เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 04, 09:54



กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 04, 09:54

ต่อจากกระทู้
 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=18&Pid=24641&ooc=3

ต่อมา สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลา ฯ มีลายพระหัตถ์มาขอพระราชานุญาตจากสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าฯ เพื่อทรงหมั้นนางสาวสังวาลย์  
พระบรมราชชนนีทรงรักพระราชโอรสที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวดังแก้วตาดวงใจ     มีหรือจะขัดพระทัย   พระราชโอรส ก็ได้รับพระราชานุญาตตามพระประสงค์  
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ จึงพาพระคู่หมั้นเสด็จกลับมาสยาม   สมเด็จพระมาตุจฉาฯ  นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเสกสมรส

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ทรงถามถึงความเป็นมาของพระคู่หมั้น  เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ ก็ทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลว่า

" สังวาลย์เป็นกำพร้า...แต่งงานแล้วก็มาใช้นามสกุลหม่อมฉัน   หม่อมฉันไม่ได้เลือกเมียด้วยสกุลรุนชาติ   ต้องเกิดเป็นอย่างนั้น  ต้องเกิดเป็นอย่างนี้    คนเราเลือกเกิดไม่ได้  หม่อมฉันเลือกคนดี  ทุกข์สุขเป็นเรื่องของหม่อมฉันเอง"

พิธีเสกสมรสหาอ่านได้ในกระทู้ "เจ้าพระยามหิธร"     ทรงจดทะเบียนสมรสตามแบบแผนของราชสำนัก  ซึ่งเป็นของใหม่มากในสมัยนั้น

หลังจากเสกสมรสแล้ว  สมเด็จพระมาตุจฉาก็ต้องทรงอยู่ห่างพระราชโอรสอีกครั้ง เมื่อพระองค์ท่านและพระสุณิสากลับไปศึกษาต่อ ณ สหรัฐอเมริกา   แต่ก็ไม่ได้ทรงอยู่เฉยๆ   โปรดเสด็จไปตามหัวเมืองต่างๆ พร้อมกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี  บางครั้งก็ขึ้นทางเหนือ  หรือไปตามจังหวัดในภาคกลาง
เรื่องเสด็จไปตามหัวเมืองเป็นเรื่องที่โปรดปรานมาก ทำให้ทรงพระสำราญทั้งพระหฤทัยและพระวรกาย     ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้เสด็จแล้วจะไม่ทรงสบาย     เวลาเสด็จก็คล้ายๆ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 คือไม่ทำเป็นเรื่องเอิกเกริก   ทรงเปิดโอกาสให้ราษฎรข้าเฝ้าได้ใกล้ชิด  รับรู้ทุกข์สุขของพวกเขา     ถ้าหากว่าทรงช่วยเหลือจุนเจือได้ไม่ว่ากับวัด  โรงพยาบาลหรือโรงเรียน ก็จะพระราชทานทรัพย์ให้เป็นประจำ

พระพลานามัยของสมเด็จพระมาตุจฉาฯ นับว่าแข็งแรงเมื่อเทียบกับสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ  ซึ่งความตรากตรำหนักในภาระราชการแผ่นดินสมัยที่ทรงดำรงตำแหน่ง "สมเด็จรีเยนต์" เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จยุโรปครั้งแรก  ทำให้มีผลเสียต่อพระสุขภาพต่อเนื่องยาวนาน     อย่างหนึ่งก็คือโรคบรรทมไม่หลับ    และอีกอย่างคือไตวายเรื้อรัง  ต่อมาเมื่อสิ้นรัชกาลที่ 5 แล้ว   ทรงกลายเป็นคนป่วยเรื้อรัง    บางครั้งก็ดีขึ้น บางครั้งก็ทรุดลงไป     เมื่อทรงทราบว่าพระโรคที่เป็น ไม่มีวันหายขาด ก็ทรงปล่อยให้เป็นไปอย่างไม่อาลัยไยดี   หมอสมิธซึ่งเป็นแพทย์ประจำพระองค์ก็ได้แต่รักษาประคองพระอาการเอาไว้มิให้ทรุดลงเร็วเกินไป
พระอาการทั้งหมดนี้สมเด็จพระมาตุจฉาฯทรงเข้าพระทัยดี     ทรงห่วงใยเสด็จไปเยี่ยมเยียนพระอาการ  แม้จะไม่บ่อยนักแต่ก็เสมอต้นเสมอปลาย   แม้ในช่วงที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรฯทรงมีพระอารมณ์อย่างคนป่วย ที่ผู้ใกล้ชิดจะต้องอดทน   ก็ทรงมีพระเมตตากรุณาอย่าสม่ำเสมอ ไม่เคยถือสา
ความเมตตาของสมเด็จพระมาตุจฉา เผื่อแผ่กว้างไกลไปถึงราษฎร มากเสียกว่าผู้ใกล้ชิดพระองค์   เคยรับสั่งว่า
" ฉันน่ะไม่เคยขี้เหนียวหรอก  แต่เห็นเสียแล้ว  เมื่อเวลาฉันมีบุญน่ะ  ล้วนแต่มาห้อมล้อมฉันทั้งนั้นแหละ    เวลามีงานมีการอะไร ฉันก็ช่วยเต็มที่ไม่ขัด  แต่พอฉันตก ก็หันหนีหมด  ไปเข้าตามผู้ที่มีบุญต่อไป    ฉะนั้น ฉันจึงตัดสินใจไม่ทำบุญกับคนรู้จัก   แต่จะทำการกุศลทั่วไป"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 04, 09:57
 ขอแวะออกนอกเส้นทางเล่าถึงสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ  ในรัชกาลที่ 6   ช่วงปลายในพระชนม์ชีพหน่อยนะคะ

ในรัชกาลที่ 6  สมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ ประทับอยู่ที่วังพญาไท( บริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในปัจจุบัน)จนเสด็จสวรรคต       แบบแผนขนบธรรมเนียมประเพณีและบรรยากาศในวังยังดำรงรักษาไว้เหมือนในรัชกาลก่อน
สมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องบรรม   ผู้ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าก็เข้าเฝ้าในห้องบรรทมนั่นเอง   แต่อาจจะต้องรออยู่หลายๆชั่วโมงในห้องโถงก่อนถึงเวลา
ทรงใช้เวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน  คือตื่นบรรทมราวๆตอนค่ำ และเข้าบรรทมอีกครั้งตอนเช้า    ถ้าไม่มีพระราชพิธีที่จะต้องเสด็จออกไปก็แทบจะมิได้ลุกจากพระแท่นบรรทมเลยก็ว่าได้  โดยเฉพาะในตอนปีท้ายๆก่อนเสด็จสวรรคต
สมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ มิได้ทรงเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการบ้านเมืองอีกในรัชกาลที่ 6 แต่ก็มิได้ทรงเก็บตัวจากโลกภายนอก   ยังทรงสนพระทัยเรื่องความเป็นไปของโลกอยู่มากโดยเฉพาะเรื่องต่างประเทศ    ทรงรอบรู้ถึงพระราชวงศ์ต่างๆในยุโรปเป็นอย่างดี   รับสั่งกับหมอสมิธแพทย์ประจำพระองค์ได้อย่างละเอียดลออกว่าหมอเองเสียอีก    นอกจากนี้  โปรดให้มีผู้เข้าเฝ้าอยู่เสมอ   ไม่โปรดที่จะทรงอยู่ตามลำพัง    
หมอสมิธเล่าตอนหนึ่งว่า
"สำหรับสมเด็จพระพันปีหลวง   การพูดคุยดูจะเป็นกิจกรรมหลักในฃีวิตของพระองค์ และพระองค์ไม่เคยที่จะทรงเบื่อหน่าย
หากจะทรงเศร้าพระทัยมากกว่าถ้าไม่มีใครมาพูดคุยด้วย
คืนหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าเข้าไปเฝ้าพระองค์ภายในห้องบรรทม    ข้าพเจ้าได้พบพระองค์กำลังทรงพระกันแสง
และดูเหมือนทรงว้าเหว่พระทัยอย่างที่สุด   (สะอื้น) พระโอรสต่างก็พากันเสด็จกลับไปหมด ไม่มีใครสักคนที่จะอยู่พูดคุยกับพระองค์(สะอื้น)  ทุกคนล้วนแต่ไม่มีความคิดและนึกถึงแต่ตัวเอง   ทอดทิ้งพระองค์ไว้เพียงลำพัง  ทั้งๆที่รู้ว่าพระองค์กำลังทรงพระประชวร (สะอื้น) แต่หลังจากนั้นไม่นาน  สมเด็จพระพันปีหลวงก็ค่อยๆคลายความโศกเศร้าพระทัยลง   ทรงซับพระเนตรและมูลพระนาสิก  จากนั้นพระสุรเสียงก็เริ่มแจ่มใส   ความทุกข์โศกทั้งปวงกลับจางหายไป เมื่อมีผู้คนมาให้ทรงรับสั่งด้วย"

พระมาตุจฉาฯ ทรงมีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำให้ไม่ว้าเหว่พระทัย แม้ว่าพระราชโอรสทรงอยู่ห่างไกลมากก็ตาม    ทรงมี "หลานย่า" ที่โปรดปรานอีกองค์หนึ่งคือหม่อมเจ้าปิยะรังสิต โอรสองค์ใหญ่ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร  ซึ่งทรงอุปการะประดุจพระราชโอรสแท้ๆ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 21 ธ.ค. 04, 13:53
ดีใจจังที่คุณเทาชมพูกลับมาเล่าต่อ  สมเด็จพระพันปีหลวงทรงประชวรด้วยโรคไตอย่าง ร ๕ เลยนะคะ  ดิฉันว่า  การที่เคยทรงพระครรภ์มาถึง ๑๔ ครั้งนั้น  จะมีส่วนทำให้พระวรกายทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก  แม้สมเด็จพระพันวัสสาก็ทรงพระครรภ์มาไม่น้อยเช่นกัน  แต่คงทรงได้รับยีนส์ที่แข็งแรงนะคะ  ถึงได้ไม่มีโรคประจำพระองค์  

เรื่องสมเด็จพระพันปีหลวงทรงบรรทมกลางวัน  จนใครจะเข้าเฝ้าต้องเข้าเฝ้าตอนดึกๆนี่ดิฉันเคยได้อ่านมาจาก เกิดวังปารุสก์ มาบ้าง  และจำได้ว่า  ทรงกริ้ว ร.๖  ที่ไม่โปรดให้ กรมหลวงพิษณุโลก สมรสกับหม่อมองค์ใหม่  จนถึงกับไม่ทรงตรัสด้วยจนสิ้นพระชนม์ไปเลย  ทรงมีพระทัยมั่นคงไม่โยกคลอนได้ง่ายเลยนะคะ

พระฉายาของสมเด็จพระพันวัสสาฯข้างบนนี่  งามเหลือเกินค่ะ  ไม่เคยเห็นมาก่อน  เป็นบุญตาจริงๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ  คุณเทาชมพูพอจะมีข้อมูลมั้ยคะว่า  ทรงฉายเมื่อไหร่ หรือเมื่อทรงมีพระชนม์ได้กี่พรรษา  ทรงงามอย่างคลาสสิคที่ดูวัยไม่ออกเลยค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ธ.ค. 04, 13:12
 ไม่มีข้อมูลเลยค่ะ     เดาว่าพระชนม์ประมาณ 20 พรรษา  สังเกตจากผ้าจีบสะพายว่าเป็นแฟชั่นช่วงต้นรัชกาลที่ 5  ส่วนผ้าลูกไม้บางเข้ามาในช่วงกลางรัชกาล
ขอเล่าถึงสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ ต่ออีกนิดนะคะ จากที่คุณพวงร้อยเล่านำไว้

ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์ท่านกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ค่อนข้างห่างเหิน ไม่สนิทกันเหมือนเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลก ฯ และพระราชโอรสพระองค์อื่นๆ
พระเจ้าอยู่หัวมักมาเข้าเฝ้าพระบรมราชชนนี น้อยครั้งมาก     ครั้งหนึ่งๆก็เข้าเฝ้าประมาณ 1-2 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก     ผิดกับพระราชอนุชาพระองค์อื่นๆที่จะเข้าเฝ้าจนดึกดื่นค่อนคืนและมาบ่อย

ความขัดแย้งมีหลายเรื่อง   เรื่องสำคัญคือสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ ท่านมีพระราชประสงค์ให้พระเจ้าอยู่หัวอภิเษกสมรส  เพื่อความมั่นคงของราชบัลลังก์     แต่ก็ไม่สมพระประสงค์จนแล้วจนรอด
ขนาดทรงหาเจ้านายสตรีให้ทรงเลือก อยู่หลายพระองค์  ก็ไม่สำเร็จ

เรื่องอื่นๆ ก็คือความรู้สึกของพระเจ้าอยู่หัวว่า " เป็นลูกที่แม่ไม่รัก"  ส่วนลูกรักคือเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกฯ  จะทูลขออะไรก็ได้   บางเรื่องก็ทูลขอให้พระบรมราชชนนีมาบังคับพระเจ้าอยู่หัวอีกที
เรื่องเหล่านี้จะจริงหรือว่าทรงเข้าพระทัยผิดไปเองก็ตาม   ไม่ทราบเหมือนกัน  แต่ก็มีผลให้ความสัมพันธ์ห่างเหินไปจนกระทั่งสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ สวรรคต

ส่วนความสัมพันธ์กับสมเด็จพระมาตุจฉา กลับราบรื่นกว่า     พระเจ้าอยู่หัวทรงเคารพสมเด็จพระมาตุจฉามาก  และทรงพระกรุณาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯด้วยดี    ไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน  
แม้จะมีเรื่องการทำงานในกองทัพเรือที่ขลุกขลักบ้าง  อย่างที่เล่าข้างบนนี้    แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะก่อความร้าวฉานระหว่างกันแต่อย่างใด


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 04, 10:47
 สมเด็จพระศรีพัชรินทรฯเสด็จสวรรคต เมื่อพ.ศ. 2462       สมเด็จพระมาตุจฉาฯ ทรงรับการจัดการพระบรมศพ  ตั้งแต่สรงน้ำ   อัญเชิญขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท   บัญชาการฝ่ายใน  ถวายพระเพลิงและเก็บพระบรมอัฐิ    
แต่พระราชภารกิจก็มิได้สิ้นสุดแค่นี้    เพราะว่างานต่างๆที่เคยเป็นพระราช
ภารกิจของสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯ อย่างสภากาชาดไทย ก็ตกมาเป็นภาระของสมเด็จพระมาตุจฉาฯด้วย  
ทรงรับเป็นองค์สภานายิกา ด้วยความรับผิดชอบเต็มพระกำลัง   พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น    
แม้ทรงพระชรามากพระชนม์ถึง 78 พรรษา ก็ยังเสด็จไปเป็นประธานงานกาชาดประจำปี

หลังจากสมเด็จพระศรีพัชรินทรฯสวรรคต  พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6  ก็ได้ทรงพบสตรีหลายท่านผู้เป็นที่พึงพอพระราชหฤทัย     หนึ่งในนั้นคือพระสนมเอก พระสุจริตสุดา  พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพิธีเสกสมรสโดยทูลเชิญสมเด็จพระมาตุจฉาฯไปพระราชทานน้ำสังข์
เวลาผ่านไปจนถึงปลายรัชกาล   เมื่อเจ้าจอมสุวัทนาตั้งครรภ์   พระเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี  เพื่อพระราชโอรสธิดาในครรภ์จะได้ประสูติเป็นเจ้าฟ้า
เมื่อใกล้ประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี  สมเด็จพระมาตุจฉาฯทรงรับภาระทั้งหมดตั้งแต่ต้มน้ำ  พระราชทานผ้าทรง  และพระแท่นที่เคยประสูติพระราชโอรสธิดามาเอง  และทรงเฝ้าอยู่ด้วยตลอดเวลาที่เจ็บพระครรภ์ใกล้ประสูติ
น้ำอุ่นที่ใช้สรงเจ้าฟ้าหลังประสูติ   คุณท้าววรจันทร์เป็นคนต้มและต้องสวด
มนตร์อยู่ตลอดเวลา   เมื่อประสูติ คุณท้าวก็ฉีกผ้าขาวถวายเจ้าฟ้าเป็นผ้าอ้อม
และเบาะ
เมื่อประสูติเจ้าฟ้าแล้ว   สมเด็จพระมาตุจฉาฯ พระราชทานน้ำลูบพระพักตร์พระนางเจ้าสุวัทนา

พระนางเจ้าสุวัทนา ทรงยกย่องน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าว่า
" ไม่ทรงลำเอียงเลย  โปรดเสมอกันหมด   กระบวนยุติธรรม ๆ จริง  ถึงแม้พระมเหสีเทวีองค์อื่นเป็นพระญาติก็ไม่ทรงลำเอียง"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 04, 11:09
 ในขณะนั้น   พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประชวรหนัก ทรงเรียกหาสมเด็จป้าตลอดเวลา เมื่อสมเด็จพระมาตุจฉาฯเสด็จไปเยี่ยมพระอาการ   พระเจ้าอยู่หัวทูลขอว่า
" ขอฝากลูกด้วย"
หลังจากเห็นพระพักตร์พระราชธิดาแรกประสูติได้ไม่กี่ชั่วโมง   พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ก็เสด็จสวรรคต  

สมเด็จพระมาตุจฉาฯทรงรับพระนางเจ้าสุวัทนาและสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ให้ประทับที่พระตำหนักสวนหงส์ในพระราชวังดุสิต  ทรงรับทำขวัญ   ดูและพระอนามัยเจ้าฟ้าอย่างใกล้ชิด

พระนางสุวัทนา เคยตรัสว่า
" ถ้าไม่ได้ท่าน  เจ้าฟ้าก็ไม่เป็นพระองค์"
และ
" ท่านเรียกฉันว่า "เธอ" และเรียกเจ้าฟ้าว่า "เจ้าฟ้าหลาน"
สมเด็จพระมาตุจฉาฯ เคยรับสั่งว่า
"เจ้าฟ้านี่ฉันตายก็ตายตาไม่หลับ   พระมงกุฎฯทรงฝากฝังเอาไว้"

เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯเจริญพระชนม์ขึ้น  เสด็จออกไปประทับที่วังรื่นฤดี  สมเด็จพระมาตุจฉาฯก็ยังตรงติดต่อด้วยเสมอ   เมื่อมีภาพยนตร์มาให้ฉายให้ดูที่วังสระปทุมก็โปรดให้รับเสด็จมาทอดพระเนตร
เมื่อประชวร ก็ทรงรับมาพยาบาลที่วังสระปทุม
เมื่อแปรพระราชฐาน ก็ทรงพาไปด้วย ยามบ้านเมืองเกิดเปลี่ยนแปลง
เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯเสด็จอังกฤษ พระชนม์ได้ 12 พรรษา ก็เสด็จไปส่งที่วังรื่นฤดี  ทรงจูงประคองให้ขึ้นรถ ตรัสว่า
"ไปรักษาพระองค์  แล้วเสด็จกลับมาหาย่า"

ใกล้ปีใหม่แล้ว  ถ้าหากว่าเป็นปีก่อนๆที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงในประเทศ เราคงจะอวยพรส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่กันได้รื่นเริงกว่านี้
ปีนี้ ดิฉันรู้สึกหดหู่เหลือเกิน   คิดว่าพวกเราก็คงรู้สึกคล้ายๆกัน  ขออวยพรมิตรของวิชาการดอทคอมให้แคล้วคลาดจากทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวงในปี 2548  
เจอกันหลังปีใหม่ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 30 ธ.ค. 04, 11:25

ขอบคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ  สองสามวันก่อนกำลังจะเข้ามาคุยต่อ  ก็มีเหตุเป็นไปให้ต้องไปรีบศึกษาหาข้อมูลเรื่อง สึนามิ อยู่  เลยไม่ได้มีโอกาสกลับเข้ามาอีกเลยค่ะ  นี่เขียนจนมึนเต็มทีเลยเข้ามาพักสมองอ่านเรื่องสมเด็จฯสักหน่อย  ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาไม่น้อย  มีแรงกลับไปรีเสิร์ชเรื่องที่จะเขียนต่อได้แล้วค่ะ  ขอให้คุณเทาชมพูสุขภาพแข็งแรงมีกำลังวังชาดีตลอดไปนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 05, 16:45
 ขอบคุณค่ะคุณพวงร้อย   ปีใหม่นี้ขอให้คุณพวงร้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงสดชื่น  เช่นเดียวกันค่ะ
******************************
อย่างที่เราทราบกันแล้วว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต โดยปราศจากพระราชโอรสที่จะสืบราชสมบัติต่อไป   ราชบัลลังก์ตกอยู่กับสมเด็จพระราชอนุชา  "ทูลกระหม่อมเอียดน้อย"  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อพ.ศ. 2468

สถานการณ์ทางการเมืองและการเงินในสยาม ประสบความผันผวนหลายประการในรัชกาลใหม่     จนกระทั่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 7 ปีหลังครองราชย์

สิ่งที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสมเด็จพระมาตุจฉาฯ  อย่างหนึ่งที่เห็นชัด คือรัฐบาลชุดใหม่หั่นงบประมาณรายได้ของเจ้านายลงไปมาก    รายได้ที่สมเด็จฯทรงได้รับบัดนี้เหลือเพียง 75%   แต่ว่ารายจ่ายยังคงเดิม  

ต้องทรงรับภาระทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องวัง ข้าราชบริพารหรือพระราชโอรส พระราชนัดดา  พระญาติที่ทรงอุปถัมภ์อยู่  
ถึงกับทรงปรารภว่า
"ฉันได้ถูกลดเงินปีเงินเดือนถึงบาทละสลึง  เต็มที  เศรษฐกิจก็ตกต่ำ   ก็มาคิดตัดรายจ่ายกับหญิงแต๋ว( หม่อมเจ้าหญิงนราวดี เทวกุล) ในบ้านที่ใช้อยู่ เท่าไรก็ไม่สำเร็จ    ตั้งเดือนกว่า นั่งคิดอยู่ทุกวัน  จะให้พอกับรายได้"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 05, 16:55
 ขอย้อนหลังกลับไปเล่าว่า  ในรัชกาลที่ 6   พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในส่วนใหญ่มิได้ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังอย่างในสมัยรัชกาลที่ 5  แต่ว่าหลายพระองค์ทรงมีตำหนักอยู่ในสวนสุนันทา เขตพระราชวังดุสิต

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง  เจ้านายอยู่ในสภาพ "วังแตก" ข่าวลือต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ล้วนแล้วแต่ชวนให้วิตกกังวล
เจ้านายของตำหนักต่างๆก็ทรงจำต้องปิดตำหนัก  ให้ข้าราชบริพารแยกย้ายกันไปดำรงชีวิตเอาเอง  ไม่สามารถจะทรงเลี้ยงดูได้เหมือนก่อน   พระองค์เองก็ต้องย้ายหลีกเลี่ยงการเมืองไปห่างไกลกรุงเทพ
สมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตรขัติยนารี เสด็จไปประทับกับเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ ฯ ที่เมืองบันดุง อินโดนีเซีย   ทั้งสองพระองค์ไม่ได้เสด็จกลับสยามอีกเลย

พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวาปีบุษบากร  พระองค์เจ้าเหมวดี  พระองค์เจ้าอรประพันธรำไพ  พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา  เสด็จไปพักผ่อนชายทะเลก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วตัดสินพระทัยไม่เสด็จกลับมาที่วังอีก

เจ้าจอมทั้งหลายต่างก็แยกย้ายกันออกไป อยู่ต่างจังหวัดถิ่นเดิมบ้าง หรือกลับไปอยู่กับพ่อแม่พี่น้องเดิมบ้าง   สวนสุนันทาที่เคยงดงามก็ถูกทิ้งเป็นเมืองร้าง  
กลายเป็นป่าที่อาศัยของนก หนู กระรอก งู   ตำหนักต่างๆก็ทรุดโทรม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ม.ค. 05, 09:30
 ขอโทษที่พิมพ์ลำดับเหตุการณ์สลับกันไปหน่อยค่ะ   ความจริงคห.ข้อนี้ควรจะมาก่อนคห. 7-8

เริ่มรัชกาลที่ 7   สมเด็จพระปกเกล้าฯทรงเฉลิมพระนามสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้า เป็น
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี  พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า

ความโสมนัสของสมเด็จพระพันวัสสา คือทรงมีพระราชนัดดาพระองค์แรกสมพระทัย
พระสุณิสาประสูติพระราชธิดาพระองค์แรก  เมื่อพ.ศ. 2466  คือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ในรัชกาลปัจจุบัน
เมื่อเสด็จกลับสยาม    สมเด็จหญิงพระองค์น้อยมีพระชนม์ได้ 9 เดือน  มีพี่เลี้ยงฝรั่งติดตามมาด้วย  เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯ ประทับทรงงานด้านการแพทย์อยู่ในประเทศ  เป็นระยะที่สมเด็จพระพันวัสสาทรงมีความสุขอย่างยิ่ง
ต่อมาก็ทรงมีพระราชนัดดาชายอีกสองพระองค์      สมเด็จพระพันวัสสาทรงมี"ลูกหลาน" พร้อมพรั่ง  หลังจากทรงรอคอยมานานหลายปี

แต่ความสุขของสมเด็จฯ ก็ไม่ยั่งยืนอยู่นานนัก    ทรงผจญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัสอีกครั้ง

เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลาฯ ทรงอุทิศพระองค์เพื่อการแพทย์ในสยามอย่างหนัก   นอกจากในกรุงเทพแล้ว ยังเสด็จไปเชียงใหม่เพื่อทรงงานที่ร.พ. แมคคอมิค ในฐานะแพทย์ประจำบ้าน   ทรงตั้งพระทัยจะพาครอบครัวไปอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่ถึงกับทรงซื้อที่ดินเตรียมไว้ปลูกวังที่ประทับ
แต่ยังไม่ทันลงมือ ก็ประชวร
ในหนังสือของคุณสมภพ  ระบุไว้เพียงว่า "ประชวรด้วยพระโรคภายใน" ประชวรยาวนานถึงสี่เดือน  พระอาการมีแต่ทรงกับทรุด
จนกระทั่งทิวงคต เมื่อพ.ศ. 2472  
นับเป็นเหตุการณ์วิปโยคแสนสาหัสของสมเด็จพระพันวัสสาอีกวันหนึ่ง  ถึงกับประชวรหนักยาวนานถึง 3 เดือน   ผู้ที่ถวายการรักษาดูแลใกล้ชิดคือพระสุณิสา  ตั้งพระโอสถถวายวันละ 3-4 ครั้ง จนกระทั่งทุเลาในที่สุด


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 08 ม.ค. 05, 14:51
จำได้ว่า เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลาฯ ทิวงคตด้วยโรคฝีในตับครับ(โทษทีครับ ไม่เก่งราชาศัพท์) ส่วนสาเหตุนี้จำไม่ได้ว่าเป็นฝีในตับจากเชื้ออะมีบาหรือเชื้อแบคทีเรีย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 05, 10:24
 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง   สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ทรงเสียผู้ที่เป็นกำลังและมันสมองในเรื่องการจัดหาทุนเข้าสภากาชาดไทย ตลอดจนการติดต่อประสานงานกับนานประเทศ คือเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ  ผู้ต้องเสด็จไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร  
แต่สมเด็จฯ ก็มิได้ทรงท้อถอย  ทรงรับภาระเรื่องสภากาชาดไทยเพียงลำพัง
นาย L.E. Gielgud เขียนไว้ในหนังสือ About It and About  คัดข้อความโดยอาจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ ว่า

"...สมเด็จฯ ทรงยึดมั่นในการแต่งพระองค์แบบไทย เช่นเดียวกับทรงยึดมั่นในภาษา ซึ่งดูขัดกับการตกแต่งวังแบบยุโรปของพระองค์ท่าน และขัดกับเครื่องแบบทหารของสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรฯ  ที่ภูษาโจง
ฉลองพระองค์ที่ดูเบาบางรัดอยู่ที่บั้นพระองค์  มีพระภูษาทรงสะพายจากพระอังสา มองดูคล้ายผ้าคลุมไหล่ของพวกกรีก
พระเกษาสีเทาจำเริญไว้สั้น และทรงหวีเป็นพุ่ม  พระทนต์ดำเนื่องจากเสวยพระศรี  
พระราชอัธยาศัยที่ปรากฏดังกล่าวมาเป็นไปในทางโปรดข้างแบบแผนอย่างเก่าๆ  ดูขัดกับความสนพระราชหฤทัยในกิจการใหม่ๆ  ซึ่งเป็นที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่าเกิดจากการทรงสำนึกในพระราชภารกิจต่อประชาชน   ความขัดกันนี้ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกว่าเป็นอุดมคติอย่างยิ่ง     ถ้าหากว่าพระมเหสีของพระมหากษัติริย์ทั้งหลายในโลกทรงทำได้เช่นนี้   การปฏิวัติในโลกก็คงมีน้อยกว่าที่มีมาแล้ว    และโลกก็คงจะมีระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐน้อยลงด้วย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 05, 10:24
 แม้ว่าคณะราษฎร์ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยไม่เสียเลือดเนื้อ   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์บ้านเมืองหลังจากนั้นจะสงบราบรื่น       คณะผู้ก่อการ เกิดหวาดระแวงกันเองจนนำไปสู่การยึดอำนาจเปลี่ยนรัฐบาล  ไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างที่คาดหวังกันไว้
สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ทรงเห็นความยุ่งยากในบ้านเมือง   จึงทรงส่งพระสุณิสาและพระราชนัดดาทั้ง 3 พระองค์เสด็จไปต่างประเทศ ทั้งเพื่อความปลอดภัยและเพื่อพระอนามัยในพระราชนัดดาพระองค์ใหญ่ ที่ไม่สู้แข็งแรงนัก     เจ้านายน้อยๆทั้ง 3 พระองค์และพระมารดา จึงได้เสด็จไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2476
ส่วนทางนี้    สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ก็ต้องประทับอยู่ ณ วังสระปทุมเพียงลำพังอีกวาระหนึ่ง     ทรงศึกษาธรรมะอย่างเคร่งครัดยิ่งขึ้น     เสด็จไปฟังพระธรรมเทศนาจากสมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์วัดเทพศิรินทร์ ที่มาเทศน์ ณ เรือน ม.จ.ไขศรี ปราโมช ทุกวันอาทิตย์

วันหนึ่งมีคนจีนหาบตู้ใส่สินค้าเบ็ดเตล็ดกระจุกกระจิกมาขายในวัง    ทรงทอดพระเนตรเห็นเข็มกลัดรูปห่วงโอลิทปิคคล้องกันเป็นรูป 3ห่วง ก็โปรดมาก   ทรงแปลความหมายตรงๆว่า ทรงมีห่วงอยู่ 3 ห่วงคือพระราชนัดดาทั้ง 3 พระองค์   จึงทรงซื้อและนำมากลัดติดพระองค์เอาไว้เสมอ
เมื่อมีผู้ท้วงว่า ห่วงนั้นเป็นของเก๊  ไม่มีราคา ก็ตรัสตอบว่า

"แกกลัด คนเขานึกว่าเก๊    ฉันกลัดคนเขาไม่นึกหรอก"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 12 ม.ค. 05, 16:19
 ขออนุญาตแทรกคุณเทาชมพูหน่อยนะครับ
  เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลาฯทรงประชวรด้วยโรคไตพิการเรื้อรังมาตั้งแต่ประทับศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนี และหลังจากเข้ารับหน้าที่แพทย์ประจำบ้านที่รพ.แมคคอมิค จ.เชียงใหม่เพียง ๓ สัปดาห์ก็ประชวรด้วยโรคฝีบิดในพระยกนะ(เกิดจากเชื้ออะมีบาครับ... ผู้เขียน)
  ตามราชกิจจานุเบกษาระบุไว้ว่า"...ประชวรพระโรคฝีบิดเป็นพิษตั้งยอดอักเสบในพระยกนะและพระโรควักกะพิการ สิ้นพระชนม์ที่วังปทุมวัน..."


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 05, 21:41
 ขอบคุณที่มาขยายรายละเอียดค่ะ
สำหรับคนที่ไม่ทราบความหมายของคำราชาศัพท์คำนี้
ยกนะ อ่านว่า ยะกะนะ  แปลว่า ตับ ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 16 ม.ค. 05, 10:35
 เพิ่งหาเวลามาอ่านได้ค่ะ  ขออภัยที่หายไปนาน  ขอบคุณคุณเทาชมพูอีกครั้งค่ะ  เกร็ดประวัติช่วงนี้ไม่เคยได้รับทราบจากที่ใดมาก่อนเลยค่ะ  ได้เข้าใจพระอุปนิสัยของพระองค์ท่านแล้ว  รู้สึกเคารพนับถือและปลาบปลื้มที่เรามีเจ้านายที่ทรงมีพระเนตรกว้างไกล พระปัญญาลึกล้ำอย่างพระองค์ท่านนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ม.ค. 05, 16:38
 คุณพวงร้อยคงจะชอบตอนนี้เช่นกันค่ะ

หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเล่าถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราไว้ว่า
" สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ทรงมีพระนิสัยซื่อและไม่โปรดหรือถนัดในการสมาคม   ข้าพเจ้ารักและสงสารท่านว่ารับสั่งอะไรตรงๆ    
ท่านโปรดตรัสเรื่องในพระธรรม  เพราะทุกครั้งที่ทรงเล่าเรื่องวัดและข้อพระธรรมต่างๆแล้ว  ดูทรงพระสำราญขึ้นอย่างผิดปรกติ    ทั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะเคยทรงมีทุกข์มามาก  
โดยเฉพาะในเรื่องพระราชโอรสธิดาของพระองค์ท่าน  ซึ่งทรงมีถึง 8 พระองค์  และสิ้นพระชนม์แต่มีพระชันษาได้ 18 เป็นอย่างสูง เท่านั้น  คงเหลืออยู่ 2 พระองค์คือสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ แลละสมเด็จ
เจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลยเดช    ซึ่งมีพระชันษาอ่อนกว่าสมเด็จพระบรมฯมหาวชิรุณหิศถึง 14 ปี  
แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ค่อยทรงรู้จักกันดีกับพระราชมารดานัก  เพราะไม่ค่อยได้เสด็จอยู่ด้วยกัน แล้วต่อมาก็สิ้นพระชนม์ถวายให้ทอดพระเนตรหมด    จนเหลือแต่สมเด็จฯเสด็จอยู่พระองค์เดียว  
แม้จะได้ทรงเป็นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า  ด้วยพระราชนัดดาขึ้นทรงราชย์  ก็เป็นเวลาวิกาล  บ้านเมืองย่อยยับเปลี่ยนแปลงจนไม่มีสิ่งใดเหลือให้เป็นที่ควรจะชื่นชม  นอกจากความดับพระทัยในตอนทรงพระชรา   จึงเห็นว่าน่าสงสารนัก  
แต่พระองค์ทรงมีความสามารถในทางใช้จ่ายเรื่องเงินทองมาก  จนมีพระนามว่าทรงมั่งมีกว่าทุกพระองค์"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 05, 09:07
 ความห่วงใยที่สมเด็จฯมีต่อพระเจ้าหลานเธอทั้งสามพระองค์ จนให้เสด็จไปอยู่ต่างประเทศ นับว่าเป็นความรอบคอบและเล็งเห็นการณ์ไกล  
เพราะหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียงหนึ่งปีเศษ  บ้านเมืองก็เข้าสู่ความเดือดร้อนยุ่งยากยิ่งขึ้นไปอีก แทนที่จะสงบลงแบบไม่เสียเลือดเนื้ออย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แล้ว
เพราะเกิดสงครามกลางเมืองที่เรียกว่า "กบฎบวรเดช" ขึ้น

เริ่มต้นด้วยคณะผู้ก่อการฯเกิดแตกแยกกันเองจนถึงกับยึดอำนาจระหว่างกัน  ประชาธิปไตยที่เคยเป็นปณิธานในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องหลีกทางให้กับอำนาจเบ็ดเสร็จ   ทำให้พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหมและนายทหารสำคัญจำนวนหนึ่ง มีพันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นหัวหน้า  ยกพลจากโคราชลงมาถึงกรุงเทพเพื่อปราบปราม  เกิดการต่อสู้กับทางฝ่ายรัฐบาล ที่มีพันโทหลวงพิบูลสงครามเป็นแม่ทัพ  ปะทะกันที่ทุ่งบางเขน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 05, 09:09
 เมื่อเกิดการสู้รบ  เจ้าพระยาวรพงษ์ฯ เสนาบดีกระทรวงวัง เชิญเสด็จสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯไปประทับที่สวนสุนันทาก่อนเพื่อความปลอดภัย  ต่อมาเห็นว่าอาจจะยังไม่ปลอดภัยพอก็เชิญเสด็จย้ายเข้าไปที่พระที่นั่งบรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระราชธิดาที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่เพียงพระองค์เดียวในจำนวนพระราชโอรสธิดา 8 พระองค์  คือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ฯ และเจ้านายฝ่ายในอื่นๆ รวมทั้งสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์และพระนางเจ้าสุวัทนาด้วย

ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงอยู่ที่หัวหิน  เมื่อทราบข่าวก็ทรงเป็นห่วง  จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพระยาวรพงษ์ฯ เชิญเสด็จลี้ภัยไปสงขลา

ที่สงขลา  ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน พากันมารับเสด็จกันเนืองแน่น เป็นที่ชื่นพระทัย    เมืองนี้เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จฯ อาจจะเป็นเพราะเป็นเมืองพระนามทรงกรมของพระราชโอรส หรือโปรดภูมิประเทศความเป็นอยู่ และความจงรักภักดีของประชาชน ก็ไม่มีใครทราบ   ทรงปลูกต้นปาล์มไว้ที่สวนปาล์ม อำเภอสะเดา  และทรงสร้างถนนรอบพระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาส และเป็นองค์อุปัฏฐากเจ้าอาวาสวัดนั้น

จนกระทั่งการต่อสู้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ทางฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช     รัฐบาลจึงเชิญเสด็จกลับพร้อมกันทุกพระองค์    หลังจากเสด็จกลับ  ข้าราชการที่มารับเสด็จด้วยความภักดี ถูกสอบสวนและปลดออกจากราชการกันหลายคน เช่นหลวงณรงค์วังศาทร นายอำเภอหาดใหญ่

แม้ว่าเหตุการณ์ทางบ้านเมืองสงบลงก็จริง  แต่สำหรับเจ้านาย  และนายทหารกับพลเรือนปัญญาชนอีกมาก ที่เกี่ยวข้องหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกกบฏ  ฝันร้ายครั้งใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 24 ม.ค. 05, 12:26
 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  พักนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้คอมพ์เท่าไหร่  เลยมาช้าค่ะ  ขออภัยด้วยนะคะ  

ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึก "ทึ่ง" มาก  ในพระสติปัญญาที่แสนจะล้ำลึกของพระองค์ท่านมากเลยค่ะ  แต่ที่ประทับใจที่สุด  ก็คือความทรงมี integrity (ขออภัยนึกไม่ออกว่าจะใช้คำไทยว่าอะไรดีค่ะ)  มากเลย  ทำให้สามารถมองเห็นความสืบต่อของพระอุปนิสัย  มาถึงพระราชชนก  ซึ่งทรงเลือกพระชายาที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงสมเด็จฯ  ทั้งๆที่ในฐานะของกรมสงขลาฯก็สามารถเลือกพระชายาอย่างไรก็ได้  และก็ทำให้เป็นโชคดีของคนไทยนะคะ  ขอบคุณที่สรรหาสิ่งดีๆมาให้อ่านค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 28 ม.ค. 05, 19:12
 คลำหาทางเข้าอยู่พักใหญ่
สวัสดีคุณเทาชมพู คุณพวงร้อย คุณนนทิราและทุกท่านค่ะ

ดีใจที่แวะเข้ามาเรือนไทยในวันนี้ หลังจากห่างหายไปนาน
กำลังไล่อ่านกระทู้และบทความ ขอบพระคุณสำหรับเรื่องดีๆ ในกระทู้นี้ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: นายชินจัง ที่ 30 ม.ค. 05, 11:36
 "แกกลัด คนเขานึกว่าเก๊ ฉันกลัดคนเขาไม่นึกหรอก"


ชอบจัง คนที่ทักไปพูดอย่างนั้น.....ได้ยังไง ชิๆ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.พ. 05, 13:09
 การไต่สวนผู้ที่เกี่ยงข้องในกบฏบวรเดช ทำให้มีผู้คนถูกจับกุมคุมขังมากมาย   นักโทษจำนวนมากที่เป็นทหาร ข้าราชการ ปัญญาชน ถูกส่งไปตัวไปคุมขังที่เกาะตะรุเตา  มองไม่เห็นอนาคตว่าจะได้กลับมาเมื่อไร
และมีหลายคนที่ถูกตัดสินขั้นประหารชีวิต

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ไม่ทรงเห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลที่รุนแรงเกินไป    
หลังจากเสด็จไปรักษาพระองค์ที่อังกฤษ  ก็ทรงสละราชสมบัติ และมิได้เสด็จกลับมาสยามอีกเลย   จนถึงสวรรคตที่อังกฤษนั่นเอง

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เสด็จอังกฤษ  สมเด็จไปเฝ้าส่งเสด็จพร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งชื่อ "ศรวรุณ" เพื่อจะไปลงเรืออีกลำที่เกาะสีชังก่อนจะสด็จพระราชดำเนินออกพ้นอ่าวไทยไป

ในตอนนั้นกล่าวกันว่า ผู้ส่งเสด็จต่างสังหรณ์กันทั่วไปว่าจะไม่เสด็จกลับมาอีก  
และก็เป็นความจริง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.พ. 05, 13:27
ในช่วงนั้น เป็นยุคตกต่ำของพระราชวงศ์   เจ้านายที่เหลืออยู่ต้องระมัดระวังองค์กันแจ  ด้วยเกรงว่าจะถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาล ซึ่งมองกบฏบวรเดชว่าเป็นฝ่ายเจ้าตั้งใจยึดอำนาจคืน  สมเด็จฯทั้งที่เป็นหญิงและมีพระชนมายุมากแล้ว ก็ต้องระวังพระองค์เช่นกัน
สิ่งใดที่ทรงอนุโลมตามรัฐบาลได้ก็ทรงอนุโลม   แม้ว่าไม่สบายพระราชหฤทัยแม้แต่น้อย  ส่วนใหญ่จะเก็บพระองค์อย่างสงบ  ไม่ออกมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางบ้านเมือง

ความทุกข์ระลอกใหม่ที่เข้ามาถึงสมเด็จ คือทรงสูญเสียพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาบุญธรรมซึ่งอยู่ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด   ทรงเคยหวังว่าจะ "ฝากผีฝากไข้" ด้วย    เมื่อพระองค์เจ้าเยาวภาฯสิ้นพระชนม์ไปก่อนก็เป็นความโทมนัสอย่างแสนสาหัสของสมเด็จฯ

ขอลำดับให้ฟังอีกครั้งว่า สมเด็จฯ ในฐานะแม่  มีพระราชโอรสธิดา  8  พระองค์  ก็ล้วนแต่สิ้นพระชนม์ไปก่อนในช่วงที่ทรงเป็นหนุ่มสาวสวยงามถึง 7 พระองค์  เหลือเพียงพระองค์เดียวคือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร

ความโทมนัสเรื่องใหม่ก็คือ เรื่องการสืบราชสมบัติ ที่รัฐบาลประชุมกันแล้วเห็นสมควรว่า พระนัดดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จฯ ทรง
อยู่ในลำดับที่จะขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่  8
สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้นเป็นยุคแห่งความหวาดกลัว หวาดระแวง  เกลียดชัง   ถ้าเทียบกับบ้านเมืองสมัยที่สมเด็จฯทรงดำรงพระยศสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ แล้ว ก็ต่างกันเหมือนกลางคืนกับกลางวัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 01 ก.พ. 05, 13:55
 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  ดีใจที่ได้มาอ่านต่อค่ะ  หวังว่าคุณเทาชมพูคงจะสบายดีนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ปังหวาน ที่ 02 ก.พ. 05, 18:13
 ชอบกระทู้ลักษณะนี้มากเลยค่ะ  ขอขอบคุณอาจารย์เทาชมพูที่ได้สละเวลา มาเล่าเรื่องที่ทั้งดี ทั้งสนุกให้ฟังค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: สะอาด ที่ 02 ก.พ. 05, 22:17
 คุณเทาชมพู ขอถามรายพระนามพระราชโอรสธิดา 8 พระองค์ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 ก.พ. 05, 23:16
มาตอบคุณสะอาดนะคะ  คุณเทาชมพูคงจะยังไม่มีเวลาเข้ามาน่ะค่ะ  เชิญอ่านตอนแรกที่กระทู้นี้ http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Cid=18&Pid=24641&ooc=3   มีพระนามโอรสธิดาของสมเด็จในความเห็นที่ 19 ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: วารุณี ที่ 03 ก.พ. 05, 09:49
 สวัสดีค่ะ คุณเทาชมพู  ดีใจที่เจอเวบดีดีแบบนี้นะคะ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องสมัยโบราณ โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดิน นางอันเป็นที่รัก อะไรแบบเนี่ยค่ะ เผอิญมาเจอที่นี่เข้า  ลองอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากกว่าในหนังสืออีกเยอะเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: สะอาด ที่ 04 ก.พ. 05, 03:04
 ขอบคุณนะคะ คุณพวงร้อย

สมเด็จทรงดำรงพระชนมายุถึง ๖ แผ่นดิน นับจากรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๙ ทรงผ่านความทุกข์ ความโศก ความวิปโยค และความอาดูร มาเกือบจะตลอดพระชนมายุของพระองค์อันนับได้ถึง ๙๓ พรรษาเศษ  สมเด็จฯ ทรงดำเนินพระราชภารกิจเป็นคุณประโยชน์ต่อพสกนิกรอย่างมากมายมหาศาล


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.พ. 05, 17:41
 ความกังวลพระราชหฤทัยของสมเด็จฯ เมื่อพระราชนัดดาได้ขึ้นครองราชย์ เป็นอย่างไร  สะท้อนในพระราชดำรัสนี้
"ทำกรรมให้กับเด็ก   เพราะลูกแดง( หมายถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ฯ)ไม่ได้มุ่งหวังที่จะให้ลูกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน   อยากให้หัดเป็นคนธรรมดา  พลเมืองช่วยบ้านเมือง"

ในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ ยังทรงพระเยาว์   จึงต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์   คือพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอ๊อศคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์  พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา  และเจ้าพระยายมราช

สมเด็จฯทรงเปลี่ยนฐานะ จากสมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า (ซึ่งหมายถึงสมเด็จป้า) มาเป็นสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า(หมายถึงสมเด็จย่า) ในรัชกาลใหม่
การเฉลิมพระนามาภิไธยใหม่ มิได้ทำให้สมเด็จฯทรงยินดี  แต่กลับเศร้าพระทัย   ดังที่มีพระราชดำรัสในปลายพระชนม์ชีพ  เมื่อความโทมนัสครั้งแล้วครั้งเล่าได้จู่โจมมาถึง

"ดูใครๆก็ตายกันไปหมด    ได้มีชีวิตยืนอยู่นี่ก็ไม่เห็นมีอะไรจะดี   เปลี่ยนชื่อไป  เปลี่ยนชื่อไป จนจะจำชื่อตัวเองไม่ได้"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.พ. 05, 17:45
 แม้ว่าเปลี่ยนแผ่นดินใหม่   เหตุการณ์ในบ้านเมืองก็มิได้สงบปลอดโปร่งขึ้น  เรื่องเลวร้ายหลายเรื่องเกิดขึ้น ล้วนเป็นเรื่องน่าสะเทือนพระทัยสำหรับเจ้านายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  
จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า  ไม่กี่ปีก่อนนี้เอง   บ้านเมืองไม่มีสงครามกลางเมือง   ราษฎรจงรักภักดีอยู่ใต้พระบารมี  พระบรมวงศานุวงศ์เคยเป็นที่เคารพกราบไหว้ของผู้คนโดยทั่วไป  

มาบัดนี้อย่าว่าแต่เจ้านายสำคัญต้องทรงลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ    แม้แต่เจ้านายสตรีที่พระชนมายุสูงและดำรงพระองค์อย่างสงบเงียบมาหลายสิบปีอย่างสมเด็จฯ ก็ไม่วายเป็นเป้าหมายของการโจมตีใส่ร้าย และถูกบีบคั้นในหลายๆประการ

เรื่องหนึ่งในจำนวนนี้คือ  กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ประธานผู้สำเร็จราชการฯ บังเกิดความคับแค้นพระทัยจากถูกบีบคั้นด้วยอำนาจทางการเมือง  จนถึงขั้นปลงพระชนม์พระองค์เอง  
ข่าวลือที่ปราศจากความจริงก็แพร่ออกมาว่า  เป็นเพราะน้อยพระทัยที่ถูกสมเด็จพระพันวัสสาทรงตำหนิติเตียน
ทำให้สมเด็จฯเสียพระทัยมาก  เพราะไม่ทรงทราบถึงสาเหตุเลยจนนิดเดียว


เรื่องที่สอง ก็คือรัฐบาลยึดทรัพย์สินของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ   แต่ทรัพย์สินนั้นมีอยู่มากที่มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์    แต่เป็นของสมเด็จพระพันปีหลวงรวมอยู่ด้วย    
ในเมื่อยากจะแยกออกว่าส่วนไหนเป็นของใคร รัฐบาลก็ต้องมาทูลเชิญสมเด็จพระพันวัสสาไปเป็นผู้ชี้
สมเด็จฯก็ทรงทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง   ทรงนำหลักฐานไปแสดงเป็นการยืนยัน
แต่ก็ทรงโทมนัส ที่ทรัพย์สินซึ่งเคยเป็นตกทอดกันมาตั้งแต่พระบูรพมหากษัตริย์  กลับต้องตกอยู่ในอำนาจตัดสินของบุคคลกลุ่มใหม่ กระทำตามที่พวกเขาเห็นสมควร


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 05, 09:32
 คุณพวงร้อยเคยถามดิฉันว่าสมเด็จฯ ทรงรับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าตั้งแต่เมื่อไร   ดิฉันค้นคำตอบมาให้แล้วค่ะ คือเมื่อสมเด็จฯ ทรงมีพระชนม์ 16 พรรษา  พ.ศ.เดียวกันกับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 14 ก.พ. 05, 13:52
 พักนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเรือนไทยเลย  ต้องขออภัยด้วยค่ะ  คุณเทาชมพูคงงานยุ่งด้วยนะคะ  ขอบพระคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ  ที่ยังจำคำถามเก่าได้และอุตส่าห์ไปค้นมาให้  ดิฉันไปดูกระทู้แรกที่คุณเทาชมพูได้เล่าว่า  เจ้าจอมมารดาเปี่ยมมีโอรสธิดาคือ (ขอคัดมาลงใหม่นะคะ)

เจ้าจอมมารดาเปี่ยมเป็นเจ้าจอมผู้เป็นที่โปรดปรานท่านหนึ่ง มีพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอรวม ๖ พระองค์
๑ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย (พระองค์นี้ได้รับพระนามตามบทบาทของเจ้าจอมมารดา)
๒ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ)
๓ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์( สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีพระองค์แรกในรัชกาลที่ ๕)
๔ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)
๕ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ)
๖ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฏ์)

พระธิดาทั้งสามพระองค์คงมีพระชนม์ไล่ๆกันมังคะ  ในปีที่ทรงเป็นพระชายา สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ คงมีพระชนม์ประมาณ ๑๗-๑๘ พรรษามังคะ  ส่วน สมเด็จพระศรีพัชรินฯ คงเพิ่งจะได้ ๑๔-๑๕ พรรษาในปีนั้น  ไม่ทราบว่า ร.๕ ทรงมีพระชนมายุมากกว่าเท่าไหร่คะ  ขออภัยถ้ารบกวนถามมากไปหน่อยนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: สะอาด ที่ 15 ก.พ. 05, 07:08
 ลำดับเจ้านายผู้ทรงมีสิทธิ์สืบราชสันตติวงศ์ตามกฎมณเฑียรบาล  พ.ศ. 2467

๑.  สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ    เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์  
๒.  พระวรวงศ์เธอ    พระองค์เจ้าอานันทมหิดล
๓.  พระวรวงศ์เธอ    พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช
๔.  สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ     เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต  
๕.  พระเจ้าวรวงศ์เธอ    พระองค์เจ้าจุมภฎพงศ์บริพัตร
๖.  สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ    เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร  
๗.  พระเจ้าวรวงศ์เธอ   พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล
๘.  พระเจ้าวรวงศ์เธอ   พระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ
๙.  พระเจ้าพี่ยาเธอ    กรมพระจันทบุรีนฤนาท
๑๐. หม่อมเจ้าอมรสมานลักษณ์
๑๑. หม่อมเจ้านักขัตมงคล
๑๒. หม่อมเจ้าขจรจบกิติคุณ
๑๓. พระเจ้าพี่ยาเธอ   กรมหลวงปราจิณกิตติบดี
๑๔. หม่อมเจ้ากัลยาณวงศ์    ประวิตร
๑๕. หม่อมเจ้าจิตรปรีดี
๑๖. หม่อมเจ้าวิกรมสุรสีห์
๑๗. พระเจ้าพี่ยาเธอ    กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
๑๘. หม่อมเจ้าประสบศรีจีรประวัติ
๑๙. หม่อมเจ้านิทัศนาธร
๒๐. หม่อมเจ้าขจรจิรพันธุ์
๒๑. พระเจ้าพี่ยาเธอ   กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
๒๒. พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ก.พ. 05, 09:09
ตอบคุณพวงร้อย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชสมภพเมื่อพ.ศ. 2396  มีพระชนมพรรษามากกว่าสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทาฯ (ประสูติ 2403) 7 พรรษา และมากกว่าสมเด็จพระพันวัสสาฯ (ประสูติ 2405) 9 พรรษา
พระพันวัสสาฯ ทรงเป็นพระภรรยาเจ้าเมื่อพระชนม์ 16  ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมพรรษา 25 พรรษาค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 19 ก.พ. 05, 11:50
 ขอบคุณมากค่ะ คุณเทาชมพู ดิฉันเดาไม่ถูกมาก่อนเลยค่ะ  นึกมาว่า ท่านทรงมีพระชนม์ไม่ห่างกันเท่าไรนักนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มี.ค. 05, 17:09
 ระยะเวลาตั้งแต่พ.ศ. 2479-81 เป็นช่วงเวลาสำราญพระทัยช่วงสั้นๆของ สมเด็จฯเมื่อตัดสินพระทัยเสด็จประพาสทางทะเล ออกนอกประเทศไทย ไปทางใต้
ครั้งแรกก็ไปสิงคโปร์   ทรงพบพระบรมวงศานุวงศ์ที่ลี้ภัยทางการเมืองไปประทับอยู่นอกประเทศ อย่างสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
 อีกไม่ถึงปีก็เสด็จอีก  ครั้งนี้ทรงพบสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์  ฯสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ และกรมหลวงทิพยรัตน์ฯ ที่มาเฝ้ารับเสด็จที่สิงคโปร์
ความสะเทือนพระทัยของเจ้านายที่ต้องทรงพลัดพรากกันไปเพราะการเมืองเป็นอย่างไร   สะท้อนอยู่ในพระดำรัสสั้นๆว่า
" โถ  ถูกรังแก  พลัดบ้านพลัดเมือง  ฉันทนไม่ได้จริง"
กรมหลวงทิพยรัตน์ฯ เสด็จเข้ามาสวมกอด และทรงกันแสงกันทั้งสองพระองค์

ครั้งที่สอง เสด็จทางเรือไปไกลถึงชวา  เพื่อจะได้ทรงพบเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯซึ่งเสด็จอยู่ที่เมืองบันดุง   ในครั้งนี้เกิดประชวรขึ้นมาตอนขากลับ เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมากเกินไป

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ประทับไปในรถยนต์ด้วย   สมเด็จฯประทับครึ่งบรรทมมาตลอดทาง  ทรงเพ้อเรียกสมเด็จกรมพระนครสวรรค์ฯว่า "ลูกแดง "  (ซึ่งหมายถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลาฯซึ่งสิ้นพระชนม์ไปหลายปีแล้ว) ด้วยความห่วงว่าจะทรงหิวและเหนื่อย   ทำเอาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ถึงกับน้ำพระเนตรกบพระเนตร   แต่ก็ไม่ทรงปฏิเสธ ทรงรับเป็น "ลูกแดง "ทุกครั้งที่ทรงเรียก

อย่างไรก็ตาม   พระอาการประชวรก็ดีขึ้นในขากลับ  จนเกือบเป็นปกติ  ทรงแวะสิงคโปร์   ณ ที่นี้ทรงพบสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ อีกครั้ง  
แต่ความสุขที่ทรงพบกัน ก็เจือปนด้วยความโทมนัสอีก เพราะเท่ากับเริ่มการพลัดพรากในหมู่พระญาติสนิทอีกครั้ง   เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯตามเสด็จมาส่งได้เพียงแค่นี้ ก็ต้องเสด็จกลับเมืองบันดุง  ไม่เข้ามาในประเทศไทย

สมเด็จฯมิได้ทรงรู้ล่วงหน้าเลยว่า เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ทรงพบผู้ที่เป็นตัวแทนของ "ลูกแดง"     อีก 6 ปีต่อมา   สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ก็สิ้นพระชนม์ที่เมืองบันดุงนั่นเอง  พระชันษา 63 ปี  ส่วนสมเด็จฯยังมีพระชนมายุต่อมาอีกยาวนาน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 04 มี.ค. 05, 23:04
 คุณเทาชมพูคะ  ขอกราบขอบพระคุณจริงๆค่ะ  เคยสะท้อนใจมามากแล้ว  ที่ประวัติศาสตร์ไทยที่มีให้เราได้อ่านได้เรียนรู้กัน  ดูเหมือนจะสะดุดหยุดลงตรงสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง  สิ่งที่ลูกหลานไทยได้อ่าน ได้รับรู้  ก็เพียงแค่ รายชื่อของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา  แต่เรื่องราวความเป็นมาต่างๆ  หาอ่านได้ยากที่สุด  เกร็ดประวัติศาสตร์ไม่ว่าใหญ่น้อยอย่างไรในยุคตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา  ดิฉันเห็นว่า  เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเลยค่ะ

การที่เราจะเข้าใจภาพรวมของประวัติความเป็นไปในอดีตของเรา  จำต้องทราบข้อมูลจากทุกๆด้าน  แต่ที่เรามี  ก็เหมือนภาพแหว่งๆวิ่นๆ  เพราะคนต้องการปิดไม่ให้เป็นที่เปิดเผย  เราจึงเหมือนคนไม่รู้จักอดีตใกล้ตัวกันน่ะค่ะ  แรงงานของคุณเทาชมพูเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยจริงๆค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 11 มี.ค. 05, 21:18
 สวัสดีค่ะคุณเทาชมพู
    ขอบพระคุณมากนะคะที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่าน ติดตามอ่านเอาเป็นเอาตาย จนเพื่อนที่ที่ทำงานบอกว่าวันนี้เธอทำตัวโดดเดี่ยวจัง ดิฉันก็ไม่ได้อธิบายว่าอ่านอะไรอยู่ ขี้เกียจแปลเป็นภาษาต่างด้าว วันนี้แวะมาชื่นชม ว่างๆ วันหลังคงจะได้แวะเวียนมาอีก ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มี.ค. 05, 11:46
 ขอโทษที่หลังๆนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเล่าค่ะ  ทิ้งช่วงไปยาวนาน   ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านสม่ำเสมอโดยไม่ปริปากบ่น
จะพยายามเข้ามาโพสต์ถี่ขึ้น ค่ะ

เล่าต่อนะคะ
ปี 2481 เมื่อสมเด็จฯ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพ  ก็มีเรื่องให้สุขพระราชหฤทัยไปตลอดปีอีกครั้งอย่างไม่เคยเป็นมานานแล้ว  คือข่าวพระราชนัดดาทั้ง 3 พระองค์เสด็จกลับจากยุโรป      
สมเด็จฯถึงกับเสด็จโดยทางเรือออกไปรับถึงปากน้ำ    หลังจากไม่ได้ทรงพบกันนานถึง 4 ปี พระราชนัดดาทั้งสามทรงเจริญพระชนมายุขึ้นมาก พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขณะนั้นพระชนมายุ 13 พรรษา  สมเด็จพระอนุชาธิราชทรงอ่อนพระชันษากว่า 2 ปี   ส่วนสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา พระชันษา 15 ปี
ล้วนทรงพระโฉมน่ารักน่าชม และมีพระพลานามัยแข็งแรงดี   มีพระจริยวัตรอันงดงาม สมกับพระชนนีทรงอบรมมาเป็นอย่างดี เป็นที่โสมนัสของสมเด็จฯอย่างยิ่ง    ทั้งสามพระองค์และพระชนนีประทับร่วมกันที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มี.ค. 05, 11:50
 ความสุขของเจ้านายทุกพระองค์เป็นไปอย่างเรียบๆง่ายๆ   แต่เต็มเปี่ยม   อย่างในวันคล้ายวันประสูติของพระราชนัดดาพระองค์เล็ก  สมเด็จฯก็โปรดให้จัดละครลิงเข้าไปเล่นถวายในวังสระปทุม   ทรงพระสรวลเมื่อเห็นลิงเล่นอะไรขันๆ อย่างที่ไม่เคยทรงพระสรวลบ่อยนัก

นอกจากนี้ แม้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน  สมเด็จฯก็มิได้โปรดให้ฟุ่มเฟือย    เมื่อพระราชนัดดาเสด็จกลับมาใหม่ๆ ยังไม่ทรงรู้จักธนบัตรไทย   สมเด็จฯก็ทรงอธิบายให้ฟังและพระราชทานให้บ้าง  ตั้งแต่ใบละ 1 บาทไปจน 20 บาท
แต่พอถึงธนบัตรใบละร้อยบาท ซึ่งเป็นธนบัตรมูลค่าสูงสุดในสมัยนั้น   ก็รับสั่งว่า
" นี่ใบละร้อย  มากไป อย่าเอาเลย"

แต่ความชุ่มชื่นพระราชหฤทัยของสมเด็จฯก็เปรียบได้กับหยดน้ำกลางแผ่นดินซึ่งแห้งแล้งร้อนระอุเพิ่มขึ้นทุกวัน

เมืองไทยในยุคนั้นได้ผู้นำคนใหม่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี  คือนายทหารหนุ่มที่เคยเป็นแม่ทัพฝ่ายรัฐบาลในการปราบปรามกบฏบวรเดช    เขาคือจอมพล ป.พิบูลสงคราม     ผู้มีกำลังกองทัพหนุนหลังอยู่อย่างแข็งแกร่ง

นโยบายสำคัญของจอมพลป. เท่าที่จะกล่าวถึงในกระทู้นี้ มี 2 เรื่อง คือ การปลุกความคิดชาตินิยม ให้เกิดสำนึกในความเป็นไทย หวงแหนและภูมิใจในแผ่นดินไทย    ทำให้เกิดกระแสการเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศสที่ไทยสูญเสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5

กระแสเรียกร้องนี้ทำให้เกิดมีผู้หวังได้ดีทางลัด  นอกจากสนับสนุนนโยบายอย่างเต็มที่แล้วยังลามปามไปถึงการตำหนิติเตียนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ว่าทรงเป็นผู้ทำให้ประเทศเสียดินแดนไปมากมาย

นอกจากนี้ ยังรุนแรงขึ้นถึงขั้นมีหนังสือพิมพ์ลงบทความจ้วงจาบหยาบคายถึงพระราชวงศ์   เรียกว่า "ครอบครัวประหลาด" และพาดพิงมาถึงสมเด็จฯ   แม้ไม่ออกพระนามโดยตรงแต่ก็รู้ว่าหมายถึงใคร

ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอดรนทนไม่ได้ ลุกขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับหนังสือพิมพ์    รัฐบาลก็ดำเนินการตามถึงขั้นศาลตัดสินให้จำคุกบรรณาธิการ  แต่มีคำบอกเล่าว่า มีการผ่อนปรนเป็นการภายในในเวลาต่อมา

นโยบายประการที่สองคือมีการกวาดล้างผู้ที่ต้องสงสัยว่ากระทำการเป็นปรปักษ์ต่อรัฐบาล   แม้ว่าไม่เคยมีการกระทำใดๆ ถึงขั้นพิสูจน์ได้ว่ามีการลงมือ หรือตระเตรียมการก่อกบฏ    
แต่อำนาจของรัฐบาลในยุคนั้นกว้างมาก  จนจับกุมได้แม้ว่าไม่มีข้อพิสูจน์  เพียงแต่ตั้งข้อหาก็จับกุมคุมขังได้แล้ว

บุคคลผู้เคราะห์ร้ายอย่างยิ่งในการ "เป็นผู้ต้องสงสัย"   คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร  พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และเป็นพระราชโอรสที่สมเด็จฯทรงเลี้ยงดูมาตั้งแต่พระชนมายุได้ 12 วัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มี.ค. 05, 12:10
 ถ้าจะถามว่า กรมขุนชัยนาทฯ เคยทรงมีพฤติกรรมหรือบทบาทอะไรแสดงว่าทรงฝักใฝ่ทางการเมืองมาก่อนหรือไม่    ดิฉันเองไม่เคยเห็นหลักฐานว่าทรงเกี่ยวข้องอะไรทั้งตอนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และตอนกบฎบวรเดช 2476  
ตรงกันข้าม ทรงเป็นเจ้านายที่มีความเป็นอยู่อย่างสงบพระองค์หนึ่ง      แต่ก็ถึงขั้นถูกจับกุมอย่างผู้ต้องหา

ขอเรียบเรียงตัดตอนจากคำบอกเล่าของ หลวงอายุรกิจโกศล มาลง ค่ะ
" ในปี 2481  ระหว่างเดือนสิงหาคม หรือกันยายน จำไม่ได้แน่   เสด็จในกรมฯ(หมายถึงกรมขุนชันนาทฯ) ได้เสด็จไปจังหวัดเชียงใหม่   ก่อนเสด็จได้มีลายพระหัตถ์ถึงข้าหลวงพระจำจังหวัด  
แจ้งพระประสงค์ว่าเพื่อทรงศึกษาลู่ทางที่จะให้หม่อมเจ้าสนิทประยูรศักดิ์ พระโอรสองค์เล็กซึ่งทรงศึกษาวิชามนุษย์วิทยา ไปสอบสวนและศึกษาเรื่องชาวละว้า  ซึ่งทางเหนือเรียกชาวลัวะ  
เพื่อนำไปทำวิทยานิพนธ์เสนอมหาวิทยาลัยซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสิ้นปีหน้า"

การขอความร่วมมือไปทางจังหวัด  ทรงตกลงจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์  
และมีผู้ตามเสด็จหม่อมเจ้าสนิทประยูรศักดิ์ไปด้วยก็คือหลวงอายุรกิจโกศลซึ่งเป็นสาธารณสุขจังหวัดในช่วงนั้น   ตั้งใจจะไปตรวจและบำบัดไข้มาเรียแก่ชาวบ้านในเวลาเดียวกัน

เรื่องนี้ก็ได้ตระเตรียมกันเรียบร้อยโดยไม่มีปัญหาอะไร    กรมขุนชัยนาทเสด็จเชียงใหม่จนเสร็จการตระเตรียมแล้วก็เสด็จกลับกรุงเทพ   อีก 2 อาทิตย์ก็เสด็จกลับไปอีกครั้งพร้อมด้วยหม่อมเจ้าสนิทประยูรศักดิ์    แล้วทรงแยกทางกันที่เชียงใหม่  
ท่านชายสนิทฯ มุ่งหน้าไปสำรวจข้อมูลที่อำเภอฮอด  เสด็จในกรมฯ เสด็จกลับกรุงเทพโดยทางรถไฟ  มีข้าหลวงและผู้ที่ทรงคุ้นเคยมาส่งเสด็จที่สถานี ตามปกติ
ไม่มีใครคิดฝันว่าจะเกิดเหตุร้ายให้ตระหนกตกใจกันไปทั่ว  เมื่อวิทยุกระจายเสียงไปทั่วประเทศว่า มีการจับกุมกรมขุนชัยนาทนเรนทรฯ ที่สถานีลำปาง   พอถึงกรุงเทพ  ตำรวจก็ส่งพระองค์เข้าห้องขังรวมกับผู้ต้องขังทั้งหลาย  เหมือนเป็นผู้ต้องหาทั่วไป

ถ้าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น   ก็คือในช่วงนั้น รัฐบาลได้กวาดล้างจับกุมบุคคลต่างๆในกรุงเทพ ที่ต้องสงสัยว่ามีการกระทำเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล   มีแม้แต่ข่าวว่าผู้ถูกจับกุมคนหนึ่งทางภาคใต้พยายามหนีแล้วถูกตำรวจยิงตาย

การกวาดล้าง"ผู้ต้องสงสัย" กินเขตแดนมาถึงพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย   ส่วนหลักฐานมีอะไรอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นเรื่องมืดมนกันอยู่


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 มี.ค. 05, 13:09
 เมื่อความทราบถึงสมเด็จฯ  ทั้งตระหนก และเสียพระราชหฤทัยมาก    มีพระอาการโทมนัสเหมือนครั้งที่ทรงสูญเสียสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ  ทรงรำพันว่า
" ทำไมรังแกอย่างนี้  มันจะเอาชีวิตฉัน   มาทำไมลูกชายฉัน  เห็นได้เทียวว่ารังแกฉัน"

ทรงรวบรวมพระสติได้  ก็มีพระราชเสาวนีย์ให้เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน(อุ่ม อินทรโยธิน) หนึ่งในคณะผู้สำเร็จราชการฯ เข้าเฝ้า    เพราะเจ้าพระยาพิชเยนทรฯเคยเป็นข้าหลวงเดิมในสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ   ทรงคุ้นเคยมาก่อน

ตรัสว่า
" เธอกับฉันก็เห็นกันมาตั้งแต่ไหนๆ   ครั้งนี้ทุกข์ของฉันเป็นที่สุด  ขอให้เธอไปช่วยบอกจอมพลทีว่า อย่าจับกรมชัยนาทฯ เข้าห้องขัง   มีผิดอะไรส่งมาที่ฉัน   ฉนจะขังไว้ให้เอง ให้มาอยูที่บ้านนี้  ข้างห้องฉันนี่   เพราะฉันเลี้ยงของฉันมาตั้งแต่ 12 วัน   พระพุทธเจ้าหลวงอุ้มมาพระราชทาน
ฉนเอง   ถ้ากรมชัยนาทฯหนีหาย    ฉันขอประกันด้วยทรัพสมบัติทั้งหมดที่ฉันมีอยู่   ถ้าหนีหาย  ฉันก็ยอมเป็นคนขอทาน"

แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธคำขอ  บอกว่าเป็นเรื่องของบ้านเมือง  อะลุ้มอะล่วยกันไม่ได้
ทรงฟังก็กันแสง ค่อนพระทรวง ตรัสว่า
"เขาจะแกล้งให้ฉันตาย   ฉันไม่รู้จะอยู่ไปทำไม   ลูกตาย ไม่ได้น้อยใจ ช้ำใจเหมือนครั้งนี้เลย   เพราะมีเรื่องหักได้ว่าเป็นธรรมดาโลก   ครั้งนี้ทุกข์สุดที่จะทุกข์แล้ว"

แล้วตรัสกับเจ้าพระยาพิชเยนทรฯอีกว่า
" เธอจะไปทำอย่างไรก็ได้  ขอให้ช่วยด้วย  เห็นแก่ฉันเถอะ   ฉันไม่พูดหรอกกับพระองค์อาทิตย์   เพราะเธอเป็นเด็ก และเป็นญาติด้วย"
เจ้าพระยาพิชเยนทรฯ ถึงกับร้องไห้  กราบพระบาทถวายบังคมลาออกไปทั้งน้ำตา

แต่ผลจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดดีขึ้น  รัฐบาลยังสอบสวนดำเนินการกับกรมขุนชัยนาทฯ ต่อไปอย่างนักโทษการเมืองคนหนึ่ง
สิ่งต่อไปที่สมเด็จฯดำเนินการอย่างฉับไว คือให้ม.จ.สนิทประยูรศักดิ์ เสด็จไปต่างประเทศทันที  

เพราะเกรงว่าจะทรงถูกรังแกมีชะตากรรมเหมือนเสด็จพ่อ     เงินทองที่ทรงเก็บออมไว้ถูกนำมาเป็นค่าเดินทาง  จนท่านชายเสด็จออกพ้นประเทศไทยไป ถึงเบาพระทัย
ต่อจากนั้น  สมเด็จฯทรงห้ามพระประยูรญาติทุกพระองค์ที่ทรงรับราชการ ไม่ให้เข้ามาเฝ้าที่วังสระปทุม    เพราะทรงเกรงว่าจะถูกเพ่งเล็งจากทางการ และถูกข้อหากบฎเช่นเดียวกัน

เคราะห์ไม่ได้มาหนเดียว   ความโทมนัสของสมเด็จฯที่ว่าหนักที่สุดแล้ว ก็ยังมีหนักกว่านี้อีก
เมื่อพระราชธิดาพระองค์เดียว ที่เหลืออยู่คือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร  ประชวรเรื้อรังด้วยโรคพระวักกะ(ไต)พิการ  มีพระอาการทรุดลง จนสิ้นพระชนม์ในปีนั้นเอง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: Marty ที่ 12 มี.ค. 05, 17:22
ขอขอบคุณคุณเทาชมพูนะครับ ที่สละเวลาเขียนเรื่องต่าง ๆให้พวกเราอ่าน
ยังติดตามอ่านเสมอมาครับ และจะติดตามต่อไป


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ปิ่นมณี ที่ 13 มี.ค. 05, 00:41
 ขอขอบคุณ คุณเทาชมพูด้วยคนคะ ติดตามอ่านทั้งตอนที่1และตอนที่2มาโดยตลอดแต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาตอบในกระทู้นี้สักที เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งใช่หนังสือศิลปวัฒนธรรมหรือเปล่าไม่แน่ใจ ฉบับ 100 ปี ปรีดี พนมยงค์ แต่ไม่ได้อ่านลึกซึ้งมากนักเป็นการอ่านแบบผ่านตาเฉย ๆ คะ เจอบทความตอนหนึ่งว่า สมัยจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจอมพล ป. ได้กระทำตัวเยี่ยงเจ้า ข้อความนี้จริงเท็จประการใดวานคุณเทาชมพูใขข้อข้องใจด้วยคะ และขออภัยลุกหลานจอมพล ป. ด้วยนะคะมิได้ตั่งใจหมิ่นประมาทเพียงแต่อ่านเจอข้อความนี้เท่านั้นก็เลยสงสัย จะกลับไปอ่านหนังสือเล่มนี้อีกก็ไม่รู้จะไปหาอ่านที่ไหนแล้วคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มี.ค. 05, 11:32
 ตอบได้แต่ว่า จอมพลป. ไม่เคยสถาปนาตัวเองเป็นเจ้า   แต่ให้เรียกตัวเองว่า "ท่านผู้นำ" มีนโยบาย   "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย"
ครั้งหนึ่ง มีการดำริจะเสนอยศ สมเด็จเจ้าพระยา ให้จอมพล ป. และสมเด็จเจ้าพระยาหญิง ให้ภรรยาของท่าน  แต่ว่าไม่ผ่านสภา  เพราะมีผู้ค้านว่าเลิกราชทินนามขุนนางไปแล้ว  เรื่องนี้ก็ตกไป
คุณลองเข้าไปที่ http://www.matichon.co.th/art/  ลองค้นศิลปวัฒนธรรมฉบับย้อนหลังดู อาจจะเจอเล่มที่คุณค้นหาก็ได้


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: หนูหมุด ที่ 13 มี.ค. 05, 19:26
 มาลงชื่อก่อนค่ะ ยังอ่านไม่ทันเลยค่ะ save ก็ไม่ได้ เพราะมาเล่นในร้านเกม เพิ่งจะมีโอกาสเข้า internet เป็นครั้งแรกเองค่ะตั้งแต่ปีใหม่มา รู้สึกว่าตาลายไปหมดแล้ว กระทู้ไปไวจัง หวังว่าจะมีโอกาสมาตามอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง ขอบคุณไว้ก่อนค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พระอุทัย ที่ 14 มี.ค. 05, 00:26
 คุณเทาชมพูเคยได้ทราบถึงพระราชทรัพย์บางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 คือซอสายฟ้าฟาด และหีบหมากของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีบ้างไหมคะว่าหายไปได้อย่างไร เคยอ่านในหนังสือวารสารอะไรจำไม่ถนัดเพราะหลายสิบปีมาแล้ว ในยุคที่คนกลุ่มหนึ่งพยายาม ลดเจ้า แต่กลับทำเทียมเจ้าเหมือนกลืนน้ำลายตนเอง ซ้ำยังฉ้อฉลยึดของท่านเป็นของตัวเองอันตรธานไปดื้อๆ  หากไม่เป็นเช่นนั้นของเหล่านี้จะหายไปไหน  คุณเทาชมพูพอมีข้อมูลเหล่านี้บ้างไหม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มี.ค. 05, 11:27
 คำถามของคุณแสดงว่ามีคำตอบแล้ว  ดิฉันไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านี้    
ทราบแต่ว่าซอสายฟ้าฟาดเป็นซอคู่พระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   ถ้าอยู่มาถึงปัจจุบันอายุคงร่วม 200 ปีแล้ว


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มี.ค. 05, 11:43
 กรมขุนชัยนาทฯ ถูกตั้งข้อหากบฏในพระราชอาณาจักร  ถูกขังอยู่ 10 เดือน การพิจารณาคดีจึงสิ้นสุดลง  ศาลตัดสินประหารชีวิตแล้วลดโทษลงเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ทรงถูกถอนฐานันดรศักดิ์ลงเป็น "นักโทษชายรังสิต"  
เป็นสิ่งที่ย้อนหลังไปสัก 10 ปี ย่อมจะไม่มีใครคาดฝันเลยว่าพระราชโอรสในสมเด็จพระปิยมหาราช จะทรงประสบชะตากรรมเลวร้ายถึงเพียงนี้

ทั้งที่เสด็จในกรมฯ เคยรับสั่งไว้ว่า
" ทำไมหนอรัฐบาลหลายรัฐบาลมาแล้วจึงไม่ยอมที่จะเข้าใจเลยว่า ฉันไม่มีความทะเยอทะยานในเรื่องอำนาจวาสนา   ฉันต้องการอยู่ตามลำพังอย่างคนสามัญทั้งหลาย"

ข่าวร้ายนี้นำความโทมนัสมาสู่สมเด็จพระพันวัสสาฯ อย่างแสนสาหัสอีกครั้งหนึ่ง  ถึงกับทรงพระกันแสงรำพันว่า
" ฉันตายแล้ว ฉันจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าหลวงท่านได้อย่างไร   ท่านอุ้มมาพระราชทานฉันกับพระหัตถ์เองทีเดียว เมื่อ  12 วัน แท้ๆ"

จากเรื่องสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีฯสิ้นพระชนม์  ซึ่งทำให้สมเด็จพระพันวัสสาฯ ไม่ทรงเหลือพระราชโอรสธิดาทั้ง 8 พระองค์ อีกเลยจนพระองค์เดียว
มาถึงเรื่องกรมขุนชัยนาทฯ ที่สมเด็จฯทรงรักและเมตตาประดุจพระราชโอรสในพระอุทร  ทรงตกเป็นนักโทษ
ความทุกข์ของสมเด็จฯ ไม่ได้จบลงเพียงเรื่องนี้   ข่าวร้ายระลอกใหม่ที่ตามมาก็คือข่าวเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อพ.ศ. 2484
พระราชนัดดาทั้งสามพระองค์ทรงอยู่ไกล ณ ต่างประเทศ อีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง  สยามก็เข้าสู่สงครามมหาเอเชียบูรพา  ใต้นโยบาย "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย"ของจอมพล ป.พิบูลสงคราม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มี.ค. 05, 12:12
 นโยบายของจอมพลป. เป็นอย่างไร  อ่านส่วนหนึ่งได้จากบทความ "ยุคไม่ขำ " ในเว็บนี้ค่ะ

รัฐบาลเอาจริงเอาจังเรื่องการแต่งกาย เช่นยกเลิกโจงกระเบนมานุ่งกางเกง (สำหรับผู้ชาย) และผ้าซิ่นหรือกระโปรงสำหรับผู้หญิง   ออกจากบ้านต้องสวมหมวก

แม้สมเด็จฯทรงอยู่ในวังสระปทุมอย่างสงบ จำกัดการติดต่อกับโลกภายนอกไว้น้อยที่สุด เว้นแต่พระราชกรณียกิจเช่นเรื่องสภากาชาดไทยที่ทรงไม่เคยละทิ้ง     ยุค "วัธนธัม"ของรัฐบาลก็ยังยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวเข้าจนได้  

เช่นมีเจ้าหน้าที่ตัวแทนไปเข้าเฝ้า  ขอพระราชทานฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ให้ทรงพระมาลา เพื่อนำไปเผยแพร่ภายนอกว่า สมเด็จฯทรงร่วมมือปฏิบัติตัวตามนโยบายของรัฐบาล เป็นตัวอย่างแก่ประชาชน

สมเด็จฯ กริ้ว ตรัสตอบว่า
"ทุกวันนี้ จนจะไม่เป็นตัวของตัวอยู่แล้ว  นี่ยังจะมายุ่งกับหัวกับหูอีก  ไม่ใส่  อยากจะให้ใส่ก็มาตัดเอาหัวไปตั้ง แล้วใส่เอาเองก็แล้วกัน"
หมดเรื่องหมวกไปเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังไม่จบสิ้นอยู่ดี    

รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนเปลี่ยนชื่อ  ผู้ชายมีชื่อฟังรู้ว่าเป็นชาย  ผู้หญิงมีชื่อฟังรู้ว่าเป็นหญิง
รัฐบาลเกิดเห็นว่าพระนาม "สว่างวัฒนา" สมควรเป็นชื่อผู้ชาย  ก็ส่งตัวแทนมาขอให้ทรงเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับ "รัฐนิยม"

สมเด็จฯทรงกริ้วทันทีเมื่อทรงทราบ  ตรัสด้วยความแค้นพระทัยว่า
" ชื่อฉัน ทูลหม่อม( หมายถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) พระราชทาน   ท่านทรงทราบดีว่าฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"
ผลก็คือ ทรงดำรงพระนามไว้ได้ตามเดิมจนกระทั่งหมดยุค ก็ไม่มีใครมาเซ้าซี้ให้เปลี่ยนพระนามอีก


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มี.ค. 05, 17:56
 ขอโทษที่ว่างเว้นไปเสียนานค่ะ   กว่าจะเข้ามาต่อได้  คิดว่าจะพยายามต่อให้จบอย่างเร็วไว  
เห็นใจที่หลายท่านตามอ่านมานานเป็นเดือน

ไฟสงครามโลกครั้งที่สองในยุโรปลามมาถึงไทย ในรูปของกองทัพญี่ปุ่นบุกขึ้นฝั่งอย่างสายฟ้าแลบ   ประชาชนไทยตื่นขึ้นมา

ในวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ก็พบว่าตกอยู่ในภาวะสงครามเสียแล้ว  ทั้งที่เมื่อวานยังฉลองงานรัฐธรรมนูญกันอยู่อย่างครึกครื้น

รัฐบาลของจอมพลป.พิบูลสงครามยอมทำสัญญาประนีประนอมเป็นไมตรีกับญี่ปุ่น  ให้ใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านไปสิงคโปร์    แต่ขอให้ญี่ปุ่นเคารพต่อเอกราชอธิปไตยของไทยด้วย  

นโยบายนี้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาไม่ให้นองเลือดกันทั่วประเทศในตอนต้นได้ก็จริง   แต่ก็ไม่อาจช่วยให้กรุงเทพรอดพ้นจากสภาพยับเยินในสงครามทิ้งระเบิดระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับฝ่ายญี่ปุ่น   และภาวะตึงเครียดของสงครามซึ่งดำเนินมาตลอด ๔ ปีหลังจากนั้น

เมื่อสมเด็จพระพันวัสสาทรงทราบว่าไทยยอมประนีประนอมกับญี่ปุ่น หรือพูดง่ายๆแบบชาวบ้านว่ายอมแพ้ญี่ปุ่น  ก็ทรงมี
พระราชวินิจฉัยอันแม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ว่า
" สู้อังกฤษไม่ได้หรอก เรื่องจะไปตีสิงคโปร์   พระพุทธเจ้าหลวงท่านเคยรับสั่ง อังกฤษไม่ยอมดอก"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มี.ค. 05, 17:58
 คนไทยเริ่มต้องเผชิญภาวะพรางไฟในตอนกลางคืน    ต้องขุดหลุมหลบภัยจากระเบิดและหนีลงในหลุมหลบภัย  ทีแรกก็เครื่องบินก็มาทิ้งระเบิดเฉพาะบางคืน   แต่ต่อมาก็ไม่เลือกทั้งกลางคืนกลางวัน     น้ำท่วมใหญ่ในปีพ.ศ. ๒๔๘๕ และข้าวยากหมากแพงช่วยซ้ำเติมให้เกิดความยากลำบากโดยทั่วกัน แม้เจ้านายอย่างสมเด็จฯเองก็ไม่ต่างจากราษฎรทั่วไป  เป็นความเดือดร้อนทั้งพระวรกายและพระราชหฤทัย

แต่อย่างหนึ่งที่ทรงพระทัยชื้นขึ้นก็คือพระเจ้าหลานเธอทั้งสามพระองค์มิได้ประทับอยู่ในเมืองไทย   แต่ก็อาจจะไม่ทรงทราบว่า ในยุโรปเองภัยสงครามก็ลุกเป็นไฟเกือบจะทุกด้าน  ล้อมรอบประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่

เมื่อภัยสงครามรุนแรงขึ้น  สมเด็จฯเสด็จไปประทับอยู่ที่ศรีราชาตามคำกราบบังคมทูลของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ซึ่งเสด็จกลับจากปีนังมาทรงพำนักในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง    มีเจ้านายฝ่ายในตามเสด็จไปด้วยหลายพระองค์  
นับว่าเป็นการแคล้วคลาดอย่างมาก  เพราะเสด็จได้แค่ ๑๕ วันระเบิดก็ลงที่วังสระปทุม  ทำให้ต้องประทับอยู่ที่ศรีราชาถึง ๓ เดือน

ความทุกข์ที่รุมเร้าอย่างหนักค่อยเบาบางลง เมื่อสมเด็จทรงเริ่มลืมเรื่องต่างๆได้  รวมทั้งเรื่องกรมขุนชัยนาทฯทรงถูกคุมขัง ณ เรือนจำบางขวาง     ทรงเข้าพระทัยไปว่าขณะนั้นประทับอยู่ต่างประเทศ    ไม่มีใครกราบทูลให้ทราบความจริงเพราะเกรงว่าจะกลับโทมนัสขึ้นมา

เมื่อกรมขุนชัยนาทฯถูกปล่อยจากที่คุมขัง เสด็จกลับวังได้ในฐานะ "นายรังสิต"  ก็ตรงไปที่ศรีราชาทันที   แต่ก็ไม่กล้าเข้าเฝ้า และห้ามผู้คนที่นั่นไปกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ   ด้วยทรงเกรงว่าสมเด็จฯจะย้อนรำลึกถึงความจริงเรื่องทรงถูกจับกุมคุมขังได้ แล้วจะทรงเศร้าโศกพระราชหฤทัยอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก     กรมขุนชัยนาทฯก็ได้แต่ทรงแอบทอดพระเนตรดูสมเด็จฯ อยู่อีกห้องหนึ่งอย่างเงียบเชียบ  พลางน้ำพระเนตรไหลไปพลาง


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มี.ค. 05, 18:00
 ครบ ๓ เดือน สมเด็จฯเสด็จกลับกรุงเทพ  แต่ทรงย้ายเข้าไปพำนักในพระบรมมหาราชวัง เพราะแถววังสระปทุมเต็มไปด้วยพวกญี่ปุ่น      
ภายในพระบรมมหาราชวังแม้ว่าปลอดภัยในตอนนั้น แต่ก็รกร้างทรุดโทรมอย่างไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นที่สถิตย์ของหัวใจของแผ่นดิน  
พระที่นั่งต่างๆปรักหักพัง กลายเป็นที่อาศัยของงูเหลือมและค้างคาว  ตำหนักต่างๆและแถวเต๊งก็พรางไฟมืดสนิท น่าพรั่นพรึง

ประทับอยู่ได้ ๖ เดือน สถานที่ที่น่าจะปลอดภัยก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป  เมื่อระเบิดลงที่พระที่นั่งบรมพิมานและพระที่นั่ง
พิมานรัถยา ห่างที่ประทับไปไม่มากนัก   จึงต้องทรงอพยพลี้ภัยสงครามไปบางปะอิน  
ความในพระราชหฤทัยในตอนนั้นเป็นอย่างไร สะท้อนในพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า
" ฉันเคยเล่นโครเกต์ กับพระพุทธเจ้าหลวงที่สนามข้างใน    นี่ไม่มีใครจะเล่นกับฉันได้    ตายกันเสียหมด"


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 เม.ย. 05, 17:45
 ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะสงคราม มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดกันไม่เลือกว่ากลางวันหรือกลางคืน  ความอกสั่นขวัญหายของประชาชนดำเนินอยู่ถึง ๔ ปี ต่อเนื่องกัน
จนในที่สุด  เมื่อถึงพ.ศ. ๒๔๘๘  สงครามโลกครั้งที่สองก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะ คือเยอรมัน และญี่ปุ่น    
สันติภาพกลับคืนมาสู่ไทยอีกครั้งหนึ่ง  
แม้ว่าเราต้องเสียค่าชดใช้สงครามให้ฝ่ายพันธมิตรมากมายเอาการในการที่ร่วมมือกับญี่ปุ่นก็ตาม   แต่บ้านเมืองก็ปลอดภัยแล้ว

หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง  ประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีใหม่ต่อจากจอมพลป.พิบูลสงคราม คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช    เป็นอยู่ ๔ เดือนก็ลาออก   นายควง อภัยวงศ์ขึ้นเป็นนายกฯต่อได้เพียง ๔๕ วันก็แพ้โหวตในสภา  

สภาผู้แทนสนับสนุนให้นายปรีดี พนมยงค์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ความโสมนัสของสมเด็จพระพันวัสสาฯทรงกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อพระเจ้าหลานเธอทั้งสามพระองค์เสด็จกลับสู่พระนคร  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเจริญพระชันษาเป็นชายหนุ่ม ทรงพระโฉมสง่างาม  พร้อมด้วยพระจริยาวัตรอันประเสริฐ  เป็นที่ชื่นชมโสมนัสของประชาชนชาวไทย
ไม่ว่าจะเสด็จที่ไหนก็มีผู้คนมาเฝ้าแหนกันคับคั่ง   ชื่นชมพระบารมีอย่างที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เฝ้าพระมหากษัตริย์มาหลายปี

แม้ว่าทางด้านพระอนามัยของสมเด็จพระพันวัสสาฯยังทรงแข็งแรงดี   แต่พระอาการทางสมองได้เสื่อมลงเป็นลำดับ    บางเรื่องก็ทรงจำได้ดี  บางเรื่องก็ทรงลืมเลือน    
ไม่ทรงทราบว่าลึกลงไปภายใต้ความสงบราบรื่น    มีกระแสคลื่นใต้น้ำยุ่งเหยิงอยู่มาก โดยเฉพาะในราชสำนัก


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 เม.ย. 05, 17:48
 เมื่อสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์  ระเบียบในราชสำนักเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผน   มีผู้รับผิดชอบหน้าที่อย่างเคร่งครัด
แต่แล้วเมื่อเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตย  ระเบียบบางอย่างก็หย่อนคลาย  กลายเป็นวุ่นวายไม่รู้การควรมิควรอยู่หลายเรื่อง
อย่างเช่นมีการตั้งหนึ่งในคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำพระองค์ ระดับราชเลขาฯ    
ราชเลขาฯผู้นี้กระทำการหลายอย่างตามใจชอบ เช่นนั่งไขว้ห้างในรถยนต์เข้าไปเทียบถึงพระที่นั่ง  สวมแว่นตาดำ สูบบุหรี่ไปเข้าเฝ้าถึงพระองค์   ยืนค้ำพระองค์ที่โต๊ะทรงพระอักษรฯ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของข้าราชบริพาร

นอกจากนี้ การถวายพระเกียรติก็เป็นปัญหา  เช่นบางครั้ง พระเจ้าอยู่หัวไม่มีรถพระที่นั่งใช้  เพราะหนึ่งในสองคันที่มี ราชเลขาฯส่งไปให้นายกรัฐมนตรีใช้  อีกคันเอาไปซ่อมให้แขกเมืองใช้    
ต้องทรงให้มหาดเล็กไปตามจึงได้รถสำหรับแขกเมืองกลับมา
แต่พอได้กลับมา  รถก็หายไปจากโรงเก็บรถในพระบรมมหาราชวังเสียเฉยๆ   ทั้งที่มีทหารยามเฝ้าอยู่   ตามหาไม่พบเป็นเวลาหลายเดือน

ต่อมา ราชองครักษ์ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พระที่นั่งเสียชีวิต    และมหาดเล็กเก่าแก่ก็ถึงแก่กรรมลงปัจจุบัน
ทันด่วน  เหมือนเป็นลางร้ายให้รู้ว่าความน่าสะพึงกลัวยิ่งกว่านี้กำลังจะตามมา

วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เป็นวันสุดวิปโยคของคนไทยทั้งแผ่นดิน  เมื่อพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จ
สวรรคตกระทันหัน ด้วยพระแสงปืน ในพระแท่นที่บรรทม


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 เม.ย. 05, 14:37
 ก่อนหน้านั้น ๒ วัน  สมเด็จพระพันวัสสาฯทรงขัดตลับงาซึ่งเป็นงานอดิเรกมายาวนานอยู่ในตอนพลบค่ำ  ประทับหันไปตรงพระฉากตรงเฉลียงชั้นบน   ทันใดนั้นก็ตรัสขึ้นมาลอยๆว่า

" จะพูดอะไรก็พูดมาซี  มาทำหน้าบึ้งยังกับจะร้องห่มร้องไห้"

ม.จ.อัปภัสราภา เทวกุลซึ่งเฝ้าอยู่ ไม่ทรงเห็นผู้ใดในที่นั้น  จึงทูลถามว่า

"รับสั่งว่ากระไรเพคะ"

" ดูซี" สมเด็จฯตรัส " กรมเทววงศ์มานั่งอยู่นานแล้ว  ไม่พูดไม่จา ทำหน้ายังกับจะร้องไห้   มันเรื่องอะไร"



ขอแทรกเกร็ดความรู้ไว้ตรงนี้อีกครั้งหนึ่งว่า  สมเด็จฯมีพระเชษฐาพระองค์ใหญ่คือสมเด็จกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ    

สมเด็จกรมพระยาเทววงศ์ฯ มีพระโอรสองค์ใหญ่คือ หม่อมเจ้าชายไตรทศประพันธ์ เทวกุล ซึ่งโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นเทววงศ์วโรทัยในรัชกาลที่ ๗

'กรมเทววงศ์ฯ' ที่สมเด็จฯรับสั่งเรียก  เป็น "หลานอา" ที่โปรดปรานของสมเด็จฯ     แต่จะมาเข้าเฝ้าสมเด็จฯอย่างประยูรญาติพระองค์อื่นๆไม่ได้ เพราะสิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ๓ ปี เมื่อพ.ศ. ๒๔๘๖

ม.จ.อัปภัศราภาเสด็จไปเปิดไฟให้สว่างขึ้น   พอไฟสว่าง   สมเด็จพระพันวัสสาฯ ก็ตรัสว่า "อ้าว"

แล้วทรงขัดตลับต่อไป



ข่าวพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตรู้มาถึงวังสระปทุม   ทุกคนลงความเห็นกันว่าจะไม่กราบบังคมทูลให้ทรงทราบ  เพราะไม่มีใครแน่ใจว่าความโทมนัสครั้งนี้จะสาหัสสักเพียงไหน    

ยากที่มีใครในแผ่นดินจะประสบความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่ามากเท่าสมเด็จฯ  ทรงสูญเสียพระราชสวามี   สูญเสียพระราชโอรสธิดาไปองค์แล้วองค์เล่าจนหมด ๘ พระองค์   ทรงสูญเสียพระขนิษฐภคินีสมเด็จพระพันปี   สูญเสียพระเชษฐา    พระราชโอรสบุญธรรมแม้ไม่ได้สูญเสียพระชนม์ ก็ประสบชะตากรรมที่เลวร้ายกว่าเจ้านายทุกพระองค์  พระประยูรญาติก็ต้องกระจัดพลัดพรายกันไปคนละทาง ด้วยเหตุทางการเมือง

ล้วนแล้วแต่เป็นความทุกข์หนักหนาสาหัส


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 เม.ย. 05, 15:05
 ด้วยเหตุนี้ ชาววังสระปทุมจึงไม่แต่งไว้ทุกข์ด้วยเกรงว่าจะทรงผิดสังเกต     ใครทำงานอะไรก็ทำไปตามหน้าที่

ปกติเหมือนวันอื่นๆ  ไม่ร้องไห้ให้ทรงเห็น
ในวันที่เชิญพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวลงพระโกศ   สมเด็จฯไม่ทรงระแคะระคายเรื่องสวรรคต  แต่จู่ๆก็รับสั่งว่า
" วันนี้เป็นอะไร   ฟ้าเศร้าจริง   นกสักตัว กาสักตัวก็ไม่มาร้อง   เศร้าเหลือเกิน  นี่ทำไมมันเงียบเชียบไปหมดอย่างนี้ล่ะ"
ไม่มีใครกล้ากราบบังคมทูลตอบ   ใครทนได้ก็เฝ้าอยู่ต่อไป   ใครเหลือทนก็คลานหลบออกมาร้องไห้อยู่ข้างนอก ไม่ให้ทอดพระเนตรเห็น

สมเด็จพระพันวัสสาฯไม่ทรงทราบว่าทรงเสียพระราชนัดดาไปแล้วอย่างไม่มีวันได้คืนมา     แม้เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาเฝ้าในภายหลัง   ก็ยังไม่มีใครกล้ากราบบังคมทูลอยู่ดี
สมเด็จฯเคยรับสั่งถามอย่างสงสัยว่า
" หลานฉันสองคนนี่"
คำตอบที่ทรงได้รับตลอดมาก็คือ อีกพระองค์หนึ่งเสด็จอยู่ต่างประเทศ     ผู้ทูลตอบก็ยอมผิดศีลข้อมุสา เพื่อประคับประคองพระราชหฤทัยไว้ไม่ให้แตกสลายจากความจริง

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทรงทราบแม้แต่พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 เม.ย. 05, 15:15
 ขอคั่นโปรแกรม  ด้วยการถามหาขาประจำเดิมๆ ของกระทู้
ที่พากันหายหน้าไปหมด
เช่น คุณพวงร้อย อาจารย์นิรันดร์ คุณ Crazy HOrse คุณ paganini ฯลฯ ยังอยู่กันหรือเปล่าคะ

คุณ paganini ศัพท์ที่คุณถาม ดิฉันส่ง sms ตอบไปแล้วนะคะ  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 07 เม.ย. 05, 18:14
 พี่พวงร้อยไปเที่ยวฮาวายกับครอบครัวครับ อีกหลายวันกว่าจะกลับครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 08 เม.ย. 05, 01:58
 Thank you ka, K. Taochompoo.  I'm in Hilo at the moment.  We have to use phoneline for Internet connection which is frustratingly slow.  The worst thing is I spilled wine on my laptop and it won't even start up.  


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 05, 13:28
 มาต่อค่ะ
ความทรงจำต่างๆค่อยๆถดถอยน้อยลงไปอีกตามพระชนมายุที่สูงขึ้น เท่ากับป้องกันมิให้ความทุกข์ได้รุกรานมากไปกว่านี้
มีเหตุการณ์เดียวที่เป็นความโสมนัส   คือเมื่อมีวันราชาภิเษกสมรส  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จมาถวายดอกไม้ธูปเทียน ณ วังสระปทุม  เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๓

สมเด็จพระพันวัสสาฯถวายน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมทั้งสองพระองค์    แล้วรับสั่งกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ ว่า
" เอ้า   หันออกไปยิ้มกับผู้คนที่เขามางานซิ    เขาอุตส่าห์มากันเต็มๆ  ออกไปให้เขาเห็นหน่อย"
กระแสพระราชดำรัสนั้นมหัศจรรย์มาก  เพราะไม่มีใครคิดว่าจะตรัส

หลังจากนั้นก็ประชวร  พระเพลาหักเพราะพลาดตกจากพระที่   แต่แพทย์ก็รักษาจนหายประชวรได้เป็นปกติ
ทรงมีพระชนม์ยืนยาวมาถึง ๙๓ พรรษา  ระยะหลังนี้ทรงลืมได้อย่างเด็ดขาดทั้งความทุกข์และความสุข  จนถึงวันประชวรครั้งสุดท้าย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 05, 13:30
 คุณสมภพ จันทรประภา บรรยายเหตุการณ์ในคืนสุดท้ายไว้ว่า
" วันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาถึงวังสระปทุมเวลาประมาณ ๒ ยาม    เพราะคณะแพทย์กราบบังคมทูลว่าพระอาการหนักสุดที่จะเยียวยาแล้ว   คงจะเสด็จสวรรคตในไม่ช้า    
อากาศหนาวเย็น   รอบๆ พระตำหนักเงียบสงัด   ในห้องพระบรรทมมีแต่สมเด็จฯประทับอยู่บนพระที่   นายแพทย์และพยาบาลเฝ้าพระอาการ   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยืนอยู่ปลายพระบาท    นานๆก็เสด็จพระราชดำเนินออกมาที่เฉลียงครั้งหนึ่ง    แล้วเสด็จฯกลับเข้าไปทรงยืนทอดพระเนตรพระอาการอีก
หน้าห้องบรรทม   สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถประทับอยู่    นอกจากนั้นก็มีพระองค์เจ้าวาปีฯ หม่อมเจ้าหลานๆ   และข้าหลวงหมอบเฝ้าเต็มไป   เพราะเป็นที่ทราบกันแล้วว่าพระอาการจะไม่รอดตั้งแต่ ๕ ทุ่ม    จึงมาคอยส่งเสด็จกันพร้อมหน้าในวาระสุดท้าย
สองยามผ่านไป...ตีหนึ่งผ่านไป...ตีสองผ่านไป..ชาววังที่เฝ้าอยู่ในที่นั้นทั้งปวงต่างก็ได้ยินเสียงสวดมนต์เบาๆ ติดต่อกันโดยหาตัวผู้สวดไม่ได้     พอผ่านไปได้ ๑๖ นาที   สมเด็จฯก็เสด็จสู่สวรรค์อย่างสงบ    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหมอบกราบถวายบังคมอยู่ปลายพระบาทนั้นเอง"

สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าฯ เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เวลา ๒.๑๖ น.
พระชนมายุได้ ๙๓ ปี ๓ เดือน ๗ วัน
ถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๙


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 05, 13:31
 รายชื่อหนังสืออ้างอิง
๑  สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ  ของ สมภพ จันทรประภา
๒  พระบรมราชินี และเจ้าจอมมารดา  ของ ส.พลายน้อย
๓  ราชสกุลวงศ์ รวบรวมโดย กรมศิลปากร
๔  พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี  รวมรวมโดย พลตรีม.ร.ว. ศุภวัฒย์ เกษมศรี และน.ส.รัชนี ทรัพย์วิจิตร
๕  ชาวต่างชาติในประวัติศาสตร์ไทย  ของ ส. พลายน้อย
ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: นทีสีทันดร ที่ 08 เม.ย. 05, 21:53
 ขอบคุณคุณเทาชมพูมากนะครับที่ได้เล่าบทความพระราชประวัติของสมเด็จพระพันวสาฯสำหรับให้ผู้ที่สนใจมาอ่าน ผมก็ติดตามอ่านมาตลอด
บทความของคุณเทาชมพูมีความสนุกสนานและน่าติดตามมาก หวังว่าคุณเทาชมพูจะมาเล่าเรื่องที่น่าสนใจอื่นๆให้อ่านอีกนะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: สร้อยอักษร ที่ 18 เม.ย. 05, 14:09

ดิฉันสร้อยอักษร...เป็นผู้มาใหม่ ขอกล่าวสวัสดีต่อคุณเทาชมพูและทุกๆท่านค่ะ  ก่อนหน้านี้ดิฉันได้มาเยือนเรือนไทยบ้างเป็นครั้งคราวค่ะ...และด้วยความรู้สึกขอบคุณผู้จัดทำ  ที่กรุณานำเรื่องอันดีมีประโยชน์ซึ่งไม่ใคร่จะหาอ่านได้ง่ายนักมานำเสนอ

และดิฉันคงจะสมัครใจเกาะติดเสาเรือนไม่ยอมห่างไปไหนทีเดียวล่ะค่ะ


*  หมายเหตุ     นอกเหนือจากสาระที่ได้รับแล้ว...ดิฉันยังชอบใจภาพงามๆ ซึ่งคุณเทาชมพู รวมถึงอีกหลายท่านได้โพสเข้ามาให้ชมอยู่เสมอ...ด้วยความรู้สึกชื่นชมค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระพริบ ที่ 25 เม.ย. 05, 16:27
 สวัสดีค่ะ เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ขอฝากตัวด้วยนะคะ

อยากเรียนถามค่ะว่า หลังจากนั้นกรมขุนชัยนาท ท่านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวสาฯบ้างไหมคะ หรือว่าไม่มีโอกาสเลยตลอดพระชนม์ชีพ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากทีเดียว

และอยากฝากให้คุณเทาชมพู เขียนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในสมัย ร.5 อย่างงี้อีกค่ะ เพราะอ่านแล้วสนุกและได้สาระมากค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เหลนนางพญา ที่ 25 เม.ย. 05, 19:22
 ผมขอยกมือถามอาจารย์เทาชมพูด้วยคนครับ คำถามอาจเศร้าสักหน่อยนะครับ  คืออยากทราบว่าสมเด็จฯท่านมาทราบตอนไหนหรือครับ ว่า ร. 8 ท่านทรงสรรคตครับ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กราบเรียนสมเด็จฯ หรือครับ  และท่านมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 เม.ย. 05, 19:18
ขอบคุณคุณสร้อยอักษรค่ะ

คำถามอีก 2 ข้อ กำลังหาคำตอบอยู่ค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ศิวัฒธินันท์ ที่ 14 พ.ค. 05, 11:49
 สวัสดีค่ะ เพิ่งมาเป็นสมาชิกใหม่เหมือนกัน  ได้อ่าน บทความของอาจารย์เทาชมพู แล้วรู้สึกว่าได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมาก  ก็ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้นะคะ  
      คือ อยากทราบอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ตอนนี้ ดิฉันเอง ทำงานในบริษัท แห่งหนึ่ง เกี่ยวกับทางด้านวารสาร และหนังสือ  แล้วมีอยู่คอลัมน์หนึ่ง ซึ่งดิฉันดูแลอยู่ คือคอลัมน์ "ประวัติศาสตร์ตำนานไทย"  และวารสารของดิฉัน เป็นการเผยแพร่เพื่อการค้าขายอีกด้วย  เลยอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า  ถ้าจะนำบทความของอาจารย์ไปลงหนังสือ  บ้างจะได้หรือเปล่า ถ้าอย่างไรโปรดตอบกลับมาหน่อยนะคะ  ขอขอบพระคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลที่มีสารให้อ่านนะคะ  ขอบคุณค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ค. 05, 12:01
ดิฉันกำลังรวบรวมบทความของตัวเองพิมพ์แจกแฟนคลับ
พอมาเจอคำถามคุณเข้าเลยยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
ขอเวลาปรึกษากันหน่อยนะคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ก.ค. 05, 23:36
 เมื่อสองสามวันก่อนได้มีโอกาสไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับพระภูษาทรงของ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เลยได้ข้อมูลมาว่าพระภูษาที่ทรง เป็นผ้าทอจากพระตำหนักสวนหงส์ครับ

เลยขอเอามาฝากไว้กับกระทู้อาจารย์เทาชมพูไว้ด้วยแล้วกันนะครับ


ปล. รบกวนผู้ที่มีภาพช่วยหาภาพให้หน่อยนะครับผมเองไม่มีครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 10 ก.ย. 05, 17:57

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ผู้อำนวยการโรงเรียนราชแพทยาลัย
และอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยพระองค์แรก ทรงมีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาแพทยศาสตร์
และการจัดการศึกษาขั้นอุดมศึกษาในระยะเริ่มแรก


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: มีมี่ ที่ 11 มิ.ย. 06, 16:08
 สวัสดีค่ะ ดิฉันเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ได้ลองเข้ามาอ่านดูทำให้รู้ว่า ทีนี้มีสาระมากๆเลยค่ะ ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยมากมายค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: anivy ที่ 12 มิ.ย. 06, 08:09
 ได้ความรู้และข้อคิดดีๆมากๆเลยค่ะ
ต้องขอขอบคุณอาจารย์เทาชมพูท่านด้วยค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: pok ที่ 22 มิ.ย. 06, 16:38
 ขอบคุณ คุณเทาชมพู ที่เขียนบทความดีๆ ให้ได้อ่านกันครับ
อยากให้คุณเทาชมพู หรือเพื่อนๆ ที่รู้ ช่วยหารูปพระนามาภิไธยย่อ สัญลักษณ์ของสมเด็จฯ และภาพต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ ให้ดูกันด้วยก็ดีนะครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ใบตองสด ที่ 29 มิ.ย. 06, 07:52
 สมาชิกใหม่ค่ะ
พอได้พบเวบนี้ เหมือนเจอขุมทรัพย์
อ่านเรื่องของสมเด็จพระพันวสาฯ แล้ว เลยขอถามผู้รู้สักนิด สงสัยมานาน ในภาพงานวันโสกันต์ ของสมเด็จเจ้าฟ้าวชิรุณหิศ เด็กผู้หญิงที่ว่าคือเจ้าฟ้าหญิงวไลยฯ ทำไมท่านไว้ผมอย่างนั้น ท่านไม่ไว้จุกหรือคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 06, 08:48
ดิฉันก็เพิ่งทราบจากคุณว่าพระราชกุมารีในภาพคือสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์  คุณมีพระรูปเมื่อสมัยทรงพระเยาว์พอจะนำมาให้ชมกันได้ไหมคะ
ถ้าหากว่าเป็นทูลกระหม่อมวไลย  แต่งพระองค์แบบฝรั่งมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์  ไม่ไว้จุก ก็ไม่น่าจะมีงานโสกันต์
ยังไม่สามารถจะตรวจสอบได้ว่าเคยมีงานโสกันต์เจ้าฟ้าวไลยฯ หรือเปล่าค่ะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: Japonica ที่ 01 ก.ค. 06, 00:16
 มีพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ เมื่อปี 2439 ครับ

เมื่อสมเด็จฯเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ทรงมีพระชนม์ 12 ชันษา สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีโสกันต์ พระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนาม
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ และพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา

จากพงศาวดาร ร. 5


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 06, 08:32
 ถ้างั้น พระราชกุมารีที่ไม่ได้ไว้จุกในภาพ มีงานโสกันต์ได้ไหมคะ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ช้าง ที่ 02 ก.ค. 06, 22:08
 สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ หาข้อมูลแบบนี้มานานแล้วครับ ขอบพระคุณ คุณเทาชมพูเป็นอย่างสูง ขอรบกวนถามถึงหนังสืออ้างอิงยังมีขายอยู่ที่ใดหรือเปล่าครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ใบตองสด ที่ 04 ก.ค. 06, 16:23
 สวัสดีค่ะคุณเทาชมพู และทุกๆท่าน  ดิฉันก็ได้เห็นแต่ภาพนี้ที่แนบมาค่ะ เห็นในเวบไซท์ รู้สึกจะเป็น pantip   และเห็นที่โรงแรมคอนราด เมื่อเร็วๆ นี้ (ไม่มีภาพอื่นอีก)   ที่ดิฉันได้ทราบมาคือบอกว่าเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวไลยฯ  แต่ใช่หรือไม่อย่างไร ดิฉันไม่มีความรู้  เพราะอย่างนั้นจึงสงสัย เพราะท่านเป็นน้องเจ้าฟ้าวชิรุณหิศฯ  สงสัยจริงๆ เลย  หรือว่าท่านไม่ได้ไว้จุกเลย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: ใบตองสด ที่ 04 ก.ค. 06, 16:30
 ภาพไม่ไปค่ะ แต่คุณเทาชมพูก็ทราบแล้วว่าเป็นภาพใด


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 18 ก.ค. 06, 16:04
 เพิ่งมาใหม่ค่ะ อ่านพระประวัติแล้วจะร้องไห้หลายที โดยเฉพาะตอนที่ทรงรับสั่งรับรองกรมชัยนาทรว่าทรงยอมเป็นขอทาน ทำไมรัฐบาลถึงได้ทำกับท่านเช่นนี้หนอ แต่ก็ขอขอบคุณคุณเทาชมพูมากนะคะที่นำเรื่องของสมเด็จพระพันวัสสามาให้ได้อ่านกัน


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 06, 16:13
 ตอบคุณช้าง
หนังสืออ้างอิง เคยเห็นตามร้านหนังสือเก่าค่ะ  ยังพอมีเหลืออยู่ แต่ไม่ทราบว่ามีสนพ.ไหนพิมพ์ใหม่บ้างหรือเปล่า

ตอบคุณใบตองสด
ในภาพโปสเตอร์ที่โรงแรมคอนราดบรรยายว่าเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์   ประธานจัดงานนิทรรศการคือท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ  ท่านคงจะมีหลักฐานจากที่อื่นประกอบด้วยถึงได้ระบุไว้ชัดเจน
ดิฉันเคยเห็นพระฉายาลักษณ์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอดิศัยสุริยาภา  ตอนทรงพระเยาว์  ไว้พระเกศาแบบเดียวกัน  นุ่งกระโปรงแบบเด็กฝรั่ง แทบไม่ผิดกันเลย

ขอบคุณค่ะ คุณนางมารน้อย


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 12 ส.ค. 06, 11:10
 ขอบคุณครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: Scopian Kung ที่ 12 ส.ค. 06, 16:12
 เข้ามาอ่าน แล้วรู้สึกไม่ดีกับ จอมพล ป. ยังไงไม่ทราบ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: เจ๊กไทย ที่ 13 ส.ค. 06, 16:03
 คุณ Scopian Kung ครับ

รู้สึกไหมครับว่า ขณะนี้ ประวัติศาสตร์ กำลังจะซ้ำรอย ขอให้จับตาดูดี ๆ นะครับ มีคนคิดอย่าง จอมพล ป. ไม่ใช่น้อยเลยครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: violoncello ที่ 13 ส.ค. 06, 16:39
 ผมเป็นสมาชิกใหม่ครับ ขอบคุณคุณเทาชมพูแล้วท่านอื่นๆด้วยนะครับที่ช่วยเพิ่มเติมข้อมูล ผมอ่านแล้วสนุกแล้วได้ความรู้มากครับ แล้วผมจะคอยติดตามเรื่องอื่นๆอีกครับ


กระทู้: สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (๒)
เริ่มกระทู้โดย: StepMom ที่ 11 ก.ย. 06, 18:21

สมาชิกใหม่มาฝากเนื้อฝากตัวค่ะ
เดิมทีก็ไม่ค่อยชอบแนวคิดของ จอมพลท่านนี้ซักเท่าไหร่
ได้อ่านแล้วยิ่งรู้สึกว่า เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย น่าจะเป็น
เชื่อผู้นำ ชาติบรร..ซะมากกว่า