เรือนไทย

ลายแกะสลักไม้ของไทยนั้นมีความงามในเชิงช่างอยู่หลายยุคหลายสมัยไม่ว่าจะเป็นสุโขทัย อยุธยา  มาจนถึงรัตนโกสินทร์ซึ่งมีความงดงามและทรงคุณค่ามากมายในเชิงช่างที่ควรค่าในการศึกษาหาความรู้เอามารวมไว้ครับ

งานแกะสลักไม้ชุดแรกเป็นบานแกะสลักไม้สมัยอยุธยาตอนต้นจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ลองคิดดูสิครับว่าแค่บานประตูยังงดงามอลังการขนาดนี้แล้วอยุธยาในยุคนั้นจะเรืองรองขนาดไหน  พม่าเผาเมืองศรีอยุธยาไปงานแกะไม้สูญสิ้นไปเหลือคณานับ   แต่ที่เจ็บช้ำใจมากกว่าคือคนไทยในช่วงหนึ่งนำเอาลายแกะไม้งดงามหลายชิ้นนำมาสุมเพื่อหลอมทองคำที่ขโมยขุดได้แล้วแปรรูปเพื่อหลบหูตาคน

รูปลายละเอียดบานประตูทางฝั่งซ้ายมือครับ

ไล่ลงไปเรื่อยๆครับ

ต่อเลยนะครับ

รูปด้านล่างสุดครับ

อันนี้เป็นรูปทางฝั่งขวาครับ

ต่อครับ

ภาพต่อมา

ด้านล่างสุด

อันนี้เป็นบานประตูที่วักพระศรีสรรเพ๙ญ์อีกบานหนึ่งครับ

อันนี้ภาพขยายครับ

ลายนี้เป็นสมัยอยุธยาตอนปลายครับงามมากลายแบบนี้นินมแกะกันมากในสมัยพระเจ้าท้ายสระ

ครุฑโขลนเรืออยุธยาครับ

ต้องขอโทษทีครับลืมกลับภาพซะนี่เอาใหม่ครับ

รูปหน้าตรงแบบขยาย

สวัสดีครับช่วงนี้สมาชิกหายไปไหนหมดเงียบๆ    วันนี้นำงานเเกะไม้สมัยรัชกาลที่๓   ที่วัด......ไม่บอกเนื่องจากเดี๋ยวขโมยมันตามไปเอา   เอาเป็นว่าเป็นงานแกะไม้ที่งดงามมากวัดหนึ่งและแปลกตามากเป็นซุ้มที่มีลักษณะของทรงมงกุฎ  สวยงามมากอาจมีลายละเอียดหลายมุมหน่อยนะครับภาพแรกเป็นภาพเต็มๆครับดูทีละภาพแล้วกัน

องค์พระด้านในดูแล้วสงบสวยงามครับสมัยรัจนโกสินทร์เช่นกัน

มองจากมุมด้านขวามือครับ

ลายขยายครับ

ลายละเอียด

งามอย่างช่างพระนั่งเกล้าจริงๆ
ขอบพระคุณ คุณyutthana มากครับ
สำหรับภาพสวยๆชุดนี้

งานศิลปะที่ทรงคุณค่าครับถือเป็นยุคทองของรัตนโกสินทร์เลยครับ

แผ่นกั้นด้านหน้าครับ

ภาพเต็มด้านหน้าครับ

ดูครูช่างเขาแกะผ้าทิพย์เสียก่อนว่าทีแกะงามเพียงไร

ลายกระจังมุมฐานพระครับเป็นภาพแกะไม้อีกชุดหนึ่งซึ่งงดงามมาก  โปรดติดตามดูไปเรื่อยๆครับเพราะยังมีงานแกะไม้อีกหลายชิ้นที่จะนำเสนอตามมาเรื่อยๆครับ หรือใครมีข้อมูลเสริมก็เชิญได้เลยนะครับ  พี่ยินส์หายไปไหนหว่าสงสัยงานจะยุ่ง   น้องเน น้องแพรหายเงียบกันไปไหนหมดโทรหาบ้างนะจะ จะได้ไปวัดกันอีกในครั้งที่๓  เพราะข้าพเจ้าใกล้ปิดเทอมแย้วเด็กสอบวันนี้วันสุดท้ายแล้วแย้

โอ้โห
สวยงาม อลังการมากครับ
ชิ้นงานละเอียดดีจริงจริง

พระพุทธรูปว่างามแล้ว
บวกงานไม้แกะสลักสวยสวย
ยิ่งงามเป็นทวีคูณ

ดูแล้วสงบดีจริง

โอ้โฮ้ กลับมาอีกที มีห้องเป็นของชมรมแล้ว..อย่างนี้ไม่ต้องไปเปิดเวบแล้ว ดีใจจัง มีคนเห็นความสำคัญของพวกเรา

....ขอบคุณมากนะคะ...

ช่วงนี้ทำงามเยี่ยงกรรมกร ปลดหนี้ตัวเอง ก่อนหน้านี้ เที่ยวเยอะไปหน่อย เลยต้องทำงานหาเงิน...เหนื่อย...

เสาร์นี้ 03 ตุลา ว่าง...

สวัสดีครับผม อาทิตย์ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงสอบเลยต้องทุ่มแรงกายแรงใจให้กับการสอบการติว
วันนี้สอบเสร็จพอดี เจอคุณแพรกับพี่ยุทธเข้ามาหลังจากหายไปนาน เลยสวัสดีทักทายก่อนเลยครับ

และก็ต้องสวัสดีพี่ยีนส์และท่านอื่นๆด้วยครับ ที่นำข้อมูลมาแบ่งปันกัน

สวัสดีครับยินดีต้อนรับสมาชิกกลับสู่บ้านครับช่วงนี้ข้าพเจ้าจะยึดครองห้องแทนพี่ยินส์ไปก่อน  ฮิ ฮิไม่รู้พี่แกงานยุ่งแน่เลย   เอามาต่อกันเลยละกันครับวันนี้เอาพระที่นั่งแกะไม้มาให้ดูกันลองดูภาพกันครับว่าจะงามแค่ไหน

ภาพที่ลงเป็นภาพด้านข้างของพระที่นั่ง รูปนี้ถ่ายที่พิพิธภัณสถานแห่งชาติเชียงใหม่ครับเนื่องจากเวลาน้อยมากและรีบถ่ายเลยไม่ได้ดูชื่อว่าเป็นบัลลังก์หรือพระที่นั่ง   ของท่านผู้รู้ช่วยหน่อยแล้วกันครับ  อันนี้ภาพด้านหน้าครับ

ส่วนนี้เป็นส่วนของภาพขยายครับเนื่องจากวันที่ไปถ่ายผมออกจากกลุ่มไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่คนเดียวเลยมีเวลาถ่ายน้อยมาก  จึงไม่ด้ดูว่าเป็นพระที่นั่ง หรือบัลลังก์ของเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งของนครเชียงใหม่ แต่น่าจะเป็นองค์ที่มีรูปติดที่ฝนัง อันนี้รบกวนท่านผู้รู้ทีครับ   ส่วนพระที่นั่งแกะไม้นี้น่าจะเป็นสมัยรัชกาลที่๑  ไม่น่าเกิน รัชกาลที่ ๒ เนื่องจากฝีมือยังจัดอยู่แต่ไม่น่าถึงอยุธยา เพราะทรวดทรงเป็นแบบรัตนโกสินทร์ ตอนต้น

ลายแกะช่วงท้องลายนี่แหละครับเป็นลายที่นิยมแกะในสมัยรัชกาลที่๑  ขยายมาให้ดูชัดๆ  และช่วงกระจังถ้าจำไม่ผิดจะเป็นแผ่นโลหะดุนครับ     อย่างไรก็ดีก็คงต้องถามท่านผู้รู้อีกทีครับ ผมเพียงเสนอแนวความรู้ที่ได้ศึกษามาบ้างเล็กน้อยเท่านั้น   ยังมีงานแกะไม้งามงามอีกหลายร้อยชิ้นที่จะนำมาลงให้ดู  โปรดรอคอยและอย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อนนะครับขอบคุณครับ

จัดมาให้ชมแบบนี้ ชอบมากๆครับ

เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่าคือบัลลังก์ที่กรุงเทพส่งไป ให้กับเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
อาจจะเป็นเจ้ากาวิละ ??

สวัสดีคะ พี่ยุทธ คุณเน และพี่ยีนส์ และทุกๆท่าน

ลงภาพมาอีกเลยคะ ยังไม่เบื่อ กำลังเพลิน เป็นบุญตาเหลือเกิน

รูปความคิดเห็นที่30-34น่าจะเรียกว่าพระราชยานกงหรือพระแท่นราชบัลลังก์แบบกง เป็นพระราชยานสำหรับประทับห้อยพระบาท มีกงกับพนักสำหรับพิง โดยรอบฐานกงก็มักจะประดับด้วยกระจังปฏิญาณโดยรอบ ตอนด้านหลังก็จะทำเป็นกระจังปฏิญาณตัวใหญ่ติดอยู่ตรงกระดานพิง ช่วงนี้เร่งทำงานศิลปะส่งลูกค้าไม่มีเวลาไปไหนเลย เลยต้องฝากน้องๆไปก่อนโดยเฉพาะน้องยุทธ ก็อย่าลืมกระทู้ทริปครั้งที่2ของชมรมด้วย ลงให้ครบนะ ไหนๆก็ปิดเทอมแล้ว ส่วนครั้งที่3 อยากไปมากแต่ต้องให้ผ่าน15ต.ค.ไปก่อนนะน้องๆรอหน่อย จุดมุ่งหมายมี2ที่สมุทรสงครามหรือสุพรรณบุรี

เฮ้อโทษที่เถอะครับพี่ยีนส์ทีแรกผมก็นึกว่าข้อมูลที่ได้มามีงานภาพสมุดข่อยมาก พอเปิดดูทั้งหมดหาแล้วหาอีก ก็มีไม่กี่ภาพเองไอ้ผมเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์แกไรท์ให้ผมไม่ครบหรือ  ว่าผมไม่มีบุญเนี่ย  จะมีงานก็แต่ที่ถ่ายส่วนตัวกับคุณเน จะมากกว่าด้วย  ส่วนมากเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวัดเเละงานบุญต่างๆมากกว่าผมก็เสียดายจัง  เอาเถอะครับเก็บความเสียดายเอาไว้ก่อน วันนี้มีงานแกะไม้สมัยอยุธยาตอนกลางมาให้ดูครับ   รูปนี้เป็นด้านบนของบานประตูวิหารน้อยวัดหน้าพระเมรุ   ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาสมัยทวาราวดี   ครับ

อันนี้เป็นส่วนกลางของบานประตูครับที่บอกว่าเป้นอยุธยาตอนกลางนั้นเพราะทรวดทรงกนกจะดูป้อมๆไม่เพียวแหลมเหมือนอยุธยาตอนปลาย สังเกตลายเเกะจะเป็นก้อนมีมวลทางประติมากรรมมากกว่าสมัยอยุธยาปลาย   ครับส่วนรูปพระแท่นราชบัลลังก์แบบกงผมเห็นด้วยกับพี่ยินส์ครับแต่ถ้าเป็นพระราชยานกงนั้น  ผมเคยเห็นราชยานต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสลี่ยง   สีวิกาหรือราชยานต่างจะมีห่วงสำหรับคล้องไม้คานสำหรับหามต่ชิ้นนี้น่าจะไว้กับที่ไม่น่าจะเป็นราชยานได้ ครับ

อันนี้ลายด้านล่างครับงามขนาดไหน

รูปครุฑแกะแสดงให้เห็นการลำดับชั้นต่างๆซึ่งเป็นสัตว์แทนเทพต่างๆ

ลายช่อนี้มีพลังและทีแกะสวยดีครับเอามาขยายให้ดูครับ

อันนี้รูปเทพพนมครับ

ผมชอบงานแกะไม้สมัยอยุธยากลางมากเนื่องจากนอกจากมีมวลปริมาตรแล้วที่แกะสลักยังงดงามมีพลังด้วยครับ

มาถึงรูปสุดท้ายของภาพชุดนี้แล้วครับเอาแล้วจะเอามาลงใหม่คราวหน้าครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  ภาพชุดนี้เป็นภาพแกะสลักลายหย่องครับ   ลายหย่องคืออะไร ลายหย่องคือแผ่นไม้รูปฟัก (คือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า)ฉลุ หรือแกะลายสำหรับบานหน้าต่าง  จะประดับอยู่ช่วงล่างของบานหน้าต่างดังรูปลายหย่องนั้นแสดงถึงศักดิ์ฐานะของผู้อยู่ด้วย สำหรับหย่องแกะสลักมักพบในวัดกับวังเท่านั้น  จะมีบ้างมักเป็นลายฉลุ แบนๆครับ

ชิ้นนี้เป็นการสลักลายหย่องของช่างวังหน้าโดยเฉพาะเป็นฝีมือช่างยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ครับเนื่องจากเป็นภาพยาวจึงเอามาให้ดูทีละส่วน

ส่วนต่อมาครับ

ส่วนต่อมาครับ

สันนิฐานว่ามูลเหตุที่ช่างวังหน้าอกแบบลายแบบนี้เนื่องจาก วังหน้าสมัยนั้นคือสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท  สมเด็จพระอนุชาธิราชในสมัยรัชกาลที่ ๑ ท่านศักดิ์เป็นน้องก็เปรียบเสมือนพระลักษณ์ในขณะที่พระมหากษัติริย์เปรียบเหมือนพระนารายณ์   หน้าบันส่วนใหญ่เป็นนารายณ์ทรงสุบรรณ  มีวัดมหาธาตุกรุงเทพดังรูปที่ทำเป็นพระลักษณ์ขี่หนุมานเนื่องจากเป็นวัดที่ท่านบูรณะขึ้นสมัยต้นรัชกาลที่๑ ลายหย่องสกุลช่างวังหน้า  จึงนิยมทำเป็นหนุมานและพวกลิงในรามเกียรติ์ดังรูป

ชุดนี้เป็นลายหย่องชุดแรกครับเรามาดูชุดต่อไปกันครับ ชุดนี้งามมากและดูมีชีวิตชีวามากครับ

สวยงามไหมครับสมาชิกมาดูรูปต่อไปครับเป็นรูปขยายของรูปที่สองนี้ครับ  ดูไปเรื่อยๆนะครับเนื่องจากผมอยากให้เห็นลายละเอียดชัดๆ  เหมาะสำหรับคนที่จะนำไปศึกษาครับส่วนคนที่ดูเฉยๆอาจจะเบื่อว่าทำไมลงซ้ำแล้วลงซ้ำอีกก็ขออภัยมาในที่นี้ด้วยครับ

รูปต่อมาครับ

หมดไปอีกรูปสำหรับชิ้นที่สองครับ

มาดูงานแกะลายหย่องชิ้นที่๓ครับ  ปลาดุกกระดุ๊กกระดิ๊ก

มาดูอีกด้านหนึ่งครับ

มาดูภาพขยายกันครับ

ดูต่อเลยครับ

มาดูต่อไปเลยครับ

รูปสุดท้ายสำหรับงานชิ้นที่๓ครับ

งานลายหย่องชิ้นที่๔ครับ

มาดูในส่วนของลายละเอียดครับ

เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาครับต่อเลยแล้วกัน

จบงานชิ้นที่๔ครับ

มาเริ่มงานชิ้นที่๕ครับ

จะสังเกตได้ว่าลายจะเป็นลายเครือเถาแบบฝรั่งเหมือนงานชิ้นที่๔ครับซึ่งเป็นงานที่แปลกตาอีกชิ้นหนึ่งครับ

เป็นงานชุดสุดท้ายสำหรับเรื่องลายหย่องครับและถ้าวันหลังไปเจอลายหย่องแปลกๆจะเอามาลงให้ชมอีกครับ

อันนี้แถมให้ก่อนจากลาไปนอนแย้ว  เป็นฉากบังตาสมัยต้นรัตนโกสินทร์อีกเหมือนกัน  สังเกตว่าลายที่แกะนั้นจะแกะเป็นโครงรวมดูไม่ละเอียดสมบูรณ์ครั้งหนึ่งหลายสิปปีมาแล้วตอนไปดูฉากบังตาชิ้นนี้กับอาจารย์
เคยถามท่านเหมือนกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  ก็ได้รับคำตอบว่าที่เป็นเช่นนี้มิใช่ช่างแกะไม่ละเอียด แต่เป็นเพราะว่าฉากบังตาชิ้นนี้  แกะเสร็จแล้วเขียนสีไปบนไม้ทับอีกที ก็คือเขียนสีสรรค์ลวดลายเพิ่มลงไป
ในงานจิตรกรรม   ท่านคิดดูแล้วกันว่ามันจะงดงามวิจิตรบรรจง อลังการขนาดไหน  เห็นแล้วอยากเห็นตอนสมบูรณ์จริงๆปัจจุบันนี้ไม่เห็นร่องรอยของสีแล้วเห็นแต่เนื้อไม้เท่านั้น

ใกล้เข้าไปอีกนิด

ชิดเข้าไปอีกหน่อย  ง่วงแล้วครับขออนุญาติไปนอนก่อนพรุ่งนี้ต้องไปสอนแต่เช้าขอลากันด้วยภาพนี้ก็แล้วกันครับ  ศิลปะของชาติเรานับวันยิ่งเสื่อมสลายกันลงไปทุกที ทางหนึ่งที่จะช่วยกันได้คือการเก็บข้อมูลไว้เป็นภาพถ่าย ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของห้องนี้เพื่อที่จะเก็บเป็นข้อมูลไว้เพื่อประโยชน์แก่ลูกหลานหรือผู้ที่สนใจค้นคว้าต่อไปเป็นการสืบทอดงานศิลปะทางพระพุทธศาศนาอย่างหนึ่งและเป็นประโยชน์มาก
สำหรับคนที่ศึกษางานศิลปะไทย รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย    สิ่งหนึ่งที่อยากเห็นก็คือการรวบรวมงานในพื้นที่ที่สมาชิกอยู่ อาจจะถ่ายเล่นหรือแบ่งเวลาไปถ่ายหรือเอามีข้อมูลมาแชร์กันได้ก็ยินดีครับ  เพราะกลุ่มของเราเองนั้นคงไม่สามารถไปถ่ายงานได้ทุกที่  อย่างน้อยการช่วยกันคนละไม้ละมือ ย่อมจะสำเร็จผลเร็วขึ้นครับ อย่ารอให้งานศิลปะของชาติสูญสลายไปโดยที่เรามิได้ทำอะไรเลยครับ  ไปแย้วๆๆๆๆๆๆ

 :o  นอนดึกมาๆเลยนะครับพี่ หรือต้องเรียกว่านอนเช้า
แต่งานสวยมากยังไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะลายหย่องชิ้นที่สาม ที่เป็นรูปเหรา? กับปลา ชอบมากๆ(พี่ยุทธไปถ่ายมาจากไหนเนี่ย)

ผมเองยังอยากเข้าไปดูลายบนตู้พระธรรมของหอสมุด แต่คงจะยากไม่รู้ว่าจะมีบุญได้เข้าไปถ่ายภาพมาศึกษาหรือเปล่า
เป็นการดีมากๆที่ศิลปะวัตถุอย่างตู้ลายทองนี้ถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้ เป็นข้อมูลทางศิลปะของชาติ เพราะเห็นตู้ลายทองมากมายที่อยู่ตามวัด
เดี๋ยวนี้ถูกงัดบานประตูหายไปเห็นเหลือแต่ซาก ทิ้งอยู่ตามศาลาตามลานวัดตากแดดตากฝนทำให้ลายด้านข้างเลือนหายไปอีก

ลำพังตู้ลายทองถูกงัดว่าเศร้าแล้ว ธรรมาสน์วัดกุฎีลายอนาจกว่าเพราะหายไปทั้งหลัง คงถูกถอดเป็นชิ้นๆแล้วขนย้ายออกไป
คาดกันว่าต้องเป็นคนมีความรู้ในงานช่างโบราณแน่นอน คงบอกได้ไม่ยากเย็นว่าสภาพสังคมเป็นแบบไหน ยิ่งคิดยิ่งน่าเสียดาย
อย่างผมก็เพิ่งจะเรียนรู้  กว่าจะหาข้อมูลเข้าไปศึกษาหาดูก็ยากเย็น  กว่าจะรู้ว่าที่ไหนมีและกว่าจะได้ดูแต่ละที่ เจอข้อมูลอีกที
ว่าวัดนั้นวัดนี้มี ก็มีอันหายไปซะแล้ว  ยิ่งทำให้วัดอื่นๆพากันหวงเข้าไปใหญ่ไม่ให้ดูซะเลย  ผมก็แห้วไปตามระเบียบ ตลกร้ายจริงๆเลย

เฮ้อน่าเศร้าใจจริงๆ  เมื่อไหร่จะมีมาตรการจัดการกับคนพวกนี้สักที่หนึ่งทำไมธรรมมาสหลังใหญ่โตทำไมไม่มีคนเห็นไม่มีคนเฝ้าไม่มีคนดูแลผมทายเลยว่าทางวัดคงไม่ถ่ายรูปข้อมูลไว้ด้วยน่าเศร้าเหตุการณ์พวกนี้  มักเกิดขึ้นติดต่อกันตลอดช่วงนี้ครับ

เรื่องต่อเนื่องจากลายปูนปั้นในวิหารทรงม้าเมื่อเดินขึ้นไปด้านบนตรงองค์พระธาตุเจดีย์ จะมี ทวารบาลเฝ้าอยู่สององค์เรียกว่า ท้าวจตุคาม ๑  องค์   ท้าวรามเทพ   ๑ องค์ตอนหลังทำไมกลายเป็นจตุคามรามเทพก็ไม่รู้มีบานประตูแกะไม้สมัยอยุธยาตอนต้น(ช่วงปลาย  นักวิชาการบางท่านบอกว่าเป็นสมัยพระบรมไตรโลกนาถ) งดงามมาก แต่เนื่องจากวันที่ไปไปเย็นมากต้องรีบถ่ายอาจจะถ่ายมาไม่ครบบ้างขาดบ้างต้องขออภัยเอา มาดูรูปรวมกันดีกว่า

รูปพระอิศวร

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดอีกมุมครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

พระกรด้านซ้ายถือดอกบัว ?

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

มองจากด้านข้าง

อีกด้านของบานประตูสลักเป็นรูปพระนารายณ์สี่กร

พระกรทั้งสี่ถือตรี เครื่องดนตรีเหมือนซอ? จักร และลูกประคำ?

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ  มีรองเท้าด้วยครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

อีกรูปสำหรับลายละเอียดครับ

ลายด้านข้างครับ

อันนี้แถมเป็นลายแกะไม้กระแหนะรักติด  มีคนนำมาไว้ด้านบนซุ้มทางเข้าเหนนือประตูด้านนอกโชคดีที่เห็น อยู่สูงไปหน่อยถ่ายไม่ค่อยชัดครับ

หน้ากลมแบบรัตนโกสินทร์

ด้านล่างขององค์พระ

ลากันไปด้วยภาพนี้ครับเอามาฝากสมาชิกโดยเฉพาะหารูปได้ยากมาก  ฐานชุกชีแกะไม้จากวัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลกครับงามมาก  ไปแย้ว..............

นอนเช้าอีกแล้วนะครับพี่ ภาพสลักรูปทวารบาลฯนั้นผมมองว่าเป็นอยุธยาตอนต้น
แต่บังเอิญไปปะปนอยู่กับศิลปะนอกกรุง เลยอาจดูไม่ค่อยชิน?? เพราะสังเกตตรง
ลายช่อดอกไม้กับลาบตรงขอบ(ลายค้างคาว?) เหมือนผมจะชอบเห็นในงานอยุธยาตอนต้น
แต่จะรัชกาลไหนนี่สิ

อีกย่างผมเคยสงสัยมากๆว่าดอกไม้ชนิดนี้ที่อยู่ในช่อดอกไม้ที่เทวดาถือคือดอกอะไร อารจารย์สันติ
ท่านสันนิฐานว่าเป็นดอกโบตั๋น? หรืออาจะจะเป็นดอกบัว? ผมเองก็ไม่เคยเห็นดอกโบตั๋นจริงๆด้วย
ประเทศไทยเรามีไหมหรือเรียกอะไร เพราะมักจะพบเห็นมากๆโดยเฉพาะสมัยอยุธยาตอนต้นครับ

ที่อ.สันติท่านสันนิฐานก็มีความเชื่อแบบนั้นเนื่องจากอยุธยาตอนต้นนั้นมีการติดต่อกับจีน จึงมีการถ่ายเทกระแสทางศิลปะบ้างยกตัวอย่างภาพเขียนจีนในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะครับ

ขอบคุณพี่ยุทธนามากครับ  ได้เห็นภาพแล้วเหมือนกับไปดูมาเองเลยครับ

อันนี้ถือว่าเข้าขั้นมั้ยคับ
วัดเชิงท่า
พระท่านว่าสมัยก่อนแบกมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ

ผมไม่แน่ใจข้อมูลนี้
สภาพ สมบูรณ์อยู่บ้าง กระจังรอบๆนี่ดูห่างๆเหมือนโดนถอดไปบ้างแล้วพระท่านเอามาวางเรียงกันใหม่
หรือว่าจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
เพดานสังเค็ดเป็นไม้ไผ่สาน ไม่ใช่ดาวหรูหราเหมือนที่พิษณุโลก

ศาลาวัดลมเย็นมากคับ ขนาดคลองรอบๆที่เคยเป็นบริเวณอู่เรือโบราณนั้นจะเล็กลงไปมากแล้ว

วันที่ไปนั่น สองปีมาแล้ว
เช้าวันนั้นหนังสือพิมพ์ลงข่าว ใบเสมาวัดนี้ถูกขโมยพอดี

อยุธยานี่รวยนะคับ เราปล้นกันมาสองร้อยกว่าปีก็ยังทำกันเรื่อยๆ
คนสมัยนี้ยิ่งจนกันลงไปเรื่อยๆ ทั้งศีลธรรม รสนิยม

อันนี้บุษบกพม่า
เห็นวี่แววอยุธยาในนี้บ้างมั้ยคับ

จอมแห ออกเกริน ยิ่งกนกข้างล่างนี่ การพริ้วไหวเหมือนต่อมาจากลายวัดเซิงหวายเลย

อันนี้ก้อไม่รูเข้าขั้นหรือป่าว
ยุคใหม่หน่อย
ช่างวังหน้า สมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท

อันนี้สมัยใหม่เลยคับ ยุครัฐบาลทหาร
สร้างใหม่ เอาจอมแหมาจากอยุธยาจ๋าๆเลย
แต่เค้าก็พลิกแพลงนะคับ
ไม่ย่อมุมย่อเก็จอย่างเรา
ใช้เป็นแปดเหลี่ยม
เห็นแล้วน่าจะเอามาใช้ออกแบบบุษบกเราได้มั่ง
เท่ดี ทำเป็นแปดเหลี่ยม แต่อาจวางโครงเสาสอบยากหน่อย

ช่างวังหน้นชั้นครูอยู่แล้วครับสมัยรัชกาลที่ ๑   ส่วนบุษบกใหม่ที่ออกแบบนั้นผิดส่วนมากส่วนจอมแหใหญ่ไม่รับกับส่วนล่าง(ยังไม่ได้ดูลายละเอียดปลีกย่อยครับ)คนออกแบบพยายามผสมผสานเอาศิลปะแต่ละแบบมารวมกันแต่ดันเอามารวมกันจริงๆ (อันนี้ผิดเหมือนตัดคอเอาหัวมาต่อใหม่   ที่ถูกกรมพระยานริศฯ ทรงสอนว่าต้องกินเข้าไปแล้วกลั่นออกมาเป็นผลงานไม่งั้นก็แค่หังมงกุฎท้ายมังกร)

บุษบกใหม่นั่น้ป็นของพม่าคับ ทำขึ้นใหม่ในเจดีย์ที่เมืองพุกาม
ไม่ใช่ช่างไทยแท้ทำคับ ก้อเลยเอาแบบที่คุ้นๆตามาใส่ๆลงไป