อาจเป็นของรับประทานเล่นก่อนที่อาจารย์เทาชมพูอาจจะเล่าถึงนิยายสมัยนั้น และนักเขียนเขียนนิยายยุคภาษาวิบัติอย่างไร ครับ
อย่างที่เล่าไว้ข้างบนนี้แล้วค่ะ ว่าภาษาวัธนธัมเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่ของนักเขียนในยุคสงครามโลก เพราะนอกจากอักขระที่ต้องสะกดกันใหม่เหมือนคนเขียนผิดทุกบรรทัดแล้ว สรรพนามก็เป็นอีกอย่างที่บั่นทอนความละเมียดละไมในภาษาพูดของพระเอกนางเอกลงไปไม่มีเหลือ
นักเขียนใหญ่บางคน ( น่าจะเป็นยาขอบ) ถึงกับเลิกเขียนเรื่องร่วมสมัยไปเลย เพราะทนไม่ได้ที่จะพระเอกสารภาพรักกับนางเอกว่า "ฉันรักท่านจ้ะ"
ส่วนกวีนั่นไม่ต้องพูด ถ้ายึดถือกันเคร่งครัด โคลงศรีปราชญ์ก็คงจะถูกพิมพ์ใหม่ จาก เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม ถึงพรหม เป็น ฉันร่ำน้ำเนตรถ้วม ถึงพรหม จากนั้น กวีก็จะแล้งแหล่งสยามไปเอง
อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอบอกให้คุณ SILA ใจชื้นขึ้นมาอีกนิดหนึ่งค่ะ ว่า ในด้านเพลงสุนทราภรณ์ ขุนพลเพลงอัจฉริยะอย่างครูแก้วและครูเอื้อ ก็ยังอุตส่าห์ผลิตงานสนองวัธนธัมขึ้นมาจนได้
ครูเอื้อไม่มีปัญหาเท่าไรหรอก เพราะจอมพลป.ท่านไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องทำนองเพลง ท่านไม่ชอบเพลงไทยเดิม แต่ถ้าดัดแปลงไทยเดิมเป็นไทยสากล -ท่านชอบ ดูเป็นเรื่องเกลียดตัวกินไข่อยู่บ้าง ถ้าจะมองกันไป
แต่เนื้อร้องที่ครูแก้วเขียนเป็นประจำนี่สิ ต้องยกนิ้วโป้งให้สองมือว่าท่านหาทางลุยของท่านเข้าไปจนได้
ขอยกเพลงมาให้เห็นชัดๆนะคะ ชื่อ "ภาษารัก"
คำร้อง แก้ว อัจริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
หนุ่มสาวเมื่อถึงคราวชื่นชู้
ต่างคนต่างรู้กัน รู้เท่าทันความนัย
ดวงตาแลดูก็รู้ดวงใจ
ความหมายสิ่งไรรู้ได้ที่ในแววตา
หากแม้กิริยานิ่งเฉย
แต่ตาเปิดเผยความ อ่านนัยตามภาษา
อันดวงตาก็คือสื่อหัวใจ มีอะไรระบายด้วยสายตา
แน่นอนหนักหนา เหมือนวาจารักใคร่
ท่อนข้างบนนี้ไม่เท่าไหร่ ไพเราะด้วยลีลาคำตามแบบครูแก้ว แต่ฉ็อทเด็ดอยู่ข้างล่าง
ท่านมอง
ฉันเพลินเนิ่นนาน ขอลาปวง
ท่านมินานเท่าใด
ตาเท่านั้นฝากไว้ใช้แทนดวงใจรักใคร่รำพัน
ท่านมอง
ฉันมองจ้องกัน
รู้เชิงกันมั่น รู้กันด้วยตา
เพลงนี้ นักร้องหญิงร้องคู่ คือคุณชวลี ช่วงวิทย์ กับคุณมัณฑนา โมรากุล
คนแต่ง ต้องใช้ ฉัน ท่าน ตามรัฐนิยมเปี๊ยบ