ดึงกระทู้เก่าขึ้นมาเพราะไปเจอกลอนของดวงใจ รวิปรีชา หนึ่งในสี่มือทองวรรณศิลป์ของธรรมศาสตร์เมื่อห้าสิบปีก่อน บัดนี้ดวงวิญญาณของเธอขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นกวี ร่วมวงกับเพื่อนๆหลายคน
อาจารย์ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ นำกลอนของเธอมาลงไว้ใน facebook กลอนของเธอยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังยากจะหาผู้เสมอเหมือน
คำตัดพ้อของดอกไม้โรย
คือนิยายน้ำเน่าของสาวใหญ่
มีเปลวไฟความรักคอยหักโหม
มีดวงตาว่างเปล่าเศร้าและโทรม
ความเหงาโน้มเน้นใจให้เป็นทุกข์
ถูกร้างรามาตลอดพร้อมทอดทิ้ง
ชีวิตจริงไม่รู้จักรักและสุข
พรางด้วยยิ้มซ่อนเหงาที่เร้ารุก
แล้วหัวเราะราวสนุกไม่ทุกข์ร้อน
นั่นมิใช่ตัวจริงของฉัน
ความสุขสันต์คือคราบของภาพหลอน
ความทุกข์คือความจริงอันนิรันดร
เป็นเงาซ้อนซ่อนในตัวชั่วชีวี
เหมือนดอกไม้ได้บานเมื่อวันก่อน
ถูกน้ำร้อนก็โรยสิ้นกลีบกลิ่นสี
เหลือเพียงความทรงจำย้ำฤดี
ถึงผู้ที่เคยช้อนชมดมผกา
ถ้าชีวิตเป็นเชือกเลือกตัดได้
จะตัดให้ขาดลงที่ตรงหน้า
ไม่ต้องแอบอ้างว้างอยู่ค้างคา
ทรมาเพราะพิษผิดหวังตรม
เธอก็รู้เรื่องดีฉะนี้แล้ว
ฉันใช่แก้วหากคือกรวดอวดขื่นขม
เธอก็คงคล้ายน้ำค้างที่พร่างพรม
เกลือกกลีบชมผกาชื่นชั่วคืนเดียว
ปิ่นฤทัย รวิปรีชา
(ดวงใจ รวิปรีชา)