เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 12:35



กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 12:35
กระทู้นี้ ต่อมาจากกระทู้ ขุนนางวังหน้า

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4223.0

ขุนนางวังหลัง มีอยู่ในรัชกาลเดียวสมัยรัตนโกสินทร์    คือในรัชกาลที่ ๑   ซึ่งทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าหลานเธอกรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร  ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข   หรือกรมพระราชวังหลัง   เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ก็ไม่มีการแต่งตั้งเจ้านายพระองค์ใดขึ้นดำรงพระยศนี้อีก
เมื่อสิ้นกรมพระราชวังหลังแล้ว  ขุนนางวังหลังทั้งหลายในทำเนียบที่นำมาลงในกระทู้นี้ จะโอนไปสังกัดวังหลวง  หรือว่าหมดงานไปเสียเฉยๆ  ก็ยังหาหลักฐานไม่พบ    ฝากท่านผู้รู้ช่วยค้นคว้าหรือนำคำตอบมาลงให้ทราบทั่วกันด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง

ขอลงคำนำ พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาให้อ่าน ถึงประวัติของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข     ทรงเล่าว่ามีเพียง ๒ พระองค์ คือในสมัยพระเพทราชาพระองค์หนึ่ง และในรัชกาลที่ ๑ อีกพระองค์หนึ่ง
แต่วิกิพีเดีย เพิ่มไว้มากกว่านี้   กรุณาหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต

การสะกดชื่อ  กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข  แตกต่างกันไป บางแห่งสะกดว่า สถานภิมุข     ดิฉันคิดว่า "สถานพิมุข" น่าจะถูกต้อง   เพราะ พิ แปลว่า ไม่   มุข แปลว่า หน้า   พิมุข = ไม่ใช่หน้า  ก็คือ หลัง นั่นเอง


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 12:37
.


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 13:09
ทำเนียบขุนนางวังหลัง  ไม่ลงศักดินาไว้ จึงไม่ทราบว่าน้อยกว่า หรือเท่ากันกับวังหน้า     
บรรดาศักดิ์สูงสุดแค่พระ  ไม่มีขุนนางวังหลังที่เป็นชั้นพระยา
แบ่งใหญ่ๆเป็นฝ่ายพลเรือน และทหาร
ฝ่ายพลเรือนมีจตุสดมภ์เช่นเดียวกับวังหลวง และวังหน้า
ฝ่ายพลเรือนมีกรมมหาดไทยเป็นกรมใหญ่   เจ้ากรม มีบรรดาศักดิ์เป็น "พระวิเสฏยากร"   สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็น " พระวิเศษแสนยากร"

ตัวสะกดในทำเนียบ เป็นอย่างที่สมเด็จฯ ทรงว่าไว้ คือวิปลาศคลาดเคลื่อนจากคำที่ถูกต้อง     คงเป็นเพราะในสมัยที่จดลงไป  การสะกดยังลักลั่น   แล้วแต่อาลักษณ์จะเขียนว่าอะไร   ไม่มีฉบับมาตรฐานลงตัวกันแน่นอน
บรรดาศักดิ์บางชื่อ อ่านแล้วก็งง  บางชื่อพอเดาได้
หมื่นอัศดอรภักดี  น่าจะเป็น อัศดรภักดี
แต่  หมื่นพรากอร   ยังเดาไม่ถูก  คงต้องวานคุณเพ็ญชมพูและท่านอื่นๆที่สนใจภาษาไทย  ช่วยกันถอดรหัสออกมาอีกที


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 13:58
จตุสดมภ์วังหลัง


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 17:29
กรมต่อมา


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 17:41
กรมสำคัญคือกรมคลังมหาสมบัติ  เจ้ากรมคือพระไทยสวรรย์    สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระมเหศวรรย์
ส่วนกรมอื่นๆกรมพระคลังราชการ  กรมพระคลังสินค้า  กรมคลังใน กรมคลังสุพรัต (กรมคลังศุภรัตน์?)  เจ้ากรมเป็นคุณหลวง   ชื่อกรมไม่ค่อยตรงกับวังหน้านัก
ส่วนกรมมหาดเล็ก มีนายเวรเป็นคนกำกับดูแล   เป็นมหาดเล็กหุ้มแพรระดับ "นาย" แบบเดียวกับวังหน้า แต่คนละชื่อกัน

ฝ่ายทหาร  ซึ่งคู่กับฝ่ายพลเรือน    มีกรมกลาโหม เจ้ากรมเป็นคุณพระ ชื่อพระสมุทะโยธา  มีกรมอาษาซึ่งเป็นกรมเล็กกรมเดียว
แต่กรมพระตำรวจใหญ่กว่า และแยกเป็นหลายกรม
กรมเรือมีกรมเล็กๆกรมเดียว
มีกรมทหารใน และกรมทนายเลือก   ชื่อท้ายสุดเห็นจะเป็นกรมเลือกทนายรับใช้่มาประจำในหน่วยงานกระมัง?

สรุปว่า ทำเนียบขุนนางวังหลัง น้อยกว่าทำเนียบขุนนางวังหน้า    กรมต่างๆก็มีน้อยกว่า    รายชื่อขุนนางทั้งหลายก็ไม่คุ้นหู  อาจเป็นได้ว่าเมื่อสิ้นวังหลังแล้ว    ขุนนางเหล่านี้ที่หมดตัวไปก็ไม่มีการตั้งใหม่ หรืออาจไม่มีใครมาแทน  นอกจากตำแหน่งสำคัญๆบางตำแหน่งอาจมีคนมาสืบทอดกันได้อยู่
แต่ว่าย้ายไปรับราชการในวังหลวงแทน


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 16 ก.พ. 11, 17:57
กรมทนายเลือก   ชื่อท้ายสุดเห็นจะเป็นกรมเลือกทนายรับใช้่มาประจำในหน่วยงานกระมัง?

ไม่ใช่ดอกครับอาจารย์เทา
กรมทนายเลือกในสมัยก่อน เป็นกรมที่สังกัดโดยนักมวยครับ
เหมือนเป็นราชองครักษ์ประเภทหนึ่งที่เก่งเรื่องหมัดมวย สำหรับป้องกันพระเจ้าแผ่นดิน
ตั้งเป็นกรมขนาดกลาง เช่นของวังหลวง มีกรมทนายเลือกหอกซ้ายขวา
เจ้ากรมเป็นขุนภักดีอาสา ขุนโยธาภักดี นาคนละ 600

ในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 1 ก็มีเขียนถึง เรื่องฝรั่งเข้ามาพนันชกมวย
ที่ว่ากรมพระราชวังบวรจัดให้ "หมื่นผลาญผู้หนึ่งเป็นทนายเลือกในพระราชวังหน้า รูปกายลำสันฝีมือมวยดีกว่าพวกมวยมั้งสิ้น"
ออกไปชกกับฝรั่งกำปั่นเรือฝรั่งเศส วางเงินเดิมพัน 50 ชั่ง ชกที่พระราชวังหลวง
แต่เพราะฝรั่งโกง เพราะเข้าช่วยกัน 2 คนพี่น้อง กรมพระราชวังบวรทรงไม่ยอม ถีบฝรั่งคนพี่ล้มลง
แล้วพวกทนายเลือกที่เหลือก็วิ่งเข้ามารุมฝรั่งจนเจ็บป่วย ต้องพระราชทานหมอนวดหมอยาให้ไปรักษาพยาบาล


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 19:34
^
เดาห่างไปหลายโยชน์   :(

ขอเปรียบเทียบตำแหน่งของขุนนางทั้งสามวัง ค่ะ

ฝ่ายมหาดไทยและกลาโหม
วังหน้า                                     วังหลวง                    วังหลัง           
พระยาจ่าแสนยากร                      สมุหนายก                  พระวิเสฏยากร หรือพระวิเศษแสนยากร เจ้ากรม
พระยากลาโหมราชเสนา                สมุหกลาโหม

                           จตุสดมภ์
วังหน้า                                    วังหลวง                                      วังหลัง
                             วัง
พระยามณเฑียรบาล                     เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์                พระพิทักษราชถาน   
                            เวียง
พระยาพิไชยบุรินทรา                    เจ้าพระยายมราช                       พระบูเรนบุรียบาล
                            คลัง
พระยาไกรโกษา                         เจ้าพระยาพระคลัง                     พระศรีโกษา
                            นา
พระยาเกษตรรักษา                     เจ้าพระยาพลเทพ                      พระศรีสุทาฬส หรือพระศรีสุทธาโภชน์


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: กะออม ที่ 17 ก.พ. 11, 07:18
เรียน  อาจารย์เทาชมพู

หมื่นพรากอร  น่าจะหมายถึง หมื่นพลากร  (ฝ่ายทหาร?) ได้หรือไม่คะ


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 17 ก.พ. 11, 08:53
เรียน  อาจารย์เทาชมพู

หมื่นพรากอร  น่าจะหมายถึง หมื่นพลากร  (ฝ่ายทหาร?) ได้หรือไม่คะ

คิดเห็นเช่นเดียวกับคุณกะออมครับ

ทั้งยังมีชื่ออื่นๆ อีก เช่น
พระบูเรนบุรียบาล เจ้ากรมเมือง น่าจะเป็น พระบุรินทร์บุรีบาล
หลวงวิเชียรไพรไพรชล กรมวัง น่าจะเป็น พระวิเชียรไพชยนต์
ขุนหัษไทพิทักษ์ กรมเมือง น่าจะเป็น ขุนหฤทัยพิทักษ์


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 09:24
เห็นด้วยกับทั้งคุณกะออมและคุณ art ค่ะ
มีชื่ออื่นๆอีกไหมคะ


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 11:11
กรมมาลาภูษา # ๔  

คำว่า "มาลาภูษา" รัชกาลที่ ๔ ท่านทรงเคืองนัก หาำกใครใช้คำนี้ ทรงมีประกาศออกมาฉบับหนึ่ง ชื่อ "ประกาศเตือนสติในคำที่เรียกภูษามาลา และวัดพนัญเชิง" มีข้อความดังนี้

ภูษามาลาคำนี้เรียกมาแต่บุรมบุราณ ก็จะกลับเอาต้นเป็นปลายเรียกว่า มาลาภูษา กีดหูนัก เหมือนจะไปเรียก มหาดไทยว่า ไทยมหาด กระลาโหม จะไปเรียกวา โหมกระลา ฟังไม่ได้เลย เพราะอย่างนั้นให้คงเรียกว่า ภูษามาลา ตามเดิม อย่าเรียกว่า มาลาภูษา กลับหน้าเป็นหลังเลยเป็นอันขาด ถ้าใครอยากเรียกอย่างนั้นอยู่ก็ให้ผูกคอตาย เชือดคอตาย ฤๅกินยาตายไปเสียให้พ้นเมืองมนุษย์เถิด ไปเรียกอยู่ในเมืองผีให้สบาย

 ;D


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 11:59
เห็นเลขสวยเลยบันทึกไว้ให้คุณเทาชมพูพิจารณา

 ;D


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 19:26
^
เลขสวยจริงๆ แต่ไม่ใช่เลขเด็ดนะคะ  บอกไว้ก่อน

มีชื่อมาฝากให้ท่านทั้งหลาย ช่วยแก้เป็นการบ้าน

กรมนา 
หลวงสุทัศนธันยา   =  หลวงสุทัศนธัญญา ?
หลวงวิเศษษาลี     =  หลวงวิเศษสาลี ?

กรมสัสดี
หลวงทยารโยธา     = หลวงทะยานโยธา , หลวงทหารโยธา ?
ขุนนาศพิชิต          = ขุนนาถพิชิต?


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 17 ก.พ. 11, 19:44

มีชื่อมาฝากให้ท่านทั้งหลาย ช่วยแก้เป็นการบ้าน

กรมนา 
หลวงสุทัศนธันยา   =  หลวงสุทัศนธัญญา ?
หลวงวิเศษษาลี     =  หลวงวิเศษสาลี ?

กรมสัสดี
หลวงทยารโยธา     = หลวงทะยานโยธา , หลวงทหารโยธา ?
ขุนนาศพิชิต          = ขุนนาถพิชิต?


กรมนาผมก็คิดเหมือนกับอาจารย์เทา
ส่วนกรมสัสดี
หลวงทยารโยธา ผมคิดว่าเป็น หลวงทวยหาญโยธา


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 20:17
กรมมหาดเล็ก
นายพิพิธภูเบญ    นายเวร            =  นายพิพิธภูเบนทร์ ?

เชิญดูหน้านี้ค่ะ มีชื่ออะไรที่พอจะแก้ไขตัวสะกดได้ไหม?


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: bookaholic ที่ 18 ก.พ. 11, 13:11
เดายากมากกกก    บางคำแค่สะกดผิด  แต่บางคำก็เพี้ยนไกล   
ผมเข้าใจว่า หมื่นศักสาตรา   อาจเป็น หมื่นศักดิ์ศาสตรา


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 20 ก.พ. 11, 12:47
กรมทนายเลือก   ชื่อท้ายสุดเห็นจะเป็นกรมเลือกทนายรับใช้่มาประจำในหน่วยงานกระมัง?

ไม่ใช่ดอกครับอาจารย์เทา
กรมทนายเลือกในสมัยก่อน เป็นกรมที่สังกัดโดยนักมวยครับ
เหมือนเป็นราชองครักษ์ประเภทหนึ่งที่เก่งเรื่องหมัดมวย สำหรับป้องกันพระเจ้าแผ่นดิน
ตั้งเป็นกรมขนาดกลาง เช่นของวังหลวง มีกรมทนายเลือกหอกซ้ายขวา
เจ้ากรมเป็นขุนภักดีอาสา ขุนโยธาภักดี นาคนละ 600


ถ้าเป็นเจ้ากรมทนายเลือกในสมัยรัตนโกสินทร์

เจ้ากรมทนายเลือกหอกซ้าย จะมีราชทินนามว่า มลโยธานุโยค

เจ้ากรมทนายเลือกหอกขวา จะมีราชทินนามว่า ไชยโชกชกชนะ  ครับ

บรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวงทั้งคู่  แต่เจ้ากรมทนายเลือกหอกขวาคนสุดท้าย ได้รับพระราชทานเป็นที่คุณพระครับ ในราชทินนามเดิมเป็นที่ พระไชยโชกชกชนะ

แต่จะว่าท่านเจ้ากรมทั้งสองเก่งแต่มวยอย่างเดียวก็เห็นจะไม่เชิงนักนะครับ

เพราะว่าท่านก็ทราบเพลงอาวุธเหมือนกัน อย่างเช่นกรณี และเมื่อปีขาล พุทธศักราช ๒๔๐๙ ซึ่งเป็นปีที่กำหนดให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเป็น สามเณรตามราชประเพณี ครั้นเมื่อพระองค์ทรงผนวชแล้วโปรดฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอแต่งพระองค์อย่างราชกุมาร ทรงเล่นกระบี่กระบองเป็นการสมโภชที่หน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้านายที่ทรงกระบี่กระบองในครั้งนั้นคือ

คู่ที่ ๑ กระบี่กระบอง เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์)
พระองค์เจ้ากัมลาศเลอสรร (กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร)

คู่ที่ ๒ พลอง พระองค์เจ้าคัดนางยุคล (กรมหลวงพิชิตปรีชากร)
พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ (กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์)

คู่ที่ ๓ ง้าว พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ (กรมหลวงอดิศรอุดมเดช)
พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ (กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม)

คู่ที่ ๔ ดาบ ๒ มือ พระองค์เจ้าอุนากรรณอนันตนรชัย
พระองค์เจ้าชุมพลรัชสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์)


ทุกพระองค์ได้รับการถวายการสอนโดย หลวงมลโยธานุโยค(อ้น) อดีตเจ้ากรมทนายเลือกหอกซ้าย ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และอีกครั้งหนึ่งในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นคราวเสด็จแปรพระราชทานไปยังเกาะสีชัง ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ หลวงไชยโชกชกชนะ เจ้ากรมทนายเลือกหอกขวาในสมัยนั้น ได้ทำการถวายความรู้แด่พระราชโอรสเกี่ยวกับกระบี่กระบองด้วยเช่นกันครับ



กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 21 ก.พ. 11, 00:02

ถ้าเป็นเจ้ากรมทนายเลือกในสมัยรัตนโกสินทร์

เจ้ากรมทนายเลือกหอกซ้าย จะมีราชทินนามว่า มลโยธานุโยค

เจ้ากรมทนายเลือกหอกขวา จะมีราชทินนามว่า ไชยโชกชกชนะ  ครับ

บรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวงทั้งคู่  แต่เจ้ากรมทนายเลือกหอกขวาคนสุดท้าย ได้รับพระราชทานเป็นที่คุณพระครับ ในราชทินนามเดิมเป็นที่ พระไชยโชกชกชนะ


เจ้ากรมทนายเลือกที่มีบรรดาศักดิ์ราชทินนามเป็นที่ หลวงมลโยธานุโยค กับ หลวงไชยโชคชกชนะนั้น
มีก็เมื่อกลางกรุงรัตนโกสินทร์แล้วครับ
รัชกาลที่ 4 ทรงตั้งขึ้นใหม่ ปรากฏในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์

"กรมทนายเลือหอก"
ทรงใหม่ หลวงมลโยธานุโยค เจ้ากรมซ้าย
         หลวงไชยโชกชกชนะ เจ้ากรมขวา

พระโชคไชยชกชนะที่ว่าคือ พระไชยโชคชกชนะ (อ้น) หรือไม่ครับ
คุณพระคนนี้ผมหาไม่เจอในราชกิจจานุเบกษา อาจจะผ่านตาผ่านหูไปบ้าง
วานคุณหลวงเล็กผู้ช่ำชอง (หากว่างจากสนามรบอันดุเดือดแล้ว) ช่วยเช็คด้วยนะครับว่ามีชื่อนี้หรือไม่


แต่จะว่าท่านเจ้ากรมทั้งสองเก่งแต่มวยอย่างเดียวก็เห็นจะไม่เชิงนักนะครับ


ก็จริงครับ ทนายในกรมนี้ไม่ได้เก่งเรื่องหมัดมวยอย่างเดียว เช่นที่คุณ samun007 ว่าไว้ด้วยหลักฐาน

แต่ใจความหลักสำคัญของผู้สังกัดในกรมนี้ต้องเก่ง "มวย" ครับ
การต่อสู้ชนิดอื่นเก่งได้ไม่ว่ากัน แต่หากไม่เป็นมวยแล้ว คงเข้าสังกัดกรมนี้ไม่ได้แน่

ขนาดเจ้ากรมที่รัชกาลที่ 4 ทรงแต่งใหม่นั้น ยังมีนามว่า "ไชยโชคชกชนะ" เลยนะครับ

(ราชทินนาม "ไชยโชคชกชนะ" ยังพอแปลความได้ แต่ "มลโยธานุโยค" นี้ ยังแปลไม่ออก (มล+โยธา+อนุโยค?)
ใครพอแปลได้ช่วยบอกเอาบุญด้วยเถิด)


กระทู้: ขุนนางวังหลัง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 26 ก.พ. 11, 01:16

เจ้ากรมทนายเลือกที่มีบรรดาศักดิ์ราชทินนามเป็นที่ หลวงมลโยธานุโยค กับ หลวงไชยโชคชกชนะนั้น
มีก็เมื่อกลางกรุงรัตนโกสินทร์แล้วครับ
รัชกาลที่ 4 ทรงตั้งขึ้นใหม่ ปรากฏในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์

"กรมทนายเลือหอก"
ทรงใหม่ หลวงมลโยธานุโยค เจ้ากรมซ้าย
         หลวงไชยโชกชกชนะ เจ้ากรมขวา

พระโชคไชยชกชนะที่ว่าคือ พระไชยโชคชกชนะ (อ้น) หรือไม่ครับ
คุณพระคนนี้ผมหาไม่เจอในราชกิจจานุเบกษา อาจจะผ่านตาผ่านหูไปบ้าง
วานคุณหลวงเล็กผู้ช่ำชอง (หากว่างจากสนามรบอันดุเดือดแล้ว) ช่วยเช็คด้วยนะครับว่ามีชื่อนี้หรือไม่

เป็นบุคคลเดียวกันครับ



ก็จริงครับ ทนายในกรมนี้ไม่ได้เก่งเรื่องหมัดมวยอย่างเดียว เช่นที่คุณ samun007 ว่าไว้ด้วยหลักฐาน

แต่ใจความหลักสำคัญของผู้สังกัดในกรมนี้ต้องเก่ง "มวย" ครับ
การต่อสู้ชนิดอื่นเก่งได้ไม่ว่ากัน แต่หากไม่เป็นมวยแล้ว คงเข้าสังกัดกรมนี้ไม่ได้แน่

ขนาดเจ้ากรมที่รัชกาลที่ 4 ทรงแต่งใหม่นั้น ยังมีนามว่า "ไชยโชคชกชนะ" เลยนะครับ

(ราชทินนาม "ไชยโชคชกชนะ" ยังพอแปลความได้ แต่ "มลโยธานุโยค" นี้ ยังแปลไม่ออก (มล+โยธา+อนุโยค?)
ใครพอแปลได้ช่วยบอกเอาบุญด้วยเถิด)

ในความเข้าใจส่วนตัวผม คติการเรียนการสอนศิลปการต่อสู้ในสมัยโบราณ มักจะเรียนควบคู่กันไปทั้งวิชาอาวุธและ มวยไทย ครับ หลาย ๆ ท่านในประวัติศาสตร์ก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้ อย่าง พระยาพิชัยดาบหัก ไล่มาจนถึงท่านเจ้ากรมทั้งสอง ฯลฯ เป็นต้น  โดยเฉพาะ กรมที่ถือว่าเป็น "ราชองครักษ์" ระดับแนวหน้าเช่นนี้ ยิ่งน่าที่จะต้องมีความสามารถเหนือกว่าบุคคลากรในเหล่าอื่น กรมอื่น ๆ ครับ น่าจะต้องเป็นหลาย ๆ ศาสตร์ผสมผสานกันครับ


ส่วน ราชทินนาม "มลโยธานุโยค" นี้   บางที่เขาก็เขียนเป็น พลโยธานุโยค ก็มี   ส่วนที่ว่าจะเป็นคำสนธิกันจากไหน  ถ้าให้เดา ก็คงเหมือนกับที่คุณ art47 บอกมา ก็คือ มล+โยธา+อนุโยค นั่นเอง
มล ตัวนี้ น่าจะมาจาก มัลละ ตามความหมายที่ ปรมาจารย์ครู เขตร์ ศรียาภัย ได้เคยสันนิษฐานไว้ในหนังสือปริทัศน์มวยไทย ครับ


เสริมก่อนจาก  คุณพระไชยโชกชกชนะ เป็นศิษย์ของ คุณหลวงมลโยธานุโยค ครับ