เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:43



กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:43
(http://web.princedamronglib.org/upload/page/dhamrong_rachanuphab_big.jpg)

      หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กับหม่อมเฉื่อย ดิศกุล สกุลเดิม ยมาภัย
      ประสูติเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่วังสามยอด เชิงสะพานดำรงสถิตย์  ทรงศึกษาภาษาไทยชั้นต้นกับคุณหญิงวิทยาปรีชามาตย์ (อ่อง) และข้าราชการผู้ทรงคุณวุฒิอีกบางท่าน    ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสกับครูสตรีชาวต่างประเทศเจ้าของภาษานั้น ๆ นอกจากทรงศึกษาความรู้รอบตัวจากพระบิดา และจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ยังทรงศึกษาวิชาสำหรับกุลสตรีจากสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดลอีกด้วย

       หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ไทย และพระพุทธศาสนาจนทรงรอบรู้แตกฉาน พระนิพนธ์ชิ้นแรกซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายคือ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กเรื่อง ศาสนคุณ ที่ทรงแต่งประกวดในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๔๗๒ และได้รับพระราชทานรางวัลชั้นที่ ๑
       พระนิพนธ์เรื่องอื่นๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ชีวิตและงานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประเพณีไทย สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ฯลฯ และสารคดีอีกหลายเรื่อง นอกจากนี้ยังมีพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอีกด้วย
       หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงบำเพ็ญกรณียกิจในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดมาเป็นระยะเวลานานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

       ผลงานสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล คือ ได้ทรงร่วมก่อตั้งองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) และทรงดำรงตำแหน่งประธานขององค์การนี้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๗ จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๗ กิจการขององค์การ พ.ส.ล. ให้ตั้งสำนักงานใหญ่เป็นการถาวรอยู่ในประเทศไทย
        มหาวิทยาลัยค็องกุ๊ด กรุงโซล ประเทศเกาหลี ได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางปรัชญา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อศานติของมวลมนุษยชาติ และได้รับพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒

        หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล สิ้นชีพิตักษัย เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:50
  เรื่องที่เก็บความมาเล่าในกระทู้นี้่เป็นพระนิพนธ์บทความสั้นๆ   ที่มีสาระน่าอ่าน   ในเมื่อลงตีพิมพ์ในวารสารหลายแห่ง ก็คงจะหาอ่านยากอยู่บ้าง    จึงรวบรวมมาเท่าที่เจอ   เก็บความมาเล่าสู่กันฟัง
  แต่ถ้าร่วมวงคุยกันได้ยาว ก็อาจขยายไปถึงพระนิพนธ์เรื่องยาวก็ได้   แล้วแต่ความสนใจของสมาชิกค่ะ

   เรื่องแรกที่จะเล่า คือเมื่อเสด็จไปสหรัฐอเมริกา เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๖  ทรงได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษที่ Fellowship Church เมืองซานฟรานซิสโก     ที่ว่าเป็นแขกพิเศษคือเจ้าภาพทูลเชิญไปเสวยอาหารกลางวัน และต้องทรงกล่าวปาฐกถาให้แขกที่มาร่วมงานฟังด้วย
เจ้าภาพทูลเชิญไปเล่าเรื่องประเทศไทยและพุทธศาสนา
   โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์มีชื่อเสียงในยุคนั้น  เพราะมีนักเทศน์ชื่อ Dr.Thurman  มาเทศน์ที่นี่   เป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองมาก  และเป็นกรรมการของวิทยาลัยตะวันออกที่ม.จ.พูนพิศมัยทรงสอนอยู่


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 16:19
ไปค้นเพิ่มเติม ได้ความว่า โบสถ์นี้มีชื่อเต็มว่า Church for the Fellowship of All Peoples


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 16:22
ส่วน Dr.Thurman ที่ทรงเอ่ยถึง คือ Howard Thurman (1899-1981) เป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงและผู้นำทางศาสนาที่โด่งดังแถวหน้าของอเมริกาในศตวรรษที่ 20   เป็นที่ปรึกษาของผู้นำทางศาสนาในยุคหลัง คือดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 11, 10:18
ม.จ.พูนพิศมัย เสด็จไปถึงตอน ๑๐ โมงเช้า   เข้าไปในห้องจัดงานซึ่งแน่นมาก   พิธีเริ่มต้นด้วยการสวดมนตร์ฟังเทศน์ รับพรจากพระ คล้ายๆพิธีพุทธ
จากนั้นเจ้าภาพก็เชิญไปเสวย  มีโต๊ะตั้งเป็นรูปตัว E ตะแคง     และมีโต๊ะโดยรอบอีก ๒-๓ โต๊ะ     ตัวท่านประทับข้างนายก ตรงกลางตัว E พอดี
เสวยเสร็จ ถึงของหวาน  นายกสมาคมก็ลุกขึ้นแนะนำ   จากนั้นก็ถึงเวลาทรงบรรยาย

ท่านเล่าต่อว่า เสร็จการบรรยายแล้วก็มีคนซักถาม     ในจำนวนนั้น มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ทูลถามว่า

"ท่านก็มีศีล "ปาณาติปาเวรฯ"  ฉันก็มีศีล Thou shall not kill" ซึ่งเป็นข้อห้ามอย่างเดียวกัน     ฉะนั้นถ้าเขาเกณฑ์เราไปรบ  เราไม่ยอมไปเพราะผิดศีล  จะผิดหรือไม่"

คำถามข้อนี้สำคัญมาก  เป็นคำถามที่ค้างคาใจชาวพุทธหลายคนมาแล้ว     โดยเฉพาะผู้ที่ถือศีล ๕ แต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ปราบปราม    ว่าเขาจะต้องละเมิดศีลข้อ ๑  ไม่มีวันรักษาศีลได้ครบ   ไม่มีทางแก้ไขหรือเปล่า


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 11, 21:16
ทรงตอบว่า

"ในทางพุทธศาสนาของฉันนั้น   โลกกับธรรมเดินกันคนละทาง   เราพึ่งพาอาศัยกัน  แต่ปนกันไม่ได้   พระพุทธเจ้าทรงละทิ้งการเมือง   เสด็จออกบรรพชาเพื่อทางธรรม  ทรงละการเมืองไว้ให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดิน     ดังจะเห็นได้ตามข้อถามในเวลาบวชข้อหนึ่งว่า "ท่านได้รับพระราชานุญาตแล้วหรือ" (ที่จะออกบวช)  ฉะนั้น การเมืองจึงไม่เกี่ยวข้องกับการศาสนา"
" พูดตามทางโลก    ถ้าท่านไม่ไปตามเกณฑ์   ท่านก็ผิดในหน้าที่พลเมืองดีที่จะต้องรักษาบ้านเมืองของท่าน     อีกประการหนึ่ง  การที่ท่านไปสงครามนั้น ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปฆ่าใคร    ถ้าจำเป็นต้องฆ่าก็เพราะต้องต่อสู้    ท่านอาจไม่มีโอกาสได้ฆ่าใครจนกลับมาบ้านก็เป็นได้     จึงสมควรจะเรียกว่าไปทำหน้าที่ต่อบ้านเมืองของท่านจะถูกกว่า    ไม่เกี่ยวแก่ศาสนา "

ทรงเล่าต่อไปว่า ผู้ที่มาล้อมวงฟังอยู่นิ่งไปตามๆกัน    พ่อหนุ่มคนถามก็จูงมือสาวคู่รัก ก้มหัวคำนับแล้วลาไป


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 11, 11:43
เรื่องที่ ๒ ที่จะเล่าคือ เมื่อม.จ.พูนพิศมัยเสด็จไปทอดพระเนตรละคร The King and I ที่นิวยอร์ค
ทรงเรียงลำดับให้เห็นทีละฉาก

ฉากที่ ๑ เป็นตอนแอนนาอยู่ในเรือ ที่เดินทางมาถึงบางกอก  พอถึงที่หมายก็รอคนมารับ  แอนนากับกัปตันเรือสนทนากันว่าผู้คนในบางกอกมีความแปลกประหลาดเกินกว่าคนตะวันตกจะเข้าใจได้
สักครู่  กลาโหมก็มาถึง คือมารับแอนนาถึงในเรือ  มีข้าทาสวิ่งตัวเปล่าโดดลงมายืนกอดอกอยู่ ๔ คน  กลาโหมนุ่งกระโปรงยาวถึงข้อเท้า ไม่สวมเสื้อ มาถึง   ข้าทาสก็หมอบลงแบบโก้งโค้ง   เจรจากันสักครู่ก็จบฉาก


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 11, 10:15
ทรงบรรยายต่อไปว่า

"king Mongkul ทรงฉลองพระองค์เปิดทรวง และทรงพระภูษา  ทรงตุ้มพระกรรณข้างเดียว! ทรงพระอัธยาศัยฉุนเฉียวแต่เต็มไปด้วยพระสติปัญญาสามารถ    และทรงรักชาติของพระองค์อย่างยิ่งยวด
ส่วนการปรุงแต่งทั้งเรื่อง   ทั้งฉาก ทั้งดนตรีและเครื่องแต่งตัว   เป็นไทยอยู่ราวๆ ๗ %  นอกจากนั้นปนแขก ปนเจ๊ก ปนเขมร  และในที่สุด  ก็ดีสำหรับรสนิยมของชาวตะวันตกโดยแท้"

http://www.youtube.com/watch?v=iirDxAGlvdY&feature=related


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 17:26
ตัวแสดงที่ม.จ.พูนพิศมัยโปรดมากก็คือนักแสดงเล็กๆที่เล่นบทพระราชโอรสธิดา    ทุกคนแต่งตัวอย่างในพระรูปคือมีพวงมาลัยรอบจุก   เสื้อแขนกระบอก แต่สวมครุยทับจนดูรุ่มร่ามเกินเด็ก   มีเครื่องประดับข้อมือข้อเท้าครบ  ทรงเห็นว่าน่าเอ็นดู   มีฉากที่วิ่งเข้าไปกอดพระราชบิดา  โดยลืมว่าเป็นเจ้าชีวิต

http://www.youtube.com/watch?v=JmKfHixGYwc&feature=related


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 17:29
ส่วนการละเล่นและการแสดงนาฏศิลป์ในเรื่อง   ทรงวิจารณ์ว่าปนกันยุ่งจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร    โขนก็เต้นออกมากราวๆ  นางเอกก็ออกมาเอียงอายม้วนต้วน    ทำท่ารำแบบ "ควักกะปิ" ต่างๆ   แล้วก็มีทั้งแห่หนังตะลุงและเชิดสิงโตจีน   ทำให้ทรงวิงเวียนไปหมด
คงจะทรงหมายถึงฉากนี้
ในเรื่องบอกว่าเป็น Uncle Tom's Cabin  เวอร์ชั่นสยาม

http://www.youtube.com/watch?v=1DmDwZBx1wQ&feature=related


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ย. 11, 18:24
ท่านหญิง ทรงวิจารณ์ต่อไปว่า  ถ้าดูตามนัยน์ตาไทยๆแล้วก็ไม่เข้าใจว่าละครเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายอะไร   แต่จะตำหนิว่าเลวก็ไม่ได้ เพราะมีส่วนที่ดี   แต่จะว่าดีก็ไม่ได้ เพราะมีส่วนที่บ้า
ผู้ที่เชิญเสด็จไป  ถามความเห็นว่า "ว่ายังไง?"  ทรงตอบว่า "ไม่ใช่ไทย!"

จากนั้นทรงพบยูล บรินเนอร์  โดยได้รับคำแนะนำว่า ทรงเป็นพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ  ก็รับสั่งกับพระเอกในเรื่องว่า
" Mr.Brenner   ฉันจะบอกให้ท่านรู้ว่า King องค์นี้ละที่รักษาเอกราชของเมืองไทยเอาไว้ได้    ท่านต้องระวังอย่าเปลี่ยนพงศาวดารของเรานะ"

เมื่อเสด็จถึงกรุงวอชิงตัน  ทรงพบมากาเร็ต แลนดอน อดีตมิชชันนารีในสยามซึ่งเป็นผู้เขียนนิยายเรื่อง Anna and the King of Siam ที่ดัดแปลงเป็นละคร The King and I   
ทรงรับเชิญไปที่บ้านของเธอ   หลังจากชมห้องสมุดและเครื่องสัมฤทธิ์ เครื่องถม เครื่องเขิน จากสยามแล้ว   ก็ทรงถามเจ้าของบ้านตรงๆว่า
"คนอยากรู้ว่าแหม่มมีเรื่องโกรธเคืองเมืองไทยเรื่องอะไร   จึงเขียนหนังสือชนิดนี้ขึ้น"

อ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉันก็สนใจขึ้นมาว่าเจอคำถามแบบตีแสกหน้าขนาดนี้   แหม่มมากาเร็ตตอบว่าอะไร   อ่านคำตอบแล้วก็รู้สึกว่าเธอใจเย็นเอาการ   และคงจะเคยเจอคำถามทำนองนี้มาแล้วก็เป็นได้   จึงตอบโดยไม่มีอาการละล่ำละลัก หรือแก้ตัวเป็นพัลวัน  ว่า
" ความเห็นของฝรั่งและไทยไม่ตรงกันในข้อนี้     ทางฝรั่งเขาเห็นเป็นการเชิดชูพระเกียรติ    เพราะมีคนดูหลายคนที่บอกว่า ไม่นึกว่าเมืองไทยจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่ดีถึงเพียงนี้"

ก็นับว่าแหม่มเอาตัวรอดไปได้

ตอนท้ายบทความ  ทรงสรุปว่า
"คนเขียนหนังสือก็เหมือนคนจำพวกอื่นๆ   คือมีคนชอบเขียนเรื่องต่างๆกันตามอัธยาศัย     พวกชอบนิทาน ก็เอานิทานมายกย่องให้เป็นจริง     พวกชอบแคะไค้ใส่ร้าย   ก็ชอบยกเอาข้อวามอันสกปรกขึ้นมาเชิดชู     พวกรักเหตุและผลก็ตามแต่เหตุและผล    ฉะนั้นผู้อ่านจะได้รู้จักผู้เขียนดีก็ตามที่กล่าวมานี้ดอกกระมัง"


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 11, 18:34
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทรงเล่ามีอยู่มากมายหลายสิบเรื่อง    หลายเรื่อง สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าประทานพระธิดา     ดิฉันขอตัดตอนมาเฉพาะบางเรื่อง
เช่นเรื่องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ทรงเล่าว่าเพลงสรรเสริญพระบารมี  มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔   เมื่อร้อยเอกอิมเปย์และร้อยเอกน็อกซ์เข้ามาเป็นครูฝึกทหารวังหน้า    ในเมื่อสองคนเป็นชาวอังกฤษ   คำที่ใช้ฝึกทหารก็ออกมาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด  รวมทั้งเพลงสรรเสริญพระบารมีก็ใช้เพลงอังกฤษในสมัยนั้น คือเพลงสรรเสริญพระบารมีควีนวิกตอเรีย
เพลงสรรเสริญพระบารมีของฝรั่งใช้กันอยู่ในสยามมาจนถึงรัชกาลที่ ๕   เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จประพาสเกาะชวา   ทรงจ้างนักดนตรีชาวโปรตุเกสชื่อ  Mr. Heutsen  มาเป็นครูแตร   และโปรดให้คิดแต่งเพลงสรรเสริญพระบารมีแบบไทยขึ้นมา


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 11, 18:37
ฝ่ายไทย มีพระประดิษฐ์ไพเราะ (ครูมีแขก) ซึ่งเป็นคนสมัยรัชกาลที่ ๓  เป็นผู้แต่งทำนอง    ส่วนเนื้อร้องแต่งโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจาริยางกูร)
เดิมเป็นโคลงกระทู้   ว่า
    ความ     สุขสมบัติทั้ง                 บริวาร
เจริญ         พละปฏิภาณ                 ผ่องแผ้ว
จง            เจริญพระชนมาน            นับรอบ  ร้อยแฮ
มี             พระเกียรติเพริศแล้ว         เล่ห์เพี้ยงเพ็ญจันทร์

   ทำนองเพลงเอาทำนองแตรงอนที่ใช้ประโคม ในเวลาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออก ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นหลัก

   ก็ใช้กันมาจนกระทั่งถึงงานลงสรงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ    จึงโปรดเกล้าฯให้มีมโหรีแบบคอนเสิร์ท     ตอนนั้นจึงมีเพลงสรรเสริญพระบารมีแบบใหม่    พระนิพนธ์ในสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์   อย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
   แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีในครั้งนั้น  เนื้อร้องลงท้ายด้วย ฉะนี้    มาเปลี่ยนเป็น ชโย  ในรัชกาลที่ ๖


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 02 ต.ค. 11, 20:47
ตามมาอ่านค่ะ


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 02 ต.ค. 11, 21:03
พระนิพนธ์บางเรื่องยังไม่ได้อ่านค่ะ อ่านแต่ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น อ่านอยู่หลายรอบจนกระทั่งข้องใจเต็มทีว่า จุด จุด จุด เป็นใคร ในที่สุด ทนความอยากรู้ไม่ไหว เลยอ่านสองเล่มเทียบเคียงกัน คือเกิดวังปารุสก์ กับ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ในที่สุด เลยถึงบางอ้อเกี่ยวกับ จุด จุด จุดค่ะ

แต่ท่านหญิงทรงเปรียบเทียบเรื่องการทำหน้าที่ที่แยกจากกันของทางโลกและทางธรรมได้กระจ่างดีค่ะ หวังว่าหนุ่มน้อยคนนั้นคงจะหายสงสัยไปได้บ้างนะคะ



กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 21:11
มีเหมือนกันว่า ในกระทู้เก่าบางเรื่อง  เมื่อจะต้องเอ่ยถึงบุคคลบางท่าน  ทั้งท่าน Navarat และดิฉันต่างก็ขยัน จุด จุด จุด กันเสียจนคนอ่านบางท่านอาจจะหน้ามืดตาลาย     
เราไม่อาจจะระบุชื่อออกมาได้ ทั้งด้วยมารยาทและความควรมิควร     เพราะไม่ประสงค์จะก่อความรู้สึกบาดหมางให้กับผู้เกี่ยวข้อง และลูกหลานซึ่งยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากว่าคนอ่านขยันก็คงจะไปค้นคว้าหาได้เอง  เพราะหนังสือบางเล่มก็กล่าวเอาไว้อย่างเปิดเผย   บางเล่มก็แง้มๆ พอให้เดาออก  อย่างในเรื่องที่คุณ smallhands อ้างถึงนี้

ทีแรกว่าจะจบกระทู้นี้แล้ว  เพราะยิ่งเล่าต่อจะยิ่งยาว  กินเวลานานมาก   แต่เมื่อมีผู้ติดตามอ่าน ก็เห็นทีจะเกียจคร้านไม่ได้แล้ว

ดิฉันคิดว่าหนุ่มน้อยคนนั้นก็คงเข้าใจค่ะ   ถึงได้ยอมรับและจากไปอย่างไม่มีข้อข้องใจอีก


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 02 ต.ค. 11, 21:40
เข้าใจอาจารย์ทั้งสองได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องที่ว่าต้องเว้นชื่อไว้ เพราะแม้แต่ในหนังสือของท่านหญิงเองก็ไม่พิมพ์ จุด จุด ไว้ให้ค้างคาใจ แต่ก็อย่างว่า ราชตระกูลจะว่าไปก็ญาติกันทั้งนั้น ยังไม่นับว่าลูกหลานจะขัดเคืองใจกันอีก จริงๆแล้ว ชื่อคนอื่น คงจะไม่พากเพียรหาขนาดนี้ แต่เพราะท่านหญิงเขียนเรื่องที่กล่าวอาฆาตกันไว้ เลยอยากทราบเป็นพิเศษน่ะค่ะ

ไว้หนูจะกลับมาอ่านใหม่ค่ะ แต่อาจารย์ไม่ต้องรีบเขียนนะคะ เกรงใจว่าอาจารย์คงจะมีงานเยอะ ตอนนี้ เมื่อไหร่ว่างจะมาไล่อ่านกระทู้เก่าๆก่อนค่ะ


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 22:10
พระนิพนธ์เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้  ทรงเขียนขึ้นจากความทรงจำ  ครั้งพระชันษาได้ 12 ปี     อ่านรายละเอียดแล้วก็นึกทึ่ง ในความช่างสังเกตและจดจำบันทึกได้แม่นยำเกินพระชันษามากเอาการ    ทรงเก็บทั้งรายละเอียดใหญ่ๆ และเรื่องเล็กๆน้อยๆได้มีชีวิตชีวา 
เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในรัชกาลที่ 5   คือเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปในครั้งที่ 2  เมื่อพ.ศ. 2450

ท่านทรงบันทึกว่า  ในครั้งนั้นเรือพระที่นั่งจักรีออกจากอ่าวไทยไปรับเสด็จที่เกาะปีนัง   เมื่อวันที่ 20  ตุลาคม     บรรดาเจ้านายและฝ่ายในที่มีหน้าที่ถวายการปฏิบัติเป็นการส่วนพระองค์  ก็เสด็จออกไปกับเรือพระที่นั่งจักรีด้วย
ในเวลานั้น  ท่านหญิงทรงอยู่กับสมเด็จเจ้าฟ้านิภานพดล  ราชเลขานุการิณี  จึงได้ตามเสด็จไปด้วย



กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ต.ค. 11, 22:19
เรือพระที่นั่งจักรี ที่ทรงเรียก คือเรือพระที่นั่งมหาจักรี ลำแรก    เป็นเรือที่ต่อขึ้นโดยบริษัทต่อเรือที่สกอตแลนด์   เป็นแบบเรือลาดตระเวน  เป็นเรือพระที่นั่งตลอดรัชกาลที่ 5   ใช้ในการเสด็จทั้งในประเทศไทย และเสด็จประพาสต่างประเทศ ทั้ง ชวา สิงคโปร์และยุโรป
เรือพระที่นั่งลำนี้ใช้งานยืนยาวมาจนรัชกาลที่ 6  ปลดระวางเมื่อ พ.ศ. 2459   แต่ทางราชการยังเก็บเครื่องจักรไว้ ให้บริษัทญี่ปุ่นนำไปใช้เป็นเครื่องจักรในเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ซึ่งขึ้นระวางในสมัยรัชกาลที่ 7   
น่าเสียดายว่าเรือลำที่สองถูกระเบิดทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2  จึงไม่มีให้คนไทยในยุคปัจจุบันได้เห็นอีก

ม.จ. พูนพิศมัย โปรดเรือพระที่นั่งมาก   ตามประสาเด็ก    ทรงบันทึกว่าเป็นเรือที่กว้างมาก   มีม่านกั้นกลางแบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนหน้าเป็นที่อยู่และที่ทำงานของทางฝ่ายหน้า    ส่วนหลังเป็นของฝ่ายใน     
เจ้านายสตรีและบรรดานางข้าหลวงพนักงานอื่นๆอยู่เฉพาะฝ่ายใน      ท่านหญิงน้อยๆผู้ทรงพระเยาว์ก็ได้วิ่งไปวิ่งมาได้ทั้งสองส่วน  เวลาบรรทมและเสวยก็อยู่ทางด้านใน   เมื่อใดคิดถึงเสด็จพ่อ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ก็วิ่งมาเฝ้าที่ส่วนหน้าหรือทางด้านหัวเรือ   เมาคลื่นเมื่อใดก็ทรงนอน


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ต.ค. 11, 05:37
เอารูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สองมาสนับสนุนครับ

หลัง๒๔๗๕เรือลำนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงอ่างทอง ตามประเภทของเรือ ซึ่งจัดเป็นเรือลำเลียง เรือระบายพล เรือส่งกำลังบำรุง จะตั้งตามชื่อตามชื่อเกาะขนาดใหญ่ เรือในกลุ่มนี้มี ร.ล.อ่างทอง ร.ล.ช้าง ร.ล.พงัน ร.ล.ลันตา ร.ล.พระทอง

ร.ล.อ่างทอง(ลำที่หนึ่ง)หรือเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่สอง ให้เป็นเรือธงผู้บัญชาการทหารเรือในช่วงสงครามอินโดจีน มาจนสงครามโลกครั้งที่สอง โดนระเบิดจากเครี่องบินอเมริกันขณะจอดที่ท่าเรือฐานทัพสัตหีบ เสียหายหนักต้องปลดระวาง

รูปจากกระทู้นู้น


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 09:58
ขอบคุณที่มาเสริมข้อมูลให้สมบูรณ์ค่ะ   เพิ่งรู้จากท่าน Navarat ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่ ๒ คือเรือหลวงอ่างทอง   รู้แต่เพียงว่าถูกระเบิดจนใช้งานไม่ได้อีก

เล่าต่อค่ะ
วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐  เวลาหกโมงเย็น   ก็เห็นเรือ "แซกซั่น" มาถึงเกาะปีนัง
ท่านหญิงทรงเกาะแคมเรือพระที่นั่งจักรี อยู่ในกลุ่มของเจ้านายฝ่ายใน    เฝ้ามองด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นเรือลำใหญ่มหึมาเปิดไฟสว่างจ้า  ลอยลำเข้ามาในอ่าว  มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน
ส่วนทางเรือมหาจักรี  เจ้านายฝ่ายหน้าอย่างสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ   พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนสิงหวิกรมเกรียงไกร และขุนนางสำคัญอีกหลายท่าน  แต่งพระองค์และแต่งกายเต็มยศ  ลงเรือกรรเชียงจากเรือมหาจักรีไปยังเรือแซกซั่น
ตอนนั้นเอง ปืนใหญ่ก็ยิงสลุตกันสนั่นหวั่นไหว ทั้งจากบนฝั่งและจากเรือมหาจักรี  ทำเอาเด็กๆอย่างท่านหญิงตกพระทัย   ทรงบรรยายว่า "ราวกับหัวใจจะกระโดดออกมาภายนอก"

เสียงสลุตเงียบลงประมาณ ๑ ชั่วโมง  เรือกรรเชียงพระที่นั่งก็กรรเชียงจากเรือแซกซั่นมาที่เรือมหาจักรี   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาพร้อมกับเจ้านายที่ตามเสด็จ
ท่านหญิงบันทึกว่า  สีพระพักตร์สดใส  แดงๆกันทุกพระองค์   
จากนั้นก็เสด็จเข้าห้องเสวย  เบิกตัวข้าราชการเข้าเฝ้ากันอย่างทั่วถึง

ไปค้นเกี่ยวกับเรือแซกซั่น ได้ความว่าเป็นเรือเดินสมุทรของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์  เดินทางระหว่างอิตาลีถึงสิงคโปร์    ไม่ใช่เรือของราชการไทย


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 10:07
ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับบนเรือแซกซัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=4290.0;attach=18076;image)

 ;D


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 15:35
เรือเดินสมุทรที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเสด็จประพาสยุโรป   มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า แซกซัน  ตามที่ระบุไว้ในพระนิพนธ์ของท่านหญิง
ชื่อภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าสะกดยังไง   เดาว่าสะกดว่า Saxon   ส่องอินทรเนตรดูคำนี้  ไม่เจอ     ได้ความจากประวัติเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ว่าท่านโดยสารเรือนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ  เป็นเรือของบริษัทเยอรมันน๊อรทด๊อยซ์ลอยด์   

เจอชื่อบริษัทเข้า แทบหน้ามืดเพราะไม่เคยเรียนภาษาเยอรมัน    แข็งใจสะกดตามแบบต่างๆที่คิดว่าเยอรมันจะสะกดอย่างนั้น  อินทรเนตรยืนกรานปฏิเสธท่าเดียวว่าไม่มี    หมดแรงเข้าหันไปสะกดแบบอังกฤษ ว่า North Deutsch lloyd  ปรากฏว่าคราวนี้อินทรเนตรแกะรอยได้พบ   แต่ท้วงติงนิดหน่อยว่าชื่อ  Norddeutscher Lloyd ตะหาก   เป็นบริษัทเรือเดินทะเลมีประวัติยาวเหยียด  คุณวิกกี้บอกไว้หมด  ใครสนใจใส่ชื่อนี้ในกูเกิ้ลจะพบเองค่ะ

จากนั้นไล่หาบัญชีรายชื่อเรือเดินทะเลของบริษัท  ว่ามีเรือ Saxon ไหม  ก็ไม่มี   เปิดกี่หน้าๆก็ไม่มี  เจอแต่ชื่อ Sachsen  มีวงเล็บว่า(1887-1909 - 4,573 gross tons)   สงสัยจะลำนี้  เพราะแม่นางปฏิบัติการอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันพอดี   พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากยุโรปในปี 1907

แต่ยังหารูปไม่ได้ค่ะ      ฝากใครใจดี หาเจอช่วยนำมาลงให้จะขอบคุณมาก


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ต.ค. 11, 18:53
^
จัดให้ตามคำขอครับ


Name : Sachsen
Description : Norddeutscher Lloyd steamship
Source : Postcard mailed 1901




กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 19:00
ตามไปดู

 ;D


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 11, 19:02
ขอบคุณค่ะ คุณ Navarat   เรือแซกซันดูลำใหญ่กว่าเรือมหาจักรี  คงจะกว้างขวางสะดวกสบายกว่า

ใช้อินทรเนตรค้นภาพเก่า  เจอรูปเรือพระที่นั่งมหาจักรีอีก ๒ รูป เลยเอามารวมไว้ด้วยกัน  รูปแรกบอกรายละเอียดไว้ว่า เป็นเรือสั่งต่อที่สกอตแลนด์
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรปในครั้งแรก  เสด็จไปในเรือมหาจักรี  แต่ในครั้งที่ ๒  เสด็จในเรือแซกซัน


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: smallhands ที่ 09 ต.ค. 11, 21:37
ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองค่ะ


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 11, 14:55
แต่ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรีไม่ได้แล่นตรงกลับเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว   หากแต่ข้ามทะเลไปจันทบุรี  และตราด  แล้วจึงกลับมาพระนคร
ระหว่างประทับในเรือ   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯพระราชทานของฝากแก่ผู้ไปรับเสด็จ    ท่านหญิงน้อยๆทั้งสององค์คือม.จ.พูนพิศมัย และ "ท่านหญิงเหลือ"ม.จ.พิไลยเลขา ได้รับพระราชทานเสมา
พระเจ้าอยู่หัวทรงผูกเสมาพระราชทานเอง  มีพระราชดำรัสว่า
"ข้ามีของฝากเจ้าแล้วละ  เสมาทอง  แต่คราวนี้ไม่พอ   ไว้มาคราวหน้าถึงค่อยเอาใหม่"
แล้วทรงผูกเสมาเงินด้วยเส้นไหม พระราชทาน   กับหวีปักผมเป็นตัวอักษรทองว่า "พระราชทาน" อีกองค์ละเล่ม

ทรงบันทึกไว้อย่างน่ารักว่า  ทรงกลัวว่าพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชดำรัสถามว่า " เมาคลื่นหรือเปล่า" เพราะทรงทราบมาว่าไม่โปรดคนเมาคลื่น    ท่านหญิงก็คงจะทรงเมาคลื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย  จะตอบตามตรงก็เกรงว่าจะไม่โปรด  จะปฏิเสธเพื่อให้ถูกพระราชหฤทัยก็เป็นความเท็จ   จึงทรงหวั่นเกรงอยู่
เคราะห์ดีว่าไม่มีพระราชดำรัสถาม    ท่านหญิงก็บันทึกว่า "รอดตัวไป"


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:28
ท่านหญิงทรงลำดับเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดว่า  เรือพระที่นั่งมหาจักรี แล่นกลับมาถึงปากน้ำเจ้าพระยา เมื่อ 16 พฤศจิกายน  พ.ศ.2550  มีเรือต่างๆมาลอยลำรับเสด็จเต็มไปหมด  เมื่อเรือมหาจักรีมาถึงก็ยิงสลุต  และเปิดหวูดกันเซ็งแซ่    เรือยังไม่ได้ตรงเข้ากรุงเทพเลยทีเดียว   แต่ไปแวะค้างคืนที่สมุทรปราการก่อนคืนหนึ่ง
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ(พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และเจ้านายชั้นผู้ใหญ่เสด็จลงไปรับเสด็จในเรือ    แล้วเสด็จกลับกรุงเทพก่อน
วันรุ่งขึ้น  เรือมหาจักรีจึงแล่นเข้ามาถึงท่าราชวรดิฐ เวลา 10 โมงเศษ     


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:37
เสด็จลงจากเรือพระที่นั่ง   


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:40
เสด็จโดยขบวนพยุหยาตราน้อยเข้าพระบรมมหาราชวัง


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 20:43
ซุ้มรับเสด็จแบบต่างๆ


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 21:56
เสด็จเข้าพระบรมมหาราชวัง 


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 21:57
จากนั้นเสด็จโดยกระบวนรถม้า กับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  ไปที่พระที่นั่งอัมพรสถาน


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 11, 22:00
ประชาชนมาเฝ้าชมพระบารมีสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนิน   ทรงหยุดที่ปะรำรับการถวายพระพรเป็นแห่งๆไป


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 13 ต.ค. 11, 04:40
Back to Europe: Picture "1907 King of Siam at Nordcap, Norway"

(Sail from Kopenhagen with Yacht "Albion")



กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: mayom ที่ 13 ต.ค. 11, 04:57
Original in German text: " Ein grosser Tag für Bad Harzburg.
Zusammen mit dem Herzogspaar besuchte der siamesische König Chulalongkorn im August 1907 die Kurstadt.
Quelle: Goslarsche Zeitung 23.10.1999 "

Translate: "A Special(Big) day for Bad Harzburg. Together with the Duke and Duchess, The King of Siam visited this cure city in August 1907."


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 10:22
อ่านข้อความใต้พระรูปนี้ไม่ออก  จึงไม่ทราบว่าเป็นการเสด็จต่างประเทศในพ.ศ.ไหนค่ะ


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 11:49
คำบรรยายภาพ : ถ่ายที่สิงคโปร์ วันที่ ๑๗ พฤศภาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๕

 ;D


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 20:35
^
ขอบคุณค่ะ

จากนั้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน    เสด็จขึ้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ  สรงมุรธาภิเษก   ชีพ่อพราหมณ์ถวายน้ำตามประเพณี  เจ้าพนักงานเบิกบายศรีเวียนเทียนสมโภชพระราชมณเฑียร  จนเสร็จพิธี
ตอนค่ำ  ก็มีเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจอีก  คือเสด็จทอดพระเนตรการจุดดอกไม้ไฟ   ที่พ่อค้าฝรั่งสั่งทำมาจากยุโรป

รูปประกอบข้างล่างนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นทูตานุทูตหรือรวมทั้งนักธุรกิจฝรั่งในสยามด้วย ที่มาเฝ้ารับเสด็จ     เห็นว่าแต่ละคนแต่งทักซีโดกันโอ่อ่าทีเดียว


กระทู้: ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล : พระนิพนธ์บางเรื่อง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 11, 20:40
ตามประสาเด็ก  ท่านหญิงทรงรู้สึกว่างานฉลองในคราวนั้นสนุกสนานเต็มที่   เพราะนอกจากมีจุดดอกไม้ไฟ   พระเจ้าอยู่หัวเสด็จทอดพระเนตรโคมไฟที่จุดสว่างไสวตามถนนสายใหญ่ๆ     วันรุ่งขึ้นก็ยังมีสวนสนามกองทัพบกที่สนามหลวงอีกด้วย
แต่ทรงได้ยินจากท่านหญิงผู้ทรงเป็น "เจ้าพี่" แต่ไม่ได้ระบุว่าองค์ไหน  ทรงเล่าว่างานฉลองเมื่อเสด็จกลับจากยุโรปครั้งแรกสนุกกว่านี้มาก   เพราะฉลองกันอยู่ถึง ๑ เดือน   มีทั้งโขลนกลางแปลง   ละครใน  งานสโมสรสันนิบาต   แต่งแฟนซีและเต้นรำกันใหญ่โตตามวังเจ้านาย
เหตุการณ์ตอนนี้บันทึกเอาไว้ใน สี่แผ่นดิน   ใครสนใจไปหาอ่านรายละเอียดได้ค่ะ

ขอจบเพียงแค่นี้