กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:43 (http://web.princedamronglib.org/upload/page/dhamrong_rachanuphab_big.jpg) หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กับหม่อมเฉื่อย ดิศกุล สกุลเดิม ยมาภัย ประสูติเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่วังสามยอด เชิงสะพานดำรงสถิตย์ ทรงศึกษาภาษาไทยชั้นต้นกับคุณหญิงวิทยาปรีชามาตย์ (อ่อง) และข้าราชการผู้ทรงคุณวุฒิอีกบางท่าน ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสกับครูสตรีชาวต่างประเทศเจ้าของภาษานั้น ๆ นอกจากทรงศึกษาความรู้รอบตัวจากพระบิดา และจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ยังทรงศึกษาวิชาสำหรับกุลสตรีจากสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดลอีกด้วย หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ไทย และพระพุทธศาสนาจนทรงรอบรู้แตกฉาน พระนิพนธ์ชิ้นแรกซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายคือ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กเรื่อง ศาสนคุณ ที่ทรงแต่งประกวดในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๔๗๒ และได้รับพระราชทานรางวัลชั้นที่ ๑ พระนิพนธ์เรื่องอื่นๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ชีวิตและงานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประเพณีไทย สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ฯลฯ และสารคดีอีกหลายเรื่อง นอกจากนี้ยังมีพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอีกด้วย หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงบำเพ็ญกรณียกิจในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดมาเป็นระยะเวลานานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลงานสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล คือ ได้ทรงร่วมก่อตั้งองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) และทรงดำรงตำแหน่งประธานขององค์การนี้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๗ จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๗ กิจการขององค์การ พ.ส.ล. ให้ตั้งสำนักงานใหญ่เป็นการถาวรอยู่ในประเทศไทย มหาวิทยาลัยค็องกุ๊ด กรุงโซล ประเทศเกาหลี ได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางปรัชญา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อศานติของมวลมนุษยชาติ และได้รับพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล สิ้นชีพิตักษัย เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:50 เรื่องที่เก็บความมาเล่าในกระทู้นี้่เป็นพระนิพนธ์บทความสั้นๆ ที่มีสาระน่าอ่าน ในเมื่อลงตีพิมพ์ในวารสารหลายแห่ง ก็คงจะหาอ่านยากอยู่บ้าง จึงรวบรวมมาเท่าที่เจอ เก็บความมาเล่าสู่กันฟัง
แต่ถ้าร่วมวงคุยกันได้ยาว ก็อาจขยายไปถึงพระนิพนธ์เรื่องยาวก็ได้ แล้วแต่ความสนใจของสมาชิกค่ะ เรื่องแรกที่จะเล่า คือเมื่อเสด็จไปสหรัฐอเมริกา เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๖ ทรงได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษที่ Fellowship Church เมืองซานฟรานซิสโก ที่ว่าเป็นแขกพิเศษคือเจ้าภาพทูลเชิญไปเสวยอาหารกลางวัน และต้องทรงกล่าวปาฐกถาให้แขกที่มาร่วมงานฟังด้วย เจ้าภาพทูลเชิญไปเล่าเรื่องประเทศไทยและพุทธศาสนา โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์มีชื่อเสียงในยุคนั้น เพราะมีนักเทศน์ชื่อ Dr.Thurman มาเทศน์ที่นี่ เป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองมาก และเป็นกรรมการของวิทยาลัยตะวันออกที่ม.จ.พูนพิศมัยทรงสอนอยู่ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 16:19 ไปค้นเพิ่มเติม ได้ความว่า โบสถ์นี้มีชื่อเต็มว่า Church for the Fellowship of All Peoples
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 16:22 ส่วน Dr.Thurman ที่ทรงเอ่ยถึง คือ Howard Thurman (1899-1981) เป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงและผู้นำทางศาสนาที่โด่งดังแถวหน้าของอเมริกาในศตวรรษที่ 20 เป็นที่ปรึกษาของผู้นำทางศาสนาในยุคหลัง คือดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 11, 10:18 ม.จ.พูนพิศมัย เสด็จไปถึงตอน ๑๐ โมงเช้า เข้าไปในห้องจัดงานซึ่งแน่นมาก พิธีเริ่มต้นด้วยการสวดมนตร์ฟังเทศน์ รับพรจากพระ คล้ายๆพิธีพุทธ
จากนั้นเจ้าภาพก็เชิญไปเสวย มีโต๊ะตั้งเป็นรูปตัว E ตะแคง และมีโต๊ะโดยรอบอีก ๒-๓ โต๊ะ ตัวท่านประทับข้างนายก ตรงกลางตัว E พอดี เสวยเสร็จ ถึงของหวาน นายกสมาคมก็ลุกขึ้นแนะนำ จากนั้นก็ถึงเวลาทรงบรรยาย ท่านเล่าต่อว่า เสร็จการบรรยายแล้วก็มีคนซักถาม ในจำนวนนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ทูลถามว่า "ท่านก็มีศีล "ปาณาติปาเวรฯ" ฉันก็มีศีล Thou shall not kill" ซึ่งเป็นข้อห้ามอย่างเดียวกัน ฉะนั้นถ้าเขาเกณฑ์เราไปรบ เราไม่ยอมไปเพราะผิดศีล จะผิดหรือไม่" คำถามข้อนี้สำคัญมาก เป็นคำถามที่ค้างคาใจชาวพุทธหลายคนมาแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ถือศีล ๕ แต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ปราบปราม ว่าเขาจะต้องละเมิดศีลข้อ ๑ ไม่มีวันรักษาศีลได้ครบ ไม่มีทางแก้ไขหรือเปล่า กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 11, 21:16 ทรงตอบว่า
"ในทางพุทธศาสนาของฉันนั้น โลกกับธรรมเดินกันคนละทาง เราพึ่งพาอาศัยกัน แต่ปนกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงละทิ้งการเมือง เสด็จออกบรรพชาเพื่อทางธรรม ทรงละการเมืองไว้ให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดิน ดังจะเห็นได้ตามข้อถามในเวลาบวชข้อหนึ่งว่า "ท่านได้รับพระราชานุญาตแล้วหรือ" (ที่จะออกบวช) ฉะนั้น การเมืองจึงไม่เกี่ยวข้องกับการศาสนา" " พูดตามทางโลก ถ้าท่านไม่ไปตามเกณฑ์ ท่านก็ผิดในหน้าที่พลเมืองดีที่จะต้องรักษาบ้านเมืองของท่าน อีกประการหนึ่ง การที่ท่านไปสงครามนั้น ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปฆ่าใคร ถ้าจำเป็นต้องฆ่าก็เพราะต้องต่อสู้ ท่านอาจไม่มีโอกาสได้ฆ่าใครจนกลับมาบ้านก็เป็นได้ จึงสมควรจะเรียกว่าไปทำหน้าที่ต่อบ้านเมืองของท่านจะถูกกว่า ไม่เกี่ยวแก่ศาสนา " ทรงเล่าต่อไปว่า ผู้ที่มาล้อมวงฟังอยู่นิ่งไปตามๆกัน พ่อหนุ่มคนถามก็จูงมือสาวคู่รัก ก้มหัวคำนับแล้วลาไป กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 11, 11:43 เรื่องที่ ๒ ที่จะเล่าคือ เมื่อม.จ.พูนพิศมัยเสด็จไปทอดพระเนตรละคร The King and I ที่นิวยอร์ค
ทรงเรียงลำดับให้เห็นทีละฉาก ฉากที่ ๑ เป็นตอนแอนนาอยู่ในเรือ ที่เดินทางมาถึงบางกอก พอถึงที่หมายก็รอคนมารับ แอนนากับกัปตันเรือสนทนากันว่าผู้คนในบางกอกมีความแปลกประหลาดเกินกว่าคนตะวันตกจะเข้าใจได้ สักครู่ กลาโหมก็มาถึง คือมารับแอนนาถึงในเรือ มีข้าทาสวิ่งตัวเปล่าโดดลงมายืนกอดอกอยู่ ๔ คน กลาโหมนุ่งกระโปรงยาวถึงข้อเท้า ไม่สวมเสื้อ มาถึง ข้าทาสก็หมอบลงแบบโก้งโค้ง เจรจากันสักครู่ก็จบฉาก กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 11, 10:15 ทรงบรรยายต่อไปว่า
"king Mongkul ทรงฉลองพระองค์เปิดทรวง และทรงพระภูษา ทรงตุ้มพระกรรณข้างเดียว! ทรงพระอัธยาศัยฉุนเฉียวแต่เต็มไปด้วยพระสติปัญญาสามารถ และทรงรักชาติของพระองค์อย่างยิ่งยวด ส่วนการปรุงแต่งทั้งเรื่อง ทั้งฉาก ทั้งดนตรีและเครื่องแต่งตัว เป็นไทยอยู่ราวๆ ๗ % นอกจากนั้นปนแขก ปนเจ๊ก ปนเขมร และในที่สุด ก็ดีสำหรับรสนิยมของชาวตะวันตกโดยแท้" http://www.youtube.com/watch?v=iirDxAGlvdY&feature=related กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 17:26 ตัวแสดงที่ม.จ.พูนพิศมัยโปรดมากก็คือนักแสดงเล็กๆที่เล่นบทพระราชโอรสธิดา ทุกคนแต่งตัวอย่างในพระรูปคือมีพวงมาลัยรอบจุก เสื้อแขนกระบอก แต่สวมครุยทับจนดูรุ่มร่ามเกินเด็ก มีเครื่องประดับข้อมือข้อเท้าครบ ทรงเห็นว่าน่าเอ็นดู มีฉากที่วิ่งเข้าไปกอดพระราชบิดา โดยลืมว่าเป็นเจ้าชีวิต
http://www.youtube.com/watch?v=JmKfHixGYwc&feature=related กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 17:29 ส่วนการละเล่นและการแสดงนาฏศิลป์ในเรื่อง ทรงวิจารณ์ว่าปนกันยุ่งจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โขนก็เต้นออกมากราวๆ นางเอกก็ออกมาเอียงอายม้วนต้วน ทำท่ารำแบบ "ควักกะปิ" ต่างๆ แล้วก็มีทั้งแห่หนังตะลุงและเชิดสิงโตจีน ทำให้ทรงวิงเวียนไปหมด
คงจะทรงหมายถึงฉากนี้ ในเรื่องบอกว่าเป็น Uncle Tom's Cabin เวอร์ชั่นสยาม http://www.youtube.com/watch?v=1DmDwZBx1wQ&feature=related กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 18:24 ท่านหญิง ทรงวิจารณ์ต่อไปว่า ถ้าดูตามนัยน์ตาไทยๆแล้วก็ไม่เข้าใจว่าละครเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายอะไร แต่จะตำหนิว่าเลวก็ไม่ได้ เพราะมีส่วนที่ดี แต่จะว่าดีก็ไม่ได้ เพราะมีส่วนที่บ้า
ผู้ที่เชิญเสด็จไป ถามความเห็นว่า "ว่ายังไง?" ทรงตอบว่า "ไม่ใช่ไทย!" จากนั้นทรงพบยูล บรินเนอร์ โดยได้รับคำแนะนำว่า ทรงเป็นพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็รับสั่งกับพระเอกในเรื่องว่า " Mr.Brenner ฉันจะบอกให้ท่านรู้ว่า King องค์นี้ละที่รักษาเอกราชของเมืองไทยเอาไว้ได้ ท่านต้องระวังอย่าเปลี่ยนพงศาวดารของเรานะ" เมื่อเสด็จถึงกรุงวอชิงตัน ทรงพบมากาเร็ต แลนดอน อดีตมิชชันนารีในสยามซึ่งเป็นผู้เขียนนิยายเรื่อง Anna and the King of Siam ที่ดัดแปลงเป็นละคร The King and I ทรงรับเชิญไปที่บ้านของเธอ หลังจากชมห้องสมุดและเครื่องสัมฤทธิ์ เครื่องถม เครื่องเขิน จากสยามแล้ว ก็ทรงถามเจ้าของบ้านตรงๆว่า "คนอยากรู้ว่าแหม่มมีเรื่องโกรธเคืองเมืองไทยเรื่องอะไร จึงเขียนหนังสือชนิดนี้ขึ้น" อ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉันก็สนใจขึ้นมาว่าเจอคำถามแบบตีแสกหน้าขนาดนี้ แหม่มมากาเร็ตตอบว่าอะไร อ่านคำตอบแล้วก็รู้สึกว่าเธอใจเย็นเอาการ และคงจะเคยเจอคำถามทำนองนี้มาแล้วก็เป็นได้ จึงตอบโดยไม่มีอาการละล่ำละลัก หรือแก้ตัวเป็นพัลวัน ว่า " ความเห็นของฝรั่งและไทยไม่ตรงกันในข้อนี้ ทางฝรั่งเขาเห็นเป็นการเชิดชูพระเกียรติ เพราะมีคนดูหลายคนที่บอกว่า ไม่นึกว่าเมืองไทยจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่ดีถึงเพียงนี้" ก็นับว่าแหม่มเอาตัวรอดไปได้ ตอนท้ายบทความ ทรงสรุปว่า "คนเขียนหนังสือก็เหมือนคนจำพวกอื่นๆ คือมีคนชอบเขียนเรื่องต่างๆกันตามอัธยาศัย พวกชอบนิทาน ก็เอานิทานมายกย่องให้เป็นจริง พวกชอบแคะไค้ใส่ร้าย ก็ชอบยกเอาข้อวามอันสกปรกขึ้นมาเชิดชู พวกรักเหตุและผลก็ตามแต่เหตุและผล ฉะนั้นผู้อ่านจะได้รู้จักผู้เขียนดีก็ตามที่กล่าวมานี้ดอกกระมัง" กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 11, 18:34 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทรงเล่ามีอยู่มากมายหลายสิบเรื่อง หลายเรื่อง สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าประทานพระธิดา ดิฉันขอตัดตอนมาเฉพาะบางเรื่อง
เช่นเรื่องเพลงสรรเสริญพระบารมี ทรงเล่าว่าเพลงสรรเสริญพระบารมี มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อร้อยเอกอิมเปย์และร้อยเอกน็อกซ์เข้ามาเป็นครูฝึกทหารวังหน้า ในเมื่อสองคนเป็นชาวอังกฤษ คำที่ใช้ฝึกทหารก็ออกมาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมทั้งเพลงสรรเสริญพระบารมีก็ใช้เพลงอังกฤษในสมัยนั้น คือเพลงสรรเสริญพระบารมีควีนวิกตอเรีย เพลงสรรเสริญพระบารมีของฝรั่งใช้กันอยู่ในสยามมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จประพาสเกาะชวา ทรงจ้างนักดนตรีชาวโปรตุเกสชื่อ Mr. Heutsen มาเป็นครูแตร และโปรดให้คิดแต่งเพลงสรรเสริญพระบารมีแบบไทยขึ้นมา กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 11, 18:37 ฝ่ายไทย มีพระประดิษฐ์ไพเราะ (ครูมีแขก) ซึ่งเป็นคนสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นผู้แต่งทำนอง ส่วนเนื้อร้องแต่งโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจาริยางกูร)
เดิมเป็นโคลงกระทู้ ว่า ความ สุขสมบัติทั้ง บริวาร เจริญ พละปฏิภาณ ผ่องแผ้ว จง เจริญพระชนมาน นับรอบ ร้อยแฮ มี พระเกียรติเพริศแล้ว เล่ห์เพี้ยงเพ็ญจันทร์ ทำนองเพลงเอาทำนองแตรงอนที่ใช้ประโคม ในเวลาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออก ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นหลัก ก็ใช้กันมาจนกระทั่งถึงงานลงสรงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ จึงโปรดเกล้าฯให้มีมโหรีแบบคอนเสิร์ท ตอนนั้นจึงมีเพลงสรรเสริญพระบารมีแบบใหม่ พระนิพนธ์ในสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีในครั้งนั้น เนื้อร้องลงท้ายด้วย ฉะนี้ มาเปลี่ยนเป็น ชโย ในรัชกาลที่ ๖ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 02 ต.ค. 11, 20:47 ตามมาอ่านค่ะ
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 02 ต.ค. 11, 21:03 พระนิพนธ์บางเรื่องยังไม่ได้อ่านค่ะ อ่านแต่ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น อ่านอยู่หลายรอบจนกระทั่งข้องใจเต็มทีว่า จุด จุด จุด เป็นใคร ในที่สุด ทนความอยากรู้ไม่ไหว เลยอ่านสองเล่มเทียบเคียงกัน คือเกิดวังปารุสก์ กับ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ในที่สุด เลยถึงบางอ้อเกี่ยวกับ จุด จุด จุดค่ะ
แต่ท่านหญิงทรงเปรียบเทียบเรื่องการทำหน้าที่ที่แยกจากกันของทางโลกและทางธรรมได้กระจ่างดีค่ะ หวังว่าหนุ่มน้อยคนนั้นคงจะหายสงสัยไปได้บ้างนะคะ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 21:11 มีเหมือนกันว่า ในกระทู้เก่าบางเรื่อง เมื่อจะต้องเอ่ยถึงบุคคลบางท่าน ทั้งท่าน Navarat และดิฉันต่างก็ขยัน จุด จุด จุด กันเสียจนคนอ่านบางท่านอาจจะหน้ามืดตาลาย
เราไม่อาจจะระบุชื่อออกมาได้ ทั้งด้วยมารยาทและความควรมิควร เพราะไม่ประสงค์จะก่อความรู้สึกบาดหมางให้กับผู้เกี่ยวข้อง และลูกหลานซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากว่าคนอ่านขยันก็คงจะไปค้นคว้าหาได้เอง เพราะหนังสือบางเล่มก็กล่าวเอาไว้อย่างเปิดเผย บางเล่มก็แง้มๆ พอให้เดาออก อย่างในเรื่องที่คุณ smallhands อ้างถึงนี้ ทีแรกว่าจะจบกระทู้นี้แล้ว เพราะยิ่งเล่าต่อจะยิ่งยาว กินเวลานานมาก แต่เมื่อมีผู้ติดตามอ่าน ก็เห็นทีจะเกียจคร้านไม่ได้แล้ว ดิฉันคิดว่าหนุ่มน้อยคนนั้นก็คงเข้าใจค่ะ ถึงได้ยอมรับและจากไปอย่างไม่มีข้อข้องใจอีก กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 02 ต.ค. 11, 21:40 เข้าใจอาจารย์ทั้งสองได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องที่ว่าต้องเว้นชื่อไว้ เพราะแม้แต่ในหนังสือของท่านหญิงเองก็ไม่พิมพ์ จุด จุด ไว้ให้ค้างคาใจ แต่ก็อย่างว่า ราชตระกูลจะว่าไปก็ญาติกันทั้งนั้น ยังไม่นับว่าลูกหลานจะขัดเคืองใจกันอีก จริงๆแล้ว ชื่อคนอื่น คงจะไม่พากเพียรหาขนาดนี้ แต่เพราะท่านหญิงเขียนเรื่องที่กล่าวอาฆาตกันไว้ เลยอยากทราบเป็นพิเศษน่ะค่ะ
ไว้หนูจะกลับมาอ่านใหม่ค่ะ แต่อาจารย์ไม่ต้องรีบเขียนนะคะ เกรงใจว่าอาจารย์คงจะมีงานเยอะ ตอนนี้ เมื่อไหร่ว่างจะมาไล่อ่านกระทู้เก่าๆก่อนค่ะ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 22:10 พระนิพนธ์เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ทรงเขียนขึ้นจากความทรงจำ ครั้งพระชันษาได้ 12 ปี อ่านรายละเอียดแล้วก็นึกทึ่ง ในความช่างสังเกตและจดจำบันทึกได้แม่นยำเกินพระชันษามากเอาการ ทรงเก็บทั้งรายละเอียดใหญ่ๆ และเรื่องเล็กๆน้อยๆได้มีชีวิตชีวา
เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในรัชกาลที่ 5 คือเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปในครั้งที่ 2 เมื่อพ.ศ. 2450 ท่านทรงบันทึกว่า ในครั้งนั้นเรือพระที่นั่งจักรีออกจากอ่าวไทยไปรับเสด็จที่เกาะปีนัง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม บรรดาเจ้านายและฝ่ายในที่มีหน้าที่ถวายการปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์ ก็เสด็จออกไปกับเรือพระที่นั่งจักรีด้วย ในเวลานั้น ท่านหญิงทรงอยู่กับสมเด็จเจ้าฟ้านิภานพดล ราชเลขานุการิณี จึงได้ตามเสด็จไปด้วย กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 22:19 เรือพระที่นั่งจักรี ที่ทรงเรียก คือเรือพระที่นั่งมหาจักรี ลำแรก เป็นเรือที่ต่อขึ้นโดยบริษัทต่อเรือที่สกอตแลนด์ เป็นแบบเรือลาดตระเวน เป็นเรือพระที่นั่งตลอดรัชกาลที่ 5 ใช้ในการเสด็จทั้งในประเทศไทย และเสด็จประพาสต่างประเทศ ทั้ง ชวา สิงคโปร์และยุโรป
เรือพระที่นั่งลำนี้ใช้งานยืนยาวมาจนรัชกาลที่ 6 ปลดระวางเมื่อ พ.ศ. 2459 แต่ทางราชการยังเก็บเครื่องจักรไว้ ให้บริษัทญี่ปุ่นนำไปใช้เป็นเครื่องจักรในเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ซึ่งขึ้นระวางในสมัยรัชกาลที่ 7 น่าเสียดายว่าเรือลำที่สองถูกระเบิดทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่มีให้คนไทยในยุคปัจจุบันได้เห็นอีก ม.จ. พูนพิศมัย โปรดเรือพระที่นั่งมาก ตามประสาเด็ก ทรงบันทึกว่าเป็นเรือที่กว้างมาก มีม่านกั้นกลางแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหน้าเป็นที่อยู่และที่ทำงานของทางฝ่ายหน้า ส่วนหลังเป็นของฝ่ายใน เจ้านายสตรีและบรรดานางข้าหลวงพนักงานอื่นๆอยู่เฉพาะฝ่ายใน ท่านหญิงน้อยๆผู้ทรงพระเยาว์ก็ได้วิ่งไปวิ่งมาได้ทั้งสองส่วน เวลาบรรทมและเสวยก็อยู่ทางด้านใน เมื่อใดคิดถึงเสด็จพ่อ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ก็วิ่งมาเฝ้าที่ส่วนหน้าหรือทางด้านหัวเรือ เมาคลื่นเมื่อใดก็ทรงนอน กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ต.ค. 11, 05:37 เอารูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สองมาสนับสนุนครับ
หลัง๒๔๗๕เรือลำนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงอ่างทอง ตามประเภทของเรือ ซึ่งจัดเป็นเรือลำเลียง เรือระบายพล เรือส่งกำลังบำรุง จะตั้งตามชื่อตามชื่อเกาะขนาดใหญ่ เรือในกลุ่มนี้มี ร.ล.อ่างทอง ร.ล.ช้าง ร.ล.พงัน ร.ล.ลันตา ร.ล.พระทอง ร.ล.อ่างทอง(ลำที่หนึ่ง)หรือเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ให้เป็นเรือธงผู้บัญชาการทหารเรือในช่วงสงครามอินโดจีน มาจนสงครามโลกครั้งที่สอง โดนระเบิดจากเครี่องบินอเมริกันขณะจอดที่ท่าเรือฐานทัพสัตหีบ เสียหายหนักต้องปลดระวาง รูปจากกระทู้นู้น กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 09:58 ขอบคุณที่มาเสริมข้อมูลให้สมบูรณ์ค่ะ เพิ่งรู้จากท่าน Navarat ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่ ๒ คือเรือหลวงอ่างทอง รู้แต่เพียงว่าถูกระเบิดจนใช้งานไม่ได้อีก
เล่าต่อค่ะ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐ เวลาหกโมงเย็น ก็เห็นเรือ "แซกซั่น" มาถึงเกาะปีนัง ท่านหญิงทรงเกาะแคมเรือพระที่นั่งจักรี อยู่ในกลุ่มของเจ้านายฝ่ายใน เฝ้ามองด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นเรือลำใหญ่มหึมาเปิดไฟสว่างจ้า ลอยลำเข้ามาในอ่าว มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน ส่วนทางเรือมหาจักรี เจ้านายฝ่ายหน้าอย่างสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนสิงหวิกรมเกรียงไกร และขุนนางสำคัญอีกหลายท่าน แต่งพระองค์และแต่งกายเต็มยศ ลงเรือกรรเชียงจากเรือมหาจักรีไปยังเรือแซกซั่น ตอนนั้นเอง ปืนใหญ่ก็ยิงสลุตกันสนั่นหวั่นไหว ทั้งจากบนฝั่งและจากเรือมหาจักรี ทำเอาเด็กๆอย่างท่านหญิงตกพระทัย ทรงบรรยายว่า "ราวกับหัวใจจะกระโดดออกมาภายนอก" เสียงสลุตเงียบลงประมาณ ๑ ชั่วโมง เรือกรรเชียงพระที่นั่งก็กรรเชียงจากเรือแซกซั่นมาที่เรือมหาจักรี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาพร้อมกับเจ้านายที่ตามเสด็จ ท่านหญิงบันทึกว่า สีพระพักตร์สดใส แดงๆกันทุกพระองค์ จากนั้นก็เสด็จเข้าห้องเสวย เบิกตัวข้าราชการเข้าเฝ้ากันอย่างทั่วถึง ไปค้นเกี่ยวกับเรือแซกซั่น ได้ความว่าเป็นเรือเดินสมุทรของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์ เดินทางระหว่างอิตาลีถึงสิงคโปร์ ไม่ใช่เรือของราชการไทย กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 10:07 ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับบนเรือแซกซัน (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4290.0;attach=18076;image) ;D กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 15:35 เรือเดินสมุทรที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเสด็จประพาสยุโรป มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า แซกซัน ตามที่ระบุไว้ในพระนิพนธ์ของท่านหญิง
ชื่อภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าสะกดยังไง เดาว่าสะกดว่า Saxon ส่องอินทรเนตรดูคำนี้ ไม่เจอ ได้ความจากประวัติเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ว่าท่านโดยสารเรือนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นเรือของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์ เจอชื่อบริษัทเข้า แทบหน้ามืดเพราะไม่เคยเรียนภาษาเยอรมัน แข็งใจสะกดตามแบบต่างๆที่คิดว่าเยอรมันจะสะกดอย่างนั้น อินทรเนตรยืนกรานปฏิเสธท่าเดียวว่าไม่มี หมดแรงเข้าหันไปสะกดแบบอังกฤษ ว่า North Deutsch lloyd ปรากฏว่าคราวนี้อินทรเนตรแกะรอยได้พบ แต่ท้วงติงนิดหน่อยว่าชื่อ Norddeutscher Lloyd ตะหาก เป็นบริษัทเรือเดินทะเลมีประวัติยาวเหยียด คุณวิกกี้บอกไว้หมด ใครสนใจใส่ชื่อนี้ในกูเกิ้ลจะพบเองค่ะ จากนั้นไล่หาบัญชีรายชื่อเรือเดินทะเลของบริษัท ว่ามีเรือ Saxon ไหม ก็ไม่มี เปิดกี่หน้าๆก็ไม่มี เจอแต่ชื่อ Sachsen มีวงเล็บว่า(1887-1909 - 4,573 gross tons) สงสัยจะลำนี้ เพราะแม่นางปฏิบัติการอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันพอดี พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากยุโรปในปี 1907 แต่ยังหารูปไม่ได้ค่ะ ฝากใครใจดี หาเจอช่วยนำมาลงให้จะขอบคุณมาก กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ต.ค. 11, 18:53 ^
จัดให้ตามคำขอครับ Name : Sachsen Description : Norddeutscher Lloyd steamship Source : Postcard mailed 1901 กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 19:00 ตามไปดู
;D กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 19:02 ขอบคุณค่ะ คุณ Navarat เรือแซกซันดูลำใหญ่กว่าเรือมหาจักรี คงจะกว้างขวางสะดวกสบายกว่า
ใช้อินทรเนตรค้นภาพเก่า เจอรูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีอีก ๒ รูป เลยเอามารวมไว้ด้วยกัน รูปแรกบอกรายละเอียดไว้ว่า เป็นเรือสั่งต่อที่สกอตแลนด์ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรปในครั้งแรก เสด็จไปในเรือมหาจักรี แต่ในครั้งที่ ๒ เสด็จในเรือแซกซัน กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 09 ต.ค. 11, 21:37 ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองค่ะ
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 11, 14:55 แต่ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีไม่ได้แล่นตรงกลับเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว หากแต่ข้ามทะเลไปจันทบุรี และตราด แล้วจึงกลับมาพระนคร
ระหว่างประทับในเรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯพระราชทานของฝากแก่ผู้ไปรับเสด็จ ท่านหญิงน้อยๆทั้งสององค์คือม.จ.พูนพิศมัย และ "ท่านหญิงเหลือ"ม.จ.พิไลยเลขา ได้รับพระราชทานเสมา พระเจ้าอยู่หัวทรงผูกเสมาพระราชทานเอง มีพระราชดำรัสว่า "ข้ามีของฝากเจ้าแล้วละ เสมาทอง แต่คราวนี้ไม่พอ ไว้มาคราวหน้าถึงค่อยเอาใหม่" แล้วทรงผูกเสมาเงินด้วยเส้นไหม พระราชทาน กับหวีปักผมเป็นตัวอักษรทองว่า "พระราชทาน" อีกองค์ละเล่ม ทรงบันทึกไว้อย่างน่ารักว่า ทรงกลัวว่าพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชดำรัสถามว่า " เมาคลื่นหรือเปล่า" เพราะทรงทราบมาว่าไม่โปรดคนเมาคลื่น ท่านหญิงก็คงจะทรงเมาคลื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย จะตอบตามตรงก็เกรงว่าจะไม่โปรด จะปฏิเสธเพื่อให้ถูกพระราชหฤทัยก็เป็นความเท็จ จึงทรงหวั่นเกรงอยู่ เคราะห์ดีว่าไม่มีพระราชดำรัสถาม ท่านหญิงก็บันทึกว่า "รอดตัวไป" กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:28 ท่านหญิงทรงลำดับเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดว่า เรือพระที่นั่งมหาจักรี แล่นกลับมาถึงปากน้ำเจ้าพระยา เมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 มีเรือต่างๆมาลอยลำรับเสด็จเต็มไปหมด เมื่อเรือมหาจักรีมาถึงก็ยิงสลุต และเปิดหวูดกันเซ็งแซ่ เรือยังไม่ได้ตรงเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว แต่ไปแวะค้างคืนที่สมุทรปราการก่อนคืนหนึ่ง
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ(พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และเจ้านายชั้นผู้ใหญ่เสด็จลงไปรับเสด็จในเรือ แล้วเสด็จกลับกรุงเทพก่อน วันรุ่งขึ้น เรือมหาจักรีจึงแล่นเข้ามาถึงท่าราชวรดิฐ เวลา 10 โมงเศษ กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:37 เสด็จลงจากเรือพระที่นั่ง
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:40 เสด็จโดยขบวนพยุหยาตราน้อยเข้าพระบรมมหาราชวัง
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:43 ซุ้มรับเสด็จแบบต่างๆ
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 21:56 เสด็จเข้าพระบรมมหาราชวัง
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 21:57 จากนั้นเสด็จโดยกระบวนรถม้า กับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ไปที่พระที่นั่งอัมพรสถาน
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 22:00 ประชาชนมาเฝ้าชมพระบารมีสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนิน ทรงหยุดที่ปะรำรับการถวายพระพรเป็นแห่งๆไป
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 13 ต.ค. 11, 04:40 Back to Europe: Picture "1907 King of Siam at Nordcap, Norway"
(Sail from Kopenhagen with Yacht "Albion") กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 13 ต.ค. 11, 04:57 Original in German text: " Ein grosser Tag für Bad Harzburg.
Zusammen mit dem Herzogspaar besuchte der siamesische König Chulalongkorn im August 1907 die Kurstadt. Quelle: Goslarsche Zeitung 23.10.1999 " Translate: "A Special(Big) day for Bad Harzburg. Together with the Duke and Duchess, The King of Siam visited this cure city in August 1907." กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 10:22 อ่านข้อความใต้พระรูปนี้ไม่ออก จึงไม่ทราบว่าเป็นการเสด็จต่างประเทศในพ.ศ.ไหนค่ะ
กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 11:49 คำบรรยายภาพ : ถ่ายที่สิงคโปร์ วันที่ ๑๗ พฤศภาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๕
;D กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 20:35 ^
ขอบคุณค่ะ จากนั้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน เสด็จขึ้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ สรงมุรธาภิเษก ชีพ่อพราหมณ์ถวายน้ำตามประเพณี เจ้าพนักงานเบิกบายศรีเวียนเทียนสมโภชพระราชมณเฑียร จนเสร็จพิธี ตอนค่ำ ก็มีเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจอีก คือเสด็จทอดพระเนตรการจุดดอกไม้ไฟ ที่พ่อค้าฝรั่งสั่งทำมาจากยุโรป รูปประกอบข้างล่างนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นทูตานุทูตหรือรวมทั้งนักธุรกิจฝรั่งในสยามด้วย ที่มาเฝ้ารับเสด็จ เห็นว่าแต่ละคนแต่งทักซีโดกันโอ่อ่าทีเดียว กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 20:40 ตามประสาเด็ก ท่านหญิงทรงรู้สึกว่างานฉลองในคราวนั้นสนุกสนานเต็มที่ เพราะนอกจากมีจุดดอกไม้ไฟ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จทอดพระเนตรโคมไฟที่จุดสว่างไสวตามถนนสายใหญ่ๆ วันรุ่งขึ้นก็ยังมีสวนสนามกองทัพบกที่สนามหลวงอีกด้วย
แต่ทรงได้ยินจากท่านหญิงผู้ทรงเป็น "เจ้าพี่" แต่ไม่ได้ระบุว่าองค์ไหน ทรงเล่าว่างานฉลองเมื่อเสด็จกลับจากยุโรปครั้งแรกสนุกกว่านี้มาก เพราะฉลองกันอยู่ถึง ๑ เดือน มีทั้งโขลนกลางแปลง ละครใน งานสโมสรสันนิบาต แต่งแฟนซีและเต้นรำกันใหญ่โตตามวังเจ้านาย เหตุการณ์ตอนนี้บันทึกเอาไว้ใน สี่แผ่นดิน ใครสนใจไปหาอ่านรายละเอียดได้ค่ะ ขอจบเพียงแค่นี้ |