คงมีผู้มาวิจารณ์นักวิจารณ์อีกต่อหนึ่ง
วิจารณ์ว่า นักวิจารณ์ไม่ได้วิจารณ์เนื้อหา แต่ย่อความวิทยานิพนธ์นี้มาเขียนเกือบทั้งหมด
ชอบจริง ๆ ที่ท่านพูดตรง ๆ
งานวิชาการที่ดีนั้น คนอ่านอ่านแล้วต้องเข้าใจ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ คุณค่าก็ไม่เกิด เมื่อคุณค่าไม่เกิด งานชิ้นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ทางวิชการ
ถ้าคนที่เรียกตัวเองว่า "นักวิชาการ" ยังเข้าใจว่าการ "วิจารณ์" คือ "การย่อ" เรื่องก็เอวังด้วยประการฉะนี้
ผมเพิ่งเสร็จจากการทำรายงานของรัฐสภาชิ้นหนึ่งร่วมสองร้อยหน้าและต้องร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่และ "ผู้ใหญ่" ต้องขอบอกว่า "อึดอัดใจมาก" ที่ต้องบอกว่าอึดอัดเพราะผมคาดหว้งในคุณภาพการทำงานอย่างดีจากท่านที่กล่าว
แต่เมื่อทำงานจริง เจ้าหน้าที่ก็ทำงานแบบ "วิทยานิพนธ์ตัดปะ" ตัดปะไม่ว่ากันเพราะสมัยนี้มีคอมฯ แต่อย่างน้อยควรต้องอ่านทวนไม่ให้พลาด (เพราะจบนิติศาสตร์มาทั้งนั้น มิใช่ ม.๖ หรือ ปวช.) นี่คือเหตุที่ผมต้องรับมาทำใหม่หมดเอง เพราะขี้คร้านจะไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าต้องแก้ผิดถูกตรงไหน ตรงตัดตรงไหน ต้องเพิ่มตรงไหน
ส่วน "ผู้ใหญ่" ก็ไม่สมเป็นผู้ใหญ่ที่คาดหวัง เพราะแม้แต่ "บทสรุปผู้บริหาร" ท่านยังจะคัดลอกคำถาม คำตอบ ที่มีปรากฏอยู่ในเนื้อหาอยู่แล้วมาใส่ในบทสรุป กลายเป็นบทสรุปมีถึง ๑๙ หน้า
ผมจึงเข้าใจได้ว่า ทำไมเด็กไทย IQ จึงต่ำกว่าเด็กพม่า และสูงกว่าเขมรเล็กน้อย
ขอบ่นหน่อย เพราะที่ท่านเนวรัตน์เขียนสะกิดต่อมความรู้สึกของผมครับ