คติพจน์ที่หลวงวิจิตรวาทการ แต่งไว้
"รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย"
"ความจริงเป็นเหมือนน้ำมัน ย่อมจะลอยขึ้นข้างบนเสมอ"
"จะต้องคิดการก้าวหน้าไว้เสมอ ก่อนที่จะหลับควรกำหนดไว้ให้แน่นอนว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรอีกบ้าง ถ้าเขียนไว้ด้วยยิ่งดี และพอถึงวันรุ่งขึ้น ก็ต้องทำให้ได้ตามกำหนดนั้นจริงๆ"
"นักการเมืองมีหน้าที่ทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ฉะนั้นสินเชื่ออันสำคัญที่สุดในทางบุคคลิกก็คือ หลักประกันที่ว่าจะไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีอะไรที่ประชาชนจะระวังระแวงเท่าเรื่องประโยชน์ส่วนตัว"
หลวงวิจิตรวาทการ ผู้ปฏิวัติอาชีพเต้นกินรำกิน
สังคมไทยสมัยโบราณนี่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ ถึงแม้ทุกผู้คนจะชอบดนตรี และชอบดูการแสดง แต่กลับไม่ค่อยจะยกย่องผู้มีอาชีพนี้ เพราะถือว่าเป็นอาชีพชั้นต่ำ ดูได้จากการเรียกขานผู้มีอาชีพนี้ว่าพวก“เต้นกิน รำกิน” และครอบครัวที่มีสถานะทางสังคมสูง ก็ยากนักที่จะยอมรับคนอาชีพนี้ เข้ามาเป็นเขย หรือสะใภ้ เข้าทำนอง “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”
ผู้ที่เข้ามามีบทบาทปฏิวัติอาชีพ “เต้นกิน รำกิน” ให้เป็นที่ยอมรับของสังคมสมัยนั้นได้ในระดับหนึ่งก็คือ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ผู้รับตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรคนแรก ซึ่งได้ทำการส่งเสริมงานศิลปวัฒนธรรมให้เฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะศิลปการแสดง โดยการก่อตั้งโรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ ปัจจุบันคือวิทยาลัยนาฏศิลป์ขึ้นมา
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=2