนิทาน คนตัดไม้กับเทพารักษ์ก็มีคติสอนใจดีครับ
ตำนานของญี่ปุ่น ตัวแรคคูน สุนัขจิ้งจอก หรือนกกระสามักจะแปลงร่างเป็นหญิงงามได้
แต่ถ้าเป็นสุนัขจิ้งจอก มักจะเป็นผู้ร้าย


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 18 มิ.ย. 02, 07:11
 หนูไม่ดื้อ หนูไม่เถียง หนูจาฟังนิทานต่อจ้ะ    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 18 มิ.ย. 02, 07:19
 อิอิ กระทู้นี้ชื่อนิทานก่อนนอนจ้ะ เล่าตอนเย็น ๆ เท่านั้น
(เด็ก ๆ ห้ามนอนดึก เป็นอันตรายต่อสุขภาพนะจ๊ะ)    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 18 มิ.ย. 02, 21:13
 มีใครเคยฟังนิทานเรื่องตำนานดอกทานตะวันบ้างไหมคะ
ทองรักจำได้แค่ว่า ดอกทานตะวันเมื่อก่อนนี้คือหญิงงามชื่อว่า "นางไคลตี" (ไม่ใช่ใครตี หรือตีใครนะคะ) แล้วไปยังไง มายังก็จำไม่ได้แล้ว ตอนหลังนางไคลตีกลายเป็นดอกไม้ที่หันหน้าตามดวงตะวันอยู่ตลอด ชื่อว่า "ทานตะวัน" ถ้าใครเคยฟังแล้วยังจำได้  วานเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ อยากฟังทบทวนความจำอีกรอบนึงน่ะค่ะ มีทานตะวันดอกงามมาให้เป็นของแลกเปลี่ยนกับคนใจดีค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 19 มิ.ย. 02, 06:49
 ผมจำได้นิดหน่อยครับ ว่าเธอเป็นสาวน้อยมีชีวิตใต้มหาสมุทร วันหนึ่งเกิดนึกสนุกขึ้นมาบนพื้นดิน เกิดปิ๊งดวงอาทิตย์ตั้งแต่แรกเห็น(คงเห็นหล่อแบบอพอลโลมั้ง) ก็เลยปักหลักจ้องดูไม่ยอมเคลื่อนไปไหน  ร่างกายก็เลยกลายเป็นดอกทานตะวัน

นำมาขยายยาวๆคงเป็นเรื่องรักโรแมนติกได้เนาะ    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 19 มิ.ย. 02, 14:17
 ชอบรูปดอกทานตะวันของคุณทองรัก สวยชัดดีค่ะ  นิทานที่คุณทองรักพูดถึงลิตเติ้ลยังไม่เคยฟังเลยค่ะ  แต่สมัยเรียนประถมลิตเติ้ลเคยดูหนังดังวันอาทิตย์ช่อง7เรื่องข้างบนที่พี่จ้อ เอามาเล่า


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 19 มิ.ย. 02, 21:25
 ขออนุญาตยึดกระทู้คุณจ้ออีกวันนะคะ
ประทับใจนิทานเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นมากค่ะ เลยอยากนำมาเล่าต่อให้ฟัง
บางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วก็ได้  เป็นโศกนาฏกรรมความรักระหว่างนางฟ้ากับหนุ่มเดินดินค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า นางฟ้าชื่อทานาบาตะ (Tanabata)  บังเอิญลงจากสวรรค์มาแอบเล่นน้ำในสระบนโลกมนุษย์ แล้วกลับขึ้นไปบนสวรรค์อีกไม่ได้ เนื่องจากมีชายหนุ่มคนหนึ่งมาพบเสื้อคลุมที่ทอด้วยขนนกของเธอ  แล้วเก็บเอาไว้ทำให้เธอกลับขึ้นไปสวรรค์ไม่ได้   จึงจำใจต้องอยู่บนโลกมนุษย์นั่นเอง ต่อมาเธอได้แต่งงานกับชายหนุ่มและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาอย่างมีความสุข   จนเวลาผ่านไปหลายปีขณะที่ชายหนุ่มออกไปทำงานนอกบ้าน เจ้าหญิงบังเอิญไปค้นพบเสื้อของเธอที่ชายหนุ่มเก็บซ่อนเอาไว้  เธอจึงหยิบมาสวมใส่แล้วก็เตรียมโบยบินกลับไปสู่สวรรค์ดังเดิม ทว่าสามีของเธอกลับมาพบเข้าเสียก่อน  เธอจึงได้แต่บอกเขาว่า…..ถ้ารักเธอจริงให้เขาพยายามสานรองเท้าด้วยฟางให้ได้ครบ 1,000 คู่ แล้วเผารองเท้าทั้งหมดนั้นรอบ ๆ ต้นไผ่  จะทำให้เขาและเธอได้พบกันอีก  ส่วนตอนนี้เธอจะต้องขึ้นไปรอเขาก่อนบนสวรรค์  สามีหนุ่มถึงจะเศร้าเสียใจเพียงใดก็ต้องพยายามทำตามที่ภรรยาบอกไว้  วันเล่าวันเล่าที่เขาพยายามถักทอรองเท้าจากฟางข้าวจนครบ 1,000 คู่ แล้วจึงนำไปเผาอย่างที่ภรรยาสุดที่รักสั่งไว้   ในขณะที่เผารองเท้านั้นต้นไผ่ก็เริ่มโตและสูงขึ้น ๆ ๆ เรื่อยจนเขาสามารถที่จะปีนขึ้นไปถึงบนสวรรค์เพื่อจะไปพบกับทานาบาตะ   แต่อนิจจา เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง หรือเพราะความสะเพร่าก็เหลือจะเดา  เขาถักรองเท้าได้ไม่ครบค่ะ  ได้แค่ 999 คู่เท่านั้น ต้นไผ่ก็เลยไม่โตมากพอที่จะไปถึงที่อยู่ของเจ้าหญิงได้ จึงได้แต่ร่ำร้องเรียกเธออยู่อย่างนั้น  เจ้าหญิงได้ยินเสียงร้องเรียกของสามี  จึงมาพบเข้าแล้วเอื้อมมือฉุดเขาขึ้นไปบนสวรรค์


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 19 มิ.ย. 02, 21:43
 แต่อุปสรรคยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ ชายหนุ่มพบอุปสรรคยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาทั้งหมด นั่นคือ พ่อของทานาบาตะ ซึ่งไม่ยินดีเลยที่ลูกสาวไปรักกับหนุ่มเลี้ยงแกะ เลยเริ่มปฏิบัติการลองใจลูกเขยด้วยการให้ลูกเขยไปเฝ้าสวนแตงเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนค่ะ พร้อมกับสั่งว่าในระหว่างนั้นห้ามรับประทานแตงเหล่านั้นแม้แต่ผลเดียว (ผู้ที่เคยไปญี่ปุ่นมาแล้วคงจะทราบว่ารสชาติแตงญี่ปุ่นนั้นหอมหวานเพียงไร) ไม่อย่างนั้นแล้วท่านพ่อตาไม่รับประกันความผิดหวังค่ะ  ชายหนุ่มสู้อดทนจนวันที่ 3 ผ่านไปเกือบสิ้นวันแล้ว เขากลับรู้สึกตัวว่าหิวและกระหายจนทนไม่ได้  คิดในใจว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วน่า เด็ดมาหม่ำซักลูกหนึ่งคงไม่เป็นไร  คิดแล้วก็เด็ดแตงมา 1 ลูกจัดแจงผ่าครึ่งหวังจะหม่ำซะให้หายหิว แต่กลับกลายเป็นว่าทันทีที่ผ่าแตงออกมากลับมีน้ำพุ่งออกมาจากผลแตงมากมายจนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่กั้นขวางเขาเอาไว้จากภรรยา  (สงสัยจะเป็นอิทธิฤทธิ์ของพ่อตาเป็นแน่)  ทั้งคู่เศร้าเสียใจมากได้แต่เฝ้ามองกันอยู่อย่างนั้นจากสิ้นอายุขัย (ของชายหนุ่ม) แล้วจึงไปจุติเป็นดาวอยู่คนละฟากฝั่งของทางช้างเผือก ถึงตอนนี้พ่อตาเริ่มใจอ่อนลงมาหน่อยแล้วค่ะ เลยอนุญาตให้ทั้งสองมาพบกันได้ปีละหนึ่งครั้ง  ในคืนวันที่ 7 เดือนที่ 7 ของทุกปี …….
ถึงตอนนี้ใครที่เคยอ่านคู่กรรมคงพอจำได้แล้วนะคะ ทองรักรู้เรื่องนี้ครั้งแรกก็จากที่โกโบริเล่าให้อังศุมาลินฟังนั่นแหละค่ะ  แต่เรื่องย่อที่เล่าให้ฟังข้างบนนั่นได้มาจากเว็บเดียวกับของคุณจ้อนั่นแหละ  เพื่อนที่จบจากญี่ปุ่นเคยเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนั้ที่ญี่ปุ่นมีการเฉลิมฉลองเทศกาลทานาบาตะ.... นี่ด้วยค่ะ ถ้ามีคนสนใจจะไปค้นมาเล่าต่อนะคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 20 มิ.ย. 02, 08:15
 เรื่องตำนานรักทางช้างเผือกนี้เป็นตำนานเก่าแก่ของจีนครับ
มาจากปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ดาวVega กับ Altair จะมาใกล้กันในวันที่ 7 กรกฎาของทุกปี
Vega และ Altair กับดาวอีกดวงหนึ่งชื่อว่า Deneb จะอยู่กลางท้องฟ้าในช่วงฤดูร้อนในซีกโลกเหนือ
เรียงตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยมที่เรียกว่า สามเหลี่ยมฤดูร้อน หรือ The Summer Triangle ครับ
(ถ้าพี่พวงร้อยผ่านมา จะช่วยเพิ่มเติมด้วยก็จะดีมากๆครับ)

ตำนานจีนมีอยู่ว่าธิดาสวรรค์ชื่อว่า Zhinu เกิดหนีลงมาเที่ยวแล้วพบรักกับหนุ่มซึ่งเป็นคนเลี้ยงสัตว์
ชื่อว่า Niulang ... พอจักรพรรดิ์สวรรค์ทรงทราบเรื่องเข้าเลยส่งองค์รักษ์มาจับตัวเทพธิดากลับสวรรค์
ฝ่ายชายหนุ่มซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก"เทพเจ้าวัว" พาขี่หลังขึ้นมาบนท้องฟ้า
แต่โชคร้ายไม่สามารถที่จะข้ามแม่น้ำสวรรค์ (ทางช้างเผือก) ไปหาภรรยาของตนได้
ฝ่ายนาง Zhinu ก็ซึมเศร้าเหงาหงอย ตรอมใจแต่พระราชบิดาก็ไม่สงสาร
จนอยู่มาวันหนึ่งมีเทพเจ้าอีกองค์เกิดเมตตาสงสาร ไปขอร้องจักรพรรดิ์ให้
ทั้งสองได้พบกันปีละหนึ่งครั้ง คือวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี .....  ตามตำนานบอกว่า
นกสาลิกาดงจากทั้งสองฝั่งแม่น้ำสวรรค์จะปินขึ้นท้องฟ้าสร้างเป็นกำแพงให้คู่ข้ามมาพบกัน

ว่ากันว่าในเมืองจีนหากเด็กๆเห็นนกสาลิกาดงในวันที่ 7 กรกฎาคมละก็ จะเอาก้อนหินเขวี้ยงใส่
เหตุเพราะว่า เจ้านกพวกนี้เห็นแก่ตัวไม่ยอมไปทำหน้าที่เป็นสะพานรัก ... เป็นงั้นไป :)

อ่านเรื่องย่อได้จากเว็ปนี้ครับ
 http://www.span.com.au/100women/14.html
อีกตำนานหนึ่งคล้ายๆกัน
 http://www.geocities.com/CapeCanaveral/Launchpad/2930/lore32298.html


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 20 มิ.ย. 02, 21:48
 มาแอบฟังนิทานค่าา    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 21 มิ.ย. 02, 16:42
 ขอเสนอเรื่องกั๊บ
นิทาน สายฝน ความรัก

เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำเป็นเพื่อนรักกันทั้งสามอยู่ใกล้ชิดกัน
จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้นแผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์
จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจและถอยตัวห่างออกไป....
... ห่างออกไปทุกที ทุกทีจนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน
แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล...

แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้าแต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า ...นกก็บินสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก
แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป...ไปไม่ถึงท้องฟ้าแต่นกก็สัญญาว่า....ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอกผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล
และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน....
ผืนน้ำพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่านแต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอดก็บอกกับทั้งสองว่า
"เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วยโดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน
ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยตัวไปรวมกันเป็นก้อนเมฆ
ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่าง ๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา
และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมากอยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจแต่ก็กลับลงไปไม่ได้
"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้นและอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว
ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวางที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกล ๆ
และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าวแต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่าฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"
ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นาน ๆ ก็เหงาเหมือนกัน
บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง "ท้องฟ้าเลยบอกว่า"ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้
แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งกลับลงไป
และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกันและรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า
แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งความรักความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ จึงไม่แปลก
ถ้าเมื่อใดฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารักคนที่เราผูกผัน .........และบางครั้ง
ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย.......  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 21 มิ.ย. 02, 16:45
 ขออภัยผู้อ่านทุกทันค่ะที่ทำบรรทัดซิกแซก    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: nekoi ที่ 21 มิ.ย. 02, 19:32
 ว้าว เหมือนกลับเป็นเด็กเลย ชอบมาก ๆ ค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 02, 10:59
 นิทานเรื่องนี้มาจากเบงคลี
 เป็นเรื่องของช้างบินได้ ก็เลยขอยืมภาพเจ้าดัมโบ้มาเป็นภาพประกอบค่ะ

ครั้งหนึ่ง มีเจ้าของไร่คนหนึ่งปลูกพืชผลได้งามดี
อยู่มาคืนหนึ่ง เจ้าของไร่ได้ยินเสียงสวบสาบในไร่  ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็พบว่าฟักแฟงแตงร้านที่ปลูกไว้ถูกถอนหักยับไปเยอะ   มีรอยเท้าช้างเข้ามาเหยียบย่ำ แล้วหายไปไหนก็ไม่รู้
ด้วยความเจ็บใจ   แกก็ซุ่มดูในคืนต่อมา  เผื่อเจอจะได้เล่นงาน
พอตกดึกก็เห็นช้างตัวหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า ลงมาหักถอนพืชผลกินตามสบาย  จนพอใจแล้วก็เหาะกลับขึ้นไป
เจ้าของสวนหายตะลึงก็วิ่งเข้าไปคว้าหางช้างไว้  ช้างเหาะขึ้นแกก็เลยได้บินตามช้างขึ้นไปด้วย

ช้างบินขึ้นไปถึงบนสวรรค์  บนนั้นมีไร่เหมือนกัน  แต่พืชผลบนสวรรค์งามกว่าในมนุษย์มาก
เจ้าของสวนก็โดดลงไปบนไร่ เที่ยวเดินดูจนทั่ว ด้วยความตื่นตาตื่นใจตลอดคืน  

พอช้างบินลงมาแกก็จับหางช้าง ดิ่งลงมาด้วย แล้วกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ด้วยความอดไม่ได้แกก็ไปคุยให้เพื่อนบ้านฟัง  
ใครต่อใครไม่เชื่อแกก็ท้าให้ขึ้นไปพร้อมกัน
พอช้างลงมาในคืนต่อไป   แกก็คว้าหางช้างไว้ เพื่อนบ้านก็เกาะแกไปเป็นพรวน

ทุกคนตื่นเต้นกันมาก  ระหว่างเหาะขึ้นไปก็คุยกันไม่หยุดปาก   แกคุยว่าแตงบนสวรรค์ลูกใหญ่มาก  
เพื่อนบ้านอยากเห็นว่าขนาดแค่ไหน  ก็เซ้าซี้ถามไม่หยุด

เจ้าของไร่รำคาญ เลยกางมือออกให้ดู บอกว่า "ขนาดนี้แน่ะ"
ผล...ก็เลยร่วงลงมากันหมด ช้างก็เหาะหนีไป
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมีโอกาสขึ้นสวรรค์อีกเลย  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 23 มิ.ย. 02, 20:29
 วันนี้บรรยากาศในนี้เงียบเหงาจังค่ะ
ไม่มีใครใจดีผ่านมาเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังบ้างหรือคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 24 มิ.ย. 02, 11:32
 ลิตเติ้ลอาสาเล่าเองค่ะ  เรื่องนี้น่ารักนะคะ  

เจ้าหญิงก้อนหินกับเจ้าชายหยดน้ำ"

      หลังจากผิดหวังในความรัก เจ้าหญิงก็เสียใจ นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว จนร่างกายค่อยๆ กลายเป็นหิน



ชายใดสามารถทนกอดก้อนหินได้ด้วยความรักจริง

ก้อนหินจะกลับมาเป็นเจ้าหญิงงดงามดั่งเดิม



เจ้าชายน้ำหยดอ่านแผ่นป้ายหน้าก้อนหินรูปทรงประหลาดอย่างสนใจ



"ต้องกอดนานเท่าไหร่" เจ้าชายถามคนเฝ้าก้อนหิน



"ไม่รู้... เพราะยังไม่มีใครทนกอดได้สำเร็จสักคน"



คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่เงยหน้า



"เราจะกอดเจ้าหญิงเอง"



แล้วเจ้าชายก็ค่อย ๆ นั่งลงบรรจงกอดก้อนหินอย่างทะนุถนอม



..........



หนึ่งปีผ่านไป เจ้าชายน้ำหยดยังกอดก้อนหินอยู่



"นี่ท่านยังกอดก้อนหินอยู่อีกหรือ" คนเฝ้าก้อนหินรู้สึกทึ่งกับความอดทนของเจ้าชาย



"ท่านทำได้อย่างไร"



"เพราะข้าอยู่กับปัจจุบัน" เจ้าชายเห็นคนเฝ้าก้อนหินงง



เจ้าชายจึงอธิบายต่อ "ถ้าท่านกอดก้อนหิน หนึ่งวัน ท่านทำได้หรือไม่"



"สบายมาก"



คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่ต้องคิด "แล้วถ้ากอด สองวัน ล่ะ"



"อาจเริ่มเบื่อนิดๆ"



"แล้วถ้า สามวัน สี่วัน หรือสิบวันล่ะ"



"ไม่เอา ข้าไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอก"



"นั่นเพราะท่านไม่อยู่กับปัจจุบัน...ท่านคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าไม่ไหว"



"ไม่เข้าใจ"



"ในเมื่อท่านบอกว่ากอดก้อนหินหนึ่งวันได้สบายมาก พรุ่งนี้หรือวันต่อไป

มันจะต่างกันตรงไหน มันก็เป็นแค่ หนึ่งวัน ที่ผ่านไปเช่นเดียวกัน"



เจ้าชายลูบก้อนหินราวกับมีชีวิต



"ในสายตาท่าน อาจจะเห็นว่าข้ากอดก้อนหินนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปี

แต่ในความรู้สึกข้า ข้าเพิ่งกอดเจ้าหญิงผ่าน 'หนึ่งวัน'

มาแค่ 365 ครั้งเท่านั้นเอง"



"ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะ ข้าต้องการรู้แค่ว่า

ที่ท่านกอดก้อนหินเพราะท่านรักเจ้าหญิงจริง ๆ หรือเพราะต้องการเอาชนะ"



"ข้ารักจริง" ปากเจ้าชายตอบโดยมือยังไม่คลายกอดจากก้อนหิน



"เอาอย่างนี้ละกันท่าน... นั่นน่ะมันแค่ก้อนหิน ส่วนข้าสิ 'เจ้าหญิง' ตัวจริง"



คนเฝ้าก้อนหินลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อผ้าชุดมอมแมมออก



"ข้าว่า... ท่านมากอดข้าดีกว่า"



......... ตกลงเลยไม่รู้ว่าจะให้เจ้าชายดีใจ

หรือกระโดดเตะเจ้าหญิงดี.................



   


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 24 มิ.ย. 02, 11:49
 กำลังคิดอยู่เชียวว่าจะไปตามหาเจ้าชายแบบนี้ได้ที่ไหน
คุณลิตเติ้ลหักมุมตอนจบซะทองรักตามไม่ทันเลยค่ะ
อารมณ์โรแมนติกหายไปทันที กลายเป็น      
ขอบคุณนะคะ คนใจดี


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: สร้อยสน ที่ 24 มิ.ย. 02, 13:32
 หนุ่มใหญ่ตรงนี้ เขาบอกว่าถ้าเขาเป็นเจ้าชายก๊จะหอมแก้มเจ้าหญิงหนึ่งที(หรือหลายๆที)ทีเลิกหลอกให้กอดก้อนหินต่อไม่เตะเจ้าหญิงหรอกค่ะ พิสูจน์รักแค่นี้เรื่องเล็ก ท่านว่างั้น
เรื่องน่ารัก คนเล่าก็เล่าเก่งมากค่ะลิตเติ้ล


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 25 มิ.ย. 02, 06:39
 ช่ายแล้วหนู ทองแท้ไม่กลัวไฟลนนะจ๊ะ เจ้าหญิงน่ารักออก ขี้เล่นดีจัง


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 25 มิ.ย. 02, 12:29

ดีใจค่ะที่ยังมีคนมาอ่านนิททานอยู่  วันนี้ยึดกระทู้อีกวันดีกว่า
เรื่องนี้ก็เป็นนิทานนะคะ
ศิลปะในการขอทาน
 ชายคนหนึ่งขับรถเข้าไปในเมืองซึ่งเป็นเวลาพลบค่ำ ขณะที่ขับรถมานั้นเขาสังเกตุเห็น
หญิงชราคนหนึ่งกำลังถือตะเกียงเดินก้มๆ เงยๆอยู่ เหมือนจะหาอะไรในพงหญ้าข้างถนนนั้น
ด้วยความสนใจ เขาจึงหยุดรถแล้วเดินตรงเข้าไปถามหญิงชรานั้นว่า

"นี่ยาย ยายกำลังก้มหาอะไรอยู่หรือ"

"อ๋อ...ยายกำลังหาเหรียญบาทที่ทำตกลงไปในพงหญ้านี้ ยายหามาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว
หาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที พ่อหนุ่มจะช่วยยายหาหรือ" หญิงชราพูด

ด้วยความสงสารชายหนุ่มจึงควักเงิน 10 บาทออกมา แล้วยื่นให้แก่หญิงชรา
พร้อมกับพูดขึ้นว่า "เอาเงิน 10 บาทนี้ไปก็แล้วกันนะยาย เหรียญบาทคงหาไม่เจอแล้ว"
เมื่อรับเงินจากชายหนุ่ม หญิงชรากล่าวขอบใจแล้วก็ดับตะเกียงจากไป

ชายหนุ่มคนนั้นก็ขับรถเข้าไปทำธุระในเมือง เมื่อทำธุระเสร็จแล้วเขาก็ขับรถออกมา
ตามเส้นทางเดิม เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นหญิงชราคนหนึ่ง กำลังจุดตะเกียงส่องหา
อะไรบางอย่างในพงหญ้าข้างถนน ด้วยความสงสัยเขาจึงหยุดรถแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
เขาก็จำได้ทันทีว่า หญิงชราคนนี้ ก็คือหญิงชราคนเดิมที่เขาให้เงินไป 10 บาท
เมื่อตอนหัวค่ำนั่นเอง เขาจึงถามหญิงชรานั้นว่า "นี่ยาย...ยายทำเงินตกหายอีกแล้วรึ"

หญิงชราเงยหน้าขึ้น ก็จำชายหนุ่มผู้ใจดีคนนี้ได้ จึงตอบไปว่า
"ใช่แล้วหลาน...แต่หลานชายไม่ต้องควักเงินให้ยายอีกนะ"

"ทำไมละยาย" ชายหนุ่มสงสัย

"นี่มันเป็นกลวิธีในการขอทานที่ได้ผลดีที่สุด...ขอบใจสำหรับเงิน 10 บาทนะหลานเอ๊ย"
พูดจบหญิงชราก็เดินจากไป ทิ้งให้ชายหนุ่มมึนงงอยู่ตรงนั้นเอง


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 25 มิ.ย. 02, 12:35
 แถมอีกเรื่องค่ะชักจะติดลม  เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเทพนิยายนานาชาติค่ะ
เรื่อง  ยังไงก็ต้องถูก


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 25 มิ.ย. 02, 12:38
 ว้ามือเร็วดันคลิกก่อนยังแปะไม่เสร็จเลย

ณ เมืองเมืองหนึ่งในประเทศจีน
มีหมอดูกับลูกศิษย์คู่หนึ่ง   คอยให้คำทำนายแก่ผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา
วันหนึ่ง ชายสามคนกำลังจะไปสอบไล่แข่งขันที่เมืองหลวง   จึงพากันไปหารือหมอดู
หมอดูไม่ยักตอบคำถามของผู้ใดเลย
แต่ใช้นิ้วมือนิ้วหนึ่งชูขึ้น   หลังจากฟังคนทั้งสามบอกเล่าให้ฟัง
ผลสอบประกาศออกมา   คนหนึ่งในสามคนนั้นสอบได้
ชื่อเสียงหมอดูผู้นั้นก็เป็นที่เลื่องลือขึ้นมา   ลูกศิษย์หนุ่มจึงถามท่านหมอดูว่า

"ความลับในการทายได้ถูกต้องนั้นคืออะไร..."

"ความลับของฉันก็คือไม่พูดอะไรเลย"

คำตอบของหมอดูยิ่งทำให้หนุ่มที่มาฝึกดูลายมืองงหนักขึ้นไปอีก
ท่านอาจารย์หมอดูก็ร่ายยาวต่อไปว่า

"เธอเห็นฉันชูนิ้วเดียวก็อาจหมายความว่า ในสามคนนั้น
จะสอบได้เพียงคนเดียว   แล้วผลออกมาก็ตรงตามที่ฉันทำนายไว้เผง
ถ้าสอบได้สองคน   คำทำนายฉันก็ถูกต้องอีกนั่นแหละ
เพราะชูนิ้วเดียวหมายถึงสอบตกคนหนึ่งก็ได้   ถ้าเขาสอบได้หมด
ทั้งสามคน   นิ้วเดียวก็หมายถึงว่า   ทั้งสามคนรวมกันนั่นแหละสอบได้
ทำนองเดียวกันนี้   ถึงในทางตรงกันข้าม   ก็ถูกอีกนั่นแหละ"

ลูกศิษย์หนุ่มได้ฟังคำอธิบายจบก็พูดขึ้นว่า

"โอ...มีอีกมากมาย   ที่ศิษย์ต้องเรียนรู้"  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 26 มิ.ย. 02, 09:22
 แวะมาฟังลิตเติ้ลเล่านิทานค่ะ
สนุกดีจัง รูปคุณยายก็สวยด้วยค่ะ
ดูเหมือนบาติกเลย ขอบคุณนะคะ  
จะยึดกระทู้อีกวันก็ดีค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 26 มิ.ย. 02, 13:49

ตามคำขอได้อยู่แล้วค่ะคุณทองรัก  บ่มีปัญหา  
เรื่องนี้เอาไว้เล่าให้ลูกให้หลานฟังเล่นก็ดีนะคะ
 เรื่องทำไมช้างจึงตาเล็ก  และ เสือมีลาย
ยังมีเสือหนุ่มตัวหนึ่งดุร้ายมาก วันหนึ่งมันออกไปหากินตามปรกติ ขณะที่มันสอดส่ายสายตาหาเหยื่ออยู่นั้น มันก็แลเห็นช้างตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มันจึงวางแผนที่จะจับช้างให้ได้ แล้วเสือก็เดินตรงไปหาช้างทันที
ฝ่ายช้างเมื่อเห็นเสือเดินตรงมาหามันเช่นนั้น ครั้นจะวิ่งหนีไปก็ไม่ทัน จึงทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดกับเสือไปว่า

"สวัสดี เจ้าเสือผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าจะไปไหนหรือ"
"ข้าก็จะมาจับเจ้าไปเป็นอาหารนะสิ" เสือตอบ
"ช้าก่อนเจ้าเสือร้าย เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอิสระแล้ว ข้าเป็นเชลยเขาอยู่" ช้างพูด
"พุทโธ่เอ๋ย อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยากเลย เจ้าตัวใหญ่ออกอย่างนี้
ใครจะกล้ามาจับเจ้าเป็นเชลยได้ นอกจากข้าเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่"
"นี่ไงเจ้าเห็นมั้ย ขาของข้าถูกล่ามโซ่อยู่กับต้นไม้นี้ ก็เพราะข้าตกเป็นเชลยของมนุษย์"
ช้างพูดพร้อมยกขาที่ถูกล่ามโซ่ให้เสือดู
"อะไรกันมนุษย์ตัวเล็กนิดเดียว ยังจับเจ้าล่ามโซ่ได้หรือ" เสือถามอย่างสงสัย
"ก็ใช่นะซิ มนุษย์ตัวเล็กๆนี่แหละ ถึงจะไม่มีเขี้ยวเล็บ ไม่มีเขาหรืองา แต่มนุษย์นั้นมี "ปัญญา" ช้างตอบยืนยัน

เสือพอได้ยินช้างพูดถึงคำว่า "ปัญญา" ก็สนใจ จึงถามช้างขึ้นว่า
"อ้ายตัวปัญญาของมนุษย์มันวิเศษแค่ไหนเชียว ถ้าข้าเจอละก็จะจับกินเสียให้เข็ด"
"ปัญญาของมนุษย์ก็อยู่ที่ตัวมนุษย์ซิเจ้าเสือเอ๋ย ถ้าเจ้าอยากเห็นจริงๆ ละก็ รีบแก้โซ่ที่ผูกขาข้าออกซิ แล้วข้าจะพาเจ้าไปดู"
"ได้เลย" เสือพูดแล้วตรงเข้าไปแก้โซ่ที่ผูกขาช้างออก แล้วช้างก็เดินนำหน้าเสือ มุ่งสู่บ้านมนุษย์ทันที

เมื่อถึงบ้านมนุษย์แล้ว ช้างก็ตะโกนเรียกมนุษย์ให้ออกมาพบข้างนอก ฝ่ายมนุษย์ไม่รู้ว่าใครมาเรียก ก็ออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้ระวังตัว
ทันใดนั้น เสือซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว จึงตะครุบตัวมนุษย์ไว้ในกรงเล็บอย่างง่ายดาย
มันหัวเราะเยาะด้วยเสียงอันดัง ที่สามารถเอาชนะมนุษย์ผู้พิชิตช้างได้ เสือจึงหันไปพูดกับช้างว่า

"เจ้าช้าง ไหนเจ้าว่ามนุษย์มีปัญญาเก่งกล้า ยังไม่ทันได้ต่อสู้เลย ข้าก็จับมันได้แล้ว
และข้าจะกินมันเสียเดี๋ยวนี้แหละ"

มนุษย์เมื่อได้ยินเสือพูดอวดตัวเช่นนั้น ก็ใช้ปัญญาของตนต่อสู้กับเสือทันที โดยพูดกับเสือว่า
"ช้าก่อนเจ้าเสือ ถ้าเจ้ากินข้าตอนนี้ เจ้าก็จะไม่มีโอกาศเห็นตัวปัญญาของข้าเลย"

เสือได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงัก แล้วถามมนุษย์ไปว่า
"ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ก่อนตายเอาออกมาอวดข้าหน่อยเป็นไง"
"ได้ซิ ถ้าเจ้าอยากดู แต่ตัวปัญญาของข้าอยู่ในบ้าน ถ้าอยากเห็น เจ้าต้องปล่อยข้าไป
ข้าจะได้ไปจูงมันออกมาให้เจ้าดู"

ฝ่ายเสืออยากเห็นตัวปัญญาเป็นหนักหนา จึงหลงกลปล่อยมนุษย์ไป
มนุษย์เมื่อถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว ก็วางแผนจัดการกับเสือ โดยพูดขู่เสือไปว่า
"ระวังนะเจ้าเสือ ตัวปัญญาของข้ามันตกใจง่าย ถ้ามันเห็นเจ้าเข้า มันจะวิ่งหนีเข้าบ้าน
แล้วจะไม่ยอมออกมาอีกเป็นเด็ดขาด"
"แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร" เสือถาม
"ไม่ยาก เจ้ามาให้ข้าจับมัดไว้กับต้นไม้เสียก็สิ้นเรื่อง" มนุษย์เสนอความคิด
"ตกลง" เสือตอบ

มนุษย์ก็จัดการมัดเสือไว้กับต้นไม้ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป และออกมาพร้อมกับหวายในมือ
เสือเห็นมนุษย์ถือหวายออกมาก็แปลกใจ จึงถามว่า
"ไหนละตัวปัญญาของเจ้า ไม่เห็นจูงออกมาให้ข้าดู"
มนุษย์ชูหวายขึ้นแล้วพูดว่า "นี่ไงละตัวปัญญาของข้า"
"อ้ายนั่นมันหวาย จะเป็นตัวปัญญาได้อย่างไร" เสือแย้ง
"นี่แหละตัวปัญญาของข้าอ้ายเสือหน้าโง่ เจ้ามันอวดเก่งนัก ข้าจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง"

พอมนุษย์พูดขาดคำ ก็หวดเสือด้วยหวายอย่างมันมือ จนนับครั้งไม่ถ้วน

ฝ่ายช้างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็หัวเราะด้วยความชอบใจ
เพราะด้วยปัญญาของมนุษย์ มนุษย์ไม่เพียงรอดชีวิต มันเองก็รอดชีวิตด้วย ช้างหัวเราะใหญ่
หัวเราะเสียจนน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตาของช้างเลยเล็กลง เล็กลง เหลือเท่าที่เห็นจนทุกวันนี้
ซึ่งไม่สมกับตัวของมันเลย ก็เพราะหัวเราะมากนั่นเอง

ฝ่ายเสือเมื่อถูกโบยด้วยหวาย ก็เจ็บปวดแสนสาหัส ดิ้นทุรนทุรายไปมาจนเชือกขาด
มันจึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต จนถึงบัดนี้เสือก็ยังไม่รู้ว่า ปัญญาของมนุษย์คืออะไร
เสือเดินโซซัดโซเซ ไปขอความช่วยจากสัตว์ในป่าให้ช่วยรักษารอยแผลจากการถูกโบยด้วยหวาย
แต่ไม่มีสัตว์ใดช่วยเหลือ มีแต่สมน้ำหน้า เพราะเสือได้รังแกสัตว์อื่นไว้มากนั่นเอง ตัวของเสือจึงมีแผลเป็น
และกลายเป็นลายให้เห็น มาจนทุกวันนี้  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 27 มิ.ย. 02, 06:36
 เล่านิทานเก่งจัง  สนุกด้วยนะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 27 มิ.ย. 02, 13:37
 สนุกจังเลยค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 27 มิ.ย. 02, 15:57
 วันนี้งดเล่าซักหนึ่งวันดีกว่าค่ะอยากฟังคนอื่นๆเล่าบ้างนี่คะอย่างน้อยทุกคน
ต้องเคยฟังนิทานที่น่าประทับใจกันมาบ้างแล้วตอนเป็นเด็กๆ  ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะคะนึกว่าสงสารลิตเติ้ลตาดำๆ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 27 มิ.ย. 02, 17:46
 เข้ามาสนับสนุนลิตเติ้ลด้วยคนค่ะ
อยากฟังเพื่อน ๆ คนอื่นเล่าบ้าง
โดยเฉพาะคุณภังคี   ท่าทางจะเล่านิทานเก่ง  
ทองรักเองเล่าไป 2 เรื่องแล้วนะคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 27 มิ.ย. 02, 17:47
ค้างคาวกับฝนร้อยห่า
และปลาโลมากับทรายในท้องทะเล
 
วันหนึ่งค้างคาวกล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ข้ามีความสงสัยมาช้านานแล้ว
ต้องการจะรู้ว่าคุณของมารดามีมากน้อยเพียงไร หมายความว่ามีกี่ประการ"

นกฮูกตอบว่า "คุณแห่งมารดาของเจ้ามีเท่ากับเม็ดฝนร้อยห่า"

"ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปนับเม็ดฝนร้อยห่า" ว่าแล้วค้างคาวก็บินไป

 อีกวันหนึ่งปลาโลมากล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ข้ามีความสงสัยมาช้านานแล้ว
ต้องการจะรู้ว่าคุณของบิดามีมากน้อยเพียงไร หมายความว่ามีกี่ประการ"

นกฮูกตอบว่า "คุณแห่งบิดาเจ้ามีเท่าเม็ดทรายในท้องทะเลทั้งหลายรวมกัน"

"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปนับเม็ดทรายในท้องทะเล" ว่าแล้วปลาโลมาก็ว่ายน้ำไป

ในที่สุด วันหนึ่งค้างคาวกล่าวแก่นกฮูกว่า..
"ข้าแต่ข้าแต่ท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย
ในพิภพนี้มีสัตว์ปีกเท่าใด ก็ได้ช่วยข้านับเม็ดฝนร้อยห่าพร้อมกันแล้ว
สัตว์ปีกทุกตัวนั้นยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่สามารถจะนับเม็ดฝนร้อยห่าได้
ขอท่านผู้เป็นปราชญ์แห่งสัตว์ทั้งหลายได้โปรดบอกข้าผู้น้อยปัญญาว่า
คุณแห่งมารดามีมากน้อยเพียงไร"

นกฮูกได้ฟังจึงว่า "คุณแห่งมารดาของเจ้านี้มีมากเท่าฝนร้อยห่า
เมื่อฝนร้อยห่าไม่สามารถนับได้ ก็หมายความว่า
คุณของมารดาไม่สามารถจะคณนาหรือนับได้เช่นเดียวกัน"

หลังจากนั้นปลาโลมาก็แจ้งแก่นกฮูกว่า..
 "ปลาทุกตัวในท้องทะเลทั้งหมดช่วยกันนับเม็ดทรายในท้องทะเล
แต่ในที่สุดก็ยืนยันว่าไม่สามารถจะนับได้ ขอให้นกฮูกบอกว่า คุณแห่งบิดามีมากน้อยเพียงไร"

นกฮูกจึงกล่าวว่า "คุณแห่งบิดาของเจ้ามีมากเท่ากับเม็ดทรายในท้องทะเลทั้งหลายรวมกัน
เมื่อเม็ดทรายในท้องทะเลไม่สามารถนับกันได้ ก็หมายความว่า
คุณของบิดาไม่สามารถจะคณนาหรือนับได้เช่นเดียวกัน"


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 27 มิ.ย. 02, 17:55
 ไหนว่าไม่เล่าแล้วไงล่ะ
แต่มาเล่าแล้วก็ขอบคุณนะคะลิตเติ้ล
อ่านแล้วคิดถึงพ่อกับแม่จังเลย    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภูวง ที่ 28 มิ.ย. 02, 06:54
 ถ้าให้ภังคีเล่า นิทาน คุณเทาชมพูต้องเอาไม้เรียวมาตามตีต่อครับ นิทานของนายนี่ ออกจะพิลึกพิลั่นทั้งนั้น


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 28 มิ.ย. 02, 07:09
 ถ้างั้นเชิญคุณอาภูวงเล่าแทนคุณภังคีแล้วกันค่ะ
อยากฟังจัง


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 28 มิ.ย. 02, 07:25
 


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 28 มิ.ย. 02, 17:12
 คุณทองรักเรียกคุณภูวงเป็นอาถ้างั้นลิตเติ้ลก็ต้องเรียกคุณภูวงกับคุณภังคีว่าคุณลุงน่ะสิคะเนี่ย


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 08 ก.ค. 02, 02:16
 ช้าไปนิดแต่คงไม่เป็นไร คือจะมาบอกว่าคืนนี้ เป็นคืนเทศกาล ทานาบะตะ ตามนิยายข้างบนโน้นน่ะครับ
(คืนวันที่ 7 กรกฎาคม แต่คงเริ่มเป็นวันที่ 8 สำหรับเมืองไทย)
ผมว่าจะดูทางช้างเผือกซักกะหน่อย แต่สงสัยจะผิดหวัง เพราะเมฆเต็มไปหมด ... กล้มใจกับอากาศประเทศอังกฤษ หุๆๆ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภูวง ที่ 08 ก.ค. 02, 09:23
 ยังนึกไม่ออกเลยครับว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี
แต่งกลอนให้อ่านเล่นละกัน

แลดูดาวพาใจให้สะท้าน
ถึงนงคราญขวัญพี่อยู่ดีไฉน
ต้องจำไกลจากนุชสุดอาลัย
เฝ้าถอบใจแหงนมองฟ้าพารัญจวน


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 08 ก.ค. 02, 09:46
 มาแอบอ่านค่ะ  
เมื่อคืนนี้ลืมดูทางช้างเผือกเหมือนกัน
เลยไม่รู้ว่าตกลงหนุ่มเลี้ยงวัวได้ข้ามทางช้างเผือกมาพบกับ    
เจ้าหญิงทอหูกหรือเปล่า
(มัวแต่อ่านนิรมิต อีกรอบนึงหลังจากไม่หยิบมาอ่านหลายปี
แล้วเพราะกลัวภาพหลอนจากละคร)


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 09 ก.ค. 02, 06:30
 นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานอีสปค่ะ  เรื่องแมวกับสุนัขจิ้งจอก
เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในยุคที่สัตว์ทุกตัวยังพูดได้อยู่
ครั้งนั้นแมวกับสุนัขจิ้งจอกเป็นเพื่อนกัน  
อยู่มาวันหนึ่งทั้งแมวและสุนัขจิ้งจอกมีโอกาสโคจรมาพบกันเข้า
ต่างคน เอ๊ย ต่างตัวก็พูดคุยกันถึงปัญหาที่มันเจออยู่ในแต่ละวัน  เจ้าแมวบ่นขึ้นว่า
"เพื่อนเอ๋ย ฉันนะแสนจะหน่ายกับการที่ต้องคอยวิ่งหนีคู่ปรับอยู่เรื่อยเลย "
 
สุนัขจิ้งจอกได้ยินดังนั้นก็ต้องถาม "อ้าว ! ทำไมล่ะ"
 "แหม ถ้าไม่หนี  ฉันก็โดนมันฆ่าตายไปแล้วน่ะซิ"  
แมวตอบ ไม่รู้ว่านึกในใจว่าไม่น่าถามเลยหรือเปล่านะคะ
"โธ่เอ๋ย  เรื่องจิ๊บจ๊อยเนี่ยนะ ฉันน่ะไม่เคยต้องมากังวลเลย"   สุนัขจิ้งจอกได้ทีโม้ให้แมวฟังซะเลย
"ไอ้ฉันน่ะ มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายที่จะหลอกหล่อมัน ก่อนที่มันจะลงมือทำร้ายฉัน"    
 ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ เพื่อนเกลอทั้งสองก็พากันเดินเรื่อย ๆ เข้าไปในป่าลึก
สองข้างทางจะมีต้นไม้ใหญ่ที่มีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
พวกนกต่างส่งเสียงจุ๊บจิ๊บ ๆ พูดคุยกันอย่างมีความสุข
"นี่ เจ้าแมวน้อย ฉันจะแสดงเล่ห์เหลี่ยมของฉันให้แกดูซัก 2-3 อย่างไหมล่ะ"
 
   สุนัขจิ้งจอกพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสือตัวหนึ่งเดินผ่านมายังบริเวณนั้น  
เจ้าแมวเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งจู๊ดขึ้นไปหลบอยู่บนต้นไม้อย่างเคย
ส่วนเจ้าสุนัขจิ้งจอก มัวแต่คิดว่าจะหลอกเสืออย่างไรดี ตัวเองถึงจะเอาตัวรอดได้
มัวแต่ชักช้ากว่าจะคิดออก ก็โดนเจ้าเสือจับกินเป็นอาหารไปซะแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"การคุยโม้โอ้อวด  ไม่เคยให้ผลดีกับใคร"
จบแล้วค่ะ เที่ยวนี้หารูปประกอบไม่ได้  ขอเชิญไปดูรูปแมวฉลาด ๆ ในกระทู้การ์ตูนนะคะ
ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็ใช้จินตนาการถึงสัตว์เจ้าเล่ห์ ๆ เอาแล้วกันนะคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 09 ก.ค. 02, 07:14
 หนุกจัง หนุกจัง มีอีกมั้ยคร้าบ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 13 ก.ค. 02, 16:49
 วันนี้วันหยุด พักผ่อนสบาย ๆ อยู่บ้านแล้วมาฟังนิทานกันต่อดีกว่า

วันนี้เป็นนิทานอีสปอีกตามเคย
เรื่องสายลมและดวงตะวัน
เรื่องก็มีอยู่ว่า  สายลมแวะผ่านมาทักทายดวงตะวันในสายวันหนึ่งที่ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้ม
ทั้งคู่คุยกันได้ไม่นานนัก ก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้น
เพราะต่างคนก็คิดกันว่า ตนคือผู้ทรงพลังมากที่สุด
ในขณะที่กำลังโต้เถียงกันอยู่นั้นเอง  บังเอิญมีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมา  
ทั้งสองจึงตกลงกันว่า  ผู้ที่สามารถทำให้เสื้อคลุมของเด็กชายคนนั้นหลุดออกไปได้
จะกลายเป็นผู้ชนะ   และเป็นผู้ที่ทรงพลังมากที่สุดไปทันที
สายลม เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนด้วยการพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่ตนจะสามารถทำได้
หวังจะให้เสื้อคลุมของเด็กชายหลุดออกจากร่างไป
แต่ยิ่งสายลมพัดแรงมากขึ้นเท่าใด  เด็กชายก็ยิ่งออกแรงดึงเสื้อให้กระชับตัวมากขึ้นเท่านั้น
จนสายลมเริ่มเหนื่อยอ่อน……… หมดกำลัง……………และต้องหยุดพัดไปในที่สุด
คราวนี้จึงเป็นโอกาสของ ดวงตะวัน บ้าง
มันค่อย ๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆ   แล้วสาดแสงอันแรงร้อน……ส่องไปยังร่างของเด็กชายคนนั้น
แสงตะวันทำให้เด็กน้อยเริ่มรู้สึกร้อนขึ้น……ร้อนขึ้น……..ร้อนขึ้น
แต่ดวงตะวันก็ยังคงสาดแสงต่อไปไม่หยุดยั้ง
จนในที่สุด เด็กชายทนร้อนต่อไปไม่ไหว  จึงต้องถอดเสื้อคลุมออกจากตัว
ดวงตะวันจึงหันไปยิ้มให้สายลม  ก่อนที่จะบอกว่า  "ฉันคือผู้ชนะ"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…….
การใช้ความรุนแรงไม่สามารถทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะเสมอไป……….


รูปดวงตะวันยิ้มแฉ่งนี่แอบหยิบยืมมาจากการ์ตูนเรื่องนึงค่ะ
พยายามดูให้เข้ากับเรื่องหน่อยแล้วกัน


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 14 ก.ค. 02, 19:02
 สวัสดีค่ะคุณทองรัก  อ้าวนี่รูปลิตเติ้ลนี่นา


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 20 ก.ค. 02, 12:25
 มีนิทานมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว  
เรื่องนี้ชื่อ นิทานใบไม้  ที่เพื่อนชาวเน็ตเขาเล่าต่อ  ๆ กันมาอีกทีค่ะ เรื่องก็มีอยู่ว่า……….

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
ครั้งนั้นดอกไม้และใบ้ไม้ยังไม่ได้รวมอยู่บนต้นเดียวกันอย่างเช่นทุกวันนี้
หากแยกกันอยู่  อีกทั้งเหล่าใบไม้ก็ไม่ได้มีแต่สีเขียว
หากแต่มีหลากหลายสีสันงดงามนัก
ทว่าดอกไม้กลับมีเพียงสีขาวสีเดียวเท่านั้น  
เวลานั้นใบไม้รวมอยู่กับหมู่ใบไม้ด้วยกัน เต็มไปด้วยความร่าเริง  สนุกสนาน และเป็นอิสระ
ต่างจากดอกไม้ที่อยู่อย่างเงียบเหงา เดียวดาย   แม้จะอยู่รวมกัน  คุยกับหมู่ดอกไม้ด้วยกัน
แต่ดอกไม้แต่ละดอกต่างมีความคิด และวาดฝันเป็นของตัวเอง
เธอเฝ้ารอบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
บางครั้งที่เธอมองไปที่ใบไม้  แล้วนึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของสีสันสวยงามนั้นบ้าง
แต่ดอกไม้ดอกเล็กนั้น   มีเสียงเบาเกินกว่าที่จะเรียกใบไม้ให้หันมา

กระทั่งวันหนึ่ง...ใบไม้นึกเบื่อสีสัน ของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้น้อยสีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งเข้า
ใบไม้ไม่รู้จักสีขาวมาก่อน………….. เขาไม่รู้ว่าสีขาวเป็นอย่างไร
เพราะใบไม้ต่างก็มีสีสันกันทุกใบ
ใบไม้เกิดหลงใหลในความอ่อนหวานละมุนละไมของดอกไม้น้อยในทันที
และในขณะเดียวกัน  ใบไม้ก็มองเห็นความเหงาแฝงอยู่ในความอ่อนหวานนั้นด้วย
เขาจึงเข้าไปถามเธอว่า...
"ดอกไม้ เธอช่างมีสีขาวสวยเหลือเกิน  แต่ทำไมเธอจึงดูเงียบเหงาอย่างนี้เล่า"
ดอกไม้น้อยแหงนมองใบไม้กิ่งใหญ่แข็งแรงก่อนจะตอบกลับไปว่า

"สีขาวซีดอย่างนี้หรือสวย
ฉันอยากจะมีสีสันอย่างเธอบ้างจัง
มันคงจะทำให้ฉันมีชีวิตชีวาขึ้นมาก"

ใบไม้ได้ฟังแค่นั้นก็รู้สึกราวกับว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องช่วยเหลือ
ดูแล และปกป้อง ดอกไม้น้อยดอกนี้  เขาจึงบอกเธอไปว่า .………
"มาซิดอกไม้ ฉันช่วยเธอได้นะ  ถ้าเพียงเธอมาอยู่กับฉัน  ฉันจะทำให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้นเอง"
ดอกไม้น้อยไม่รอช้ารีบตอบตกลงในทันที
เมื่อดอกไม้ไปอยู่กับใบไม้แล้ว  เขาก็ให้การดูแลเธออย่างดีตามสัญญา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ  ถ่ายทอดออกมาเป็นสีสันสวยงามให้กับดอกไม้

แล้ววันหนึ่งเมื่อดอกไม้น้อย มองลงไปในลำธาร
เธอก็เห็นเงาตัวเองเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีสวยที่มีชีวิตชีวา
หากเมื่อเหลียวไปมองที่ใบไม้เล่า  เขากลับกลายเป็นสีเขียวเพียงสีเดียว ทว่าดูอบอุ่นยิ่งนัก
ดอกไม้น้อยเห็นดังนั้น จึงถามใบไม้ไปว่า "ใบไม้  นี่ฉันแย่งสีสันในชีวิตเธอมารึเปล่านะ"
ใบไม้ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า  "ไม่หรอก  ทุกวันนี้เธอคือสีสันในชีวิตฉัน
ฉันไม่ต้องการสีสันอะไรอีกแล้ว  ฉันมีเพียงความสบายใจที่ได้เห็นเธอมีความสุข"

จากนั้นเป็นต้นมาดอกไม้กับใบไม้ก็อยู่ร่วมกันเป็นต้นไม้ที่อบอุ่น
บนรากของความรักที่หยั่งลึกลงไปในผืนดินของหัวใจ
ด้วยเหตุนี้ ใบไม้จึงมีสีเขียว….. สีเขียวที่มองแล้วให้ความรู้สึกสบายตา
เพราะเมื่อใดที่เรามองดูสีเขียว  เราจะรับรู้ได้ถึงความสบายใจของใบไม้
ที่เห็นดอกไม้น้อยของเขามีความสุข
ส่วนดอกไม้ขาวที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ อ่อนหวานละมุนละไมนั้น
เธอคงไม่อยากให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไป
จึงยังคงมีดอกไม้สีขาวให้เราเห็นมาจนทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต  แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า
เพียงแค่มีบางสิ่ง………….ชีวิตก็มีความหมายแล้ว


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 21 ก.ค. 02, 11:21
 ขอบคุณคุณทองรักมากๆค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 21 ก.ค. 02, 14:51
 ขอบคุณค่ะ  
ดีใจจังที่มีคนอ่านแล้วรู้สึกดี ๆ
วันหลังถ้ามีเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี ๆ แบบนี้อีก
จะมาเล่าต่อนะคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ภาธร ที่ 22 ก.ค. 02, 06:57
 มาฟังนิทานด้วยครับ  มีขนมแจกด้วยมั้ยครับ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 22 ก.ค. 02, 07:05
 เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่า ฝีมือเล่านิทานของตัวเองนี่
ต้องมีขนมแจกด้วยถึงจะมีคนฟัง    


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 02, 09:28

นิทานเรื่องนี้หวาน และน่ารักมากค่ะ  


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 22 ก.ค. 02, 18:43
 ขอบคุณค่ะ ไอศครีมของคุณเทาชมพู ดูหวาน ชื่นใจดีจัง
ทองรักแบ่งให้น้องลิตเติ้ล กับคุณภาธรด้วยแล้วกันนะคะ


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 22 ก.ค. 02, 23:41
 Little Sun อยู่หนาย
เอานิทานเรื่อง เพราะเธอจะไม่เอาคุณเป็นแฟน ที่ลงในหน้าพักผ่อนหย่อนใจ มาโพสต์ในนี้ให้สาวๆ ผู้เปี่ยมไปด้วยเหตุผลทั้งหลายอ่านหน่อยจิ้ อ่านแล้วนอนไม่หลับดี 55555 โฮ-!


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 24 ก.ค. 02, 11:42
 มาแล้วค่ะ ทำตามคำขอด่วนเลยนะคะเนี่ย
ตีความตุลากวน-บุญชิต ฟักมี
โดย MGR ONLINE

คุณๆ ผู้ชายที่รัก คุณเคยถูกหญิงสาวที่คุณรัก (หรือคิดว่าจะรัก) ปฏิเสธหรือไม่

เฮ่ย สารภาพมาเหอะ ผมไม่ล้อหรอก ผมก็เค้ย

คุณๆ หลายคนผูกใจเจ็บ หวังทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีกว่าเดิม เพื่อให้เธอหันมามองมั่งใช่ไหม

เฮ่ย สารภาพมาเหอะ ผมไม่ล้อหรอก ...

คุณคิดว่ามันจะได้ผลไหมอ้ะ

มาดูคำตอบกัน



1. ถ้าคุณหล่อ

เธอ : "ฉันคิดว่า คนหล่อมักจะเจ้าชู้นะจ๊ะ"



2. ถ้าคุณขี้เหร่

เธอ : "ฉันอยากมีแฟนสักคน ที่ควงไปอวดเพื่อนได้น่ะ"



3. ถ้าคุณขี้เหร่ แล้วไปทำศัลยกรรมจนหล่อ

เธอ : "ฉันไม่รักคนที่ไม่ยอมรับในความเป็นตัวเอง"



4. ถ้าคุณรวย

เธอ : "ฉันไม่ชอบคนรวยหรอก คนรวยชอบคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง"



5. ถ้าคุณจน

เธอ : "กัดก้อนเกลือกิน มันมีอยู่แต่ในนิยายนะจ๊ะ"



6. ถ้าคุณจน แต่ดันรวยในตอนหลังเพราะถูกลอตเตอรี่

เธอ : "โชคดีครั้งใหญ่ๆ ในชีวิต มันมักจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะค่ะ"



7. ถ้าคุณจน แต่ดันรวยในตอนหลังเพราะมุมานะ ทำงานหนัก

เธอ : "ฉันว่าชีวิตของพวกเวิร์กกะฮอลลิสม์ ไม่น่าจะมีความสุขหรอกนะ"



8. ถ้าคุณรวยแล้วมาจนทีหลัง เพราะเหตุอะไรก็แล้วแต่

เธอ : "ทรัพย์สมบัติของตัวเองยังรักษาไว้ไม่ได้เลย แล้วครอบครัวล่ะจะเป็นอย่างไร"



9. ถ้าคุณมีความฝัน และความทะเยอทะยาน

เธอ : "คนหวังมาก มักจะเจ็บหนักนะจ๊ะ ฉันคงรองรับความผิดหวังของคนอย่างคุณไม่ไหว"



10. ถ้าคุณไม่มีความฝัน ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

เธอ : "ฉันคิดว่า มนุษย์ที่ไม่มีความฝันก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้วครึ่งตัว"



11. ถ้าคุณมีความฝัน แต่ไม่เป็นคนทะเยอทะยาน

เธอ : "ฉันไม่ชอบพวกฝันเฟื่อง แต่ไม่ไปตามหา ความฝันของตัวเองให้พบ"



12. ถ้าคุณไม่เคยมีความฝัน แต่แล้วเธอก็เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความฝัน

เธอ : "ขอบคุณนะ แต่อย่าเอาชีวิตและความฝันของคุณมาผูกไว้กับคนๆ เดียวเลย"



13. ถ้าคุณทำธุรกิจ

เธอ : "ฉันอยากเป็นคุณหญิงของปลัดกระทรวงค่ะ เกียรติยศสำคัญกว่าเงิน"



14. ถ้าคุณรับราชการ

เธอ : "รับราชการก็แค่พอมีพอกิน แต่คงหาความสุขสบายได้ยากกระมังคะ"



15. ถ้าคุณรับราชการแล้วรับจ๊อบนอก

เธอ : "ฉันเกลียดพวกเบียดบังเวลาหลวงไปกับงานส่วนตัว"



16. ถ้าคุณหล่อ รวย เพราะประสบความสำเร็จจากการทำงาน แต่ไม่บ้างานรับราชการตำแหน่งใหญ่โต แต่มีธุรกิจทางบ้านต้องดูแล มีความฝันแล้วทำความฝันนั้นให้จริง

เธอ : "ฉันถามจริงๆ เถอะ คุณเป็นเกย์หรือเปล่า"



17. ถ้าคุณหล่อ รวย เพราะประสบความสำเร็จจากการทำงาน แต่ไม่บ้างาน รับราชการตำแหน่งใหญ่โต แต่มีธุรกิจทางบ้านต้องดูแล มีความฝันแล้วทำความฝันนั้นให้จริงแล้วก้อ...ไม่เป็นเกย์ด้วย

เธอ : "คุณเพอร์เฟกต์เกินไปจนฉันกลัวค่ะ"



ได้คำตอบรือยังครับ ท่านชาย

เธอไม่เอาคุณ (หรือไม่ยอมให้คุณเอาเธอ...เป็นแฟน)

ให้คุณดีวิเศษแค่ไหน เธอก็ไม่ตกลง

แต่ถ้าเธอรักคุณเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ

ให้คุณเป็นโจรวางระเบิดแถวปักษ์ใต้ เธอก็เห็นว่าคุณดีเหลือแสน

มันก็แค่นี้แหละครับ ท่านสุภาพบุรุษที่รัก

ลิตเติ้ลคิดว่าเห็นด้วยทุกข้อเลย


กระทู้: นิทานก่อนนอนนานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 24 ก.ค. 02, 16:46
 อ่านไปก็ขำไปค่ะ น้องลิตเติ้ล มันจริงทุกข้อซะด้วยซิ
ถ้ารักซะอย่างนี่ ผู้หญิงเขาเหตุผลมาแก้ตัวแทนให้เองแหละ