V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 22:45
|
|
ชุดเครื่องประดับที่สมเด็จอินทร์ทรงในพระรูปเป็นคนละชุดกับเสด็จพระนางสุวัทนาครับ
เมื่อล้นเกล้าฯ ทรงแยกกันอยู่กับสมเด็จอินทร์ฯ และทรงราชาภิเษกสมรสกับพระนางเจ้าสุวัทนาแล้ว สมเด็จอินทร์ก็ยังทรงดำรงตำแหน่งมหาวสามินีแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าอยู่ และล้นเกล้าฯ ไม่เคยเสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไทเลย เพราะทรงมีพระราชพินัยกรรมยกพระราชวังพญาไทให้เป็นพระราชมรดกแก่สมเด็จอินทร์ เมื่อโปรดให้สมเด็จอินทร์ย้ายไปประทับที่พระที่นั่งมานเมฆแล้ว ราวเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม ๒๔๖๘ จึงเสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไท แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตอนต้นเดือนกันยายน ๒๔๖๘ ก่อนเสด็จสวรรคตไม่นาน โปรดให้เปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จอินทร์ฯ เป็น พระวรราชชายา พร้อมกับทรงทำพระราชพินัยกรรมฉบับที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมาก และในการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ทรงยกเลิกพระราชพินัยกรรมที่พระราชทานพระราชวังพญาไทให้สมเด็จอินทร์ฯ แล้วโปรดให้เสด็จในกรมกำแพงเพชรปรับปรุงพระราชวังเป็นโฮเต็ลพญาไท
บรรดาเครื่องประดับที่พระราชทานไปทั้งหมดนั้น เมื่อสิ้นรัชกาลท่านประธานกรรมการจัดพระราชทรัพย์ท่านเรียกคืนกลับไปเป็นของหลวงหมด โดยเฉพาะที่ดินริมถนนราชวิถีฝั่งตรงข้ามสวนจิตรลดาที่พระราชทานสมเด็จอินทร์ คุณพระใหญ่ และพี่น้องในสกุลสุจริตกุลที่ทรงนับว่าเป็นพระญาติสนิท ถูกเรียกคืนหมด เหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มของการฟ้องร้องพระคลังข้างที่ จนล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ถึงกับทรงพระราชปรารภไว้ในพระราชหัตถเลขาก่อนจะสละราชสมบัติไม่นานว่าถ้าทรงแพ้คดีพระพิบูลย์ฯ จะทรงลาออกจากราชสมบัติ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ก.ย. 10, 23:01 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 22:49
|
|
พิธีปฐมกรรม
ในปี ๒๔๖๐ ประเทศไทยประกาศสงครามกับเยอรมัน มีการจับคนเยอรมันและออสเตรียในประเทศไทย
และส่งทหารอาสาสมัครไปราชการสงคราม ทหารรุ่นสุดท้ายลงเรือปืนสมุทร ไปขึ้นเรือเอมไพร์ของฝรั่งเศส
ที่เกาะสีชัง ๕๐๐ คนเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๔๖๑ ในปีเดียวกันนั้นเองฝ่ายเยอรมันและออสเตรียก็แพ้
สงครามแก่ฝ่ายพันธมิตร
ท่านผู้หญิงได้อ่านเรื่องพระราชพิธีปฐมกรรมครั้งทำสงครามกับเยอรมัน จึงวาดภาพออก เรื่องทรงพระภูษาสีแดง
ฉลองพระองค์แบบไทยโบราณนั้น สมาชิกเรือนไทยส่วนมากก็เห็นกันโดยทั่วหน้า รายละเอียดที่ท่านผู้หญิงเล่า
แก้ความสงสัยของนักอ่านหนังสือโบราณได้สนิท คือเรื่องตัดไม้ข่มนาม ถามมาทั่วแล้วไม่มีใครตอบได้
"เมื่อถึงเวลาพระฤกษ์จึงเสด็จถึงพิธีมณฑล พราหมณ์ถวายน้ำเทพมนต์และทรงเจิใพระนลาตพระองค์เองด้วยพระอังคุต
แล้วเสด็จขึ้นเกย ซึ่งคร่อมต้นฝรั่งต้นหนึ่งที่ปลูกอยู่ใต้เกย เจ้าพนักงานชำระพระบาทให้ตกรดหัวฝรั่ง
แล้วโปรดเกล้าให้ราชมัลคือเพชรฆาฎฟันต้นฝรั่งเป็นการข่มนาม"
อ่า...ต้นฝรั่งลำต้นอวบเป็นสีน้ำตาลแล้ว...เหนียวค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 23:16
|
|
หม่อมหลวงปิ่นกลับมาจากนอกในเดือนตุลาคม ๒๔๗๔ ขอให้สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ
มาเป็นเถ้าแก่ขอหมั้นในวันที่ ๗ ธันวาคม
แต่งงานในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๗๔ ที่บ้านถนนราชวิถี เชิญเจ้านายอภิรัฐมนตรีทุกพระองค์ เสนาบดีเชิญแต่คุ้นกับเจ้าคุณพ่อ
ญาติเชิญแต่ชั้นผู้ใหญ่
บัตรเชิญเขียนว่า เจ้าพระยามหืธร กับ ท่านผู้หญิงเสงี่ยมพระเสด็จ ขอเชิญ.......
สมเด็จพระพันวัสสา ถอดพระธำมรงค์พระราชทานจากนิ้วพระหัตถ์
ทรงสั่งสอนว่า "นี่ไม่ใช่แหวนนะ ต้องเรียกว่าพระธำมรงค์ เพราะเป็นของที่ฉันใช้อยู่ ที่รับไหว้เพราะ
แกเป็นลูกสะใภ้พ่อเปีย แหวนอย่างนี้เรียกว่าแหวนเปีย"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 11:33
|
|
ท่านผู้หญิงเล่นกอล์ฟ มีทนายเดินตาม
เรื่องราวที่สลักสำคัญและมีสาระของท่านผู้หญิงมีมากมายที่เป็นคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของเรา
แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของท่านก็ยิ่งน่าสนใจมากกว่า
"พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ฉันเป็นสมาชิกสโมสรกอล์ฟหลวงสวนจิตรลดาด้วย
โดยมีสิทธิใช้เสื้อเบลเซ่อร์สีน้ำตาล และปักตราสโมสรกอล์ฟหลวงสวนจิตรลดา มีพระมหามงกุฎอยู่ข้างบน
ปักด้วยไหมสีเขียวอยู่กระเป๋าบน คุณพ่อกับฉันได้ไปตัดเบลเซ่อร์ที่ห้างแบดแมน ซึ่งเป็นห้างฝรั่งอังกฤษ
ตั้งอยู่ในที่ที่เป็นกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน นอกจากนี้สมาชิกมีสิทธิ์ใช้ร่มผ้าสีน้ำตาลสลับเขียวคันใหญ่
เป็นแบบที่โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้แต่ในระหว่างสมาชิก การแต่งตัวเล่นกอล์ฟสมัยโน้น ออกจะพิสดารมาก
เพราะผู้ชายต้องนุ่งกางเกงพลัสฟอ คือกางเกงผ้าสักหลาดหนา ๆ ขากว้าง แต่รัดใต้เข่า ใส่ถุงเท้าสักหลาด
เพียงเข่า และสายรัดเข่าที่ฝรั่งเรียกว่า garter มีชายโบว์ติดข้่งละ ๒ ชาย รองเท้านั้นเป็นรองเท้าอย่างหนา
ส้นตอกตะปูเพื่อกันลื่น ใส่เสื้อเชิ้ตสปอต และมีเสื้อนอกสปอตผ้าชนิดเดียวกับกางเกง หรือจะใส่เสื้อเบลเซ่อร์
แทนเสื้อนอกก็ได้ สำหรับผู้หญิงที่เล่นกอล์ฟในสมัยนั้นสวมกระโปรงสักหลาดเนื้อหนายาวเพียงเข่า ใส่หมวก
สักหลาดมีปีกหรือหมวกกะโล่แบบที่ทำเฉพาะผู้หญิง
เวลาไปเล่นกอล์ฟนั้น คุณพ่อสั่งให้มีทนายผู้ใหญ่ซึ่งโดยมากเป็นนายอุ่มอมรพัฒน์ลูกแม่เชยแม่นมของฉัน
ถือร่ม กระเป๋าและถือกระดาษคอยจดแต้มให้ด้วย ถึงแม้ว่าจะต้องจ้างเด็กสะพายถุงไม้กอล์ฟอยู่คนหนึ่งแล้ว
ไม่ว่าฉันจะนัดเล่นกับใคร คุณพ่อต้องให้มีทนายเดินตามไปด้วย ซึ่งคนสมัยนี้คงหาว่าศักดินามาก ถ้าไปเล่น
พร้อมคุณพ่อก็มีทนายคนเดียวกัน"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 11:53
|
|
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ โปรดการเล่นกอล์ฟมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 12:31
|
|
นางพระกำนัลในรัชกาลที่ ๗
เป็นตำแหน่งกิติมศักดิ์ ไม่มีเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยงอย่างใดเลย
ทรงจำกัดความรู้และกำเนิด ทั้งให้มีจำนวนเพียง ๔ คน ไม่มีหน้าที่เข้าไปประจำในวัง
เป็นแต่คอยปฎิบัติหน้าที่ตามที่ราชเลขานุการในพระองค์ จะมีหนังสือราชการแจ้งมา
แต่ละวันว่าโปรดเกล้าให้ไปปฎิบัติหน้าที่ที่ใด
นางสนองพระโอษฐ์ คือ ม.ล. คลอง ไชยยันต์ และหม่อมพร้อย กฤดากร ณ อยุธยา เป็นนางสนองพระโอษฐ์
นางพระกำนัลคือ ม.ร.ว. พันธ์ทิพย์ เทวกุล คุณประยงค์ สุขุม คุณดุษฎี ไกรฤกษ์ และคุณ พโยม ณ นคร
ท่านผู้หญิงเขียนบันทึกรายวันไว้ เพราะเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างหนึ่ง
ขอถอดบันทึกอันมีค่ายิ่งของท่านผู้หญิง ตามความสังเกตของนักอ่าน ทูตขรตรีเศียรนั้นสามารถตรวจสอบได้จากหนังสืออื่น ๆ
"๒๔๖๙
วันที่ ๓ เมษายน
ข้าราชการฝ่ายในในชั้นนี้ต้องถือน้ำ้ด้วย เมื่อในหลวงเสด็จออกมาประทับภายใต้พระมหาเศวตฉัตรแล้ว
เจ้าพนักงานอ่านโองการแช่งน้ำ สมเด็จพระราชินีมีคุณท้างเชิญให้ไปเสวย เจ้านายอื่นๆ ต้องเดินไปดื่มเอง
เราต้องเดินไปดื่มเองเหมือนกันเฉพาะหน้าพระที่นั่ง แต่ที่ชั้นลด มีโต๊ะตั้งขันเงินอยู่สามโต๊ะ ๆละ ๔ ขัน และจอกหลายใบ
ได้เดินหน้าพวกคุณหญิง และรับพระราชทานน้ำพร้อมท่านผู้หญิงและหม่อมห้าม
วันที่ ๘ เมษายน ไปเฝ้าทูลกระหม่อมหญิงที่สวนสุนันทา ขอบพระคุณที่ทรงพระกรุณายกย่อง ทรงสั่งสอนและคุยด้วยนาน
วันที่ ๑๑ เมษายน เวลาเช้าไปสรงน้ำเสด็จพระองค์ประดิษฐา ประทานสายนาฬิกาคล้องคอคั่นพลอย ๑ สาย เวลาบ่ายไปเฝ้าทูลกระหม่อมฟ้าหญิง
วันที่ ๑๒ เมษายน เวลาทุ่มครึ่ง ทูลกระหม่อมโปรดให้ท่านพิมพ์ เอารถพระที่นั่งของท่านมารับไปวังสระปทุม ดูหนังแล้วทรงนำเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา ซึ่งรับสั่งว่ารู้จักแล้ว โปรดให้รถมาส่งเราก่อน แล้วจึงกลับไปรับเสด็จกลับสวนสุนันทา
วันที่ ๒ พฤษภาคม ตามเสด็จโดยกระบวนรถม้าองค์รักษ์แก่คนหนึ่ง มาแย่งนั่งรถคันที่สอง อย่าง impolite และไม่ gallant
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม งานเมรุคุณป้าท้าว ถูกเจ้าภาพ(คุณหญิงจรรยา) มอบให้เป็นคนแจกหนังสือเจ้านายบนพลับพลา สมเด็จพระพันวัสสาทรงทักทายอย่างดี เลยเฝ้าคุยด้วยสักครู่หนึ่ง
วันที่ ๒๔ พฤษภาคม เจ้าพระยารามราฆพกับเมียมาลาคุณพ่อ จะไปยุโรปวันที่ ๙ เดือนหน้า"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 18:21
|
|
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม วันนี้ซื้อเปียนโนจากมิสซิสโคล ๗๘๐ บาท
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ตามเสด็จในการบรรจุพระอังคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ และสมโภชพระปฐม ลงเรือพระที่นั่งไอยราพต ถึงสถานีสนามจันทร์ ๔ โมงครึ่ง ราษฎรบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนตลอดทาง สมเด็จพระมงกุฎเกล้า ทรงแสดงพระประสงค์ให้บรรจุพระอังคารของพระองค์ที่หลังพระพุทธรูปยืนพระร่วงโรจน์ฤทธิ์ ทรงบรรจุ ทรงนมัสการ ทรงกราบ
วันที่ ๑๐ กันยายน บ่าย ไปวังสระปทุมกับคุณพ่อและคุณแม่ งานประสูติสมเด็จพระพันวัสสา
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ตามเสด็จไปที่วังกรมนรา ทอดพระเนตรละครเรื่อง เหินลม ซึ่งบริษัทของกรมนราเป็นผู้เล่น ละครจบแล้ว กรมพิทยาสปีช แล้วเสวย supper เจ้าของงานชวนดื่มถวายพระพร แล้วร้อง "ข้าวรพุทธเจ้า เผ่าวรวรรณากร" แล้วแจกหนังสือชื่อครึ่กครั่กอะไร ๒ เล่ม กับเครื่องห้อยข้อมือกาไหล่ร้อยไหมขาว ๑ อัน
วันที่ ๒๐ ธันวาคม สวดมนต์เย็นเฉลิมสมเด็จ บ่ายไปถวายของ และช่วยรับแขก ได้ประทานสร้อยทอง ๑ สาย
วันที่ ๒ มกราคม ไปเฝ้าทูลกระหม่อมฟ้าหญิง
วันที่ ๙ กุมภาพันธุ์ สมเด็จพระราชินี โปรดให้คนนำซิ่นไหมมาพระราชทาน ๒ ผืน
ท่านผู้หญิงแต่งกายงามสุด ทำผมบ้อบ แสกขวา มีปอยผมตกมาด้านซ้าย เสื้อแขนกุด คอเรือ ดูเป็นผ้าลูกไม้ลายละเอียด กระโปรงเป็นอีกสีหนึ่ง ยาวคลุมเข่า กระโปรงมีระบายสามหรือสี่ชั้นมนจรดตรงกลาง มีดอกไม้แพรที่เรียกได้ว่าเป็นคอร์ซาจ พวงมหึมาติดที่ไหล่ซ้ายและมีเครือดอกตูมยาวประมาณสองฟุตได้ อีกครั้งหนึ่งท่านผู้หญิงเปลี่ยนดอกไม้มาติดที่ระดับเอวด้านซ้าย แสดงว่าท่านใส่เสื้อซ้ำ สังเกตว่าเมื่อชุดงามเริ่ด ท่านสวมสร้อยไข่มุขเส้นสั้นติดคออย่างเดียวเท่านั้น นับว่ามีรสนิยมอันงาม
ตัวท่านป้อมๆ จะเรียกว่ามีเนื้อมีหนังคงจะได้
สิ่งสำคัญคือดวงตาคม
นึกถึงที่หลายคนเล่าว่าท่านสง่าและไว้ตัวปานใด ความรู้ของท่านเท่านั้นก็ทำให้ท่านงามเลิศได้แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 18:48
|
|
ใครมีรูปท่าน จะกรุณานำมาลงประกอบได้ไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CVT
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 19:27
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CVT
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 19:31
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 19:38
|
|
ขอบคุณค่ะ คุณCVT
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 19:52
|
|
ท่านผู้หญิงรับราชการถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม ผู้ที่ยินดีมากคือคุณพ่อ เพราะท่าน
บ่นว่าฉันมีงานมากเกินไป จนทำงานให้ท่านไม่ได้เต็มที่อย่างแต่ก่อน แต่สิ่งที่ท่านทน
ให้ฉันรับราชการอีกสมัยหนึ่งไม่ได้นั้น คือมีผู้พูดให่เข้าหูท่านว่า ท่านจับพระหัตถ์ให้
ในหลวงลงนามเมื่อเข้าเฝ้าทุกวันแล้ว ยังสอพลอพาลูกสาวไปถวายอีก ฉะนั้นพอมีโอกาศ
คุณพ่อจึงกราบบังคมทูล ขอให้ประกาศกำหนดเวลารับราชการของนางสนองพระโอษฐ และนางพระกำนัล
ลงในราชกิจจานุเบกษา ระบุเวลาให้มีกำหนด ๒ ปี ถ้าผู้ใดกราบบังคมทูลว่าสมัครจะรับราชการต่อไป
ก็อาจทรงแต่งตั้งอีกสมัยหนึ่งได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 20:26
|
|
ท่านผู้หญิงล้มป่วยเป็นไทฟอยด์ เส้นประสาทเสีย อ่านหนังสือไม่ได้ และทนอะไรไม่ได้อยู่นาน
เขียนหนังสือไม่ได้อยู่ ๓ - ๔ ปี
ได้ไปซื้อที่ของนาย เอ อี นานา คือบ้านที่อยู่ในปัจจุบันนี้ ในราคาวาละ ๒ บาท ๗๕ สตางค์
นานาอ้างว่าเมื่อมาจากเมืองแขก ได้ไปเช่าตึกแถวของคุณพ่อที่ตึกแดง ทำให้มีความเจริญร่ำรวยขึ้นมากมาย
ถึงแม้จะมีราคาถูกถึงเพียงนั้น ฉันก็ไม่มีเงินซื้อ จึงขายเชี่ยนหมากทองคำที่คุณแม่ให้เป็นเครื่องใช้เมื่อแต่งงาน
การก่อสร้างคิดเป็นเงิน ๗,๒๐๐ บาท ฉันสั่งให้ทะลุห้องหลายแห่ง คิดราคาเพิ่มขึ้นอีก ๓๐๐ บาท
การก่อสร้างตึกนี้ คุณพ่อให้เงิน สี่พันบาท ขายสร้อยเพชรที่เจ้่วบ่าวให้เป็นสินสอดอีกหนึ่งสาย และของ
แต่งตัวอีก ๒ - ๓ ชิ้น
ท่านผู้หญิงต้องคุมการก่อสร้างเองทั้ง ๆที่เพิ่งหายจากป่วยหลายปี เพราะสามีพาลูกศิษย์ไปเที่ยวปีนัง
ท่านผู้หญิงบ่นว่าเธอคงไม่ได้จะเจตนาร้ายที่จะใจร้ายต่อฉันแต่ก็เป็นการเสี่ยงอยู่มากเพราะฉันอาจกลับประสาทเสียขึ้นมาอีกเพราะความว้าเหว่ก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 21:46
|
|
ท่านผู้หญิงเล่าเรื่อง สงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นภรรยาอธิบดี ทัพญี่ปุ่นเข้าเมือง
การยกเลิกบรรดาศักดิ์
หน้า ๑๐๙
"ประธานผู้สำเร็จราชการหรือพระองค์เจ้าอาทิตย์นั้น ปฎิบัติตามใจรัฐบาลทุกอย่าง และประกาศพระบรมราชโองการ
แต่งตั้งให้พันเอกหลวงพิบูลสงคราม ซึ่งใช้ชื่อใหม่ว่าแปลกพิบูลสงครามเป็นนายพล แล้วเป็นจอมพลภายในเวลา ๓ ปี
ส่วนภรรยานั้นได้เป็นพันโทหญิง ในขระที่คนอื่นเป็นนางและนายนั้น หัวหน้าคณะรัฐบาลและภรรยา
ใช้ชื่อตัวเองว่า พนะท่านจอมพลแปลกพิบูลสงครามและ พนะท่านพันโทหญิงละเอียดพิบูลสงคราม
พระองค์อาทิตย์ ขึ้นไปอยู่บนพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ และที่ ๗
ได้เลื่อนจากพระวรวงค์เธอ เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ ส่วนหม่อมกอบแก้วได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้าพร้อมกับพันโทหยิง
ละเอียดพิบูลสงคราม
ผู้สำเร็จราชการและภรรยาจะไปงานก็มีคนกลางกลดให้ซึ่งดูออกจะมากเกินไป เพราะพระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗
ไม่เคยได้พระกลดเป็นส่วนพระองค์ นอกจากจะรีบทรงพระราชดำเนินให้ทันพระเจ้าอยู่หัวจึงจะได้พระกลด"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 05 ก.ย. 10, 21:54
|
|
เรื่องรูปนั้น ผู้อาวุโสจะไปยืมห้องสมุดพรุ่งนี้ และจะนำรูปแม่ตุ๊กตางาและรูปเจ้าบ่าวหน้าตามีความสุข
ที่สุดในโลกมาลงนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|