จมื่นฌองฌาค
บุคคลทั่วไป
|
รบกวนเรียนถามท่านผู้รู้ด้วยนะครับ คือ ผมได้ติดตาม ผลงานของ ท่าน จากหนังสือหลายเล่ม ( แต่คงไม่มากพอ ) พบแต่ ประวัติของท่าน ในช่วงที่เป็น นายกฯ จึงสงสัยว่า แล้ว จากเหตุการณ์ใด ที่ทำให้ท่าน ได้รับตำแหน่ง "รัฐบุรุษ" ครับ ขอขอบพระคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 พ.ค. 01, 03:55
|
|
ผมคงตัดสินไม่ได้ว่าเหตุการณ์ไหนทำให้ท่านได้รับตำแหน่งรัฐบุรษ คิดว่ามีเรื่องผลงานเด่นหลายเรื่องเหมือนกัน ทั้งในด้านเศรษกิจ เรื่องการลดค่าเงินบาท สมัยที่ คุณ สมหมาย ฮุนตระกูลเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ อีกอย่างช่วงนั้นก็มีหลายเหตุการณ์ที่ล่อแหลม เช่น ปัญหาคอมมิวนิสต์ ความไม่สงบเรียบร้อยตามชายแดน กองโจรแบ่งแยกดินแดน ฯลฯ บังเอิญตอนนั้นผมยังเด็กมาก จำไม่ค่อยจะได้ จำได้แต่มีปฎิวัติบ่อยมาก แต่ป๋าแกรอดได้ทุกที แหะๆๆ
ถ้าเทียบกับนักการเมืองรุ่นหลังๆ ด้วยกันแล้ว ผมว่า พลฯ เอกเปรม เข้าใกล้คำว่ารัฐบุรุษมากกว่าคนอื่นๆ นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 พ.ค. 01, 04:20
|
|
ก่อนอื่น ผมเองยังไม่เข้าใจความหมายคำว่า รัฐบุรุษดีพอนัก เลยไม่สามารถตอบได้ว่า เหตุการณ์ไหนทำให้ท่านได้เป็นรัฐบุรุษ เพราะเท่าที่ทราบเมืองไทย มีรัฐบุรุษสองคน คือ ท่านอาจารย์ปรีดี กับป๋าเปรม ผมขอเรียกแบบนี้เพราะความคุ้นเคยนะครับ จะสังเกตว่าหลังจากป๋าเปรมลงมาคนไทยเรามีความสนิทชิดเชื้อกับท่านนายกฯ แต่ละคนมากจะพยายามหาคำเรียกให้ดูใกล้ชิดสนิทสนมเสนอ อย่าง ป๋าเปรม น้าชาติ น้าชวน ลุงจิ๋ว น้าแม้ว อะไรยังงี้ กลับมาเรื่อง ต่อ จะสังเกตุว่า รัฐบุรุษทั้งสองท่านนั้น มีคำถามในตัวครับ อย่างอาจารย์ปรีดีนั้นท่านมีทั้งคนรักและคนเกลียดพอ ๆ กันเลย อย่าง ป๋าเปรม ก็มีหลายคนว่าท่านเป็นนายกฯ สมัยประชาธิปไตยไม่เต็มใบไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอะไรก็ว่าไป แต่เท่าที่ดู การที่ท่านทั้งสองได้จากการแต่งตั้ง ไม่ใช่เชิงประชาชนยกย่องขึ้นมาเอง แต่ประชาชนก็ไม่ได้ไปต่อต้านอะไร เพราะทั้งสองท่านก็ไม่ได้ทำเรื่องเสียหายอะไรให้กับประเทศชาติมากนัก แล้วถ้าไปศึกษาผลงานของท่านปรีดี กับป๋าเปรมดูแล้ว ผมก็ไม่เสียหายที่ท่านจะได้เป็นรัฐบุรุษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ด.เด็ก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 08 พ.ค. 01, 13:56
|
|
ผมคิดว่าการที่ท่านทั้งสองทำประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับ ทำให้ท่านได้ชื่อว่าเป็นรัฐบุรุษ ผิดกับนักการเมืองประเภทรักชาติจนน้ำลายไหลทั่วๆไปที่เราเห็นได้ในปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|