เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: SILA ที่ 30 ก.ย. 08, 17:03



กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 ก.ย. 08, 17:03
Out of Africa   รักที่ริมขอบฟ้า จำลาพรากจากแสงตะวัน

เรื่องรักในหนังและหนังสือ:

      พรากจากแสงตะวัน - ชื่อหนังสือแปลโดยคุณสุริยฉัตร ชัยมงคล ผู้พรากจากบรรณภพไปแล้ว, 
      รักที่ริมขอบฟ้า - ชื่อหนังเขียนบทจากหนังสือ Out of Africa และ
                              Isak Dinesen: The Life of a Storyteller และ Silence Will Speak )

     ผู้ที่เข้าชม Out of Africa หากไม่ใช่ผู้ที่นิยมหนังแนวดรามา ดำเนินเรื่องเชื่องช้าละเมียดละไมก็คงต้อง
พ่ายแพ้แก่ความง่วงจนหลับไป เหลือคนที่ตื่นรับรู้คือผู้ที่ได้สัมผัสอิ่มเอมกับความซาบซึ้งประทับใจจากเรื่องราว
ชีวิตใหม่ในกาฬทวีปของเธอ - คาเรน บลิกเซน ที่มีทั้งความสุข และความเศร้า เมื่อเธอต้องจำพรากจากดินแดน
อันเป็นที่รักกลับสู่บ้านเกิดในเดนมาร์ก
      เธอได้เขียนหนังสือเล่าเรื่องราวชีวิตช่วงนั้นในชื่อ Out of Africa โดยใช้นามปากกา Isak Dinesen

      ผลงานการเขียน(การเล่าเรื่อง) ของเธอได้รับการตอบรับชื่นชมอย่างดีถึงขนาดเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการพิจารณา
สำหรับรางวัลโนเบล  และเฮมิงเวย์ผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นได้เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ว่าเป็น

          "the best book about Africa that I ever read"

OUT OF AFRICA by Dinesen, Isak

Edition:1st American Edition
Date published:1938


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 ก.ย. 08, 17:07
       หนังเปิดจอด้วยภาพพระอาทิตย์ริมขอบฟ้าเหนือท้องทุ่ง ต่อมาเป็นภาพระยะไกลของผู้ชายยกปืนพาดไหล่
ยืนย้อนแสงตะวันแลเห็นเพียงรางเลือน เสียงหญิงมีอายุบรรยายถึงชายคนนั้นนามว่า - เดนิส ผู้ท่องซาฟารี
โดยมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเพลงของโมสาร์ทเป็นเพื่อนร่วมทาง แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแต่เธอยังคงฝันถึงเขา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 ก.ย. 08, 17:16
       เธอเริ่มลงมือเขียนเล่าเรื่องราวของเขาและเธอเมื่อครั้งเคยใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกา ปรากฎเป็นหนังสือ
ซึ่งขึ้นต้นบทแรกด้วยข้อความว่า   

               I had a farm in Africa at the foot of the Ngong Hills.
The Equator runs across these highlands, a hundred miles to the north, and
the farm lay at an altitude of over six thousand feet. In the day-time you felt
that you had got high up; near to the sun, but the early mornings and evenings
were limpid and restful, and the nights were cold.


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 ก.ย. 08, 17:20
           เรื่องราวความสัมพันธ์ของคู่รักที่กลายเป็นตำนานเรื่องหนึ่งของแอฟริกานี้ ไม่ได้มีแต่รสหวานชื่น
หากจบลงด้วยความพลัดพราก แม้ว่าทั้งสองจะดูเหมือนว่าต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน แต่เดนิสนั้นเป็นคนรัก
ที่ไม่ยอมหยุดพักพิง ด้วยว่าเขากลัวการผูกมัด
           
           ห้วงทศวรรษสุดท้ายในแอฟริกา คือช่วงเวลาสลับระหว่างความสุขล้นกับเดนิส และความทุกข์ทนทั้งโรคทางกาย
และภาวะจิตใจตกต่ำ สุดท้ายในปี 1931 หลังการสูญเสียทั้งธุรกิจไร่กาแฟ และเดนิสคนรัก เธอเดินทางกลับเดนมาร์ก และ
ไม่เคยกลับมาเยือนแอฟริกาอีกเลย

            หนังสือ Out of Africa เป็นบันทึกความทรงจำในแอฟริกาที่กล่าวถึงเดนิสในฐานะเพื่อน แต่ในหนัง
ชื่อเดียวกันได้ให้รายละเอียดความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งสอง ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องแต่ง


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 ต.ค. 08, 09:18
Meryl Streep รับบท Karen Blixen


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 ต.ค. 08, 09:20
Robert Redford รับบท Denys Finch Hatton


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 ต.ค. 08, 09:25
        Karen Blixen(นักเขียน-นักเล่าเรื่องในนามปากกา Isak Dinesen) เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน ปี 1885
ที่ Rungstedlund ทางตอนเหนือของกรุงโคเปนเฮเกน เธอได้รับการศึกษาจาก Art School และ Academy of Art
ในกรุงโคเปนเฮเกน
         ด้วยความที่เธอสนิทสนมกับบิดา (Wilhelm Dinesen) คาเรนจึงได้รับการถ่ายทอดความรู้ความสามารถทางศิลปะ
และนิสัยนิยมการผจญภัยเหมือนท่าน แต่เมื่อเธออายุได้เพียง 10 ปี (ปี 1895) ท่านได้กระทำอัตวินิบาตกรรม(ยิงตัวตาย)
เนื่องจากป่วยเป็นซิฟิลิส (ด้วยความกลัวว่าจะเกิดอาการวิกลจริตจากซิฟิลิสขึ้นสมองในระยะสุดท้าย) ทิ้งให้เธอตกอยู่ใน
สภาพว้าเหว่โศกเศร้าและ รู้สึกเบื่อหน่ายสิ่งแวดล้อม
   
        ในปี 1913 พร้อมวัยที่นับว่ามากแล้วสำหรับสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานในยุคนั้น เธอจึงได้หมั้นหมายกับลูกพี่ลูกน้องชาวสวีเดน
- Baron Bror von Blixen-Finecke (หลังจากที่ผิดหวังในความรักจากชายอีกคนหนึ่งซึ่งความจริงแล้วก็เป็นพี่น้องฝาแฝด
กับคู่หมั้นของเธอนั่นเอง) เขาได้เดินทางล่วงหน้ามาแอฟริกาเพื่อหาซื้อที่ดินทำธุรกิจ ส่วนเธอเดินทางตามมาโดยเรือ
ออกจากเมืองท่าเนเปิลในเดือนธันวาคม ทั้งสองเข้าพิธีสมรสที่แอฟริกาในเดือนมกราคม 1914 และ เธอได้รับคำนำหน้า
เป็น Baroness
       ด้วยนิสัยรักการผจญภัยเธอจึงปรับตัวเข้ากับชีวิตที่แอฟริกาได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงวิถีชีวิต
แบบยุโรป แต่งกายด้วยเสื้อผ้าไม่แพงหรูแต่ดูดี สวมหมวกงามที่ไม่ต้องติดตามเทรนด์ ยังคงรักเสียงเพลง ศิลปะ และ
หนังสือ ในยามว่างเธอจับงานคิด งานเขียนและงานวาด
       เธอได้ริเริ่มดำเนินกิจการไร่กาแฟบนที่ดินที่ซื้อหาไว้ใกล้ Nairobi, Kenya  โดยมีชาวเผ่า Kikuyu เป็นคนงาน


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 ต.ค. 08, 09:40
       คาเรนรู้สึกชื่นชมชาวพื้นเมืองตั้งแต่วันแรกที่เธอมาถึง พวกเขามารวมตัวกันต้อนรับเธอทั้งในฐานะ
เจ้าสาวหมาดๆ และคุณผู้หญิง
       ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายเจริญงอกงามมากกว่าการเป็นนายจ้างกับลูกจ้างทั่วไป เธอรู้สึกอบอุ่น
เหมือนกับว่าแอฟริกานี้คือบ้านของเธอ ที่มีวัฒนธรรมของชนเผ่าอันแตกต่างกันทั้งโซมาลิ มาไซ คิคูยู
เป็นตัวแทนภาพหลากหลายของแอฟริกา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 ต.ค. 08, 10:25
            ช่วงปีแรกในแผ่นดินใหม่ คาเรนทำไร่และออกท่องซาฟารีกับสามี  ชีวิตในดินแดนแปลกถิ่นเริ่มต้นด้วยดี
เหมือนฝัน เธอเขียนบรรยายว่า

          "Here at long last one was in a position not to give a damn for all conventions,
here was a new kind of freedom which until then one had only found in dreams!"

ภาพจาก http://flickr.com/photos/54314083@N00/2260973


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:15
         แต่การแต่งงานกับชายคนหนึ่งเพราะความรักที่ไม่สมหวังจากชายอีกคนหนึ่ง แล้วจึงได้พบว่า
      ทั้งคู่มีความแตกต่างกันอย่างมากมาย ทั้งด้านรสนิยมและอุปนิสัย  Bror เป็นหนุ่มรักสนุก ดื่มได้ทั้งคืน
แล้วยังออกท่องซาฟารีต่อได้ทั้งวัน ไม่เอาการเอางานแล้วยังเจ้าชู้ ไม่รู้ว่ายุคฟื้นฟูศิลปวิทยากับสงครามครูเสด
อย่างไหนเกิดก่อนกัน และข้อสำคัญคือความไม่ซื่อสัตย์ต่อกันทั้งในเรื่องเงินและการครองคู่ ผลสุดท้ายคือ
ชีวิตสมรสที่คลอนแคลนและจบลง
     
         ปีต่อมา ในเดือนกรกฎาคม คาเรนต้องเดินทางกลับเดนมาร์กเพื่อรับการรักษาซิฟิลิสที่บรอร์นำมาให้เธอ
ตั้งแต่ในช่วงปีแรกของการแต่งงาน
           ในสมัยนั้นซิฟิลิสคือโรคร้ายที่น่าสะพรึงกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเธอ เพราะโรคนี้คือสาเหตุ
ที่ทำให้บิดาของเธอยิงตัวตายด้วยความกลัวว่าจะเป็นซิฟิลิสขึ้นสมองแล้วมีอาการวิกลจริต
          หลังการรักษาด้วย arsenic (สารหนู และอาจมีปรอทร่วมด้วย) ซึ่งได้ผลดี แต่ก็มีผลข้างเคียง
ต่อสุขภาพในระยะยาว ทำให้เธอมีอาการเจ็บป่วยต่อมาเป็นระยะๆ ที่น่าเชื่อว่าเป็นผลจากการรักษานี้
ร่วมกับภาวะทางด้านจิตใจของเธอ

เธอเคยเขียนถึงบรอร์ในเวลาต่อมาว่า

                 "When I think of Bror--which, I must say, is rare--
                it seems impossible to imagine a worse bastard."         

Klaus Maria Brandauer รับบท  Baron Bror Blixen


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:23
        คาเรนกลับมาแอฟริกาอีกครั้งในปี 1916 ดำเนินกิจการไร่กาแฟต่อด้วยเงินทุนจากญาติ
เธอซื้อที่เพิ่มเติม และได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านบนที่ผืนใหม่นี้ที่เธอเรียกว่า Bogani แปลว่า บ้านป่า
บ้านหลังนี้คือฉากของผลงานเขียนเล่าเรื่องแอฟริกาของเธอ
         


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:26
           แม้เป็นคนที่เรียนและรักศิลปะ แต่คาเรนเป็นหญิงเก่ง ช่วยเหลือตัวเองตัวเองได้ ไม่ใช่ต้องคอยพึ่งพิงใคร
เธอมีคุณสมบัติที่เหมาะกับดินแดนที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้ เธอมีความรักให้กับแผ่นดินและผู้คนพื้นเมือง
ที่เป็นคนงานในไร่
          นอกจากงานในไร่แล้ว เธอยังจัดให้มีการสอนภาษาอังกฤษ ให้การปฐมพยาบาล และการรักษา
ความเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยยาสามัญประจำบ้านแก่ชาวพื้นเมืองด้วย   


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:32
          2 ปีต่อมาชายผู้เป็นยอดรักแห่งชีวิตได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ เขาคือ Denys Finch Hatton
ทั้งสองได้พบกันที่คลับในไนโรบี เมื่อแรกเห็นเธอก็เหมือนกับต้องมนต์เสน่ห์ของผู้ดีอังกฤษที่มาเยือนแอฟริกา
เพื่อล่าสัตว์และทำธุรกิจ


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:40
        เดนิส คือผู้ดีอังกฤษเจ้าเสน่ห์ เกิดเมื่อ 24 เมษายน 1887 มีชาติตระกูลดี -บิดาเป็นท่านเอิร์ล
มีการศึกษาดี - จบจากโรงเรียน Eton แล้วศึกษาต่อที่ Oxford เขาคือนักเรียนที่โดดเด่น
เป็นนักเล่าเรื่อง นักวาด นักร้อง กวีและนักกีฬา เป็นที่รักของเพื่อนๆ
        ในปี 1911 เมื่อเขาอายุได้ 24 ปี เขาเดินทางมาแอฟริกาและซื้อที่ดินไว้ด้วยเงินมรดกจากคุณลุง
เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว และกลับไปอังกฤษในช่วงฤดูที่เหลือ

          ไม่มีใครเคยได้ยินว่าเขามีความรักผูกพันกับหญิงใดมาก่อนที่เขาจะได้พบกับคาเรน(ซึ่งมีอายุมากกว่า 2 ปี)
เมื่อเขามีอายุได้ 31 ปี ทั้งคู่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกันที่คลับ ในวันที่ 5 เมษายน 1918 หลังจากที่เขาได้รับ
หมายเรียกให้ไปรับใช้ชาติเป็นทหารที่อียิปต์ ก่อนที่เขาถูกย้ายไปประจำการที่อื่น

           หลังรับใช้ชาติเขากลับมาแอฟริกาในเดือนพฤศจิกายน 1918 และได้สร้างสานมิตรภาพกับคาเรน
และสามีของเธอ นอกจากนี้เขายังคบหามีเพื่อนที่เป็นผู้มาตั้งถิ่นฐานที่นี่อีกมากมาย


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:52
          ในปี 1920 เขาต้องเดินทางออกจากแอฟริกาไปนานกว่า 1 ปีด้วยปัญหาสภาวะทางเศรษฐกิจที่ทำให้
เขาต้องขายฟาร์มที่นี่ไป   
            ถึงปี 1921 คาเรนได้แยกกันอยู่จากสามี และดำเนินกิจการไร่กาแฟต่อไป ในขณะที่ บรอร์หันไปดำเนิน
ธุรกิจท่องซาฟารีมีผู้มาใช้บริการเป็นคนดังอย่างเช่น เออร์เนสท์ เฮมิงเวย์   

            เดนิสกลับมาอีกครั้งในปี 1922 และได้ลงทุนในบริษัทพัฒนาที่ดิน เขาสานต่อความสัมพันธ์อันงอกงามกับคาเรน
มาเป็นแขกคนพิเศษของบ้านป่า ผู้นำความพึงใจมาสู่เธอทุกครั้งที่มาเยือน ทั้งสองมีความสนใจในศิลปะ หนังสือ ดนตรี เหมือนกัน
แต่เมื่อถึงคราวท่องซาฟารี ทั้งสองก็พลิกบทเป็นนักท่องไพร กลางวันยิงปืน กลางคืนฟังโมสาร์ท
            เดนิสคือชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติเหมือนเป็นตัวแทนของบิดาที่เธอสนิทสนมในวัยเด็ก ในปีนี้เองที่คาเรนได้ตั้งครรภ์
ครั้งแรกแต่ตกไป


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 15:57
        ความสัมพันธ์ของเธอและเดนิสเริ่มบนพื้นฐานที่ต่างยอมรับในความเป็นอิสระของทั้งสองฝ่าย แต่
เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็กลับกลายเป็นฝ่ายผูกพันเฝ้ารอคอยการมาถึงของเขา
         เธอจะใช้เวลานานเป็นสัปดาห์เป็นเดือนในการตระเตรียมสรรพสิ่งเพื่อต้อนการกลับมาของเขา และ
เมื่อเขาจากไปเธอก็จะตกอยู่ในอาการซึมเศร้าอยู่นานนับสัปดาห์นับเดือน ดังที่เธอเขียนไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งว่า

          "to love the ground he walks upon, to be happy beyond words when he is here,
and to suffer worse than death many times when he leaves."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 16:05
       เดนิสย้ายเข้ามาอยู่กับคาเรนในปี 1924 ก่อนหน้าที่เธอจะหย่าขาดอย่างเป็นทางการจากสามีในเดือนมกราคม 1925
เขาดำเนินอาชีพพาคนมั่งมีท่องซาฟารีโดยมีคนสำคัญที่มีชื่อเสียงหลายคนได้เคยมาใช้บริการจากเขา
         ในปี 1926 คาเรนอาจจะเข้าใจผิดว่าตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์แล้วตกไปอีก ความสัมพันธ์ของเธอกับเดนิสปรากฏ
ความไม่ลงรอยเนื่องมาจากเขากลัวการผูกมัด เมื่อเธอส่งโทรเลขไปบอกข่าวทารกในครรภ์กับเดนิสโดยใช้คำว่า Daniel แทน
เดนิสได้ตอบทางโทรเลขกลับมาว่า

          "Reference your cable and my reply please do as you like about Daniel
as I should welcome him if I could offer partnership but this is impossible
STOP You will I know consider your mother's views Denys."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 16:08
           ปี 1927 เป็นปีแห่งความสุขเมื่อเดนิสให้เวลาอยู่กับเธอมากขึ้น เธอได้มีโอกาสถวายการต้อนรับเจ้าชายแห่งเวลซ์
(พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด และสุดท้ายท่านดยุคแห่งวินเซอร์ในกาลต่อมา) ในเดือนธันวาคม 1928 โดยมีเดนิสและบรอร์นำเจ้าชายเสด็จซาฟารี


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 16:11
        เดนิสได้เข้าเรียนการบินในปี 1929 แล้วซื้อเครื่องบินมาใช้ในฤดูร้อนปีต่อมา ในสมัยนั้นการเรียน การมีเครื่องบิน
ไม่ได้เป็นเรื่องยาก เขาประสบอุบัติเหตุขณะบินในอังกฤษจนต้องส่งซ่อมก่อนจะนำลงเรือกลับมา แล้วพาคาเรนและเพื่อนๆ
ซึ่งรวมทั้ง Beryl Markham * ขึ้นบินชมทัศนียภาพงามงดของแอฟริกาทางอากาศ


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 16:13
         ปี 1930 เป็นปีวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลอย่างหนักต่อฐานะการเงินของไร่กาแฟซึ่งให้ผลผลิตไม่ดี
เนื่องจากดินไม่เหมาะกับการปลูกกาแฟ เดนิสตั้งชื่อเครื่องบินที่เขาซื้อมาว่า Nzige (แปลว่าเจ้าตั๊กแตน)
เขาพาเธอบินเหนือผืนแผ่นดินแอฟริกาที่เธอรัก

เธอได้เขียนบรรยายว่า

               "To Denys Finch-Hatton I owe what was, I think,
      the greatest, the most transporting pleasure of my life on the farm:
                I flew with him over Africa."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ต.ค. 08, 16:17
* Beryl Markham สาวชาวอังกฤษย้ายมาเคนยากับครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก มีความสัมพันธ์กับเดนิสในช่วง
ปี 1930-31 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เธอเป็นนักบินหญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอ็ตแลนติก
จากฝั่งตะวันออกไปตะวันตก ในหนังคือตัวละครสาวนามว่า Felicity


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ต.ค. 08, 09:27
         ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้มีวันสิ้นสุด เธอจำต้องขายไร่กาแฟไปในเดือนมีนาคมปีต่อมา
ในขณะที่สายสัมพันธ์กับเดนิสก็คลอนคลายด้วยฝ่ายชายกลัวการผูกมัด  คาเรนซึ่งอยู่ในฐานะแม่ม่าย
ไร้ทรัพย์สิน ไม่มีใคร ไม่เหลืออะไร ไม่มีเหตุใดให้อยู่ที่นี่ต่อไป (ยกเว้นว่าเธอจะได้แต่งงานอยู่กับเดนิส
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้)
            เธอไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากการลาจากแอฟริกากลับคืนบ้านเกิด 
 
           นักชีวประวัติบางคนบอกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในภาวะจืดจางลงแล้ว และเดนิสได้ทิ้งคาเรน
ไปหา Beryl ที่สาวกว่าและเป็นนักบินเช่นกัน บางคนว่าเดนิสอยู่กับคาเรนจนกระทั่งสองสามสัปดาห์
ก่อนเที่ยวบินสุดท้ายของเขา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ต.ค. 08, 09:31
        ในเดือนพฤษภาคม 1931 เดนิสบินไปกระท่อมริมทะเลที่มอมบาซา แล้วบินกลับมาเพื่อมองหา
โขลงช้างทางอากาศโดยมีคนรับใช้ร่วมโดยสาร
         14 พฤษภาคม 1931 หลังจากที่เครื่องบินของเขาทะยานขึ้นได้ไม่นาน เครื่องยนต์เกิดขัดข้อง ทั้งเดนิส
และคนรับใช้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกไฟลุกไหม้   

(บางคนกล่าวว่าเดนิสมีนัดพบกับผู้หญิงคนใหม่ - Beryl ในการเดินทางครั้งนี้ บ้างบอกว่าในเที่ยวบินสุดท้ายนั้น
แต่แรก Beryl จะร่วมโดยสารไปด้วย แต่คนรับใช้ชาวพื้นเมืองซึ่งมีอำนาจพิเศษได้ห้ามเธอไว้)

         ร่างของเขาถูกนำกลับมาแล้วทำพิธีฝังไว้ที่เนินเขา Ngong ที่ซึ่งเขาเคยเอ่ยไว้ว่าปรารถนาจะอยู่ที่นี่
           มีเรื่องเล่าในเวลาต่อมาเมื่อเธอกลับไปอยู่ที่เดนมาร์กแล้วว่าสิงโตทั้งเพศผู้และเมียชอบขึ้นมาเยี่ยมเยียน
และนอนรับแสงแดดอุ่นสบายที่หลุมศพแห่งนี้


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ต.ค. 08, 09:35
          ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเดนมาร์กนี้ คือวันคืนแห่งห้วงอารมณ์สูญเสียรุนแรงเป็นทวีคูณของคาเรน
            ทั้งแผ่นดินที่เธอรักแต่ต้องพรากจาก ทั้งชายผู้เป็นคนรักแห่งชีวิตของเธอ แต่
            แม้จะดูเหมือนว่าในขณะนั้น ณ ที่นี้ เธอไม่มีใคร ไม่เหลืออะไรแล้ว ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ลืมชาวพื้นเมือง
คิคูยูของเธอ ก่อนกลับบ้านเกิดเธอได้ดำเนินการเพื่อหาที่ดินให้แก่ชนเผ่าต่างๆ เป็นผลสำเร็จ พวกเขาได้อาศัยอยู่
ในพื้นที่ส่วนหนึ่งไม่ไกลจากไร่ของเธอ

ที่สถานีรถไฟ คาเรนอำลาแอฟริกา และ Farah ผู้ที่เป็นทั้งพ่อบ้าน ผู้ช่วยงาน และเพื่อนสนิทของเธอตลอดช่วงเวลา
ในแอฟริกา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 09:42
           คาเรน เดนิส - คู่สร้าง คู่สม ที่ไม่อาจสมหวังในรัก

      ทั้งคาเรนและเดนิส ต่างเป็นศิลปิน นักคิด นักสนทนา และนักล่าผู้มีฝีมือ ทั้งสองคือคู่ที่เหมาะสมราวกับว่า
ต่างก็เกิดมาเพื่อกันและกัน เป็นคู่แท้ที่แม้อยู่ห่างกันแสนไกลแต่ก็ได้ข้ามมหาสมุทรเพื่อมาพบกันที่แอฟริกา
          ทว่าสุดท้ายแล้วในความสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ดีนั้น กลับปรากฏจุดขัดแย้งหรือจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้
สายสัมพันธ์นั้นกลับกลาย
          สำหรับเธอ สายสวาทไม่อาจพาไปถึงจุดหมายคือการครอบครองคู่อยู่ด้วยกันมั่นคง
          สำหรับเขา สายใยนั้นคือพันธนาการที่ไม่อาจทานทนได้   

       


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 09:50
          ไม่น่าแปลกใจอย่างใดเลยที่คาเรนจะตกหลุมรักเข้าอย่างจังในชายคนนี้ที่ชื่อ เดนิส
        เดนิสผู้มีรูปงามสะดุดสายตา เข้มแข็ง ฉลาด กล้าหาญ เป็นสุภาพบุรุษยุคเอ็ดเวิร์ด เป็นวีรบุรุษสงคราม
ผู้รักอุปรากรและวรรณคดี เป็นเทพศิลป์ผู้ช่วยพาเธอผ่านช่วงเวลาทดท้อ จากชีวิตการแต่งงานที่ปราศจากความรัก
ธุรกิจทำไร่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ และซิฟิลิส
         เขาคือภาพในฝันที่เป็นจริงของพระเอกนายพรานผู้ปราบสิงห์ร้ายในกาฬทวีป มีตัวตนให้เธอได้สัมผัส
ได้ฟังเขาท่องบทกลอนและสำราญสนทนาระหว่างการหยุดพักแรมระหว่างท่องซาฟารี เขาคือชายผู้พร้อม
ด้วยคุณสมบัติเท่าเทียบกับบิดาผู้เป็นที่รักของเธอ


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 09:57
          เมื่อเขาเดินทางมาแอฟริกา ดินแดนนี้คือเวทีชีวิตที่ชาวยุโรปขึ้นมารับบทวีรบุรุษในอุดมคติ หรือ
เวทีสร้างฝันให้เป็นจริง
      สำหรับเดนิสแล้ว เป้าหมายหลักแห่งชีวิตของเขาได้รับการเติมเต็มที่นี่ ด้วยพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ไพศาล
การบินทะยานเหนือน่านฟ้า และผู้หญิงแบบโบฮีเมียน

      ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ รอดชีวิตจากกองทัพเยอรมันและไข้จับสั่น
ที่สมรภูมิแอฟริกาตะวันออก ในขณะที่บรรดาเพื่อนในวัยเรียนของเขาต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในแนวรบยุโรป
      หลังสงครามโลกสงบ สรรพสิ่งเปลี่ยน ยุคเอ็ดเวิร์ดสิ้นสุด ทรัพย์สมบัติของครอบครัวถดถอยลดน้อยลง
เดนิสหันมาจับอาชีพพาบุคคลสำคัญ ร่ำรวยท่องซาฟารี ซึ่งรวมถึงบรรดานักธุรกิจอุตสาหกรรมชาวอเมริกัน และ
เจ้าชายแห่งเวลซ์ (พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและท่านดยุคแห่งวินเซอร์ ในกาลต่อมา) ผู้ทรงสนพระทัยทั้งการล่าสัตว์และ
ภรรยาของชาวผิวขาวที่มาตั้งรกรากที่นั่น
      ช่วงเวลาทศวรรษที่ 20 นั้น เป็นยุคทองสั้นๆ ของอาณานิคมเคนยา และเป็นช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์ของ
เดนิสและคาเรน       


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 10:04
        เธอทรงเสน่ห์ เป็นศิลปินปนความเพี้ยนเล็กๆ (เธอเคยกล่าวว่า  “it was worth having syphilis
to become a baroness.”)
        ทั้งสองอ่านหนังสือ ดื่มดำบทเพลงของโมสาร์ทด้วยกัน ที่บ้านของเธอในยามเย็นหลังอาหาร
เดนิสจะเอ่ยประโยคแรกเริ่มขึ้นมาแล้วให้เธอเล่าต่อเป็นเรื่องเป็นราวยาวเหยียด คล้ายกับนางเฌอเหราสาด
(Scherherazade) เล่านิทานอาหรับราตรี เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของสองคนที่เป็นนักคิด นักอ่าน
นักฉลาดสนทนา ในดินแดนห่างไกล ในยุคสมัยที่ไร้วิทยุ โทรทัศน์ ฯ 
          บางครั้งเขาและเธอไปซาฟารี บางทีก็ไปปิคนิคใต้ฟากฟ้าแอฟริกา ในช่วงหลังบางเวลาเดนิสขับเครื่องบิน
พาเธอท่องแอฟริกาทางอากาศ ภูมิทัศนียภาพรอบกายอันทรงพลังโอบทั้งสองไว้ด้วยกัน
 
      Simple pleasures took on a heightened intensity: the smell of camel milk in
a smoke-cleansed gourd, the thin yelling of Somali singing on five sad notes,
the purple hieroglyphs of shadow on the sand below a thorn tree.        


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 10:12
        ในช่วงแรกนั้นคาเรนจะคอยบอกกับตัวเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไม่มีกฎเกณฑ์เงื่อนไขนี้
เหมาะสมดีแล้วสำหรับเธอ
        ในที่สุด เดนิสผู้ไม่คิดจะหยุดพักพิงก็เลือกที่จะรักในแผ่นดินซึ่งเป็นตัวแทนของเสรีภาพมากกว่าเธอ
เขาเจ็บปวดกับการเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งความสูญเสียของแดนเถื่อน เมื่อมองมาจากเครื่องบินภาพฝูงสัตว์อพยพเบื้องล่าง
ช่างน่าเป็นห่วง เดนิสทำการรณรงค์เพื่อมวลหมู่ชีวิตเหล่านั้นได้ผลสำเร็จ ทำให้มีการจัดตั้งเขตพิทักษ์รักษาพันธุ์สัตว์ป่า
แถบแอฟริกาตะวันออก และมีการออกกฎห้ามล่าสัตว์จากยานพาหนะด้วย

        แม้เขาจะเป็นคนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีจุดหมาย แต่เขาไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ สุดท้ายเขาก็ทิ้งคาเรนไปหาหญิงอื่นที่สาวกว่า
และเป็นนักบินเหมือนกัน นามว่า Beryl Markham ในตอนที่คาเรนกำลังจะสูญเสียไร่กาแฟไป และไม่นานนัก
หลังจากนั้นเขาก็จากทุกๆ คนไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกด้วยวัย 44 ปี


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ต.ค. 08, 10:19
        แม้ว่าเดนิสจะเป็นผู้ทอดทิ้งทำให้คาเรนต้องเจ็บปวดผิดหวัง แต่สิ่งสุดท้ายที่เขาได้มอบให้เธอ
หลังจากความตายคือ ความสำเร็จรุ่งโรจน์จากผลงาน Out of Africa ที่สร้างชื่อระบือไกล ได้รับการพิจารณา
สำหรับรางวัลโนเบล

        ทุกคนที่ได้พบเดนิสเป็นต้องชอบเขา หลายคนรักเขา แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักเขาดี สุดท้ายแล้วไม่มีใคร
สามารถเข้าใจเขาอย่างถ่องแท้ แม้แต่คนรักหรือคนศึกษาชีวประวัติของเขา

        คาเรนเลือกร้อยกรองกรีกเป็นคำจารึกบนหลุมฝังศพ
 
        "Though in death fire be mixed with my dust, yet care I not,
for with me now all is well." 

        ต่อมาญาติของเขาได้สร้างแท่งหินตั้งขึ้นเหนือหลุมศพ และจารึกข้อความจากร้อยกรองที่เดนิสชื่นชอบ

         "Denys George Finch Hatton" - "He prayeth well who loveth well both man
and bird and beast."

(from The Rime of the Ancient Mariner)


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 09:44
         17 ปีในแอฟริกาของคาเรนคือช่วงเวลาแห่งความสุขล้นระคนทุกข์ท้น
      นับตั้งแต่เธอได้ย่างเหยียบดินแดนแห่งกาฬทวีปนี้ เธอก็รู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนของที่นี่ ที่นี่คือแผ่นดินของเธอ
ซึ่งเป็นดั่งจุดนัดพบระหว่างเธอกับเดนิส มิ่งมิตรยอดปรารถนาแห่งชีวิต
            แม้ว่าในที่สุดเธอจะต้องเผชิญกับความทุกข์ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่โรคร้าย ชีวิตสมรสที่ล้มเหลว
การสูญเสียแผ่นดินที่เธอรักและ เดนิส แม้ว่าช่วงเวลาสุดท้ายก่อนพรากจากแอฟริกาจะกลับกลายมืดมน แต่
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนเรืองนาม เมื่อเธอได้กลั่นวันเวลาแห่งประสบการณ์ชีวิตในแอฟริกาออกมา
เป็นน้ำหมึกขีดเขียน

       ในกาลต่อมาเธอได้บันทึกไว้ว่า หากแม้นเธอไม่ถูกพรากจากแผ่นดินที่รักด้วยความจำเป็น เธอคงไม่ได้กลายมาเป็น
นักเขียนที่เธอพอใจจะเรียกตัวเองว่าเป็นนักเล่าเรื่องมากกว่า
            (I am not a novelist, really not even a writer; I am a storyteller.)
      เธอได้ให้สัมภาษณ์ว่าความทะเยอทะยานที่แท้จริงของเธอคือปรารถนาที่จะ  "tell stories, beautiful stories."

      คาเรนเลือกที่จะเขียนหนังสือในภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้คนนอกบ้านเกิดได้อ่านเรื่องเล่าของเธอด้วย
        (หลังจากใช้ชีวิตถึง 17 ปีในแอฟริกาอาณานิคมอังกฤษ ภาษาอังกฤษของเธออยู่ในระดับเป็นเลิศ)
      ผลงานหนังสือเล่มแรกคือ Seven Gothic Tales(1934) ตีพิมพ์โดยใช้นามปากกาว่า Isak Dinesen
ได้รับความสนใจตอบรับเป็นอย่างดีในสหรัฐอเมริกา 
         ("Isak" เป็นคำในภาษา  Hebrew แปลว่า "one who laughs")
        หนังสือพิมพ์ในเดนมาร์กได้ลงเรื่องข่าวราวเกี่ยวกับตัวเธอจนเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ในที่สุดเธอจึงใช้ชื่อจริงสำหรับ
งานเขียนของเธอในบ้านเกิดและอังกฤษ ส่วนที่สหรัฐเธอยังคงใช้นาม Isak Dinesen ต่อไป

         Out of Africa(1937-38) เป็นผลงานการเล่าชิ้นที่สองที่ประสบความสำเร็จที่สุด
สร้างชื่อเสียงโด่งดังทั้งสองฝั่งแอตแลนติก และได้รับเสนอชื่อเพื่อการพิจารณาสำหรับรางวัลโนเบล

ตีพิมพ์ครั้งแรกในเดนมาร์ก - Den Afrikanske Farm - เมื่อ  6 ตุลาคม 1937
ต่อมาในลอนดอนปีเดียวกัน แล้วข้ามไปสหรัฐอเมริกาในปีต่อมา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 09:49
         ชื่อ Out of Africa นี้อาจเป็นชื่อของร้อยกรอง Ex Africa ที่เธอแต่งเมื่อครั้ง
เธอกลับเดนมาร์กเพื่อรักษาซิฟิลิสในปี 1915 โดยเธออาจนำคำนี้มาจากภาษิตในภาษาละตินที่ว่า
             Ex Africa semper aliquid novi
แปลว่า
             Out of Africa, always something new.

      Truman Capote กล่าวถึง Out of Africa ว่าเป็น
            "one of the most beautiful books of the twentieth century."

      ในขณะที่เฮมิงเวย์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1954 ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เขาจะมีความสุข สุขมากกว่า หากรางวัลนี้
ได้มอบให้แก่นักเขียนงามนาม Isak Dinesen

       As a Nobel Prize winner I cannot but regret that the award was never given to
Mark Twain, nor to Henry James, speaking only of my own countrymen.
       Greater writers than these also did not receive the prize. I would have been happy
— happier — today if the prize had been given to that beautiful writer Isak Dinesen.

คาเรนเองเคยเขียนไว้ว่า
                 No one came into literature more bloody than I.


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 09:53
         หนังสือเป็นบันทึกความทรงจำในแอฟริกาช่วงเวลาปี 1914-1931 เล่าเรื่องราวชีวิตและธรรมชาติ
งดงามที่อิงอาศัยร่วมกันในเคนยา ผ่านมุมมองของกวีถ่ายทอดเป็นถ้อยคำสำนวนลีลาไพเราะเหมือนบทร้อยกรอง
ที่ไม่เรียงลำดับตามวันเวลา
          สำหรับเธอแล้ว แอฟริกาคือแดนสวรรค์ที่เหนือชั้นกว่ายุโรป เพราะยังคงความบริสุทธิ์ปราศจาก
สิ่งแปลกปลอมที่เรียกกันว่าความเจริญ ยังคงสภาพใกล้เคียงกับดินแดนเดิมเมื่อครั้งที่พระผู้เป็นเจ้าแรกรังสรรค์ไว้

          "Up in this high air you breathed easily, drawing in a vital assurance
and lightness of heart. In the highlands you woke up in the morning and thought:
          Here I am, where I ought to be."

        "It was Africa distilled up through six thousand feet like the strong and
refined essence of a continent... The views were immensely wide —
everything that you saw made for greatness and freedom, and unequalled nobility."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 09:58
        เนื้อหาในช่วงต้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับชนพื้นเมืองหลากเผ่าที่เธอชื่นชม และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
คาเรนไม่มองพวกเขาแล้วตัดสินแบบคนผิวขาวที่คิดว่าตนเหนือกว่า ทำให้เธอได้รับการชื่นชมกลับมา
สำหรับพวกเขาแล้ว เธอเป็นคนฉลาด มีความคิด และไว้ใจได้
          “We were good friends,”
         “I reconciled myself to the fact that while I should never quite know
or understand them, they knew me through and through.”

ชาวพื้นเมืองที่เธอเล่าไว้ ได้แก่

           Farah Aden พ่อบ้าน ผู้ช่วยงาน และเพื่อนแท้ตั้งแต่วันแรกที่เธอมาถึงจนวันสุดท้ายเมื่อเธอเดินทางจากแอฟริกา
เขาเป็นชาวเผ่า Somali ชนเผ่าที่เหนือกว่าเผ่าอื่นดังคำนิยามจากเธอว่า
              "superior in culture and intelligence"

         Kamante เด็กหนุ่มผู้มีแผลเรื้อรังที่ขา ซึ่งเธอได้ให้การรักษาในเบื้องต้นแต่อาการไม่ทุเลาจึงได้ส่งไป
รับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลดำเนินการโดย Scotch Protestant เมื่อหายแล้วคามานเต้ได้กลับมาทำงาน
เป็นเด็กปรุงอาหารที่บ้านและเป็นอีกหนึ่งเพื่อนผิวสีของเธอ

          Kinanjui หัวหน้าเผ่าที่อาศัยอยู่ใกล้ไร่ เธอบรรยายถึงเขาว่า

           “a crafty old man, with a fine manner, and much real greatness to him”

ทางการอังกฤษได้แต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าสูงสุดของชาวเผ่าคิคูยูที่อาศัยอยู่ในบริเวณไร่ของคาเรน ทำให้เขามีอำนาจ
ควบคุมคนงานในไร่ของเธอด้วย 

            นอกจากนี้ในแถบบริเวณไร่ของเธอยังมีชนเผ่าอื่นอีก เช่น Swahili, Masai, Somali

Denys Finch Hatton, Rose Cartwright, and Karen Blixen, with Halima and Tumbo, children of her staff.
(Rose - เพื่อนผิวขาวในอาณานิคมแฟริกา)


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 10:01
         เรื่องเล่าช่วงต่อมาเป็นหลากสีสันของผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนไร่ของเธอที่เปรียบเสมือนแหล่งพักพิงอันปลอดภัย
ส่วนใหญ่คือชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ไร่ของเธอ และชีวิตของชาวผิวขาวในอาณานิคม   ได้แก่

       Berkeley Cole หนุ่มอังกฤษทรงเสน่ห์เหมือนเพื่อนสนิทของเขา-เดนิส ทั้งสองเป็นแขกพิเศษที่บ้านของเธอ
ร่วมโต๊ะดินเนอร์ ดื่มไวน์แล้วสนทนาอย่างออกรสด้วยกัน เขาเป็นสุภาพบุรุษ น้ำใจงาม พูดภาษาและเข้ากับชนพื้นเมืองได้ดี
เมื่อเขาเสียชีวิตไปนั้น..

          “An epoch in the history of the Colony came to an end with him,”
และ       “The yeast was out of the bread of the land. A presence of gracefulness,
           gaiety and freedom, an electric power factory was out. A cat had got up and left the room.”

       Old Knudsen  ชายชราชาวเดนมาร์ก ผู้มาอาศัยพักพิงอยู่ที่ไร่ได้หกเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
เธอชอบที่จะสนทนากับเขาเพราะเขาคือนักเล่าเรื่องตัวจริง เรื่องเล่าของเขาคือประสบการณ์ชีวิตของการเป็นนักสมุทรโคจร
ท่องไปได้เห็นสรรพสิ่งทั่วโลก

              "White people, who for a long time live alone with Natives, get into the habit of
saying what they mean, because they have no reason or opportunity for dissimulation,
and when they meet again their conversation keeps the Native tone." 
       
         ช่วงสุดท้ายเป็นตอนที่หม่นหมองของหนังสือ เรื่องราวร้อยเรียงตามลำดับกาล  เธอเล่าถึงปัญหาการเงินของไร่
ที่ถึงขั้นล้มละลาย การจากไปก่อนวัยอันควรของเพื่อนสนิท การหาพื้นที่อยู่ใหม่ให้คนพื้นเมืองในไร่ของเธอ
และการขายทรัพย์สิน ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย   
         หนังสือจบลงด้วยเหตุการณ์วันสุดท้ายในแอฟริกา เธอกล่าวคำอำลาทุกคนในไร่แล้วจึงขับรถอย่างช้าๆ ไปไนโรบี
ที่สถานีรถไฟเพื่อนๆ ทั้งชาวยุโรปและพื้นเมืองมาส่งเธอ ภายหลังการร่ำลาเธอและฟาราห์ก้าวสู่ชานชาลา
         คาเรนหันกลับไปมองทางทิศที่เป็นบ้านของเธอ ภาพสุดท้ายสุดสายตาคือภูเขา Ngong ที่แลลิบเหนือผืนแผ่นดิน
แอฟริกา


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ต.ค. 08, 10:16
         สำหรับบรอร์ อดีตสามีนั้น เรื่องราวหรือแม้แต่ชื่อของเขาแทบจะไม่ได้ปรากฏในหน้าหนังสือเลย
เมื่อเธอเล่าถึงการท่องซาฟารีในช่วงแรก(ซึ่งเธอไปกับบรอร์) เธอก็ไม่ได้เอ่ยถึงเขา โดยรวมแล้วในหนังสือทั้งเล่ม
มีสักหนึ่งถึงสองครั้งที่เธอกล่าวถึง "สามีของฉัน" โดยที่เธอไม่เคยเอ่ยชื่อของเขา(บรอร์)

         และสำหรับเดนิสคนสำคัญแห่งชีวิต
           เธอเล่าถึงเขาในฐานะเพื่อนสนิท รูปงาม ปราดเปรื่อง รักศิลปะ ดนตรี เขาช่วยให้ความรู้แก่เธอในด้านภาษากรีก
ละติน ทั้งยังนำของขวัญชิ้นสำคัญคือเครื่องเล่นแผ่นเสียงมามอบให้เธอ ช่วยเพิ่ม "new life on the farm."
เขาพาเธอบินเหนือแผ่นดินแอฟริกา ท่องซาฟารี และสุดท้ายคือความตายของเขาที่นำความโศกเศร้ามาสู่ผู้คน
ทั้งชนเผ่าผิวสี และชาวยุโรปผิวขาว
          แม้เธอจะไม่ได้เล่าถึงความสัมพันธ์ฉันคนรักอย่างชัดเจน แต่ผู้อ่านก็สามารถจะรับรู้ได้จากเรื่องราวที่เธอเล่าถึงเขา

เธอบรรยายถึงยามที่เขามาเยือนไว้ว่า

            “When he came back to the farm, it gave out what was in it –
it spoke… When I heard his car coming up the drive, I heard, at the same time,
all the things of the farm telling what they really were.”


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:16
         “When he came back to the farm, it gave out what was in it –
it spoke… When I heard his car coming up the drive, I heard,
at the same time, all the things of the farm telling what they really were.”

ยามเขากลับมาเยือน เหมือนตะวันคืนฟ้าคราอรุณ ส่องแสงสว่าง สงบ อบอุ่น


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:28
           "I had time after time watched the progression across the plain
of the giraffe, in their queer, inimitable, vegetative gracefulness, as if
it were not a herd of animals but a family of rare, long-stemmed,
speckled gigantic flowers slowly advancing.
     It was, in giant size, the border of a very old, infinitely precious Persian carpet
in the dyes of green, yellow and black-brown.”


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:30
       "I have sometimes come upon the Iguana, the big lizard, as they were
sunning themselves upon a flat stone in a river-bed.
    They are not pretty in shape, but nothing can be imagined more beautiful than
their colouring.
    They shine like a heap of precious stones or like a pane cut out of an old
church window.
    When, as you approach, they swish away, there is a flash of azure, green and
purple over the stones, the color seems to be standing behind them in the air,
like a comet's luminous tail."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:32
            “Lulu [a bushbuck antelope] came in from the wild world to show
that we were on good terms with it, and she made my house one with the
African landscape, so that nobody could tell where the one stopped and
the other began.”


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:49
           “There is something about safari life that makes you forget all your
sorrows and feel as if you had drunk half a bottle of champagne -
bubbling over with heartfelt gratitude for being alive,”


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ต.ค. 08, 09:50
      “If I know a song of Africa, of the giraffe and the African new moon
lying on her back, of the plows in the fields and the sweaty faces of
the coffee pickers, does Africa know a song of me?
     Will the air over the plain quiver with a color that I have had on,
or the children invent a game in which my name is, or the full moon throw
a shadow over the gravel of the drive that was like me, or will the eagles
of the Ngong Hills look out for me?”


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 ต.ค. 08, 10:02
Karen Blixen - Isak Dinesen Quotes

       “God made the world round so we would never be able to see too far
down the road.”
       - As quoted in obituaries (7 September 1962)
       
       “The cure for anything is salt water - sweat, tears, or the sea”
        - As quoted in Reader's Digest (April 1964) Variant:
        I know a cure for everything. Salt water ... in one form or another,
sweat, tears or the salt sea.
   
       “Difficult times have helped me to understand better than before,
how infinitely rich and beautiful life is in every way, and that so many
things that one goes worrying about are of no importance whatsoever...”
        - Unsourced

        Who tells a finer tale than any of us? Silence does.
        - Last Tales


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 ต.ค. 08, 10:04
        "When in the end, the day came on which I was going away, I learned
the strange learning that things can happen which we ourselves cannot
possibly imagine, either beforehand, or at the time when they are taking
place, or afterwards when we look back on them."
         - Out of Africa

        "I have a feeling that wherever I may be in the future, I will be wondering
whether there is rain at Ngong."
         - a letter to her mother, February 1919


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 ต.ค. 08, 10:25
        หากเปรียบหนังสือคือของขวัญเป็นรางวัลชีวิตจากแอฟริกาที่นำมาซึ่งความสุขแก่คาเรนในช่วงหลังจาก
พรากแอฟริกา
         ของที่ระลึกอันไม่พึงปรารถนาที่ติดตัวเธอมาและมีผลเป็นความทุกข์ต่อเนื่องก็คือปัญหาสุขภาพจากซิฟิลิส
และผลของการรักษา
         แม้ว่าเธอจะเคยเจ็บป่วยด้วยซิฟิลิสและได้รับการรักษาด้วยวิธีของยุคนั้นที่ยังไม่มีเพนิซิลิน
แล้วผลการตรวจเลือดและน้ำไขสันหลังในเวลาต่อมาเป็นลบ แต่ทว่าเธอยังคงมีอาการเจ็บป่วยซึ่งอาจจะเป็น
ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วย arsenic(สารหนู) และปรอท (หรือเป็นผลจากซิฟิลิสในระยะหลัง)
       นอกจากนี้เธอยังมีปัญหาทางจิตใจ ได้แก่อาการแพนิค (ซึ่งเธอได้เคยกล่าวไว้ใน Out of Africa)
ความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว และอาการปวดเรื้อรังที่อาจเป็นเรื่องของภาวะทางจิตใจ
        ต่อสาธารณะเธอจะโทษซิฟิลิสว่าเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วย โรคซิฟิลิสนี้ที่ฮีโรและกวี รวมทั้งบิดาของเธอ
ต่างก็เป็นกัน


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 ต.ค. 08, 10:28
        ในปี 1946 คาเรนได้เข้ารับการผ่าตัดเส้นประสาทจากกระดูกสันหลังเพื่อรักษาอาการปวดท้อง
(ซึ่งในตอนนั้นคิดว่าเป็นอาการจากซิฟิลิสระยะหลังที่ทำให้มีความผิดปกติในระบบประสาท แต่การศึกษาข้อมูล
ย้อนหลังใหม่พบว่า อาการไม่เข้ากับซิฟิลิส และเธอเคยมีอาการปวดท้องตั้งแต่สมัยอยู่ที่เคนยาแล้ว
- เมื่อบรอร์ขอหย่า, ต่อมาในปี 1939 เมื่อมารดาเธอเสียชีวิต และ เมื่อเธอพลาดรางวัลโนเบลในปี 1954)
        และ ปี 1955 เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคแผลในกระเพาะ

        ในปี 1959 คาเรนเดินทางไปอเมริกาและได้รับการชื่นชมต้อนรับอย่างดีเยี่ยม ตรงกันข้ามกับสุขภาพของเธอ
ที่ทรุดโทรมลง ช่วงเวลาสามปีสุดท้ายของชีวิต เธอแทบจะรับประทานอะไรไม่ได้เลย
        ปัญหาทางสุขภาพทำให้คาเรนไม่สามารถเขียนหนังสือได้อีก ในขณะที่การผ่าตัดกระเพาะมีผลทำให้เธอ
รับประทานอาหารไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายคาเรนก็จากบรรณภพไปด้วยโรคขาดอาหารในวันที่ 7 กันยายน 1962 

รูปถ่ายในปี 1959   


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 09:18
จากอักษรบนกระดาษวาดภาพไหวบนจอเงิน

       หนังสือ Out of Africa จากปลายปากกาของ Isak Dinesen - Karen Blixen เป็นบันทึกเรื่องราว
ธรรมชาติ และผู้คนของแอฟริกาด้วยภาษางดงามดุจร้อยกรอง แต่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์แบบนิยาย
ที่จะหยิบจับมาเล่าเป็นภาพยนตร์ 
         ผู้กำกับและอำนวยการสร้าง Sydney Pollack และ คนเขียนบท Kurt Luedtke จึงต้องศึกษาข้อมูลและ
อาศัยเรื่องราวของคาเรนจากหนังสือชีวประวัติอีกสองเล่ม เพื่อนำมาใช้เขียนเป็นบทหนังเล่าเหตุการณ์เรื่องราวของเธอ
ในแอฟริกาที่มีสีสัน เข้มข้นชวนติดตามและ เล่าถึงความรักที่มีทั้งสุขและเศร้าของเธอกับเดนิส โดยมีชีวิตของผู้คนทั้งผิวขาว
และผิวสีในแอฟริกายุคอาณานิคมอังกฤษเป็นส่วนประกอบ

         ในหนังสือเดนิสถูกกล่าวถึงในฐานะเพื่อนคนสำคัญ ในหนังเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันลึกซึ้งยาวนาน
ระหว่างคาเรนกับเดนิส โดยที่บทหนังได้เน้นจุดขัดแย้งแห่งความรักของทั้งสองอย่างชัดเจน
         คาเรนแม้จะดูเป็นหญิงแกร่ง เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้แต่ภายในเธอต้องการมีคนรักพักพิงมั่นคง ในขณะที่
เดนิสไม่ยอมถูกผูกมัด ไม่ยอมให้ใครครอบครอง
         ผู้กำกับซิดนีย์กล่าวว่าจุดอ่อนสำคัญของทั้งสองก็คือ
               Karen - possessiveness  และ  Denys - selfishness


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 09:31
           บทหนังจัดให้เธอได้พบกับเขาตั้งแต่ต้น หลังจากที่เธอโดยสารเรือมาถึงแอฟริกาแล้วต่อรถไฟไปไนโรบี
ขบวนรถได้หยุดกลางทางเพื่อรับงาช้างขนาดใหญ่จากเขาบรรทุกเข้าเมือง   
           หนังข้ามช่วงเวลาสองปีที่เดนิสต้องไปเป็นทหารที่อียิปต์ และเว้นตอนที่คาเรนตั้งครรภ์กับเดนิส
อย่างน้อยหนึ่งครั้ง(แต่ครรภ์ตกไป) 
           บทหนังยังได้เน้นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง การเป็นเจ้าของครอบครองแล้วต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
ผู้คนพื้นเมือง(ให้ดีขึ้น) ของคาเรน ในขณะที่เดนิสคือผู้ที่เข้าใจและยอมรับในสภาพเดิมของพวกเขา
เดนิสบอกเธอว่า
               
                   We're not owners here. We're just passing through.


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 09:34
          จากนั้นจึงย้ำถึงการไม่อาจครอบครองและความสูญเสียทุกอย่างของคาเรน
ตั้งแต่เหตุการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วมไหลบ่าพัดเขื่อนกั้นน้ำที่เธอพยายามสร้างขึ้นพังทลาย ไฟไหม้อาคารโรงเรือนในไร่
(ในขณะที่เธอยืนมองเปลวไฟโหมวอดวายนั้น เด็กน้อยชาวพื้นเมืองเดินเข้ามาล้วงกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเพื่อหาของเล็ก
ของน้อยติดไม้ติดมือเช่นเคย แต่ครั้งนี้คงมีเพียงคำพูดจากเธอว่า - All gone.) ห้องที่ว่างเปล่าหลังจากที่เธอขนบรรดา
ข้าวของเครื่องใช้ออกไปวางขายที่ลานหน้าบ้าน         
          และเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในอารมณ์ บทหนังเปลี่ยนให้บรอร์ อดีตสามีเป็นผู้นำข่าวการเสียชีวิตของเดนิส
มาแจ้งแก่เธอซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนพื้นคนเดียว ในบ้านซึ่งว่างเปล่าไร้เฟอร์นิเจอร์ มีเพียงกองหนังสือและ
กล่องเก็บของรายรอบ
   
ที่พิธีฝังศพเดนิส คาเรนได้กล่าวไว้อาลัยว่า
   
              ‘Now take back the soul of Denys George Finch Hatton,
whom You have shared with us.
                 He brought us joy...we loved him well.
                 He was not ours.
                 He was not mine."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 09:41
           ในตอนท้ายเรื่อง ท่ามกลางความสูญเสียแต่ยังคงมีความงดงาม เมื่อเธอได้จากดินแดนนี้ไป
อย่างผู้ที่ชนะใจได้รับการยกย่องทั้งจากคนพื้นเมืองและชนผิวขาว หลังจากที่เธอได้เข้าพบและคุกเข่าร้องขอ
ต่อ Governor เพื่อให้ช่วยจัดหาที่ดินที่อยู่ให้กับชนพื้นเมืองซึ่งเคยอาศัยอยู่ก่อนในไร่ที่เคยเป็นของเธอ

            วันจากลา สมาชิกในสโมสรเฉพาะผู้ชายผิวขาวต่างดื่มเป็นเกียรติให้แก่เธอ เมื่อเธอแวะทำธุระที่นั่น
ก่อนไปสถานีรถไฟ
            สุดท้ายเธออำลาฟาราห์ ผู้ช่วย-เพื่อนสนิทชาวพื้นเมืองตลอดช่วงเวลาที่นี่ ผู้เปรียบเสมือนเป็นตัวแทน
ของแอฟริกา (Meryl Streep เล่าว่า ตอนที่เธอดูหนังเรื่องนี้กับลูกชายวัย 10 ปี เมื่อหนังดำเนินเรื่องมาถึงจุดนี้
ลูกชายของเธอก็ร้องไห้ออกมา)
   
          คาเรนเขียนเล่าไว้ว่ามีเพื่อนชาวผิวขาวหลายคน รวมทั้งชนชาวพื้นเมืองมาส่งเธอที่สถานีรถไฟ
ในขณะที่บันทึกของผู้อื่นกล่าวว่า
 
    ". . . poor Baroness Blixen. . . On Sunday we went and saw the poor little broken Baroness
away for good and so pathetic.
           Only Lady MacMillan, the Delameres, the Munroes and three others were there and
we were very glad we went. Lady Delamere was crying afterwards. . . . "
(Silence Will Speak, p. 316).

คาเรนเข้าพบท่าน Governor


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 09:51
             หนังจบลงด้วยภาพเนินที่ฝังศพเดนิส และคำบรรยายของคาเรน

                "Mail has come today and a friend writes this to me.
 
        'The Maasai have reported to the district commissioner at Ngong
that many times at sunrise and sunset they have seen lions on Finch Hatton's grave.
         A lion and lioness have gone there and stood or lain on the grave
for a long time. After you went away the ground round the grave was leveled out
into a sort of terrace. I suppose that the level place makes a good site for the lions.
         From there they have a view over the plane and the cattle and the game on it.'
         Denys will like that. I must remember to tell him."

ข้อความสุดท้ายปรากฏบนจอว่า 

           Karen Blixen published her first stories in 1934
           under the name Isak Dinesen.

           She never returned to Africa.


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 10:31
ได้รับออสการ์ 7 ตัว จากสาขา   
              Best Picture
              Best Director
              Best Writing, Screenplay Based on Material from Another Medium
              Best Cinematography
              Best Music, Original Score
              Best Sound
              Best Art Direction-Set Decoration



กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 10:33
คารวะ Karen Blixen คนสร้างเรื่อง


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 10:35
คารวะ Sydney Pollack คนสร้างภาพ

ซิดนีย์กับสองออสการ์ของเขา ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ต.ค. 08, 10:48
        "I have a feeling that wherever I may be in the future,
         I will be wondering whether there is rain at Ngong."


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 21 พ.ย. 08, 15:08
ขอบคุณครับคุณ SILA

อ่านแล้วอยากดูหนังเรื่องนี้ใหม่อีกรอบหรือหลายๆรอบเลย

หนังสวยมาก บรรยากาศดี และที่สำคัญที่สุด ดนตรีเพราะมากๆๆๆๆๆๆ
ที่ผมดู ตอนยังเด็กๆครั้งนึงแล้วก็ตอนเป็นหนุ่มรุ่นกระทงครั้งนึง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเรื่องอะไรเท่าไหร่หรอกครับ
แต่ที่ประทับใจมากๆคือ ภาพ อารมณ์ของหนัง และดนตรี (ผลงานของ John Barry คนเขียนดนตรีของ Somwhere in Time, James Bond etc..)
หวังว่ามาดูตอนนี้คงซาบซึ้งมากขึ้น

เอา ตัวอย่างหนังมาให้ดู

http://www.youtube.com/watch?v=kF-lNumI2qk


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 14:37
     ครับ, ดนตรีประกอบไพเราะมาก

      มีเพลงร้อง love theme ที่ไม่อยู่ในหนัง แต่ปรากฏเป็นแทร็คสุดท้ายของแผ่นเสียงหน้าสอง
และเมื่อออกเป็นซีดี เพลงนี้กลับถูกตัดออกไป



     


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 14:43
       The Music of Goodbye - Love Theme from Out of Africa

Music by John barry

Words by Alan & Marilyn Bergman  (เจ้าของผลงานชื่อดังยั่งยืน เช่น  The Windmills of Your Mind,
                                                 The Way We Were, You Don't Bring Me Flowers)

Voices by Melissa Manchester & Al Jarreau 
(สองนักร้องคุณภาพ  MM - Don't Cry Out Loud   AJ - We're in This Love Together)


     A song I know so well
The music of goodbye again
It's there each time we say hello
As always there's no reason why again

     You kissed me with your eyes
And in your arms I fly again
But even as we touched the clouds
There in the quiet we kissed goodbye again

Perhaps the way I hold you
Makes you afraid I'll hold you
Makes you afraid to love me
Love me

      As through the night we danced
The tender dance I'd try again
I hear it playing softly
And sadly

The music of goodbye..

Perhaps the way I hold you
Makes you afraid I'll hold you
Makes you afraid to love me
Love me

Goodbye...goodbye....goodbye...


www.youtube.com/watch?v=zUuNKVFxt74


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 14:47
      A song I know so well
The music of goodbye again
It's there each time we say hello
As always there's no reason why again


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 14:56
      You kissed me with your eyes
And in your arms I fly again
But even as we touched the clouds
There in the quiet we kissed goodbye again


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 14:58
      Perhaps the way I hold you
Makes you afraid I'll hold you
Makes you afraid to love me
Love me


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 15:00
      As through the night we danced
The tender dance I'd try again
I hear it playing softly
And sadly

The music of goodbye..


กระทู้: Out of Africa
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ธ.ค. 08, 15:02
      Perhaps the way I hold you
Makes you afraid I'll hold you
Makes you afraid to love me
Love me

Goodbye...goodbye....goodbye...