จุดไต้ตำตอแบบหนึ่งในล้าน
เพิ่งรู้ว่าซอยร่วมฤดีในสมัยอาจารย์หมอศานติอยู่กลางทุ่งนา ตอนที่ดิฉันจำความได้ เมืองขยายถึงสะพานพระโขนงแล้ว แต่ว่าลึกเข้าไปสัก ๕๐๐ เมตร ในซอยต่างๆของสุขุมวิทก็ยังเป็นสวนผักสวนมะพร้าวอยู่ เลยสะพานพระโขนงถึงจะเป็นทุ่งนา
พูดถึงคำว่า 'ain't'
เข้าใจว่าคุณแม่ของท่านคงจะเป็นอเมริกันจากรัฐตะวันออกกระมังคะ อาจจะแถวนิวอิงแลนด์ ถือกันว่าอเมริกันแถวนั้นมีการศึกษา เป็นผู้ดิบผู้ดีกว่าทางตะวันตก ชาวอเมริกันในรัฐทางตะวันตกเป็นพวกนักบุกเบิกอพยพมาตั้งถิ่นฐาน คล้ายๆคนจีนที่เสื่อผืนหมอนใบข้ามทะเลไปตายเอาดาบหน้า ภาษาของพวกนี้ก็เลยเอาสะดวกเข้าว่า ไม่ถูกหลักภาษาอังกฤษเท่าไหร่ อย่างคำว่า ain't ซึ่งพูดแทน are not
ตอนไปเรียนใหม่ๆ อาจารย์ก็กวดขัน เขียนรายงานห้ามใช้ I'm ห้ามใช้ isn't ต้องใช้ I am , is not แต่พอออกจากห้อง เพื่อนก็ I'm , isn't กันทั้งนั้น ตอนนี้เวลาเขียนอีเมล์ ภาษาเสียหมดแล้ว
I'm, isn't พวกนี้ใช้กันในภาษาพูดเป็นประจำ ถึงแม้จะใช้เขียนไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้สะดุ้งแบบ ain't อาจเป็นเพราะเป็นคำที่เกิดจากพูดเร็วๆ แต่คำว่า ain't ไม่ใช่คำที่เกิดจากการพูดเร็วหรือสั้นๆ เพราะแทนคำได้หลายคำ I ain't hungry yet. (= am not) I ain't seen him. (= haven't, have not) He ain't home. (= isn't, is not) She ain't been here. (= hasn't, has not) Ain't nobody seen him yet. ยิ่งกว่านั้นบางทีใช้ double negative - I ain't heard nothing about the robbery.
พูดถึงแม่ ความจริงเป็นชาวฝรั่งเศส มีอยู่สมัยหนึ่งที่ผมไม่ยอมรับว่าแม่เป็นฝรั่งเศส ผมคิดว่าตั้งแต่สงครามอินโดจีนที่เราเรียกร้องดินแดนคืน ความรู้สึกของคนไทยต่อฝรั่งเศสเสื่อมลงไปมาก แม้กระทั่งภาษาฝรั่งเศสก็เลิกสอนในชั้นมัธยม สมัยเด็กผมเลยไม่ค่อยยอมบอกใครว่าแม่เป็นชาวฝรั่งเศส ว่าที่จริงแล้วแม่เองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเป็นฝรั่งเศส
ยายผมพาลูกสามคน อายุ 3 4 กับ 5 ขวบ หนีสามี (ตาผม) ไปอเมริกา ลือกันว่าเพราะสามีเป็นชาวไร่องุ่นอยู่แคว้น Alsace ทำเหล้าองุ่นเป็นอาชีพ แต่ติดนิสัยชิมผลิตภัณฑ์ของไร่มากไปหน่อย ยายทนไม่ได้ เลยพาลูกสามคนไปอเมริกา ตอนนั้นยายอายุ 26 นับว่าใจป้ำมาก ตั้งหลักแหล่งแถวชิคาโก อยู่ได้ 13 ปี ยายเกิดไปหลงรักชาวอังแกเรียน เลยพาลูกทั้งสามกลับไปยุโรป คงคิดจะแต่งงาน ไปถึงยุโรปกลางสงครามโลกที่ 1 พอไปถึงเมือง Budapest ถึงรู้ว่าเสือนั่นมีเมียแล้ว ยายกับลูกเลยเคว้งอยู่ใน Budapest เป็นคนไร้ถิ่น ยายโดนตัดไตไปข้างหนึ่งแล้วเพราะวัณโรคไต ข้างที่เหลือเกิดวายขึ้นมานั่น เลยถึงแก่กรรมที่ Budapest พี่สาวแม่มีจดหมายไปหาพ่อ (ตาผม)ที่ฝรั่งเศส ส่งเงินมาเป็นค่ารถไฟ สาวสองคนเลยได้กลับไปฝรั่งเศส ตอนนั้นแคว้น Alsace ตกอยู่ในกำมือของเยอรมันแล้ว แม่อายุ 16 ต้องเริ่มเรียนเป็นภาษาเยอรมันเพราะตำราภาษาฝรั่งเศสโดนเผาไปหมดแล้ว (แคว้น Alsace นี้ตามประวัติศาสตร์บางทีก็เป็นเยอรมัน บางทีก็ฝรั่งเศส ภาษาพื้นเมืองเองก็เป็น dialect เยอรมัน) เมื่อสงครามเลิกแคว้น Alsace ก็คืนไปเป็นของฝรั่งเศส
แม่จบมัธยมแล้วก็เรียนพยาบาลที่เมืิอง Strasbourg จนจบ แล้วทำงานในเมืองเล็กๆ เป็นพยาบาลดูแลเด็กเพิ่งคลอดตามหมู่บ้านต่างๆแถวนั้น สมัยเด็กเคยสงสัยว่าแม่ทำไม่มีน่องยังกับนักฟุตบอลล์ มารู้ตอนไปเยี่ยมแถวนั้นทีหลังว่า แม่ขี่จ้กรยานขึ้นเขาลงห้วยไปตามหมู่บ้านต่างๆ บันทุกตาชั่งไปหลังรถเพื่อชั่ง นน.เด็ก ต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสดำริจะมีการประชาสงเคราะห์ เลยส่งแม่ไปเรียน Social Work ที่ Simmons College เมือง Boston แม่เล่าว่าคืนหนึ่งเต้นรำอยู่กับ ดร.จำรัส ฉายะพงษ์ วนไปได้รอบ ดร.จำรัสก็โบกมือให้ใครคนหนึ่งที่หลบมุมมืดอยู่ แม่ถามว่าโบกมือให้ใคร ดร.จำรัส บอกว่าเพื่อน แม่ถามว่าทำไมเขาหลบอยู่ ตอบว่า เขาเต้นไม่เป็น แม่บอกว่า แนะนำให้รู้จักแล้วจะสอนให้เต้น หนุ่มคนนั้นโชคดี ผมก็โชคดี เพราะลงเอยเป็นพ่อผม แม่จบแล้วก็กลับไป Alsace ส่วนพ่อจบแล้วทำงานโรงสร้างเครื่องยนตร์เครื่องบินอยู่หนึ่งปีถึงกลับเมืองไทย อยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงปีก็มีจดหมายไปชวนแม่มาเมืองไทย แม่ก็ใจป้ำยอมมา
โดยเหตุที่แม่อยู่อเมริกา 13 ปีตอนเด็กกับอีก 4 ปีตอนเรียนที่บอสตัน พูดอังกฤษก็แบบอเมริกัน พูดฝรั่งเศสได้แต่สำเนียงชาว Alsace ไม่ใช่แบบชาวปารีส เวลามีคนถามว่าเชื้อชาติใหน จะตอบว่า "I'm Alsatian." เสมอ ไม่ยอมรับว่าเป็นฝรั่งเศส นอกจากคนถามจะพูดต่อว่า "Isn't that part of France?" ถึงจะยอมรับ คนส่วนมากคิดว่าเป็นอเมริกัน แต่งงานกับพ่อจดทะเบียนไทยกับฝรั่งเศสแล้ว หายหน้าไปจากวงฝรั่งเศสเลย สถานทูตเองก็คงไม่รู้ว่าคนในสังกัดหายไป ผมเองเลยเอาอย่างแม่ ตอนเรียนมัธยมถ้าเพื่อนถามว่า แม่ชาติอะไร ผมก็ตอบว่าแม่มาจาก Alsace เป็นชาว Alsatian ข้อเสียของการตอบแบบนี้ก็คือ บางทีจะโดนย้อนว่า แม่เอ็งก็พันธุ์เดียวกับหมาซี เป็นที่ครื้นเครงกันมาก คนฝรั่งเศสนี่ค่อนข้างแปลกหรืออย่าน้อยก็แม่ผมแปลก ถ้าพูดฝรั่งเศสแล้วไม่ใช่สำนวนคนปารีส จะมีปมด้อย ถ้าคนถามแม่ว่าพูดฝรั่งเศสได้ไหม แม่จะตอบว่าได้ แต่จะต้องเสริมทุกทีว่า "but it is peasant French." พูดได้ แต่แบบชาวสวน เคยต้องไปสถานทูตฝรั่งเศสทีหนึ่งจะขอวีซ่า มีคนเอเซีย ผมคิดว่าอาจเป็นคนเขมร เป็นพนักงานสถานทูต ท่าทีพูดฝรั่งเศสคล่อง ผมถามแม่ว่า ภาษาเขาเป็นยังไง แม่ทำมือนิ้วชี้แตะนิ้วหัวแม่มือแสดงว่ายอดเยี่ยม พร้อมกับพูดว่า "It's perfect. It's Parisien French." ผมถามแม่ว่า แล้วจะพูดกับเขาเป็นภาษาฝรั่งเศสไหม แม่บอกว่า ยังไม่แน่ พอถึงเวลาไปพูดด้วยกลับใช้ภาษาอังกฤษ คิดว่าแม่คงกระดากที่สำเนียงสู้คนต่างชาติไม่ได้