พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
เถรีคาถา ฉักกนิบาต
ว่าด้วยคาถาสุภาษิต ในฉักกนิบาต
๑. ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา
สุภาษิตระงับโศก
พระปฏาจาราเถรีแสดงธรรมด้วยคาถา ความว่า
[๔๕๑] ท่านไม่รู้ทางของผู้ใดซึ่งมาแล้วหรือไปแล้ว แต่ท่านก็ยังร้องไห้ถึงคนนั้น
ซึ่งมาแล้วจากไหนว่า บุตรของเราๆ ถึงท่านจะรู้จักทางของเขาผู้มาแล้ว
หรือไปแล้วก็ไม่ควรเศร้าโศกถึงเขาเลย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็น
ธรรมดา เมื่อเขามาจากปรโลก ใครๆ ไม่ได้อ้อนวอนเลย เขาก็มาแล้ว
เมื่อเขาจะไปจากมนุษยโลก ใครๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไป เขามาจากไหน
ก็ไม่รู้ พักอยู่ที่นี้ ๒-๓ วันแล้วไปก็ดี มาจากที่นี้สู่ที่อื่น ไปจากที่นั้นสู่
ที่อื่นก็ดี เขาละไปแล้วจักท่องเที่ยวไปโดยรูปมนุษย์ มาอย่างไรก็ไป
อย่างนั้น การร่ำไห้ในการไปของสัตว์นั้นจะเป็นประโยชน์อะไร.
พระภิกษุณี ๕๐๐ รูปกล่าวว่า
ท่านได้ช่วยถอนขึ้นซึ่งลูกศร ที่บุคคลเห็นได้ยาก อันเสียบแทงอยู่ใน
หทัยของเราแล้ว เมื่อเราถูกความโศกถึงบุตรครอบงำ ท่านได้บรรเทาเสีย
แล้ววันนี้ เรามีลูกศร อันถอนขึ้นแล้ว หมดความหิว ดับรอบแล้ว
เขาขอถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ กับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์
ว่าเป็นสรณะ.
ขอเสริมด้วย อรรถกา ที่เกี่ยวข้องกันครับ
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕
อรรถกถาสูตรที่ ๔ ประวัติพระปฏาจาราเถรี
น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย น ปิตา นปิ พนฺธวา
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา.
ไม่มีบุตรจะช่วยได้ บิดาก็ไม่ได้ พวกพ้องก็ไม่ได้
เมื่อบุคคลถูกความตายครอบงำแล้ว หมู่ญาติก็ช่วย
ไม่ได้เลย. เอตมตฺถวสํ ญตฺวา ปณฺฑิโต สีลสํวุโต
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ ขิปฺปเมว วิโสธเย. บัณฑิตรู้ความจริงข้อนี้แล้ว สำรวมในศีล
พึงรีบเร่งชำระทางไปพระนิพพานทีเดียว. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=150&p=4 ซึ่งก็ตรงกับพระราชดำรัส ที่ทรงตรัสแก่อดีตยสกุลบุตร คราวที่รำพึงว่า
ยสกุลบุตร : เปล่งอุทานในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคว่า ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ.
พระพุทธองค์ : ดูกรยส ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิดยส นั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ.
จากนั้นพระองค์ทรงแสดงธรรมต่อจาก อนุปุพพิกถา ว่า : "...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา...."
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=4&A=576&Z=666