เรื่องสั้นชุดบิ๊กหมงตอนอวสาน
จากบิ๊กหมง เป็นหมอหมง และเสี่ยหมง
ชีวิตของบิ๊กหมงมีความสุขลงตัวอยู่ได้จนกระทั่งลูกสาวอยู่มัธยมปลายเตรียมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนก็แสดงสัจธรรม หมู-เมียร่วมชีวิตก็ปรากฏอาการป่วยที่ไม่ธรรมดา แต่เพราะนิสัยเงียบๆไม่พูดมากของเธอ และยังทำหน้าที่แม่บ้านงานครัวโดยไม่บกพร่องนั่นเองที่ทำให้เราไม่ทราบ แม้ดูเหมือนจะมีอาการคล้ายเป็นหวัดอยู่เสมอๆ แต่เราก็เข้าใจว่าเป็นโรคภูมิแพ้ตามที่เธอบอก สมัยที่ช่วยพ่อแม่ทำไร่มันสำปะหลังซึ่งต้องใช้ยาฆ่าหญ้าฉีดพ่นปราบหญ้าคาทุกปี หมูก็เผลอสูดดมเอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายเสมอๆ ครั้นอายุมากขึ้นก็ปรากฏอาการ เป็นมาหลายปีเข้าจนถึงจุดที่หมูทนไม่ไหว ขอให้บิ๊กหมงเปลี่ยนโรงพยาบาล พาไปหาหมออื่นบ้างเพราะหมอคนเดิมคงรักษาไม่หายแล้ว
ผมแนะนำและฝากฝังให้ไปที่โรงพยาบาลจุฬา และแล้วข่าวที่ไม่สู้จะดีนักก็ตามมาหลังจากนั้น หมอพบสิ่งผิดปกติในส่วนลึกของโพรงจมูกและได้เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ หมงบอกว่าหมอนัดให้ไปเพื่อฟังผลในสัปดาห์ต่อไป
หนึ่งสัปดาห์แห่งการรอคอยทำให้ครอบครัวนี้เศร้าซึม บ้านของเราก็เลยพลอยหงอยไปทุกคน
ผลการวิเคราะห์ชิ้นเนื้อไม่มีหักมุม ไม่ว่าจะหักโค้งหรือหักงอ หมอพบว่าหมูเป็นมะเร็งในขั้นที่เลยระยะจะรักษาให้หายขาดมาแล้ว
“คงอยู่ได้สักสองปีละขรับ” หมงตอบไม่อ้อมค้อมเมื่อผมถาม “คุณหมอถามพ้มว่ามีเงินไหมล่ะ”
“แปลว่าอะไรละหว่า” ผมงง ไม่มีเงินก็จะไม่รักษาหรือ
“หมอบอกว่า หมอก็จะรักษาให้ดีที่สุดตามยาที่โรงพยาบาลมี แต่คนมีเงินก็มักจะถามว่า ยาที่ดีกว่านี้มีอีกมั้ย หมอบอกก็ว่ามีอยู่ แต่แพงมาก ต้องสั่งซื้อใช้เงินล้านกว่าบาท โห่ พ้มก็บอกว่าไม่มีละสิขะรับ” หมงพูดไปส่ายหัวไป
“แล้วไง ถ้าใช้ยาตัวแพงนั่นแล้วหมอบอกว่าจะหายยังงั้นหรือ” ผมถามต่อ
“ เปล่าขรับ หมอว่า ก็คงยืดอายุไปได้อีกซักเท่านึง” เขาตอบเซ็งๆ
“ คือจากสองปีเป็นสี่ปี แล้วหมงคิดอย่างไรล่ะ” ผมอยากรู้
“มันไม่คุ้มหรอกครับ เค้าก็จะแค่ทรมานนานยิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้น สุดท้ายก็ตายอยู่ดี”
เห็นไหมครับ บิ๊กหมงเป็นคนมีปัญญา เขาไม่อ้อนผมให้ช่วยออกเงินให้ด้วยคำพูดตรงๆ
“เราเห็นด้วยนะหมงที่มีความคิดอย่างนี้ เรื่องเจ็บเรื่องไข้นี่คนมีเงินมากก็ยิ่งทุกข์ยาวนานมาก” ผมนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ความจริงแล้ว คนเราไม่กลัวความตาย แต่กลัวความเจ็บก่อนที่จะถึงความตายนะ เอาอย่างนี้ซี่ หมงไปบอกหมอ หากเมื่อใดถึงคราว เกิดเจ็บปวดมาก ขอให้หมอสั่งยาระงับความปวดให้เป็นพิเศษ เราจะช่วยตรงนี้ก็แล้วกัน”
หมงมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเขาขอตัวเดินกลับไปบ้านของเขา จากเช้าวันรุ่งขึ้น สองผัวเมียก็ยังดำเนินชีวิตไปตามปกติ หมูก็ต้องไปหาหมอเป็นระยะๆและมาทำงานที่บ้านผมน้อยลง ส่วนหมงก็ลดกิจกรรมอดิเรกลงเพื่อทำงานบ้านของตนเองแทนเมีย เขาทั้งขายทั้งแจกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไก่ชนที่เลี้ยงไว้นับสิบตัวให้บรรดาขาประจำที่มาซื้อลูกไก่ที่เขาผสมพันธุ์ไว้ขาย หมงไม่ได้เป็นนักเลงตีไก่ แต่มีความรู้เรื่องไก่ชนแบบมืออาชีพ เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นทำให้หมงหมดกะจิตกะใจที่จะคอยดูแลเอาใจใส่ไก่ โดยเอาเวลานั้นไปดูแลเมียแทน