เรือนไทย

ภาพจาก ดร.ณัฐพงษ์ พัฒนพงษ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ครับ

เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียมซึ่ง ดร.ณัฐพงษ์อธิบายว่า น้ำขณะนี้หลากไปทางตะวันออกของประเทศแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกง

^
จะเห็นว่ามวลน้ำตอนนี้มีจำนวน ๓ ก้อนใหญ่ คือ
๑. น้ำเบนตัวออกไปที่ลุ่มน้ำบางปะกง

๒. น้ำที่ราบลุ่มภาพกลางซึ่งกระจายตัวอย่างมาก

๓. น้ำที่จังหวัดนครสวรรค์

และภาพจากเฟสบุ๊ค ลงพระราชกรณียกิจที่ประทับโรงพยาบาลศิริราช ทรงติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

ตอนนี้ใคร ๆ ก็สนใจอยู่กับน้ำท่วม

ยกจากกระทู้โน้นมาร่วมวงด้วยคน

ครับคุณเพ็ญชมพู น้ำเข้าใกล้เขตกรุงเทพเรื่อย ๆ ครับ และข่าวออกโทรทัศน์ทุก ๆ วัน ทำให้กระแสการตื่นตัวของประชาชนมีสูงขึ้น

ช้างไทยที่ จ.อยุธยาครับ

ฟ้านี้ถ่ายไว้ได้ที่จังหวัดอยุธยาและนำลงในเนต จึงนำมาให้ชม

เครดิต : ทวิตเตอร์นักข่าวเนชั่น

เบอร์ฉุกเฉินครับ

ได้รับแจ้งแล้วว่าจะมีการผันน้ำจากแม่น้ำเข้ามาถึงบริเวณที่อยู่  แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยน้ำท่วม
ถ้าท่วมคราวนี้คือท่วมจากท่อระบายน้ำ. น้ำจะเอ่อล้นเข้ามาที่สนามและโรงรถก่อนอื่น. ก็ต้องหาทางอุดไม่ให้น้ำเข้ามา
คงจะต้องลงจากเรือนไทยไปป้องกันน้ำท่วมตามระเบียบ
ภายในสัปดาห์นี้ก็คงรู้หมู่รู้จ่ากันละค่ะ

มหาวิทยาลัยธรรมสาสตร์ ท่าพระจันทร์
ภาพหอสมุดปรีดีย์พนมยงค์
เครดิตภาพ  benbizkit

อุดท่อน้ำอันดับแรกเลยครับผม เหลาโฟมให้เสมือนจุกคอร์ก สวมถุงก๊อบแก๊บด้วยจะได้เสียบง่าย ถอนง่ายอุดได้ผลครับสำหรับท่อ PVC ครับผม

บริเวณซอยประทานพร รังสิต ขาออก
เครดิตภาพคุณ new stock พันทิป

สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย

อันนี้ต้องมีอันจะกินหน่อย

^
ต้องยิ้มไว้ครับ จะได้ไม่เครียด ๕๕๕

คนงานของโรงงานภายในนิคมโรจนะ พยายามเดินลุยน้ำเข้าไปภายในนิคม แต่ไปต่อไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 10 ตค.54 ภาพ : ฐานิส สุดโต

สัตว์ประหลาดโผล่ครับ คุณเพ็ญชมพู  :P

พร้อมลุย

ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดประเภทคลาสสิก ต้องตัวนี้


ตอนนี้คงจมน้ำไปแล้วกระมัง   :)  

ท่าราชวรดิฐ วันน้ำขึ้น น้ำลง (ไม่ใช่ต่ำสุดและสูงสุดนะครับ)

ดูมุมนี้เห็นชัดกว่า

กระสอบทรายแค่นี้ ถ้าน้ำมาจริงจะเอาไหวเหร้อ

เป็นห่วงครับ เป็นห่วง

ไม่ต้องการคำบรรยาย

หมอศิริราชเผย "ในหลวง" ทรงห่วงน้ำท่วม ทรงงานทุกวัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า "จะหลับลงได้อย่างไร ในเมื่อประชาชน ไม่มีที่จะนอน"

^

ไปเจอใน pantip  ของคุณ sarasiri


1. ดูทางน้ำที่จะมาสู่บ้านเรา แล้วจะไปทางไหนได้บ้าง ขอให้คิดว่าเราเหมือนกาลังตั้งค่ายคูประตูหอรบอยู่ เราต้องรู้ว่าข้าศึกจะเข้ามาโจมตีเราทางทิศใดได้บ้าง และหากเกิดความพลาดพลั้งขึ้นมา เราจะหนีไปทางไหนได้บ้าง ซึ่งข้าศึกอาจจะเข้ามาตีเราหลายทางก็ได้ และเราก็อาจจะมีทางหนีไปหลายทางก็ได้ บางครั้งข้าศึกไม่ได้มาตีแค่ 2-3 ทาง แต่ทำการ “ล้อม” เราเอาไว้ทุกด้านก็ได้ ทำให้ทางหนีของเราถูกปิดกั้นไว้หมด
หากเมื่อรู้แนวทางเหล่านั้นแล้ว ก็ขอให้เริ่มวางแผนที่จะ “หยุดน้ำ หยุดข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีเรา” ซึ่งการหยุดยั้งน้ำหรือข้าศึกนั้น มีหลายวิธีที่ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการ “สร้างเขื่อนชั่วคราว” ด้วยกระสอบทราย หรือเอาแผ่นวัสดุใดๆ มากั้นก็ได้ การปิดกั้นนั้นมีหลายวิธี ซึ่งใช้ความเข้าใจพื้นฐาน บวกกับสอบหาข้อมูล ก็จะพอทราบกันเองได้ครับ

2. กำแพงบ้านไว้กันน้ำได้ แต่ต้องระวังรั้วพังนะครับ
ตามปกติแล้ว รั้วบ้านที่เป็นคอนกรีตหรือก่ออิฐ จะเปรียบเสมือนกำแพงเมืองที่จะกันน้ำไม่ให้เข้ามาในบ้านของเรา แต่เราต้องไม่ลืมว่าน้าหนักของน้ำที่ขังหรือถาโถมเข้ามากดที่ด้านข้างของกำแพงรั้วเรา จะทำให้รั้วบ้านของเราเกิดการเอียง หรือแตกร้าว หรือพังลงมาก็ได้ เพราะรั้วบ้านทั่วไป วิศวกรท่านจะไม่ได้ออกแบบไว้ให้รับแรงหรือน้ำหนักที่กระทำด้านข้างได้มากนัก
ทางป้องกันที่ง่ายที่สุดก็คือ เราหากระสอบทรายมาวางไว้อีกด้านหนึ่งของรั้วบ้านเรา (ในบ้านเรา) วางไว้ติดชิดกับรั้วไปเลย ยามเมื่อรั้วจะเอียงเพราะว่าน้ำที่ท่วมกดน้ำหนักมาอีกด้านหนึ่ง กระสอบทรายก็จะทำหน้าที่ช่วยรับน้ำหนักเอาไว้ ถ่ายแรงจากรั้วมา รั้วก็ยังตั้งตรงอยู่ได้ “กำแพงเมืองของเราก็ไม่แตก หรือล้มครืนลงมา” ครับผม

3. น่าจะมี “ปืน” ไว้สู้ฝน สู้น้าท่วม จัดการกับ “รูรั่ว” บ้านหลายหลังที่มีรู มีรอยแตกเล็กๆ ตามผนังหรือช่องหน้าต่าง ตามรอยต่อของผนังกับเสาและคาน หรือแม้แต่ตามรั้วบ้าน ซึ่งบางครั้งเราไม่มีเวลา (หรืองบประมาณ) ที่จะแก้ไขได้ที่ต้นเหตุ จะตามช่างมาซ่อมแซมหรือก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หรือไม่ทันเวลาเสียแล้ว ดังนั้น เราก็น่าจะมีวัสดุอุดประสานรอยจำพวก ซิลิโคน หรือ อะคริลิค หรือ โพลี่ยูริเทน เอาไว้ เพื่ออุดรอยเหล่านี้ ซึ่งเราน่าจะทาได้ด้วยตัวเอง (โดยเฉพาะในจังหวะที่เศรษฐกิจไม่ดี หรืออยากจะฝึกตัวเองเป็นช่างบ้าง) แต่การที่เราจะใช้วัสดุ ประสานที่มีความยืดหยุ่นและอยู่ในหลอดแข็งๆนี้ได้ เราจะต้องมีอุปกรณ์การ "ฉีด" ซึ่งภาษาช่างทั่วไปเขาเรียกกันว่า "ปืน" ซึ่งราคาไม่แพงเลยครับ บางครั้ง ท่านอาจจะต้อง "พกปืน" ไว้ในบ้านของท่านสักชุด เพื่อช่วยเหลือตัวเองในการต่อสู้ ป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในบ้านของเราครับ

4. อย่าให้ต้นไม้ล้มทับบ้าน ยามน้ำท่วมและพายุมา ต้นไม้ทั้งหลายที่อยู่ในบ้านหรือใกล้บ้านเราจะเป็นอันตรายยามมีพายุมา เพราะต้นไม้อาจจะล้ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ที่ล้อมจากที่อื่นมาปลูก เพราะต้นไม้เหล่านั้นไม่มี “รากแก้ว” ครับ) หรือ กิ่งต้นไม้บางประเภทที่ค่อนข้างเปราะ (เช่น ต้นประดู่กิ่งอ่อน) อาจจะหักลงมาสู่ตัวบ้านเรา ต้องทำการเล็มกิ่งหรือตัดกิ่งบางกิ่งออกไปเสีย ยามเมื่อน้ำท่วม ระดับน้ำใต้ดินจะสูงมาก (หรือน้ำท่วมเข้ามาได้จริงๆ) รากของต้นไม้จะแช่น้ำเป็นเวลานาน รากต้นไม้จะเน่าได้ แล้วความสามารถในการยึดเกาะกับดินก็จะน้อยลง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีรากแก้ว) ต้นไม้ก็อาจจะล้มลงได้ ต้องทำการค้ำยันลำต้นเอาไว้ให้ดี ก่อนน้ำจะท่วมครับ สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องการให้ปุ๋ย ซึ่งตอนที่น้ำท่วมห้ามให้ปุ๋ยต้นไม้ครับ เพราะจะทำให้รากเน่าเร็วขึ้น (ต้นไม้ที่โดนน้ำท่วมก็เหมือนคนป่วย เขาไม่ต้องการอาหารดีๆ (แต่ย่อยยาก) ครับ ขอให้หายป่วยเสียก่อนค่อยกินอาหารดีๆ เยอะๆได้ครับ)

5. ตรวจสอบถังน้ำใต้ดิน
บ้านใครมีถังน้ำใต้ดิน ต้องตรวจสอบ “ฝา” ของถังน้ำให้ดีๆ เพราะเวลาน้ำท่วม ถังน้ำจะอยู่ใต้น้ำด้วย หากฝาของถังน้ำมีระบบป้องกันน้ำเข้าไม่ดี น้ำสกปรกที่ท่วมเข้ามา ก็จะไปปนกับน้ำสะอาดในถังน้ำของเรา ปัญหาเรื่องโรคภัยต่างๆ ก็จะตามเข้ามาหาตัวเราโดยทันทีครับ
หากเราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำเล็ดลอดเข้ามาในถังของเราได้ ก็ขอให้ต่อท่อน้ำตรงจากท่อประปาหน้าบ้านเรา เข้ามาที่ตัวบ้านของเราเลย (โดยปกติแล้ว บ้านที่มีถังน้ำใต้ดินจะมีวาล์วหมุนเปิดทางให้น้ำประปาจากหน้าบ้านเรา วิ่งผ่านตรงเข้ามาในบ้านโดยไม่ลงไปที่ถังน้ำใต้ดินได้ ต้องหาวาล์วตัวนี้ให้เจอ แล้วต่อตรงเข้ามาเลยดีกว่า น้ำาจะเบาลงหน่อย แต่ก็ยังเป็นน้ำสะอาดครับ)

6. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้านอกบ้าน ตัดกระแสไฟเสีย
ภายนอกบ้านของเราจะมีอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างเช่น ปั๊มน้ำ เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งไฟสนาม และกริ่งหน้าบ้าน ต้องหาสวิตช์ตัดไฟให้พบว่า จะต้องตัดไฟตรงไหนไม่ให้ไฟฟ้าวิ่งเข้าไปที่อุปกรณ์เหล่านั้นได้ ยามเมื่อน้ำท่วมเข้ามา ต้องตัดไฟตรงนั้นเสีย (แม้กระทั่งยามจะเข้านอน ถ้าไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมเข้ามาตอนเราหลับอยู่หรือเปล่า ก็ต้องปิดสวิตช์ไฟฟ้าของอุปกรณ์เหล่านั้นเสีย ตื่นมาตอนเช้า หากน้ำยังไม่ท่วม ก็ค่อยเปิดสวิตช์ใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ)
ส่วนการย้ายเครื่องมือย้ายอุปกรณ์เหล่านั้นในตอนนี้ หากแน่ใจว่าน้ำท่วมแน่ และมีช่างมาช่วยย้าย ก็อาจจะย้ายได้ แต่หากไม่มีช่างมาช่วย ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำเอง ก็อาจจะต้องยอมให้อุปกรณ์เหล่านั้นแช่น้ำไปก่อนตอนน้ำท่วม

7. ป้องกัน งู เงี้ยว เขี้ยว ขอ ตะกวด และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
ยามน้ำท่วม มิใช่เพียงมนุษย์และสัตว์เลี้ยงของเราเท่านั้นที่ต้องหนีน้ำท่วม แต่เหล่าสัตว์ต่างๆ ก็ต้องหนีน้ำกันด้วย และการหนี้น้ำท่วมที่ดีที่สุด ก็คือการเข้ามาในบ้านของเรา เพราะบ้านของเราพยายามกันน้าท่วมอย่างดีที่สุดแล้ว
ปัญหาก็คือ เหล่าสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ที่ทั้งเลื้อยและทั้งคลานเข้ามาในบ้านเรา เป็นสิ่งที่เราไม่ต้อนรับ และอาจเป็นผู้ทำอันตรายเราด้วย ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่า “รู” ต่างๆของบ้านเราจะต้องโดน “อุด” เอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูที่ประตูหน้าต่าง หรือที่ผนังบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รูจากท่อระบายน้ำ” ที่พื้นบ้านของเรา (เขาชอบมาทางนี้กันครับ)
บางท่านอาจจะมีการโรย “ปูนขาว” ล้อมรอบบ้านเอาไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าโรยรอบบ้านจริงๆ และ ไม่ถูกน้ำท่วม หรือถูกฝนชะล้างจนหายไปหมดครับ) เพราะปูนขาวจะกันสัตว์เหล่านี้ได้ครับ นอกจากนี้ก็น่าจะเตรียมยาฉีดกันแมลง ติดบ้านไว้ด้วยครับ

8. เรื่องส้วม ส้วม ส้วม สุขา สุขา
เป็นเรื่องของความสุขที่เปลี่ยนไปเป็นความทุกข์ทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบส้วมที่เป็นระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมแบบเดิม ที่น้ำจากการบำบัดจะต้องซึมออกสู่ดิน แต่พอน้ำท่วม น้ำจากดินภายนอกจะซึมเข้ามาในบ่อ ก็ทำให้บ่อเกรอะเต็มไปด้วยน้ำ ส้วมก็จะเกิดอาการ “อืด และ ราดไม่ลง” หากน้ำจากภายนอกท่วมมาก มีแรงดันมาก ก็อาจจะเกิดอาการ “ระเบิด” ทำให้สิ่งปฏิกูลต่างๆ พุ่งกลับมาที่โถส้วม ความสุขหายไป ความทุกข์ปล่อยออกไม่ได้

ในกรณีนี้ ต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องป้องกันไม่ให้สิ่งปฏิกูลทั้งหลายพุ่งกลับออกมาทางโถส้วม ต้องปิดโถส้วมให้ดี หากเป็นโถส้วมนั่งราบที่มีฝาปิด ก็ต้องปิดฝาให้แน่น เอาเชือกผูกเอาไว้ หากเกิดอาการพุ่งขึ้น ก็จะไม่เรี่ยราดทาความสะอาดยาก กรณีนี้ทำเฉพาะโถส้วมชั้นล่างก็พอ เพราะน้ำคงไม่ท่วมถึงชั้นสองครับ (เพราะหากท่วมถึงชั้นสอง เราคงไม่ได้อยู่ในบ้านได้แล้ว)
กรณีที่เป็นบ่อบำบัดสำเร็จ ซึ่งเขาจะทำงานโดยไม่ต้องมีบ่อเกรอะบ่อซึม ในเวลาปกติเขาจะบำบัดจนเสร็จภายในถังเอง แล้วก็จะระบายน้ำที่บำบัดเสร็จแล้ว ลงท่อระบายน้านอกบ้านของเรา ยามเมื่อน้ำท่วม น้ำจากบ่อบำบัดจะไหลระบายออกไปไม่ได้ เพราะระดับน้าที่ท่วมอยู่สูงกว่าบ่อบำบัด ซึ่งเป็นการแก้อะไรไม่ได้ ต้องปล่อยไว้อย่างนั้นครับ
ถังบำบัดสาเร็จบางรุ่นจะมีมอเตอร์อัดอากาศเข้าไป (ซึ่งในบ้านส่วนใหญ่จะไม่ใช้รุ่นนี้) ก็ต้องตรวจดูว่ามอเตอร์อยู่ที่ไหน หากมอเตอร์น่าจะอยู่ในระดับที่น้ำท่วมถึง ก็ต้องตัดกระแสไฟไม่ให้เข้าไปสู่ตัวเครื่องกลนั้นครับ
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังก็คือ “ท่อหายใจ” ที่เป็นท่อระบายอากาศของระบบส้วมของเรา ต้องมั่นใจว่าท่อหายใจนั้นจะต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำที่มีโอกาสท่วม หากท่อหายใจของเราอยู่ระดับต่ำ ก็ต้อง “ต่อท่อ” ให้มีระดับสูงขึ้นให้ได้ จะต่อแบบถาวรก็ได้ (หากมีช่างมาทา หรือเราทาเป็น) หรือจะต่อแบบท่อไม่ถาวร ก็คือเอาสายยางธรรมดา มาครอบท่อหายใจเดิม แล้วก็ยกให้ปลายท่อนั้นอยู่สูงขึ้นกว่าระดับน้ำที่คาดหมายว่าจะท่วมครับ
ท่อหายใจนี้จะเป็นอุปกรณ์สาคัญมากในการช่วยระบายความดันภายในระบบส้วมของเรา ไม่ให้สิ่งปฏิกูลมีแรงดันมากเกินไปครับ

9. ปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ ตรวจสอบและแยกวงจร
เรื่องนี้เป็นเรื่องสาคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของบัญญัติ 20 ประการของบทความนี้ เพราะอันตรายที่มองไม่เห็นก็คือเรื่องของ “ไฟฟ้า” ครับ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟฟ้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตเสียแล้ว
หากบ้านของเรามีการแยกวงจรไฟฟ้าไว้ตั้งแต่แรก คือวงจรไฟฟ้านอกบ้าน วงจรไฟฟ้าชั้นล่าง และวงจรไฟฟ้าชั้นบน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้านอกบ้านเมื่อน้ำท่วมนอกบ้าน หากน้ำสูงขึ้นมาจนเข้าในตัวบ้าน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้าชั้นล่าง หากน้ำสูงขึ้นถึงชั้นสอง น่าจะหาทางออกจากบ้านเพื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะสวิตช์หลักของบ้านโดยทั่วไปจะอยู่ที่ชั้นล่างระดับประมาณ 1.8 เมตรจากพื้นห้องครับ
กรณีที่บ้านไหนโชคดี วงจรไฟฟ้าชั้นล่างแยกวงจรออกมาเป็นระดับปลั๊กด้านล่างและระดับสวิตช์บน ก็ค่อยๆ ตัดวงจรปลั๊กชุดล่างก่อนตามระดับน้ำที่ท่วมขึ้นมา
หากกรณีที่ไม่มีการจัดวงจรเอาไว้อย่างเป็นระบบตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เราต้องค่อยๆทำการทดสอบอย่างใจเย็นๆว่าปลั๊กหรือสวิตช์ชุดใดจะมีการตัดวงจรไฟฟ้าจากคัทเอาท์หลักบ้าง แล้วทำโน้ตบันทึกเอาไว้ หากเมื่อน้ำท่วมเมื่อไร ก็จะได้ทราบว่าเราต้องตัดวงจรชุดใดก่อน (ตัดวงจรส่วนที่ถูกน้ำท่วม) อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหน่อยที่จะตรวจสอบ แต่ก็ต้องใจเย็นๆและตั้งใจที่จะตรวจสอบครับ
ในกรณีที่วงจรบางวงจรที่ควบคุมทั้งปลั๊กหรือสวิตช์ตัวล่างกับปลั๊กหรือสวิตซ์ตัวบน ก็จาเป็นต้องตัดวงจรทั้งหมด ห้ามเสี่ยงโดยเด็ดขาดครับ
อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆที่สามารถขนย้ายได้ในตอนนี้ ก็อาจขนย้ายขึ้นไปไว้ชั้นบนก่อน ยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ก็ได้เช่น เตาไฟฟ้า เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องตีไข่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องชาร์จโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังต้องใช้งานอยู่ ก็ต้องเตรียมการขนย้ายขึ้นข้างบนเอาไว้เลย เช่นเครื่องไมโครเวฟ โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ การขนย้ายยุ่งยาก และหาที่วางยาก เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ก็ต้องวางแผนว่าจะเอาอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต หากยังใช้อยู่แล้วยามน้าท่วมขึ้น จะมีคนช่วยขนหรือไม่ หรือจะทิ้งเอาไว้อย่างนั้น
เรื่องไฟฟ้าเป็นอันตรายที่มองไม่เห็น และน้าเป็น “สื่อไฟฟ้า” ด้วย ดังนั้นเรื่องไฟฟ้าในบ้าน จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องมีการตรวจสอบและเตรียมการครับ

10. ตรวจสอบว่าประตูหน้าต่างแน่นหนาและแข็งแรง
เพราะว่าประตูบ้านของเรา (ไม่ว่าจะเป็นประตูที่รั้วบ้าน หรือประตูที่ตัวบ้านเรา) และหน้าต่าง เป็นจุดหนึ่งที่ถือว่ามีความอ่อนแอมากที่สุด มีโอกาสที่จะบิด หรือเผยอตัว หรืออาจจะหลุดออกมาทั้งบาน หากมีแรงดันน้ำมากๆ ดันเข้ามา
ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบความแข็งแรงให้ดี ต้องพยายามที่จะใช้ “กลอน” ช่วยรับน้าหนักทางด้านข้างด้วย การลงกลอนในบานประตูและหน้าต่างที่ไม่ได้ใช้เป็นปกติธุระ น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะป้องกันน้ำวิ่งเข้ามาที่ตัวบ้านของเราได้ครับ
หากหนักหนาจริงๆ ประตูหน้าต่างของเราดูจะอ่อนแอรับแรงดันน้ำไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องเอาไม้มาตีพาดขวางช่วยรับแรง หรือเอาของหนักๆมาวางช่วยดันประตูเอาไว้ (ต้องเป็นประตูด้านที่เราไม่ใช้โดยปกตินะครับ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตอนที่เราจะหนีออกจากบ้าน หรือตอนที่คนเขาจะเข้ามาช่วยเราในบ้าน ยามเกิดวิกฤติครับ)

11. เตรียมระบบสื่อสารทุกประเภทเอาไว้ให้พร้อม
ระบบสื่อสารทุกอย่างที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นระบบโทรศัพท์ปกติหรือโทรศัพท์มือถือ ระบบอินเตอร์เน็ตทั้งมีสายและไร้สาย วิทยุ โทรทัศน์ หรือ อุปกรณ์สื่อสารพิเศษอย่างอื่น (เช่นระบบดาวเทียม วอร์คกี้ทอร์คกี้ เป็นต้น) เพราะการรับข่าวสาร และการติดตามข่าวสารเรื่องภัยน้ำท่วมที่จะมาถึงตัวเราเป็นเรื่องสาคัญ และไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในทุกวินาที
     และหากน้าท่วมแล้ว การขอความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือตัวเองเป็นเรื่องสาคัญ ณ วินาทีวิกฤตินั้นแน่นอน อีกทั้งระบบสื่อสารที่เรามีนั้น มิได้ใช้เพียงการที่เราช่วยตัวเอง แต่อาจจะมีผู้เดือดร้อนคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษาจากเรา ก็สามารถติดต่อกับเราได้ ต้องคนละไม้คนละมือเสมอ ทุกคนล้วนลำบากทั้งสิ้นครับ

12. ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง
อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างมีความจำเป็นยามเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย วิทยุ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ มือถือ หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายภาพ ฯลฯ จะต้องมีการชาร์จไฟไว้ให้เต็มร้อยตลอดเวลา เพราะยามน้ำท่วม ระบบไฟฟ้าทั้งหมดอาจติดขัดครับ
นอกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องชาร์จไฟให้เต็มที่แล้ว การใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเมื่อไฟฟ้าปกติไม่มา จะต้องประหยัดไฟด้วย เพื่อความมั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะทำงานได้เต็มที่ยามฉุกเฉิน อีกทั้งต้องเตรียมอุปกรณ์อื่นเสริมอีกด้วย เช่นไม้ขีดไฟ เทียนไข เป็นต้น

13. ย้ายของทุกอย่างให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม
    ข้าวของในบ้านของเรา ไม่ใช่เพียงเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าเท่านั้นที่เราจะต้องมีการจัดการย้ายให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่ามีความสาคัญ และอาจจะเสียหายได้เมื่อมีน้าท่วม ตั้งแต่รถยนต์ ถังกาซ เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ของขวัญ รูปภาพ ฯลฯ ขอให้ย้ายไปสู่ที่ที่เหมาะสม ซึ่งที่ที่เหมาะสมนั้นอาจจะอยู่ในตัวบ้านของเรา หรือจะย้ายออกไปเก็บไว้นอกบ้าน สถานที่อื่นที่คิดว่าปลอดภัย
    มีข้อมูลว่า เมื่อน้ำท่วม หลายคนเป็นอันตรายอันเนื่องมาจากการ “ห่วงของ” ต้องลุยน้ำกลับไปกลับมาเพื่อขนของออกจากบ้าน และหลายครั้งที่ขนของออกมาแล้ว แต่ไม่มีที่วาง ก็จาต้องวางไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย ปรากฏว่าของที่อุตส่าห์ขนออกมาด้วยความเสียดายหรือความผูกพันนั้น ถูกผู้ชั่วร้ายใจทรามขโมยต่อเอาไปอีกด้วย
     แต่ของที่เราจะย้ายนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นของทุกอย่างไปเลย เลือกเฉพาะที่เราคิดว่าต้องย้ายเท่านั้น ของบางอย่างที่แช่น้าได้ไม่มีปัญหา ก็ไม่ต้องขนย้ายก็ได้

14. ใช้พลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำให้เป็นประโยชน์
วัสดุส่วนใหญ่จะกลัวน้ำ หรือไม่สามารถที่จะสู้กับน้ำได้ แต่พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำ ดังนั้นอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นพลาสติก น่าจะต้องมีการเตรียมการเอาไว้ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำพลาสติก ท่อพลาสติก กระดานพลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าหรือแผ่นพลาสติก ที่เราจะเอาไว้ใช้หุ้มอุปกรณ์หรือส่วนต่างๆของบ้านเรา ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ฯลฯ แม้กระทั่งการหุ้มป้องกันตัวเรา หรืออวัยวะบางส่วนของตัวเราครับ
     ขอให้หาซื้อผ้าหรือกระดานพลาสติกเก็บเอาไว้ใกล้มือเรา ยามฉุกเฉิน พลาสติกจะเป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากจนคาดไม่ถึงได้ครับ และที่สาคัญอีกอย่างก็คือ “ห่วงยาง” ครับ

15. เตรียมอาหาร น้ำดื่ม และยาให้พร้อม
     เพราะยามน้าท่วมแล้ว เราอาจจะต้องติดอยู่ในบ้านของเราก็ได้ สิ่งที่จำเป็นในการดารงชีพของเราก็คือ “อาหาร” ที่ต้องเตรียมเอาไว้ ทั้งอาหารที่ต้องมีการปรุงด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า (หรือกาซ) กับอาหารที่สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องมีการปรุง และต้องเตรียมเรื่อง “น้าดื่ม” เอาไว้ด้วย เตรียมให้เพียงพอสาหรับทุกคนประมาณ 3 วันครับ
    ยาเป็นสิ่งสาคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องเตรียมเอาไว้ (ในที่ที่ปลอดภัย) ยาหลักๆก็คือ ยาแก้ปวด ยากแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า ยาล้างแผล ยาแก้แพ้ ยากันแมลงและยาของโรคประจาตัวของทุกคน
     มีผู้หวังดีแนะนาบอกต่อว่า อย่าสะสม “สุรา” เอาไว้ตอนน้าท่วม เพราะน้ำท่วมนานๆ อาจจะมีคนกลุ้มใจ แล้วใช้สุราแก้ความกลุ้มใจ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนเหล่าขวดสุราที่เก็บสะสมเอาไว้ ไม่ต้องขนไปไกลก็ได้ เพราะขวดสุราเหล่านั้น เขาสามารถแช่น้ำได้ ไม่มีปัญหาประการใด

16. บ้านชั้นเดียว ต้องตรวจสอบหลังคาด้วย
สาหรับบ้าน 2 ชั้น หลังคาบ้านจะมีผลมากยามเมื่อฝนตกหนักๆ ซึ่งเราน่าจะต้องดูแลกันไปพอสมควรแล้วในเวลาที่เพิ่งผ่านมา แต่ในกรณีน้ำท่วมนั้นหลังคาไม่ค่อยมีผลมากเท่าไร เพราะน้ำท่วมจากข้างล่างขึ้นไป หากท่วมถึงหลังคาชั้นสอง เราก็น่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนหน้านั้นแล้ว
แต่กรณีที่เป็นบ้านชั้นเดียว น้ำอาจจะท่วมชั้นล่างของบ้านอย่างรวดเร็ว หลังคาหรือส่วนของหลังคาจึงเป็นพื้นที่หลบภัยได้ชั่วคราวพื้นที่หนึ่ง เราจึงต้องตรวจสอบทางหนีทีไล่ของเรา กรณีที่เราต้องขึ้นไปหนีภัยบนหลังคา ซึ่งเราอาจจะขึ้นไปทางฝ้าเพดานของเรา (กรุณาอย่าลืมตัดวงจรไฟฟ้าที่บ้านทั้งหมด ก่อนจะขึ้นไปบนฝ้าเพดานสู่หลังคานะครับ)

17. ระวังโจร ระวังมาร ระวังผู้ชั่วร้าย
เป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสลดใจที่สังคมน่าอยู่และเห็นอกเห็นใจของเมืองไทยเรา ได้ถูกลัทธิวัตถุนิยมเข้าครอบงำไปหลายส่วนแล้ว ดังนั้นเราจึงได้ข่าวเนืองๆว่า มีผู้ชั่วร้ายที่อยากได้ประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก เข้ามารังแกจี้ปล้นประชาชนที่กาลังลำบากทุกข์เข็ญ
ยามน้ำท่วม เจ้าหน้าที่ตำรวจกาลังยุ่งกับภารกิจอย่างอื่น เหล่าคนชั่วก็จะออกอาละวาดรังแกผู้ที่กำลังเดือดร้อน มีการขโมย จี้ปล้น ฉกชิงวิ่งราว ให้เราได้ทราบอยู่เป็นประจำ และมีความเป็นไปได้ว่าหนึ่งในอนาคตนั้นอาจจะเป็นตัวเราและบ้านของเรา
ดังนั้น การเตรียมการป้องกันโจร จึงเป็นอีกประการหนึ่งที่เราต้องเตรียมการ อย่าเก็บของมีค่าเอาไว้ในบ้านของเรา เอาไปฝากที่อื่นก่อนดีกว่า เงินทองไม่จาเป็นที่ต้องพกมากมาย และคอยเฝ้าสังเกตบุคคลที่น่าสงสัย การส่งเสียงดังๆในบางครั้ง จะเป็นอาวุธป้องกันตัวเราได้

8. เพื่อนบ้าน ต้องร่วมด้วยช่วยกัน
ในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของการต่อสู้ป้องกันโจรประการเดียว แต่หมายถึงในทุกๆกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เรา “ขอความช่วยเหลือ” จากเพื่อนบ้าน แต่หมายถึงการที่ “เราจะช่วยเหลือเพื่อนบ้าน” ด้วย รวมๆกันก็หมายถึง “การสร้างชุมชนเข้มแข็ง” เพราะความรักที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เสมอยามที่คนเรามีความลำบากร่วมกัน
อย่าต่อสู้หรือป้องกันภัยทั้งหลายคนเดียว ต้องสื่อสารกัน ต้องจับมือกัน และวางแนวทางการป้องกัน การต่อสู้ที่เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น แล้วเราจะมีโอกาส หากตอนนี้เหล่าเพื่อนบ้านยังไม่มีการเคลื่อนไหวร่วมกัน เราก็อาจจะเป็นแกนตัวเล็กๆที่จะเป็นผู้เริ่มต้นได้ครับ อย่าอาย อย่ากลัวใครเขาหมั่นไส้ครับ หากเราเป็นคนดี มีจิตใจดี ทุกคนจะเข้าใจครับ

19. เตรียมทางหนีทีไล่เพื่อออกจากบ้าน
ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า การป้องกันน้ำท่วมก็เหมือนการป้องกันเมืองจากการโจมตีของข้าศึก ซึ่งเราอาจจะป้องกันเอาไว้ได้หรือป้องกันไม่ไหวก็ได้ หากถึงที่สุดแล้ว เราไม่มีทางต่อสู้ได้แน่ๆ พ่ายแพ้แล้ว การเตรียม “ทางหนี” เป็นเรื่องที่จาเป็น หากเราเตรียมทางหนีเอาไว้แต่แรก เราก็สามารถหนีได้ หนีทัน เกิดความเสียหายน้อยลง
ทางหนีจากกรณีน้าท่วมบ้าน อย่าคิดเพียงทางหนีออกจากบ้าน แต่ต้องคิดให้จบว่าหนีออกไปแล้ว จะหนีด้วยอะไร มีเรือหรือห่วงยางหรือไม่ มีเชือกสาวตัวเองหรือไม่ จะพกอะไรติดตัวไปบ้าง (ที่สามารถพกพาแบกหามไปได้) และจะมุ่งหน้าไปทางทิศใด มุ่งหน้าไปไหน และจะไปหยุดที่ใด พักที่ใด กับใคร ทุกอย่างต้องคิดเป็นกระบวนการ และคิดให้จบวงจรไว้แต่แรกครับ

20. ตั้งจิตให้มั่น ตอนนี้ “สติ” สาคัญที่สุด
อย่าเสียเวลากับการเกรี้ยวโกรธ อย่าเพิ่งด่าอะไรใคร อย่าโทษฟ้าดิน ยังมีเวลาและโอกาสอีกมากมายที่จะทำเช่นนั้น เวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องตั้งสติ และคิด และเตรียมการอย่างเป็นระบบ เราต้องรับรู้ข่าวสารต่างๆอย่างทันต่อเหตุการณ์จากคนที่เชื่อถือได้ (ระวังคำพูดนักการเมืองนิดนะครับ) ต้องฟังวิทยุ หรือแม้แต่ติดตามทางอินเตอร์เน็ต (เช่น http://www.thaiflood.com/ หรือ http://flood.gistda.or.th/ เป็นต้น)
ค่อยๆ กลับไปอ่านตั้งแต่ข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 19 แล้วอาจจะเพิ่มข้ออื่นๆที่เราคิดออกเข้าไปอีกได้ เมื่ออ่านแล้วก็ตรวจสอบ และลงมือทำทันทีครับ .... ตอนนี้ “สติ” สาคัญที่สุดครับ

บ ท ตา ม
บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเท่าที่ผู้เขียนมีข้อมูลและความรู้ มิใช่เป็นบทความที่สมบูรณ์ที่สุดแต่ ต้องการเขียนขึ้นในฐานะของคนไทยคนหนึ่งที่ต้องการเป็นประโยชน์กับผู้อื่นในสภาวะวิกฤติของบ้านเมืองบ้าง โดยหวังว่าอาจจะ “ลดความทุกข์” ให้สังคมได้ส่วนหนึ่ง แม้เป็นส่วนเล็กน้อยก็ตาม
บทความนี้ “ไม่มีลิขสิทธิ์” ครับ ผู้ใดต้องการนำไปเผยแพร่ ณ ที่ใดก็สามารถทำได้ โดยไม่จาเป็นต้องขออนุญาตหรืออ้างอิงแหล่งที่มาหรือชื่อผู้เขียนก็ได้ กรุณาอย่าเกรงใจ
นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถ. ๓๔๔ ว.
ตุลาคม ๒๕๕๔

ขอบคุณท่านผู้เขียนบทความและท่านผู้นำมาเผยแพร่ค่ะ...เป็นประโยชน์มากค่ะ  ;D

เล่าสู่กันฟังค่ะ... ;D
ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ...

อาชีพเสริมช่วงน้ำท่วม 2554  
อาชีพมาแรงที่น่าจับตามอง คือ
1. อาชีพจับสัตว์ เช่นงูเห่า งูสิงห์ งูเหลือม...
2. อาชีพขนส่ง ทางรถ ทางเรือ ช่วงน้ำท่วม สร้างรายได้ให้กับผู้ที่มีรถ-เรือ บริการ สมมุติว่าเที่ยวละ 20 บาทต่อคน ก็ตกประมาณ 1,000- 6,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับทำเลและจำนวนผู้โดยสาร
3. อาชีพขายอาหาร ขายของ น้ำดื่ม ระหว่างน้ำท่วม ขายอาหารประเภทส่งถึงที่ ถึงบ้าน และจุดที่มีผู้ไปพักหนีน้ำ เช่นวัด โรงเรียน ภูเขา ที่สูง
4. อาชีพขายทราย เพื่อเอามาเสริมคันดินกั้นน้ำ รวมถึงวัสดุก่อสร้างทุกชนิด
5. อาชีพขายเสื้อชูชีพ ขายเรือ....

อาชีพเสริมหลังน้ำลด หลังน้ำแห้ง
1. อาชีพซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังน้ำท่วม ได้ซ่อมบำรุงครั้งใหญ่แน่ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องเสียง เตารีด หม้อหุงข้าว คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้านานาชนิด ซ่อมกันเป็นอันมาก
2. อาชีพขายอาหาร กับข้าว เนื่องจาก ภัยน้ำท่วม ได้พัดอุปกรณ์ประกอบอาหาร ผักที่ปลูก สัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้กิน ไปหมด
3. อาชีพขายเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่นอนหมอนมุ้ง
4. อาชีพรับจ้างทำความสะอาด เก็บกวาด ล้างทำความสะอาดหลังน้ำลด ภายในบ้านและนอกบ้าน
5. อาชีพวัสดุก่อสร้าง  ต้องมีการซ่อมหลังคา ฝ้าเพดาน พื้น สี ผนัง และอื่นๆ อีกมากมาย
6. อาชีพขายฟอร์นิเจอร์ ตู้เสื้อผ้าตู้โชว์ โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา...ต้องซื้อตัวใหม่มาทดแทนของเก่า ทีเสียหายเพราะน้ำ
7. อาชีพบำบัดจิตใจ จิตแพทย์ หมอดู พระ...
8. อาชีพรับซื้อทราย เนื่องจากทรายที่เอามาทำกำแพงกั้นน้ำ จำเป็นต้องรื้อออกมา และขายไปในราคาถูก
9. อาชีพ ขายยา รักษาโรค โดยเฉพาะ โรคเกี่ยวกับน้ำ กัดเท้า โรคหวัด
10. อาชีพ ขายน้ำดื่ม  
11. อาชีพขายพันธุ์พืชเพาะปลูก
12. อาชีพขายข้าว เนื่องจากข้าวโดยน้ำท่วมเสียหาย ไม่มีแม้แต่จะกิน ต้องซื้อ และหาพันธ์พืชมาเพาะปลูก
13. อาชีพร้านซักรีด ทำความสะอาดเสื้อผ้า หลังน้ำลด
14. อาชีพซ่อมรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ รถเครื่อง รถจันยานยนต์ และเครื่องยนต์ต่างๆ
15. อาชีพนักสืบ ค้นหาของหาย หาสัตว์เลี้ยง หาคน ที่พลัดหลงกันไปในช่วงน้ำท่วม
16. อาชีพสร้างบ้านป้องกันน้ำท่วม บ้านลอยน้ำได้ ปีหน้าจะได้ไม่ถูกน้ำท่วมอีก
17. อาชีพช่างไฟฟ้า ภายในบ้าน

ใครคิดอาชีพอะไรได้อีกบ้างคะ... ;D

ได้ fw mail มาค่ะ

วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผลมากกว่ากระสอบทราย

น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ บ้านผมก็หนีไม่พ้นอีกเช่นเคย เพราะอยู่ในโซนหมายเลข 1 ที่น้ำจะต้องท่วมก่อนโซนอื่น ๆ ยังโชคดีที่ อบต.ปรับปรุงถนนหน้าหมู่บ้านให้มีความสูงมากขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นถึงแม้ระดับน้ำจากแม่น้ำปิงจะสูงเกินค่าวิกฤติ คือ 3.70 เมตร น้ำก็ยังไม่ล้นตลิ่งข้ามถนนเข้าไปท่วมหมู่บ้าน แต่ในที่สุดก็ไม่รอด เพราะปีนี้น้ำขึ้นสูงสุดถึง 4.94 เมตร สรุปว่าน้ำเริ่มเข้าท่วมถนนภายในหมู่บ้านตั้งแต่ตอนบ่ายวันพุธที่ 28 กันยายน 2554 และหยุดท่วมในเช้าวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554

ถึงน้ำจะท่วมถนนภายในหมู่บ้านสูงถึง 60 ซม. จนไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้า-ออกได้ตามปกติ แต่จากประสบการณ์ที่ต้องผจญกับน้ำท่วมในหมู่บ้านนี้มาหลายครั้ง ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่จะป้องกันไม่ให้น้ำจากถนนภายในหมู่บ้าน ไหลเข้าไปท่วมในบริเวณบ้านอย่างได้ผล ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่น ๆ ในวันนี้ครับ

เตรียมการก่อน

ประสบการณ์ จากน้ำท่วมเมื่อครั้งที่แล้ว พบว่าถึงแม้จะกั้นกระสอบทรายไว้ที่ประตูรั้ว แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำเข้าบ้านได้ เพราะ (1) บริเวณสนามหญ้าและลานอิฐบล็อกภายในบริเวณบ้านจะมีน้ำปุดทะลุพื้นดินขึ้น มา ( 2) กระสอบทรายไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ เมื่อถูกคลื่นที่เกิดจากรถยนต์วิ่งฝ่าเข้ามาในถนนที่น้ำท่วม จะมีแรงดันมหาศาลทำให้กำแพงกระสอบทรายพัง และน้ำไหลเข้าบริเวณบ้านได้ในที่สุด

จากประสบการณ์ดังกล่าวผมได้เตรียมการไว้หลังจากน้ำลดครั้งที่แล้ว ดังนี้

(1) ปรับปรุงพื้นรอบ ๆ บริเวณบ้านใหม่ โดยทำพื้นให้เรียบและเทพื้นด้วยคอนกรีตซีแพ็คลงไปจนเต็มชิดรั้วทุกด้าน

(2) ทำบานเหล็กสำหรับกั้นน้ำพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง โดยทำกรอบรางเหล็กสำหรับสวม ติดถาวรไว้ที่ประตูรั้วบ้านทั้งซ้ายและขวา ส่วนบานเหล็กและเสาค้ำยันถอดออกได้ เพื่อให้สามารถใช้ประตูบ้านได้ในยามปกติ

(3) ซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดแช่ขนาดเล็กที่เรียกว่าไดรโว่ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาท เครื่องสูบน้ำชนิดนี้จะขาดตลาดทันทีที่เกิดน้ำท่วม จึงต้องซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไม่ลืมสายไฟพร้อมปลั๊กที่จะใช้ต่อพ่วงมาจากตัวบ้านจนถึงประตูรั้ว

(4) ดินน้ำมันจำนวนหนึ่ง ใช้สำหรับอุดในช่องว่างที่ประกอบบานเหล็กกั้นน้ำเข้ากับประตูรั้วบ้าน

น้ำมาแล้ว

เสียง ประกาศเตือนภัยจาก อบต. ตั้งแต่เช้า แจ้งว่าน้ำคงจะเข้าท่วมหมู่บ้านในช่วงบ่าย ขอให้ประชาชนเตรียมป้องกันทรัพย์สินของตนเอง ผมนำรถยนต์ออกจากบ้านไปจอดไว้ยังที่ปลอดภัยนอกหมู่บ้าน กลับเข้ามาก็เริ่มติดตั้งบานเหล็กเข้ากับประตูรั้วบ้าน ติดตั้งเสาค้ำยัน ใช้ดินน้ำมันอุดตามรอยต่อระหว่างบานกับกรอบรางเหล็ก นำเครื่องสูบน้ำไดรโว่มาวางไว้ใกล้ประตูรั้ว ในตำแหน่งที่คาดว่าน้ำจะซึมเข้ามาและท่วมขังอยู่ ต่อสายไฟพร้อมใช้งาน แล้วรอน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ

เวลา ประมาณ 16.00 น. น้ำท่วมถนนภายในหมู่บ้านทุกถนนแล้ว มีน้ำซึมผ่านบานเหล็กที่ประตูรั้วเข้ามาในบ้านของผมปริมาณหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำก็สามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงจนเกิดความเสียหายได้ เมื่อน้ำในถนนลดลง ผมไม่ต้องลำบากในการทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่มีดินโคลนตกค้างจากน้ำท่วมขัง เหมือนน้ำท่วมเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว

ติดตั้งบานเหล็กเข้ากับเสาประตูรั้วบ้าน พร้อมติดตั้งเสาค้ำยัน

เข้า-ออก จากบ้านต้องใช้เก้าอี้บันไดตัวนี้ สังเกตระดับน้ำภายนอกบ้านเริ่มสูงมากแล้ว

ขณะ ที่ถนนด้านนอกระดับน้ำสูงถึง 60 ซม. แต่ภายในบ้านมีน้ำรั่วซึมเข้ามาเพียงเท่านี้ และเมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำก็จะแห้งภายใน 5 นาที

ลุยน้ำออกไปถ่ายจากนอกบ้านเข้ามา สภาพประตูกั้นน้ำจะมีลักษณะนี้

บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน

อีกภาพหนึ่ง

หวังว่าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มีบ้านในหมู่บ้านจัดสรร ที่น้ำเคยท่วมแล้ว จะได้เป็นแนวทางในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านแสนรักในครั้ง ต่อไป ได้บ้างตามสมควรครับ.

อันนี้ก็ดีนะคะ...เข้าไปอ่านดู.. ;D

การเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินก่อนน้ำท่วม
http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1447.msg2101/topicseen.html#msg2101 (http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1447.msg2101/topicseen.html#msg2101)

ส้วมฉุกเฉิน สามแบบ
http://www.thaiware.com/news/news_detail?id=973 (http://www.thaiware.com/news/news_detail?id=973)

วิธีการวางกระสอบทรายกันน้ำท่วมที่ถูกต้อง-อันนี้ใช้กระสอบทรายเยอะไป ไม่เหมาะเพราะตอนนี้หายากมากกกก
http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1443.msg2094/topicseen.html#msg2094 (http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1443.msg2094/topicseen.html#msg2094)

วิธีป้องกันน้ำไหลเข้าบ้านเรือน
http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1444.msg2095/topicseen.html#msg2095 (http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1444.msg2095/topicseen.html#msg2095)

ทำรองเท้ากันฉี่หนู
http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1442.msg2093/topicseen.html#msg2093 (http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1442.msg2093/topicseen.html#msg2093)

ข้อแนะนำเรื่องไฟฟ้าเวลาน้ำท่วม-อันนี้ดีต่อชีวิตจริงๆ
http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1453.new.html#new (http://www.thailandexhibition.com/forum/index.php/topic,1453.new.html#new)

ขอให้ชาวเรือนไทยทุกท่านรอดปลอดภัยจากน้ำท่วมคราวนี้กันทุกคนนะคะ...สู้สู้ ค่ะ ;D

เอามาฝากครับ

น่าสนใจนะคะ  ในสถานการณ์เช่นนี้

 

http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D11174191/D11174191.html




วิธีหุงข้าวสวยให้เก็บไว้ได้หลายวันโดยไม่บูด





ตอนนี้พื้นที่น้ำท่วมเยอะมาก
บางที่ท่วมจนไม่สามารถจะทำอาหารได้ หรือไม่มีอุปกรณ์เพราะน้ำพาไปหมด

ของที่บริจาคช่วยน้ำท่วมที่เราเห็นเยอะคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือข้าวสาร ซึ่งต้องทำให้สุกก่อนทาน
หรือจะเป็นอาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋องอย่าง ปลากระป๋องซึ่งทานอย่างเดียวก็ไม่อิ่มท้อง

ข้าวสวยบรรจุกระป๋อง ก็มีราคาแพงและน้อย

ที่บ้านเรา เวลาหุงข้าวสวย จะใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย
ข้าวสาร 3 กระป๋อง ใช้น้ำส้มสายชูประมาณ 1 ช้อนชา ซึ่งจริงๆก็กะเอาค่ะไม่ได้ตวง

ข้าวสวยที่หุงโดยการเติมน้ำส้มสายชูลงไป สามารถอยู่ได้โดยไม่บูดหลายวัน

เราเคยหุงแล้วตักมาทาน แล้วปิดฝาทิ้งไว้ ลืมไป 4 วัน มาเปิดหม้อดูอีกที ก็ไม่บูดค่ะ ไม่แฉะด้วย

เราทดลองหุงแล้วตักมาทาน แล้วปล่อยทิ้งไว้คาหม้อ 4-5 วัน มาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้วค่ะ เพื่อพิสูจน์ว่ามันจะไม่บูดจริงๆ โดยเปิดฝาดูทุกวัน
ข้าวที่หุงทิ้งไว้ 4-5วัน เราก็เอามาทานจริงๆ ไม่มีกลิ่นบูด ไม่แฉะ

เราเลยคิดว่า อยากให้หุงข้าวด้วยการเติมน้ำส้มสายชูดังกล่าว
แล้วบรรจุถุงแกง อาจจะรัดด้วยหนังยางหรือซีลด้วยเครื่องซีลถุง
เอาไปบริจาคให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมซึ่งไม่สามารถประกอบอาหารได้

ทานข้าวสวยกับปลากระป๋อง อร่อยและอิ่มท้องกว่าทานปลากระป๋องอย่างเดียวค่ะ

ส่วนตัวเราเอง ตอนนี้ทยอยหุงข้าวแล้ว pack ใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้เป็นเสบียงแล้วค่ะ
เพราะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำจะเข้าท่วมในอีก2-3วัน เก็บของเตรียมพร้อมเรียบร้อย
เอกสารสำคัญ ยา อาหาร ของจำเป็นในการดำรงชีวิต พร้อมลุย ไม่ต้องรอถุงยังชีพ

 

ขอให้กำลังใจแก่ผู้คนที่ได้รับความทุกข์และผลกระทบจากน้ำท่วมครับ

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คงจะช่วยกระตุ้นให้ท่านทั้งหลายได้นึกย้อนกลับถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ และอาจจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่หลายๆท่านคงทราบดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องทางธรรมชาติปกติ   

วิชาการนี้เรียกว่า Geomorphology ว่าด้วยเรื่องของสภาพภูมิประเทศและกระบวนการทางธรรมชาติที่ไปทำให้เกิดสภาพเช่นนั้น

ภูมิประเทศที่เราเห็นทั้งหลายนั้นเกือบทั้งหมดเกิดมาจากผลของการผุพัง (Weathering) การกัดกร่อน (Erosion) การทับถมของดินและหิน (Deposition) ที่เกิดบนพื้นผิวโลกทั้งบนดิน ใต้แอ่งน้ำและท้องทะเลมหาสมุทร และพลังงานต่างๆที่ยังสะสมอยู่ภายในโลกที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน และรอยเลื่อนต่างๆ อันเป็นผลทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ
 
ตัวการที่ทำให้เกิดภูมิประเทศต่างๆและผลดังกล่าวนี้ ได้แก่ ลม น้ำ น้ำทะเล น้ำแข็ง และพลังงานในรูปแบบต่างๆของโลกที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องตลอดมาตั้งแต่โลกกำเนิดมา (เช่น การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ภูเขาไฟ ฯลฯ)

ความจริงพื้นฐานก็คือ พื้นผิวของผิวโลกในส่วนที่สูงจะถูกทำให้ต่ำลง ในขณะที่พื้นผิวบริเวณที่ต่ำจะเป็นแ่อ่งรับตะกอนสะสมให้สูงขึ้น จนในสุดท้าย ทั้งพื้นที่สูงและพื้นที่ต่ำปรับลงมาอยู่ในระดับเดียวกัน (ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นได้เลยในโลก เพราะพลังงานภายในโลกได้ทำให้ผิวโลกมีการยกตัวและทรุดตัวตลอดเวลา)

จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องของน้ำจืดที่ใหลอยู่บนผิวโลกเหนือพื้นดิน (Fluvial) และกระบวนการทำลายและการสร้างของมันเท่านั้นครับ

ตัดตอนอย่างสั้นๆ - น้ำฝนที่ตกลงมาในป่าเขาซึ่งเป็นพื้นที่สูง บางส่วนจะถูกดูดซึมลงใต้ดิน ส่วนที่ถูกดูดซึมไม่ทันก็จะไหลอยู่บนผิวดินลงสู่พื้นที่ต่ำกว่า พร้อมอุ้มเอาดินทรายลงมาด้วย ดินทรายที่ถูกน้ำอุ้มนำพาลงมาด้วยนี้ก็เหมือนกระดาษทราย ขัดถูกัดกร่อนก้อนหินและเม็ดดินทรายอื่นๆ เมื่อน้ำอุ้มดินทรายไว้มาก ก็ขุ่นข้น ทำให้เนื้อของมวลน้ำนั้นมีมวลแน่นขึ้น ก็สามารถจะอุ้มดินทรายได้ก้อนใหญ่ขึ้น การกัดเซาะของน้ำในพื้นที่ลาดลันสูงนี้เป็นลักษณะในทางลึก บริเวณต้นห้วยหรือต้นลำน้ำต่างๆจึงมีลักษณะเป็นร่องลึก
น้ำที่ซึบซับลงดินนั้น หากมีมากเกินระดับหนึ่ง ก็จะทำให้ความสามารถในการยึดตัวของเม็ดดินลดลง เหมือกับเราเอาน้ำเทลงดิน หากไม่มากนัก ดินนั้นเราก็จะสามารถปั้นได้ แต่หากมากจนเกินไปก็จะกลายเป็นโคลน และมากไปมากๆก็จะกลายเป็นเลนเละๆ เป็นจุดเริ่มของดินโคลนถล่ม

ตัดตอนลงมาสู่ที่ราบ - การกัดกร่อนในทางลึกลดลงไปแต่ไปเพิ่มการกัดกร่อนในทางราบ ทางน้ำหรือแม่น้ำในพื้นที่ราบจึงคดโค้งและแกว่งตัวไปมา เมื่อน้ำมากเกินกว่าความสามารถของร่องน้ำจะนำพาลงไปสู่ที่ต่ำกว่าได้ทัน น้ำก็จะท่วมล้นฝั่ง แผ่ออกไปด้านข้าง เกิดเป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง (Floodplain)

เริ่มเข้าประเด็นที่อยากจะเล่าตั้งแต่จุดนี้ไป ครับ

เมื่อน้ำล้นร่องน้ำไหลออกไปทางด้านข้าง ก็จะทำให้เกิดภูมิประเทศที่สำคัญอยู่ 3 ลักษณะ คือ อันแรก สันคันคลองตามธรรมชาติ (Natural levee) อันที่สอง ร่องแยกบนสันคันคลองนี้ (Cleavage) จนขยายกลายคลองธรรมชาติ (Channel) เชื่อมกับทางน้ำหลัก และอันที่สาม พื้นที่น้ำท่วม (Swamp)

สันคันคลองตามธรรมชาตินั้นปรากฎให้เห็นทั้งสองฝั่งตลอดแนวแม่น้ำตามธรรมชาติที่ไหลอยู่ในพื้นที่ราบ เกิดจากตะกอนดินทรายที่แม่น้ำพัดพามา เมื่อน้ำในแม่น้ำมากและไหลแรง มวลน้ำจะมีความสามารถในการอุ้มเม็ดดินทรายได้มากและก้อนใหญ่ (น้ำหนักมาก) เมื่อความเร็วของน้ำลดลงตะกอนดินทรายที่ก้อนใหญ่หรือมีน้ำหนักมากก็จะตกลงเป็นตะกอน สันคันคลองตามธรรมชาติก็เกิดจากกระบวนการนี้ คือ ในร่องน้ำ น้ำไหลแรง พอเอ่อล้นตลิ่ง ความเร็วของการไหลลดลง ตะกอนก็ตก
ดังนั้น สันคันคลองธรรมชาติจึงเป็นพื้นที่สูง เนื่องจากมีตะกอนดินทรายมาทับถมพอกพูนทุกครั้งที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง

ร่องแยกบนสันคันคลองที่กลายเป็นคลองเชื่อมกับแม่น้ำ ร่องนี้คือร่องระบายน้ำจากแม่น้ำเมื่อน้ำเอ่อไหลท่วมสันคันคลอง น้ำจะเซาะทำให้เกิดเป็นทางน้ำไหลเป็นร่องที่ขยายกว้างขึ้นเรื่อบๆเพื่อนาพาน้ำลงสู่ที่ต่ำด้านหลังของสันคันคลอง ร่องน้ำนี้อาจจะมีสันคันคลองธรรมชาติได้แต่ไม่เด่นชัด

พื้นที่น้ำท่วม คือพื้นที่รับน้ำทีเอ่อล้นตลิ่ง เป็นที่ลุ่มมาก ชุมชื้นหรือชื้นแฉะมากกว่าพื้นที่ทั่วไป มีลำรางตามธรรมชาติอยู่มาก พื้นดินเป็นดินเนื้อละเอียดและอ่อน พื้นที่นี้อยู่ระดับต่ำกว่าสันคันคลองธรรมชาติ และในหลายกรณี ระดับอาจจะต่ำกว่าระดับท้องแม่น้ำก็ได้

คนโบราณเขาเลือกตั้งบ้านเรือนถิ่นฐานอยู่บริเวณที่เป็นสันคันคลองตามธรรมชาติ บ้านเรือนเป็นแบบพื้นสูงให้น้ำที่เอ่อล้นรอดใต้ถุนไปได้ ปลูกไม้ยืนต้นในบริเวณนี้ ช่องต่อระหว่างสันคันคลองนี้กับพื้นที่น้ำท่วมก็ทำไร่ทำสวน พอลงไปในบริเวณพื้นที่น้ำท่วมก็ทำนา ไม่ปลูกบ้านอาศัย มีแต่เขียงนาเพื่อพักชั่วคราว

ปัจจุบัน เราไปปลูกบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมในที่ใช้ทำนา แถมยังปลูกบ้านติดพื้นดินอีก ไปพัฒนาเป็นพื้นที่นาให้เป็นสนามกอล์ฟและโรงงานอุตสาหกรรม เอาพื้นที่บนสันคันคลองไปทำถนน เอาร่องน้ำที่ธรรมชาติใช้ระบายน้ำเอ่อล้นกลับทิศทางเป็นทางระบายน้ำออกจากที่ต่ำ รวมทั้งขุดดินฝังท่อระบายน้ำโดยกำหนดระยะลึกจากผิวดินแทนที่จะกำหนดระยะลึกใ้ห้เสมอหรือลาดเอียงไปสู่ระดับน้ำในแม่น้ำ กลับทิศกันหมดเลย

การขยายเมืองขยายพื้นที่ชุมชนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทำย้อนธรรมชาติได้ตราบใดที่เราเข้าใจลักษณะของมัน และไม่ไปฝืนธรรมชาติมากจนเกินไป ทั้งหมดจะต้องพัฒนาไปบนหลักการของ Living in harmony with nature ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการสรรสร้างธรรมชาติรอบตัวให้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องของการอยู่อย่างเข้าใจในกระบวนการทางธรรมชาติ และเมื่อเราหลีกไม่พ้นที่จะต้องอยู่ในสภาพนี้ ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องคำนึงถึง 4 เรื่อง (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือรัฐ) คือ
   เรื่องแรก คือ การจัดการล่วงหน้าเพื่อจะบรรเทาภัยและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (Mitigation) เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติที่ต้องเกิดเป็นปกติ ห้ามมันมิได้
   เรื่องที่สอง คือ การเตรียมตัวให้พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับมันหรือแก้ไขมันเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมา (Preparedness) อันนี้เป็นเรื่องของพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ
   เรื่องที่สาม คือ ความพร้อมที่จะผจญกับมันในทั้นทีเมื่อเกิดเหตุ (Response) อันนี้เป็นเรื่องทางใจ คือ พร้อมสู้และกระโจนเข้าแก้ไขทั้งส่วนยุคคลและส่วนรวม
ซึ่งหมายโดยเฉพาะถึงการทำให้ตนเองและผู้อื่นมีชีวิตอยู่ ไม่ตายหรือเจ็บไปตั้งแต่แรก และอยู่รอดตลอดช่วงของเหตุการณ์ 
   และเรื่องที่สี่ คือ การกู้ภัย การกู้ความเสียหาย และการเยียวยาหลังจากการเกิดเหตุ (Salvation and Remedy)

ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คงเห็นด้วยกันว่า เกือบทั้งหมด รัฐไปเตรียมการอยู่ในเรื่องที่สี่     


     

ดิฉันเห็นด้วยกับคุณตั้ง ไม่มีข้อค้านเลยสักข้อเดียว    เคยได้ยินนักวิชาการพูดทำนองนี้เหมือนกันค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อประเทศเราก็เดินหน้า(ไม่อยากเรียกว่าพัฒนา) จนถึงขั้นนี้แล้ว   มันสุดวิสัยที่จะย้อนกลับไปรื้อถอนโรงงานอุตสาหกรรม  หมู่บ้านจัดสรร  รีสอร์ท ฯลฯ ออกไปให้พ้นทุ่งนาและพื้นที่สวน เพื่อจะอยู่กับธรรมชาติอย่างปู่ย่าตายายเคยทำได้อีก    แล้วจะหาทางอย่างไร  วางแผนหรือผังกันแบบไหน ไม่ให้ต้องเจอน้ำท่วมมหากาฬกันอย่างนี้อีกทุกปีล่ะคะ

ถ้าน้ำท่วมแบบนี้ติดกันสัก 2 ปี  ไม่ต้องถึง 3  ล้มละลายกันทั้งประเทศแน่นอน   ลำบากยิ่งกว่าเกิดสงครามเสียอีก

หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ผมยังจำได้เสมอถึงคราววันเฉลิมพระชนม์พรรษา ปี ๒๕๓๘ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ประชาชนทั่วประเทศต่างเฝ้ารอดูการถ่ายทอดสดกระแสพระราชดำรัส ตลอดจนข้าราชการที่ได้เข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น

พระองค์ทรงพระราชทานพระราชกระแสรับสั่งเรื่องน้ำท่วมที่ไหลบ่าลงมา ทรงตรัสเรื่องแก้มลิง สำหรับพื้นที่เก็บน้ำไว้ชลอน้ำ ก่อนที่จะปล่อยสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

ทรงวาดแผนที่ประกอบการไหลของน้ำและการระบายทั้งซ้ายและขวาของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนเรื่องน้ำทะเลหนุน ถนนและอุปสรรค์ต่าง ๆ ของการระบายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทรงสอนและเรียกหาตัวผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นด้วย

ขอบันทึกภาพน้ำท่วมกรุงเทพ ไว้ในกระทู้นี้
ภาพจากโอเคเนชั่น  

วันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม 2554 เวลา 11:45:28 น.  
น้ำทะลักเข้า "ท่าช้าง" กทม. แล้ว !!!

ดูภาพชุดนี้ได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ (http://www.oknation.net/blog/swongviggit/2011/10/13/entry-1)

พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพ  ระดับ 1  2  3 (https://docs.google.com/viewer?a=v&pid=explorer&chrome=true&srcid=0B8Trcc4vyzz4MGI4ZDE1ZGMtOTEzYS00NzU4LWEyYzMtZTBhYTk4ZGYwYjI4&hl=en_US)

เข้าไปดูแผนที่ฉบับขยายได้ตามตัวอักษรสีแดงข้างบนนี้ค่ะ

ระบบระบายน้ำกรุงเทพมหานคร

อย่าเพิ่งท้อครับ

ผมคิดว่า คนโบราณเขายังคิดออกเลยว่าจะอยู่กับมันอย่างไรให้มีความสุข เราก็คงต้องใช้วิธีคิดว่า แล้วเราจะอยู่กับมันอย่างไรให้มีความสุข ถ้าเราเอาทุกเรื่องที่เราไม่ชอบ เอาเรื่องที่มันไปเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตปกติของเราในบางช่วง เอาสภาพของเราไปเทียบกับคนอื่น เมื่อใดที่คิดว่าเราต้องเหมือนกับเขา เท่ากับเขาหรือต้องดีกว่าเขา เอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นทุกข์  ผมว่าเรากำลังหาเรื่องเครียด หาเรื่องทำร้ายตัวเองเปล่าๆ คงต้องตั้งหลักใหม่แล้วคิดว่าความเป็นไปในธรรมชาตินั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป มันก็เป็นของมันอย่างนั้น เราไปห้ามมันไม่ได้

ดูง่ายนะครับ จริงๆแล้วไม่ง่ายอย่างนั้น แต่ก็ต้องตั้งหลักคิดให้ได้

ผมเห็นว่าหลัก 4 ประการ ที่ผมได้เล่าไว้นั้น จะช่วยให้เราประเมินได้ตั้งแต่แรกว่า ตัวเราจะสามารถรับระดับความรุนแรงได้ในระดับใด ในกรณีของฝ่ายรัฐและราชการ การใช้หลัก 4 ประการนี้ก็จะรู้ว่าเมื่อใดถึงระดับที่จะต้องทำอะไร มากน้อยเพียงใด จุดใหนก่อนใหนหลัง อะไรคือวิกฤติ และเรื่องใด

ยกตัวอย่างเรื่องที่ชัดๆ คือ เรื่องของแผ่นดินไหว เรื่องราวอย่างย่อๆนะครับ --รัฐบาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์สุขและความปลอดภัยของชีวิตประชาชน ให้นโยบายแก่ส่วนราชการไปดำเนินการ วิศวกรคิดว่าจะต้องสร้างอาคารอย่างไรให้ทนแผ่นดินไหวได้สำหรับระดับความรุนแรงที่นักธรณีวิทยาคาดว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ คือไม่ให้พังพาบลงมา แต่แตกร้าวได้ นักการเมืองเอาไปออกเป็นกฎหมายเพื่อให้มีการบังคับใช้ ผังเมืองเอาไปกำหนดพื้นที่สำหรับการอพยพและโรงพยาบาล (ส่วนมากเป็นชั้นเดียวบนพื้นที่ที่มีสนามกว้าง) เพื่อให้เทศบาลและเมืองเอาไปกำหนดเรื่องเส้นทางอพยพและระบบสาธารณูปโภค (ประปา ไฟฟ้า และการสื่อสาร) ที่จะต้องไม่ถูกทำลายเมื่อเกิดเหตุ หรือสามารถตัดต่อเชื่อมโยงให้ใช้ได้โดยเร็ว เพื่อการกู้ชีวิตและช่วยให้มีชีวิตไดต่อไป สามารถทำเอกสารแจกประจำบ้านได้ว่าเมื่อเกิดเหตุจะต้องทำอย่างไร ให้ไปที่ใด ฯลฯ ใช้ระบบการสื่อสารที่ไม่พึ่งระบบเดียว มีทั้งระบบเทคโนโลยีแบบโบราณไปจนถึงสมัยใหม่ล่าสุด ทำแผนที่เมืองว่ามีอารคารใดอยู่ที่ใดบ้าง มีข้อมูลว่าในช่วงเวลาต่างๆจะมีคนอยู่เท่าไร เมื่อเกิดเหตุ ณ.เวลใด บินสำรวจดูก็แทบจะประเมินได้ในเบื้องต้นในทันทีว่า จะมีคนบาดเจ็บหรือล้มตายเท่าใด การทำแบบนี้ใช้ประเมินได้ทั้งจากภัยและอุบัติเหตุอื่นๆอีกด้วย คงจะนึกขยายภาพออกไปได้นะครับว่าอะไรจะเป็นอย่างไร

สำหรับกรณีน้ำท่วมนั้น ผมเห็นว่า ก็คงมีแนวไม่ต่างไปจากตัวอย่างที่เล่ามา ซึ่งหัวใจสำคัญของเรื่องคือ ระดับความสูงของพื้นดิน ณ.บริเวณต่างๆ ต่างไปจากเรื่องของแผ่นดินไหวที่หัวใจของเรื่องคือ ระดับของการทำลาย (พังทลาย)

หลายพื้นที่ในภาคกลางอยู่กับน้ำท่วมมาทุกปี เขาขุดสระดักปลาเอาไว้ เมื่อน้ำลดก็จะได้ปลาตกปลัก จับมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ขายเป็นรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

 

คลายเครียดจากน้ำท่วม
ภาพจากโอเคเนชั่น

เมื่อคืนฟังท่านปลอดประสพ(การณ์) แถลงข่าวแล้วตื่นเต้นมากค่ะ... ;D
แต่ตื่นเต้นได้แป๊บเดียว มาแก้ข่าวกันทั้งคณะเลย...หวิดจลาจลอพยพกันเต็มถนน...

    ลงไว้อีกกระทู้หนึ่ง เลยลอกมาลงไว้ในนี้ด้วยเป็นบันทึกความทรงจำ
    อ่านแถลงการณ์ครั้งแรกก็ตื่นเต้นมากพออยู่แล้ว  พอมาแถลงครั้งที่สองยิ่งตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก  ว่าจะมีแถลงการณ์ครั้งที่ 3  หรือไม่
    ค่อยยังชั่วหน่อยว่าไม่มี

    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ต.ค. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) ได้ออกแถลงการณ์แจ้งว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ได้ออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 17 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตคลองเตย เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตธนบุรี เขตคลองสาน เขตราษฎร์บูรณะ เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี เขตหนองจอก และเขตลาดกระบัง เนื่องจากเขตพื้นที่ดังกล่าวประสบกับเหตุอุทกภัย และได้รับผลกระทบด้านต่างๆ เป็นวงกว้างและภัยพิบัติยังไม่สิ้นสุด
       
       ดังนั้น อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 16(1) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วน ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 3 เดือน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการประกาศ
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากมีเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ไป ในบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)ได้เดินตรวจเยี่ยมการทำงานภายใน ศปภ.โดยเฉพาะฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศปภ.ที่รายงานสถานการณ์อุทกภัย การประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยจัดทำเป็นเอกสารข่าวแจกจ่ายให้สื่อมวลชนภายในศูนย์ ศปภ. เมื่อ พล.ต.อ.ประชา เห็นข่าวที่วางแจกให้กับสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานพิจารณาดูว่าข่าวใด ยังมีปัญหา ไม่เหมาะสมหรือยังไม่ผ่านการตรวจกรองของ ศปภ.ก็ให้เก็บออกไป ซึ่งข่าวสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเตือนภัย การแจ้งภัย การให้ความช่วยเหลือกับประชาชนที่เป็นเรื่องสำคัญจำเป็นจะต้องสอบถามไปยังศูนย์เพื่อให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน และเอกสารใดๆที่เป็นคำประกาศของ ศปภ.จะต้องมีลายเซ็นของ พล.ต.อ.ประชา กำกับอยู่เท่านั้น
       
       ผู้สื่อข่าวได้ซักถาม พล.ต.อ.ประชา กรณีที่มีข่าวออกจาก ศปภ.ว่ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติเป็นกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในเขต กทม.จำนวน 17 เขต พล.ต.อ.ประชา ได้ตอบว่า ยังไม่มีเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องสอบถามไปที่ ปภ.ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ทั้งนี้ หากเป็นเรื่องสำคัญภายใน กทม.จะต้องมีการแถลงร่วมกันระหว่าง ศปภ.กับ กทม. แต่ขณะนี้จะมีทั้งทางข่าวจาก ศปภ.และ กทม.ซึ่งประชาชนต้องฟังจากทั้งสองส่วนประกอบกับข้อเท็จจริง เบื้องต้น กทม.จะดู กทม.ชั้นใน ส่วนศปภ.จะดูภาพรวม หากมีการแถลงข่าวที่ออกมาไม่สอดคล้องกัน ข้อเท็จจริงจะเป็นตัวชี้วัดว่าอันใดถูกต้อง สำหรับการทำงานร่วมกันนั้น ยืนยันว่ามีการประสานงานกันตลอด ซึ่งผู้ว่าราชการ กทม.ก็ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วย แต่หากวันใดไม่มา รองผู้ว่าราชการ กทม.จะมาร่วมประชุมแทน จึงถือว่าการประชุมสมบูรณ์
       
       “กรณีข่าวที่ถูกเผยแพร่ออกจาก กทม.หากไม่เป็นเรื่องจริง กทม.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เช่นเดียวกับ ศปภ.หากแถลงออกไปแล้วไม่เป็นความจริงก็จะต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”พล.ต.อ.ประชา กล่าว
       
       ต่อมาในเวลา 14.19 น. วันเดียวกัน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ศปภ.ได้ส่งอีเมล์ถึงสื่อมวลชนเพื่อขอความร่วมมือในการยุติการเผยแพร่ข่าวแจก จาก ศปภ.เรื่องกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในพื้นที่17 เขต กทม.เนื่องจากเกิดความผิดพลาด

ใครหนอไปให้คำจำกัดความเขาไว้ว่า

ศปภ.= ศูนย์ปั่นป่วนทั่วพิภพ

จากโพสทูเดย์

มองไปข้างหน้า

ข้อมูลจาการวิเคราะห์ของนักวิชาการ บอกว่า ในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า เราจะขาดน้ำใช้ในทุกภาคส่วนรวมกันประมาณ 4000 ล้าน ลบ.ม.

เราคิดว่า จะบริหารทรัพยากรน้ำนี้กันอย่างไรดี ???

ยังนึกคำตอบไม่ออกค่ะ คุณตั้ง  น้ำท่วมแต่ขาดน้ำ  ???

ฝากคลิปนี้มาลงเป็นบันทึกเหตุการณ์ไว้ก่อน
สู้น้ำท่วม

http://www.youtube.com/watch?v=NUi2Rq1MYN8&feature=related

เสียดายแทน

ทราบว่าขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ก็มิอาจต้านทานน้ำบ่าไหลเข้าท่วมที่ระดับ ๑ เมตรแล้ว นวนครเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่นมาก มีโรงงานต่าง ๆ มากมาย ถัดลงมาตามถนนพหลโยธินก็จะถึง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต และสถาบัน AIT ซึ่งเป็นแหล่งศึกษาเก่าของข้าพเจ้า ซึ่งทำให้ตระหนักว่าน้ำนั้นมามากมายเพียงใด บริเวณหลัง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นบึงและทุ่งโล่งและมีชุมชนเชียงรากน้อยอาศัย ตามด้วยทางรถไฟ

ถัดต่ำลงไปก็มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (รังสิต) ตามด้วยชุมชนหลักหกและมหาวิทยาลัยรังสิต

นำภาพจาก twitter @LyNGinG หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เห็นแล้วว่าน้ำนั้นสูงนัก สมัยที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่นั้นยังไม่มีการก่อสร้างรั้วรอบมหาวิทยาลัย ซึ่งมีอาณาเขตกว้างถึง ๕๐๐๐ ไร่ แบ่งให้สถาบัน AIT ไปพันกว่าไร่ รั้วนี้คงสร้างในสมัยก่อสร้างศูนย์กีฬาและหอพักนักกีฬาสมัยเอเซี่ยนเกมส์ครั้งที่ ๑๓ กรุงเทพมหานคร

ระดับถนนข้างมหาวิทยาลัยทำเป็นคันดินสูงมาก ปล่อยให้บ้านธรรมดาอยู่ใต้คันดิน บางแห่งก็ถมให้เท่ากับระดับถนนก็มีบ้าง น้ำถึงระดับรั้วนี้สูงมากนัก  ::) ::)

ข้าพเจ้าเป็นเด็กธรรมศาสตร์คนหนึ่งที่เคยเรียนที่ธรรมศาสตร์รังสิต

ตอนเรียนทุกอย่างก็พร้อมสรรพแล้ว

แถมแม่ยังซื้อบ้านซื้อที่ไว้แถวๆอีก เผื่อว่าลูกจะได้ไม่ต้องอยู่หอ นอนที่บ้านตัวเองเลย (แต่ก็อยู่หอ ด้วยความอยากลอง)

ตอนนี้น้ำท่วมบ้าน ไปเยอะแล้ว ของในบ้านเสียหาย

อ่านความข้างต้นได้แต่นึกเศร้าใจ

เฮ้อ สงสัยน้ำลด จะให้แม่รื้อบ้าน แล้วยกพื้นเป็นเรือนไทย

บางทีอาจเป็นทางแก้ที่ดี เพราะตอนนี้ชั้นล่างกลายเป็นที่จอดเรือไปแล้ว

 :'(

http://www.youtube.com/watch?v=fuJUJsdR4bU&feature=related

ย้อนหลังไปเมื่อ 15 ตุลาคม 2554

http://www.youtube.com/watch?v=2OEpGLJ5RLA&feature=related

บ้านชาวกรุงเทพ อาจต้องรื้อชั้นล่างเป็นใต้ถุนสูง   ถ้าจะวางชุดรับแขกก็ต้องเอาพวกน้ำหนักเบา ยกขึ้นชั้นบนได้ง่าย  มีข้าวของเท่าที่จำเป็น   แล้วอยู่กันข้างบนในหน้าน้ำหลาก
ส่วนบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยานอกเขื่อนกั้น  คงต้องออกแบบให้เป็นบ้านลอยน้ำแบบเรือนแพ
หันกลับไปแบบคนโบราณ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกับน้ำ

เรือนแพ  สุขจริง อิงกระแสธารา...

สงสัยอย่างปีนี้ เรือนแพคงลอยไปกับน้ำ

วันเสาร์ที่๑๕ เวลาค่ำ ฝนตกกระหน่ำบริเวณฝั่งธนและกรุงเทพบริเวณท้องสนามหลวง เมื่อฝนหยุดประมาณสองทุ่มเศษ น้ำท่วมบริเวณภายในพระบรมมหาราชวังดังในภาพ

ประมาณ ๒๐ นาที น้ำแห้งทั้งภายนอกภายในพระบรมมหาราชวัง ด้วยฝีมือสำนักระบายน้ำกทม.
ต้องขอบอกว่า เยี่ยม

 :o

 :(

เชิญเข้าไปอ่าน
ดูภาพเหล่านี้ เพื่อยืนยันว่า กทม.จะรอดหรือไม่? (http://www.oknation.net/blog/acobaticman/2011/10/17/entry-1)

เขามาจริง ๆ นะ "แพไม้ไผ่"  ;D

ไอเดียดีดี ยามน้ำท่วม...เผื่อเพื่อนๆ ในเรือนไทยจะนำไปประยุกต์ใช้.... ;D
เรือ ดัดแปลงจากโต๊ะอาหาร...

อันนี้เจ๋ง.... ;D

ออกแนวน่ารัก น่าเอ็นดู.... ;D

ระหว่าง "แพไม้ไผ่" กับ "แพโฟม"

อย่างไหนจะใช้งานได้ดีกว่ากัน    ;D

^
แหมคุณเพ็ญชมพู...แพโฟมก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วซิครับ โฟมมีความหนาแน่นและเบาตัว สามารถลอยเหนือน้ำได้ดี แต่มีข้อเสียคือ พลิกง่ายมากหากไม่ได้สมดุลย์  ;D

ปทุมธานี หรือ มัลดีฟ กันแน่ชักไม่แน่ใจ...
ภาพวันที่ 18 ตค.54 จาก http://yfrog.com/kjjzmkmj (http://yfrog.com/kjjzmkmj)

สื่อฝรั่ง The Wall Street Journal วิเคราะห์รัฐบาลไทยเรื่องน้ำท่วมแล้วค่ะ

http://online.wsj.com/article/SB10001424052970204479504576637970215290718.html

By JAMES HOOKWAY

BANGKOK—Recriminations over the handling of Thailand's worst floods in half a century are causing fresh setbacks for Prime Minister Yingluck Shinawatra as the financial cost of the disaster continues to mount and her government firmed up plans to inject billions of dollars to shore up the country's faltering economy.

A flood victim on a raft used a paddle to collect relief supplies dropped from a military helicopter in Pathum Thani Province, just north of Bangkok, on Monday.

Ms. Yingluck's biggest problem, analysts say, is the haphazard way information about the flood has been released, summed up by the science minister's hasty call last week for evacuating part of the capital.

The erratic information flow has unnerved residents and spooked foreign companies, which shut down operations at factories across Thailand to buy time to get a grip on the crisis. The central bank now estimates that the floods, which have taken at least 315 lives and cost over a quarter of a million jobs, will wipe as much as 1.7 percentage points off the country's growth rate this year, as the inundation continues to disrupt supply chains across Asia and beyond.

Ms. Yingluck's government Tuesday approved a plan to widen the country's budget deficit for the fiscal year beginning Oct. 1 to 400 billion baht, or $12.9 billion, compared with an initial target of 350 billion baht in order revive Thailand's flagging economy and provide aid to the hundreds of thousands of people affected by the floods.

Bangkok Gov. Sukhumbhand Paribatra, who earlier said the city had escaped the worst of the deluge, held an emergency press conference Monday night to say it will be hit by a fresh inundation of water in the next two days. "Be alert, but please don't panic," he said, before pleading for donations of sandbags. Tuesday, soldiers and civilian volunteers rushed to reinforced flood defenses with sandbags around Bangkok's northern perimeter in a last-ditch effort to divert run-off from the floods.

In theory, Thailand's antiflood effort is led out of a single "war room" at Bangkok's old international airport, where deep political divisions between the populist government and conservative bureaucrats and army leaders—which in the past five years have led to a coup and massive political demonstrations, including one in Bangkok in which 90 people were killed—are carefully papered over.

In reality, analysts say, the 44-year-old Ms. Yingluck is struggling to keep a grip on the situation in the first big test of the two-month-old administration. They say that's largely because of a widespread perception that the government is controlled by former Premier Thaksin Shinawatra, her older brother, who lives in Dubai after being toppled in the coup five years ago.

"Ms. Yingluck, to her credit, has done her job well. She has been seen everywhere," said Pavin Chachavalpongpun of the Institute of Southeast Asian Studies in Singapore. "But the government also knew about the imminent floods two months ago and did little to prevent it. This is a leadership crisis."

Science Minister Plodprasop Suraswadi broke ranks on Thursday, rushing out of a top-level crisis meeting to tell people in northern Bangkok that they should leave their homes immediately to escape the flood. It was just the sort of stunt many Thais expect from Mr. Plodprasop, an excitable entrepreneur best known for putting exotic meats such as zebra and crocodile on the menu at a night safari in the northern city of Chiang Mai.

Bangkok's flood defenses were, in fact, intact. Mr. Plodprasop later apologized for his confusion—but not before many people abandoned their homes in a late-night rush and triggered a panic that rippled across much of the city.

"I'm sorry to say we fell for it. We took the dog and high-tailed it out of there," said one resident of a low-lying area, who asked not to be named out of embarrassment.

Shortly after, Mr. Sukhumbhand, the city governor, told anxious Bangkok residents to listen to him, and him alone.

Since then, the debate over how to handle Thailand's flood crisis has grown more and more tetchy. Former Premier Abhisit Vejjajiva, who faced a smaller flood crisis last year, is urging Ms. Yingluck to declare a state of emergency and postpone a series of populist cash handouts that were a key pledge of her successful election campaign earlier this year. A state of emergency, among other things, would increase the flood-relief authority of Thailand's military and allow it to intervene in disputes between villagers over where to divert the run-off from the flood.

Ms. Yingluck so far has refused, arguing the declaration might scare off foreign visitors just as Thailand prepares for its peak tourist season.

Other observers, for their part, question why irrigation officials didn't begin releasing meaningful amounts of excess water from the country's reservoirs until the impact of this year's unusually ferocious rain-storms was already well under way. In previous years, the country's water managers often began releasing water from dams and reservoirs as early as July.

In the meantime, the government continues to send mixed signals. As floodwater knocks out more industrial parks—a sixth was shut down Monday—businesses are wondering just how far the crisis will go.

One of Honda Motor Co.'s Thai plants is swamped and Toyota Motor Co. said Friday that it was extending a shutdown of its Thai operations until the end of this week at least, because suppliers of key components are still affected by the floods. Makers of semiconductors and hard drives have also been badly affected, with many businesses complaining that the government hasn't developed a long-term solution for Thailand's periodic flooding.

A Japanese trade group already has said that Japanese companies—including many of Thailand's biggest foreign investors—didn't know what was happening and what was accurate.

"They received warnings but not enough information and not enough to time to decide what steps to take," said Seiya Sukegawa, an economist at the Bangkok office of the Japan External Trade Organization.

ตอนนี้ได้ยินว่า "ซินามิเศรษฐกิจไทย" นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ ที่น่าเป็นห่วงคือ แรงงานที่ต้องลอยแพกว่าแสนชีวิต หลังน้ำลดคงต้องเยียวยากันแน่

ภาพล่าสุดบริเวณท่าพระจันทน์

มหาวิทยาลัยรังสิต ภายใน๑ชั่วโมง

สนับสนุนโฟมด้วยคนครับ

กทม.ประกาศเตือนประชาชน 7 เขต เตรียมอพยพหนีน้ำ

 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แถลงประกาศเตือนครั้งที่ 1 กับประชาชนใน 7 เขต ของกทม. คือ เขตสายไหม มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง คลองสามวา คันนายาว และบางเขน ให้เตรียมพร้อมเก็บของมีค่า ยกของ ปลั๊กไฟขึ้นสูง และศึกษาแผนอพยพให้รอบคอบ หากน้ำจะทะลักคลองรังสิตเข้าสู่พื้นที่กทม.
 
ภาพจากน.ส.พ. ข่าวสด

นอกจาก แพไม้ไผ่ แพโฟม  แล้ว

ขอแนะนำ นวัตกรรม

แพขวดน้ำ

(http://www.edu.buu.ac.th/vesd/DSC99.jpg)

เรือขวดน้ำ

(http://www.edu.buu.ac.th/vesd/DSC87.jpg)

 ;D

ความตื่นตระหนกอย่างหนึ่งของชาวกรุงเทพ เมื่อทัพน้ำบุกมาถึงเมือง  คือเอารถออกจากบ้านเพราะเกรงน้ำท่วมเสียหาย นำรถไปจอดบนที่สูง  ได้แก่สะพานลอยข้ามแยกต่างๆ ทั่วกรุง รวมถึงบนทางด่วน หลังมีข่าวน้ำจากรังสิตทะลักเข้าคลองประปากลางดึก
ส่งผลให้การจราจรติดขัดทั่วเมือง

ภาพจากข่าวสด

แบบนี้เลยครับ

ภาพถ่ายหน้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต

เครดิตภาพจากพันทิป

^
เห็นชัดมากค่ะ

จากบล็อคของคุณสุทธิชัย หยุ่น

บิ๊กคิง บางใหญ่
ภาพจากพันทิป

ตลาดบางบัวทอง

และแล้ววันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลาบ่ายโมง เริ่มมีน้ำล้นจากท่อระบายน้ำบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง
เครดิตภาพพันทิป

14.07น.หวั่นกระสอบทรายเอาน้ำไม่อยู่..จนท.ใช้รถบรรทุกหินเทกั้นหน้าทางเข้าสนามบินดอนเมืองแทน
@Pat_ThaiPBS

วันนี้ น้ำกำลังไปทางธนบุรี

ยามบ่ายเช่นกัน บริเวณแยกบางกระบือ กำแพงในรั้วโรงเรียนราชินีบนได้พังลงทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วม ก่อนที่น้ำจะล้นมายังถนนสามเสน ประชาชนร่วมกันปกป้องและวางกระสอบทรายไว้บริเวณแยก ระดับน้ำสูงแค่เอว

21 ตค 2554 เวลา 15.00 น. ถนนกาญจนภิเษกขาออก ช่วงบางกรวย-บางใหญ่ รพ.เกษมราษฏร์ การจราจรติดอย่างหนัก  ::)

ประตูทางเข้า ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 21 ตค 2554
เครดิตภาพแมนเนเจอร์

ภาพเหล่านี้ต่อไปจะเป็นภาพประวัติศาสตร์

 :'(

 :-\

คลิปนี้ต่อไปก็น่าจะเป็นคลิปประวัติศาสตร์

http://www.youtube.com/watch?v=Pgxr_NBwwdU&feature=player_embedded#!

 :(

อีกหน่อยคงได้ทาย ......ว่าที่ไหนในกรุงเทพเอ่ย.... ;D

ผมขอพาท่านดูความเสียสละของคนหนุ่มคนสาวในวิกฤตน้ำท่วมพ.ศ.นี้


http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11237313/NE11237313.html#253


ในยามที่บ้านเมืองต้องการ จะมีคนหนุ่มคนสาวเท่านั้นแหละที่จะออกมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการกู้ชาติทุกครั้ง บางพ.ศ.ก็ถึงกับยอมเสียสละเลือดเนื้อ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว

พลังบริสุทธิ์ของพวกเขาพวกเธอทั้งหลายนี่แหละ ที่เป็นพลังที่รักษาบ้านรักษาเมืองให้อยู่รอด

รังสิต ตลาดสี่มุมเมือง

^
สำหรับหนุ่มสาวอาสาสมัคร ผู้มีน้ำใจบริสุทธิ์

ทหารของชาติ ทหารของประชาชน

ตื่นขึ้นมาเจอข่าว ในวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2554 

ด่วน!!! ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศเตือนเมื่อก่อนเที่ยงคืนว่าถนนวิภาวดีกลายเป็นทางด่วนของน้ำเหนือที่จะเข้าถล่มกรุงเทพฯแล้ว ให้ประชาชนเตรียมพร้อม เพราะน้ำมาเร็ว มาแรงและมากเกินคาด วิกฤตที่วิภาวดีตัดพหลโยธิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กทม.ไม่สามารถเข้าไปกู้สถานการณ์ได้  น้ำจะเข้าสู่ดอนเมือง หลักสี่  บางเขน จตุจักร บางซื่อและสายไหม
ให้ประชาชนขนของ ทรัพย์สินมีค่า และรถยนต์ ขึ้นที่สูง  ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เคลื่อนย้ายไปยังศูนย์พักพิงที่ กทม.จัดเตรียมไว้
โดยเฉพาะผู้ป่วย เด็กและคนชราเป็นอันดับแรก  และโปรดติดตามข่าวจากกรุงเทพมหานครอย่างกระชั้นชิด

http://www.youtube.com/watch?v=LrxYzzTtqiM&feature=player_embedded#!

ภาพล่างจากโอเคเนชั่น

 :D

เอามาคลายเครียดกันบ้าง

http://www.youtube.com/watch?v=6k9rJW51xA8&feature=player_embedded

ขำจนน้ำตาร่วง   ;D   :'(   

.

ตามข่าวน้ำท่วมมาตลอด ด้วยความสลดหดหู่ แต่ก็ขอร่วมชื่นชมในความมีน้ำใจของพี่น้องร่วมชาติทุกท่าน
ห่วงแต่ว่า น้ำทะเลที่กำลังหนุนสูงผิดปกตินี้ ที่แท้มันคือน้ำเหนือที่ทะลักตระหลบหลังเข้ามาเสียมากกว่า

หากเป็นเช่นนั้น............ในเพียงสองสามวันนี้ กรุงเทพเมืองฟ้าอมรก็จะกลายเป็นนครบาดาลในพริบตา
ชาวสลัมจะอพยพกันอย่างไรหนอ...............


ไม่อยากคิดเลย.ว่าทำไมต้องรอแล้ว รออีก จึงจะค่อยแจ้งให้อพยพหนีน้ำ
ในเมือ อยุธยา ปทุทธานี นนทบุรี ยังท่วมขังถึงสองสามเมตร ทำไมกรุงเทพถึงจะรอดอยู่ได้ทั้งที่อยู่ต่ำกว่ามาก

 :'( :'(

บ้านผมอยู่บนคลองระพีพัฒน์ ซึ่งแบ่งเขตจังหวัดระหว่างอยุธยากับปทุมธานี ฝั่งปทุมธานี น้ำไม่เคยท่วมเพราะคลองระพีพัฒน์ คือจุดกั้นน้ำเรียกว่า "สกัด" ซึ่งสกัดน้ำไว้ก่อนมาถึงคลองรังสิต ส่วนหนึ่งที่การระบายน้ำไม่ดีเพราะผักตบชวาที่แน่นเต็มคลอง กรมชลประทานไม่ได้ลอกคลองมาหลายปีแล้วและไม่ได้มีการระบายน้ำลงคลองซอยต่างๆแต่เนิ่นๆ กักน้ำเอาไว้จนเอ่อล้นและคันชั่วคราวที่เพิ่งทำเสริมทานน้ำไม่ไหวจึงพังลงมาเป็นเหตุให้ตอนล่างได้รับน้ำกันทั่วหน้า  แม่เล่าให้ฟังว่า เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้วคือ พ.ศ.2485 น้ำเคยท่วมครั้งหนึ่ง บ้านซึ่งเป็นใต้ถุนสูงต้องยกพื้นขึ้นไปอีก น้ำในปีนั้นมากกว่าในปีนี้ แต่ต้องดูสถานการณ์ต่อไปเพราะตอนนี้น้ำยังขึ้นไม่หยุด ช่วงนี้ไม่ขาดแคลนอาหารครับเพราะปลาเยอะจริงๆ

หนูดีดี อยู่ลำลูกกา กำลังจะอินเทรน ค่ะ  ;D
ลุ้นกัน นาทีต่อนาทีค่ะ....

อ่านกระทู้นี้นะคะ

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11238620/NE11238620.html

วิธีรับมือน้ำท่วม จากผู้มีประสบการณ์ตรง   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=E-gG5kaFhHU

คลายเครียดกันอีกหน

สารรักถึงน้องน้ำ (http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11237881/NE11237881.html)

23 ตุลาคม 2554 หน้าอนุสรณ์สถาน

กรุงเทพ ยอมน้ำท่วม เท่ากับอยุธยาแล้ว  :-[
มุกพันทิป

มุขกวี แนวหน้า (http://naewna.com/news.asp?ID=285202)

เอาอยู่        =  ต้องหนี

ขนของทันที  =  ปลอดภัย

ถ้ารัฐบอกพวกเราว่า "เอาอยู่"
โปรดรับรู้เถอะพี่น้องว่า "ต้องหนี"
บอกให้รีบขนของไปในทันที
เชื่อเถอะว่าปลอดภัยดีครับพี่น้อง

"สหรัตนนคร"แตกก่อนเพื่อน
ไม่เคยเตือนสักคำทุกข์ซ้ำสอง
"โรจนะ"บอก "เอาอยู่"สู้รับรอง
สุดท้ายต้องจมหายในสายน้ำ

"ไฮเทค"หรือก็บอกเราว่า "เอาอยู่"
ก็อดสูท่วมท้นจนระส่ำ
"บางปะอิน"จะ "เอาอยู่"สู้เชื่อคำ
ก็ชอกช้ำจมสิ้นเย้ยลิ้นทราม
 
"นวนคร"บอกเราว่า "เอาอยู่"
สุดท้ายกู้ทันไหมใครก็หยาม
ยังเล่นลิ้นดัดจริตโปรดติดตาม
"กรุงเทพฯ"ยามนี้เรา"เอาอยู่"นะ
 
ถ้ากรุงเทพฯจมลงคงพูดใหม่
"ทำทะเลแห้งได้"ใช้ไหมล่ะ
เบื่อเต็มทนแล้วหนาคมวาทะ
"เอาอยู่"น่ะเลอะเทอะ...หยุดเถอะครับ

"ชมเพชร"

 ;D

ถนนวิภาวดีรังสิต น้ำท่วมระดับหัวเข่า

ผมก็ไม่รู้จะแปลอย่างไรไม่ให้ไปแขวะการเมืองเขา ท่านแปลเอาเองตามอัธยาศัยเถิด

Flood-hit Thailand declines offer of help: US Navy

WASHINGTON, October 25, 2011 (AFP) - The US Navy has withdrawn several ships sent to help with relief efforts in flood-hit Thailand after receiving "mixed" messages from the Bangkok government, a defense official said Monday.

The USS George Washington aircraft carrier and other ships were deployed to the area on October 16 for potential disaster relief work as Thailand faced massive flooding from monsoon rains, said Navy spokesman Lieutenant Commander John Perkins.

But the US military never received a formal request from the Thai government and the three-ship aircraft carrier group along with a fourth ship, the USS Kidd, were released and left the area on Friday, said Perkins, spokesman for the US Pacific Fleet based in Hawaii.

"We are ready to help but we haven't got a request," said a US defense official, who spoke on condition of anonymity.

"There were two channels (in the Thai government)," the defense official told AFP. "One was saying 'Yes' and one was saying 'No.'"
The Thai capital on Monday was bracing for advancing and seemingly unstoppable floodwaters after residents in areas deemed most at threat were urged to leave.

Other parts of the country have been plagued by three months of heavy monsoon rains that have killed more than 350 people in Thailand and damaged the homes and livelihoods of nine million people.

On October 15, a small ten-man team of US Marines traveled to Thailand to deliver thousands of sandbags and to assess how the American military could help with relief efforts.

The USS George Washington group had arrived at the port of Singapore on October 12 and four days later the carrier was steaming towards Thailand "to position itself in case their assistance was requested," Perkins said.

A fourth ship, the USS Kidd, which was carrying out an exercise with Cambodian forces, also was ordered to join the carrier group near Thailand, he said.

The USS George Washington is now en route to Japan for an annual joint exercise there.

ขายหน้าชาวโลกครับ

ขำ จนน้ำตาท่วมหน้าเลยค่ะ
ให้มันได้ยังงี้ซี

ได้ข่าวว่าทางการอาจจะประกาศวันหยุดยาว 28-30 ต.ค.  เพื่อให้คนได้ออกจากกรุงเทพ
ถนนจรัญสนิทวงศ์น้ำท่วมสูง สั่งปิดถนนตั้งแต่แยกบางพลัดถึงสะพานพระรามเจ็ดแล้ว

"One was saying 'Yes' and one was saying 'No.'"

มีความหมายแย่กว่า


"One said 'Yes' and one said 'No.'"

^
งง ๆ เช่นกันว่ามีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้การช่วยเหลือ และหากมีการให้ช่วยเหลือจะมีการตอบแทนหรือไม่ อยากทราบถึงเหตุผลเช่นกัน แต่สหรัฐก็คงมึน ๆ อึน ๆ กับ Yes Yes No No ตกลงจะให้มาหรือไม่ให้มา จะเอายังไง...สรุปถอยดีกว่า


ครม.อนุมัติให้ประกาศวันหยุดราชการ 27-28 และ 31 ต.ค.54 ในพื้นที่ 21 จังหวัด รวม กทม.ให้ประชาชนเตรียมรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯ
       
       พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ผอ.ศปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประกาศวันหยุดราชการในวันที่ 27-28 และ 31 ต.ค.54 ในพื้นที่ 21 จังหวัด รวม กทม. เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ
       
       โดยมีการคาดการณ์ว่า น้ำทะเลจะหนุนสูงในวันที่ 26 ต.ค. และไปสูงสุดในวันที่ 31 ต.ค. แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ศปภ. ยังคงปฎิบัติงานทุกวัน

ภาพการก่อกำแพงกันน้ำท่วมที่อาคารรัฐสภา (ภาพจากเมเนเจอร์) ทำให้คิดว่ารัฐสภาที่กำลังวางแผนก่อสร้างใหม่ที่เกียกกาย มูลค่าระดับหมื่นล้านบาท จะออกมาป้องกันได้หรือไม่

ภาพการก่อกำแพงโบกปูน ข้าพเจ้าเคยก่อมาแล้วด้วยตนเอง ด้วยอิฐบล๊อก ผสมปูนโปะ ๆ กันน้ำท่วมได้พอประมาณ เพราะน้ำมีความสามารถซึมได้ดี ในขณะนี้ตามท้องถนนในกรุงเทพมหานคร ต่างก่อไว้หน้าบ้านตนเอง สูงเท่าเข่าบ้าง เท่าเอวบ้าง เริ่มก่อกันอย่างหนาตา เมื่อมวลน้ำเริ่มรุกเข้ามายังพื้นที่ดอนเมือง และทางกทม. ประกาศเตือนพื้นที่เสื่ยงเขตจตุจักร และมีกำแพงพังที่เขตบางพลัด ช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงแยกบางพลัด และน้ำบุกท่วมหลังโรงไฟฟ้าบางกรวย ยังทำให้คนกรุงเทพตื่นตระหนก

ตัวอย่างเบาๆ

เมื่อวานนี้ได้เข้าไปห้างสรรพสินค้าแถวชิดลม เห็นว่าน้ำดื่ม อาหารแห้ง เครื่องกระป๋อง อาหารแช่แข็ง ได้หมดจากแผงวางสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เกิดจาก

1. การขนส่งสินค้าระหว่างคลังเก็บ ถึงชั้นวางของน้ำท่วม และเส้นทางตัดขาด
2. การซื้อกักตุนของประชาชน
3. บริษัทผลิตน้ำถูกน้ำท่วมจมโรงงาน

น้ำดื่ม น้ำประปา สำคัญมากครับ บางคนมีเครื่องกรองน้ำก็รีบ ๆ เก็บน้ำไว้ก่อนที่การประปาจะประกาศหยุดการผลิต และระบบไฟฟ้าถูกตัด บางบ้านน้ำท่วมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ขอเตือนไว้

เครดิตภาพ คุณชาปั่น พันทิป

อ้างจากค.ห. 120

คุณสุทธิชัย หยุ่นแปลให้แล้วค่ะ

ข่าวจากวอชิงตันบอกว่ารัฐบาลไทยสับสน บางส่วนบอก "ต้องการ" ความช่วยเหลือสหรัฐฯ อีกบางส่วนบอก "ไม่ต้องการ" ...กองทัพเรือสหรัฐฯจึงได้ถอนเรือหลายลำที่ส่งไปช่วยประเทศไทยในการแก้ปัญหาน้ำท่วม

โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯบอกว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน USS George Washington และเรืออื่น ๆ จำนวนหนึ่งถูกส่งไปที่บริเวณใกล้ประเทสไทยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมเพื่อให้พร้อมสำหรับการช่วยเหลือไทย

"แต่เราไม่เคยได้รับคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทย ดังนั้น ทางการสหรัฐฯจึงมีคำสั่งให้เรือสามลำในกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือลำที่สี่ USS Kidd ออกจากนบริเวณนั้นตั้งแต่วันศุกร์" โฆษกทหารเรือสหรัฐฯบอกสำนักข่าว AFP

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอีกคนหนึ่งบอก "เราพร้อมจะช่วย แต่เราไม่ได้รับการร้องขอ"

เจ้าหน้าที่อเมริกันบอกว่ามีความสับสนในการบริหารวิกฤติในรัฐบาลไทย เพราะฝ่ายหนึ่งบอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แต่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ต้องการ
http://www.oknation.net/blog/black/2011/10/25/entry-1

หมู่บ้านเมืองเอก แตกแล้ว
25 ต.ค.54 เมื่อเวลา 12.25 น.
พลต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  ประกาศช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภับที่ 10 / 2554 ขอให้เคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เนื่องจากคันกั้นน้ำ อบต.หลักหก ปทุมธานีชำรุดบางตอน ทำให้มวลน้ำจากคลองรังสิตไหลทะลักเข้าสู่หมู่บ้านเมืองเอกและบริเวณใหล้เคียง ภายใน 1-2 ช.ม. โดยระดับน้ำจะสูงขึ้นที่ 1-1.50  ม. เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ศปภ. จึงขอประกาศให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวเคลื่อนย้ายออกให้เร็วที่สุด ทั้งนี้กองทัพไทยได้เตรียมยานพาหนะรองรับการเคลื่อนย้ายไว้ที่ ม.รังสิต จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
http://www.oknation.net/blog/vincentoldbook2/2011/10/25/entry-1

น้ำล้นขึ้นมาทางท่อระบายน้ำ  ถึงถนนทรงวาดแล้ว
http://www.oknation.net/blog/keeluaey/2011/10/24/entry-1

เห็นกันหรือยังครับ

^
สรุปคือท่วมหมดใช่ไหมครับ  ::)

กำลังจะถามอย่างเดียวกัน  ว่าไม่มีเขตไหนรอดใช่ไหมคะ    ขึ้นกับว่าจะท่วมมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
ต่ำกว่าหนึ่งเมตรก็ค่อยยังชั่ว  มากกว่าหนึ่งเมตรก็แย่หน่อย

^^^^^^^^
^^^^^^^^

ตามนั้นครับ

ขอให้ทุกท่านทำใจได้  ว่าอะไรผ่านมา เดี่ยวมันก็ผ่านไป
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tvonline&month=25-10-2011&group=11&gblog=10

ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เตือนเลวร้ายสุดกทม.ท่วมถึงเอวนาน 1เดือน

นายเสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวทางไทยพีบีเอสว่า น้ำที่ล้นมาจากปัญหาที่ประตูคลองหนึ่งไม่สามารถปิดได้ จนทำให้น้ำจากคลองระพีพัฒน์ไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธินนั้น มีแนวโน้มว่า ภายใน 2-3 วันนี้จะไหลเข้าไปถึงเขตจตุจักร และเขตดินแดง คาดว่าน้ำจะสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ประชาชนยังไม่ต้องถึงขั้นอพยพออก จากนั้นคาดว่าน้ำจะไหลเข้าสู่ระบบอุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9 เพื่อลงสู่ทะเลต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งแก้ไขปัญหาบริเวณช่องระบายน้ำประตูดำ เขตดอนเมือง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดรังสิต ที่ชำรุดเสียหายและมีน้ำทะลักผ่านอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่ายังไม่มีการแก้ไขในจุดนี้ น้ำยังคงไหลแรงและเร็วมาก หากปล่อยไว้จะทำให้น้ำจากจุดนี้ไหลเข้าสู่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง และไหลเข้าสู่คลองประปาได้

นอกจากนี้ ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ น้ำที่ไหลมาจาก จ.ปทุมธานี และอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จะไหลเข้าสู่พื้นที่คลองมหาสวัสดิ์ และคลองทวีวัฒนา คาดว่าน้ำจะล้นคันกั้นเข้าท่วมพื้นที่ภายใน 7-8 วันนี้ และคาดว่าระดับน้ำจะสูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะเป็นในลักษณะน้ำเอ่อล้นคลองเข้าท่วม ไม่ใช่การไหลบ่าเข้าท่วมรุนแรง

นายเสรีกล่าวอีกว่า จุดที่น่าเป็นห่วงคือพนังกั้นกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งต้องดูแลให้แข็งแรง เพราะหากเกิดพังเสียหายจะทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทันที และระดับน้ำจะเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยาสูงมาก

ขณะที่ฝั่งตะวันออกคาดว่าน้ำจะเอ่อล้นคันกั้นของคลองหกวาสายล่าง เข้าท่วมพื้นที่ย่านเขตสายไหมภายใน 4-5 วันนี้ โดยระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร จากนั้นน้ำจะไหลไปคลองแสนแสบ คลองสามวา หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ประเวศ ออกไปทางสำโรงภายใน 10 วัน

นายเสรียังกล่าวว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ปทุมวัน สีลม บางรัก สาทร ราชเทวี ห้วยขวาง วัฒนา น้ำจะท่วมระดับเอว และท่วมนาน 1 เดือน ในส่วนข้อแนะนำรัฐบาลอาจต้องประกาศเขตห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ มิฉะนั้นอาจเกิดภัยจากความโกลาหล

ระดับเอว ๑ เดือน  ::) ::) ::)


++++++

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงศาลาท่าน้ำ รพ.ศิริราช วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔

อ.เสรี วิเคราะห์ออกมาอีกแผนภูมิหนึ่ง

แบบซูมตามพื้นที่ (http://maps.google.co.th/maps/ms?vpsrc=6&ctz=-420&ie=UTF8&msa=0&msid=218138482391059342984.0004aff740135b8a5f49f&ll=13.820745,100.664978&spn=0.464928,0.617981&t=m&source=embed)

สงสัยจังค่ะ น้ำท่วมใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมา เราเคยอพยพกันหรือเปล่าคะ

 ???  ???  ???

ไม่ค่ะ  อาจมีบางคนย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว ถ้าแถวบ้านน้ำท่วมมาก   แต่ก็เป็นเฉพาะราย ที่สมัครใจย้าย 
ไม่เรียกว่าอพยพ
ชาวกรุงเทพอพยพกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ  70 ปีมาแล้ว

คลิปประวัติศาสตร์อีกคลิปหนึ่ง

http://www.youtube.com/watch?v=OoMMjpGF87o&feature=player_embedded

ใครเข้าใจภาษาญี่ปุ่น กรุณาช่วยแปลด้วย

 ;D

คลิปอธิบายเรื่องน้ำท่วมน่ารัก ๆ เขาให้น้ำท่วมเปรียบเสมือนเป็นปลาวาฬ

http://www.youtube.com/watch?v=b8zAAEDGQPM&feature=player_embedded

นั่นสิคะ สงสัยคนรุ่นใหม่จะลำบากไม่เป็น กลัวไม่มีน้ำ กลัวไม่มีไฟ กลัวไม่มีอาหาร กลัวไม่มีส้วม
ปี 2526 , 2538 จำได้ว่าบางที่ก็แช่น้ำ ต่อสะพานอยู่กัน ลำบากกันหลายเดือน แถวเจ้าพระยาก็ตามน้ำขึ้น-น้ำลง

เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู และท่านสมาชิกเรือนไทยทุกๆท่านครับ

   ผมเข้ามาร่วมในกระทู้นี้ เพื่อขอความเห็นจากทุกๆท่านเพิ่มเติมครับ ว่า ชาวกรุงเทพฯ จะต้องผจญกับอุทกภัยมากน้อยเพียงไร นานสักเพียงไหน สิ่งที่ผมประเมิน อาจเข้าข่ายกระต่ายตื่นตูมในความคิดของบางท่าน แต่ที่ผมคาดคะเนไว้ร้ายแรงสักหน่อย  ก็เพื่อการเตรียมรับมือแบบเข้มข้น เผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาดครับ

   น้ำที่ล้อมรอบ แหละไหลทยอยเข้าท่วมกรุงเทพมหานครอันเป็นปัญหาเผชิญหน้าเราอยู่เป็นเพียงปลายแถว ผมฟังจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้เมื่อเช้าที่ผ่านมา พิธีกรท่านระบุว่าปริมาณราวๆหนึ่งพันล้านกว่าลูกบาศก์เมตร ยังมีตามมาอีกทัพใหญ่ หนักหน่วง มากมายกว่านี่สามเท่า คือราวๆสี่พันล้านกว่าลูกบาศก์เมตร ปัญหาคือกรุงเทพฯ จะสามารถเลี้ยงไข้ได้นานแค่ไหน ผมอนุมานเอาอย่างต่ำๆนะครับ กทม. คงจะเจิ่งน้ำรอบทิศ ระดับเอวน่ะสำหรับที่ดอน ที่ลุ่มเห็นจะสองเมตรขึ้นไป (เป็นอย่างน้อย) เจ่าจ่อมอยู่ ๔ เดือน คือตั้งแต่พฤศจิกายน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เรื่อยไปถึง มกราคม กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ระหว่างฤดูหนาวที่น้ำยังนอง โรคระบาดจะแพร่กระจายลุกลาม ครั้นน้ำเริ่มลดก็จะบรรจบกับฤดูร้อนพอดี ทีนี้ ทั้งฉาตกภัย ผนวกกับทุพภิกขภัยก็จะโถมเข้าใส่ ผมอาจคาดเดาเกินจริงไปมาก ทว่าดังได้เรียนแล้วแต่ต้น เพื่อความไม่ประมาทครับ หากมีสิ่งใดในคำสันนิษฐานกระทำให้ท่านผู้อ่านขุ่นข้องเคืองขัด กระผมขอน้อมรับความผิดนั้นๆ ไม่ว่าครุโทษ หรือลหุโทษ ไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ
     

ขอแสดงความเห็นใจคุณชูพงศ์อย่างยิ่ง   ความวิตกกังวลของคุณ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจนคนอื่นๆในกรุงเทพและจังหวัดอื่นที่ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน
น้ำจะท่วมนานเท่าใดนั้น จนบัดนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาประกาศกันชัดๆ ว่ากินเวลากี่เดือนกี่วัน  อาจจะไม่ทราบเหมือนกัน หรือทราบแต่กลัวว่าประกาศออกมาแล้วประชาชนจะยิ่งเสียขวัญ ก็เป็นได้

ไปอ่านข้อคิดของท่านว.วชิรเมธี เรื่องน้ำท่วม    น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคนที่กังวลเรื่องนี้อยู่ค่ะ
เครดิต ไทยรัฐออนไลน์  www.thairath.co.th
วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2554

ในช่วงเวลาที่คนไทยจิตตก ตระหนกไปกับทุกกระแสข่าว ตกใจไปกับข่าวสารทุกๆช่องทางที่เผยแพร่ออกมา ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสพูดคุยกับ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย สถาบันที่ศึกษา วิจัย ภาวนา และเผยแพร่ภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก เพื่อมาให้ไขรหัสเอาชนะความทุกข์จากน้ำท่วม โดยใช้ "ธรรมะ" เข้าใจ "ธรรมชาติ"!!

Q : ตามคำภีร์ไบเบิ้ลมีกล่าวถึงวันสิ้นโลก นอสตราดามุส ชนเผ่ามายัน ต่างก็กล่าวถึงวันสิ้นโลกเช่นกัน ในพระไตรปิฎกหรือพุทธทำนายของศาสนาพุทธ มีกล่าวถึงเรื่องวันสิ้นโลกหรือเปล่า...?

A : มี แต่ไม่ได้บอกเวลา บอกแต่ว่า “ในอนาคตกาลนานไกลโพ้น โลกจะวิบัติเพราะน้ำ เพราะลม เพราะไฟ” ฉะนั้นถือว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาโลก สิ่งไหนก็ตามที่มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น ก็จะมีการแตกดับไปในที่สุด อย่าตื่นตกใจกับธรรมดาของโลก เราต้องพร้อมที่จะอยู่ในโลกอย่างคนที่เป็นนักเรียน พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเราเป็นนักกีฬาที่วิ่งลงไปในสนามแล้ว เราก็ต้องยอมรับกฎกติกาของสนามนั้น เราถึงจะเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
เช่น เดียวกัน เราเกิดมาในโลก เราก็เป็นนักกีฬาของโลก เราก็ต้องพร้อมที่โลกจะมอบบทเรียนต่างๆให้กับเรา มองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะเข้มแข็ง ยิ่งโจทย์ยากๆ ถ้าหากเราแก้โจทย์ได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งมากขึ้นๆ ยิ่งขึ้นไป ดังนั้นมองอีกนัยหนึ่งก็คือความทุกข์มากปลุกให้เราตื่น เมื่อเราตื่นแล้วปีต่อๆไป เมื่อน้ำไหลมา เราก็จะกลายเป็นผู้ที่รับมือกับน้ำได้อย่างเชี่ยวชาญ

Q : ควรจะใช้ชุดความคิดแบบไหนดีที่จะจัดการความทุกข์ เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็มีแต่ข่าว มีแต่คนเครียดๆ เพราะน้ำท่วมบ้าน คนที่ยังไม่โดนน้ำท่วมก็กลัว กลัวจนนอนไม่หลับ ไม่เป็นอันทำอะไร?


A : อาตมา อยากจะให้ทุกคนคิดว่า อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน ณ เวลานี้ เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็คงต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะเกิด เพราะว่านี่คือธรรมชาติ เรามาอยู่ในโลก เราต้องพร้อมจะรับมือกับทุกวิกฤติ เพราะว่าโลกมาอยู่ก่อนเรา แล้วเรามาทีหลัง ฉะนั้นก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นในโลกนี้ วิธีที่ดีที่สุด “ให้มองปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ว่าเป็นครูที่มาเตือนเราให้เราตื่น” เราอาจจะพากันหลับใหลอยู่ในความประมาท พอน้ำไหลบ่ามาปลุกให้เราให้ตื่น มองวิกฤติเป็นครูแล้วอยู่ด้วยกันแบบไม่ประมาท เพราะว่าน้ำมาแต่ละปี ก็จะทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการรับมือมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่า ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้วิธีที่จะรับน้ำในแต่ละปี แต่ละปี ในอนาคตประเทศเราอาจจะเป็นประเทศที่บริหารจัดการน้ำที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ ว่าได้
นี่คือมองให้บวก มองวิกฤติเป็นครู อยู่ด้วยความไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาดเฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้จากการรับมือน้ำอย่างดีที่สุดและอย่างต่อเนื่อง ชนไทยอาจจะเป็นชนชาติที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำมากเป็นอันดับ หนึ่งก็เป็นได้

Q : คนที่สูญเสียบ้านและทรัพย์สินจากน้ำท่วม?

A : ตอน ที่เราเกิดมา เราทุกคนนั้นเปล่าเปลือยมาทั้งหมดเลย คุณมีแต่ตัวล้วนๆ คุณยังหาบ้านหารถหาเรือกสวนไร่นาได้อย่างมากมาย วัตถุเงินทองเสียไปแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งคุณยังมีชีวิต ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นเสียวัตถุเสียไป แต่จงรักษากำลังใจและชีวิตเอาไว้ ให้กำลังใจให้ชีวิตนี้เป็นสมบัติติดตัวเราไปตลอด ถ้าชีวิตนี้ยังมีชีวิตอยู่กำลังใจก็ยังมีอยู่ คุณสามารถสร้างวัตถุขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ควรเสียใจ เมื่อถึงเวลาพลัดที่นา คาที่อยู่

ที่สำคัญให้รู้จักเสียสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เพราะชีวิตสำคัญมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคุณไม่มีทรัพย์คุณสามารถหาใหม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีชีวิตทุกอย่างทุกสิ่งก็จบตรงนั้นแล้ว   ให้ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ให้ยอมสละทรัพย์ เช่น บ้าน รถ วัตถุข้าวของทั้งหลายอย่าไปยึดติดถือมั่น มาเวลานี้ต้องเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน ถ้าคุณยังมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสูญเสียไป หามาได้ใหม่ทั้งหมดไม่ต้องกังวล

Q : คนที่เพิ่งสูญเสียคนรักจากน้ำท่วม?

A : ก็ให้ทำใจยอมรับ อย่าโกหกตัวเอง เพราะว่ามันเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคน พอเราเกิดมาแล้วก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากบุคคลและสิ่งของอันเป็นที่รัก เป็นเรื่องธรรมดา “พระพุทธเจ้าใช้คำว่าเป็นธรรมดา ท่านไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเราเกิดมาแล้ว  เราก็ต้องจากพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเป็นของธรรมดา เพียงแต่ว่ามันจะเกิดช้าเกิดเร็วเท่านั้น” เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ต้องยอมรับเพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

“เมื่อ สุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป” คนที่เหลือก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาใช้ชีวิตกันไปโดยไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาด เฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ สูญเสียอะไรก็สูญเสียไป แต่ต้องรักษากำลังใจเอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะถ้าคุณสูญกำลังใจคุณสูญทุกอย่าง แต่หากคุณยังมีกำลังใจ คุณยังสามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ใหม่อย่างแน่นอน

Q : น้ำท่วมจนธุรกิจล้มละลาย?

A : อาตมา อยากให้เขาคิดเหมือน “สตีฟ จ็อบส์” เพราะจ็อบส์เคยถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้ง แต่เขาบอกว่า “เขาแค่สูญเสียบริษัทไปเท่านั้น แต่ฉันไม่ได้สูญเสียความสามารถ ภูมิสติปัญญาที่อยู่ในหัวซะหน่อย” ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งบริษัทใหม่แล้วกลายเป็นซีอีโอแห่งศตวรรษ คือในรอบ 100 ปีจะมีคนอย่างเขาคนหนึ่ง ฉะนั้นก็ขอให้นักธุรกิจทั้งหลายที่ประสบกับความล้มละลายในระหว่างนี้ ให้บอกตัวเองว่าเราแค่สูญเสียข้าวของเงินทองเท่านั้น แต่เราไม่ได้สูญเสียชีวิต แล้วเราก็ไม่ได้สูญเสียความสามารถของการก่อร่างสร้างตัวของเราแต่อย่างใด ฉะนั้นเราสามารถเริ่มต้นกันใหม่ได้ คิดแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าเราจะไม่กลับมา “หลายคนเมื่อล้มเหลวแล้วกลับมาได้ดียิ่งกว่าเดิม เพราะว่าเขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญผ่านไปแล้ว”
ถ้ามองแบบนี้ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันกลายเป็นว่ามันทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิต ระมัดระวังในการทำธุรกิจยิ่งขึ้น ความล้มเหลวมันจะทำให้เราได้รับบทเรียนที่ดี คุณอาจจะสูญเสียธุรกิจ เงินทุน แต่ตราบใดที่คุณยังมีความสามารถนั้นอยู่ในหัว คุณเริ่มต้นได้ใหม่ทั้งหมด

Q : กล่าวโทษหน่วยงาน รัฐบาล ข้าราชการ คนอื่นๆ เพราะไม่มีคนมาช่วยเหลือตนเองซะที

A : สิ่ง ที่เราต้องเข้าใจก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้คราวนี้มันกินพื้นที่กว้างเหลือเกินกว่า 50 จังหวัด ไม่อยากให้กล่าวโทษใคร ในตอนนี้อยากจะให้เราช่วยซึ่งกันและกันไปก่อน รัฐบาลคือคนไทยเหมือนกับเรา มีความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าเราต่างเดือดร้อนด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จะให้ไปกระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นการยาก ให้มองด้วยความเข้าใจดีกว่าการกล่าวโทษ

ดังนั้นอาตมาอยากให้คิดว่า  จงพึ่งตัวเองก่อนที่จะพึ่งรัฐบาล เพราะว่าเวลาน้ำไหลมามันไม่รอรัฐบาลหรือรอใครทั้งสิ้น ธรรมชาติไม่มีการเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ “อัตาหิ อัตตาโน นาโถ พึ่งตนก่อนพึ่งคนอื่น ทำได้อย่างนี้แล้ว เราจะสามารถเอาตัวรอดได้ก่อนที่ความช่วยเหลือคนอื่นจะมาถึง ในส่วนของประชาชนคนไทยก็ขอโอกาสนี้เป็นการแสดงออกแห่งวัฒนธรรมแห่งน้ำใจ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทอดกฐินน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม

ท่ามกลางวิกฤติ เราก็จะเห็นได้ว่าความงดงามแฝงอยู่ เราจะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งการให้ เราอยู่กันมาด้วยการให้ และนี่คือวันเวลาที่จะทำให้เราให้ซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความทุกข์ก็ยังมีความงดงามแห่งการให้ เป็นดั่งดวงดอกไม้ที่โดดเด่นอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาเสน่ห์น้ำใจของคนไทยตรงนี้เข้าไว้

Q : โกรธ โมโห ด่าทอ ธรรมชาติ…?

A : การ ด่าทอธรรมชาติ มันไม่ใช่อะไรหรอก เราเกิดมาเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มองในมุมกลับกัน เช่น ต้นไม้อาจจะด่ามนุษย์ว่าเธอตัดฉัน เธอปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน  ในขณะที่เราด่าธรรมชาติ   คุณรู้ไหมว่าธรรมชาติอาจจะด่าเรา    มันไม่ช่วยอะไร     แนะนำให้เราเรียนรู้จากธรรมชาติ เพราะว่าธรรมชาติคือมารดาบิดาของมนุษยชาติ มนุษย์ทุกคนคือลูกหลานของธรรมชาติ คุณไม่ควรไปด่ามารดาบิดาของคุณ ควรจะเรียนรู้จากมารดาบิดาของคุณว่าเขามีธรรมชาติอย่างไร

พอเราเรียนรู้จากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เราก็จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย การด่าจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา การเรียนรู้ธรรมชาติเท่านั้นถึงจะทำให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

Q : ถ้าจะต้องมีคนผิดกับเหตุการณ์วิปโยคน้ำท่วมในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งเศรษฐกิจ ชีวิต และสิ่งมีค่ามากมาย สุดท้ายเราควรจะกล่าวโทษโกรธใคร

A : จงโทษตัวเองว่าทำไมไม่เรียนรู้ น้ำไม่ได้ท่วมเป็นปีแรก มันท่วมเกือบทุกปี ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนไทยว่าไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเทศที่ประชาชนที่ไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้น ก็เป็นประเทศที่จะต้องมีชะตาร่วมกันในการเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นแหละ ฉะนั้นเราคนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องน้ำให้ดี แล้วมาหาวิธีจัดการเสียให้ถูกต้อง วิถีนี้เท่านั้นที่จะทำให้น้ำไม่ท่วมซ้ำซาก จงอย่าหลงลืมประวัติศาสตร์ ลุกขึ้นมาศึกษาว่าเราถูกน้ำท่วมมาแล้วกี่ครั้ง แล้วก็หาทางรับมือให้ดีที่สุด ดังนั้นพวกเราทุกคนมีส่วนร่วมทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ การกล่าวโทษไม่ช่วยอะไร มีแต่ตั้งใจเรียนรู้เท่านั้นที่จะรับมือภัยธรรมชาติได้

นักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ ด้วยค่ะ

ได้แผนที่บอกระดับน้ำท่วม มาอีกแผ่นหนึ่งค่ะ
http://photo.hunsa.com/image.php?host=cms&content=35368&img=109939

เช้านี้ ๒๗ตค๕๔

ผ่านไปแถวสนามหลวงเลยเอามาฝากครับ

พิพิธภัณฑสถานวังหน้า

แม่น้ำเจ้าพระยาน้ำหนุนสูง น้ำทะลักออกทางท่อระบายน้ำเอ่อล้นบนถนน

ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์

ท่าพระจันทร์ มองเข้าไปเห็นจะหนักหน่อย ตำรวจกั้นจราจร ไม่จำเป็นไม่ให้รถเข้า

อนุสาวรีย์ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาถ หน้าวัดมหาธาตุฯ

.

หอวชิรญาณ

หน้ากรมศิลปากร

มองลอดประตูวิเศษไชยศรีเข้าไป น้ำนองเท่าเทียมกันหมด

หน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง น้ำแค่ปริ่มๆขอบถนน

วัดพระแก้วยังคงเปิดให้ประชนเข้าได้ ในยามนี้คนไทยน้อยไปแยะ แต่นักท่องเที่ยวยังสู้อยู่

ตึกแถวโบราณหน้าพระลาน

ช่วงนี้ นักท่องเที่ยวต้องเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ เพราะเข้าไปแล้วไม่ต้องลุยน้ำ

ประตูวิมานเทเวศร์

ก่อนกลับ ผมไปแวะดูคลองคูเมืองซะหน่อย ทุกวันจะแห้งขอดเพราะกทม.พร่องน้ำไว้รอรับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อเห็นก็โล่งใจ เมื่อระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด+น้ำเหนือไหลบ่าเช่นนี้ ยังท่วมเท่าที่เห็นเท่านั้น

น้ำทรงตัวอยู่สักครึ่งชั่วโมง ก็ไหลลงกลับสู่ท่อระบายน้ำอย่างรวดเร็ว ตระเวนถ่ายรูปยังแทบไม่ทัน มาลงที่คลองนี้แล้วออกไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเครื่องสูบน้ำกำลังสูง ที่หัวกับท้ายคลอง

คลองโอ่งอ่าง หรือคลองบางลำพูที่สพานผ่านฟ้าฯ  น้ำที่เลี้ยงไว้แค่ก้นคลอง เพิ่มมาครึ่งนึง

คลองผดุงกรุงเกษม ที่สพานเทวกรรมฯ

คลองเหล่านี้ถือเป็นระบบป้องกันพระนครชั้นใน
ผมต้องขอแสดงความชื่นชมสำนักระบายน้ำ กทม.ว่าได้เรียนรู้จนมีความชำนาญที่จะบริหารจัดการน้ำท่วมดีมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่าหรือน้ำฝน ถ้าไม่ไปยุ่งกับเขาจนเป๋แล้ว ในใจกลางกรุงเทพพระมหานครเขารับไหวแน่

นักการเมืองทั้งหลายผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความรู้ความเข้าใจหาได้ลึกซึ้งเท่าข้าราชการประจำที่เขาเชียวชาญในหน้าที่รับผิดชอบของเขาไม่ แต่ท่านเหล่านั้นน่าสงสาร ถ้าพลาด ก็เป็นแพะแน่ๆอยู่แล้ว แต่ถ้างานสำเร็จ นักการเมืองก็ปาดเข้ามาเอาหน้าไปซะอีก

คลองพระโขนง ซึ่งขณะนี้ใช้เป็นทางระบายน้ำเหนือที่ปล่อยจากคลองแสนแสบ มาที่อุโมงค์ยักษ์ไปออกแม่น้ำ ระดับน้ำในคลองแม้จะวิ่งแรงอยู่ แต่ก็สังเกตุได้ว่าถูกควบคุมไว้ให้พอดีกับความสามารถในการระบายของอุโมงค์ ไม่ให้ล้นตลิ่งขึ้นมาเดือดร้อนชาวเมืองที่อยู่ทั้งสองฝั่ง

รูปสุดท้ายก่อนถึงบ้านครับ

คลองกระจะ น้ำนิ่งสนิท ดำปี๋
ล้นออกมาเมื่อไหร่ ชาวบ้านเตรียมเป็นฮ่องกงฟุตได้

หวังว่าใจกลางกรุงเทพ  กทม.คงจะ "เอาอยู่" ค่ะ

ขอเชิญชาวเรือนไทยชมภาพชุด  Bangkok Underwater (http://www.theatlantic.com/infocus/2011/10/bangkok-underwater/100178/) 
บางภาพก็ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไปได้  ใครจะนึกว่า ที่ดอนเมือง จะเห็นเครื่องบินจอดอยู่กลางพื้นน้ำ

ภาพนี้ก็ไม่นึกว่าจะได้เห็น

 :'(

ภาพปัจจุบันเหล่านี้คือภาพประวัติศาสตร์ในอนาคต

http://www.theatlantic.com/infocus/2011/10/bangkok-underwater/100178/

รวมทั้งคลิปนี้ด้วยค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=KR3kAkcBFEQ&feature=player_embedded

ข่าวน้ำท่วมกรุงเทพ ออกอากาศไปทั่วโลก

http://www.youtube.com/watch?v=MKb6gW-0R3I

ภาพประวัติศาสตร์

เวปนี้ให้ข้อมูลจริงแท้ ปฏิเสธมิได้

http://hermes.traffy.in.th/i/showpics.php?cctvid=381

บรรยากาศชาวพระนครในเวลานี้ต่างอบอวลด้วยความกังวลว่าน้ำจะมาเมื่อไร จะท่วมกี่เมตร จะอพยพอย่างไร จะเดินทางออกไปจากกรุงเทพดีไหม ที่ทำงานไม่มีคำสั่งให้หยุด

ข้าวของแพงขึ้น น้ำประปาเมื่อไรจะหยุดให้บริการ น้ำดื่มไม่มีขาย สิ่งเหล่านี้คนกรุงเทพฯ กำลังอยู่กับสิ่งเหล่านี้อยู่ทุกวัน

การอพยพทราบว่าชลบุรี และพัทยา ต่างเนืองแน่นด้วยคนหลากหลาย บ้านเช้าต่างถูกจับจองกันอย่างถ้วนหน้า บ้านหลังเดือนละ สองหมื่นถึงเจ็ดหมื่นบาท แถมเต็มอีกต่างหาก

สภาพการจอดรถหนีน้ำบนทางด่วน บนสะพานมีให้เห็นหนาตาขึ้น

ภาพการก่ออิฐบล๊อก กระสอบทราย ตอนนี้เริ่มถูกก่อให้สูงขึ้นกว่าเดิม เป็นการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ หลังจากการรายงานข่าวเรื่องดอนเมือง น้ำท่วมระดับเอวและหัวเข่า ขนาดที่ดอนยังท่วมได้

แล้วที่แอ่งกระทะต่าง ๆ น่าคิดเป็นอย่างยิ่ง

แต่ช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนสูงระหว่าง ๒๘ ถึง ๓๐ นี้เป็นวันพระข้างแรม น้ำทะเลจึงหนุนสูง ๒.๕๕ เมตรทำให้บางแห่งน้ำล้นเข้ามายังพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และพนังกั้นน้ำบางแห่งได้แตกตัวลงน้ำจึงหลากล้นเข้าสู่ถนน

อุโมงค์บางพลัดถูกปิด ถนนอรุณอัมรินทร์ระดับหัวเข่า โรงพยาบาลศิริราชก่อกำแพงปูนและกระสอบทรายไว้สูงมากและหนาแน่นเพื่อปกป้องบ้านของพ่อ โดยทหารและอาสาสมัครต่าง ๆ

กรุงเทพชั้นใน วันที่น้ำล้อมเมือง (http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11243600/E11243600.html)

http://www.youtube.com/watch?v=oowhhhhGkvg&feature=player_embedded#!

 :o

กำลังใจจากเพื่อนที่อยู่แดนไกล

http://www.youtube.com/watch?v=O3kgdigcHqM&feature=player_embedded

 ;D

ดูแล้ววังเวงน่ากลัว เหมือนหนัง Sci-fi thriller  ที่เปิดฉากด้วยมหานครนิวยอร์คกลายเป็นเมืองร้าง   ก่อนจะย้อนกลับไปหาสาเหตุ ว่าเอเลียนบุกโลก
ไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นกรุงเทพในสภาพนี้เลย 

บ้านหนูดีดี ท่วมแล้วค่ะ เมื่อวานนี้เอง บ้านคุณ art47 อยู่ย่านเดียวกันเป็นอย่างไรบ้างคะ ส่งเสียงหน่อย...
หมู่บ้านหนูดีดี เขากั้นคันกั้นน้ำค่ะ รอดมาได้หลายวัน ในที่สุดก็ทานไว้ไม่ได้ น้ำเข้ามาเร็วมาก เมื่อวานช่วงเช้าขึ้นแค่เข่า
ตอนเย็นถึงเอว ตอนนี้ระดับอกแล้วค่ะ หลายบ้านยังปักหลักอยู่ชั้นสอง รวมทั้งหนูดีดีด้วยคะ
คิดว่าน่าจะดีกว่าอพยพเพราะมีคุณแม่อายุเยอะแล้ว อยู่กันสองคน คงลุยนำออกไปไม่ไหว
อพยพไปก็อาจเจอน้ำท่วมอีก..เพราะข่าวสารไม่ชัดเจนเลยค่ะ

น้ำที่ท่วมไม่ได้สวยใสน่าเล่นเลยนะคะ ดำปี๋ แถมมีคราบน้ำมันและขยะเต็มไปหมด
หนังสือที่ใส่ถุงดำวางไว้ข้างล่างก็ท่าจะไม่รอด  :'(
บ้านใครยังไม่ท่วมแนะนำว่าขนขึ้นไปไว้ที่สูงๆ ให้หมดทุกอย่างเลยนะคะ

เมื่อวานตอนน้ำท่วมแค่เข่าเดินไปดูรถมาจอดที่สูงก็ยัง ok แต่ตอนนี้น้ำระดับอก คงต้องทำใจ
พื้นบ้านชั้นล่างเป็นหินอ่อน แช่น้ำแค่คืนเดียวลื่นมากค่ะ
โชคดีที่ยังมีน้ำมีไฟและมีเน็ทอยู่ค่ะ...ตัดไฟเมื่อไหร่ก็แย่เลย...

ภาวนาให้น้ำลดเร็วๆ
เอาใจชวยให้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพนะคะ ....

ทำไมหรือครับ
ถุง ถ้ามัดปากดีแล้ว น้ำเน่าหรือไม่เน่าก็ผ่านพลาสติกไม่ได้เหมือนกัน

น้ำนี้เป็นน้ำหลาก      กำลังมากไหลมาแรง
ทำลายแม้นกำแพง    ตุ่มน้ำขังยังเคลื่อนลอย

ขอให้คุณดีดี          จงโชคดีน้ำล่าถอย
ผองเราเฝ้ารอคอย      ยินข่าวดี ดีดี เอย

 ;D

คุณหนูดีดีที่รัก       ขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งค่ะ   ขอให้คิดล่วงหน้าสักนิดว่าถ้าจำเป็นจะต้องอพยพคุณแม่

จะทำอย่างไร


       สหายนักอ่านของดิฉันหนึ่งท่าน  บ้านจมน้ำไปสองอาทิตย์แล้ว    เมื่อวันเสาร์ยังนัดดิฉันว่าไปสวนจตุจักรกันไหม

(ซื้อชุดพงศาวดารจีนมาไม่ครบ ขาด ๒ เล่ม) ดิฉันว่าไม่ไปจ้ะ  กลัวกลับบ้านไม่ถูก   วันอาทิตย์น้ำก็มา   สหายหนุ่มน้อยก็ย้ายไปอยู่หอพัก


       สหายอีกรายหนึ่งเป็นข้าราชการ  ทำงานอยู่ศาลายา     ท่านต้องเข้าเวรเฝ้าสนามหลวงทุกอาทิตย์  และตอนนี้ท่านก็ต้องเฝ้า

ที่ทำงานอีกวันเว้นวัน     ท่านต้องขนกระสอบทรายจำนวนมาก    เมื่อสองวันก่อนน้ำเข้าใกล้ๆที่ทำงานแล้ว   ท่านก็ไปจับปลากับรปภ

ท่านนัดดิฉันว่าราชการหยุดหลายวันไปดูหนังสือกันไหม     ดิฉันเรียนท่านไปว่า  ร้านหนังสือเก่าจมน้ำตามๆกันไปแล้ว  ไม่ได้ยินบ้างหรือ

เรื่องร้านหนังสือหลายร้านจมน้ำนี่  จะเล่าก็เป็นเรื่องยาวแบบโศกสลดรันทดหนักหนา   คนที่มีสต้อคหนังสือ หนึ่งแสนเล่ม  มีหลายคนค่ะ
      

       สหายอีกท่านหนึ่งคล่องตัวสูง   ย้ายที่พักในเมืองไปอยู่คอนโดชั้น ๕ อย่างว่องไว   ท่านบ่นว่าท่านจะไปพัทยา


       สหายนักสะสมคนหนึ่งหายร่างไป  ติดต่อไม่ได้   เขาซุกซ่อนหนังสือเก่าที่เลิศไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านคุณพ่อคุณแม่     ตัวเขาอยู่กับครอบครัวอีกที่หนึ่ง      

สายข่าวรายงานว่าบ้านเขาท่วมไปแล้ว      ดิฉันเกรงว่าจะเป็นบ้านคุณพ่อคุณแม่มากกว่า  เพราะไม่มีใครทราบว่าสมบัติมหาศาลซ่อนอยู่ที่นั่น


       เมื่อสองอาทิตย์ก่อน     มีการพบปะที่บ้านดิฉันหลายครั้ง     ดิฉันก็ขนหนังสือหนักๆหลายชุดลงไปที่ห้องรับแขก  กองไว้ทั่ว     ตอนนี้ก็ขนขึ้นมา

ครึ่งทางแล้วค่ะ  วางไว้ที่ที่พักบันได

       เป็นห่วงทุกท่านค่ะ

       ดิฉันผ่านสงครามชีวิตตอนน้ำท่วมหมู่บ้านเสรีเมื่อ ๒๕ ปีมาแล้วค่ะ     ตอนนี้จิ๊บ ๆ

ให้เพื่อนที่ยังแห้งสบายดีอยู่ลองติดต่อหาห้องพักแถวเกษตรอยู่ค่ะ  ;D
ถ้าตัดน้ำตัดไฟเมื่อไหร่คงต้องอพยพแน่ๆ แต่ตอนนี้ติดที่คุณแม่ยังไม่อยากไป
หนูดีดี อยากออกไปใจจะขาด คุณแม่เกรงว่าจะไปลำบากกว่านี้
อยู่ที่บ้านยังมีพร้อมทุกอย่าง ยังมีเสบียงทำอาหารได้ นอนสบาย
ออกไปมีแต่เสื้อผ้าไปนิดหน่อย จะอยู่อย่างไรจะกินอย่างไร แม่วิตกไปหมดค่ะ
ห่วงบ้านด้วยค่ะกลัวพวกงัดแงะ ก็เลยยังตัดสินใจไม่ได้
แต่น้ำขึ้นเรื่อยๆ ถ้าถึงหม้อแปลงเมื่อไหร่คงถูกตัดไฟแน่เลย

หนังสือที่ใส่ในถุงดำ มันมีน้ำหนักมากนะคะยกไม่ไหว แต่น้ำพามันลอยไปมาได้ค่ะ
น้ำนิ่งๆ นะคะ ไม่ได้ไหล มันคงจะกระแทกกันขาด หรือหนูอาจจะมัดไม่ดีเท่าที่ควร ตอนมัดก็ว่าแน่นแล้วนะคะ
ตอนนี้ถุงดำลอยไปทั่วเลยค่ะ....

ถ้าน้ำยังขึ้นเรื่อยๆ ก็อันตรายแล้วละค่ะ  กว่าจะถึงนาทีสุดท้าย คุณแม่อาจจะลุยน้ำท่วมสูงถึงคางไม่ไหว

สงสัยตอนบรรจุและมัดปาก
คงจะโป่งลมมากไป จึงลอยไปลอยมาได้

แต่ถึงจะลอยไปทั่ว คงไม่ถึงกับกระแทกกันขาดน่ะครับ
ตอนนี้  น้ำคงจะเริ่มนิ่งแล้ว

หนูดีดี คงมัดปากถุงไม่แน่นพอน่ะค่ะ....
หวังว่าแผนการระบายน้ำของรัฐบาลคงจะประสพความสำเร็จ
อยุธยาก็ลดแล้ว นนทบุรี ปทุมธานี และลำลูกกาบ้านหนูดีดี คงลดในเร็ววันนะคะ...

เก้าอี้สนามของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นไม้ หนักมากเลยค่ะ ปกติยกสองคนแบบลากเลย ตอนนี้ลอยแล้วค่ะ
ของหนูดีดี เป็นหิน เลยยังอยู่ที่เดิม แต่ต้นไม้จมหมดเลยน่าสงสาร...

กระผมขอมอบอีกหนึ่งกำลังใจส่งมาให้คุณดีดีและทุกท่านครับ ขอให้ผ่านพ้นวิกฤตภัยครั้งนี้โดยไว และประสบสวัสดิภาพโดยพลันครับ
 

คำว่า ในน้ำมีปลา นี่จริงนะคะ... ;D
ขนาดน้ำดำปี๋ยังมีปลาคราฟหัวส้มขาว มาว่ายให้ดูเล่นเลยค่ะ
ได้มีเวลาชมนกชมไม้มากขึ้น...ก็ดีนะคะ (แต่อย่าท่วมนานนักนะคะ)

"


ตอนนี้...............อาจต้องเปลี่ยนเป็น...........


ในน้ำมีปลา.....ในนามีตะเข้


เสียแล้วกระมังคุณหนูดี๊ดี..................







 :(

ขออนุญาตใช้สิทธิ์พาดพิงครับ  ;D

บ้านของผมที่ซอย 39 (พหลโยธิน 62-คุณหนูดีดีอาจจะรู้จัก) แตกตั้งแต่วันที่ 24 ตอนบ่ายๆ
หมู่บ้านแถวๆ นั้น ก็แตกในเวลาใกล้ๆ กัน ทั้ง กม. 27 ซอยแอนแนกซ์ กม. 25 ยันริมคลองสองสายไหม
จึงอพยพหนีมาแถวๆ ลาดกระบัง ใกล้ที่ทำงาน
(แต่หวาดหวั่นกันในสนามบินกันว่าอีกไม่นานน้ำคงมาถึง)

ถนนพหลโยธิน น้ำสูงประมาณเอว และไหลแรงราวกับอยู่ริมลำธารในป่าเมืองตาก (ที่ไปเคยเห็นมาเมื่อตอนทำค่ายอาสา)
แต่ในซอย น้ำสูงประมาณอกถึงคอ พร้อมขยะลอยคอเต็มไปหมด

คอนนี้บ้านจมมิดชั้นหนึ่งแล้ว ดีที่ขนข้าวของขึ้นชั้นสองทันบ้าง (โดยเฉพาะหนังสือทั้งหลายทั้งปวง)
แต่บางสิ่งบางอย่างแม้จะยกขึ้นที่สูงก็มิรอด เช่น ตู้เย็น โซฟาผ้า เครื่องซักผ้า รถจักรยานยนต์
.... สงสัยครั้งนี้เสียทรัพย์ศฤงคารไม่น้อย :'(

ปล. คุณหนูดีดีคงอยู่แถวสายไหม เพราะน้ำเพิ่งเข้าเมื่อวานก่อน เพื่อนผมอยู่วัดเกาะก็หนีไปหัวหินแล้ว

บ้านหนูดีดี อยู่ลำลูกกาค่ะ ติดถนนลำลูกการะหว่างคลองสามกับคลองสี่
หมู่บ้านทำคันกั้นน้ำค่ะ รอบๆ หมู่บ้านรวมถึงบนถนนลำลูกกา ท่วมไปหลายวันแล้ว
ในหมู่บ้านยังแห้งสนิทค่ะ กรรมการหมู่บ้านก็เป็นห่วงแต่คันกั้นมีเวรยามตรวจตรากัน
แต่น้ำมันผุดขึ้นมาจากบริเวณที่เป็นพงหญ้ารกๆ ข้างในหมู่บ้านค่ะ พอรู้ตัวก็กันไม่อยู่ซะแล้ว
ต้องประกาศเสียงตามสายตอนตีสอง ว่าน้ำเริ่มเข้าหมู่บ้านแล้ว พอเช้าก็ถึงเข่าเลย เย็นอยู่ที่ระดับเอว
วันรุ่งขึ้นถึงอกเลยค่ะ เสมอหน้ากันกับบริเวณข้างเคียงที่ท่วมมาก่อนหน้าแล้วหลายวัน
หนูดีดี กับคุณแม่ยังปักหลักอยู่บนชั้นสองค่ะ ยังมีเพื่อนบ้านอยู่พอไม่เหงา
มีพายเรือ พายกะละมัง โฟม ... ผ่านไปมาบ้าง ไฟถนนในหมู่บ้านยังเปิดค่ะ
หนูดีดีอยากออกมาอยู่ข้างนอก เช่นเช่าห้องพัก แต่คุณแม่ไม่อยากไปค่ะห่วงบ้านกลัวพวกงัดแงะ
ก็คงอยู่จนกว่าจะทนไม่ได้ เพราะตอนนี้น้ำเริ่มมีกลิ่นตุๆ แล้ว เฮ้อ....
วันนี้วันเกิดหนูดีดีนะคะ เป็นวันเกิดที่รู้สึกแย่ที่สุดเลย.... :'(

ขอให้คิดจะตัดสินใจอย่างไร ก็ตัดสินใจได้ถูกต้อง สมหวังในวันเกิดนี้นะครับ

เห็นใจจริงๆ

สุขสันต์วันเกิด คุณดีดี


 ;D

http://www.youtube.com/watch?v=7ZsIIf7pL7Y&feature=related

 ;D

มาช้าไปหน่อยค่ะ  อยากให้คลิปนี้ ทำให้คุณดีดีรู้สึกดีขึ้นบ้างค่ะ
น้ำไม่ได้แช่อยู่ในหมู่บ้านตลอดไปหรอกค่ะ  เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง

http://www.youtube.com/watch?v=666pvaSW7bw&feature=related

มอบเพลงเป็นกำลังใจให้คุณดีดี, คุณอาร์ท และผู้ที่เข้าคิวเป็นรายต่อไป

http://www.youtube.com/watch?v=PlOfN-YDzsw&feature=player_embedded#!

 ;D

กราบขอบพระคุณทุกคำอวยพร และทุกกำลังใจค่ะ  ;D
รู้สึกดีขึ้นค่ะ แล้วมันก็จะผ่านไป นะคะ (แต่นานแค่ไหนก็ไม่รู้)...

.



คุณหนูดี๊ดีเอ๋ย...ถึงsrisiamจะอยู่ที่ซึ่งน้ำยังไม่ท่วม...........แต่ก็ขอสารภาพว่าคงเครียดไม่แพ้ผู้กำลังประสพภัยดอก.........
เพราะทุกข์ของผองเพื่อนไทย.......ก็ประดุจทุกข์ของเราเอง.............

เป็นกำลังใจให้จ้่าาาาาา


 :o :-[


ระวังไอ้เข้หน่อยนะ............

ขอให้คุณหนูดีดีสดชื่นแจ่มใสในวันคล้ายวันเกิดนี้นะคะ

คุณเพ็ญคะ  คุณอาร์ตน้ำท่วมมาสองอาทิตย์เต็มแล้วค่ะ    เธอส่งข่าวมาว่าดูเหมือนน้ำจะลงไปหน่อย
แต่ตอนนี้พ้นศีรษะแล้วค่ะ   พรุ่งนี้เธอว่าจะแวะมาอ่านหนังสือที่บ้านดิฉัน   เธอยังไม่ทราบหรือรู้ตัวว่าเธอได้อาสาสมัครขนหนังสือให้ดิฉันไปแล้ว


คุณหลวงเล็กที่นับถือฝากข่าวมาบอกสหาย และนักรบทั้งหลายว่า   น้ำเข้าบ้านท่านแล้วค่ะวันนี้เอง

หนังสือที่สะสมไว้เสียหายไปประมาณ ๘๐%     เรียนถามท่านว่าท่านมีหนังสือมากกว่าดิฉันหรือ
ท่านตอบเรียบ ๆ ว่ามีมากกว่า หนึ่งหมื่นเล่ม   ซึ่งหมายความว่าท่านมีสองหมื่นเล่ม
ดิฉันรู้สึกหายใจไม่ออกไปขณะหนึ่ง   เพราะสหายของดิฉันเจอเรื่องนี้ไปหลายคนแล้ว

ท่านเล่าว่าน้ำมาตอนหลังเที่ยงหน่อยหนึ่ง   ท่านอยู่ที่นครไชยศรี  เขื่อนที่อยู่ห่างบ้านไปประมาณ ๒๐๐ เมตรพัง  ด้วยเหตุที่เรียงกระสอบทรายไว้ชั้นเดียว
น้ำมาเร็วมาก  และสูงแค่อก        ท่านยังเป็นห่วงญาติ ๆ ที่อีกฝั่งคลองเกรงว่าน้ำจะม้วนไปทางนั้น        ท่านมีแมวหง่าวอยู่สองตัว   ตัวที่นอนห้องเดียวกับท่าน
กลับมานอนในตะกร้าแล้ว   และคงหัดจับตัวอะไรต่อมิอะไรต่อไป

เรียนถามท่านถึงเสบียงอาหารว่ากักตุนไว้บ้างหรืออย่างไร      ท่านพูดเสียงเย็นเฉียบว่าท่านไม่สะสมอะไรมากนัก

ดิฉันก็ไม่ได้ทำตัวเป็นนักข่าวต่อไปเพราะเกรงใจท่านเป็นที่สุด       เพื่อนๆนักอ่านและนักสะสมท่านก็รู้จักหลายคน    ท่านยังฝากความห่วงใย
ไปถึงพวกเขาเหล่านั้นและครอบครัวด้วย

สงสัยพวกเราคงไม่ได้เล่นโขนกันอีกนาน   

โอ เสียใจด้วยครับ

ทุกข์น้ำท่วมของคนไทยพ.ศ.นี้ หนักกว่าที่คิด

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ.    หนังสือเป็นของมีค่ามากสำหรับคนรักหนังสือ. 
ถึงไม่รู้จักคุณหลวงเล็กเป็นส่วนตัว. เพราะเพิ่งมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรในภายหลังที่ดิฉันเกษียณตัวเองมาแล้ว. แต่ก็คุ้นเคยชื่อในเรือนไทย
เหมือนเป็นคนรู้จักกันดี.
หวังในทางดีว่าหนังสืออันมีค่าเหล่านั้นคงไม่ชำรุดเสียหายไปหมด.  อาจจะซ่อมแซม.   ฟื้นฟูสภาพกลับมาอ่านได้อีก

ขอให้คุณหลวงมีใจสู้  เอา (ให้) อยู่

รอเวลาวารีลับไปกับ (อะไรก็ได้ที่คุณหลวงปรารถนา)

สู้ สู้

 ;D

แก๊งค์ช้อนลูกน้ำเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้  ชักเป็นห่วง
เห็นคุณศรีสยามแวะเข้ามาอีกครั้ง บอกว่าน้ำไม่ท่วมบ้าน  ก็เบาใจ
คุณเพ็ญชมพูปลอดภัยดีหรือคะ

วันที่ 31 ตุลาคม 2554  น้ำเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้วค่ะ   อธิการบดีเตรียมอพยพแล้ว   ส่วนผู้อพยพที่พักอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็จะต้องย้ายไปที่อื่น

ภาพจากไทยรัฐ

ขอบพระคุณคุณเทาชมพูที่เป็นห่วง

บ้านอยู่ที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง  แต่คุณแม่อยู่ที่บางพลัดและน้องชายอยู่ที่รังสิต

ทุกคนอพยพออกมาเรียบร้อยก่อนน้ำมาถึง

คุณแม่คุณดีดี อพยพออกมาเถอะ

เป็นห่วงทั้งคุณแม่และคุณดีดี

 :)

ผมขอส่งกำลังใจจากใจจริงไปยังคุณหลวงเล็กด้วยครับ ได้รับคำแนะนำ ความรู้ จากคุณหลวงทั้งในกระทู้ที่เกี่ยวกับภาษาวรรณคดีและทางหลังไมค์ก็หลายครั้ง ขอให้หนังสือสามารถซ่อมแซมได้ และหรือหาใหม่ได้โดยเร็วพลันภายหลังน้ำลดครับ

   เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูและท่านสมาชิกเรือนไทยทุกท่านครับ

   ขณะนี้ หัวถนนนวมินทร์น้ำเริ่มเอ่อซึมแล้วครับ  ผมอยู่นวมินทร์ ๒๔ คาดคะเนว่าอีกมิช้า น้องนางวารินผู้แสนชื้นแฉะโชกฉ่ำคงมาเยือนถึงเหย้า และไม่ลืมพาทายาทของคุณยายวรนาฏตลอดจนพี่งู พี่หนู คุณแมลงสาบมาด้วย ถ้าคนตาบอดอย่างผมไปเหยียบถูกเข้าหละก็.... หวาดเสียวครับ
 

อยากเขียนคำว่า “เครียด” ให้เหยียดยื่น
กว้างเท่าผืนแผ่นฟ้ามหาศาล
พรุ่งนี้หมองต้องจำไปทำงาน
เป็นห่วงบ้านอยากจะลา...มิกล้าทำ
 

คุณร่วมฤดีต้องดูแลคุณแม่ค่ะ   เธอเตรียมตัวล่วงหน้าสองเดือนแล้ว


ที่บ้านมีแต่แมวเจ้าอารมณ์หรืออารมณ์ศิลปิน   ๑ ตัว   ที่คงเข้ากับสังคมไม่ว่ามนุษย์หรือแมวได้ยาก

สัตว์แพทย์คงไม่อยากรับไว้ดูแล     เพราะถ้าไม่ป่วยหนักจริง ๆ  คงสู้กับหมอแหลกกันไปข้างหนึ่ง

เธอจึงต้องกลับมาเปิดบ้านอยู่กับแมว        บ้านเธออยู่ไม่ไกลจากบ้านดิฉันมากนัก

เธอแวะมาหาหนังสืองานศพอ่านบ้าง  มาเล่าเรื่อง การเมืองจีนในไทย ให้ฟังบ้าง

นัดกันว่าจะไปค้นที่หอจดหมายเหตุ   เธอยังไม่มีเวลาค่ะ



คุณหลวงเล็กเมื่อได้รับรายงานเรื่องนี้ก็เปรยอย่างสร้างสรรค์ว่า  เรามาตั้งชมรมรักแมวกันไหม

แมวของคุณหลวงจะว่าไปแล้วก็มีจิตเอื้อเฟื้อแบบแมวของครอบครัวอิงกัลล์   คือจับหนูมาฝากทุกวัน

เรียนถามคุณหลวงอย่างหวาด ๆ ไปว่า  หนูพันธุ์ที่ไม่มีหัวใช่ไหม        

ท่านหัวเราะเอิ้กอ้ากว่า ทำไมรู้ล่ะ


คุณหลวงกำลังประสานงานขอเรือหนึ่งลำ  เพราะการเดินทางต้องใข้เรืออย่างเดียว


สหายของดิฉันคนหนึ่ง   บ้านอยู่ใกล้กับวัดกู้     เขาขนย้ายหนังสือคนเดียวจนไม่สบายมาก

หนังสือมีเป็นแสนเล่ม   เล่มที่สำคัญ ๆ อยู่ในห้องนอน บนเตียง ปลายเตียงและรอบ ๆ ห้อง

เขาเป็นทุกข์ใจเพราะการขายหนังสือเป็นอาชีพ     เขาวิ่งดูน้ำ   ยกหนังสือขึ้นชั้นสองและชั้นสาม

เขาไม่สามารถไปฝากขายหนังสือที่งานหนังสือที่ผ่านมาได้เพราะไม่มีแรงขนเสียแล้ว    เขาจึงขน

หนังสือที่โรงรถใส่รถหกล้อ  ไปฝากสหายที่แถวดอนเมือง     พอน้ำมาแถวนั้นสหายคนนี้ก็ทำใจได้

เพราะต้องเสียสละของสะสมเพื่อสุขภาพของตัวเอง        เขาเล่าให้ฟังว่านักสะสมหนังสือเก่าที่หนังสือจมน้ำ

ไปแสนเล่มได้พยายามยกหนังสือให้มหาวิทยาลัยริมน้ำแห่งหนึ่ง  แต่หอสมุดปฎิเสธ          เขาเล่าต่อว่า

ต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือแปลชั้นบรมครูที่นี่มีหลายเล่ม   ป๋อมแป๋มหรือ บรุ๋ม ๆ  ไปแล้ว

ดิฉันปลอบพรรคพวกไปว่า   ไม่เป็นไร  อย่าให้ต้นฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดนทำลายก็แล้วกัน   เพราะการหามาทดแทน

แทบจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

คุณหนุ่มสยาม เจ้าประจำอีกคนหนึ่งที่หายไปในช่วงนี้

ทราบความห่วงใยแล้วช่วยตอบด้วยคร้าบบบบบ  ยังเอาอยู่หรือปล่าวววววว

เจ้าประจำหายไปหลายคน   ถ้าไม่อพยพ ก็คงปักหลักอยู่บนชั้น 2 
แถวบ้านท่านนวรัตน  ยังแห้งดีอยู่หรือคะ
ส่วนบ้านดิฉัน น้ำอาจจะมาไม่ถึง แต่ก็มีสภาพเหมือนรูปข้างล่างนี้

คุณหนุ่มย้ายห้องไปอยู่คอนโดชั้น ๕ แล้วค่ะ

ท่านว่าท่านจะถือโอกาสไปพัทยา เพราะมีบ้านที่นั่น

ดิฉันว่าท่านอาจจะหาอาการรับประทานลำบากเพราะคนกรุงกวาดทุกสิ่งทุกอย่างจากชั้น

นอกจากเป็นวิศวกรในบริษัทยักษ์แล้ว  คุณหนุ่มมีธุรกิจส่วนตัวคือเป็นผู้สนับสนุนศิลปไทยดั้งเดิม

มีลูกน้องหลายชีวิตเลยค่ะ

บ้านผมวันนี้ยังดี พรุ่งนี้ไม่แน่ครับ
น้ำมาก็จะคิดว่ากำลังตากอากาศอยู่ในบังกะโลกลางทะเลที่มัลดีฟส์


ขอบพระคุณที่เป็นห่วง

เอาใจช่วยทุกท่านที่น้ำยังไม่ท่วมค่ะ.. ;D
เป็นกำลังใจให้ท่านที่ท่วมไปแล้วนะคะ...สู้สู้ค่ะ แล้วมันก็จะผ่านไป...

เขาไม่ขยายวันหยุด จะไปทำงานยังไงล่ะเนี่ย...
คุณหลวงเล็ก ได้เรือแล้วแวะมารับด้วยนะคะ...

กำลังนึกเหมือนกันว่า คนทำงานจะไปทำงานกันยังไง   
คุณดีดีลุยน้ำออกจากบ้านได้ไหมคะ 

       คุณหลวงสั่งมาให้อวยพรวันเกิดคุณดีดีย้อนหลังค่ะ

ตอนนี้เพื่อนบ้านท่านให้ยืมเรือเล็กมาหนึ่งลำ(นั่งได้สองคน)แต่ไม่มีพาย

คุณอาร์ทกับดิฉันถามคุณหลวงว่าถ้าเราสองคนขอไปด้วยจะทำอย่างไร

คุณหลวงอารมณ์ดีแล้วค่ะ  ท่านว่าผูกคนหนึ่งเป็นทุ่นไปข้างเรือก็แล้วกัน

เรียนถามท่านว่าหนังสือเป็นอย่างไร   ท่านว่าปิดประตูให้ลอยอยู่ในห้อง

เราเลยไม่กล้าถามต่อ     คุณอาร์ทขนหนังสือเล่มหนักๆให้หลายเที่ยวแล้วค่ะ

เธอว่าขนไม่หนัก    มาลำบากตอนขึ้นบันได       เธอขนหนังสือให้สามเที่ยวก็แวะดู

พงศาวดารจีนเสียเที่ยวหนึ่ง       

ขอบพระคุณค่ะ ที่ยังมีแก่ใจอวยพรวันเกิดหนูดีดี ย้อนหลัง... ;D
ดีใจนะคะที่คุณหลวงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว...

เดินลุยน้ำดำปี๋ระดับอก ออกไปหน้าหมู่บ้านแล้วต่อรถพี่ทหาร หรือรถโบก..
โอ้ชีวิต ....ลาหยุดดีกว่าค่ะ..รักษาชีวิตไว้ก่อน..
ข่าวว่าบนถนนพหลโยธิน จากอนุสรณ์สถาน ถึงสะพานใหม่ บางช่วงน้ำสูงมิดหัว...
ทำไมน้ำมากมายจัง....

ทำไมน้ำมากมายจัง....

ทหารและประชาอาสารวมพลังเอาตัวเองเป็นพนังกั้นน้ำ ให้อีกด้านหนึ่งเรียงกระสอบทรายซ่อมแนวที่พัง


ขอแสดงความขอบคุณจากหัวใจ

น้ำท่วม ทำให้เห็นน้ำใจคนว่ากว้างขวางแค่ไหน

เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูและท่านสมาชิกเว็ปไซต์เรือนไทยทุกๆท่านครับ

   กระผมขออนุญาตใช้กระทู้นี้ รบกวนเรียนถามเพื่อขอความช่วยเหลือในด้านข้อแนะนำจากทุกๆท่าน โปรดเมตตาสละเวลาเกื้อการุณย์ผมผู้ตกอยู่ในสภาวะเครียดด้วยเถิดครับ

   เป็นอันแน่นอนแล้วว่า คลองแสนแสบจะต้องรับน้ำเพิ่มจากการเปิดประตูน้ำบริเวณคลองสามวาให้สูงหนึ่งเมตร ยังผลให้เขตบึงกุ่ม (ซึ่งผมพำนักอยู่) เป็นเขตเสี่ยง แม้กระนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการ กทม. ท่านก็บอกว่า ความเสี่ยงจะน้อยหรือมาก ขึ้นกับพื้นที่แต่ละแห่งอยู่ใกล้คลองแสนแสบมากน้อยเพียงไร ผมถามคุณน้าเกี่ยวกับประเด็นนี้ ท่านตอบว่า “บ้านเราอยู่หลังคลองพังพวย” ตลอดระยะเวลานานที่ผมติดตามฟังแผนการระบายน้ำ มิว่าจะจากสำนักไหนก็ตาม ไม่เคยได้ยินท่านคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเรื่องน้ำท่านใดเอ่ยถึงคลองนี้เลย จึงขออนุญาตเรียนถามครับ คลองพังพวยนี้ เชื่อมโยงหรือติดต่อกับคลองแสนแสบหรือไม่  แหละมีโอกาสที่น้ำจะถูกผันมาลงคลองมากน้อยเพียงใด สิ่งวิตกของผม คือกรณีน้ำล้นจากแสนแสบเลยข้ามมายังพังพวยแล้วเอ่อท้นจากพังพวยสู่บ้านครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ

 

คุณชูพงค์ครับ

ผมเข้าไปตรวจดูแผนที่คลองพังพวยและซอยนวมินทร์๒๔ที่คุณอยู่แล้ว

แน่นอนครับ คลองพังพวยเชื่อมต่อกับบึงกุ่มและมาสุดที่คลองแสนแสบ

แต่บ้านคุณอยู่ปลายน้ำ หมายความว่า ก่อนน้ำจะท่วมบ้านคุณ มันต้องท่วมถนนลาดพร้าว และบางกะปิก่อน
คุณจะมีเวลาได้รับข่าวสารพอเพียงว่า ระดับน้ำที่มานั้นมากน้อยเพียงไร และคุณควรจะต้องอพยพหรือไม่

อย่าลืมว่า คลองแสนแสบมีจุดระบายไปคลองพระโขนงที่มีอุโมงค์ระบายน้ำของกทม.ตั้งรับอยู่ กระแสน้ำจะไหลไปทางนั้นมากกว่าจะสวนขึ้นไปทางบ้านคุณ(และผม)

ถ้าน้ำมากจนไหลท่วมมาถึงบางกะปิ ก็จะแยกขวาไปคลองลำสาลีสู่บ่านผม และแยกซ้ายไปคลองบึงกุ่มสู่บ้านคุณ
ผมจะคอยรายงานสถานะการณ์ให้ครับ

คุณชูพงศ์อีกทีครับ

กระทู้ก่อนหน้ามาจากสมมติฐานว่าน้ำมาทางวิภาวดี เข้ามาทางรามอินทรา ลาดพร้าว

แต่หากว่า ม๊อบที่คลองสามวาไม่เลิก และบังคับใครก็แล้วแต่ให้เปิดประตูน้ำได้ น้ำจะตรงมาที่คลองแสนแสบ แต่ก่อนจะถึง มันจะแผ่ไปทางบางชัน มีนบุรีและหนองจอก เพราะเป็นพื้นที่ต่ำกว่าแถวบึงกุ่มและถนนนวมินทร์ย่านที่คุณอยู่

ดังนั้น ขอให้ทำใจให้เย็นๆได้(หน่อยนึง)
น้ำมันจะไม่มาปุ๊บปั๊บท่วมครึ่งตัวเหมือนบ้านคุณหนูดี๊ดีครับ

เอามาปลอบใจคุณชูพงศ์อีกทีนึงครับ


20 เขต ที่กทม.คาดว่าน้ำจะไม่ท่วม
++++++++++

เขตดินแดง พญาไท
บึ่งกุ่ม บางซื่อ สะพานสูง
วัฒนา ประเวศ บางกะปิ
สาทร ทุ่งครุ และราชเทวี

http://www.dbbnews.com/

รูปที่คัดสรรแล้ว

กราบขอบพระคุณท่าน NAVARAT.C อย่างยิ่งครับ ที่กรุณาอธิบายให้คนเขลาอย่างผมเข้าใจ  ต่อไป ไม่ว่าใครจะเอ่ย หรือมิเอ่ยนามคลองพังพวย ผมก็มีข้อมูลจากเรือนไทยไว้แล้ว คิดว่าสถานการณ์คงไม่ร้ายแรงถึงอพยพกระมังครับ แต่จะให้เชื่อคุณชายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าน้ำจะไม่ท่วมเขตบึงกุ่มนั้น สำหรับผม เชื่อยากครับ

   เรียนท่านสมาชิกทุกๆท่านครับ วันนี้มาทำงาน แทนที่จะเครียดกลับโล่งอกขึ้นอักโข เพราะฟังความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมงานบางคนแล้ว รู้สึกได้เลย ของเรายังเบา อย่างหัวหน้าผม แกอยู่เขตดอนเมืองครับ ตรวจสอบล่าสุด เพื่อนบ้านบอกระดับน้ำสูงถึงเอวแล้ว แกต้องย้ายมาอยู่ซอยบุญชูศรี (บริเวณดินแดง) เพื่อนอีกคนหนึ่งอยู่หอพักที่บางพลัด ต้องลุยน้ำมาทำงาน เพื่อนที่บ้านอยู่สายไหมโดนจนอ่วม ได้ฟังแล้วเห็นใจจริงๆ บรรเทาทุกข์ในอกลงเยอะเชียวครับผม
 

ม็อบที่คลองสามวาเลิกไปแล้ว พร้อมกับสามารถบังคับให้ใครคนหนึ่งเปิดประตูน้ำได้ถึง ๑ เมตร  (http://www.suthichaiyoon.com/detail/17467)

มี ประสบการณ์จริง ๒๕ ข้อ จากคนที่นํ้าท่วมบ้านแล้ว (http://www.ceat.or.th/2010/images/stories/paper/54-56/25-27-54.pdf) โดยคุณสุเทพ เตมานุวัตร์ หมู่บ้านมณีรินทร์ ๓๔๕ มาเสนอ

คุณชูพงศ์และคุณนวรัตนคลิกเข้าไปอ่านได้เลย

อาจมีประโยชน์เมื่อภัยมาถึงตัว

ด้วยความเป็นห่วง

 :o

ขอบพระคุณครับคุณเพ็ญชมพู ขออนุญาตเรียนถามคุณเพ็ญชมพูเพิ่มด้วยนะขอรับ

   เอ... ตามข้อเรียกร้อง เดิมที ชาวบ้านขอให้เปิดประตูน้ำคลองสามวาแค่ ๘๐ ซม. มิใช่หรือครับ แล้วไฉนใครคนนั้นจึงเขยิบบานให้สูงขึ้นอีก ๒๐ ซม. หรือประสงค์ อุ๊บ! ไม่พูดต่อดีกว่า เดี๋ยวเกิดเรื่องทะเลาะกันในกระทู้หละก็แย่เลย เอาเป็นว่า จบลงแค่คำถาม แล้วไฉนใครคนนั้นจึงเขยิบบานให้สูงขึ้นอีก ๒๐ ซม. ดีกว่าครับกระผม

http://www.youtube.com/watch?v=zq3QQ9wa6xc

ตกลงให้ถามกรมชลฯ ดีกว่ามั้งคะ............

นักข่าว - มั่นใจนะคะว่าทุกอย่างจบแล้วไม่มีปัญหาอะไรขึ้นมาอีก

หนูถามอย่างนี้หรือคะ เห็นใจกันบ้างเถอะค่ะ

 ;D

คุณหนุ่มสยามหนีน้ำไปเมืองจันท์ค่ะ     เดินช้อปปิ้งหาขนมหวานกิน

เธอว่าจะกลับมาทำธุรกิจส่งเสริมวัฒนธรรมไทยในวันพรุ่งนี้ค่ะ

เรื่องงานประจำลาได้ลาไปก่อน      เธอฝากความห่วงใยถึงทุกคน

ดูเธอจะเป็นห่วงการหาขนมไทยพื้นบ้านมาก        ราวกับแม่พลอยได้

ของฝากจากบ้าน


คุณอาร์ทหยุดหลายวันหนีการทำโอทีไปประจวบค่ะ  เนื่องจากเธอพักที่ห้องพักของบริษัท

มีแอร์  มีคอม ๔ เครื่อง  อาหารฟรี ๓ มื้อ    แต่ต้องทำโอทีแทนเพื่อน ๆ ที่เดินทางมาทำงานไม่ได้


สหายของดิฉันยังเดินถนนเลี้ยวเช้าซอยตามหาหนังสือกันเป็นประจำค่ะ      ดิฉันเลยยืมศรีกรุงฉบับรวม ๖ เล่มไว้แล้ว

เป็นโรง "ทรางจั๊บ" ค่ะ        คนหาหนังสือราคาไม่แพงได้นั้นถือว่าเก่งมากค่ะ     คนที่สามารถยืมหนังสือเก่าของเพื่อนๆได้

ถือว่า "มากไมตรีในวงการเชียวค่ะ"

ยินดีที่ได้รับข่าวครับ

เอามาคลายเครียด
จับเงือกที่มาตามน้ำได้ ๑ คน  คุณเพ็ญชมพูคงสนใจสปีชี่ส์นี้

นางเงือกในน้ำครำ

เรื่องเศร้า   :(

ถ้าคลายเครียดต้องคลิปนี้

http://www.youtube.com/watch?v=uY6R5kqGT4s&feature=related

 ;D

ในวิกฤต มีโอกาสเสมอค่ะ... ;D
หมู่บ้านหนูดีดี ประกาศจะจัดงานลอยกระทงมีการแข่งเรือกันบนถนนในหมู่บ้านด้วยค่ะ
ไม่รู้จะทำได้จริงหรือเปล่า น้ำดำปี๋เลยค่ะ...
เมื่อวานมีการสำรวจสำมะโนประชากรผู้ยังปักหลักเป็นมนุษย์ชั้นสอง
มีประมาณร้อยกว่าหลังคาเรือน สามร้อยกว่าคน
แต่หนูดีดี เห็นผ่านไปมาแค่ไม่กี่คน ได้แต่ฟังประกาศเสียงตามสาย หลอกกันหรือเปล่าก็ไม่รู้...

ช่วงนี้ดูข่าวแล้วก็ลุ้นน่าดูเลยนะคะ น้ำเดินทางเข้าไปเที่ยวในกทม.ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่จะหาอุโมงค์ยักษ์เจอซะที จะได้ออกทะเลเร็วๆ....

ขอสนับสนุนคุณหนูดีดีแต่งชุดนางนพมาศเข้าร่วมงานลอยอ่าง..เอ๊ยกระทง

ซึ่งเคยทราบมาว่าคณะกรรมการจะลงคะแนนให้สาวที่น้ำหนักน้อยที่สุดเพราะคณะกรรมการต้องแบกหามนางนพมาศ

ไปรอบๆ

เคยนั่งบนโต๊ะปิงปองขาเหล็กแล้วลอยกระทงกับสมาชิกในบ้าน    สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อเกิดวิกฤตการณ์คือการที่สมาชิกในครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน

สหายที่อยู่ซอยวัดกู้ที่ได้ร่วมกันรักษาบ้านเอาไว้ได้   เอาหนังสือมาให้ยืมอ่านห้าเล่ม  แต่ละเล่มหนาเกือบคืบ

เขาบอกว่าได้ยินว่าดิฉันไม่มีหนังสืออ่าน        ชาติก่อนคงได้ทำบุญไว้บ้างเป็นแน่

เชิญอ่าน
น้ำท่วมวังหน้า  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (http://www.oknation.net/blog/paaru/2011/11/03/entry-1)
แต่โชคดีที่สูบน้ำออกได้จนแห้ง  ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของเจ้าหน้าที่และประชาชน

ผมผ่านไปดูสถานการณ์เหมือนกันครับ

ความจริงน้ำท่วมเพราะเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นสูงจนล้นตลิ่งบางส่วน แต่น้ำที่ล้นออกมารีบมุดกลับเข้าช่องระบายน้ำข้างถนนอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นน้ำวน เพราะท่อและน้ำในคลองคูเมือง กทม.พร่องน้ำไว้จนแห้งผาก น้ำแย่งกันไหลไปสู่ที่ต่ำ แต่เนื่องจากปริมาตรน้ำมากกว่าขนาดของช่องระบาย จึงคงค้างบนถนนและท้นเข้าไปในวัดในวังบ้างดังที่เห็น

เจ้าหน้าที่ต้องสูบน้ำออกเพราะมีอุปกรณ์เตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว เป็นการป้องกันไม่ให้ระดับน้ำท่วมเข้าไปสูงเกินกับแนวรับของอาคาร อย่างไรก็ดีสักชั่วโมงสองชั่วโมงน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็ลง ลดต่ำระดับกว่าแนวตลิ่ง น้ำที่ท่วมถนนก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ผมยังมองว่ากทม.ชั้นในผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว น้ำทะเลหนุนสูงคราวหน้าระดับก็จะไม่สูงกว่าครั้งนี้ คงไม่เลวร้ายแล้วครับ

สถานการณ์อย่างนี้ มาคิดบวกกันดีกว่า

ข้อดีของน้ำท่วม

http://www.youtube.com/watch?v=U4XrP5iWTqY&feature=player_embedded

 ;D

กลับเข้ามาด้วยความห่วงใยถึงทุก ๆ ท่านครับ

คุณดีดี ขอสุขสันต์วันคล้ายวันเกิดในรอบปีที่เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศครับ และเสียความรู้สึกอย่างมากที่เพื่อนสมาชิกได้น้ำท่วมบ้านและสูญเสียของรักคือ หนังสืออันล้ำค่าไป

คุณอาร์ท ยังไม่น้ำท่วม ถึงตอนนี้ก็ส่งเสียงหน่อย เห็นเครื่องบินหัวปริ่มน้ำ ทำให้หวาดเสียวยิ่งนัก

ขอบคุณคุณนวรัตน์และคุณวันดีที่เป็นห่วงครับ

คุณชูพงศ์ครับ มวลน้ำได้แผ่เข้ามาทาง กม.๘ และเข้ามาทางถนนนวมินทร์แล้ว ขอให้เฝ้าระวังด้วยนะครับ

คุณหลวงเล็กโปรดทราบว่า หนังสือเหล่านั้นท่านได้สะสมด้วยความรักและเงินเหนื่อยยากมา ขอแสดงความเสียใจที่หนังสือถูกน้ำท่วมเช่นกัน

ข้าพเจ้าได้ย้ายที่ถึงสองหน ไปอาคารชั้น ๕ ซึ่งอยู่ในกรุงเทพแต่ก็กลัวว่าน้ำประปาและไฟฟ้าจะขาดลงเมื่อไรก็จบ จึงได้จะไปพักที่พัทยา ปรากฎว่าเต็มและคอนโดของเพื่อนให้คนอื่นเช่าไปแล้ว เจ็ดหมื่นต่อเดือน จึงต้องเลยไปจันทบุรี ที่หาดเจ้าหลาว ซึ่งมีความเงียบสงบ น้ำทะเลกระทบฝั่งอย่างสุภาพมาก แต่ก็กลับมากรุงเทพบางครั้ง

ส่วนคุณวันดีกล่าวว่ารักขนมไทยนั้นคือ ไปได้ขนมตังเมกรอบได้ครับ นึกถึงคุณร่วมฤดีอย่างฉับพลัน จึงได้ติดไม้ติดมือมาฝากเพื่อน ๆ ในเรือนไทยด้วย

ทุกท่านคงเครียดและลุ้นเรื่องน้ำหลากกรุง แต่อยากจะให้เข้าไปหากระแสพระราชดำรัสแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ youtube เมื่อปี 2538 ดูนะครับ พระองค์ท่านได้ตรัสอธิบายไว้ทุกอย่างและเป็นคำตอบและทางออกสำหรับทุก ๆ อย่าง ฟังแล้วทราบว่าพระองค์ท่านน้นทรงหลักแหลมในการแก้ปัญหาให้กับวิกฤตแห่งชาติได้อย่างวิเศษสุด แต่ระบบราชการและคนรอบข้างไม่ค่อยน้อมนำพระราชดำรัสสักเท่าไร

เรื่อง Flood way เรื่องการสูบน้ำให้แห้งคลอง เรื่องอัตราการไหลของน้ำบริเวณหนองงูเห่าว่าเป็นลักษณะแผ่กว้าง คลองลึกสามเมตร กับลึกหนึ่งเมตร มีค่าเท่ากัน

ถนนผ่านน้ำต้องทำทางลอดไว้ตลอด เพื่อให้น้ำไหล

(รบกวนคุณเพ็ญฯ วานแปะคลิปนี้ให้ด้วยความยาวสองชั่วโมง เนื่องจากคอมพ์ไม่เอื้ออำนวย) :-[

http://www.youtube.com/watch?v=Uv5HO7nA5EQ&feature=related

ต่อไป คลิ๊ปนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ ถึงพระปรีชาสามารถในเรื่องน้ำที่หาใครในแผ่นดินนี้เทียบมิได้

คุณหนุ่มสยามปลอดภัยดี ก็เบาใจ  ดีใจที่คุณแวะเข้าเรือนมาทักทายอีกครั้งค่ะ   
   

คิดถึงจัง หายไปเที่ยวหาดเจ้าหลาว มานี่เอง... ;D

เก็บคอมพ์พิวเตอร์ยกไว้ที่สูง เลยทำให้สื่อสารลำบากนิดหน่อย แต่คิดตามอยู่เสมอครับ  :D ทานหมูชะมวง จนพุงยื่นนิด ๆ ทานแกงลอจู อร่อยมากครับ อาหารทางจันทบุรีอร่อยนักแล

ด้วยความคิดถึงสมาชิกทุกท่านอย่างแรงกล้า โดยเฉพาะตังเมของฝากจากคุณหนุ่มสยาม...

ที่เศร้าที่สุดเห็นจะไม่มีอะไรยิ่งไปกว่า สมาชิกที่หนังสือมีค่าจมน้ำ :'( :'( :'( :'( :'(

ดิฉันเครียดกับข่าวน้ำท่วม บวกกับคุณแม่ต้องย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

วิ่งไป วิ่งมา และเก็บข้าวของรวมทั้งขน Comp + หนังสือ ไปฝากบ้านโน้นบ้านนี้

วันนี้เลิกกลัวแล้ว เพราะขาดการติดต่อ ติดตามเรือนไทยนั้น ทุกข์มากกว่าน้ำท่วมหนักหนาสาหัส

เลยเอา Comp ย้ายกลับเข้าบ้านมาชุบชีวิตใหม่ พาคุณแม่กลับบ้านด้วยความสุขเพราะหายดีแล้ว

หากน้ำมาจริง คงท่วมบ้านคุณ Navarat และ บ้านคุณวันดีก่อนมาถึงสมุทรปราการ

เมื่อวานขับรถไปนครปฐม ก็นึกห่วงคุณหลวงเล็กเป็นที่สุด

อาจารย์เทาชมพูอย่าลืมพานางเงือกไปทายาแก้น้ำกัดครีบกัดหางจนเปื่อยนะคะ

โอ!    ดีใจที่คุณร่วมฤดีสบายใจกลับบ้านพร้อมกับคุณแม่แล้ว

อย่าลืมออกไปหาเสบียงอาหารมาเตรียมพร้อมไว้บ้างนะคะ

       
       เพื่อนนักสะสมคนหนึ่งคือคุณหลุยส์บ้านอยู่ใกล้สถานีรถโดยสารสายใต้ใหม่น้ำเข้าบ้านและคงทำความเสียหายให้มากเหมือนกัน

ระหว่างบ้านหลังเก่าและบ้านอีกหลังที่อยู่ใกล้กัน   คุณหลุยส์ทำหลังคาใหม่เชื่อม  และกำลังทำตู้หนังสือยาวตลอดฝาพนัง

หนังสือส่วนใหญ่เก็บใส่ลังพลาสติคขนาดใหญ่ที่มีล้อ   มีขบวนเกวียนนี้ประมาณ ๔๘ ลัง       ในจำนวน ๔๘ ลังนี้มีหนังสืออนุสรณ์  ๓ ลัง

ดิฉันได้อุกอาจยืมไว้แล้วหนึ่งลัง     ดิฉันนึกถึงขบวนลังพลาสติคที่ลอยน้ำแล้วก็เกิดอาการไม่สบายใจ

       เจ้าของร้านหนังสือเก่าทั้งปวงแทบไม่มีใครรอดเลยค่ะ   เพราะเก็บหนังสือซึ่งหนักมากไว้ที่ชั้นล่างของบ้านแทบทั้งสิ้น


       เมื่อวานนี้คุณหลวงเล็กได้งมหนังสือคืนมาเล็กน้อย    น้ำยังอยู่ในบ้าน    ท่านนำหนังสือใส่เรือไปทิ้งที่ท้ายบ้านเพราะเกินความสามารถ

ืที่จะตากและซ่อมแซม     หนังสือสำคัญๆก็สูญไป    แต่สามารถหามาทดแทนได้บ้างอย่างแน่นอน     ท่านเล่าว่าน้ำในห้องมีฟองและมีกลิ่นเหม็น

ซึ่งต่อมาค้นพบว่าเป็นกลิ่นของกาวและกระดาษ      เรื่องคุณภาพของกระดาษของหนังสือเก่านี้สูงกว่าหนังสือที่พิมพ์ในรุ่นหลังมาก    มีบันทึกว่าทั้งบรัดเลย์และ

ครูสมิทใช้กระดาษสั่งจากฝรั่งเศส


       เพื่อนอีกสองคนเก็บหนังสือขึ้นไว้บนชั้นหนังสือสูงๆ   คิดว่ารอดแน่   แต่ตอนกลางคืนตู้หนังสือก็ล้มครืนลงมาในน้ำเพราะไม่มีน้ำหนักถ่วงที่ชั้นล่าง

หลายคนขนหนังสือลี้ภัยไปกาญจนบุรีค่ะ         การขนย้ายใช้รถสิบล้อ     ฟังแล้วก็นึกถึงแรงงานในการเก็บหนังสือใส่ลังเบียร์แล้วแบกไปขึ้นรถ

แล้วก็วิงเวียน

ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัว จากการตามข่าวน้ำท่วมมาตลอด................ดังนี้.........

- ปรืมาณน้ำทางเหนือ ที่พิชิตทุกจังหวัดที่ผ่านมา ตลอดทางนั้นมากมายมหาศาลนัก
- กรุงเทพชั้นใน กำลังเพิ่งเริ่มเจอของจริงวันนี้เอง
- สภาพการท่วมอาจไม่ต่างจากปทุมธานี-นนทบุรี-และจังหวัดทางเหนือเท่าใด
- ถนนสายหลัก ระดับน้ำท่วมกว่าหนึ่งเมตรขึ้นไปอย่างแน่นอน
- น้ำสูงสุดในถนนบางสายอาจถึงสองเมตร
- น้ำสูงสุดตามชุมชนแออัดไม่ตำ่กว่าสามเมตร
- น้ำในกรุงเทพโดยเฉลี่ยจะท่วมสูง - เร็วและสูงกว่าที่คิด เพราะอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายกีดขวางทางเดินน้ำมากกว่าในต่างจังหวัดซึ่งเป็นทุ่งนา
- ระบบประปาจะใช้ไม่ได้และขาดแคลนในที่สุด
- ระบบคมนาคมถูกตัดขาดจากปริมณฑลและต่างจังหวัดซี่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของกทม. อาหารจะเริ่มขาดแคลน
- โรงพยาบาลที่ไม่มีระบบไฟสำรองในที่สูงจะต้องอพยพในที่สุด
- การอพยพหนีตายจะเกิดอย่างฉุกละหุก พร้อมๆกันทั่วกทม. ในต้นสัปดาห์หน้า และจะทำได้ยากที่สุดเพราะคนมหาศาลหนีตายพร้อมๆกัน
- และแล้วทั่วทั้งกรุงเทพฯก็จมน้ำทั้งหมด...............โดยที่ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า.......คาดไม่ถึงว่าจะท่วมมากอย่างนี้

ได้พยายามบอกเตือนพรรคพวกเพื่อนฝูงในกทม.ให้ทราบล่วงหน้ามานานแล้วตั้งแต่เห็นสภาพน้ำเข้าบางบัวทองวันแรก หลายคนเชื่อและอพยพตั้งแต่ช่วงนั้น
อย่าลืมว่าถึงอยู่ที่สูงพ้นน้ำ...แต่หากไฟฟ้า-ประปา-อาหารเริ่มขาดแคลน สวรรค์ก็กลับด้านได้ในพริบตา


ด้วยความห่วงใยทุกท่าน.........อึดอัดมานานที่วิเคราะห์กันแง่ดีเกินจนเสี่ยงและผิดความจรืง


ตัดสินใจให้ดีเถิดครับ.เวลายังพอมี.แต่น้อยเต็มทีแล้ว

.


กราบขออภัยล่วงหน้า.หากคิดว่าตื่นตูมเกินเหตุ..


แต่อยากให้มองความเป็นจริงบ้างว่ากรุงเทพฯไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือจังหวัดอื่นๆที่จมน้ำมาแล้ว


 :(

ดีใจที่เพื่อนเพื่อน        มาเยียมเยือนที่เรือนไทย
ฟังข่าวว่าปลอดภัย      ก็ดีใจให้เปรมปรีดิ์

คุณหนุ่มและคุณร่วม    ขอกล่าวรวมทั้งคุณศรี
ขอให้สบายดี           ภัยวารีให้จากไป

น้ำลงค่อยเริ่มคิด         เริ่มชีวิตตั้งต้นใหม่
ขอจงประเทศไทย       พ้นผองภัยในเร็ววัน....เทอญ

 ;D  

เป็นห่วงเพื่อนในกรุงเทพมาก   ส่งข่าวบอกแล้วว่า ถ้าออกตจว.ได้ก็ให้ออกในสัปดาห์นี้ค่ะ

รู้จักหมูชะมวง  แต่ไม่รู้จักแกงลอจู   อินทรเนตรก็มองหาให้ไม่พบ
ถ้าคุณหนุ่มสยามถ่ายรูปมา หรืออธิบายลักษณได้   ช่วยตั้งกระทู้แนะนำในห้องวิเสทนิยมได้ไหมคะ

ไม่สบายใจเลย    เพื่อนๆดิฉันหลายคน ได้แต่อพยพไปอยู่ในที่แห้งในกรุงเทพ    แต่ไม่รู้จะออกจากกรุงเทพอย่างไร เพราะต้องทิ้งรถไว้ในบ้านที่น้ำท่วม  เอาออกมาไม่ได้  ญาติที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่มี   

คุณร่วมฤดีคงปลอดภัยแล้ว คุณแม่ก็หายป่วยกลับบ้านได้  เป็นข่าวดี แทรกเข้ามาในข่าวน่าวิตกกังวลทั้งหลายในเดือนนี้ค่ะ
ส่งเงือกตัวเก่าไปรักษาโรคน้ำกัดครีบหาง   ส่งตัวใหม่มาต้อนรับคุณร่วมฤดีค่ะ

"ถ้าเราทำให้มวลน้ำที่ท่วมมีความเร็วสูงขึ้นเข้าใกล้ความเร็วของแสง น้ำก็จะไม่ท่วมประเทศไทยและกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน"

เชื่อสิ ...

แผนที่ทิศทางของน้ำหลากเข้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ (http://www.songkhlaline.com/download/20111103_rtsd.pdf) จัดทำโดยกองแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

ถ้าหากตอนนี้มวลน้ำเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้แสง กรุงเทพฯและปริมณฑลคงไม่เหลือแน่ คงถูกน้ำกวาดลงทะเลไปหมด   :o

ผมหวังว่า ไอ้ตัวพวกนี้มันจะไม่มากับเงือกตัวใหม่ด้วยนะครับ

ยังไม่ต้องถึงตัวในรูปหรอกค่ะ   แค่น้องวรานุสหนีน้ำขึ้นบันไดมาสักตัวสองตัว  ก็น่าอพยพแล้ว
แถวบ้านท่านนวรัตนเป็นไงบ้างคะ ตอนนี้  คิดว่ากทม.เอาอยู่ไหม

แถวรอบบ้านผมตัววรานุชเยอะมากครับ ชอบมาทักทายกันอยู่เสมอ ลูกผมตอนเด็กๆถามว่าพ่อจ๋านั่นตัวอะไร ตอนนั้นคุณเอี้ยแลกะตวดยังไม่เปลี่ยนชื่อได้ไพเราะห์อย่างนี้ ผมบอกว่าตัวกุ๊งกิ๊งลูก

เดี๋ยวนี้ลูกทั่งสองคนอายุสามสิบกลางๆ ยังเรียกเพื่อนพ่อพรรณ์นี้ว่าตัวกุ๊งกิ๊งอยู่

สถานการณ์น้ำท่วมบ้านผมขึ้นอยู่กับประตูน้ำที่คลองสามวา ไม่รู้ว่าใครจะเอาอยู่กับชาวบ้านอย่างไร ถ้าไม่หรี่บานประตูน้ำลงซะบ้าง ก็คงท่วมบ้านคุณชูพงศ์แล้วเลยมาท่วมบ้านผมแน่นอน

แต่ผมคงไม่อพยพไปไหนหรอกครับ บ้านผมออกแบบให้ใต้ถุนสูงไว้สำหรับอยู่กับน้ำ ไฟฟ้าดับก็ไม่กลัว แต่ยอมรับว่ากลัวไม่มีน้ำประปาใช้หากการประปาเขาหยุดจ่าย น้ำดื่มพอมี แต่ยังทำใจไม่ได้หากจะต้องอาบน้ำล้างหน้าสีฟันในน้ำเดียวกับตัวกุ๊งกิ๊ง สงสัยจะต้องซักแห้งกันทั้งบ้าน

ชื่อจริงชื่อวรานุช  ชื่อเล่นชื่อน้องกุ๊งกิ๊ง    ไพเราะทั้งสองชื่อ  :)

(ป.ล. คุณเพ็ญไม่ต้องเอื้อเฟิ้อรูปมาประกอบกระทู้นะคะ)

ดูแผนที่ทางน้ำหลากของกรมแผนที่ทหาร  ที่คุณเพ็ญชมพูเอามาให้ดู   พบว่าบ้านดิฉันอยู่นอกเขตน้ำท่วม   หลังบ้านยังมีสระน้ำรองรับอยู่  ตอนนี้น้ำสักครึ่งสระเห็นจะได้  อุดท่อไว้แล้วไม่ให้น้ำจากท่อระบายน้ำไหลเข้ามา
สัปดาห์หน้า กรมอุตุฯบอกว่าฝนจะมาอีกครั้ง   ข้อนี้จำได้จากงานวัดใกล้บ้านซึ่งจัดในช่วงลอยกระทง  จะมีฝนตกหนักอยู่ 1 วันทุกปี   นึกอยู่เหมือนกันว่าฝนนัดสุดท้ายยังไม่มา  สัปดาห์หน้ามาแล้ว    
ถ้าตกนอกเขตน้ำท่วมก็เสียหายน้อยหน่อย   ถ้าตกในกรุงเทพหรือเขตน้ำท่วมอื่นๆ เห็นทีชาวเมืองจะรับศึกหนักขึ้น   แต่ทุกปี ตกหนักวันเดียวก็หายค่ะ ไม่ยืดเยื้อ

จระเข้ยาว 1 ม.โผล่ชุมชนย่านแจ้งวัฒนะ
ผู้จัดการออนไลน์    4 พฤศจิกายน 2554 11:09 น.    

       นายชูศักดิ์ เรือนราน ประธานชุมชนตลาดหลักสี่ เขตหลักสี่ เปิดเผยว่า ประชาชนแจ้งพบจระเข้ตัวใหญ่ ห่างจากจุดที่ประชาชนถูกกัดบริเวณลานกีฬาแจ้งวัฒนะ เมื่อวานนี้ ลงไปทางใต้เพียง 100 เมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบจระเข้ขนาด 1 เมตร ลอยอยู่ใต้ถุนบ้านประชาชน โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้ว แต่ยังไม่มีใครเข้ามาดำเนินการ ทั้งนี้ได้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวัง ไม่จำเป็นอย่าลงน้ำ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ อีกทั้่งประชาชนวิตกกังวลกลัวได้รับอันตรายจากจระเข้

ถึงบ้านท่านนวรัตนยังมีน้ำประปาใช้  ก็ต้องทำใจเหมือนกันนะคะ

      วันนี้ (4 พ.ย.) นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการการประปานครหลวง เปิดเผยเกี่ยวกับการพบศพในคลองประปาว่า เรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปดำเนินการแล้ว เรื่องดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา เพราะการประปามีการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในน้ำ รวมถึงการตรวจสอบโลหะหนักที่ปะปนมากับน้ำ แต่ขณะนี้พบปัญหาน้ำมีกลิ่นและมีสีเหลืองอ่อน ซึ่งจะเร่งดำเนินการแก้ไข และยืนยันว่าประชาชนสามารถใช้น้ำประปาได้อย่างปกติ

มีข่าวดี นิดนึงค่ะ... ;D
น้ำที่บ้านหนูดีดี วันนี้ลดระดับลงประมาณ 2 ซม.แล้วค่ะ หลังจากอยู่นิ่งๆ มาหลายวัน

อีกหนึ่งข่าวดีครับ


แถลงข่าว การประปานครหลวง ประจำวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2554

--------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 4 พ.ย. 2554
 

กปน. ใจชื้น สถานการณ์น้ำในคลองประปาดีขึ้นเป็นลำดับ
          การประปานครหลวง แจ้งว่า จากการดำเนินการเสริมกระสอบทรายยักษ์ (Big Bag) บริเวณประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และบริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือไหลบ่าลงมาน้อยลง ช่วยให้การเสริมความแข็งแรงตามแนวคันคลองประปาทำได้ดีขึ้น ทำให้ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับระดับน้ำในคลองประปาวันนี้ ลดลงเพียง 6 เซนติเมตร เนื่องจากยังต้องรักษาระดับให้สูงใกล้เคียงกับระดับน้ำนอกคันคลองประปา เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่คันคลอง จึงถือได้ว่าภาพรวมสถานการณ์ของการประปานครหลวงมีแนวโน้มดีขึ้น สำหรับการผลิตน้ำประปาเพื่อบริการประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการในขณะนี้ มีการทดลองปรับการใช้สารเคมีทำให้สีและกลิ่นของน้ำประปาดีขึ้น ส่งผลให้การผลิตจ่ายน้ำประปาที่โรงงานผลิตน้ำบางเขน เพิ่มขึ้นอีกเป็นวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาปกติ ส่วนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งรับน้ำจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ขณะนี้ให้บริการน้ำประปาที่มีปริมาณและคุณภาพได้ใกล้เคียงปกติแล้ว
 
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขวิกฤติคุณภาพน้ำดิบ การประปานครหลวง (ศอน.กปน.)
โทร. 0 2503 9776 , 0 2503 9818 โทรสาร 0 2503 9835  

 

ไปเจอรูปนี้จากเน็ทค่ะ...ขำกันไหมเอ่ย... ;D

รูปนี้ขำกว่า


 ;D

หากเลือกได้ ขอดูรูปคุณกุ๊งกิ๊ง แทนรูปแถลงข่าวของ....ข้างบนดีกว่าค่ะ

ข่าวอะไร ๆ ก็ไม่ตรงกับความจริงสักที ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง

คุณ Srisiam เอา Worst Case Senario มาลำดับให้ฟังแล้ว จิตตกวูปเชียว

บ้านดิฉันอยู่ใกล้ ๆ พิพิธภันฑ์ช้างสามเศียรเอราวัณ ใกล้แม่น้ำ และโรงเรียนนายเรือ

ชาวบ้านพูดกันไป พูดกันมาว่า หากน้ำมาจริง ก็ลงทะเลได้เร็ว ไม่น่าจะท่วมสูง หรือ ท่วมนาน

อันนี้จะจริงหรือไม่ค่ะ นายกเทศมนตรีบอกลูกบ้านว่า "คงไม่ท่วม"

ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับคนสมุทรปราการ

น้ำทุ่ง น่ากลัวกว่า น้ำท่า ค่ะ กว่าจะหลากมาถึงทางนี้ คงสีดำสนิท

.


เราคนไทยที่มีธรรมในหัวใจทุกคน ไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้...............
และภาวนาทุกวัน ไม่ให้เลวร้ายมากกว่านี้ แต่เราต้องยอมรับความจริงแท้อย่างหนึ่งว่า..................
อภิมหาอุทกภัยนี้สาเหตุสำคัญมาจากความโลภของมนุษย์หยิบมือเดียวประสมกับการแบ่งฝักฝ่ายทางการเมือง
กระทั่งเป็นที่รู้กันทั่วโลกว่ามันเป็น Man-made Disaster ดังเช่นปรากฎในพาดหัวข่าวของสถานีNHK เมื่อสองวันที่แล้ว


เวิสต์เคสซินนาริโอตามที่คุณหนูร่วมฤดีว่า.......ไม่มีทางเป็นจริงได้....ถ้าหาก..............
- ผู้บริหารบ้านเมืองเป็นมืออาชีพกว่านี้สักร้อยเท่าพันทวี
- นักการเมืองเลวๆไม่เห็นแก่ตัว ปกป้องแต่ประโยชน์ในถิ่นตัวเองและพวกตัวเอง
- ไม่ปัดแข้งปัดขากันเองในหมู่ผู้มีส่วนรับผิดชอบ
- ฯลฯ

ทราบว่าก่อนหน้านี้ประมาณเกือบเดือน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมากๆของกองทัพอากาศประเมินว่า ระดับน้ำที่จะจะท่วมสนามบินดอนเมืองจะสูงประมาณหนึ่งเมตร
แทบทุกคนในที่ประชุมหัวเราะ....................??????

ท่านประเมินผิดจริงๆด้วย....เพราะประเมินต่ำกว่าความจริง 50%


ขอชื่นชมทุกท่านที่ช่วยกันแก้ปัญหาและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างที่สุดสมเป็นคนไทยแท้ๆ
เอาใจช่วยทุกท่านให้ผ่านพ้นวิกฤติได้โดยปลอดภัยและเสียหายน้อยที่สุด..................โดยเฉพาะมิตรสหายทุกท่านในเรือนไทย...........

และขอให้ความเห็นที่  249 ไม่เป็นความจริงแม้แต่ข้อเดียว..............



.

"



http://www.youtube.com/watch?v=Y6NPLA-AIEc&feature=youtu.be




" :

(

เป็นรมต.กระทรวงวิทย์ นะเนี่ย ไร้ข้อมูล เพ้อเจ้อ ...เฮ้อ!!!!

อย่าเครียดค่ะ อย่าเครียด (อันนี้บอกตัวเองค่ะ)...
เพื่อนส่งเมล์มาให้เข้าท่าดีนะคะ สำหรับชาวกรุงที่มีวันหยุดยาวและยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี...
แนะนำให้...
ไปว่ายน้ำที่..."รัชดา"
ไปตกปลาที่..."สีลม"
ไปงมหอยที่..."บางแค"
ไปล่องแพที่..."ปิ่นเกล้า"
ไปกินเหล้า เคล้าชูชีพ
ไปนั่งเรือถีบที่..."วงเวียนใหญ่"
เอาชุดว่ายน้ำมาใส่เดินเล่นที่..."เซ็นทรัล"
อย่าลืมไปให้อาหารชาลาวันที่..."รังสิต"
พอเริ่มค่ำลงนิดก็กลับมาวิดน้ำที่..บ้าน... ;D

.


^^^^^^^^^

นี่คือธรรมชาติอันเยี่ยมยอดของผองไทย..............

สนุกได้................ขำได้............ความเป็นกวียังมีอยู่ได้...............
แม้ภัยมา.............

ภัยใดก็ไม่สามารถทำลายธรรมชาติอันเป็นจุดเด่นของเราได้..............
เอาใจช่วยทุกท่านอีกครั้ง............



.
 ;D :(



ดังนั้นคุณดี๊ดี.............ช่วยแสดงความยินดีกับคุณหนูRuamrudi ที่อยู่ท้ายน้ำใกล้ปากอ่าว............
เพราะละแวกบ้านคุณRuamrudi จะถือเป็นผู้โชคดีชุดสุดท้ายที่ได้บ๊ายบายกับน้ำ..............
คนอื่นแห้งหมดเมื่อใด...ค่อยถึงคิวคนปากน้ำ....ท่วมทีหลัง-ลดหลังสุดๆๆๆๆๆๆ


. ;D

รถหรือเรือ?
ถนนหรือแม่น้ำ?

.



เห็นพาหนะล้ำยุคฝีมือไทยประดิษฐ์ ที่อ.เทาฯนำมาให้ชมแล้วเจ๋งจริงๆ อดคิดถึง Waterworld ของ Kevin Costner ไม่ได้




แล้วนี่ชาวไทยจะถูกน้ำท่วมจนกลายพันธุ์      มีพังผืดเป็นครีบขึ้นที่ซอกนิ้วเท้ากับหายใจทางเหงือกได้หรือไม่หนอ?
 :P

เมืองใหม่ของเราในอนาคต  Bangkok underwater

ชาวกรุง ในอนาคต

ชาวกรุงวันนี้

ของจริงมาแล้วววว

NNA NEWS >>


ชาวบ้านพบจระเข้เข้าไปใน หมู่บ้านวิลล่ารามอินทรา ซอย 10 ถนนคู้บอน ซ.27 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม

^
^

 ;D

คงเป็นอย่างนี้ (ภาพนี้ถ่ายระหว่างทางเดินไปสนามกีฬาโอลิมปิก ที่มอนทรีออล ไม่ทราบเหมือนกันว่าโฆษณาอะไร)

 ;D

^
เอาไปทำแบบตีนเป็ดน้ำแดง จะอร่อยกว่ารับประทานสดๆแบบนี้ไหม


(Webmasterครับ ถ้าเห็นภาพคนที่เป็นนายแบบว่าไม่เหมาะสมกับ "เรือนไทย" ก็กรุณาลบทิ้งด้วย - ขอบคุณ)

ภาพน้ำท่วมสะพานควาย  คืนวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2554
http://www.oknation.net/blog/swongviggit/2011/11/06/entry-1

เอามาคลายเครียด

http://www.youtube.com/watch?v=js1k9ET4C4M&sns=fb

กลับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรชั่วคราว ไปดูห้าแยกลาดพร้าว ไปดูคลองบางซื่อที่น้ำท่วมตลิ่ง ท่วมทางเดิน ฝาท่อน้ำเป็นน้ำพุบริเวณสวนจตุจักร ถ่ายภาพมาสักเล็กน้อยก่อนที่จะท่วมหมด

คุณหนุ่มสยามไปเดินท่อมๆ ลุยน้ำอยู่ริมถนน   โปรดระวังมหันตภัยใต้น้ำ นอกเหนือจากงู  ปลิงควาย ปลิงเข็ม ตะขาบ และพี่เข้   คือฝาท่อกทม.ที่ถูกแรงดันน้ำจากใต้ดิน ดันจนหลุดกระเด็นหายไป   เหลือแต่โพรงใต้น้ำที่กระแสน้ำบังเอาไว้มิด
เรื่องจริงไม่อิงนิยายจาก FB ของดิฉันมาเล่าให้ฟัง   หนุ่มสาวสองคนชวนกันกลับไปดูบ้านที่อพยพออกมา  เจอเหตุระทึกใจ  ขอลอกมาให้อ่านกันจะจะ เพื่อไม่ให้เสียอรรถรส

สาว -  นั่งรถเมล์ปรับอากาศจากเซ็นทรัลลาดพร้าวมาสิ้นสุดที่อู่บางเขน จากนั้นสองคนก็เดินกันมาตามทาง ผ่านวัดพระศรี วงเวียนหลักสี่(ที่เร้าใจมากคือคุณผช.ที่เดินอยู่ด้านหน้าจู่ๆก็หายพรึ่บไป สองคนมองหน้ากันแบบ กรี๊ด....พี่เค้าตกท่อ!) เดินต๊อกแต๊กตามถนนต่อมาจนถึงบ้าน(เกือบ 2กม.ได้มั้ง)

หนุ่ม  - ขาไปนี่ไม่คิดเลยครับว่าการเดินลุยน้ำระดับเท่าหัวเข่ามันจะยากขนาดนี้ แล้วก็ยิ่งตกใจเมื่อพบว่ายิ่งเดินเข้าไปน้ำยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ (อ้าว เฮ้ย!) จนคุณคนที่เดินอยู่ข้างหน้าตกท่อหายวับไปกับตาเหมือนในหนัง สองคนพี่น้องทั้งขำทั้งสงสาร (แต่ก็ยังหัวเราะนะ   ขำอ่ะ555) แต่ก็ต้องระวังตัวเองไม่ให้ตกตามเค้าไปด้วย

ดิฉัน - ผู้ชายคนที่ตกท่อไป แกตะกายขึ้นมาได้  หรือว่าหายแล้วหายเลยคะ เป็นห่วงชีวิตแก

หนุ่ม - หลังจากผลุบหายลงไปแกก็ทะลึ่งพรวด แล้วค่อยๆตะกายขึ้นมาครับอาจารย์   นี่ขนาดแกมีร่มไว้คลำทางนะครับ

คนตกท่อมีเยอะมาก ขนาดไปนั่งเรียงแถวให้หมอเย็บแผลตามคิวอยู่ในโรงพยาบาล      คุณหนุ่มสยามโปรดระวังตัวด้วยค่ะ

คำทำนายดวงเมืองของ อ.ภิญโญ พงษ์เจริญเมื่อต้นปีค่ะ สู้ Nostradamus ได้ไหมเอ่ย
.....พฤศจิกายน ระวังน้ำท่วมใหญ่
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคมจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม จะหนักกว่าปี 2553 พอย่างสู่เดือนพฤศจิกายนเหตุการณ์น้ำท่วมจะยังคงมีอยู่และจะท่วมหนักกว่าเดิมเนื่องจากในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.10 น จะเกิดสุริยุปราคาอีกครั้ง โดยบังเกิดขึ้นในราศีพิจิกรูปแมงป่อง เวลากลางวัน ราศีพิจิกเป็นราศีชั้น 2 ชนิดสถิตราศี มีผลคงอยู่ได้นาน จะส่งผลทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โต เกิดโรคภัยระบาด มีคนล้มตายเพิ่มขึ้น บุคคลสำคัญของประเทศถึงแก่กรรม

เจอสึนามิ
อุปราคาเกิดขึ้นในราศีพิจิกซึ่งเป็นธาตุน้ำ ก่อเกิดปัญหาวาตภัยและอุทกภัยที่รุนแรง ในเดือนนี้ประเทศไทยอาจจะพบกับ "สึนามิ" เกิดพายุหมุนและฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง บางพื้นที่เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวน เกิดอุบัติภัยในแม่น้ำทะเลมหาสมุทร รัฐบาลประสบปัญหาอย่างรุนแรงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม อาชีพเกี่ยวกับน้ำ น้ำเมา ของเหลวมีปัญหา โรคภัยไข้เจ็บยังระบาดอย่างหนักทำให้คนตายเพิ่มขึ้นจากโรคภัยที่มาจากน้ำและของเหลว การค้าและเกษตรกรรมเสียหาย
(http://www.mumdochata.com/webboard/index.php?action=dlattach;topic=91.0;attach=143;image)

ศปภ.ควรเรียนเชิญท่าน อ.ภิญโญ พงษ์เจริญ มาเป็นที่ปรึกษา ด่วนนนนน!!!!  ;D

.

ถ้ำจำไม่ผิด.......ท่านทำนายซ้ำๆว่าน้ำจะท่วมใหญ่มาหลายปีติดต่อกัน.?

.

โอ้...มากมายมหาศาล... ;D

นี่ก็...มากมาย...เสาและสายไฟฟ้า... ;D

บรรยายเองก็แล้วกัน

เงื่อนไขรับ 5,000 บ. ช่วยน้ำท่วมในเขตกทม.

 วันที่ 8 พ.ย. ที่ศปภ. นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท ในเขตกรุงเทพมหานคร รวม 30 เขต ครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบกรณีน้ำท่วมถึงบ้านพักอาศัยโดยฉับพลันและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย รวมทั้งกรณีบ้านพักอาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วันและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย จำนวน 621,355 ครัวเรือน รวมเป็นเงินกว่า 3,106 ล้านบาท

30000 บาทสำหรับชาวนครสวรรค์  ข้างบนนี้ คนละเรื่องกับ 5000 บาทข้างล่าง หรือว่าเรื่องเดียวกันแต่คนละยอด(เงิน)   ???

ถ้าบ้านเสียหายทั้งหลังได้ ๓๐,๐๐๐ บาท  ถ้าเสียหายบางส่วนได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท

http://www.pm.go.th/flood/page/index/2

.

แปลงวิกฤติเป็นโอกาสเลยดีไหม?







- โลกกำลังใกล้ถึงอวสานของทุนนิยมสุดขั้ว..........
- จวนถึงเวลาฝรั่งจะต้องขอทานเขากินแล้วใช่ไหม?
- เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดสงครามโลกในอนาคตอันใกล้..........
- เมื่อถึงตอนนั้นอุตสาหกรรมทั้งหลายที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารและอาวุธจะหมดสภาพ...........
- ประเทศที่รับผลกระทบจากสงคราม ผลิตอาหารไม่ได้...........
- อาหารขาดแคลนทั่วโลก..........?

- ไทยควรหันกลับมาส่งเสริมการเกษตรให้มากกว่าอุตสาหกรรมหนักเสียแต่วันนี้ดีไหม?


.

คนปากน้ำไม่กลัวน้ำ (ท่วม) ... แม้วันมามาก เพราะ ... คนปากน้ำเตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว

เห็นด้วยค่ะ   เราควรส่งเสริมการเกษตรมากกว่านี้  กำหนดเขตเกษตรกรรมให้ชัดเจน อย่าให้โรงงานเข้าไปเบียดเบียนพื้นที่มากกว่านี้   
พัฒนาประเทศไปในทางเศรษฐกิจพอเพียง  มีวัตถุแค่เพียงพอแก่การยังชีพ  ไม่ใช่ประกวดประขันว่าใครมีมากกว่ากัน

น้ำท่วม ไม่ใช่ว่าแค่น้ำลดแล้วทุกอย่างจะกลับเหมือนเดิม    สังคมจะเปลี่ยนไปแน่นอน

ลุงไก่เจ้าขา คนปากน้ำเตรียมตัวมานานแล้วก็จริง
แต่นั่นคือ น้ำท่า ไม่ใช่น้ำทุ่งที่หลากมาแบบ Free Style ค่ะ

เขื่อนในภาพของลุงไก่ ป้องกันน้ำขึ้นน้ำลงได้ผลดี
แต่สงสัยว่าน้ำที่หลากมาทางหลังเขื่อนนี่ เขาจะเอาออกไปเทในแม่น้ำได้ไหม น่ากลัวจริง ๆ ค่ะ

เมื่อคืนดู Spring News ท่านปราโมทย์ ไม้กลัดบอกว่า ไม่น่าห่วงแล้ว
น้ำในแม่น้ำลดระดับลง แปลว่า น้ำทุ่งจะไหลกลับลงคลองและแม่น้ำได้
จะมีล้นเข้ามาก็ตรงบางเขนนั่น และที่กำลังมุดท่อระบายน้ำในกรุง
ต้องสู้กันด้วยการสูบออกไปเรื่อย ๆ เพราะเขาเข้ามาแล้ว มีทางเดียวคือ สูบออกไป
ฟังแล้ว...พอจะเชื่อถือ อุ่นใจได้ไหมคะ

ค่าชดเชย 5000 บาท พอซื้อ TV หรือ ตู้เย็นใหม่ได้หรือคะ
ปีที่แล้วเสื้อแดงเผาเมือง มีคนรู้จักเสียหายมากมาย มีเจ้าหน้าที่มาถามคำถามซ้ำ ๆ 4 ชุด
ต่างคนต่างมา อ้างว่าจะช่วยเหลือชดเชย แต่เรียกหลักฐานเอกสาร และ ตั้งเงื่อนไขวุ่นวาย
จนถูกขับไล่ออกไปจากร้าน เพราะจ่ายเองดีกว่าต้องเจอขั้นตอนแบบนี้

คุณแจ๋วที่ลาออกไปเมื่อปีที่แล้ว ยอมกลับมาทำงานดูแลคุณแม่ดิฉันอีกรอบด้วยความรักและผูกพัน
เธอบอกว่า ให้ขายบ้านหนีไปสกลนครทำนากับหนูดีกว่า ข้าวราคาดีขึ้นทุกวัน
ดูเหมือนอาชีพเกษตรกรรมจะดีที่สุดจริง ๆ ค่ะ อ.เทาชมพูขา

สลับฉากด้วยเรื่องคลายเครียด นะคะ... ;D
แฟชั่นรองเท้า อินเทรน...

พาหนะ ยามน้ำท่วม.... ;D
เจ๋งไปเลย ป๊ะป๋า..

Thailand Only !!! รุ่นใหม่ล่าสุด  ;D

วิสัยทัศน์...เยี่ยม... เตรียมพร้อมล่วงหน้ามาตั้งนาน... ;D

การประปาไม่ต้องห่วง การไฟฟ้าช่วยจ่ายน้ำแทนให้แล้ว... ;D

น้ำท่วม แค่ตาตุ่ม(ยักษ์) เองคร้าบบบบ... ;D

ความสุข กลางสายน้ำ... ;D
ร่วมวงด้วยกันไหมคร้าบบบบบ

นี่ก็แค่เข่าเอง

 ;D

นี่ก็ ความสุข กลางสายน้ำ... ;D
อย่าได้แคร์...

ความทรหด อดทน ของคนกรุง... ;D
กินกลางน้ำ...

ความทรหด อดทน ของคนกรุง...  ;D
สุดจะบรรยาย.....

ร้านตัดผมนี้โบกปูนปิดหน้าร้าน สงสัยว่าคงจะออกหลังร้าน  :o

ภาพนี้ชี้ให้เห็น ความด้อยประสิทธิ์ภาพในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน
ชาวบ้านไม่รู้ว่าน้ำที่ท่วมจะท่วมสูงระดับไหน ท่วมนานแค่ไหน ท่วมที่ไหนบ้าง..???
ก็เลยมีการป้องกันตัวเองแบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความรู้จริง บางคนป้องกันต่ำเกินไป ในขณะที่บางคนก็สูงเกินไป...
ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีนักวิชาการสารพัดด้าน สามารถคำนวณปริมาณน้ำเข้าออกในพื้นที่ได้ แถลงข่าวกันทุกวี่วัน
มีเทคโนโลยีดาวเทียมติดตามการเคลื่อนตัวของน้ำ แต่ไม่สามารถสื่อสารให้ชาวบ้านรู้ หรือเข้าใจตามความเป็นจริงได้
ทำงานเหมือนกั๊กๆ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย โยนกันไปโยนกันมา ....ไม่มีการประสานงานกันให้ดี
การปล่อยน้ำจากเขื่อน ก็เหมือนกัน ปล่อยพร้อมกันทีละหลายๆ เขื่อน ...ทำได้ไง..ใช้อะไรคิด  ???

อนุโมทนา สาธุ....

คุณดีดี  น้ำท่วมแถวบ้าน ลดลงหรือยังคะ   
คุณกับคุณแม่เป็นอย่างไรบ้างคะ   ยังปลอดภัยอยู่บนชั้น 2   หรือว่าอพยพออกมาแล้ว

กราบขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพู ที่เป็นห่วงค่ะ  ;D
หนูดีดี กับคุณแม่ ยังใช้ชีวิตอยู่บนชั้นสองค่ะ
ยังสบายดีค่ะ...เครียดนิดๆ เพราะไปไหนไม่ได้
สองสามวันนี้น้ำลดลงเล็กน้อยประมาณ3-4 ซม.ค่ะ
แล้วก็นิ่งอีกแล้ว คงเป็นอิทธิพลของบิ๊กแบ๊กมังคะ

จึงเลี่ยงไม่พ้นที่คนไม่น้อย............เชื่อว่านี่เป็นเจตนาของแก๊งบิ๊กแบ็กทำใ้ห้เป็นเช่นนี้...........เพียงเพื่อดิสเครดิตแก็งค์สมอลแบ็กว่ารักษากทม.ไม่ได้
หากเป็นจริง...?........อำมหิตมาก............

เหลือเพียงว่า..........หากไม่อำมหิต-อีก็โง่ไร้เทียมทานจริงๆ

.

 :(

ที่ท่วมๆกันมานับสิบๆวัน โดยเฉพาะที่ฝั่งธน น้ำทรงและเริ่มลด บางแห่งลดเร็วมาก ไม่น่าจะเกี่ยวกับบิ๊กแบ๊ก ถ้าไม่มีรูปน้ำที่แนวถุงต่างระดับกัน๓๐เซนต์ตามที่โม้ไว้มาอวดกันหน่อย ยังไงๆผมคงไม่เชื่อ

นี่มันเข้าเดือนที่น้ำจะรี่ไหลลงแล้วครับ แม้อยู่เฉยๆน้ำก็จะลงของมันเอง

ส่วนที่ประโคมข่าวว่าเป็นเพราะบิ๊กแบ๊กได้ผล เพียงเพื่อดิสเครดิตแก็งค์สมอลแบ็กนั้น ก็เป็นไปในแนวที่ว่าอยู่แล้ว

กทม.รับบิ๊กแบ็กได้ผลฝั่งตะวันออกพ้นวิกฤต
•08 พฤศจิกายน 2554 เวลา 11:59 น.  

ถ้าวางบิ๊กแบ็กได้ตามภาพประกอบนี้ ผมเชื่อครับว่ากันได้
แต่ที่วางลงไปแบบโพรกๆ มองเห็นระดับน้ำสองข้างที่สูงและเชื่อมต่อกันแล้วมาบอกว่า กั้นแล้วระดับน้ำต่างกัน๓๐เซนต์นั้น ผมเห็นว่าเป็นเรื่องโม้

ดังนั้นบิ๊กแบ็กจึงได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง สุดแล้วแต่พื้นที่และระดับน้ำที่วางลงไป และขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่องสูบน้ำที่จะต้องสูบปริมาณน้ำที่อยู่ด้านใน ทั้งน้ำที่อยู่เดิมและที่รั่วเข้ามาจากรอยต่อของถุงยักษ์ สู้กับปริมาณมหาศาลของน้ำภายนอกที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันหมดด้วย

.


เทวดาท่านคงเมตตาชาวบ้านทางเหนือ..............ที่ไม่มีน้ำสะอาดใช้ ก็เลยเมตตาประทานฝนมาให้ในวันนี้

http://119.46.126.3/tmd_satellite.php?no1=24964

http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html


ทั้งหนาว............ทั้งเปียก................


ฝนที่ตกวันนี้............จะมาทันเพื่อนน้ำในกทม.ไหมเอ่ย?








.
:(

ลงภาพประวัติศาสตร์เดือนพ.ย. 2554 อีกคลิปหนึ่ง

http://www.youtube.com/watch?v=JANYxVn0O-M&feature=player_embedded#!

ภาพนี้ฝากเหลืองแดงทุกคนค่ะ    เป็นหน้าหนึ่งในปวศ. ของมหาวิทยาลัย

เดี๋ยวจะเครียดไป  เอาภาพขำๆมาสลับบ้าง
เครดิต โต๊ะข่าว พันทิป

ขำด้วยคน

ยังมีอีกหลายใน โพสต์จัง (http://board.postjung.com/581137.html)

 ;D

เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา

 หลวงวิจิตรวาทการ
 

"


ขอแสดงความเสียใจกับนักสะสมหนังสือทุกท่านที่ประสพความสูญเสียของสมบัติล้ำค่าที่รักหวงแหน.............
รวมทั้งสิงห์ สนามหลวงกับศรีดาวเรืองที่เสียทั้งภาพเขียนและหนังสือสะสมกว่าแสนเล่มในพริบตา.......




 :( :( ::)

ทำไมต้องลำบากขนาดนี้..... :o

เขาจะเชื่อไหมเนี่ย... ???

ใครว่าคนไทยไม่ค่อยมีสิ่งประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆ......

เพื่อนส่ง mail มาให้ คลายเครียด นะคะ... ;D

...เมื่อเธอบอกว่า...

เมื่อเธอบอกว่า...รถคันแรก...   อุตสาหกรรมยานยนต์จมน้ำทันที....
เมื่อเธอบอกว่า...จะขึ้นค่าแรง... แรงงานก็ตกงานทันที......
เมื่อเธอบอกว่า...จะเปิดจำนำข้าว... นา แทบทุกแห่ง...จมอยู่ใต้บาดาล.....
เมื่อเธอบอกว่า...บ้านหลังแรก.... คนเป็นล้านไม่มีบ้านจะอยู่ ต้องไปอยู่ศูนย์อพยพ.......
เมื่อเธอบอกว่า...จะแจกแทปเลตเด็กป.1...สตีฟ จ๊อปก็จากไปอย่างไม่หวนกลับ.....
เมื่อเธอบอกว่า...จะถมทะเล... แต่ทะเลไม่ยอม..น้ำจึงท่วมทั้งประเทศ......
เมื่อเธอบอกว่า...จะลดค่าครองชีพ.... บัดนี้ค่าครองชีพพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าตัว......
เมื่อเธอบอกว่า...เอาอยู่.....นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งก็จมอยู่ใต้น้ำ

หยุดบอกได้แล้วมั้ง....

เมื่อเธอบอกว่า........จะทำ New Thailand เก้าแสนล้าน.............ทุกคนก็กรี๊ด......สลบ



.

 วันก่อนเข้าไปเขตคลองหลวง  ปทุมธานีมา พบคุณลุงกำลังเข็นเจ้าเพื่อนสี่ขา เลยเก็บภาพมาฝาก   ลุงแกบอกว่า..สงสารเพราะมันตัวอ้วนถ้าตกน้ำ น่าจะจมน้ำตายล่ะครับ


                 (http://i1088.photobucket.com/albums/i340/lovetommygirl/IMG_2200.jpg) 

                 ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ในตอนนี้ต่างเผชิญชะตากรรมเดียวกันหมด....   

ไม่ใช่ข่าวลือ

วันพฤหัสบดี ที่ 10 พฤศจิกายน 2554

ขบวนการใต้ติน จ้องล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีจริง ภาพชัดขนาดนี้เถียงไม่ออกเลย  

ข่าวมหาอุทกภัยในสายตานักข่าวญี่ปุ่น   ๑๑-๑๑-๑๑

http://www.youtube.com/watch?v=_VDJEpe6Omk&feature=player_embedded#!

พวกเราทุกคนเมื่อจำนนด้วยหลักฐานเยี่ยงนี้ ก็ให้รู้สึกสังเวช....เอ๊ย.สงสารเธอมาก........
จึงใคร่ขอวิงวอนเธอว่า......
กรุณาอย่าอดทนเพื่อพวกเราอีกเลย



อย่า.....ทน.....อีกเลย............ขอร้อง


ออกไปเฝ้าบ้านตนเองดีไหม?

.

^

^

ประวัติศาสตร์ของพันธุ์เผ่าไทย...........เป็นผู้อดทนทุกยุค..............ทุกสมัย..............
........แต่ไม่ใช่............นิรันดร์กาล..............
......................วันใด........ที่สุด............จะเหลือรับประทาน.............

...วันนั้น........วันนั้น...........ก็เลิกทน..............
..........จะทนต่อกันไปถึงไหน...................ในเมื่อ.........เธอทนกว่ามาก



. :(

นายกฯ เริ่มเบลอแล้วค่ะ  เห็นใจเธอเถอะ  อย่าว่าเธออีกเลย

http://www.youtube.com/watch?v=3PRY8x45Hc0&feature=player_embedded

 "  บูรณาการ "

     (http://i1088.photobucket.com/albums/i340/lovetommygirl/302214_2604527198100_1402471954_2932980_1078720311_n.jpg)

ทั้งหมดทั้งมวล ที่พวกเราช่วยกันโพสต์ในกระทู้กู้ภัยทางน้ำนี้................ก็ขอยืนยันว่า............เป็นไปด้วยความเมตตาสงสารในฐานะเพื่อนมนุษย์พึงมีต่อกัน
หาได้เป็นไปด้วยจิตอาฆาตเกลียดชังใดๆไม่.............

ด้วยเหตุเช่นนี้.จึงพยายามวิงวอนให้เธอกลับบ้านทำหน้าที่แม่และภริยาที่ดี.............มากกว่าที่จะให้เธอต้องมาทนทำบาปกับเพื่อนร่วมชาติอีกต่อไป............
สาธุ...........


 8)

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554  
ผู้ว่า กทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำฝั่งตะวันตกด้วยตนเอง และสถานการณ์น้ำในเขตบางขุนเทียตอนนี้ขยับเข้าใกล้พระราม 2 เต็มที่แล้ว พื้นผิวถนนพระราม 2 เริ่มมีน้ำผุดมาบนผิวถนนบ้างแล้ว
ถ้าพระราม 2 ถูกน้ำท่วมจนรถผ่านไม่ได้    เส้นทางกรุงเทพที่จะลงภาคใต้ก็ตัดขาดกันไปชั่วคราว

มีคลิปให้ดูที่ลิ้งค์นี้ค่ะ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=parintorn&month=11-11-2011&group=4&gblog=1

ช่วงนี้มีละครโรงใหญ่ให้ดูหลายเรื่อง

นี่ก็อีกเรื่องนึง

นี่Locationดี แต่ดาราไม่ดังเท่าไหร่

โปสเตอร์หนังเด็ด ประจำเดือนพฤศจิกาคม 2554

ชาวกรุงพลาด(รถ)ไม่ได้นะเธอ!

สองเรื่องนี้ เนื้อเรื่องงั้นๆ  ไม่ต่างจากหนังน้ำท่วมเรื่องอื่น   แต่จุดขายคือตัวเก็งดารานำยอดเยี่ยม ทั้งหญิงและชาย   

เปลี่ยนวิกฤตเป็นเพลง

http://www.youtube.com/watch?v=9Yr3uYUEcWQ&feature=related

ใครมีทุกข์ เชิญปลดทุกข์ที่นี่คร้าบ

เชิญไปอ่านเรื่องของเค้าหน่อยครับ

http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11323770/NE11323770.html

 ;D

no comment

โปรแกรมเที่ยวช่วงวันหยุดยาว

อีกหนึ่งนวตกรรมช่วงน้ำท่วม.... ;D

บันทึกไว้เป็นการขอบคุณ

"นักบุญมืออาชีพ" ครับ

http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M11320356/M11320356.html

น้ำท่วม-น้ำใจ

เพลง "ทุกข์รวมไทย" (http://www.oknation.net/blog/canthai/2011/10/27/entry-2)

กำลังใจแด่ผู้ประสบทุกข์มหาอุทกภัย ๒๕๕๔

http://www.youtube.com/watch?v=XyEv83nMgq4&feature=related

คลายเครียดด้วยมุขน้ำท่วม จาก คุณเผ่าทอง ทองเจือ (http://th-th.facebook.com/paothong.pan/posts/10150444423096240)

 ;D

ขอบคุณครับ.............หายเครียดเลย............




ขำมากจนอยากร้องไห้..............



,

เอาน่า...อย่าเครียดค่ะ ...อย่าเครียด.. ;D
ว่าแต่พี่สรยุทธเป็นนายกก็ดีเนอะ...เข้าถึงประชาชนทุกตรอกซอกซอย..

พลิกวิกฤต เป็นโอกาส... ;D
ไม่ต้องรอถุงยังชีพ...

พับเพียบ ไทยแลนด์.... ;D

เจ๋งไปเลย... ;D

นี่ก็เจ๋ง...จ้า... ;D

คู่นี้..ก็เจ๋ง.... ;D

เอาการ์ตูนขำขันมาให้ดูกันค่ะ... ;D

ส่วนอันนี้ ขำอ๊ะป่าว... ;D
ประกาศเชิญชวนท่องเที่ยวไทย...

.


หากสงสัยว่ากรุงเทพฯชั้นใน..ทำไมจึงรอดเป็นส่วนใหญ่
มีผู้อธิบายไว้...........
http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11338300/NE11338300.html


งานนี้............มีประชาชนจำนวนมากต้องทนทุกข์มากมายและยาวนาน.เพราะท่านเหล่านั้นได้รับเกียรติให้เป็นผู้เสียสละ........ด้วยเ็ต็มใจหรือจำใจ?....เป็นแก้มลิง........หากบ้านท่านยังมีน้ำท่วมสูงเป็นเมตรและค่อนข้างนิ่ง-นาน-นานๆ...............ท่านอยู่ในแก้มลิง 2554

บางบัวทอง-ปทุมธานี-นนทบุรี-สวนกล้วยไม้-สวนส้มนครชัยศรี ฯลฯ...............


 :( :(

หลังน้ำลดนั้นเป็นเวลาที่น่ากลัวกว่าน้ำท่วม ผมประเมินไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ

ภาวะคนตกงาน คนจนเพิ่มขึ้น
ภาวะวัสดุก่อสร้างที่แย่งกัน
ภาวะที่ขยะต่าง ๆ เริ่มเกลื่นกลาด
ภาพความสามัคคีร่วมกันทำความสะอาด
ภาพความขัดแย้งของนักการเมือง

คอยดูนะครับ สิ่งเหล่านี้จะปรากฎให้เห็นกัน

และคงตามด้วยโรคระบาดสารพัดโรค........แม้ไทยจะโชคดีที่ระบบสาธารณสุขไม่เป็นรองใคร-แต่ปัญหาอยู่ที่การเข้าถึงยาและเข้าถึงแพทย์ดังเช่นที่ญี่ปุ่นประสพหลังสึนามิเมื่อ 11 มีนาคม 2554

อีกอย่างที่น่ากลัวคือ...และน่าเศร้า...........คือ.........จำนวนผู้ป่วยจากปัญหาสุขภาพจิตจะพุ่งสูงมากๆ
ทั้งๆที่ไทยเป็นเมืองพุทธ แต่เรามักลืมนึกถึงพุทธโอสถในการบำบัดเยียวยา..........



ผู้มีกำลัง..............สามารถใช้โอกาสนี้สั่งสมทานบารมีดังที่หลายคนทำกันอยู่ในขณะนี้




 :(

.

มีอีกหนึ่งทีมงานที่ทำงานแบบมืออาชีพอย่างน่าสรรเสริญ................
ขอคารวะ



http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11329677/NE11329677.html


.
 :D

เก็บมาฝาก มองบวกเข้าไว้... ;D

เก็บตกจากที่ลอยน้ำมาในเมล์

น้ำท่วมครานี้…..

ยิ่งลึกยิ่งลอยยิ่งไหล
ยิ่งหลงยิ่งไกลยิ่งหลุด
ยิ่งเลอะยิ่งเละยิ่งทรุด
ยิ่งฉุดยิ่งถอยยิ่งจม
ยิ่งมายิ่งเห็นยิ่งชัด
ยิ่งขื่นยิ่งขัดยิ่งขม
ยิ่งกลวงยิ่งว่างยิ่งลม
ยิ่งตรมยิ่งตรอมยิ่งโต
ยิ่งอยู่ยิ่งอึดยิ่งอัด
ยิ่งพัดยิ่งผุดยิ่งโผล่
ยิ่งย้วยยิ่งอืดยิ่งโชว์
ยิ่งพูดยิ่งโง่ยิ่งทำ
ยิ่งหลอกยิ่งลวงยิ่งเท็จ
ยิ่งแฉะยิ่งเช็ดยิ่งฉ่ำ
ยิ่งท่วมยิ่งขังยิ่งครำ
ยิ่งดำยิ่งเหม็นยิ่งยุง

..สรุป ยิ่ง! เละ

บันทึกไว้ว่า ในวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2554   สภาพน้ำท่วมที่บางบัวทอง ยังเป็นอย่างนี้

จากบล็อคโอเคเนชั่น 
http://www.oknation.net/blog/chalee2/2011/11/24/entry-1

อีกมุมหนึ่งของบางบัวทอง
ขอแสดงความเสียใจกับผู้อยู่อาศัย และผู้ทำงานที่นั่น ทุกท่านด้วย

.


เมื่อเดือนตุลาคม ขณะที่ตอนเหนือของกทม.กำลังเริ่มจมน้ำ.....................
พายุฝนตั้งเค้า.....ประดุจดังจะประกาศว่า.........อย่าหมิ่นแคลนในพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ.............


 >:(

อีกไม่นาน น้ำที่ท่วมขังก็เริ่มลดระดับลง จนสามารถเข้าสำรวจความเสียหายในบ้านได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอคือ

1. ตะไคร่และคราบน้ำ
2. ปลาต่าง ๆ
3. โคลน
4. เชื้อรา เห็ด เนื่องจากบ้านอบอยู่ในน้ำ ความชื้นสูง
5. เฟอร์นิเจอร์ที่บวมน้ำ และทานน้ำหนักของที่ยกไว้ที่สูงไม่ไหว ก็คว่ำลงมากองกับน้ำ
6. กลิ่นเหม็นเน่า
7. บานประตู มักเปิดไม่ออก เพราะบวมน้ำ

ตัวอย่างสภาพชั้นวางไมโครเวฟ ที่เจ้าของบ้านยกไว้ แต่น้ำได้ทำให้ไม้อัดย่อยสลายไป ยุบตัวลงมา
ภาพจากคุณ Pa-kung@LPG พันทิป

 หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี  (http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11355796/NE11355796.html)

สภาพเชื้อรา ที่ทุกบ้านประสพภัยต้องพบเจอ ต้องใส่ผ้าปิดจมูก ปิดปากในการทำความสะอาด (รื้อทิ้ง) ด้วยนะครับ เพื่ออนามัยตนเอง
ภาพจากคุณ Pa-kung@LPG พันทิป

5,000 จะพอไหมเนี่ย... :(

คุณดีดี ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้างคะ  น้ำลดพอขับรถเข้าออกได้หรือยัง

ในตัวบ้าน เหลืออีกประมาณ 5 ซม. ค่ะ อีก 2-3 วันคงได้เริ่มทำความสะอาดค่ะ  ;D
แต่ถนนหน้าบ้านยังสูงประมาณ 55 ซม.ค่ะ รถยังวิ่งไม่ได้ค่ะ...
รถหนูดีดี ก็นอนแช่น้ำอยู่ค่ะ คงวิ่งไม่ได้อีกนาน ลืมเอาพรมออกมาก่อนน้ำท่วมด้วย คงเละค่ะ..

ตอนนี้เก็บข้อมูลจากอินทรเนตร เกี่ยวกับการทำความสะอาดเตรียมไว้ก่อนค่ะ
เอามาฝากเพื่อนๆ ที่กำลังจะทำความสะอาดหลังน้ำท่วมด้วยนะคะ...

คราบน้ำดำๆ ที่เกาะตามผนังนะคะ
- ถ้าเป็นผนังกระเบื้อง อย่างห้องน้ำ ก็ง่ายเลยค่ะ สก๊อตไบร์ท กับน้ำฉีดล้างขัดเลยคะ
- ถ้าเป็นผนังปูน ทาสี ถ้าเป็นสีที่เช็ดล้างได้แบบสีพลาสติก ก็ฟองน้ำ+น้ำยาล้างจาน+น้ำค่ะ หรือจะใช้ที่ฉีดน้ำแรงดันสูงกับไม้ไล่น้ำ ก็เบาแรงนะคะ
- ผนังปูนทาสีธรรมดา มีหลายวิธีค่ะ ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแล้วเช็ด ขัด ใช้น้ำล้าง หรือ ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำชโลมทิ้งไว้ แล้วเอาน้ำล้าง หรือใช้ไฮเตอร์ฟอกผ้าขาว ชโลมลงไป แล้วใช้น้ำล้าง ส่วนวิธีนี้น่าจะเวิร์คที่สุดเพราะมีคนแนะนำกันหลายเว็ป ใช้ผงฟูผสมน้ำข้นๆ ทา แล้วเอาน้ำล้างค่ะ
- ผนังไม้ น่าจะล้างง่าย ใช้ฟองน้ำกับน้ำฉีดล้าง
ข้อห้ามสำหรับผนังนะคะ ห้ามใช้แปรงแข็งๆ เด็ดขาดค่ะ เพราะสีและปูนจะหลุดออกมาตามแรงขัด

ส่วนการกำจัดเชื้อรา
ให้ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดเชื้อรา เลือกใช้สารเคมีได้หลายชนิด ระดับอ่อน เช่น น้ำส้มสายชู , Tea Tree Oil หรือ น้ำมันสกัดจากต้นชาออสซี่ และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ส่วนระดับเข้มข้น  เช่น แอลกอฮอล์, โซเดี่ยมไฮเปอร์คลอไรด์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราตามร้านค้าทั่วไป

หลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว ควรนำสิ่งของที่มีเชื้อราไปตากแดด หรือใช้ความร้อนจากไฟสปอร์ตไลท์ส่องให้แห้ง แต่หากของเหล่านั้นประกอบด้วยวัสดุที่มีรูพรุน เช่น ฟองน้ำ, กระดาษ หรือไม้เนื้ออ่อน ควรนำไปทิ้งหรือเผาทำลาย เพราะสปอร์ของเชื้อราจะยังฝังอยู่ในรูพรุน ไม่สามารถทำความสะอาดให้หมดได้

ที่บ้านหนังสือแช่น้ำเพียบเลยค่ะ น้ำเข้าถุงดำเกือบทุกถุง สงสัยว่าหนูดีดีคงจะผูกและปิดปากถุงไม่ถูกต้อง
และระดับน้ำสูงมากท่วมมิดถุงเลยค่ะ ถุงที่เราคิดว่าหนักมาก ถูกน้ำพาลอยไปห่างจากจุดที่วางไว้เยอะเลย
และล้มระเนระนาดค่ะ พอน้ำลด หนังสือโดนน้ำอืดพองหนักมากขยับถุงไม่ไหวเลยค่ะ
คงจะมีเชื้อราเยอะแน่ๆ เลย บางเล่มที่ลอยอยู่นอกถุง นานเป็นเดือน พอน้ำลดจะหยิบมาทิ้ง
มันยุ่ยเป็นเละๆ เหมือนวุ้นสีดำๆ เลยค่ะ  :(

ปรับปรุงฮวงจุ้ยเสริมมงคลให้บ้านหลังน้ำลด ค่ะ  ;D

" บ้านที่ต้องถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานนั้นถือว่ารับพลังหยินเข้าไปมาก เพราะน้ำนิ่งในบ้านนั้นตามศาสตร์ฮวงจุ้ยถือว่าเป็นพลังหยิน (หยุดนิ่ง สงบ พักผ่อน ว่างเปล่า) หรือมากไปกว่านั้นหากเป็นบ้านที่ไม่มีผู้อาศัยอยู่มากกว่า 2 เดือนก็ถือว่าเป็นบ้านที่มีพลังหยินโดยสมบูรณ์ เพราะเราถือว่าผู้อยู่อาศัยหรือคนนั้นเป็นพลังหยาง (เคลื่อนไหว รวดเร็ว ร่าเริง ยินดี) เมื่อบ้านซึ่งโดยตัวเองก็ถือว่าเป็นหยิน หากมีน้ำนิ่งมาสะสมก็ถือว่าเป็นหยิน ไม่มีผู้อยู่อาศัยหรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นหยางอยู่ก็ถือว่าบ้านนั้นมีพลังหยินสูงมาก ดังนั้นหลักการแรก ๆ ของการปรับปรุงบ้านหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็คือการปรับสมดุลหรือการเพิ่ม “พลังหยาง” ให้กับบ้านนั่นเองครับ

การเปิดบ้านให้รับแสงอาทิตย์และลมธรรมชาติมากที่สุดเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดเท่าที่เราจะทำได้และไม่ต้องลงทุนเยอะ เมื่อเข้าไปซ่อมแซมบ้านก็ให้เปิดหน้าต่างทุกบานให้อากาศถ่ายเทและเปิดม่านทุกที่เพื่อให้แสงสว่างเข้าถึงในทุก ๆ วันที่ทำการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านก็ถือว่าสามารถเติมพลังหยางกลับไปให้บ้านของท่านได้ โดยเฉพาะในชั้นล่างของบ้านซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาครับ

หากท่านต้องมีการซ่อมแซมสีใหม่ การเลือกสีที่มีพลังหยางมากที่สุดเพื่อมาปรับสมดุลให้บ้านของท่าน ก็ได้แก่ สีของ “ธาตุทอง” คือสีขาว สีเงิน สีทอง นั่นเอง ซึ่งการเลือกสีทาบ้านนั้นถ้าให้ง่ายที่สุดก็คือสีขาว หรือหากท่านไม่ชอบสีขาว สีที่มีพลังหยางอื่น ๆก็ได้แก่สีของ “ธาตุไฟ” คือ สีแดง ชมพู ม่วง ซึ่งถือว่ามีความเป็นหยางรองลงมาจากสีของธาตุทอง ส่วนสีที่เป็นกลาง ๆ ไม่เป็นหยางหรือเป็นหยินมากเกินไปได้แก่สีของ “ธาตุไม้” คือ สีเขียวอ่อน เขียวแก่ และสีของ “ธาตุดิน” คือ สีเหลือง ส้ม น้ำตาล ครีม ก็ยังเป็นสีที่สามารถเลือกใช้ได้ อย่างไรก็ตามก็มีสีที่ไม่แนะนำก็คือสีของ “ธาตุน้ำ” นั่นเอง เพราะถือว่ายิ่งเติมพลังธาตุน้ำให้กับบ้านของท่านมากขึ้นไปอีก ซึ่งได้แก่ สีฟ้า น้ำเงิน เทา และ ดำ โดยหากท่านจำเป็นต้องเลือกใช้เพราะท่านชอบจริง ๆ ก็ขอให้ใช้ในสัดส่วนที่น้อย หรือพยายามเลือกโทนสีที่เป็นสีสว่าง ๆ เช่น ฟ้าอ่อน หรือเทาอ่อน ครับ

หรือหากท่านต้องการปรับปรุงสวนภายนอกบ้าน ก็พยายามปรับให้สวนนั้นโปร่ง โล่ง เพื่อให้กระแสพลังทั้งลมธรรมชาติและแสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาได้ หากมีต้นไม้ใหญ่ที่ตายไปให้รื้อถอนออกไปเลย เพราะต้นไม้ที่ตายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เสริมพลังหยินให้กับบ้านซึ่งถือว่ามีมากเกินไปไม่สมดุลแล้ว ส่วนต้นไม้ใหญ่ที่ยังอยู่ก็ให้ตัดแต่งกิ่งก้านใบไม่ให้รกทึบเกินไปเพื่อให้แสงและลมผ่านเข้ามาที่สวนหรือที่ตัวบ้านได้เยอะ ๆ แต่หากท่านชอบต้นไม้เยอะก็รอให้ผ่านไปสัก 2 เดือนก่อน ให้พลังหยางจากกระแสพลังธรรมชาติเข้ามาสะสมในบ้านท่านได้ แล้วค่อยเริ่มปลูกต้นไม้ใหญ่ใหม่ อย่างไรก็ตามเฉพาะหน้าประตูทางเข้าหลักของตัวบ้าน ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่เพราะจะขวางพลังหลากไหลเข้าบ้านไม่เป็นมงคล ส่วนต้นไม้เล็ก ๆ นั้นก็ขอแค่รื้อถอนต้นที่ตายออกไปก็พอครับ และสำหรับท่านที่มีบ่อน้ำหรือสระน้ำภายในสวน หากสามารถกระตุ้นเช่น การใส่หัวน้ำพุ หรือทำให้น้ำนั้นไหลเวียนก็ถือว่าสามารถเพิ่มพลังหยางให้กับบ้านของท่านได้เป็นอย่างดี หรือถ้าท่านต้องการทำน้ำพุ น้ำตก น้ำล้น ภายในสวนขึ้นมาใหม่ก็ถือว่าเป็นสิ่งดี โดยทิศทางที่จะเป็นมงคลแบบมาตรฐานในช่วงปี พ.ศ. 2555-2556 นี้ได้แก่ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือครับ

หากท่านชอบงานเลี้ยง งานรื่นเริง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มาจัดกันที่บ้านของท่าน เพราะสิ่งมีชีวิตหรือความยินดีนั้นถือว่ามีพลังหยาง สามารถช่วยในการปรับสมดุลบ้านที่รับพลังหยินในช่วงอุทกภัยได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการจัดงานเลี้ยงเหมือนขึ้นบ้านใหม่อีกครั้ง การพาญาติพี่น้องหรือเพื่อนเข้ามาจัดงานรื่นเริงภายในบ้าน หรือแค่การเชิญคนเข้ามาที่บ้านเยอะ ๆ ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังหยางให้กับบ้านของท่านได้ครับ ดังนั้นมองในมุมกลับกัน การไปเยี่ยมเยียนผู้อื่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับช่วงฟื้นฟูฮวงจุ้ยของบ้านด้วย

น้ำท่วมครั้งนี้ หากมองในมุมของศาสตร์ฮวงจุ้ยก็ถือว่าทุก ๆ สิ่งเมื่อมีสูงสุดก็ย่อมจะต้องถดถอยสู่จุดที่ต่ำสุด เข้าใจกับสัจธรรมข้อนี้เพื่อเราจะได้ไม่ประมาทกับการใช้ชีวิตของเรา แต่ก็ขอให้มั่นใจได้ว่าหลังจากพ้นช่วงที่ต่ำที่สุดมาแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองก็จะเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้งครับ"

อาจารย์ตะวัน เลขะพัฒน์

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=514&contentId=177958

เอาใจช่วยคุณดีดี ครับผม อย่าลืมเมื่อเข้าพื้นที่ได้แล้วต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยนะครับ เพราะเชื้อราพ่นสปอร์ได้ครับอาจจะหายใจเข้าไปได้ ทั้งนี้ไม่เฉพาะแต่บ้านเรา บ้านข้างเคียงอาจจะทำความสะอาดเช่นกัน ก็อาจจะฟุ้งกระจายในอากาศได้

คำแนะนำของคุณ siamese และคุณดีดีมีประโยชน์มากค่ะ  ดิฉันจะลอกลงอีเมล์แล้วส่งต่อให้เพื่อนๆที่เตรียมตัวกลับไปทำความสะอาดบ้านในช่วงนี้
ขอแสดงความเสียใจด้วยที่สูญเสียหนังสือ ของมีค่าสำหรับคนรักหนังสือค่ะ   เอาใจช่วยให้หาซื้อมาทดแทนของเก่าได้บ้าง แม้ว่าจะไม่หมดก็ตาม

ยังมีเสริมอีกเล็กน้อยดังนี้ครับ

1. ปลั๊กไฟ เมื่อเข้าบ้านครั้งแรก ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง และเข้าไปที่คัทเอ้าท์อันดับแรกครับ ตัดสะพานไฟลงแล้วค่อยทำความสะอาดบ้าน
2. สำรวจพื้นที่รอบบ้านว่า มีการทรุดตัวของบ้านหรือไม่ เพราะน้ำท่วมย่อมนำดินใต้อาคารหายไปด้วย ทำให้เสาเข็มอาจมีปัญหา
3. เสา ผนังอาคาร มีความชื้นสูง เนื่องจากอมน้ำไว้นาน ควรเปิดประตู หน้าต่าง ใล่ความชื้นให้หมด มักจะกินเวลา 1 - 3 สัปดาห์
4. สำรวจการร้าวของผนัง และต้นเสา ซึ่งอาการนี้กินระยะเวลาพอสมควร เกิดจากสนิมขุมกินเนื้อเหล็กและระเบิดคอนกรีตออกมา
5. สีร่อน ร่วง เอาเกรียงขูดออกให้หมด ไล่ความชื้นออกไป ตามข้อ 3.
6. พื้นปาร์เก้ จมน้ำมานาน ย่อมบวมน้ำและกาวหลุดร่อน ถ้ารื้อได้ควรรื้อแล้วปูใหม่ดีกว่า อย่าปล่อยให้แห้งเอง ไม้จะชื้นมาก เห็ดราดำจะขึ้นแทนที่ แถมมดปลวก ชอบเสียด้วย
7. ยุง แมลงหวี่ สัตว์น่ารำคาญต่าง ๆ ยังเข้ามาป้วนเปี้ยน ระวังให้ดี

เห็นใจคุณ D: D: เหลือเกินค่ะ คุณแม่ดิฉันนั้นเวลาเปิด TV เห็นภาพน้ำท่วม ต้องรีบเปลี่ยน หรือ ปิด เพราะคุณแม่จะสงสารคนที่บ้านจมน้ำจนร้องไห้ หมอและพยาบาลที่ดูแลคุณแม่ ต่างก็กลับบ้านไม่ได้ ต้องอยู่กันที่ ร.พ.

เราจะอยู่กันอย่างไรหากมีน้ำท่วมเช่นนี้อีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

หากดิฉันได้รับเงิน 5 พันบาทจากรัฐบาล จะเอาไว้สมทบกันฟ้องเรียกค่าเสียหายดีกว่าค่ะ

บ้านและ อะไร ๆ ที่เสียหายไปครั้งนี้ เราต้องสะสมกันมาทั้งชีวิต อย่าเอาเงินก้อนเดียวมาจ่ายให้จบเรื่องดีกว่า

น่าจะให้ผู้ประสบภัยได้รับสวัสดิการ ไม่ว่าจะรักษาฟรี สาธารณูปโภคฟรี มีเงินยังชีพสัก 10 ปี

ผลร้ายที่กำลังจะเกิดตามมา ไม่ว่าจะความไม่สงบเพราะทุกข์ยากขาดแคลนนั้น มากเกินจะคาดเดาจริง ๆ

คุณร่วมฤดีถามประเด็นที่ดิฉันกลัวอยู่พอดี.  ว่าน้ำท่วมจะไม่มาหนเดียว.    แต่ใจชื้นนิดหน่อยเมื่อฟังดร.เสรีทำนายว่า ปีหน้าไม่มีเอลนินญา.  น้ำคงไม่มากเท่าปีนี้
แต่ปีต่อๆไปไม่แน่.   โลกร้อนกำลังส่งผลเล่นงานทุกประเทศ
ต่อไปไทยจะมีอากาศแล้งจัด. หนาวจัด. หน้าฝนฝนก็หนัก.  ไม่สบายๆเหมือนก่อน

เห็นด้วยว่าคนจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะน้ำท่วม.     ห้าพันบาทไม่มีความหมาย. น่าจะมีการลดภาษี เพิ่มสวัสดิการ
หรือทำอะไรให้ประคับประคองกันไปได้จนกว่าพวกเขาจะยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง
หลังน้ำท่วม. เราจะเจอภัยเศรษฐกิจที่แรงกว่าครั้งก่อนๆ. รัฐบาลควรเตรียมมือรับได้เลย

น้ำลด ขยะผุด ค่ะ... ;D

ประเทศไทย หลังน้ำลด...เอาให้เอี่ยมเลยนะคะ.. ;D

วันก่อนนู้น  ดูทีวีช่อง Thai PBS เขาเชิญอดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานมาให้ความรู้  ท่านว่า

' หลังน้ำลด  อย่าเพิ่งรีบร้อนทาสีบ้าน  ควรปล่อยให้ผนังบ้านแห้งดีก่อนเสียก่อน   ไม่งั้นทาไปจะหลุดร่อนได้ง่ายในภายหลัง '

เพื่อนฝูงทยอยกลับบ้านกันแล้วตอนนี้   รายไหนรายนั้น โอดโอยว่าชั้นล่างไม่เหลือดี   เฟอร์นิเจอร์ที่แช่น้ำ ต้องขนไปทิ้งอย่างเดียว จากนั้นก็มาล้าง เช็ด ขัด ฝาผนังและพื้นกัน ติดต่อกันหลายวัน   เหน็ดเหนื่อยแทบตาย  บางคนก็จ้างคนมาทำความสะอาดเอาเลยเพราะทำเองไม่ไหว

เอารูปน้ำท่วมในอดีตมาปลอบใจกันว่า มันเคยเกิดมาหลายหนแล้ว ไม่ใช่หนเดียว  แต่ไม่ขอทำนายว่าในอนาคตจะเกิดอีกหรือเปล่า

คงเป็นถนนเลียบคลองกระมัง?


 :D

คิดต่ออีกทอดหนึ่ง ... ท่านคงเห็นคนลอยคอจูงเรือ ซิท่า  :o

ช่างภาพอาจอยู่เกาะกลางก็ได้ หากคลองเป็นแค่ร่องน้ำระหว่างเลนถนนครับ?
หากเป็นคลอง ตากล้องก็ต้องอยู่ในเรือ


เชื่อว่าเด็กที่จูงเรือคงไม่ใช่มนุษย์จรเข้ของอ.เพ็ญฯครับ

 ;D

^

 ;D ;D

 :-X

คำให้การของชาวกรุงกลางเก่ากลางใหม่

พงศาวดารนั้นแม้ทางการมักเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ก็ยังมีผู้ลอบคัดลอกไปเผยแพร่บ้าง เอาไปทิ้งขว้างบ้างเพราะไม่รู้คุณค่า อย่างฉบับหลวงประเสริฐฯ นั้นก็ไปได้มาจากยายแก่ที่กำลังจะเอาไปเผา เอกสารฉบับนี้ใส่ถุงของบริจาคลอยตามน้ำมาติดบิ๊กแบ็ก ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๕๘ ขณะกำลังก่อสร้างฟลัดเวย์จึงมีผู้พบเข้า เมื่อตากให้แห้งก็อ่านได้ความดังนี้
  
“ครั้นถึงเดือน ๙ จุลศักราช ๑๓๗๓ ปีเถาะ ตรีศก พระยาหัวน้ำซึ่งยกทัพมาหยุดยั้งอยู่ที่ทำนบเมืองตากหลายเพลาแล้วแลได้ส่งกองหน้าเข้าหักด่านเมืองพิจิตร กำแพงเพชรจนได้ชัยชนะไปหลายบางจึงให้อาณัติสัญญาณแก่แม่ทัพ ซึ่งแยกย้ายกันรอท่าอยู่ ณ ปากทำนบหลายแห่งว่า บัดนี้พระมหานครเพิ่งผลัดเปลี่ยนอัครมหาเสนาบดีมาเป็นสตรีเพศ น่าจะไม่สันทัดการศึกและยังตั้งตัวไม่ติด แม้นว่าเราพร้อมใจกันเคลื่อนพหลพลโยธาเป็นมวลมหาวารีบุกเข้าโจมตี ก็น่าจักยึดได้โดยไม่ยาก ว่าแล้วก็ให้เคลื่อนทัพตีตามรายทางผ่านบางระกำจนเข้ายึดเมืองพิษณุโลกได้สำเร็จ
  
เมื่อสบโอกาสพระยาหัวน้ำก็นำทัพใหญ่น้อยทั้งปวงเคลื่อนลงไปยึดเมืองนครสวรรค์ แล้วผ่านอุทัย ชัยนาท สิงห์บุรี วิเศษชัยชาญ ลพบุรี จนถึงปากทางเข้ากรุงศรีอยุธยา
  
กรุงศรีอยุธยาในครานั้น พระมหาวายุนกเต็นและบริวารได้หอบเอาพระพิรุณแสนห่ามาตกหนักทั้งเหนือแลใต้ทำนบติดต่อกันหลายเพลา ทัพพระยาหัวน้ำจึงฮึกเหิมร่าเริงใจยิ่งนัก ไม่ว่าในหรือนอกกรุงศรีอยุธยาไม่เหมือนกาลก่อน คูคลองระบายน้ำก็มีน้อย ราษฎรปลูกสร้างบ้านเรือนขวางทางชลธารา พฤกษาไพรสณห์ที่เคยหนาแน่นช่วยกีดขวางฤๅดูดซับทัพศัตรูก็ตัดเสียโล่งเลี่ยนเตียนราบ ทั้งยังเกิดเขตนิคมคามใหญ่น้อยล้วนประดิษฐานยนตรการอันมโหฬารล้ำค่าขวางทางไว้ ทัพพระยาหัวน้ำจึงถือโอกาสบุกเข้าโอบล้อมแล้วยึดนิคมคามต่าง ๆ ได้ในที่สุด
  
พระโหราธิบดีพยากรณ์ว่าดวงดาวในบัดนี้เป็นมหาวิบัติฤกษ์ ฝนฟ้าจะยังตกหนัก เดือน ๑๑ น้ำนอง เดือน ๑๒ น้ำทรง มหานทีเบื้องล่างจะช่วยยกตัวหนุนสูงปิดกั้นมิให้ผู้ใดรุกไล่เราลงไปสู่มหาสาครได้ ทั้งใบบอกรายวันแจ้งว่าเสนาพฤฒามาตย์ แลอำมาตย์ฤๅไพร่ในพระมหานครยังหาได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่างตีความแลประเมินขุมกำลังของเราผิดแผกกัน ปุโรหิตด้านอุทก พิรุณ วาตะ แลม้ารถทศพลก็แยกสังกัดหารวมกันติดไม่ แม้จะระดมสรรพกำลังก่อพนังฤๅปราการบีบล้อมเราให้อยู่ในที่จำกัดก็หารู้ไม่ว่ารังแต่จะทำให้เรารวมกำลังตั้งติดเป็นมวลมหาวารีสามารถทะลุทะลวงค่ายคูประตูหอรบแลเจาะไชกำแพงจนทุกอย่างทลายได้โดยง่าย
  
พระยาหัวน้ำจึงสั่งให้กองกำลังส่วนหน้ารุกไปตีเมืองปทุมแลนนทบุรี ฝ่ายพระมหานครก็สำคัญว่ากองทัพข้าศึกยกมาเพียงเท่านี้ จึงระดมสรรพนาวาน้อยใหญ่ช่วยกันขับไล่ผลักดันดัศกรให้ลงไปสู่มหานทีด้วยสำคัญว่าเอาอยู่ ครั้นถึงฤดูกฐิน พระยาหัวน้ำก็ยาตราทัพลงมาเหยียบหัวเมืองรอบพระมหานครแล้วแยกออกเป็นทัพหน้าบุกเข้าโจมตีบางบัวทองบางกรวยทางตะวันตกทัพหนึ่ง ทัพหลวงเข้ายึดนวนครนิคมคามแล้วรุกไล่ลัดตรงลงมาทางใต้เข้าสู่พระมหานครอีกทัพหนึ่ง ทัพหลังเลี้ยวไปยังคูคลองต่าง ๆ ทางฝั่งตะวันออกอีกทัพหนึ่ง กะจะปูดาษกวาดไปทั่วทุกถิ่นที่
  
ทัพหลวงนั้นมีกำลังกล้าแกร่งมากทั้งด้านรี้พล อาวุธ แลปัญญาดุจสำเร็จศิลปวิทยาจากตักศิลาฉะนั้น จึงมุ่งเข้ายึดสำนักศึกษารายทางมาได้ตลอดตั้งแต่สำนักพระมหาเถรวังน้อย สำนักพระธรรมศาสตร์รังสิต สำนักศรีปทุมบางบัว สำนักเกษตราธิบดีบางเขน ค่ายพักพล ค่ายบัญชาการทัพแลทุ่งกำปั่นนภากาศ ทั้งยังแวะสำนักใบบอกทุกแห่งตามรายทาง แล้วแตกทัพหลวงออกเป็นอนุทัพกระทำจรยุทธมุดช่องร่องรูไปตามที่ต่าง ๆ หมายจะแทรกซึมไปทั่วพระมหานครให้จงได้
  
เป็นที่อนาถว่าการใช้พสุธาในพระมหานครหาได้สมประโยชน์ต่อการป้องปราบปัจจามิตรไม่ อุทกวิถีที่ควรจะขุดลวงให้ศัตรูตกหลุมพรางแล้วใช้พญานาคฤๅเครื่องพยนต์ตลบหลังดันดูดฤๅสูบออกไปลอยคออยู่ในมหาสาครก็ยังหาทำไม่ คันคูรูร่องช่องทางที่พอจะใช้ได้ก็ตื้นเขินมิได้ขุดลอกมานานปีมีแต่มูลฝอยแลวัชพืชอุดตัน มิฉะนั้นก็ถมเป็นสถลวิถีฤๅสร้างกระท่อมทัพถาวรกีดกั้นไว้
  
ฝ่ายชาวพระมหานครแม้จะประหวั่นพรั่นพรึง จนต่างขับเคลื่อนม้ารถทศพลขึ้นไปอยู่ตามที่ดอน แลก่อสร้างกำแพงทรายกันข้าศึก บ้างก็อพยพหลบออกไปอยู่หัวเมือง แต่ก็ยังมีผู้ร่วมมือกันต่อต้านศัตรู อัครมหาเสนาบดีแลผู้ว่าราชการพระมหานครต่างเร่งทำการในส่วนของตน ชีพ่อทหารพลเรือนแลพลตระเวนพลอาสาออกช่วยราษฎรเป็นสามารถ ฝูงปู่ครูเถรมหาเถรหลายสำนักต่างพยากรณ์กำลังข้าศึกเป็นที่ครึกครื้น แม้กระนั้นพวกปล้นสะดมงัดแงะทรัพย์สินราษฎร กักตุนข้าวปลาอาหาร ขึ้นสนนราคาสินค้า ยักยอกของอันท่านบริจาคจนถึงควบคุมกุมภีร์แลอสรพิษไม่อยู่ปล่อยให้หลุดรอดออกมาคุกคามราษฎรก็มีอยู่ทั่วไป
  
ครั้นเข้าเดือนอ้าย พระยาท้ายน้ำผู้ยิ่งด้วยมหิทธานุภาพเห็นว่าบัดนี้สิ้นวสันตฤดูแล้ว พระยาหัวน้ำคงอ่อนล้าเต็มที จำเราจักนำทัพตามลงไปเป็นที่สุด มาตรว่าพระยาหัวน้ำพลาดพลั้งก็ยังพอเข้าเผด็จศึกตลบหลังได้ แต่ถ้ายังไม่สบโอกาสก็จะรั้งรออยู่ก่อนจนกว่าวสันตฤดูใหม่มาถึง บัดนั้นอาณาประชาราษฎรคงยังหาเสพสามัคคีรสกันไม่ อาจลืมรสแห่งยุทธนาการแล้ว อุทกวิถีขับไล่ข้าศึกก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ว่าแล้วพระยาท้ายน้ำก็เร่งยาตราทัพตามลงไป”
  
เป็นอันสิ้นสำนวนที่พออ่านได้ไม่เลอะเลือนเพียงเท่านี้.

คัดลอกมาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/article/7/735)

 ;D

เนื้อความแห่งพงศาวดารนี้  อ่านแล้วสนุกสนานพอประมาณ
แม้สำนวนยังไม่ราบเรียบเสมอกันดี  แต่ก็บันทึกได้ละเอียดถี่ถ้วนพอสมควร
เสียดายที่เหลือเนื้อความที่อ่านออกได้เพียงเท่านี้  
หากเต็มบริบูรณ์ทั้งเล่มสมุดไทยคงจักได้อรรถรสล้ำเหลือเป็นแน่ ;D

ได้ fw mail  มาค่ะ

วิธีกู้หนังสือที่จมน้ำ... ด้วยความปรารถนาดี สำหรับผู้รักหนังสือที่แสนหวง..
จาก Facebook คุณนิวัติ กองเพียร
 
"ถึงเพื่อนผู้รักหนังสือทุกท่าน ผมได้ความรู้มาจากเพื่อนเยอรมันว่า หนังสือที่จมน้ำสามารถกู้คืนได้.
 
1. อย่าเอาขึ้นจากน้ำให้แช่ไว้จนกว่าเตรียมพร้อมที่จะกู้
 
2.เตรียมการกู้โดยมี่ห้องเย็นหรือตู้แช่แข็งที่พอจะบรรจุหนังสือที่เราจะกู้
 
3.นำหนังสือขึ้นจากน้ำ ใช้มือกดรีดน้ำออก
 
4.ใช้กระดาษฟอล์ยที่ห่ออาหารห่อหนังสือแต่ละเล่มแช่ในตู้แช่แข็ง. ทิ้งไว้จนน้ำกลายเป็นน้ำแข็งและจะเหือดจากหนังสือ
 
หนังสือจะกลับมาได้ครับ"

ธงทอง แจง ใช้งบ ๑๐ ล้านจัดงานเลี้ยง ศปภ.คุ้มค่า (http://hilight.kapook.com/view/67287)

ธงทอง แจง ใช้งบ ๑๐ ล้านจัดงานเลี้ยง ศปภ.คุ้มค่า เมื่อเทียบกับบรรยากาศปรองดอง บอกไม่เชิญฝ่ายค้าน เพราะเชิญองค์กรหลัก ๆ ครบแล้ว

หลังจากมีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กรณีที่รัฐบาลจะจัดงาน "รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" ในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ว่า เป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากเกินไปนั้น


เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ นายธงทอง จันทราศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องงบประมาณที่ใช้จัดงาน "รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" ว่า การจัดงานดังกล่าวได้คำนึงเรื่องความประหยัด และประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับเป็นหลัก โดยมีหลาย ๆ อย่างที่ขอมาฟรี ซึ่งตัวเลขงบประมาณที่ใช้จริง ๆ คือ ๑๐ ล้านบาท แบ่งเป็นค่าอำนวยความสะดวก ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าทำบัตรเชิญ ค่าการเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ จำนวน ๓.๕ ล้านบาท ส่วนอีก ๖.๕ ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายของวงดนตรี จัดเวที แสง เสียง รวมทั้งการซ้อมใหญ่ทั้งหมด

และแล้ว ก็ได้เวลาเลี้ยงฉลอง

;D

ประหยัดมาก   เท่ากับจ่ายค่าช่วยเหลือน้ำท่วมให้บ้าน แค่ 2000 หลังเอง  

เศร้ามากคะ น้ำท่วมไม่ก่อให้เกิดผลดีเลยนะคะ เป็นเพราะฝีมือมนุษย์แท้ ๆ เชียวนะคะที่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ทำให้อากาศโลกเปลี่ยนไปคะ ถ้าโลกเกิดดื้อขึ้นมาไม่ยอมหมุนรอบตัวเองคงแยะนะคะ  ;D ;D

ได้มีโอกาสครั้งแรกในชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยออกช่วยน้ำท่วม ( เขตบางขุนเทียน ) ได็เห็นอะไรหลายๆอย่างจากเหตุการณ์นี้ แล้วจะนำรูปมาแบ่งปันครับ :)

ดิฉันอยากจะเรียนเชิญสมาชิกเรือนไทย ช่วยกันติดตามปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องอีกปีนะคะ

ใครเป็นวิศวกร ช่วยกันให้ความรู้ว่า แผนการป้องกันปีนี้ ได้ผลหรือไม่อย่างไร

คนไทยควรเตรียมตัวอย่างไรหากน้ำมาอีก

โดยเฉพาะหากน้ำมาเมื่อการเมืองเปลี่ยน ไร้ผู้รับผิดชอบ ต้องช่วยตัวเองล้วน ๆ

กลุ้มค่ะ (แม้บ้านจะไม่ท่วมก็เถอะ) เพราะปีนี้ ได้ยินแต่ข่าว การกั้นน้ำ ไม่มีข่าวการทำทางให้น้ำผ่าน

อย่างมากก็ลอกคลอง เหมือนเอาหลอดกาแฟไประบายแม่น้ำเจ่้าพระยาออกปากอ่าว

มีใครตอบได้ไหม ทำอย่างไร Flood way เดิม(ตะวันออก) จะมีโอกาสรับใช้ชาติ ไม่ถูกปิดกั้นเช่นปีที่ผ่านมา

กลุ้ม เหมือนกันค่ะ ...  ;D
ข้อมูลสับสนมาก บางสำนักบอกว่า น้ำท่วมอีกแน่นอน..
บางสำนัก บอกว่า ปีนี้จะเจอภัยแล้ง...แบบสุดๆ...
โอ้...ชีวิต...สับสน ค่ะ สับสน..
ของที่เก็บขึ้นชั้นสอง ยังไม่ได้ขนลงมาเลยค่ะ   :-\
 

ใจคอไม่ดีเหมือนกันค่ะ   เกรงว่าจะมีทั้งฝนแล้งในหน้าร้อน และน้ำท่วมในหน้าฝนไปชนหน้าหนาวค่ะ
เงี่ยหูฟังนโยบายของรัฐบาลอยู่ ว่าจะมีประกาศอะไรออกมาเป็นรูปธรรมบ้าง  เพื่อประชาชนจะได้รู้ว่าควรรับมืออย่างไร
ยังนึกไม่ออกเลยค่ะ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเห็นข่าวคุณสมิธ กับคุณปราโมท ออกมาบอกว่า น้ำท่วมปีที่แล้วเกิดจากการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล
และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง 20 แห่งที่ต่างคนต่างทำไม่ประสานงานกันค่ะ

ดิฉันไม่ได้เซฟข้อมูลเอาไว้ ขอโทษด้วยที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงค่ะ

ได้อ่านหนังสือของ ดร. ธีรชน มโนมัยพิบูลย์ เปิดเผยกรณีขัดแย้งเรื่องเปิดประตูระบายน้ำไปทาง Flood Way ตะวันออก
หนังสือนี้ วางขายตาม 7-11 ค่ะ อ่านแล้วก็ไม่สบายใจเพราะเชื่อว่า คงจัดการความขัดแย้งนี้ไม่ได้อีกแน่ในปีนี้

อยากขายบ้านไปซื้อ Flood Way ปลูกแพลอยน้ำ และเรือสักลำ จะได้สิ้นกังวล

กังวลด้วยคนค่ะ