หลังจากจบเพลงนี้แล้วก็พอดีใกล้เวลา ๒๔ นาฬิกา ของคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม เมื่อเข็มวินาทีเคลื่อนสู่
กาลเปลี่ยนปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ ชาวคณะสุนทราภรณ์ก็อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์มาร้องเพื่อความเป็นสิริมงคล
พรปีใหม่ ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ
เพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๓ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔
เมื่อเสด็จนิวัตพระนคร และประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่
แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย
ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕
เพลงพระราชนิพนธ์
http://kanchanapisek.or.th/royal-music/index.th.html จากสกุลไทย ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์ ธิดาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริเล่าว่า
ดิฉันทราบมาว่าทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเดี๋ยวนั้น แล้วท่านพ่อก็ทรงใส่เนื้อร้องเดี๋ยวนั้นด้วยเหมือนกัน
ดังนั้น จึงเป็นเพลงที่ค่อนข้างสั้น เมื่อทรงพระราชนิพนธ์เสร็จแล้วก็ทรงนำออกบรรเลงทางสถานีวิทยุ อส. เพราะสมัยนั้น
ยังไม่มีโทรทัศน์ และได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ท่านพ่อทรงเป่าแซกโซโฟนในช่วงแรก ส่วนพระองค์ทรงเป่าในช่วงที่สอง
สลับกันไป เนื่องจากในคืนวันนั้นมีเวลาจำกัด จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แก่ ๒ วงเท่านั้น คือวงดนตรีของนิสิตจุฬาฯ
ที่กำลังซ้อมดนตรีอยู่หน้าศาลาเฉลิมไทย กับวงสุนทราภรณ์ ที่กำลังบรรเลงอยู่ในศาลาเฉลิมไทย โดยโปรดเกล้าฯ ให้บรรเลง
พร้อมกันทั้ง ๒ วง