โอ้ วันเดี๋ยวตอบกันหลายกระทู้เลยนะครับ ตกใจหมดเลย
คุณเทาชมพูแปลได้ครบถ้วนแล้วครับ ผมว่าผมอ่านที่คุณเทาชมพูเข้าใจได้ดีกว่าอ่านภาษาไทยโบราณอีกนะครับ อิอิ เพราะกลอนโบราณ ผู้ที่จะอ่านได้เข้าใจดีต้องมีความคำศัพท์บาลี-สันกฤตดีพอควร ไม่งั้นจะงงได้ว่าแปลว่าอะไร อ่านครั้งแรก ผมยังงงกับคำว่า "บัวบัง" เลยครับ อิอิ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับดอกบัว
อธิบายกันหลายท่านแล้วผมขออธิบายอีกแบบแล้วกันนะครับ โดยจะลองใช้วิธีของคุณ Nuchan ด้วยคือ แปลทุกคำเลยแล้วมาดูหน้าที่ของคำว่าเป็นคำนาม หรือคุณศัพท์
ชาวแพแผ่แง่ค้า ขายของชาวแพ = ในที่นี้หมายถึง คนที่อยู่บนแพ ที่กำลังจะขายของ
แผ่แง่ = อันที่จริงผมไม่ค่อยเข้าใจคำนี้เท่าไหร่ ยังไงช่วยแก้ไขด้วยนะครับ ผมเข้าใจว่า แผ่แง่ คือ แผ่ตัว เพราะคำว่า "แง่" เป็นคำโบราณแปลว่า "ตัว" อาจหมายถึง เริ่มออกมา (แผ่) ตั้งร้านของ ตนเอง (แง่)
นอกจากนี้ผมยังจับบรรยากาศของตลาดน้ำได้ จึงเอาเข้ามาเสริมความด้วยเป็นดังนี้ครับ
"พ่อค้าแม่ค้าบนแพริมแม่น้ำ เริ่มออกมาตั้งร้านเพื่อค้าขายกับผู้สัญจรไปมา"
-------------------------------------
แพรพัสตราตาดทอง เทศย้อม (เรื่องผ้าๆ คุณติบอ ช่วยตรวจให้หน่อยนะครับ)
แพร คือ ผ้าที่มีเนื้อลื่น เรียบเป็นมัน เนื้อหนาหรือบางก็ได้ เดิมทอด้วยใยไหม ปัจจุบันอาจทอด้วยใยประดิษฐ์ ที่มีลักษณะคล้ายไหม.(พจนานุกรมราชบัณฑิตฯ) ผมเคยได้ยินว่าเป็นผ้าที่มาจาก "จีน"
พัสตรา = พัสตร์ (สันสกฤต = วสฺตฺร; บาลี = วตฺถ)แปลว่า ผ้า, เขียนเป็น พัตร ก็มี. (พจนานุกรมราชบัณฑิตฯ)มีอีกคำคือ "พัสตราภรณ์" แปลว่า ผ้าสำหรับแต่งกาย ก็คือ เสื้อผ้า นั่นเองครับ
ตาด = ชื่อผ้าชนิดหนึ่ง ทอด้วยไหมควบกับเงินแล่ง หรือทองแล่ง จำนวนเท่ากัน, เรียกชื่อตามลักษณะของลาย เช่น ตาดลายคดกริช ตาดตาตั๊กแตน, ถ้ามีไหมปักทับลงไปอีกเป็นดอกๆ เรียกว่า ตาดระกำไหม.
ดังนั้นคำว่า "ตาดทอง" ผมจึงเข้าใจว่า ผ้าทอด้วยไหมควบกับทองแล่ง ทองแล่งก็คือ ทองคำที่เอามาแล่งเป็นเส้นบางๆ ใช้สำหรับปักหรือทอผ้า
แล่ง คือ การรีดออกเป็นเส้นบางๆ
เทศ = ต่างชาติ
ย้อม = ชุบด้วยสี อาบด้วยสี
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมอ่านแล้ว ผมพิจารณาเป็นดังนี้ครับ
ตาด = คำนาม คือผ้าตาด
แพรพัสตรา = คุณศัพท์ ขยายว่า ผ้าตาดเหล่านี้ ทอจากแพรไหม
ทอง = คุณศัพท์ ขยายว่า ผ้าตาดเหล่านี้ มีเส้นทองทอผสมอยู่
เทศ = คุณศัพท์ ขยายว่า ผ้าตาดเหล่านี้ มาจากต่างประเทศ
ย้อม = คุณศัพท์ ขยายว่า ผ้าตาดเหล่านี้ ถูกย้อมเป็นหลายสี
ผมจึงขอแปลว่า
"ผ้าแพรไหมหลายหลากสี ที่ตกแต่งด้วยการทอเส้นทองผสมลงไป (คือ ผ้าตาด?) อันเป็นสินค้าที่มาจากต่างประเทศ"
-----------------------------------------------
ระลึกศรีสไบกรอง เครือมาศ แม่เฮย ระลึกศรี = คิดถึงนางอันเป็นที่รัก ทำให้ผมนึกถึงคำว่า แม่ "ศรี" เรือน
สไบกรองเครือมาศ = สไบที่ทอด้วยเส้นทอง
กรอง = ทอ
เครือมาศ = เส้นทอง
ดังนั้นจึงขอแปลว่า
"เมื่อได้เห็นผ้าเหล่านั้นแล้ว ทำให้หวนระลึกถึงนางอันเป็นที่รัก ผู้ที่มักจะแต่งกายด้วยผ้าสไบที่ทอด้วยเส้นทอง"
------------------------------------------------
ซัดสอดสองสีห้อม ห่อหุ้มบัวบัง"ซัดสอดสองสี = ตรงนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คุณติบอได้อธิบายไว้แล้วว่า เป็นวิธีการนุ่งผ้าที่อัดจีบสอดกัน ส่วนคำว่า "สองสี" คือการห่ม ๒ ชั้น ดังนั้น โคลงบทนี้ จึงพูดถึง ผ้า ๒ ชนิด คือ ผ้าตาด (ซึ่งมีสีอะไรไม่รู้ แต่ไม่ใช่สีทองแ่น่ๆ) กับ ผ้าสไบสีทอง
ห้อมห่อหุ้ม บัวบัง = สวมใส่เพื่อบิดบังปทุมถันของนางไว้
บัว = ปทุมถัน = หน้าอกของสตรี
ดังนั้นผมขอแปลว่า
"ผ้าทั้ง ๒ ชนิดนี้ นางสวมใส่เพื่อบิดบังปทุมถันของนางไว้"
ุ------------------------------------------------
ดังนั้น ตามที่ผมเข้าใจนะครับ จะขอเรียบเรียงใหม่ และเพิ่มเติมเรื่องราวตามความเหมาะสมว่า (ผมไม่เคยอ่านเรื่องนี้นะครับ ถ้าตีความผิดของของอภัยด้วยครับ)
... ข้าพเจ้าได้มาเยือนตลาดน้ำ และพบเห็นพ่อค้าแม่ค้าบนแพ เริ่มออกมาตั้งร้านขายของกันอย่างคึกคัก แต่สินค้าที่สะกิดใจอันอ้างว้างของข้าพเจ้าคือ ผ้าตาดจากต่างประเทศ ที่ทอจากแพรไหม ซึ่งมีหลายหลากสี และตกแต่งด้วยการทอเส้นทองผสมลงไป นั่นเป็นเพราะว่า ผ้าเหล่านี้ เป็นผ้าชนิดเดียวกันกับที่นางอันเป็นที่รักของข้าพเจ้า ใช้สวมใส่ คู่กันกับผ้าสไบที่ทอด้วยเส้นทอง เพื่อบิดบังปทุมถันของนางไว้ ...