พิมพ์หน้านี้ - ภารตะนิยาย... ที่ปลายแหลมกุมารี

ผมไปอินเดียตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 08 แล้ว...
แต่ก็ไม่ได้เอารูปไปลงที่ไหนให้ใครดูซะที

พอดีมีคนทักเข้ามาหลายคนว่าลงรูปหน่อยเถอะ
เห็นผมพาเที่ยวเมืองไทยมาจนเบื่อแล้ว
ไปต่างประเทศซะบ้างก็ได้...

เลยขอเอาเรื่องเที่ยวอินเดียขึ้นมาเล่าบ้างนะครับ
เพราะความทรงจำดีๆ ของผมอยู่ในชุดภาพชุดนี้หลายรูปเลย

ปล. ที่ตั้งชื่อกระทู้นี้ว่า 'ภารตะนิยาย ที่ปลายแหลมกุมารี'
เนื่องจากอยากให้เกียรติ ศ. ดร. ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา
ผู้เป็นอีกแรงบันดาลใจหนึ่งให้ผมตัดสินใจเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ครับ

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1389.snc4/164119_178698305497542_100000721218208_434431_8239336_n.jpg)

การเดินทางครั้งนี้ของผม
เริ่มต้นขึ้นที่มหา'ลัยศิลปากร
ที่เพื่อนๆนัดกันมานั่งรถไปสนามบินสุวรรณภูมิ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1126.snc4/148840_169623123071727_100000721218208_375641_7205825_n.jpg)

พวกเรามาถึงสนามบินกัน
ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเล็กน้อย
ฟ้าสีสวยก็เลยยิ้มรับการเดินทางของพวกเราแต่แรก

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs566.ash2/148840_169623136405059_100000721218208_375645_6021748_n.jpg)

หลังจากสวาปามอาหารญี่ปุ่นไปชุดใหญ่แล้ว...
ผมก็ขอถ่ายรูปเล่นซะหน่อยนะคราบบบ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs566.ash2/148840_169623126405060_100000721218208_375642_7372661_n.jpg)

หลังอาหารญี่ปุ่นมื้อใหญ่...
ผมก็เดินเล่นถ่ายรูปซะหน่อย
รูปนี้ขออนุญาตตั้งชื่อว่า 'รักเมืองไทย ไม่ต้องแคร์สายตาใคร' ครับ
คนแต่รถเด็ดมาก!

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1137.snc4/149934_169624853071554_100000721218208_375648_3158359_n.jpg)

แล้วในที่สุด ก็ถึงเวลาเชคอิน
และเตรียมตัวรับกับ 'ความหฤหรรษ์' บนเครื่อง!

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1157.snc4/149934_169624856404887_100000721218208_375649_1481228_n.jpg)

ถ้าใครไม่เคยทราบมาก่อน
Indian airline เป็นสายการบิน
ที่มีแอร์โฮสต์เตทแก่ๆ เยอะที่สุดในโลก

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1137.snc4/149934_169624866404886_100000721218208_375652_5838386_n.jpg)

ป้าๆพวกนี้หน้าตาไม่ชวนชื่นใจเลยแม้แต่น้อย
เห็นแล้วนึกว่าแกคงเป็นคนขายโรตีแถวพาหุรัด
แถมบางทีต้องใส่แว่นตาเสิร์ฟอาหารอีกตะหาก!

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1142.snc4/148482_169701413063898_100000721218208_376176_999092_n.jpg)

เอาเถอะ อย่างน้อยอาหารก็ยังไม่แขกนัก
เพราะทำมาจากครัวการบินไทย!
เป็นบุญของติบอต่อไปอีก 1 มื้อ!!!

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs562.ash2/148482_169701419730564_100000721218208_376177_6599265_n.jpg)

ในที่สุด แอร์รุ่นคุณยายทั้งหลาย
ก็พาพวกเรามาส่งถึงที่หมาย
ที่สนามบิน 'เชนไน'

ที่นี่เป็นเมืองปลอดเหล้าครับ...
มีใครอยากดื่มไฮเนเก้นลังนี้ไหม ?

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs588.ash2/151017_169704709730235_100000721218208_376200_5455733_n.jpg)

อย่างแรกที่ทัวร์ที่นี่ต้อนรับเรา
คือ การเอามาลัยยาวๆมาคล้องคอเราที่สนามบิน
ก่อนจะต้อนพวกเราขึ้นรถบัสอีกทีนึง

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1168.snc4/151017_169704713063568_100000721218208_376201_1781548_n.jpg)

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs571.ash2/149302_169867163047323_100000721218208_377021_7787956_n.jpg)

มาลัยพวกนี้มีเรื่องน่าสังเกตในตัวของมันเองอยู่
เพราะมาลัยของอินเดียใต้เป็นมาลัยที่เป็นพวงด้วย
วิธีการ 'มัด' ดอกมะลิทีละดอกเข้ากับเส้นเชือกที่เป็นแกนมาลัย...

ถ้าดูจากกิจกรรมในวิถีชีวิตประจำวันแล้ว
มาลัยแบบอินเดียใต้ออกจะต้องใช้งานกันค่อนข้างสมบุกสมบัน
กว่ามาลัยแบบไทยอยู่มาก..

ทั้งเอาไว้มัดบนผม
หรือโยงประดับตามอาคารต่างๆ
(เหมือนลายประดับแบบสมัยก่อนเมืองพระนครน่ะแหละ)

ลองนึกดูว่าถ้าคนอินเดียหันไปใช้มาลัยร้อยด้วยเข็มอย่างเมืองไทย
มัดผม หรือแขวนประดับอาคาร
ทิ้งไว้ไม่ทันเหี่ยวดอกไม้ที่เริ่มเผละก็จะทรงตัวไม่อยู่
รูดลงมากองกันเป็นหย่อมๆเหมือนหางหนูขี้เรื้อนหมดงามไป...

เพราะฉะนั้นการกรองมาลัยด้วยการมัดดอกไม้ทีละดอก
เอาไว้กับเชือกจึงเหมาะกับการใช้งานแบบแขก
มากกว่าการเอาเข็มร้อยแบบไทยมาก....
ถึงมันจะไม่เนียนสวยเป็นระเบียบเหมือนร้อยด้วยเข็มแบบไทยก็เถอะ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1151.snc4/149302_169867166380656_100000721218208_377022_958846_n.jpg)

เอ๊า ถ่ายมาให้ดูอีกสักรูปครับ
จะได้เห็นกันชัดๆว่า 'ดอกกุหลาบ'
ก็ 'มัด' เข้าไปด้วยน่อ

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1131.snc4/149302_169867169713989_100000721218208_377023_2519582_n.jpg)

หลังจากหมดความสนใจในมาลัยแล้ว
ผมก็เริ่มสำรวจเส้นทางที่รถผ่านไป...

ป้ายอันนี้แปะอยู่หน้าโบสถ์คริสต์
ประจำเมืองเชนไนครับ... แรงเอาเรื่อง

วิถีชีวิตของคนอินเดีย
ยังผูกพันอยู่กับศาสนามากครับ
ลองดูตัวอย่างโมเสกประดับอาคารอันนี้ดูได้....

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1151.snc4/149302_169867173047322_100000721218208_377024_5293205_n.jpg)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs571.ash2/149302_169867176380655_100000721218208_377025_3111093_n.jpg)

ถึงถนนหนทางบ้านเมืองจะไม่ได้เจริญมากซักเท่าไหร่
แต่ถ้าใครนึกอยากจะเที่ยวอินเดียให้สนุก
ขอให้มองข้ามรายละเอียดเล็กๆพวกนั้นไป

แล้วเราจะมีความสุขในการ 'รู้จักแขก' ขึ้นอีกเยอะเลยครับ

(http://sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs590.ash2/154216_169873813046658_100000721218208_377032_8252400_n.jpg)

ของอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้ได้ว่า 'นี่คืออินเดีย'
คือ การได้เห็นสาวทั้งเอวบางร่างน้อยหรือหุ่นอวบนุ่งห่มส่าหรีสีสดใส
เดินกันขวักไขว่เหมือนนกแก้วมาร์คอว์ยักษ์สาระพัดสีอยู่เต็มถนน

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1190.snc4/154216_169873826379990_100000721218208_377036_3510308_n.jpg)

ในที่สุดรถก็มาถึงโรงแรมที่พวกเราพัก
ปล่อยให้เราจัดกระเป๋าเข้าที่เข้าทางกันสักครู่...
แล้วก็ถึงเวลาอาหาร

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/hs590.ash2/154216_169873816379991_100000721218208_377033_3876367_n.jpg)

มื้อแรกเป็นอาหารแขกปนฝรั่งนิดๆ
เป็นอันว่าผมยังโชคดีไปสำหรับมื้อนี้
(ที่ไม่ต้องกินแป้งย่างจิ้มแกงถั่ว)

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1221.snc4/155393_170122989688407_100000721218208_378498_5092306_n.jpg)

หลังอาหารกลางวัน
พวกเรามีเวลาพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยนิดหน่อย

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/hs1221.snc4/155393_170122993021740_100000721218208_378499_1696752_n.jpg)

ก่อนจะต้องออกมาขึ้นรถทัวร์
เพื่อไปทัศนาจรกัน!

ถนนที่นี่ทำให้ผมนึกถึงพม่ายังไงก็ไม่รู้.. เหอๆ

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155393_170122996355073_100000721218208_378500_7101091_n.jpg)

ก่อนจะขึ้นรถ...
พวกเราขอแวะทักทายเจ้า
'เพนกวิ้นหลอกหลอน'
ตัวนี้ซะหน่อย...

แน่ล่ะครับมันเป็นถังขยะ

แต่ฝันไปเถอะว่า 'แขก' จะใช้...
ขนาด 'ห้องน้ำ' มีให้พี่แขกยังไม่ใช้เลย
แล้วประสาอะไรกับถังขยะ!!!

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/155393_170122999688406_100000721218208_378501_2985507_n.jpg)

ทั่วทั้งเมืองก็เลยมี 'น้องแพะซกมก' พวกนี้
ออกมาเดินกินเศษขยะไปทั่ว...

บางทีก็เผลอลุกลามเข้าไปกิน 'เสื้อผ้า'
ที่เจ้าของเผลอตากไว้

หรือไม่ก็แวะชิม 'หนังสือ'
หน้าร้านขายหนังสือเก่าก็มี..
อะไรมันจะขนาดนั้น!!!

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155393_170123003021739_100000721218208_378502_2629451_n.jpg)

ในที่สุด พวกเราก็มาถึงเทวาลัยกลุ่มแรก
ที่คนเรียน 'เซอร์เนะ' ต้องรู้จัก

แต่คนมามาวลีปุรัมก็ควรจะต้องรู้จักเหมือนกัน...
ที่นี่ชื่อ 'ปัญจรถะ' ครับ แปลว่า 'หมู่เทวลาลัย 5 หลัง'
เป็นเทวาลัยสมัยปัลลวะ
สร้างขึ้นเมื่อราวๆ 1,400 ปีที่แล้ว เห็นจะได้...

มาทำความรู้จักกับอาคารสมัยปัลลวะกันทีละทรงดีกว่าครับ

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/47645_170197889680917_100000721218208_379047_570660_n.jpg)

หลังแรก เรียกว่าทรง 'คชปฤศถ'
หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า 'หลังช้าง'
เพราะมีทางเข้าจากด้านหน้าทางเดียว
ส่วนตอนปลายเป็นโดมเหมือนตูดช้าง (ตัวข้างๆ)

เป็นอาคารทรงพิเศษที่ทำให้รู้ว่าอินเดียใต้กับเหนือ
มีปฏิสัมพันธ์กันมากแล้วสมัยที่สร้างเทวาลัยหลังนี้...
เพราะเป็นผังที่นิยมสร้างวัดถ้ำในอินเดียเหนือ

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/47645_170197893014250_100000721218208_379048_4308320_n.jpg)

ส่วนอีก 4 หลังไล่จากซ้ายไปขวา คือ ทรง กูฏะ (ลอมฟาง)
วิมาน (สี่เหลี่ยมจตุรัส)
ศาลา (สี่เหลี่ยมผืนผ้า)
และ วิมาน 2 ชั้น (ชั้น 2 ใช้ได้จริง แต่ยังสลักไม่เสร็จ) ครับ

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/47645_170197896347583_100000721218208_379049_6901781_n.jpg)

ที่จริงจะว่าไป 'กูฏะ' ก็ใช้รากเดียวกับคำว่า 'กุฏ' น่ะแหละ
แต่แรกอาจจะมุงด้วยฟาง หรือใบไม้ก็ได้
พอมาทำเทวาลัยหินก็เลยสลักเป็นแบบนี้แทน...

ที่พิเศษมาก คือ เทวาลัยที่นี่ทุกหลังสร้างจาก 'หินก้อนเดียว'
แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมทมิฬที่มาวลีปุรัม
สัมพันธ์กับวัฒนธรรม Pandukal ในสมัยก่อนหน้า
ที่นิยมสร้างที่ฝังศพเป็นแท่ง หรือแผ่นหินขนาดใหญ่ (Megalith) แบบอินเดียใต้

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/47645_170197899680916_100000721218208_379050_4813067_n.jpg)

ส่วนซุ้มมกรคายวงโค้งหันหน้าเข้าหากัน มีคนขี่แบบนี้
หน้าตาคล้ายๆที่เจอะเจอกันบ่อยๆในศิลปะสมัยก่อนเมืองพระนครยุคไหน...
ไม่บอกละกัน ไว้ไปดูที่เขมรเองนะคราบ....

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/47645_170197903014249_100000721218208_379051_6310012_n.jpg)

พระเทวีองค์นี้กับบริวาร ก็สลักจากหินก้อนเดียวกับที่สร้างเทวาลัยน่ะแหละ
ที่ออกจะเห็นชัดอยู่หน่อย คือ อกพระเทวีคาดด้วยผ้าแคบๆ...
แปลว่ากำลังวีนอยู่ น่าจะเป็นพระทุรคา (หรือเปล่า ?) เราก็ไม่ค่อยแน่ใจแฮะ

อยากให้ลองดูว่าตาคนที่นั่งอยู่ข้างล่างฝั่งซ้ายพระเทวี
กำลัง 'เชือดคอตัวเองถวาย' พระเทวีอยู่... ทารุณสุดริด!!!

เอาตาคนนี้ที่ 'เชือดคอตัวเองถวาย' มาให้ดูกันอีกรอบ... น่ากลัวมากมาย

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/68555_171042339596472_100000721218208_384421_7526453_n.jpg)

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156367_171042419596464_100000721218208_384424_7692174_n.jpg)

เทวดาในเทวโกษฐ์องค์นี้
น่าจะเป็นพระอินทร์หรือเปล่าหว่า ?

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155124_171042459596460_100000721218208_384425_6956926_n.jpg)

นี่น่าจะพระกฤษณะ มากับวัวน้อยน่ารัก มี 4 มือด้วย

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/69753_171042499596456_100000721218208_384426_6503040_n.jpg)

องค์นี้ 4 หน้า น่าจะเป็นพระพรหม

คุณ VeshinaH มาถูกทางแล้วนะครับ

ถ้าผมอธิบายเพิ่ม ว่า ในงานออกแบบ
พระพรหมมักทรงเครื่องนักบวชเสมอ
ส่วนพระวิษณุของคุณกำลังทรงเครื่องนักบวชอยู่
แบบนี้พอจะร้องอ๋อ ได้หรือยังเอ่ย ?

ปล. องค์ของผมศิลปะปัลลวะตอนต้น
ส่วนของคุณศิลปะปัลลวะตอนปลาย-โจฬะตอนต้น
เวลาห่างกันสาม หรือสี่ร้อยปีเห็นจะได้...

ลองสังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ที่ต่างกันตามแต่ละสมัยดูนะครับ

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/162926_171042532929786_100000721218208_384427_6948116_n.jpg)

องค์นี้ถือขวาน น่าจะปรศุราม

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/65735_171042302929809_100000721218208_384420_6314377_n.jpg)

ส่วนที่ดูไม่ออกแบบนี้
ผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกันครับ
ว่าจะเป็นรูปใคร...

เดาว่าเป็นรูป 'เมถุน' ไปก่อนแล้วกันนะครับ

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/65439_171042386263134_100000721218208_384423_6560553_n.jpg)

แต่ถึงจะดูรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง....
ยังไงพวกเราก็สนุกกับการระรัวชัตเตอร์ใส่เทวสถานอยู่ดีล่ะครับ

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154653_171290252905014_100000721218208_386018_5017714_n.jpg)

ถัดจากปัญจรถะ เทวาลัยหลังต่อมา
ที่พวกเราเดินทางไปกันในวันนี้อยู่ริมทะเล
ก็เลยถูกเรียกว่า 'เทวาลัยริมทะเล'
หรือ 'Shore Temple' ในภาษาอังกฤษ

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/74624_171290286238344_100000721218208_386019_1720013_n.jpg)

ที่นี่เป็นปราสาทสมัยปัลลวะตอนปลาย
ที่เริมใช้หินหลายก้อนมาก่อซ้อนกันแล้ว
ไม่เหมือน 'ปัญจรถะ' สมัยปัลลวะตอนต้น
ที่เทวาลัยแต่ละหลังสลักขึ้นจากหินก้อนเดียวโดดๆ

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/69700_171290319571674_100000721218208_386020_5230941_n.jpg)

ทางรัฐบาลอินเดียก็เลยกั้นเทวาลัยหลังนี้
ออกจากชายหาดที่อยู่ข้างๆ + ปรับพื้นใหม่สูงพอดูเหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นก็อาจจะทรุดลงทะเลไปแล้ว

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/162886_171290216238351_100000721218208_386017_6653622_n.jpg)

ถึงเทวาลัยที่นี่จะหลังไม่ได้ใหญ่โตอะไร...
แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่สำคัญที่สุดที่หนึ่งของโลกเลยล่ะครับ....

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/155700_171294116237961_100000721218208_386087_357496_n.jpg)

พวกเราเดินเล่น ถ่ายรูปกันสักพัก
เพราะวิธีการออกแบบสถานที่ที่นี่
และลายประดับเทวาลัยก็สวยอยู่ไม่น้อย

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154318_171294179571288_100000721218208_386088_5873671_n.jpg)

ลายกนกแบบนี้อาจจะดูคุ้นหน้าคุ้นตา
ในศิลปะขอมสมันก่อนเมืองพระนคร
หรือศิลปะทวารวดี...

แต่ถ้าสังเกตให้ดี...
ลายสลักหินที่เห็นอยู่นี่เป็นแค่ 'โกลนใน' ของเทวาลัยครับ
เพราะเทวาลัยจริงถูกเนื้อปูนบางๆสีขาวฉาบเอาไว้อีกทีหนึ่ง

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154659_171294312904608_100000721218208_386089_7503590_n.jpg)

น้องสิงห์ตัวนี้เป็นผู้ชาย...

ส่วนศิวลึงค์อันใหญ่นี่ของสมัยหลัง
(ที่โดนคนสมัยหลังกว่ามาทุบให้หักเสียแล้ว)

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/39436_171294086237964_100000721218208_386086_1528558_n.jpg)

แล้วในที่สุด เวลาของพวกเราก็หมดลง...
บ๋ายบายนะครับ เทวาลัยริมทะเล

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/156853_171340056233367_100000721218208_386322_5435206_n.jpg)

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156681_171397022894337_100000721218208_386482_5234187_n.jpg)

เช้าวันรุ่งขึ้นผมออกไปเดินเล่นดูเมืองกันเล่นๆ...

สภาพเมืองที่นี่เห็นแล้วนึกถึงทั้งพม่า
ทั้งเวียงจันทน์ หรือถ้าจะพูดให้ถูก
หลายๆจังหวัดในเมืองไทย
ที่คนจีนอยู่กันน้อยหน่อยก็คล้ายๆแบบนี้...

แต่ถนนหนทางเขายังไม่ดีเท่าบ้านเรา
และคนก็ค่อนข้างไม่แคร์กับการใช้ถนนสักเท่าไหร่

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163014_171397052894334_100000721218208_386483_3484386_n.jpg)

ละแวกนี้มีเทวาลัยเก่าๆซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมดเลย

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155000_171397092894330_100000721218208_386484_3853627_n.jpg)

ในที่สุด.... พวกเราก็เดินมาเจอะเทวาลัยหลังแรก...
ที่นี่อายุคงหลายร้อยปีได้อยู่....

แต่ดูเหมือนว่าอายุจะไม่น่ามหัศจรรย์เท่า
'ป้ายห้ามทิ้งขยะ' บนถนนเกลือนขยะในเมืองนะนั่น!!!

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/150888_171396969561009_100000721218208_386481_8300169_n.jpg)

ผมเลยขอถ่ายรูปหินแกรนิตสลักซะหน่อย...
โดยส่วนตัวแอบชอบลายกนกสามเหลี่ยม
ที่ช่างเอามาแทรกไว้ระหว่างวงก้านขดมากครับ
เพราะรู้สึกว่าเขาแตกลายได้ดี...

แต่พอเอารูปลง facebook แล้วต้องย่อภาพ
เลยเห็นไม่ชัดเลย ขอโทษด้วยนะครับ

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/68525_171541266213246_100000721218208_386928_2748853_n.jpg)

เดินต่อมาอีกซักพัก พวกเราก็มาถึง
'สระประจำเมือง' ของเมืองมาวลีปุรัม

ที่นี่เป็นสระรูปสี่เหลี่ยม
มีเทวาลัยทรงศาลายอดตัดขนาดเล็กๆอยู่กลางสระ
ข้างในมีเทวรูปอยู่ 1 องค์
แต่ผมไม่ได้หาต่อไปว่าเป็นเทพองค์ไหน

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/69584_171541309546575_100000721218208_386929_1765856_n.jpg)

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/163218_171541219546584_100000721218208_386927_2102741_n.jpg)

ที่ออกจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เพราะถ้าเป็นเมืองไทย
ที่นี่คงมีเจว็ดไม้ปักเอาให้คนไหว้...

แต่เผอิญที่นี่เป็นอินเดียครับ
เจว็ดเลยเป็น 'เจว็ดหินแกรนิต'!!!
มีใครเห็นเสมาสมัยทวารวดีเหมือนผมไหมครับ ?

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/63627_171548139545892_100000721218208_387011_1677057_n.jpg)

จากละแวกสระ เราเห็น 'แขก' ตัวดำกลุ่มใหญ่
เดินกันเป็นขบวนไปบนถนน...
แต่ละคนนุ่งโสร่ง ห่มผ้าห่มกัน...

เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงผ้าชนเผ่า
ที่ชอบทอผ้าห่มกันสวยงาม...

ผมเลยลองเดินตามพวกเขาไป

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163221_171548219545884_100000721218208_387012_147130_n.jpg)

ในที่สุดถนนสายน้อยหน้าสระศักดิ์สิทธิ์
ก็พาผมมาถึงถนนสายใหญ่

ถึงคุณ VesinaH
ผมตอบความเห็นคุณทางข้อความแล้วนะครับ

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/151019_171548099545896_100000721218208_387010_2386019_n.jpg)

แวะทักทายกับเจ้า 'แพะซกมก'
ที่ตะกละอยากขึ้นไปกินใบไม้บนต้นไม้
ตัวนี้ซะหน่อย

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/65749_171641876203185_100000721218208_387506_1048035_n.jpg)

ในที่สุด ถนนก็พาพวกเรา
มาถึงหาดทรายยาวสุดลูกหูลูกตา
ที่ตั้งอยู่ริมเนินทราย (Sand dune) ขนาดมหึมา...

เช้านี้พี่แขกเขามาชุมนุมกันวันหยุด
เลยมีตลาดนัดเล็กๆที่นี่ด้วย

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/63481_171641956203177_100000721218208_387507_5534766_n.jpg)

หาดที่ว่าก็อยู่ข้าง shore temple
ที่มาเมื่อวานน่ะแหละครับ

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/154184_171641792869860_100000721218208_387505_4201530_n.jpg)

ไหนๆมาถึง shore temple แล้ว...
พวกเราก็ขอไปดู 'หิน' ก้อนหนึ่ง
ที่อยู่ใกล้ๆเทวาลัยหน่อยนะครับ

(ก้อนมุมซ้ายในภาพน่ะแหละครับ)

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155055_171904162843623_100000721218208_388983_2808596_n.jpg)

พอเข้าไปดูใกล้ๆ
ถึงได้เห็นว่าหินก้อนนี้สลักเป็นภาพพระแม่บรรพตี
อยู่ในช่องที่เจาะลึกเข้าไปในก้อนหิน

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155378_171904199510286_100000721218208_388984_1697241_n.jpg)

อีกฝั่งหนึ่งสลักเป็นรูปเสือฆ่าควาย..
น่าจะแปลว่า 'มหิงสาสูรมรรธินี'
(พระอุมาปางฆ่าอสูรควาย)
ที่คนแถวนี้นิยมบูชากัน

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156630_171904106176962_100000721218208_388982_1806409_n.jpg)

แต่ถ้าลองมองในอีกมุมหนึ่ง
จากบนฐานของหินก้อนโตนี้
เรามองเห็นอ่าวของเมืองที่อยู่ไกลออกไป...

มีเรือลำน้อยใหญ่จอดรายเรียงไปตามสันทรายในแนวน้ำลด...

ลองนึกเล่นๆดูว่า เมื่อพันปีที่แล้ว
ตอนเทวาลัยริมทะเลถูกสร้างขึ้น
พื้นที่ละแวกนี้คงไม่ได้ต่างจากทุกวันนี้เท่าไหร่...

ที่นี่คงจะเป็นทั้ง landmark
ของนักเดินทางในยามกลางวัน
และประภาคารในยามกลางคืน

เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของญาติและมิตร
ที่จะคอยสวดภาวนาให้เหล่านักแสวงโชค
ที่ออกเรือจากอ่าวใหญ่ของเมือง
ให้เดินทางกลับมายังอ้อมกอดของมาตุภูมิ
ได้อย่างปลอดภัยในวันหนึ่งข้างหน้า....

ฝันกลางวันอีกละผม เหอๆ

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/156834_172086132825426_100000721218208_389913_480784_n.jpg)

ในที่สุดก็หมดเวลาสำหรับเช้านี้...
พวกเราต้องกลับโรงแรมไปกินข้าวเช้า
และออกเดินทางต่อไป

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/154163_172085959492110_100000721218208_389908_7033995_n.jpg)

โปรแกรมสำหรับวันนี้ คือ
ออกเดินทางไปดูกลุ่มเทวาลัย
ที่เขาศักดิ์สิทธิ์ในมาวลีปุรัมกัน...

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/150808_172243416143031_100000721218208_390974_4265067_n.jpg)

ถ้ำแรกที่พวกเราจะดูกันเช้านี้
เป็นถ้าdฤษณะยกเขาโควรรธณะ
สร้างในสมัยปัลลวะตอนต้น...

แต่ก่อนจะเข้าไปดูกัน....
ก็แวะทักเจ้าแพะขี้เซาตัวนี้ซะหน่อย

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154195_172243462809693_100000721218208_390975_8014552_n.jpg)

ที่นี่พระกฤษณะกับนางโคปี
หนีมาหลบฝนกันพันกว่าปีแล้ว!!!

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155869_172243352809704_100000721218208_390972_3171393_n.jpg)

ส่วนตาคนนี้ก็รีดนมวัวมาตั้งพันกว่าปีแล้วอีกเหมือนกัน...
ไม่เสร็จซะทีเนาะ

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154144_172330959467610_100000721218208_391511_1737109_n.jpg)

สฟิงกส์ตัวนี้ก็นอนหมอบอยู่ในถ้ำ
มาพันกว่าปีแล้วเหมือนกัน!!!

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/65721_172331016134271_100000721218208_391512_2746280_n.jpg)

แต่เสาต้นนี้เป็นของซ่อมใหม่สมัยหลัง...
นักบุญที่ขี่สิงห์องค์นี้ชื่ออะไร ใครก็ได้ บอกผมที!!!

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/47659_172330906134282_100000721218208_391510_3943967_n.jpg)

หลังจากถ้ำกฤษณะยกเขาโควรรธณะแล้ว
ที่ถัดไปที่พวกเราไปดูกันก็คือหินก้อนใหญ่
ที่สลักรูป 'การเสด็จลงของพระแม่คงคา'

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/154690_172387442795295_100000721218208_391805_4694058_n.jpg)

เอารายละเอียดมาให้ดูกันใกล้ๆครับ...
แมวน้อยตัวนี้เล่นเป็นนักบวช
เพื่อหลอกให้หนูๆทั้งหลายเข้ามาหา... แล้วจับกิน

ยังกะผู้ชายหื่นกามที่ไปบวชเป็นพระ
แล้วล่อหลอกสีกามาให้จับนมเล่นซะงั้นอ่ะ!

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/162762_172387536128619_100000721218208_391806_7435887_n.jpg)

ส่วนตาคนนี้เป็นกษัตริย์ที่ออกบำเพ็ญพรตเป็นนักบวช
ชื่อพระภาคีรถ ถ้าใครอยากรู้ว่าประวัติเป็นยังไง
ขอให้หาอ่านจาก อ.ศักดิ์ศรี ดูเองนะครับ

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/58029_172387369461969_100000721218208_391804_5313470_n.jpg)

เทวดาเหาะที่นี่ยังเหมือนศิลปะอมราวดีอยู่เลย...
สุดยอด!!!

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/155060_172485832785456_100000721218208_392528_800324_n.jpg)

ถ้าลองมองดูดีๆ
ในหินสลักบนหน้าผาที่นี่
มีอะไรอีกเยอะแยะเลย...

อย่างเจ้า 'ลูกช้าง' พวกนี้

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/154363_172485879452118_100000721218208_392529_5111852_n.jpg)

หรือเจ้าลิง 2 ตัวนี่....
พันกว่าปีนี่มันไม่เหนื่อยบ้างเรอะ ??

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156718_172485779452128_100000721218208_392527_2366019_n.jpg)

จากหน้าผาใหญ่ พวกเราเดินขึ้นเขากันต่อไป
เพื่อไปดูกลุ่มเทวาลัยบนเขาเหนือหน้าผา...

หินก้อนนี้ชื่อ 'เนยของพระอรชุน'
ผมเข้าใจว่าเป็นศิวลึงค์ธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง...

พอเห็นแล้วก็นึกถึงหินแบบนี้อีกหลายก้อนในละแวกบ้านเรา
ที่ถูกนับถือเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ไป...

แถมบางที่มีคนเอาเจดีย์ไปสร้างทับไว้อีกตะหากนิ!!

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/162687_172716992762340_100000721218208_393969_4286181_n.jpg)

เราแอบจ๊ะเอ๋กับเจ้าแพะขี้เซาพวกนี้อีกซักหน่อย

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163177_172717039429002_100000721218208_393970_6510435_n.jpg)

แล้วก็เดิน 'ขึ้นเขา' ต่อไป

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/36258_172716969429009_100000721218208_393968_5001103_n.jpg)

ถ้ำแห่งถัดไปที่พวกเราจะไปดูกันอยู่หลังหลับเขานี่ออกไปคราบ...

ปล. นึกถึงภูพระบาทยังไงไม่รู้แฮะ!!!

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163131_172797779420928_100000721218208_394340_6807541_n.jpg)

ในที่สุดก็ถึง... ถ้ำตรีมูรติ
ที่นี่มีเทวาลัย 3 หลังเล็กๆ
ที่สลักเข้าไปในหน้าผา
เป็นของพระศิวะ พระพรหม และพระวิษณุ

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156999_172797726087600_100000721218208_394339_1291322_n.jpg)

องค์นี้พระวิษณุครับ
องค์นี้ทรงยัชโญปวีตลูกประคำ
แบบ 2 สายตัดกันด้วยล่ะ เหอะๆ...

พวกที่คิดว่าสังวาลมาจากเชือกกันดาบน่ะ
กรุณากลับไปแก้ทฤษฎีซะ!!!

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/164058_172797839420922_100000721218208_394341_5912322_n.jpg)

และแอบมีบัญชรสลักรูปพระมหิงสาสูรมรรธินียืนเหยียบหัวควายอยู่ข้างๆ

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155837_172982742735765_100000721218208_395295_2750566_n.jpg)

ถ้าใครคุ้นกับศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครอยู่บ้าง
อาจจะพอเห็นอะไรในวงกรอบซุ้มอันนี้ได้...

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/164163_172982792735760_100000721218208_395297_2039408_n.jpg)

แล้วใครที่เคยไปจุลปโทนมา
ก็อาจจะเห็นอะไรในทวารบาลองค์นี้ได้เหมือนกัน...

ทุกคนก็เลยถ่ายรูปกัน... อย่างบ้าคลั่ง!

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/162651_172982826069090_100000721218208_395298_1733132_n.jpg)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/155655_173079146059458_100000721218208_395769_6023609_n.jpg)

งั้น.... ผมขอถ่ายสระศักดิ์สิทธิ์นี่หน่อยดีกว่า...
เห็นแล้วนึกถึงถ้ำศาสนสถานหลายๆที่ในภาคใต้จัง

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/164825_173079232726116_100000721218208_395770_1645834_n.jpg)

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/163419_173079026059470_100000721218208_395768_4172237_n.jpg)

ส่วนรอยพวกนี้... รอยอะไรน๊อ
มีอยู่ตั้งหลายที่แหนะ...
ใครรู้ช่วยมาอธิบายให้ฟังหน่อยนะคราบบบ

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/72032_173201479380558_100000721218208_396355_6632495_n.jpg)

เทวาลัยหลังถัดไปที่พวกเราจะไปชมกัน
คือ เทวาลัยพระคเณศร์หลังนี้

ที่นี่เป็นเทวาลัยสมัยปัลลวะอีกหลังหนึ่ง
ที่สร้างจากหินเพียงก้อนเดียว
เหมือนเทวาลัยในชุดปัญจรถะ

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163065_173201542713885_100000721218208_396356_1009509_n.jpg)

องค์เทวาลัยสร้างเป็นทรง 'ศาลา'
หมายความว่าเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว
มีจั่ว 2 ด้าน แต่เข้าจากทางด้านแป
ไม่ใช่ด้านสะกัดแบบที่คนไทยทั่วไปคุ้นเคย

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/166371_173201576047215_100000721218208_396357_6542790_n.jpg)

ที่ด้านหน้าเทวาลัยมีเสารองด้วยสิงห์อยู่
ถ้าสังเกตดูระเบียบในการเรียงลำดับส่วนประกอบเสา
จะเห็นว่าส่วนของทวยรับคานยังอยู่เหนือบัวหัวเสาทรงผ้าโพกหัวแขกอยู่...

ชุดความคิดแบบนี้ก็พบในศิลปะทวารวดีเหมือนกันน่อ...

เสียดาย เรือนไทยไม่ใช่ fakebook
ผมเลยกด lick เอ๊ย like ให้คุณธีร์ไม่ได้
ขอบคุณที่เสนอคำตอบครับ
น่าจะมีแต่คนเห็นด้วย (ผมด้วยนะ)
เพราะหลายวันผ่านไปก็ยังไม่เห็นมีใครคัดค้านเนาะ

เล่าต่อดีกว่า

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/58076_173298046037568_100000721218208_396799_1225194_n.jpg)

ที่นี่ข้างในยังมีองค์คเณศร์ประดิษฐานอยู่
เลยมีพราหมณ์เฝ้าด้วย

ถ้ำถัดไปสำหรับวันนี้ เคยมีอาคารเครื่องไม้อยู่ด้านหน้า
แต่ตอนนี้มันผ่านมาพันกว่าปี เลยเหลือแต่ฐานซะละ
ชื่อปัจจุบัน คือ 'ถ้ำวราหวตาร'

เพราะด้านในมีประติมากรรมนูนสูง
รูปวราหวตารกำลังอุ้มนางธรณีขึ้นจากบาดาล
(ตอนถูกหิรันตยากษยักษ์ฉุดลงไปอยู่)

ด้วยเหตุนี้ นางภูมี (แปลว่าแผ่นดิน-เพศหญิง)
จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า 'ธรณี' แปลว่า 'นางผู้ถูกพระเป็นเจ้ารั้งเอาไว้'

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/36250_173298076037565_100000721218208_396800_76124_n.jpg)

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/156735_173297976037575_100000721218208_396798_4004313_n.jpg)

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163669_173551979345508_100000721218208_398142_5489032_n.jpg)

ลองซูมดูใกล้ๆ... ท่าอุ้ม sexy มากมาย
ทำไมผมนึกถึงหนังแผ่นก็ไม่รู้... เหอๆ

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/58022_173552079345498_100000721218208_398143_3084124_n.jpg)

รูปนี้คชลักษมี ช้างสมัยปัลลวะโดนตัดปลายงาด้วยแฮะ

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/166146_173551902678849_100000721218208_398141_6678291_n.jpg)

ส่วนรูปนี้ พระวิษณุตรีวิกรม (วามนาวตาร) ครับผม

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163069_173918549308851_100000721218208_400450_5960097_n.jpg)

แต่ของที่น่าตื่นตาที่สุดอย่างหนึ่งในเทวาลัยที่นี่
คงหนีไม่พ้น 'ดาวเพดาน' สมัยปัลลวะ...
ที่เป็นลายดอกกลมสลับสี่เหลี่ยม!!!

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/63403_173681665999206_100000721218208_398963_3754307_n.jpg)

ในที่สุดก็ถึงเวลาออกจากเทวาลัย
แต่ก่อนจะไปไหนผมขอถ่ายรูปตรงนี้ก่อน....
มีใครเดาได้ไหมครับว่ามันคือ 'อะไร' ?

(ไม่มีคนตอบผมไม่เฉลยนะครับ ข้อนี้)

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/156988_173681569332549_100000721218208_398961_2504901_n.jpg)

พวกเราเดินผ่านชะโงกโตรกเขากันมาอีกสักพักหนึ่ง

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/156302_173918692642170_100000721218208_400451_7506521_n.jpg)

ในที่สุดพวกเราก็มาถึงเทวาลัยบนยอดเขา
ที่นี่ยังสร้างไม่เสร็จก็ถูกปล่อยให้ร้างไปซะก่อน
(เหมือนวัดอีกหลายแห่งแถวๆนี้)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156608_173918512642188_100000721218208_400449_3581553_n.jpg)

เสากลุ่มนี้น่าจะถูกใจคนชอบศิลปะอินเดีย
เพราะเป็นเสาแบบวิชัยนคร
ที่ออกแบบให้เสามีความหมาย =
อาคารจำลองซ้อนชั้นกันขึ้นไป...

ใครว่า 'คอนโดมิเนียม' ไม่ใช่ความฝันของมนุษยชาติ ฮึ!!

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/33833_174161705951202_100000721218208_401706_3138968_n.jpg)

แล้วเวลาของเทวาลัยสมัยวิชัยนครบนยอดเขาก็หมดลง...
พวกเราเลยต้องเดินต่อไปชมเทวาลัยอื่นๆอีก

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/69719_174161759284530_100000721218208_401707_7920950_n.jpg)

หลังนี้คงมีโครงการ (สมัยปัลลวะ) จะสลักเป็นถ้ำ
แต่ถูกพับไปซะก่อน (เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว)
เลยเหลือแต่โครงด้านนอกแบบนี้

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/68235_174161645951208_100000721218208_401704_3202385_n.jpg)

จุดหมายแห่งถัดไปของเราเป็นถ้าศักดิสิทธิ์เก่า
สมัยปัลลวะตอนปลายที่เชิงผา
อยู่คู่กับเทวาลัยสมัยวิชัยนครที่ยอดผา

ที่ตีนผาก็เลยมีบันไดเก่าอายุไม่น่าจะน้อยกว่า 700 หรือ 800 ปีให้ไต่ขึ้นไปดู....

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/63430_174584279242278_100000721218208_404301_2259302_n.jpg)

ถ้ำที่พวกเรามาดู ชื่อ 'ถ้ำรามานุชะ'
เป็นถ้ำสมัยปัลลวะที่มีการใช้พื้นที่ต่อมา

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/165037_174584392575600_100000721218208_404305_4812745_n.jpg)

ที่น่าแปลกสำหรับที่นี่ คือ
มีรอยภาพประติมากรรมที่ถูกลบอยู่เต็มไปหมด
และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นลายเส้นจารบางๆ รูปสังข์อยู่ด้วย...

ที่เป็นแบบนี้เพราะเดิมถ้ำเป็นถ้ำในไศวะนิกาย
พอถูกเปลี่ยนให้เป็นไวษณพนิกาย
ประติมากรรมในถ้ำก็เลยถูกทำลายทิ้งให้หมด!!!
แล้วก็สลักรูปสังข์ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระวิษณุไว้แทน

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/156610_174584152575624_100000721218208_404296_1325808_n.jpg)

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/162705_175149779185728_100000721218208_408065_2437588_n.jpg)

แต่ถึงจะไม่มีประติมากรรมเหลืออยู่แล้ว...
ที่นี่ก็ยังมีลายสลักที่ขื่อปลอม
เป็นรูปคนแคระตัวตุ้ยนุ้ย
กำลังแบกพวงมาลัยให้เราดูอยู่เยอะแยะเลย

อ่อ... ภาพนี้เป็นปริศนาธรรมนะครับ
สอนพวกเราว่า 'ใครไม่อยากขึ้นคาน
กรุณาอย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ตุ้ยนุ้ย' โอเคมะ ?

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/162889_175149622519077_100000721218208_408062_3440454_n.jpg)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/33802_176839175683455_100000721218208_421148_2969583_n.jpg)

หลังจากแสลงใจ (กับรูปคนแคระขึ้นคาน) กันแล้ว...
พวกเราก็ลงบันไดอายุเกือบๆพันปี
แล้วก็เดินขึ้นทางลาดสมัยปัลลวะ
เพื่อไปดูถ้ำศาสนสถานหลังถัดไป

แต่ก่อนหน้านั้นก็ผ่านประภาคารสมัยปัจจุบันกันซะหน่อย

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/167225_176839225683450_100000721218208_421150_5635702_n.jpg)

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/164088_176839102350129_100000721218208_421147_2071636_n.jpg)

ค่อยมาถึงถ้ำศาสนสถานถ้ำนี้ ที่มีเทวาลัยอยู่เหนือถ้ำด้วย!!!
เทวาลัยหลังนี้เป็นถ้ำศาสนสถาน สมัยปัลลวะตอนต้น

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/168487_176866502347389_100000721218208_421323_8285997_n.jpg)

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/167550_176866619014044_100000721218208_421325_4077543_n.jpg)

ก่อนจะไปดูเทวาลัย
พวกเราก็เลยดูหินก้อนใหญ่
ที่ถูกคนโบราณสลักไว้
เป็นโกลนของเทวาลัยหลังน้อยก้อนนี้กันก่อน

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/167293_177391155628257_100000721218208_425705_4735226_n.jpg)

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/165126_177179948982711_100000721218208_423428_4762825_n.jpg)

รูปนี้เป็นนางทุรคาปางฆ่าปิศาจควาย
เรียกกันว่า 'มหิงสาสูรมรรทธินี' ครับ

(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/167651_177526928948013_100000721218208_426816_3686024_n.jpg)

ประติมากรรมประธานที่นี่เป็นพระศิวะปางอยู่กะลูกเมียบนสวรรค์....
แต่มีใครเห็นไหมหว่า ว่าศิวลึงค์หายไปแล้ว!!!

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/165239_177526728948033_100000721218208_426814_7975472_n.jpg)

เพราะที่นี่ถูกพราหมณ์ลัทธิไศวะเข้ามาครอบครอง
แล้วก็บังคับให้ถ้ำย้ายลัทธิไป
โดยการสลักรูปสังข์ กับจักร ไว้ที่ทางเข้า 2 ฝั่ง!!!

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/164828_177630035604369_100000721218208_427896_5831227_n.jpg)

สถานที่ถัดไปสำหรับเช้านี้ คือ
เทวาลัยบนยอดเขา

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/162862_177630132271026_100000721218208_427897_5213506_n.jpg)

ที่นี่สอนพวกเราให้รู้ว่า 'แขกก็มือบอนเป็น'

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/35619_177663578934348_100000721218208_428198_232641_n.jpg)

รูปนี้สอนให้พวกเรารู้ว่า 'มือบอนยังไงก็กลัวผี'

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/167223_177629992271040_100000721218208_427895_1694694_n.jpg)

ตัวนี้น่ารักดี ทำไมหุ่นเหมือนผมเลยว๊า....

จากข้างบนเทวาลัยบนยอดเขา มองลงไปด้านล่าง
จะเห็นฐานวิหารเล็กๆบนหินก้อนใหญ่ก้อนนึง...

เข้าใจว่าของเดิมน่าจะสร้างด้วยไม้
และพังไปเมื่อนานมาแล้ว เลยเห็นกันแต่เท่านี้

(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/163920_177664712267568_100000721218208_428211_5917911_n.jpg)

วิวปากแม่น้ำ และทะเล
เป็นวิวอีกมุมหนึ่งที่มองเห็นได้รอบเทวาลัย

จะว่าไป เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว...
หน้าที่ของเทวาลัยในวันนั้น
ก็คงจะไม่ต่างจากประภาคารในวันนี้เท่าไหร่นัก

ฝันมากไปอีกแล้ว... หมดเวลาสำหรับเช้านี้แล้วครับ

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/168604_177664408934265_100000721218208_428209_8384714_n.jpg)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/167535_177887555578617_100000721218208_429895_1526430_n.jpg)

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/163784_177887468911959_100000721218208_429891_3008820_n.jpg)

หลังอาหารกลางวัน
พวกเราต้องไปชมอุทยานหินโบราณกันต่อ

หินที่นี่หลายก้อน ถูกสลักไว้เป็นถ้ำ
และเทวาลัยใหญ่น้อยหลายหลัง

(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163149_177886368912069_100000721218208_429858_1230908_n.jpg)

ถ้ำเต็มตัวถ้ำแรกสำหรับบ่ายนี้ คือ 'ถ้ำเสือ

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/167406_177921105575262_100000721218208_430330_8345682_n.jpg)

(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163656_177921175575255_100000721218208_430331_2814289_n.jpg)

ที่นี่ออกแบบได้เจ๋งจริงๆ

(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163044_177921018908604_100000721218208_430328_5124848_n.jpg)

ต่อจากถ้ำเสือ
พวกเราต้องเดินผ่านหินรูปร่างประหลาดแท่งนึง
เพื่อไปดูถ้ำถัดไป
แล้วในที่สุดก็มาถึงถ้ำ...

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/168588_178172168883489_100000721218208_431602_4516627_n.jpg)

หินก้อนมุมล่าง ด้านขวามือในภาพที่แล้ว...
รูปอะไรเอ่ย เห็นมาหลายหนแล้วนะคราบบบ

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash1/168206_178172018883504_100000721218208_431600_8115684_n.jpg)

เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตกไปได้ไม่นาน
ถ้ำวิหารหลังนี้ก็เลยมีน้ำท่วมเล็กน้อย...

(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/164098_178352152198824_100000721218208_432697_2771939_n.jpg)

(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc4/163968_178171072216932_100000721218208_431590_3174863_n.jpg)

ที่หน้าถ้ำนี้มีจารึกเยอะแยะเลย!!!

เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: ติบอ ที่ 29 ม.ค. 11, 09:53