เรือนไทย

ได้รับประกาศิตมาจากอาจารย์ใหญ่และอาจารย์รอง ให้มาเปิดกระทู้หอยจานเด็ด หลังจากบอบช้ำกับปูมาหนนึงแล้ว แต่เมื่อโดนสั่งมาแบบนี้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะเป็นการหลบหลู่ท่านผู้ใหญ่ไป ดังนั้นแม้จะชอกช้ำใจก็ต้องมาเปิดกระทู้ตามคำสั่ง


จะหาเมนูหอยไทยๆ มาโชว์ก็ลำบาก แถมเมืองตากของอังกฤษนี่แม้จะติดทะเล แต่ฝรั่งแถวนี้เค้าไม่ค่อยนิยมอาหารทะเลกัน ไม่เหมือนแถวอิสานของอังกฤษ แถวนั้นกุ้งหอยปูปลาเพียบกว่า ดังนั้นเมนูหอยแถวบ้านผมค่อนข้างอัตคัต แต่ก็พอมี  หอยที่นี่จะมีขายอยู่สามสี่ชนิด  อันที่ราคาถูกที่สุด มีขายเยอะที่สุดก็คือที่เค้าเรียกว่า mussles หน้าตาคล้ายๆ หอยแมงภู่บ้านเรา เปลือกเล็กกว่าแต่ตัวหอยเล็กพอๆ กันแต่อวบกว่าหน่อย เวลากินก็เอามานึ่งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดเอาครับ  เคยไปกินตามร้านฝรั่งหนนึง เค้าอบซ้อสมะเขือเทศ ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่

ว่านอนสอนง่ายแบบนี้คงเรียนจบภายในปี 58  กลับมากินซีฟู้ดบ้านเราได้สบายค่ะ
ยกหอยลายผัดน้ำพริกเผามาโชว์อีกครั้ง

หอยทอดมีอร่อยหลายเจ้า  ขึ้นชื่อก็คือเยาวราช น่าไปลุยมากในยามค่ำคืน

ถ้าคุณประกอบยังอาลัยรสชาติฝรั่งอยู่ เชิญชิมหอยลายอบเนย กับขนมปังกระเทียม     ร้านประจำของดิฉันมีจานนี้เป็นจานเด็ด  แต่กินมากไม่ได้ จะอ้วนทันตาเห็น

ขบวนการกินหอยที่ผมเห็นว่าสุดยอดที่สุด คือการกินไข่หอยเม่น(ดิบ)ของญี่ปุ่นครับท่าน

หอยเม่นนี้หาได้ง่ายในบริเวณทะเลที่มีประการังตายมากๆ ไม่ทราบว่าหอยเม่นมาทำให้ตายหรือว่ามันตายหอยเม่าจึงได้มาหาอะไรจากทรากประการังเป็นอาหาร อันนี้คุณเพ็ญคงจะให้ความรู้ได้ นานมาแล้วเคยพาเพื่อนรักจากโอซาก้าไปเที่ยวเกาะล้าน เห็นท้องทะเลมีแต่หอยเม่น ผมละเซ็งมากแต่เพื่อนผมตื่นเต้นใหญ่ ไปหาไม้ตะขอในเรือมาเกี่ยวหอยเม่นขึ้นมาได้หลายตัว ตอนกินก็บ่นเสียดายว่าเครื่องไม่ครบ ที่สำคัญขาดสาเกไป ทำให้บรรยากาศเสียหาย

ศิลปะในการกินหอยเม่นของญี่ปุ่นก็สุดจะวิลัย ตั้งแต่หาทางริดหนามมันออกไม่ให้ตำมือคนทำ แล้วเจาะกระดองเข้าไปเอาไข่(ซึ่งความจริงไม่ใช่ไข่ซะอีก แต่เป็นอะไรนั้นให้คุณเพ็ญเฉลยดีกว่า) ไข่ที่ว่านี้จะกินล้วนๆแบบซาซิมิก็ได้ หรือจะกินกับข้าวปั้นแบบซุชิก็ได้อีก สำหรับผมอร่อยทั้งนั้น ใครเห็นว่ามันมีกลิ่นแปลกๆจะขอบายก็ยกมาเลย

เดี๋ยวนี้อุนี่(ไข่หอยเม่น)ในเมืองไทยแพงมากเอาเรื่อง ที่ญี่ปุ่นยังพอกินได้สักมื้อนึงพอหายอยากก็พอ แต่ในอเมริกาเขาว่าถูกมาก เดี๋ยวนี้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีไว้สนองคนญี่ปุ่น

ไปญี่ปุ่นเมื่อปีก่อนเขาก็เอามาเสิฟเหมือนกันค่ะ   แต่พอรู้ว่าไม่ใช่ไข่ แต่เป็นอะไรนั้น  ก็เลยกินไม่ลง  ยกให้คนนั่งข้างๆไปกินแทน

โชคดีที่เป็นคนไม่ชอบกินพวกซาชิมิ เลยไม่เคยกินพวกไข่หอยเม่นอยู่แล้ว แม้กระทั่งปลาไหลย่างก็ไม่กินค่ะ

ตอนนี้รู้ละว่ามันคืออะไร อารมณ์เดียวกะไส้ตัน

ไข่หอยเม่นนี่ตัวผู้กับตัวเมียเขาแยกกันด้วยนะคะ

ตัวเมียลักษณะพวงไข่มันจะเรียบๆลื่นๆ

ส่วนพวงไข่ตัวผู้ลักษณะพวกไข่จะหยาบๆเห็นเป็นเม็ดๆชัดกว่า

ก่อนอื่นขอบอกกล่าวให้ทราบว่า "หอยเม่น" ไม่ใช่หอย ญาติห่าง ๆ ของมันคือ "ปลาดาว" ซึ่งก็ไม่ใช่ปลาอีกนั่นแหละ ฉะนั้นขออนุญาตเรียกว่า "เม่นทะเล" และ "ดาวทะเล"

เม่นทะเลจะเกิดมากในบริเวณแนวปะการังที่เสื่อมโทรม เพราะจะเกิดขี้ตะไคร่เกาะติดกับก้อนหินหรือซากปะการังมากซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเม่นทะเล สัตว์ที่ทำให้ปะการังเสื่อมโทรมเพราะกินปะการังเป็นอาหารคือ ดาวมงกุฎหนาม ซึ่งเป็น "ดาวทะเล" พวกหนึ่ง

ไข่เม่นทะเลก็ไม่ใช่ไข่ แต่เป็น "อัณฑะ" ในตัวผู้ และ "รังไข่" ในตัวเมีย

สิ่งที่เราคิดว่า "ใช่" บางทีก็ "ไม่ใช่" ซะอย่างงั้น

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบสมุนไพร

หอยขมผัดฉ่าก็น่าสนใจนะคะ

แต่แกงคั่วหอยขม เป็นอาหารพื้นบ้านที่แพร่หลายมากกว่า

หอยเชลล์เผา ก็น่าสนใจ

หอยแครงลวกกับน้ำจิ้มรสแซ่บ  เป็นอีกจานที่ไม่ควรมองข้าม

หอยนางรมได้ชื่อว่ามีคลอเรสเตอรอลสูงมาก ทำให้ไม่อยากจะแตะ  แต่คนชอบอาหารทะเลมักไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว

หอยนางรมทรงเครื่อง

ใบชะพลูก็เอามาแกงคั่วกับหอยขมได้เช่นเดียวกับปูทะเล

จานนี้เด็ดจริงๆ - Crowded Part ครับ

ภาพจาก oknation.net

ออส่วนจานเด็ดของคุณศิลายั่วต่อมน้ำลายจริง ๆ

หอยนางรมทรงเครื่องของคุณเทาชมพูรับประทานพร้อมกับยอดกระถินได้รสชาติหวานอร่อยจริง ๆ เหมือนกัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6123.0;attach=52367;image)

คนบ้านไกลที่อังกฤษคงมีหอยนางรมจานเด็ดรับประทานอยู่หรอก แต่ยอดกระถินคงหายาก  ;D

ยำหอยแมลงภู่ ที่อังกฤษคงหายากเหมือนกัน

หอยเชลล์ผัดพริกไทยดำ

นำมาผัดกับน้ำพริกเผาก็อร่อยมากๆ

นำมารับประทานสด ๆ กับผักสลัด ก็อร่อย  ;D


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เห็นมันเคลื่อนไหวกระดุบกระดิบอยู่ตรงหน้า  เลยกินไม่ลงค่ะ

หรืออย่างจานเด็ดข้างล่างนี้ ก็น่าอร่อย  ;D

อร่อยจริงต้องนี่เลย
หอยยายรม เพราะตัวใหญ่มาก

เห็นเขาเรียก "หอยยายรม" ของคุณนวรัตนว่า "หอยตะโกรม"  ;D

http://youtube.com/watch?v=PLBlB7y2LRo#ws (http://youtube.com/watch?v=PLBlB7y2LRo#ws)

ไข่เจียวหอยนางรม ก็จานเด็ดค่ะ

หอยยายรม น่าจะชื่อหอยตะกรามมากกว่า
เพราะมายกมาทีไร ใครช้าอด

อย่างนี้กินได้ค่ะ
หอยนางรมทอดราดซอสอูนิ(หอยเม่น)

ถ้าแซ่บแบบไทยก็หอยหลอดผัดฉ่า

จานนี้ยังไม่เคยกิน แต่หน้าตาน่ากิน  เอ็นหอยจอบผัดฉ่า

เมื่อปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปเที่ยเกาะ ชื่อว่า Isle of Man เป็นเกาะกลางทะเลไอริช ขึ้นเรือเฟอร์รี่ได้จากแถวๆ เมืองตากอังกฤษที่ผมอยู่นี่แหละ  ของขึ้นชื่อของเกาะแมนอย่างนึงก็คือ Queenies หรือ queen scallop ซึ่งมันก็คือ scallop ตัวเล็กๆ นั่นเอง   น่าเสียดายที่กว่าจะรู้ก็กลับมาจากเกาะแล้ว เลยได้กินไปนิดเดียว มัวแต่ไปกินร้านแขกร้านไทยที่อาหารราคาถูกกว่า เลยได้ลอง queenies ร้านฝรั่งต้นตำหรับแค่หนเดียว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา รสชาติก็เหมือน scallop ทั่วไปแต่ตัวเล็กกว่า   :-\

ส่งหอยเชลล์ย่างชีสและเนยกระเทียมมาปลอบใจ  ;D

http://youtube.com/watch?v=ou0q1YdZ034#ws (http://youtube.com/watch?v=ou0q1YdZ034#ws)

ต้อนรับวันเสาร์ด้วยแกงคั่วสับปะรดกับหอยแมลงภู่แห้ง

วุ้นเส้นผัดหอยลาย  (หรือหอยลายผัดวุ้นเส้น?)
มีวิธีทำแถมให้ด้วยค่ะ

http://cooking.kapook.com/view97399.html (http://cooking.kapook.com/view97399.html)

หอยแมลงภู่อบหม้อดิน สำหรับมื้อพิเศษวันสุดสัปดาห์

แถมด้วยเอ็นหอยผัดกระเทียม

ไม่เคยกินรายการนี้ หอยชักตีน  เขาบอกว่าเป็นเมนูเด็ดของเมืองกระบี่ค่ะ
http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013095 (http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013095)

หอยตลับผัดน้ำพริกเผา  
มีวิธีทำในบล็อคนี้ค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=voneye&month=29-08-2013&group=2&gblog=41 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=voneye&month=29-08-2013&group=2&gblog=41)

ต๊ายต๊ายต๊ายยยยยยย ตายแล้วววววววววว ท่านอาจารย์ใหญ่ไม่เคยกินหอยชักตีน! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! ! !
ต๊กกะใจ แสดงว่าไม่ค่อยได้ลงใต้หรือไม่ได้ไปภูเก็ตในรอบสิบปีมานี้แน่ๆ

จริงๆ แล้วเมนูหอยชักตีนนี่ น่าจะมีตามร้านอาหารทะเลฝั่งอันดามันแถวกระบี่ภูเก็ตแทบทุกร้านนะครับ ผมเคยกินหนแรกมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วที่ภูเก็ต เป็นเมนูธรรมดาสามัญมาก  แต่นอกจากหอยต้มหรือนึ่งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ยังไม่เคยเห็นเมนูอื่นประเภทผัด แกง ทอดเลย

^
คงจะรอจังหวะเอาคืนอยู่นาน

จานต่อไป ยำหอยนางรมค่ะ
http://www.papamenu.com/?p=2706 (http://www.papamenu.com/?p=2706)

ขอรายงานตัวผู้ไม่เคยรับประทานหอยชักตีนอีกหนึ่งคน รสชาติเป็นอย่างไรบ้างหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

หอยชักตีน คนเรือแถวอ่าวพระนางบอกผมว่าเหมือนฝรั่ง พอแดดออกก็จะออกมานอนผึ่งแดดกันเต็มหาด หอยชักตีนก็ออกจากทรายมานอนอาบแดดอยู่ใต้ทะเลเหมือนกัน คนงมหอยสามารถลงไปกวาดเอา ๆ

วิธีกิน ต้องต้มเขาทั้งเป็น แล้วดึงขาของเขาออกมา ทั้งเนื้อขาวๆและลำไส้ดำๆจะหลุดออกมาทั้งยวง ให้เลือกกินแต่เนื้อนะครับ ปลายขากับไส้ทิ้งไป รสชาติหอยชักตีนจะเหมือนปลาหมึก ต้องมีน้ำจิ้มแซ่บๆจิ้มด้วยจึงจะครบสูตร
ถ้ามันตายโดยไม่ยื่นตีนออกมาให้เราชัก ก็ใช้ไม้จิ้มฟันแทงไปคว้านเนื้อออกมาได้ ไม่ยาก

หอยชักตีนคือหอยชักตีนนะครับ เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่เมืองกรุงท่านหนึ่งถามเด็กเสริฟว่า นี่อะไร เด็กบอกอย่างสุภาพว่า ห้อยชั่กเท้าค่ะ นายหัวเห็นผู้ใหญ่ทำหน้างงๆ จึงต้องรีบแก้ให้ว่า ห้อยชั่กตี้นขรับ ห้อยชั่กตี้น

ที่อังกฤษยังมีหอยอีกชนิด เรียกว่าเวลค์ (Whelks) เป็นหอยสังข์แบบนึง หน้าตาพร้อมเปลือกดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่  รสชาติเนื้อสัมผัสคล้ายๆ หอยชักตีนเหมือนกัน เหนียวๆ กรุบๆ กินแล้วได้ฝึกกล้ามเนื้อกราม หากินได้แถวฝั่งตะวันออกของอังกฤษ(อีกแล้ว) ดังนั้นเมืองตากบ้านผมไม่มีให้กิน ที่เห็นๆ ขายกันตามร้านจะเป็นเนื้อหอยต้ม ฝรั่งๆ เค้ากินกันเย็นๆ นี่แหละ แค่โรยเกลือ ไม่มีน้ำจิ้มใดๆ

หอยเวลค์นี่เอามาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดจะเหมาะมาก เสียหายแถวบ้านผมหาซื้อไม่ได้ ยังไม่เคยเห็นวางขายเลย  แต่ไปเมืองทางตะวันออกเช่น Whitby, Durham เห็นมีวางขายตามร้านขายปลาหรืออาหารทะเลทั่วไป ราคาไม่แพงครับ

หอยสังข์ของดร.ประกอบคล้ายๆกับหอยหวานมากกว่า ถ้าเวลาหดอยู่ในเปลือกแล้วมีฝาปิดด้วยละก็เหมือนเลย

สมัยที่เขาเริ่มงมหอยหวานมาขายใหม่ๆนั่น ผมเป็นหนุ่มแล้ว วางตลาดตอนแรกเขาเรียกชื่อดั้งเดิมของมันว่า "หอยตุ๊กแก"
พอดังอยู่ในเมืองกรุงแปร๊บเดียว นังตุ๊กแกก็เปลี่ยนชื่อเป็นแม่หวาน เฉิดฉายอยู่ในปกเมนูของร้านซีฟู๊ดชั้นนำไป ค่าตัวพุ่งปรี๊ดขึ้นไปหลายเท่า

Escargot

ดร.ประกอบอยู่ที่นั่นคงจะได้ลองชิมแล้ว
น่าจะได้ว่ากันยาวๆเกี่ยวกับหอยตัวนี้ เชิญคุณเพ็ญชมพูก่อนก็แล้วกันครับ

ก่อนจะวิสัชนาเกี่ยวกับ Escargot ขออนุญาตย้อนไปเรื่อง Whelk หรือ หอยตุ๊กแก ก่อนให้จบสิ้นกระบวนความ


อ่านเรื่อง หอยในทะเลไทย ใน เว็บกาญจนาภิเษก  (http://kanchanapisek.or.th/kp6/Ebook/BOOK34/pdf/book34_5.pdf) เขียนโดย รองศาสตราจารย์วันทนา อยู่สุข และผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีระพงศ์ ด้วงดี  ได้อีกชื่อหนึ่งคือ "หอยเทพรส" คุณนวรัตนเคยได้ยินไหม  ;D

แวะมาเล่าความทรงจำว่าเคยกินเอสคาโกต์เมื่อไปฝรั่งเศสครั้งแรก  สั่งมากินเพราะอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงถึงขึ้นชื่อลือชานัก    ราคาแพงมากสำหรับกระเป๋านักเรียนไทย     จานเล็กๆมีหอยอะไรคล้ายๆหอยโข่งตัวย่อมๆ อยู่ไม่กี่ตัว   ตัวเนื้อหอยปรุงรสแล้วอัดอยู่ข้างใน  มีส้อมแบบพิเศษให้ดึงเอาออกมา  เนื้อมันนิดเดียว กินไม่รู้รส  
เปลือกหอยไม่ทิ้ง   บริกรเก็บกลับไปอย่างดี  คิดว่าคงไปล้างแล้วอัดหอยกระป๋องมาเสิฟอีก   ถูกหรือผิดไม่ทราบนะคะแต่ความทรงจำมันบอกยังงั้น
ดิฉันกินแบบกระจอกชน   ถ้าเป็นท่าน NAVARAT.C อาจจะเริ่ดอลังการกว่านี้   รอของจริงจากท่านดีกว่า  

ป.ล. กินเอสคาโกต์แล้วลิ้นต่ำๆอย่างดิฉันคิดถึงหอยทอดประตูน้ำที่เคยไปกินกับแม่ตอนเด็กๆขึ้นมาจับใจ

หอยทอดในรูปนี้ืทำให้นึกถึงหอยทอดประตูน้ำ   อาเฮียทอดกรอบนอกนุ่มใน  เป็นสีทองสว่างมาทั้งจาน  มีถั่วงอกรองก้นจาน   ซอสใส่ถ้วยเล็กมาด้วย รสชาติจัดและอร่อยมาก กินแก้เลี่ยนจากน้ำมันที่ทอดหอยได้ดี
แกทอดในกระทะใหญ่กลมแบน   พร้อมกับขนมผักกาดซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ขายควบกับหอยทอดอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว

เรื่อง Escargot ทราบเพียงว่าเป็นอาหารยอดนิยมของฝรั่งเศสปรุงจากหอยทาก ส่วนรสชาติจะเป็นอย่างไรไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้คุณนวรัตนบรรยายต่อไปได้เลย  ;)

คุณดีดีเคยบรรยายเกี่ยวกับเรื่องอาหารจากหอยทากไว้บ้าง


คุณนวรัตนและคุณเทาชมพูเคยลองลิ้มชิมรสแล้วหรือยัง  ;)

น่าจะจานนี้มั้งคะ อังกฤษเรียก snail cavier


ถามคุณนวรัตนคนเดียวเถอะค่ะ
ราคาส่งขีดเดียวก็ 5.5 พันบาท  ราคาขายเห็นทีจะเอา 2 หรือ 3 คูณเข้าไป ต่อคำ
เอาไว้ถูกล็อตเตอรี่ 48 ล้านก่อนแล้วค่อยไปกิน

อ้อ นังหวานนี่ชื่อจริงว่าเทพรส :o
เพิ่งรู้นะเนี่ย

เสิร์ฟจานเด็ดจานแพงต่อไปด้วย  หอยเป๋าฮื้อ (abalone) อาจเรียกว่า หอยร้อยรู หรือหอยโข่งทะเล

จาก footnetworksolution.com

ตามด้วย หอยงวงช้าง

ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วต้องถือเป็น "สัตว์ประหลาด" ตัวหนึ่ง



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

เอสคาโกต์ในบ้านผมต่างสายพันธุ์กับหอยแต่มีครบทุกเจเนเรชั่น ตั้งแต่รุ่นลูก รุ่นแม่และรุ่นยาย เวลาจะไปไหนกันทียืดยาดมากกว่าจะเคลื่อนขบวนได้ ยิ่งพอเข้าศูนย์การค้าละก็ติดหนึบ กะอืด ๆ กว่าจะผ่านไปทีละร้าน

เอสคาโกต์ได้กินในภัตตาคารหรูที่ฝรั่งเศสก็เคย เพราะมีเจ้าภาพเลี้ยง ส่วนใหญ่จะมาเป็นอาหารจานแรกๆเพื่อเรียกน้ำย่อย รสชาติจะวิเศษกว่ากันอย่างไรก็ลืมไปแล้ว เพราะชิ้นมันเล็กๆ เขาเสริฟให้ตัวเดียว กลั้นใจกินมันเข้าไปเพราะรู้ดีว่าเป็นของแพง จะผ่านก็เสียดาย ทั้งๆที่มันดำๆน่าขยะแขยงพอๆกับตัวเป็นๆของมัน เคียวๆผ่านลิ้นกลืนลงลำคอไปยังไม่ทันซึมซาบ สัมผัสได้แต่กลิ่นเนยกับกระเทียม

ในเมืองไทย เมื่อก่อนที่ ๑๓เหรียญดูเหมือนว่าจะมีขาย ราคาพอคบหาได้ แต่ความอร่อยลิ้นอย่างเราๆท่านๆ ผมว่าหอยลายอบเนย กินกับขนมปังกระเทียม สูตรเดียวกันจะเข้าท่ากว่า ทั้งรสชาติและราคา

เรื่องไข่หอย จำได้ว่าเคยกินโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง คือเคี้ยวตัวแม่เข้าไปแล้วมันมีอะไรกรอบๆเหมือนเคี้ยวทรายเข้าไปแต่ไม่ใช่ คายออกมาดูจึงเห็นลูกหอยตัวเท่าปลายเข็มเป็นกระจุก เลยต้องไปแหวะออกตามระเบียบ

คุณหมึกแดงสอนวิธีรับประทานเอสคาโกต์ให้อร่อยไว้ที่ เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/Content/Article/27882/%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1+%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A2)

หอยทากอบกับเนย - ชิมให้เป็น

ผมพูดหลายต่อหลายครั้งว่า บางคนจะไม่รู้เลยว่าคืออะไร บอกว่า กินเอสคาโก เท่านั้น ก็ตกใจว่าเราจะกินหอยทากหรือ  แต่จริง ๆ แล้วเป็นวัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมแล้วครับ วิธีการทำเอสคาโกหรือ หอยทากอบกับเนยนั้น คือ การเอาหอยทากที่เขาขายเป็นกระป๋องก็ได้ หรือจะเป็นที่เขาขายเปลือกด้วยก็ได้ครับ
 
เวลาเราจะทำ ก็เปิดกระป๋องเอาหอยทากออกมา แล้วเอาหอยใส่เข้าไปในถ้วยตะไล จากนั้น ให้เอาเนย กระเทียม ผักชีฝรั่งหรือที่เรียกว่าพาสลี่ย์  รวมทั้ง เหล้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เพอโน  เกลือ และพริกไทย เอาทั้งหมดไปปั่นในเครื่องปั่นให้เข้ากัน แล้วชิมให้ออกรสหอมชวนกิน
 
เสร็จแล้วให้เอาเนยที่ปั่นแล้ว ปาดเข้าไปบนหอย แล้วเอาไปอบจนเดือด จากนั้นก็เอามาเสิร์ฟทั้งอย่างนั้นเลยครับ จะกินกับมือหรือจะใช้ส้อมได้ทั้งสองอย่างครับ โดยเนยที่ละลายแล้วนั้นจะหอมมาก ต้องเอาขนมปังลงไปจิ้มให้ดูดน้ำของเนยที่ละลายขึ้นมาแล้วกิน จะอร่อยมากครับ การทำอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าชิมให้เป็นอย่างไรครับ

ไปเจอพายเอสคาโกต์เข้าในกูเกิ้ลค่ะ เลยเอารูปมาให้ดูว่าเขาทำพายกันได้
ของจริง  ไม่มีปัญญาจะกิน บอกไว้ก่อน เดี๋ยวคุณประกอบจะวี้ดว้ายขึ้นมาอีก

ถ้าคุณเพ็ญชมพูลงไปเที่ยวทางใต้  แวะกระบี่กินห้อยชั่กตี้นเสร็จแล้ว ก็ลงใต้ต่อไปถึงมาเลย์เซีย   ที่นั่นหาหอยเอสคาโกต์กินได้ด้วย ไม่ต้องไปถึงฝรั่งเศส
 ราคาน่าจะถูกกว่า รสชาติที่ผสมเครื่องเทศก็น่าจะถูกปากกว่าด้วยค่ะ

หรือจะเก็บสตางค์ไว้กินหอยเป๋าฮื้อนึ่งกระเทียม แถวบ้านเราก็ไม่มีใครว่าค่ะ

กินแบบไม่มีกระเทียมก็(น่าจะ)อร่อยไม่แพ้กัน

ขอเสนอเมนู "หอยจานเด็ด" ขึ้นโต๊ะเสวย ชื่อว่า “เอสคาร์กู้” (Escargout)  ;D

​มีอยู่เมนูหนึ่ง ที่สะดุดตามาก คุณชายตั้งชื่อว่า “เอสคาร์กู้” (Escargout) เป็นของกินเล่นที่ทั้งอร่อยและทั้งสนุกในการกินมาก หากใครพอใจจะกินเอาอิ่มก็ไม่ว่ากัน ผมอ่านเมนูเสร็จก็รีบจัดหาวัตถุดิบทันทีและในเย็นนั้นผมก็มี “เอสคาร์กู้” เลี้ยงเพื่อนฝูงบนโต๊ะอาหาร เป็นการทดลองเมนูไปด้วยในตัวทันทีครับ

เครื่องปรุงง่าย ๆ คือ หอยแมลงภู่สดครับ เลือกเอาขนาดตัวกลาง ๆ จะดีกว่าตัวใหญ่ และจากประสบการณ์ที่ผมทดลองทำทานเองหลายครั้งพบว่า หอยแมลงภู่ไทยจะมีรสชาติดีกว่าหอยแมลงภู่นำเข้าจากต่างประเทศมาก เพราะทั้งสด หวาน และไม่เค็มจัด จากนั้นก็นำมาล้าง สับพวกตัวเพรียงที่เกาะออก สับหนวดให้เรียบร้อยพักเอาไว้ นำเนยสดแบบก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า เลือกเอาเนยจืดจะดีกว่า ไม่เอาเนยมาร์การีนเลย เพราะทำให้เสียรส เอาเนยมากวนให้อ่อนตัวในชาม ปอกกระเทียมสดเป็นกลีบ ๆ โยนลงครก นำผักชีทั้งต้น ก้าน ใบมาสับหยาบ ๆ ใส่ครกตามลงไป เอารากผักชีล้างสะอาดใส่ตามไปซัก ๒ – ๓ รากพอหอม จากนั้นก็ตำ..ตำ..ตำ..จนเกือบละเอียด ใส่เกลือป่นให้พอเค็มจัดหน่อย กระแทกพริกไทยเม็ดตามลงไปแล้วโขลกให้แตกกระจายอีกนิด จากนั้นตักเครื่องปรุงจากครกใส่ลงผสมกับเนยสดพักเอาไว้

​เมื่อเวลาจะรับประทานให้เตรียมเตาถ่านใส่ถ่านไฟคุแดงกรุ่น เอาตะแกรงลวดตาถี่ขึ้นวางบนเตา เมื่อเวลาจะทานจริง ๆ จึงคีบเอาหอยแมลงภู่ขึ้นวางบนตะแกรง เมื่อถูกความร้อนหอยนั้นจะอ้าฝาเปิดออกเอง เอาคีมคีบลงขณะที่หอยเพิ่งอ้าปาก เพื่อไม่ให้น้ำหวานแห้ง หรือหกออกไปหมด ใช้มือแกะฝาที่ไม่มีเนื้อออกทิ้งไป นำช้อนตักเนยพร้อมเครื่องปรุงที่คลุกเคล้ากันเข้าที่แล้วป้ายลงบนตัวหอย อยากอร่อยมากหรือมีทรัพย์มากก็ป้ายหนัก ๆ เลย ถ้าทรัพย์น้อยหน่อยก็ป้ายพองาม นำกลับไปวางบนตะแกรงย่างไฟอีกครั้ง พอน้ำในตัวหอยเดือดปุด ๆ จะกระฉอกกระเด็นตกลงในเตา ควันจะโขมงพร้อมเสียงฉู่ฉ่า น่าฟัง และน่ากิน ก็จึงยกลงใส่จานแล้วยกเสริฟพร้อมใส่ปากทานได้เลย จะร้อนและอร่อยสะใจมาก จะเพิ่มขนมปังกระเทียมเป็นเครื่องเคียงอีกก็ได้ โดยเอาขนมปังฝรั่งเศสที่เป็นแท่งยาว ๆ มาหั่นเป็นแผ่น ๆ หรือขนมปังขาวธรรมดาก็ได้ นำมาทาเนยและเครื่องปรุงแบบทาป้าย ๆ ให้ทั่ว เข้าเตาอบหรือย่างไฟจนสุกเหลืองกรอบหอมเป็นใช้ได้ ทั้งหอยและขนมปังต้องทานร้อนอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนผมเองเมื่อนำตำรานี้มาทำรับประทานแล้ว ก็ได้แผลงเมนูนี้ออกไปโดยเติมซอสหอยนางรม ตราภูเขาทอง ลงไปคลุกผสมกับเนยและกระเทียมเครื่องปรุงด้วย จะทำให้รสชาติจัดจ้านขึ้นอีกมากครับ

​เมนู “เอสคาร์กู้” นี้ คุณชายกิตินัดดา กิติยากร อธิบายที่มาของชื่อเดิมเป็นอาหารฝรั่งเศส ใช้หอยทากของฝรั่งเศสมาปรุงเป็นอาหารทานเล่น มีชื่อว่า “เอสคาร์โก้” แต่  “... หอยทากฝรั่งนี้ ดูเหมือนเมืองไทยเราจะไม่มี ส่วนหอยทากของไทยนั้นชาวกรุงเทพฯ ไม่กิน เพื่อกันไม่ให้กินของที่เป็นพิษคือแทนที่จะทดลองกินหอยทากไทย ข้าพเจ้าได้คิดดัดแปลงโดยเอาหอยแมลงภู่มาใช้แทนและแทนที่จะใช้อบ เราใช้ปิ้ง เมื่อดัดแปลงแล้วเช่นนี้ “เอสคาร์โก้หอยแมลงภู่” ไปอย่างแกน ๆ หากเราทำเป็นคำพวนก็จะได้ “เอสคาร์กู้หอยแมลงโภ่” เลยตั้งศัพท์ขึ้นมาสั้น ๆ ว่า “เอสคาร์กู้” เสียเลย เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่หอยทาก แต่ทำเป็นอาหารทำนองเดียวกับหอยทากฝรั่งเศส อนึ่งคำ “กู้” นี้ คำฝรั่งเศส Gout (กูต์) แปลว่า “รส” หรือในภาษาอังกฤษก็ตรงกับคำว่า Taste ก็เลยเห็นว่าคำแผลง ๆ เช่น Escargout ก็ดูขำดี...”

​“เอสคาร์กู้” จานนี้ได้จัดตั้งถวายเป็นเครื่องเสวยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวัน ที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ เมื่อเสวยเสร็จแล้ว ได้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับคุณชายกิตินัดดา กิติยากรผู้ปรุงเครื่องเสวยจานนี้ว่า “เอสคาร์กู้นี้อร่อยดี”...

จาก บทความเรื่อง “ของเสวย” ของในหลวง (http://www.thairath.co.th/content/225095) โดย คุณเผ่าทอง ทองเจือ

หอยจานอร่อยของผมมีอยู่ไม่กี่อย่าง

อย่างแรก เป็นหอยแครงดองแบบแม่กลอง

จะใช้คำว่าดองก็คงจะไม่ใช่เสียทีเดียว ผมว่าน่าจะเป็นต้มเค็มหวาน แต่จะว่าต้มก็ไม่ใช่อีก เพราะไม่มีการต้ม มีแต่การขัดสีฉวีวรรณหอยแครง (ตัวขนาดไปทางค่อนข้างเล็ก) ให้ขาวผ่องแล้วเอาทั้งเปลือกลงไปแช่ในน้ำเค็มหวานที่ (ต้มและทิ้งให้เย็นแล้ว) หนักไปทางเค็ม สักสอง-สามวันกระมัง  เอามาแกะแงะแยกออก บีบมะนาวลงไป ทานกับข้าวต้มตอนเช้า อร่อยเหลือหลายเลยครับ

หอยแครงดอง ค่ะ

อีกจานหนึ่ง ก็เป็นของโปรดของผมและครอบครัวอีกเหมือนกัน ซึ่งก็หาได้ในตลาดแม่กลองนั่นแหละครับ แต่มิใช่จะหาได้ง่ายนัก 

คือ หอยแมลงภู่เค็มหวาน (ออกไปทางหวาน ใกล้ๆเชื่อม) เป็นหอยแมลงภู่ตัวขนาดเล็ก (วัยรุ่น)   ซึ่งเหมาะกับข้าวต้มมากกว่าข้าวสวย  เคี้ยวหนึบๆกำลังดี ไม่ต้องปรุงรสอื่นใดเลยครับ

หอยแมลงภู่เค็มหวานกับข้าวต้มนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินด้วยตะเกียบหรือช้อน ก็จะต้องใช้สองนิ้วมือ (ของมือซ้ายหรือขวา) จับเปลือกหอยเพื่อดึงเปลือกกับตัวหอยให้หลุดออกจากกัน

อีกหนึ่งจานหอย เป็น ซุปมิโสะหอยเสียบของญี่ปุ่น ที่กินแบบซดน้ำ หรือจะใช้ตะเกียบคีบหอยตัวเล็กที่ปากอ้าแล้ว  เอาขึ้นมาดูดกินเนื้อปริมาณจิ๊ดเดียวของมัน

จาน (ถ้วย) นี้ ตามวิธีกินอันสุนทรีย์ของคนญี่ปุ่นนั้น มีอยู่สองแบบ คือ ซดแต่เพียงน้ำซุบ หรือทั้งน้ำและเนื้อหอย  ที่น่าสนใจคือ เมื่อจัดการเนื้อหอยได้แล้ว เปลือกนั้นจะคายกลับไปอยู่ในถ้วยซุปเหมือนเดิม ไม่กองทิ้งอยู่ข้างถ้วย ไม่มีภาชนะใช่เปลือกหอย

สนุกดีครับ กินหอยเสียบตัวน้อยนิดด้วยตะเกียบ แล้วใช้ความสามารถของปากกับลิ้นช่วยในการแกะเนื้อหอย

Miso soup ใช่หรือเปล่าคะ

ทำให้นึกถึงหอยเสียบดองน้ำปลา ใส่ขวดเหล้าแม่โขงแบบกลมและแบบแบน เดินขายอยู่ตามชายหาดบางแสน

เช้าๆก่อนจะมีผู้คนลงชายหาดไปเล่นน้ำทะเล จะเห็นมีชาวบ้านเอาคราดมือไปคราดที่ชายหาดตรงบริเวณปลายคลื่นที่ซัดเข้ามาบนชายหาด

ภาพเช่นนี้ไม่เห็นอีกแล้ว    ส่วนหอยเสียบดองน้ำปลานั้น ยังเห็นมีขายอยู่ตามร้านขายสินค้าจากทะเลอยู่อีกพักหนึ่ง ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วว่ายังมีอยู่หรือไม่

ก็เอามากินกับข้าวต้ม ทั้งในสภาพเดิมๆ (เอาออกจากขวดมา) หรือเอามาปรุงรสอีกเล็กน้อย   หอยบางตัวแกะเปลือกไม่ออก ก็เลยต้องดูดน้ำปลาเค็มๆ กินเหมือนกับดูดก้อนกรวดต้มน้ำปลา

มิใช่ครับ  ถ้วยนี้ดูจะเป็นข้าวต้มหอยกาบ (clam)   แต่ก็เป็นอีกหนึ่งหอยจานเด็ดครับ และก็เด็ดจริงๆเพราะหาทานได้ยากทีเดียว

ทีผมกล่าวถึงซุบเป็นหอยเสียบนั้น มีหอยเสียบสักประมาณ 30 ตัว ได้กระมัง

ขอแก้ตัวด้วยภาพนี้ค่ะ คงจะใช่หอยเสียบดองน้ำปลานะคะ

ครับ  นี่แหละครับ  แล้วก็ขอบพระคุณอีกด้วยครับ

เห็นภาพบนฝาขวดแล้ว น่าจะเป็นภาพถ่ายในกาลปัจจุบัน ก็แสดงว่ายังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้  แต่ก็ยังนึกอยู่ว่า แล้วมีพัฒนาการในเชิงของการนำมาทำอาหารการกินอย่างไรบ้าง  หรือเป็นสินค้าที่อยู่ในภาคส่วนของๆฝากที่เป็นสัญญลักษณ์ของถิ่น

ยังหาไม่เจอเหมือนกันค่ะ   ว่าหอยเสียบดองน้ำปลา นำมาปรุงรสเป็นอาหารจานเด็ดอย่างไร  หรือว่าเทออกจากขวดแล้วกินกับข้าวต้ม
ต้องฝากการบ้านไปถึงท่านอื่นๆในเรือนไทย

ส่วนจานนี้ หอยเชลล์อบซอสมิโซะ ค่ะ  ใครสนใจว่าอยู่ในเมนูร้านอาหารไหน เชิญหาทางกูเกิ้ลเองนะคะ

เจอแต่หอยเสียบผัดฉ่าค่ะ

ภาพหอยเสียบผักฉ่านี้ ทำให้นึกขึ้นได้ในทันทีเลยว่า มีหอยต่างชนิดกัน ทั้งรูปร่าง ทั้งที่อยู่อาศัย และทั้งตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่พบ ที่มีชื่อซ้ำกัน  หอยเสียบก็เป็นหนึ่งในนั้น

ผมไปนึกถึงเฉพาะหอยเสียบชนิดที่ฝังตัวอาศัยอยู่ในทรายชายหาดในเขตพื้นที่น้ำขึ้นน้ำลงเท่านั้น เป็นหอยตัวเล็กๆ มีสองฝา ประเภทฝาเรียบและฝาปิดสนิท สถานที่ๆทำให้ชื่อของมันเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ ชายฝั่งทะเลแถบบางแสน และพัทยา

ลืมนึกไปเลยว่ามีหอยเสียบอีกชนิดหนึ่ง ที่ฝังตัวอาศัยอยู่ในดินดอนโคลนบริเวณปากอ่าว (mud flat) พวกนี้เป็นพวกมีสองฝาเหมือนกัน แต่มันมีงวงยื่นยาวออกไปจากตัวมันเพื่อใช้ในการขุดหาอาหารและทำรูสำหรับปักมุดตัวเองลงไปในโคลน สถานที่ๆทำให้มันเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือ ดินดอนโคลนที่ปากแม่น้ำแม่กลอง 

หอยจานโปรดมากๆของผมอีกจานหนึ่ง ได้แก่ หอยพิมพ์ตากแห้ง เอามาทอด แล้วทานกับข้าว อร่อยเด็ดเลยครับ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นงวงของมัน  น่าเสียดายที่ ณ วันนี้ หาซื้อได้ยากมาก แถมแพงมากๆๆๆอีกด้วย (ทราบว่า เกิดมีภัตตาคารสุดแพงใน กทม. เกิดไปพบเข้าว่าหอยนี้อร่อยมาก เลยตั้งราคาซื้อใว้สูงมาก อย่างซุปเปอร์เว่อเลย)  แต่เดิมนั้น สำหรับหอยพิมพ์นี้ผมเห็นมีขายอยู่ในตลาดแม่กลองและตลาดเพชรบุรีเป็นตลาดหลัก

ณ วันนี้ เห็นมีแต่หอยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับหอยพิมพ์ ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่าหอยพิมพ์ เรียกกันว่า หอยหวาน ที่แม่ค้าเอามาทอดแล้วคลุกกับน้ำตาลปึก+น้ำปลา ใส่กะละมังวางขายกันทั่ว แถวตลาดร้อยปีของสุพรรณบุรีก็พบเห็นได้เหมือนกัน   (สำหรับหอยเสียบชนิดที่พบอยู่กับโคลนที่นำมาตากแห้งแล้ว ก็นำมาทำขายในลักษณะนี้เช่นกัน) 

เพิ่งรู้ว่าหอยเสียบมีมากกว่าหนึ่งชนิด     ไปหารูปมา ได้แบบนี้ละค่ะ
ถูกไหมคะคุณตั้ง

ครับ อาจารย์

ภาพซ้ายเป็นหอยที่เห็นเขาเรียกกันว่าหอยเสียบนั่นแหละครับ  มีเปลือกออกไปทางเปลือกบาง   ในปัจจุบันนี้ ผมเห็นแม่ค้าเอามาทำหอยต้ม (เชื่อม) หวาน ใส่กะละมังขายแทนการใช้หอยแมลงภู่ตัวเล็ก (อาจจะเพราะขี้เกียจขูดเพรียงและดึงเอาเกษรหอยแมลงภู่ออก) เป็นหอยชนิดเดียวกันหรือไม่ก็ไม่รู้ แล้วจริงๆแล้วเขาเรียกว่าหอยอะไรก็ไม่รู้   

ลักษณะของตัวหอย ทั้งสีและลวดลาย ที่เรียกว่าหอยเสียบในภาพนั้น คล้ายกับหอยกะพง จะต่างไปก็ขนาดและลักษณะความโป่งของเปลือกหอย

รอคุณเพ็ญชมพูมาขยายความเรื่องชนิดของหอยเสียบนะคะ

คุณตั้งได้เล่าถึงหอยนานาชนิดอย่างน่าสนใจ ซึ่งหลายชนิดมีชื่อสามัญซ้ำกันทำให้เป็นที่งุนงงต่อผู้ไม่ชำนาญการในเรื่องหอยเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการเอ่ยชื่อพืชหรือสัตว์ถ้าให้แน่นอนไม่สับสน ในทางวิชาการต้องมีชื่อวิทยาศาสตร์ประกอบ รับรองไม่ซ้ำกันแน่  ;D

ตัวอย่างที่ ๑ เรื่องของ "หอยเสียบ"

ชื่อภาษาอังกฤษคือ Donex wedge shell, Pacific bean donex ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Donex  faba   เปลือกเป็นรูปสามเหลี่ยม ด้านหน้าและบนเปลือกมีลายเล็ก ๆ  ตัดกันด้านท้าย เปลือกมนกลมและหนา ส่วนด้านหน้ายาวกว่าด้านท้าย มีเอ็นยึดเปลือกทั้งสอง

(http://kanchanapisek.or.th/kp6/pictures34/p34-179b.jpg)

หอยเสียบอีกชนิดหนึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Razor clam, Knife jacked clam, Cultellus clam มีรูปร่างแบนและยาวรี  เปลือกมีความคมคล้ายมีด  มีสีดำด้านนอก และด้านในมีสีขาววาวคล้ายมุก  ชอบฝังตัวอยู่ตามหาดที่เป็นโคลนปนทรายมีอยู่ ๒ ชนิดคือ Cultellus subellipticus  และ Pharella javanica

หอยชนิด Cultellus subellipticus  จะมีความกว้างแบน และบางของเปลือกมากกว่าหอยชนิด  Pharella javanica ซึ่งมีความหนาของเปลือกมากกว่า

ส่วนที่คุณตั้งบรรยายว่า

"มันมีงวงยื่นยาวออกไปจากตัวมันเพื่อใช้ในการขุดหาอาหารและทำรูสำหรับปักมุดตัวเองลงไปในโคลน สถานที่ๆทำให้มันเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือ ดินดอนโคลนที่ปากแม่น้ำแม่กลอง "  

นึกถึงดอนหอยหลอด แต่หอยหลอดเป็นคนละสกุลกับหอยเสียบ แม้ว่าชื่อในภาษาอังกฤษจะเหมือนกันคือ Razor clam แต่ชื่อวิทยาศาสตร์ต่างกัน คือ Solen regularis  ;D

ตัวอย่างที่ ๒ เรื่องของ "หอยหวาน"

หอยหวานตัวแรกเป็นหอยทะเลชนิดฝาเดี่ยวที่เรารู้จักกัน ชื่อภาษาอังกฤษคือ Spotted babylon ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Babylonia areolata


หอยหวานตัวที่สอง เป็นชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของหอยตลับ เนื่องจากเนื้อหอยมีรสหวาน มีชื่อในภาษาอังกฤษคือ Enamel venus shell หอยในกลุ่มหอยตลับมีหลายชนิด ที่สำคัญได้แก่ชนิด Meretrix meretrix พบมากทางฝั่งอ่าวไทย  และชนิด Meretrix casta พบมากทางฝั่งอันดามัน

(http://www.bloggang.com/data/plaipanpim/picture/1290144636.jpg)

ส่วนหอยหวานตัวที่สามที่คุณตั้งบอกว่ามีลักษณะใกล้เคียงกับหอยพิม ยังไม่รู้จัก  ;D

หอยพิม มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Piddocks, Oriental angel’s wings เป็นหอยทะเลสองฝา มี ๒ ชนิดคือ หอยพิมใหญ่ Pholas orientalis และ หอยพิมเล็ก Martesia striata

http://www.youtube.com/watch?v=CBwjsMAup2s#ws (http://www.youtube.com/watch?v=CBwjsMAup2s#ws)


เอามาฝากคุณตั้ง จากมหาชัย  ;D

หอยตัวสุดท้ายที่คุณตั้งเอ่ยถึง

หอยกะพง มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Horse mussel เรียกชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Musculus senhousia  แต่ไม่ว่าจะเรียกในชื่อใด นำมาผัดกับใบโหระพา เพิ่มกระเทียมสับ และพริกขี้หนู เพื่อให้รสชาติจัดจ้านขึ้น เสริฟเป็นมื้อกลางวันสำหรับชาวเรือนไทย รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ  รับรองว่าอร่อยเชียว  ;D

ใช่เลยครับ  หอยกะพงผัดกับเต้าเจี้ยวใส่ใบโหระพา อร่อยมาก แต่ต้องมาทั้งตัวทั้งเปลือกนะครับ  ปัจจุบันเห็นเขาเอาแต่เนื้อหอยมาผัด ไม่มีเปลือก ไม่มีตัวตน   สำหรับผมนะครับ ไม่ได้เรื่องเลย   ความต่างก็ดูเหมือนจะเป็นว่า หอยที่แกะแล้วเอามาผัดนั้น มันเป็นหอยตายแช่น้ำแข็ง ดีไม่ดีมีสารคงความสดปนอยู่ด้วย

พูดถึงเต้าเจี้ยวผัดกับหอยกะพง เลยทำให้นึกถึงหอยลายน้ำจืด ซึ่งมีลักษณะตัวต่างไปจากหอยลายที่อาศัยอยู่ในดินโคลนของพื้นที่ชายฝั่งทะเล

หอยลายน้ำจืด มีลักษณะรูปพรรณคล้ายหอยกะพง แต่มีเปลือกหนากว่ามาก ตัวขนาดไหญ่สุดไม่เกินประมาณสองข้อของนิ้วชี้ เป็นหอยที่ฝังตัวอยู่ในดินโคลนตามตลิ่งน้ำ มักอยู่เป็นกระจุกหลายๆตัว พบได้ตั้งแต่ที่ระดับน้ำลึกประมาณ 30 ซม.ลงไปจนถึงประมาณไม่เกิน 1 เมตร

หอยลายน้ำจืดนี้ มีกลิ่นคาวพอสมควรเลยทีเดียว  แต่ก็ทำกินได้ง่ายๆทีเดียว คือเอามานึ่งกับตะไคร้ เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มกิน หรือจะแกะเอาไปผัดกระเพราก็อร่อยดีอยู่เหมือนกัน

หอยแมลงภู่ผัดพริกเผา ค่ะ สำหรับคนชอบรสเผ็ด

หอยแมลงภู่ชิลีน้ำตก

หอยเชลล์ย่างทรงเครื่อง

หอยแมลงภู่อบชีส

หอยนางรมชุบไข่ทอด
มีวิธีทำด้วยค่ะ
วนผสมหอยนางรมชุบไข่ทอด
ไข่  2 ฟอง
หอยนางรม   15 ตัว
แป้งสาลี   1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น   1/2 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับทอด   1 ถ้วย

วิธีทำหอยนางรมชุบไข่ทอด
1. ล้างหอยนางรมให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำแล้วโรยเกลือเล็กน้อย
2. ตีไข่ใส่ชามแล้วโรยแป้งสาลีค่อยๆ ตีให้ไข่และแป้งเข้ากันจนแป้งหมด
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอน้ำมันร้อนให้นำหอยชุบไข่ทีละตัว แล้วหยอดหอยลงในกระทะ
4. พอหอยสุกทั่วกันดีแล้ว ตักขึ้น(ไม่ต้องให้เหลืองเข้มมาก) ปล่อยให้สะเด็ดน้ำมัน เรียงใส่จาน
5. ตักใส่จาน เสิร์ฟคู่กับซอสพริก

http://www.lonleam.com/?p=2403 (http://www.lonleam.com/?p=2403)

ทำให้นึกถึงหอยนางรมชุบไข่ คลุกขนมปังป่นทอด   ก็เป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกันเหมือนกัน เป็นอาหารในรูปแบบของเทมปุระ มีทั้งแบบพอกแล้วพอกอีกจนตัวใหญ่ กับแบบพอกชั้นเดียว  แต่จะพอกอย่างไรก็ตาม ขนาดที่ดูจะเป็นมาตรฐานที่ยอมรับกัน คือ ประมาณนิ้วหัวแม่มือ

หารูปไม่เจอ  เจอแต่ชนิดชุบแป้งทอด
ต้องส่งไม้ต่อให้คุณเพ็ญชมพูอีกแล้วค่ะ

อาหารญี่ปุ่นประเภทนำไปคลุกแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง แล้วนำมาทอด มีชื่อเรียกว่า คัตสี カツ มีที่มาจากอาหารฝรั่งที่เรียกว่า cutlet เดิมทีญี่ปุ่นเรียกโดยทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า katsuretsu カツレツ ต่อมาจึงย่อเหลือ katsu  カツ เดิมอาหารประเภทนี้ใช้เนื้อวัวปรุง ต่อมาจึงดัดแปลงเป็นเนื้อหมู อย่างที่เรารู้จักกันในนาม ทงคัตสึ 豚カツ (とんかつ)

ส่วนที่ใช้หอยนางรมเป็นวัสดุในการปรุงอย่างที่คุณตั้งเล่า เรียกว่า คะคิคัตสึ カキカツ  ;D

คะคิคัตสึ カキカツ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า kaki fry  カキフライ หรือหอยนางรมทอดนั่นเอง  ;D

วิธีทำ

http://www.youtube.com/watch?v=md8PRvrbt6g#ws (http://www.youtube.com/watch?v=md8PRvrbt6g#ws)

おいしいですね！

เสิร์ฟสำหรับมื้อกลางวัน  ;D

สปาเก็ตตี้กุ้งผัดหอยลาย

สปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย(อย่างเดียว)

สปาเก็ตตี้ผัดหอยลาย หรือ Spagetti alle Vongole ของอิตาลี  เขาใช้หอยที่เราเรียกว่า หอยตลับ   ส่วนของเราใช้หอยอีกชนิดหนึ่งที่เราเรียกว่า หอยลาย  (และซึ่งเป็นหอยลายน้ำเค็ม มิใช่หอยลายน้ำจืดดังที่ผมได้เคยกล่าวถึง)

ในภาษาอังกฤษ ดูเหมือนจะใช้ชื่อเหมือนกัน คือ clam    ซึ่งก็ดูจะเป็นคำเรียก collective noun สำหรับหอยสองฝา ที่มี symmetry กันระหว่างสองฝา (เอาฝาใดฝาหนึ่งมาวางบนกระจก เราก็จะได้เห็นภาพของอีกฝาหนึ่ง)  clam ไม่ใช้กับหอยประเภทฝามีร่อง (groove) เช่น หอยแครง หอยคลาง ?

ผมเห็นว่าอีกไม่นานนี้ Vongole ของฝรั่ง คงจะเปลี่ยนเป็นการใช้หอยลายของไทยแทน  ก็เพราะว่า ได้เห็นหอยลาย (หอยตลับ) ตัวเล็กลงๆ และมีจำนวนตัวน้อยลงมากในสปาเก็ตตี้หนึ่งจาน

     

จานนี้ หอยตลับผัดฉ่า เป็นหอยตลับอย่าง Spagetti alle Vongole หรือเปล่าคะ

ไปเจอเพื่อนใน facebook เค้าไปกินหอยตะเภามา  เคยได้ยินชื่อเพิ่งเห็นหน้าตาก็ตอนนี้ ไว้กลับไปเมืองไทยสงสัยจะต้องไปหามาลิ้มลอง  ;D

เมืองไทยมีหอยตะเภาค่ะ  คุณประกอบกลับมาไม่อดแน่
ไปเจอเมนูแรกคือหอยตะเภาผัดฉ่า

แกงส้มหอยตะเภา

แม่นแท้ครับ

แล้วก็เคยเห็นแบบที่ใช้หอยเปลือกสีเทาดำใน Spagetti Vongole ด้วย  ตัวหอยมีขนาดเล็กกว่า เปลือกบางกว่าเล็กน้อย ส่วนโครงสร้างรูปทรงอื่นๆคล้ายๆกัน  ไม่รู้จักชื่อเฉพาะของหอยขนิดนี้ครับ   รู้แต่ว่า เรียกว่า clam ไม่ผิดแน่

ก็เลยนึกไปถึงอีกจานหอยหนึ่งครับ  ซุปหอยลาย (clam chowder) ที่ตักใส่อยู่ในขนมปังทรงกลมที่เรียกว่า Sourdough (ขนมปังแป้งหมัก ?)  แต่ไม่ทราบว่าใช้เนื้อหอยตลับหรือหอยลาย  

clam chowder
ในรูปนี้ น่าจะมีขนมปังแครกเกอร์ให้กินควบไปด้วย

ซุปหอยหม้อนี้เรียกว่า New England Clam Chowder  เป็นซุปครีมข้นคลั่กทีเดียว 

ผมคิดว่าเป็นอาหารฝรั่งอย่างหนึ่งที่เป็นยอดของการปรุงเลยทีเดียวนะครับ   

หอยลายที่เรียกกันว่า clam นี้ มันมีเอกลักษณ์ทั้งกลิ่นและรสชาติจำเพาะเฉพาะชาติพันธุ์ของมัน พ่อครัวทั้งโลกรู้ว่า ไม่ว่าจะนำมันไปปรุงอาหารอย่างไร ก็จะต้องเข้าด้วยใบโหระพา จึงจะหอมน่ากินสุดยอด   จะยกเว้นก็เฉพาะซุปหอยลายนี้เท่านั้นที่ใม่ต้องใช้ใบโหระพา    อ้อ อีกประการหนึ่ง คือ อาหารที่ปรุงด้วยหอยลายจะมีรสชาติที่ออกไปทางเค็ม 

สำหรับผมนะครับ อาหารจานหอยลายนี้ มันไปได้ดีมากกับไวน์ขาว ยังกับคอหอยกับลูกกระเดือกเลยทีเดียว  (ขออภัยหากไม่สุภาพครับ) 

เจอรูปเดียวที่เสิฟซุปหอยลายกับไวน์ขาวค่ะ     ทำไมภัตตาคารนี้ตักซุปเสียล้นจาน  น่าจะหาชามซุปที่พอดีๆ จะสวยกว่า

อยู่อังกฤษมานานกว่า 5 ปี ผมยังหากินไอ้ Chowder นี่ไม่ได้ซะทีครับ ได้ยินว่าเมื่อก่อนเป็นอาหารคนจนฝรั่งอังกฤษนิยมกัน  ไปตามร้านอาหารดูเมนูก็ยังไม่เจอร้านที่เค้าเสริฟอาหารจานนี้เลย ขนาดไปเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ก็ยังไม่เจอเลย เจอแต่ fish and  chips ถามเพื่อนฝูงฝรั่งก็ไม่เห็นเค้ากินกัน  จะเอ่ยปากให้ทำให้กินหน่อยก็เกรงใจ  จนป่านนี้เลยยังไม่เคยลองเลยครับ

สงสัยว่าจะได้กลับมากินในเมืองไทยค่ะ

แรกที่เห็นหัวข้อกระทู้ "หอย" คิดว่าคงไม่มีอะไรเท่าไหร่ เดี๋ยวก็จอด สู้ ปูจานเด็ด คงไม่ได้
ที่ไหนได้ เริ่มสูสีกันแล้ว :D

หอยซาไปเมื่อไหร่จะต่อด้วยปลาหมึกครับ  อดใจรอไว้ก่อน

เ..ย...  เป็น "พาลี" แล้ว ขนาดหลับๆตื่นๆอยู่หลังห้องนะเนี่ย ;D

สวัสดีครับ ว่าจะแอบอ่านอย่างเดียว แต่ทนไม่ไหวแล้วครับ เจอกระทู้นี้ และหลังจาก งงงัน(โง่)กับรหัสอักษรที่ต้องกรอกตอนสมัครอยู่พักนึง ก็ทำได้แล้วครับ
ปีที่แล้ว ผมเดินทางไปภูเก็ต ได้ชิม(กิน) หอยชนิดนึงไม่ทราบชื่อครับแต่รสชาติอร่อยมาก เป็นหอยสองฝาเปลือกสีดำขนาดเท่าๆหอยแมลงภู่
ผมถามคนขายแล้วลืมชื่อ ปีนี้ไปอีกก็ไม่มีขาย ขออนุญาตถามท่านผู้รู้ด้วยครับ

หอยบางชนิดในบ้านเรามีอยู่เฉพาะถิ่น


ในเมืองไทยคุณประกอบจะต้องไปลองลิ้มหอยตะเภา Hecuba scortum ที่จังหวัดตรัง ที่นั่นพบแถวหาดปากเมงและหาดเจ้าไหม


หอยของคุณ "ฒ" ชาวบ้านที่นั่นเขาเรียกว่าหอยกาบ น่าจะเป็น Mytilopsis sallei เป็นสัตว์ต่างถิ่น (alien species) มาจากแถว ๆ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ สันนิษฐานว่าอาจติดมาจากเรือสินค้า ในบ้านเรานอกจากที่ภูเก็ตก็มีที่สงขลาอีกแห่งหนึ่ง

เอกสารอ้างอิง แหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของหอยทะเลที่ต้องอนุรักษ์ (http://chm-thai.onep.go.th/chm/Doc/Publication/Mollusca/AW-Mollusca_2.pdf)  ;D

มิน่าเล่าครับ หน้าตาจึงคล้ายหอยชิลีเปลือกดำๆ ที่มีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นกล่องแบบแช่แข็ง ราคาถูกกว่าหอยแมงภู่จากนิวซีแลนด์เปลือกเขียวๆ แต่รสชาติดีกว่าอีกด้วย

เสิฟหอยกาบผัดพริกใบโหระพา ต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ

หอยกาบ ทำอาหารลูกครึ่งฝรั่ง-ไทยก็ได้  เช่นพาสต้าซอสหอยกาบ   นอกจากผสมไวน์ขาวลงในจานนี้แล้ว ยังเสิฟพร้อมไวน์ขาวอีกต่างหาก  เขาว่าเข้ากันได้สนิท

วิธีทำอยู่ในหน้านี้ค่ะ  เล่าได้น่ากินมาก
http://www.noknoi.com/magazine/series.php?id=1485 (http://www.noknoi.com/magazine/series.php?id=1485)ส่วนผสมนะคะ​

หอยกาบ (หรือหอยลาย) สด ๆ​ ๑ กิโล
เส้นพาสต้า ๒๐๐ กรัม (ดี​ที่สุด​ต้องสปาร์เก็ตตี้หรือลิงกินีค่ะ​)
ไวน์ขาว ๓/๔ ถ้วย
มะเขือเทศ ๓ ลูก ปอกเปลือก รีดเม็ดออก ​และหั่นลูกเต๋าเล็ก ๆ​
พาร์สลีย์สับ ๑/๒ ถ้วย
พริกไทย เกลือ
กระเทียมสับ ๓ กลีบ (หากชอบ ก็ใส่มากกว่านี้​ได้ค่ะ​)
น้ำมันมะกอก ๔ ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสับ ๒-๓ เม็ด (หากชอบเผ็ดก็ใส่มากขึ้น)
      
กรรมวิธีการปรุง

๑. ต้มเส้นพาสต้าในน้ำเดือดหม้อใหญ่ ไม่​ต้องใส่เกลือ จับเวลาตาม​ที่ระบุมาในห่อพาสต้า กะให้สุกทั่วถึง​แต่ตรงกลางยังเหนียว ๆ​ (​แต่ไม่ดิบ) เทน้ำออกจากหม้อเกือบหมด เหลือติดไว้นิดเดียว ทิ้งพาสต้าไว้ในหม้อ​ที่ยังอุ่น ๆ​ อยู่​

๒. จากนั้น​ก็ตั้งกระทะ (​ที่มีฝาปิด​ได้) ใส่น้ำมันมะกอก ​เอากระเทียม​ไปเจียวให้หอม ​แต่ไม่เหลือง เติมพริกขี้หนูสับ ​และมะเขือเทศสับ ผัดให้เข้ากันจนน้ำมันออกสีแดง ๆ​

๓. เติมหอยกาบ​ที่ล้างสะอาดแล้ว​ลง​ไป ตามด้วยไวน์ขาว เติมเกลือประมาณหนึ่ง​ช้อนชา ​และบดพริกไทยใส่ลง​ไปเยอะ ๆ​ ผัดคลุกเคล้าให้ทั่ว ปิดฝากระทะสัก ๒ นาที ให้หอยสุก เปลือกอ้าดี

๔. ชิมรสชาติให้ถูกใจ ให้ออกเค็มนิดนึงเผื่อสำหรับเส้น เติมเส้น​ที่ต้มไว้​ทั้งหมด เคล้าเส้น​กับซอสให้เข้ากัน

๕. ใส่พาร์สลีย์สับ​เป็นอย่างสุดท้าย เคล้าให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว

แล้ว​ก็เสิร์ฟ​ได้เลย​ค่ะ​

แน่นอนว่า หากชอบดื่มไวน์ก็​ต้องดื่มไวน์ชนิดเดียว​กับ​ที่​ใช้ทำซอสค่ะ​ ซอสนี้ควร​จะมีรสชาติอันกลมกลืน​ระหว่างกลิ่นสด ๆ​ ​และรสเค็มของหอยทะเล กลิ่นกระเทียม กลิ่นไวน์​ที่อ่อนจาง

สูตรนี้​จะ​ใช้หอยลายแทนก็​ได้ หอยแมลงภู่ก็ไม่เลว หรือทะเลรวมมิตร (กุ้ง ปลาหมึก ปลา) สำคัญ​คือของทะเล​ต้องสดมาก ๆ​ ​เพราะให้รสชาติของซอสสดใสกลมกล่อมค่ะ​

ก่อนกลับบ้าน ออกจากเมืองตาก มาขึ้นเครื่องบินที่ลอนดอน  คุณชายประกอบเทพแวะกิน chowder ได้หลายแห่งค่ะ หาร้านอาหารมาให้ตามลิ้งค์ข้างล่าง   รสชาติเป็นไงมาบอกกันบ้างนะ
อาหารอังกฤษอาจไม่ค่อยถูกปากชาววังเมืองตาก   ถ้าจะให้อร่อยจริงๆ กลับมากินที่บ้านเราดีกว่า

http://www.yelp.co.uk/search?find_desc=best+clam+chowder&find_loc=London (http://www.yelp.co.uk/search?find_desc=best+clam+chowder&find_loc=London)

ฮิฮิ กะว่าถ้าได้ไปลอนดอนเที่ยวหน้าจะไปทัวร์ลานประหารซะหน่อยครับ ติดค้างห้องน้ำผนังใสๆ ท่านนวรัตอีกที่ ยังไม่ได้ไปหาเลย เผื่อจะลองเข้าดูซักครั้ง  ส่วนซุปหอยสงสัยต้องไปหากินเมืองไทย  ขาดแต่เจ้ามือเท่านั้น  ;D

จานหอยกาบที่ อ.เทาชมพู นำเสนอมานี้ อร่อยแน่ๆ เป็นหอยกาบน้ำเค็ม    ก็ยังมีหอยกาบอีกพันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นหอยกาบน้ำจืดครับ

หอยกาบน้ำจืดนี้ ตัวโตได้ประมาณกือบๆฝ่ามือ เป็นหอยสองฝาเช่นกัน พบอยู่ในบริเวณที่ๆพื้นท้องน้ำเป็นกรวด ซึ่งก็คือบริเวณหัวแก่ง (rapids) ในห้วยหรือแม่น้ำที่มีน้ำไหลตลอดปี เช่น แควน้อย แควใหญ่ แม่น้ำน่าน     มักจะพบในพื้นที่ๆมีก้อนกรวดขนาดประมาณกำปั้น (cobble)  ไม่พบเลยในพื้นที่กรวดขนาดประมาณหัวแม่มือ (gravel) และพื้นที่ก้อนหินขนาดลูกแชร์บอลล์ (boulder)    ผิวนอกของเปลือกหอยนี้ไม่ค่อยจะราบเรียบ ไปในทางรุ่งริ่งเสียมากกว่า ชาวบ้านบอกว่า แงะออกมาบางทีก็พบเม็ดคล้ายจะเป็นมุก  สำหรับด้านในของเปลือกบางตัวก็อาจจะมีสีสรรสวยงามพอได้เหมือนกัน

แงะฝาออกก็ยากแล้ว หั่นเป็นชิ้นเล็กก็ต้องใช้มีดคมจริงๆ เอาเนื้อมาผัดเผ็ด ปรุงรสให้ดีๆ   ว้าว รสชาติดีเหมือนกัน   แต่ต้องขออภัย เป็นรสของเครื่องปรุงรส  สำหรับตัวเนื้อหอยนั้น เหนียวยังกับเคี้ยวหนังเลย       

จานนี้เป็นจานต้นกระทู้ทีเดียว  ;D

 :-[

มีหอยสดลงจานมามากแล้ว  ขอชะแว๊ปไปทางหอยแห้งสักนิดนึงครับ

เกษรหอยแมลงภู่ทอดกรอบ ก็อร่อยไม่น้อยเลยนะครับ   เพียงแต่มันหนักไปทางของแกล้มและของแนม มากกว่าที่จะจัดร่วมเข้าไปเป็นหนึ่งจานกับข้าวในสำรับอาหาร

แบบนี้ใช่ไหมคะ

ใช่เลยครับ

ทอดกรอบๆก็อร่อยพออยู่แล้ว  ก็ยังมีการนำไปยำอีก เพียงซอยหอมแดง พริกขี้หนู บีบมะนาว เหยาะน้ำตาลนิดนึง แล้วก็คลุก   
จานนี้เป็นของพวกขี้เหล้า ต้องรีบทานหน่อยเพราะความกรอบจะหายไป

จะต่อไปของยอดอร่อยของเด็กต่างจังหวัด ก็คงจะไม่เข้ากับเรื่องของกระทู้นี้    สักนิดนึงก็แล้วกันครับ คือ หอยแห้งเสียบไม้ย่างขาย ผมไม่แน่ใจนักว่าเป็นหอยแมลงภู่หรือหอยแครง หรือมีทั้งสองหอยก็มิรู้    มีขายอยู่ในร้านขายของชำประเภทของแห้ง คลับคล้ายคลับคลาว่ายังคงเห็นมีวางขายอยู่ในปัจจุบันในตลาดชาวบ้านครับ

แล้วก็ขจอไปอีกจานหนึ่ง เป็นของเด็ดของชาวใต้  แกงหอยแครง ครับ  เป็นอาหารประเภทเคี้ยวหนึบ เผ็ด แต่รสอร่อยมาก  มีทั้งแบบแกงแบบน้ำแกงขลุกขลิก กับแกงแบบแห้งที่สามารถเก็บใส่กล่อง พกพาไปกินในระหว่างการเดินทาง (ไม่ต่างไปจากผัดพริกขิงของคนภาคกลาง)   

คงจะจัดได้ว่าเป็นอาหารเด็ดประจำถิ่น  และว่ากันว่า ต้องเป็นฝีมือของครัวนคร (ศรีธรรมราช) จึงจะสุดยอด  แต่ที่จริงแล้วก็แกงกันทั่วไปทั่วภาคใต้

อาจารย์naitang เปรยถึงแกงหอยแครง เลยนึกถึงกับข้าวบ้านๆแบบจานเด็ดด้วยหอยที่ห่างเหินไปนานแล้ว คือแกงคั่วหอยแครงกับใบชะพลู บางโอกาสแม่จะทำเมนูนี้หากไม่มีเมนูด่วนใดมาตัดหน้าไปก่อน ความเด็ดอยู่ที่ความหนึบของเน้ือหอยแครงบวกความเข้มข้นกลมกล่อมของน้ำแกง ตอนนี้ก็ได้แต่ฝันถึง(รสมือแม่) :-\

กล่าวถึงใบชะพลู (เคยทราบว่า เรียกว่า ใบข้าพลู ก็มี) นอกจากคิดถึงแกงคั่วหอยขมแล้ว ก็พาลนึกไปถึงต้มหอยขมแบบน้ำใส

ครับ หอยขมเอามาต้มแบบน้ำใสก็ได้ครับ

งมหอยได้ ก็เอามาใส่ถังน้ำ แช่ค้างคืนไว้ในถังน้ำให้มันคายโคลนออกไป   จะให้ดีก็ทุบพริกสดใส่ลงไปในถังน้ำด้วย มันจะได้คายโคลนเร็วขึ้น   กะเทาะยอดเปลือกออก ล้างให้สะอาด  ต้มน้ำให้เดือด ค่อยๆเทมันลงไป  โยนกะปิดีๆหอมๆลงไปสักก้อนหัวแม่มือ (สำหรับหนึ่งชามแกง) ปรุงรสด้วยเกลือ คะเนว่าสุกดีแล้ว (ให้สุกจริงๆ เพราะมีอันตรายจากพยาธิอยู่) ก็ใส้ต้นหอมสดหั่นเป็นท่อนๆ ตามด้วยใบโหระพา  ตักใส่ชามแกง ยกมาตั้งลงในสำรับ ก็เป็นอาหารยามยากที่วิเศษเลยทีเดียว

 

เห็นรูปจากเพจ Coastal living ดูน่าทาน
เลยนำมาถามค่ะ ว่ารสชาดดีมั้ยคะหอยclamsจานนี้

ใครเคยชิมบ้าง ช่วยตอบคุณ Kunlamata หน่อยนะคะ

ไปญี่ปุ่นคราวนี้ มีหอยเป๋าฮื้อมาเสิฟด้วย     เป็นเป๋าฮื้อดิบวางมาในเปลือกหอย   ขอสารภาพว่าเป็นคนไม่ชอบอาหารทะเลดิบ  เว้นแต่นิดๆหน่อยๆเช่นข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซมมอน    จึงรู้สึกว่าหอยเป๋าฮื้อดิบที่เผลอกินเข้าไปไม่อร่อยเลย  เหนียวด้วย
ไม่ได้ถ่ายรูปมา  ก็เลยต้องเอารูปในกูเกิ้ลมาแทนค่ะ    เขามีผักอะไรเขียวๆหั่นโรยมาด้วย

เอาเป๋าฮื้อสุกมาให้ดูดีกว่าค่ะ

หอยเป๋าฮื้อย่างซีอิ๊ว

แหะๆ ช่วยเลื่อนมาทางนี้ก็ได้ครับ จะได้ไม่เสียของ แพงๆทั้งน้าน

ยกให้ทั้งจานเลยค่ะ

เยี่ยม

โจ๊กหอยเป๋าฮื้อ  หาได้ในไทยนี่แหละค่ะ

คุณครูคับ ผมสงสัยคับ

คือไอ้หอยเป๋าฮื้อนี่ ในไทยมันมีในธรรมชาติไหมครับ  ไม่เคยเห็นวางขายตามท้องตลาดหรือกินกันเลย เห็นมีแต่แบบกระป๋อง  ส่วนในญี่ปุ่นนี่มันเยอะเหลือเกินดูรายการญี่ปุ่นโกโกริโกะพวกใช้ชีวิตบนเกาะ ก็เห็นเค้าจับหอยพวกนี้กันได้ไม่ยากนัก เหมือนมีตามธรรมชาติเต็มไปหมด   เมืองไทยอยู่แถบเส้นศูนย์สูตรทำไมไม่มีหอยแบบนี้บ้าง  หรือมีแต่เราไม่นิยมกิน   เพราะได้ยินว่ามีฟาร์มเพาะเลี้ยงเหมือนกัน แต่จากธรรมชาติเหมือนไม่มี

เดี๋ยวครูเพ็ญคงเข้ามาตอบ  ตอนนี้ดูเป๋าฮื้อชามใหม่ไปพลางๆนะคะ
ซุปเป๋าฮื้อ จากบล็อคคุณ Sirivinit

ประเทศไทยพบหอยเป๋าฮื้อในธรรมชาติตามกองหินและแนวประการรับใต้น้ำ มีอยู่ ๓ ชนิด คือ Haliotis asinina, H. ovina และ H. varia หอยเป๋าฮื้อพันธุ์ไทยเหล่านี้มีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายทั่วโลก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ศูนย์พัฒนาประมงทะเลชายฝั่งตะวันออก จังหวัดระยอง ประสบความสำเร็จในการผลิตหอย H. asinina เป็นครั้งแรก ซึ่งหอยเป๋าฮื้อพันธุ์นี้มีความเป็นไปได้ทางการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์สูง เพราะว่ามีขนาดใหญ่ มีสัดส่วนของเนื้อที่ใช้เป็นอาหารมากกว่าอีก ๒ ชนิด ในระยะเวลา ๑ ปี จะมีขนาดถึง ๔ เซนติเมตร พบแพร่กระจายทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน หอยเป๋าฮื้อ H. asinina อาศัยตามแนวโขดหิน ชายทะเลหรือเกาะที่มีปะการังแผ่นใต้น้ำที่ระดับความลึกตั้งแต่ ๒ - ๑๐ เมตร หอยชนิดนี้จะกินตะไคร่น้ำ (ไดอะตอมเกาะติด) หรือสาหร่ายสีแดงขนาดเล็กที่เกาะตามโขดหินใต้น้ำเป็นอาหารโดยจะออกหาอาหารกินเวลากลางคืน การรวบรวมหอยชนิดนี้ในธรรมชาติมักทำในเวลากลางวัน ขณะที่น้ำลงต่ำสุด

ปัจจุบันยังไม่มีการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย แต่มีการรวบรวมหอยเป๋าฮื้อชนิด H. asinina และ H. ovina จากธรรมชาติ เพื่อส่งภัตตาคารในลักษณะหอยสดที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลานานแล้ว ปัจจุบันการบริโภคหอยแปรรูปหรือบรรจุกระป๋องของไทยนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น เนื่องจากหอยจากธรรมชาติมีจำนวนลดลงในขณะที่ยังมีผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานจึงได้เริ่มต้นศึกษาหอยเป๋าฮื้อชนิดนี้อย่างจริงจังและพัฒนาเทคนิคการเพาะและอนุบาลจนสามารถควบคุมการปล่อยไข่และน้ำเชื้อได้ ตลอดปีมีการศึกษาการสร้างแหล่งสาหร่ายบนปะการังเทียมเพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ

ข้อมูลจาก  thaifeed.net  (http://www.thaifeed.net/article-61-1.html)

เคยคุยกับนักศึกษาไทยที่ไปเรียนเอกที่อังกฤษ บอกว่ายังเลี้ยงไม่ได้ครับ ในไทยน้ำไม่ดี มีคนทดลองแล้วขาดทุนมาก ข้อเสียของหอยต่างจากกุ้งปลาคือพวกนั้นน้ำเสียก็แสดงอาการออกมา ส่วนหอยนั้นยึดกับพื้นผิว ถ้าลอยขึ้นมาคือเน่าแล้ว แก้ไขไม่ทันสักทีครับ

ขอไปยังหอยอีกจานหนึ่ง ซึ่งดูจะไม่เป็นที่นิยมบริโภคในสำรับอาหารตามปกติ  แต่ดูจะเป็นจานแกล้มเหล้าที่นิยมกันพอสมควร  ได้แก่ ยำหอยแครง ครับ     

จานนี้ จัดเป็นจานหนึ่งที่สำคัญในเมนูอาหารของร้านอาหารในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ระดับอำเภอ  ซึ่งก็คงจะมาจากการที่ร้านอาหารพยายามนำเสนออาหารที่มาจากทะเล แต่การที่พยายามจะเสนอความสดนั้น คงเป็นไปได้ยาก  ก็แก้ไขโดยการลวกให้สุกแล้วแกะเปลือกเก็บแช่เย็นไว้  จะเอามาลวกจิ้มอีกครั้งก็ไม่ได้ เลยออกไปทางยำ   คอสุราก็ชอบ เคี้ยวหนึบดี และได้ทั้งรสน้ำยำและเครื่องยำที่ใส่ตะไคร้ หอมซอย พริกสด สะระแหน่ อาจจะมีแถมใบมะกูดซอยอีกด้วย     

ก็เลยต้องเลยไปอีกหอยหนึ่ง คือ หอยแมลงภู่ดอง ที่ใส่เครื่องคล้ายๆกัน แต่กินเป็นแบบน้ำพริก แนมด้วยผักสด โดยเฉพาะกับเหง้าขมิ้นขาว ซึ่งเข้ากันได้ดีดังปี่กับขลุ่ย  ไม่ต่างไปจากคู่หูระหว่างหอยนางรมสด หอมเจียว กระเทียมสด บีบมะนาว แล้วแนมกับยอดกฐิน

อันว่า เง่าขมิ้นขาวนี้ อืม์...   หยุดไว้เท่านี้นะครับ   

ยำหอยแครง

เพื่อนไปรับเลี้ยงซีฟู้ดมื้อใหญ่ ส่งรูปมาทางไลน์พร้อมคำบรรยาย

หอยจานเด็ดจานแรก -  หอยสังข์แคะออกไปสไลด์บาง ปรุงสุกกับน้ำมันเนย แล้วยัดไส้กลับไปในหอย นำมาเสิร์ฟ

หอยจานเด็ดจานที่สอง - หอยใหญ่ปรุงสุกด้วยครีมขาวแล้วโปะด้วยชีสมาเสิร์ฟ

หอยใหญ่ที่เพื่อนว่าน่าจะเป็นหอยตะโกรม บนชีสมีถั่วพิสทาชิโอโรยหน้าด้วย  ;D

กลับไปอ่าน คห.ของตัวเอง ก็ได้พบว่าเขียนเพลินไปหน่อย เลยกลายเป็นกินหอยนางรมสดกับยอดกฐิน  ขออภัยจริงๆครับ :-[   ที่ถูกต้องเป็นกระถิน ครับ

ไม่เป็นไรหรอกโย้ม พระชอบ ;D

มีหอยของญี่ปุ่นมาเสิฟอีกจานค่ะ  ซูชิหอยแครงญี่ปุ่น (Akagai sushi)

เหง้าขมิ้นขาวมีสรรพคุณเช่นไรหรือครับอาจารย์naitang
ขอยกมือเรียนถามจากหลังห้อง ???

ตามกระแสการดูแลรักษาสุขภาพในสังคมปัจจุบัน  ขมิ้นขาวก็ถูกบอกกล่า่วว่าเป็นพวกมีสรรพคุณดูแล ซ่อมแซม และเสริมสร้างการทำงานของระบบที่เกี่ยวกับการย่อย ดูดซึมอาหาร และการขับสารพิษ  รวมไปถึงการหยุดยั้งและป้องกันมะเร็ง

ขมิ้นขาวเป็นพืชในตระกูลขิง ข่า (ในเชิงรูปพรรณนะครับ มิใช่ในเชิงวิทยาศาสตร์)   มีรสเผ็ดน้อยๆพอที่จะนำมาทำเป็นยำได้  มีกลิ่นหอม มีความกรอบ อืม์

พืชในตะกูลเหง้าทั้งหลาย เกือบทั้งหมดจะมีสรรพคุณในด้านเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร  ซึ่งที่เด่นชัดมากที่สุด ก็คือ ในด้านการขับลมในระบบทางเดินอาหาร (เช่น ขิง ข่า ข่าลิง ขมิ้น ขมิ้นชัน เร่ว ทิงเพราะ เปราะ กระชาย rhubarb ค้างคาวดำ ฯลฯ)   อาทิ ยาธาตุน้ำแดงก็มีส่วนผสมของ rhubarb  ยาขับลม Carminative ก็มีส่วนผสมของกระชาย        ต่างกับพวกพืชมีหัวที่ใช้ไปในด้านเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรท ที่ชื่อมักจะชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า มัน... (เช่น มันฝรั่ง มันเทศ มันอาลู มันสัมปะหลัง มันแกว กลอย เผือก ฯลฯ)   

ขอบพระคุณมากครับ

ยังมีอีกจานหอยหนึ่งที่เป็นสุดยอดอันตรายสำหรับการบริโภค  คือ ลาบหอยโข่ง และ หอยโข่งลวกจิ้ม  เป็นอาหารดิบ ในปัจจุบันนี้คงเกือบจะไม่มีผู้ใดกินกันแล้ว

หอยโข่งเป็นหอยน้ำจืดที่อุดมไปด้วยพยาธิและเชื้อโรคต่างๆ ที่ทำให้พิการและตายได้ทั้งนั้น   โรคพยาธิใบไม้ในตับก็เป็นหนึ่ง โรคเยื่อสมองอักเสบก็เป็นอีกหนึ่ง อย่าได้ไปลองเข้าเชียวนา

นำจานนี้มากล่าวถึงก็เพราะเป็นจานยอดฮิตในอดีตของชาวบ้านทั้งภาคเหนือและอิสาน (นิยมในภาคอิสานมากกว่า)

แต่ก่อนก็โอเคกับเแกงคั่วหอยขม ได้อารมณ์ตอมจุ๊บเนื้อหอยออกจากเปลือกเวลารับประทาน
แต่เดี๋ยวนี้ชักแหยงเรื่องพยาธิที่แฝงอยู่หอยนี่แหละครับ ::)

ย้อนกลับไปดูในกระทู้นี้ก็เห็น (ของไทย) มีแต่พวกแกง ผัด ลวก ยำ และอบ    ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เราก็มีหอยเผาหรือหอยย่างเหมือนกับญี่ปุ่นเหมือนกัน  เป็นจานที่พบได้ในร้านทะเลเผาทั่วๆไป     

ซึ่งมีความต่างกับของญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นนิยมที่จะเห็นหอยมันค่อยๆคายน้ำ ค่อยๆตาย แล้วก็กินมันในขณะที่มันยังกระดึบๆจวนตายเต็มที ก็เลยต้องมีการนำเอามาย่างบนเตาเล็กๆต่อหน้าต่อตา  เขากินที่รสเนื้อสดของหอย   
คนไทยไม่นิยมอะไรที่โหดขนาดนั้น เลยกินแบบมีพ่อครัวจัดการเผามาจนสุก  หอยที่นิยมก็จะดูจะมีหอยแครง หอยแมลงภู่เผา และน้องใหม่ หอยหวานเผา  ซึ่งทั้งหลายนี้ก็รู้สึกเจ็บกระเป๋าสตางค์พอควรแล้ว  จานหอยเผาของเราก็เลยดูจะไม่ไปถึงหอยชนิดอื่นๆ   เรากินที่รสเนื้อสุกของหอยกับน้ำจิ้มที่เข้ากัน  ซึ่งต้องทำมาจากพริกขี้หนูสด กระเทียมสด และน้ำมะนาวสด เท่านั้น เป็นน้ำจิ้มที่ขึ้นชื่อลือชาที่กระฉ่อนไปทั้งโลกเหมือนกัน  แต่กระนั้นก็ตาม น้ำปลาสดจากให ซอยหอมแดงใส่ ซอยกระเทียมใสอีกเล็dน้อย บีบมะนาว ก็เป็นน้ำจิ้มที่สุดยอดไม่แพ้กัน     

เสิฟ หอยหวานเผา  ค่ะ

ตามมาด้วยหอยแมลงภู่เผา

หอยแครงเผา

หอยเป็น filter feeder เพราะฉะนั้นจึงสะสมทั้งสารเคมีและโลหะหนักที่ปนเปื้อนมนน้ำ เพื่อนนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่รู้จักไม่กินหอย (เช่นกันกับกุ้ง) เมื่อก่อนยังพอทำเนา น้ำดีน้ำสะอาด แต่ตอนนี้คนมากขึ้นปล่อยของเสียลงสู่แม่น้ำ กินหอยนอกจากพยาธิแล้ว ควรระวังเรื่องเชื้อโรคทั้ง virus และ bacteria ครับ

http://www.thairath.co.th/content/471687 (http://www.thairath.co.th/content/471687)