เรือนไทย

วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖  ที่ประเทศชิลี Oscar Munoz ได้พบสิ่งที่ทำให้โลกต้องตะลึง ขณะหาสมบัติในเมืองร้าง La Noria ที่อยู่กลางทะเลทราย Atacama  สิ่งที่เขาค้นพบห่อหุ้มด้วยผ้าขาวอยู่ใกล้ ๆ โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง

สิ่งนั้นคือโครงกระดูกประหลาดยาวเท่า ๆ กับปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่ง (ประมาณ ๖ นิ้ว) มีฟันแข็ง มีกระโหลกศีรษะปูนโนนเหมือนกับภาพมนุษย์ต่างดาวที่เราท่านเคยเห็นในภาพยนตร์ กระดูกซี่โครงมี ๙ คู่ (คนปรกติมีกระดูกซึ่โครง ๑๒ คู่)

บางคนว่าเป็นลูกกรอก, บ้างก็ว่าเป็นลิง และที่ไม่พ้นการคาดเดา หลายคนว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว

http://www.youtube.com/watch?v=NyhRaLNSEjI

คุณคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร   ;)

คนไทยเราอาจจะคิดเลยไปถึงนารีผลหรือมักกะลีผล เหมือนอย่างสัตว์ประหลาด ๒ ตัวนี้



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

แกสร้างขึ้นมาเองน่ะซิ   เป็นนักเล่นกลไม่ใช่หรือคะ

ฝรั่งชื่อซ้ำกันเยอะแยะ   ;)

Oscar Munoz คนที่พบโครงกระดูกประหลาดเป็นคนชิลี   ส่วนที่เป็น นักเล่นกล  (http://www.oscarmunoz.com/) (ข้างล่าง) เป็นชาวอเมริกัน

http://www.youtube.com/watch?v=Wb6u0FOS_68

มีการตั้งชื่อโครงกระดูกจิ๋วนี้ว่า "อะตาคามา ฮิวมานอยด์" หรือ "อะตา" (ตามชื่อทะเลทราย)  ซึ่งเป็นปริศนาของนักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาตลอด ๑๐ ปี จนกระทั่งเมื่อดร.สตีเฟน เกียร์ ผู้ก่อตั้งโครงการดิสโคลสเชอร์ โปรเจกท์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีโอกาสในการศึกษาโครงร่างของอะตาอย่างถี่ถ้วน ทั้งใช้การเอกซเรย์โครงสร้าง และยังสกัดดีเอ็นเอจากไขสันหลังไปตรวจ ก็ได้คำตอบแบบหักปากกาเซียนมนุษย์ต่างดาวกันเลย เพราะพบว่า "อะตา" เป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน มากกว่าชิมแปนซี และโครงกระดูกที่มีความยาว (สูง) เพียง ๖ นิ้วนี้ เป็นมนุษย์ที่มีอายุราว ๖-๘ ปี เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน
 
http://www.youtube.com/watch?v=2JQqMQs-kP0

ถึงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็นมนุษย์จิ๋วสูงเพียง ๖ นิ้ว แค่นี้ก็แสนจะประหลาดล้ำแล้ว  ;)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2313828/Is-really-human-DNA-tests-inch-skeleton-alien-looking-creature-sized-head-prove-actually-human-claim-scientists-new-documentary.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

"อะตา" โครงกระดูกจิ๋วทีชิลีนี้ มีความเหมือนกับซากประหลาดที่ค้นพบเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่เมือง Kishtim ประเทศรัสเซียมาก  พบโดยหญิงสูงอายุคนหนึ่งซึ่งเล่าว่าขณะที่พบมันยังมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ เธอให้ชื่อมันว่า "Alyosha"  มีความยาวใกล้เคียงกับ "อะตา" คือประมาณ ๗-๘ นิ้ว  แต่มันก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

http://www.youtube.com/watch?v=QA01h0BWB9g

ข่าวในหนังสือพิมพ์รัสเซีย   ::)

ขอให้สังเกตส่วนของกระโหลกศีรษะของ "Alyosha" กับ "อะตา" ที่เหมือนกัน คือยาวผิดรูปต่างจากกระโหลกของมนุษย์ปรกติ   :o 

ถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ก็ไม่น่ารวมไว้ในกระทู้ สัตว์ประหลาด
ยังสงสัยเรื่องนี้มาก     ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งจริงๆ  เผ่าพันธุ์พวกเขาอยู่ที่ไหน  ทำไมไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน
จริงอยู่ว่ามนุษย์บางเผ่าก็มีรูปร่างเล็กมาก เช่นพวก pygmy  ผู้ชายโตเต็มที่สูงประมาณ 150 ซ.ม. เท่านั้น  แต่ร่างกายก็ยังโตพอจะดำรงชีวิตได้อย่างมนุษย์อื่นๆ
แต่พวกอะไรที่เอารูปมาลง   สูงแค่ไม่กี่นิ้ว  ร่างกายคนหรือสัตว์ที่เล็กหรือใหญ่เกินสมควรจะดำรงชีวิตอยู่ไมได้   อย่าง Alyosha  ถ้าเป็นเรื่องจริง สมัยมีชีวิตอยู่ เขาอยู่ได้ยังไง  กินอะไร    พ่อแม่พี่น้องเขาอยู่ไหน   
หรือในที่สุดจะไปลงที่มนุษยต่างดาวอีก?


v
v
pygmy

นักวิทยาศาสตร์ใช้คำว่า "ฮิวมานอยด์ -Humanoid" (http://en.wikipedia.org/wiki/Humanoid) เรียกโครงกระดูกและซากประหลาดเหล่านี้ หมายความว่า สิ่งที่คล้ายมนุษย์ สำหรับโครงกระดูกจิ๋วที่ชิลีที่ ดร.เกียร์ ว่าน่าจะเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ก็น่าจะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น

อาจจะเป็นนารีผลหรือมักกะลีผลพันธุ์หนึ่งก็ได้ ใครจะรู้  ;)

ฝรั่งก็มีความเชื่อเรื่องผู้หญิงที่เกิดจากต้นไม้เหมือนไทยเราเชื่อเรื่อง "นารีผล" เหมือนกัน แต่ของฝรั่งเป็น "นารีราก"

ชื่อฝรั่งคือ Mandrake หรือ Mandragora

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

อันที่จริง Mandrake มีทั้งเพศหญิงและเพศชาย ฝรั่งเชื่อว่าต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกสีขาวและเป็นเพศชาย ส่วนต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ร่วงจะมีดอกสีดำและเป็นเพศหญิง  และเมื่อมีอายุมากขึ้นก็อาจผุดขึ้นจากดินเดินเผ่นผ่านไปมาได้   ;D

ในวิชาสมุนไพรศาสตร์ ที่เรือนกระจก ๓ ศาสตราจารย์โพโมนา สเปราต์ แห่ง"โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์"  ถามนักเรียนปีสองว่า

"ใครจะบอกฉันได้บ้างถึงคุณสมบัติของรากแมนเดรก"

เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างมั่นใจว่า

"แมนเดรก หรือแมนดราโกร่า ใช้เพื่อคนที่ถูกสาปหรือแปลงร่างกลับคืนสภาพ แต่มันเป็นอันตราย เพราะเสียงร้องของแมนเดรก อาจทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้"              

ศาสตราจารย์โพโมนา สเปราต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า

"ตอนนี้ต้นแมนเดรกของเรายังเล็กอยู่มาก เสียงจึงทำให้ได้แค่สลบเท่านั้น   เฮอร์ไมโอนี่ยังบอกไม่หมดนะ นอกจากจะรักษาคำสาปได้แล้ว มันยังเป็นส่วนประกอบในเวทมนตร์ศาสตร์ นอกจากนี้ยังทำให้จิตหลอนและส่งผลให้เรื่องเสน่ห์และพลังทางเพศด้วย"

http://www.youtube.com/watch?v=9wMVcIMcS5c

แมนเดรกในนิยายเรื่อง "แฮรรี่ พอตเตอร์ ตอนห้องแห่งความลับ" ให้ภาพแมนเดรกตามความเชื่อของฝรั่งที่เล่าสืบกันมาอย่างชัดเจน  แมนเดรก หรือ "มนุษย์ราก" พันธุ์นี้ อาจจะมีจริงใน "แดนหิมพานต์" ของฝรั่ง แล้วลุกขึ้นจากดินผ่านมิติสู่โลกที่เราท่านอาศัยอยู่ ดังที่เราพบหลักฐานที่ชิลีและรัสเซียก็ได้

พล็อตเรื่อง "มนุษย์ราก" นี้เด็ดพอจะเขียนเป็นนิยายเรื่องยาวไหมหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เพ่นพ่านค่ะ ซายาเพ็ญ


ถ้านักเขียนดังเขาเอาไปเขียนแล้ว    นักเขียนใหม่ไม่ควรเอามาเขียนซ้ำ    มันไม่ครีเอทหนอ

ขอบพระคุณที่กรุณาแก้ไข

พิมพ์หนังสือตอนดึก ผลก็เป็นอย่างนี้แหละหนอ

เฮ้อ   ;D

แมนเดรกในแดนหิมพานต์ของฝรั่ง รากของมันเป็นพวก humanoid สามารถส่งเสียงร้อง ยืน เดินได้

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นพืชชนิดหนึ่งชื่อว่า  Mandragora officinarum  (http://en.wikipedia.org/wiki/Mandragora_officinarum)  มีรากรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ เหมือนกับพืชชนิดหนึ่งที่คนไทยค่อนข้างคุ้นเคยคือ "โสม"

ในแดนหิมพานต์ (ฝรั่ง) เป็นสัตว์ประหลาด  แต่ในโลกมนุษย์ เป็นพืชธรรมด๊า ธรรมดา  ;D

ซ้ายคือ "แมนเดรก"  ขวาคือ "โสม" 

humanoid ตัวนี้กำลังดัง ว่ากันว่าเป็นเงือกอยู่ที่กรีนแลนด์

http://www.youtube.com/watch?v=iuXPdQqMYW0&feature=player_embedded

http://news.mthai.com/world-news/243015.html

เชื่อหรือไม่

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ไปหาดูในเว็บนี้  คลิปเดียวกันแต่ใหญ่กว่า เลยเห็นชัดกว่า ว่ามีตัวประหลาดหน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาวตัวยาวๆ  ว่ายผ่านหน้ายานดำน้ำ แล้วเอามือมาแปะกระจกหน้าของยาน  
http://www.shockmansion.com/2013/05/29/video-discovery-channel-plays-never-before-seen-footage-of-a-mermaid-filmed-by-scientists-in-a-submarine/

ไม่เชื่อค่ะ
มือที่มาแปะกระจก    ขยายแล้วมันเหมือนมือคนสวมถุงมือกันน้ำ    ซายาเพ็ญว่าไง

คลิปนี้เป็นส่วนหนึงของรายการ Animal Planet (http://en.wikipedia.org/wiki/Animal_Planet)  

ยังมีอีกคลิปหนึ่งในรายการนี้ที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน เห็นบอกว่าเป็นเงือกยิว  ;)

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ogEbrEc_5OA


ความจริงเตรียมคำตอบไว้แล้ว รอเพื่อน ๆ ชาวเรือนไทยมาร่วมแสดงความคิดเห็นสัก ๒-๓ ท่าน

คุณดีดี คุณหนุ่มสยาม คุณประกอบ ว่าไง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ระวังยิวหลอก นะครับ  :P

ขยายภาพให้ดูค่ะ
ในคลิปไม่เห็นมีตรงไหน ที่เงือกทิ้งบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตไว้ให้ดูด้วยว่าเป็นยิว

คุณ amcbirds  (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ogEbrEc_5OA) ผู้โพสต์คลิปนี้ บรรยายว่า

Real Mermaid Caught on Camera in Kiryat Yam, Israel. Locals and tourists in the Israeli town of Kiryat Yam have been flocking to the coast in hopes of glimpsing a creature that most people believe only exist in fairy tales.

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

คงไม่ใช่เงือกยิวหรอกค่ะ    แต่ว่าเธอหลงทางไปไกลโข   ถิ่นเดิมอยู่ที่นี่

http://www.youtube.com/watch?v=9a5MSCTGFoY

ดูของจริงกันดีกว่า  คลิปนี้ไม่มีการตัดต่อ เงือกสาวอยู่ใต้น้ำจริงๆ

http://www.youtube.com/watch?v=1gz5_aCEGSE

มาปั่นเรตติ้ง   รอคำตอบจากซายาเพ็ญ ว่ามันตัวอะไรกันแน่

 ;D

คุณดีดีว่าเงือกที่กรีนแลนด์ จริงหรือหลอก  ;)

ขออภัยที่ลบรูปเด็กที่มีอาการเมอร์เมดซินโดรมออกค่ะ    เพราะเคยมีรูปลงในกระทู้นี้  และมีสมาชิกท้วงมาแล้วค่ะ เพราะชื่อกระทู้คือ สัตว์ประหลาด   ดิฉันก็เลยลบรูปออก
ส่วนเงือกที่กรีนแลนด์และเงือกยิว เรายังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่

ว่าจะเตือนคุณดีดีแล้วเชียว

แหะ แหะ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ผมเดาว่าไอ้ฟ้าๆ ที่เหมือนมือคือปลาหมึกครับ

คุณประกอบหมายถึงภาพนี้หรือคะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=40316;image)

คร้าบบบบ

มือสีฟ้าข้างขวา ของตัวนี้มากกว่ามั้ง

ขอโทษค่ะ ลืมนึกถึงชื่อกระทู้ไป มัวแต่นึกถึงนางเงือก.. :(

คลิปนางเงือกทั้งสองคลิปข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของรายการ Mermaids: The New Evidence ออกอากาศครั้งแรกทางช่อง Animal Planet  (http://en.wikipedia.org/wiki/Animal_Planet) เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖  ก่อนหน้านั้นหนึ่งปีทางช่อง Animal Planet ได้ออกอากาศรายการ Mermaids: The Body Found เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการครั้งนั้นเป็นที่ฮือฮามาก ทำให้หลายคนเชื่อว่าเงือกมีจริง จนทางการสหรัฐต้องออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการว่า "นางเงือกไม่มีจริง" (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341378806&grpid=01&catid=01)

ความจริงโฆษณารายการก่อนออกอากาศก็ให้ข้อมูลแล้วว่า รายการนี้เป็น "science fiction  based on some real events and scientific theory"  ;)

สำหรับรายการเงือกตอนที่ ๒ Mermaids: The New Evidence  ก็เช่นเดียวกัน เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2333515/Mermaid-hoax-How-mockumentary-gave-Animal-Planet-biggest-audience-EVER.html) ให้ข้อมูลว่าตอนท้ายของรายการก็แจ้งไว้ว่า รายการนี้เป็น 'science fiction' based on 'scientific theory'.  นักวิทยาศาสตร์ในรายการก็เป็นเพียงนักแสดง และเงือกในคลิปก็เป็นของปลอม

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=40316;image)

มือเงือกก็น่าจะเป็นมือของนักแสดงสวมถุงน่อง สังเกตให้ดีมีเส้นลายมือด้วย  ;)

สนใจรายการ "เงือก" ของ Animal Planet เข้าไปดูได้ที่

http://animal.discovery.com/tv-shows/mermaids/videos/circus-trick-or-real-mermaid.htm

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

http://www.youtube.com/watch?v=Cm3XdC-p8_I

ถูกต้มซะสุก

เอามาฝากคุณเพ็ญชมพูและขาประจำกระทู้นี้ค่ะ
ไม่รู้ว่าสัตว์น้ำจริงๆหรือเปล่า   ถ้าจริง  น่าจะเป็นแมงกระพรุนยักษ์

http://www.youtube.com/watch?v=ylp3ZCJiBIk

Deepstaria enigmatica (http://en.wikipedia.org/wiki/Deepstaria_enigmatica)

อ่านรายละเอียดได้ที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2143400/Mysterious-ocean-blob-revealed-deepstaria-enigmatica-jellyfish.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

คลิปรายการ Mermaids: The Body Found ของคุณเทาชมพู


มีเรื่องที่น่าสนใจตั้งแต่นาทีที่ ๕๗.๐๐ - ๕๘.๔๐ เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพเขียนเกี่ยวกับคนมีหางเป็นปลา-เงือก? ในถ้ำที่อียิปต์

http://www.youtube.com/watch?v=shj40XftMsw

แต่ว่านั่นเป็นของจริงหรือเป็นผลงานของฝ่ายศิลปกรรมของรายการกันแน่

ภาพดูใหม่ไม่มีร่องรอยความเก่าแก่ให้เห็นเลยหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ภาพวาดคนมีหางเป็นปลาบนผนังถ้ำของจริงแท้ มีอยู่ในเขต Karoo (http://en.wikipedia.org/wiki/Karoo) ประเทศแอฟริกาใต้

http://www.youtube.com/watch?v=x-ZSIPzSKec

ภาพวาดอยู่นาทีที่ ๓.๒๐-๓.๕๐

ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมในรายการ "เงือก" ของ Animal Planet ไม่เอาภาพวาดของจริงมาใช้  ???

ดูนางเงือกมาหลายคลิปแล้ว   ชวนมาดูนายเงือกกันบ้าง

http://www.youtube.com/watch?v=xdwGKGQCV6o

(http://i2.cdnds.net/13/15/618x311/odd-dogs-in-suspenders-1.jpg)

ขอแจมด้วยค่ะ อันนี้สัตว์ไม่ประหลาด แต่คนเอามาทำให้ประหลาดเอง

เห็นเค้าว่าฮิตกันมากที่เมืองจีนค่ะ  :-\ :-X :-\ :-X

เอามาปั่นเรตติ้งค่ะ  ไม่รู้ว่าตัวอะไร

บอกไม่ถูกเหมือนกัน   ;)

http://www.ufunk.net/en/artistes/les-animaux-etranges-de-carn-dearg/

มีทฤษฎีวิวัฒนการของมนุษย์ทฤษฎีหนึ่งชื่อว่า "ทฤษฎีลิงน้ำ" (http://en.wikipedia.org/wiki/Aquatic_ape_hypothesis) ที่เชื่อว่าคนมาจากลิงซึ่งลงไปใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำนับล้านปีก่อนที่จะขึ้นมาใช้ชีวิตบนบก

บรรพบุรุษมนุษย์เป็นลิงน้ำ?

มีผู้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการของมนุษย์ว่า บรรพบุรุษของพวกเรานั้นแรกเริ่มเดิมทีเป็นลิงอาศัยอยู่ในน้ำ ก่อนที่จะขึ้นบก เส้นขนหายไป เดินหลังตรง และมีขนาดสมองใหญ่ขึ้น

ทฤษฎีที่ว่านี้มีผู้สนับสนุนหลายคน รวมถึงเซอร์ เดวิด แอทเทนโบโรห์ นักธรรมชาติวิทยาและสื่อมวลชนชื่อดัง พวกเขาเชื่อว่าในสมัยดึกดำบรรพ์ มีลิงชนิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เส้นขนค่อย ๆ หายไป แล้วเริ่มเดินหลังตรง ก่อนที่จะพัฒนาขนาดสมองให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวมีผู้เสนอมาแล้วเมื่อ ๕๐ ปีก่อน แต่มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนเย้ยหยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้
 
ปีเตอร์ ไรส์ อีวานส์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศีรษะและคอจากโรงพยาบาลรอยัลมาร์สเดน กรุงลอนดอน กล่าวว่า มนุษย์มีลักษณะแตกต่างจากลิงเอพ อื่น ๆ อย่างมาก เพราะเราไม่มีขน เดินหลังตรง มีสมองขนาดใหญ่ มีไขมันใต้ผิวหนัง และมีกล่องเสียง ซึ่งเป็นลักษณะร่วมของสัตว์น้ำทั่วไป

เขาได้สังเกตพบว่า มนุษย์มีโพรงในกระดูกศีรษะที่ใหญ่ และพื้นที่ว่างในกะโหลกระหว่างแก้ม จมูก และหน้าผาก ทำหน้าที่เหมือนเป็นทุ่นเพื่อช่วยให้ศีรษะอยู่เหนือน้ำได้

ทฤษฎีวิวัฒนาการอื่น ๆ มักจะบอกว่า ลักษณะต่าง ๆ ข้างต้นได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ในช่วงเวลาที่ต่างกัน และมีสาเหตุที่ต่างกัน แต่ทฤษฎีลิงน้ำระบุว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากบรรพบุรุษของเราได้ตัดสินใจที่จะอยู่ในน้ำ หรือใกล้แหล่งน้ำเป็นเวลาหลายล้านปี

เซอร์ อลิสเตอร์ ฮาร์ดี นักชีววิทยาชาวอังกฤษ ผู้เสนอทฤษฎีนี้เป็นคนแรก เคยเขียนไว้ว่า ในอดีตลิงบางสายพันธุ์ได้ลงจากต้นไม้มาใช้ชีวิตบริเวณที่มีอาหารเพียงพอ เช่น ตามลำธาร แม่น้ำ และทะเล จากนั้นพวกเขากลายเป็นสัตว์เดินหลังตรง เนื่องจากความพยายามในการรักษาให้ศีรษะอยู่เหนือระดับน้ำ ส่วนเส้นขนก็ค่อยๆ หายไป ก่อนที่จะพัฒนาชั้นไขมันขึ้นเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่นใต้น้ำ

มีผู้สนับสนุนอีกจำนวนหนึ่งบอกว่า ลักษณะชีวเคมีของสมองมนุษย์สามารถช่วยพิสูจน์ความสัมพันธ์ของทฤษฎีได้ โดยเฉพาะ Docosahexaenoic acid หรือดีเอชเอ กรดไขมันโอเมกา ๓ ที่พบในอาหารทะเล ช่วยให้สมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเจริญเติบโตได้ดี

ไมเคิล ครอว์ฟอร์ด จากวิทยาลัยอิมพีเรียล กรุงลอนดอน กล่าวว่า หากไม่มีสารโอเมกา ๓ ในปริมาณสูงจากอาหารทะเล มนุษย์เราคงไม่สามารถพัฒนาจนมีสมองขนาดใหญ่ได้ ซึ่งแหล่งดีเอชเอที่สำคัญของโลกก็คืออาหารจำพวกปลา ขณะนี้ถูกคุกคามอย่างหนัก กังวลว่าจะนำไปสู่ผลที่ตามมาอันน่าสะพรึงกลัวกับสายพันธุ์ของเรา

"หากไม่มีดีเอชเอที่เพียงพอ ในอนาคตเราจะเผชิญกับปัญหาโรคภัยที่เกี่ยวกับสมอง และระดับสติปัญญาก็จะถูกทำลาย เราต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน และนี่คือเหตุผลที่แท้จริงของการนำเสนอทฤษฎีลิงน้ำ" นักวิชาการผู้นี้ระบุ

อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ โดยเฉพาะคริส สตริงเกอร์ จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ กรุงลอนดอน ที่แย้งว่า หากบรรพบุรุษมนุษย์เคยมีช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในน้ำ เราก็คงใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบนั้นหลายล้านปี แล้วเหตุใดถึงไม่พบหลักฐานหรือตัวอย่างฟอสซิล มิพักต้องพูดถึงการใช้ชีวิตร่วมกับจระเข้ และสัตว์น้ำที่ดุร้ายชนิดอื่น ๆ จึงไม่เข้าใจว่าพวกเขามีชีวิตรอดจากสิ่งแวดล้อมแบบนั้นมาได้อย่างไร

จาก ไทยโพสต์ (http://www.thaipost.net/x-cite/030513/72986)

http://www.youtube.com/watch?v=o-lVmYsFui8

ถ้าทฤษฎีลิงน้ำถูกต้อง ลิงที่อยู่ในน้ำนี้แหละคือ "เงือก"

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

โอ้ ในที่สุดก็พบญาติแล้ว

หรือ "ลิงน้ำ" จะเป็นญาติกับ "เงือก" พวกนี้ด้วย


เป็นเงือกพวกเดียวกับในเรื่อง "หนุ่มทิพย์" ของคุณแก้วเก้าหรือไม่หนอ

http://www.youtube.com/watch?v=l6MLNQ8V9DU

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

คนละตัวหนอ   เงือกในคลิปข้างบนอาศัยอยู่ในคลอง   
ในหนุ่มทิพย์เวอร์ชั่นแรก   เพ็ญ พิสุทธิ์เล่นเป็นนางเงือก

คลิปนี้จากอังกฤษ วันที่ ๓ พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มนักเรียนไฮสคูลชาวไอริช อ้างว่าสามารถบันทึกภาพวีดิโอของสัตว์ประหลาดบริเวณอ่าวฟอยล์ เมืองโดเนกัล ระหว่างที่ถ่ายทำโครงงานภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า " Fishing With David Lynch"

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=BmSb4N8SiY0

สื่อฝรั่ง  (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2319213/Irish-Loch-Ness-monster-caught-camera-film-students-Lough-Foyle.html) มองว่าน่าจะเป็น "เนสซี่"  แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดในเมืองไทย มันคือ "พญานาค"

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

เมื่อ ๓ ปีที่แล้วที่ประเทศอังกฤษ Garry Marsh และ Joan ภรรยา รับเจ้าเหมืยววัย ๑๐ สัปดาห์มาจากสถานสงเคราะห์สัตว์ ให้ชื่อว่า Polly

เมื่อมองที่ลำตัวข้างซ้ายของพอลลี่ทุกคนต้องยิ้มและแน่ใจว่ามันคือ "แมว" แน่นอน เพราะมีอักษร "cat" กำกับไว้

เรื่องและภาพจาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-1311461/A-tabby-marks-spelling.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ข้างล่างเป็นประโยคที่เพื่อน ๆ พอลลี่ช่วยกันเขียนไว้เป็น "ภาษาแมว"  (http://nekofont.upat.jp/en/)  

คงตรงกับความในใจที่หนูพอลลี่ต้องการจะบอก  ;D

เจ้าเหมียวตัวนี้อยู่ที่ญี่ปุ่น ชื่อเสียงเรียงนามอย่างไรไม่ปรากฏ แต่พิเศษมีลายเหมียวอีกตัวอยู่บนหลัง   ;D

แต่ถ้ามองพินิจพิจารณาดี ๆ จะเห็นว่าหูของแมวในลายเหมียวเกิดจากการย่นของหนังแมวบริเวณต้นคอ

ถ้าไม่มีหู ก็คงดูไม่เหมือนแมว  ;)

ถ้าหากมองจากทางหางมาหัว จะเห็นเป็นรูปเครื่องหมายคำถาม ?

ซึ่งก็ยังแปลกอยู่นั่นเอง  :D

ปรากฎการณ์ที่เราเห็นลายบนตัวแมวเป็นรูปแมวบ้าง เครื่องหมายคำถามบ้าง อย่างนี้เรียกใน ภาษาแมว  (http://nekofont.upat.jp/en/) ว่า

เอาแมงกะพรุนสีทองมาฝากซายาเพ็ญ  เผื่อจะอยากลงไปแหวกว่ายในทะเลสาบแมงกะพรุน

หากมีสปอนเซอร์สนับสนุนค่าเดินทางไปว่ายน้ำกับแมงกะพรุนในทะเลสาบ ก็น่าสนใจ   ;)

Palau Jellyfish Lake in Micronesia  (http://en.wikipedia.org/wiki/Jellyfish_Lake)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/ba/Jellyfish_Lake_aerial_%28March_2008%29.jpg/640px-Jellyfish_Lake_aerial_%28March_2008%29.jpg)

http://www.youtube.com/watch?v=wEzkM-CWC9k

แต่สนใจใกล้ ๆ นี้มากกว่า


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

แมงกะพรุนสีทอง  แมงกะพรุนถ้วย พวกนี้ ถ้าโดนเข้า   มันจะทำให้เกิดอาการคันไหมคะ

แมงกะพรุนถ้วยเยอะๆ ไม่ได้มีแต่แถวตราดหรอกครับ สมัยเด็กๆ บ้านผมอยู่ริมหาดสมิหลาสงขลา ทุกๆ ปีจะมีช่วงนึงที่จะมีแมงกะพรุ่นเล็กๆ สีต่างๆ ทั้งฟ้า ขาว แดง เขียว บ้างก็มีจุดๆ เม็ดๆ สีแดงข้างในลอยมาเกลื่อนหาดไปหมดคล้ายๆ ในรูปเลย เยอะจนไม่สามารถลงไปเล่นน้ำทะเลได้  แต่ไม่ทราบว่าถ้าไปแตะแล้วจะคันหรือเปล่าเพราะผมก็ไม่กล้าโดนหนวดมัน แต่โดนด้านบนไม่คันครับ

เอารูปสัตว์ประหลาดมาอวดบ้าง ผมซื้อมาจาก E-bay เมื่อซักสองปีมาแล้ว ราคาราวสองพันกว่าบาท  ส่วนหนึ่งของของสะสมครับ ตัวจริงยาวราวนิ้วเดียวเท่านั้น  ภาพจะขยายให้เห็นรายละเอียดในดวงตาและรอยตะปุ่มตะป่ำบนหัว  ใครทายถูกว่าตัวอะไร พันธุ์ไหน อาจจะมีรางวัลให้ดีไหมหว่า

ยังงี้ซายาเพ็ญก็คว้ารางวัลไปแบบไร้คู่แข่งน่ะซีคะ   ตัวอะไรน่ะ

พิษของแมงกะพรุนอยู่ที่หนวดของมันซึ่งมีเซลล์ที่เรียกว่า nematocyst หรือเข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อ  ภายในเข็มพิษมีน้ำพิษที่ทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลเรื้อรังและอาจถึงเสียชีวิตได้ ถ้าหากคน ๆ นั้นแพ้พิษของแมงกะพรุนมาก

ในทะเลสาบแมงกะพรุนที่คุณเทาชมพูแนะนำให้ไปเที่ยวมีแมงกะพรุนอยู่ ๒ ชนิดคือ moon jellyfish (Aurelia sp.)  และ golden jellyfish (Mastigias sp. ) ทั้งสองชนิดนี้มีเข็มพิษ แต่มีพิษอ่อนมาก ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เป็น Trilobite (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B9%8C) แน่นอน

ดูจาก อีเบย์  (http://www.ebay.com/itm/D634-SUPER-DETAILED-TRILOBITE-Paralejurus-sp-/360687363654?pt=LH_DefaultDomain_0&hash=item53faa46646) ตัวนี้หน้าตาและราคาเข้าเค้า   ;D

ซายาเพ็ญนี่อับดุลจริงๆ   ใช่แล้วครับ ตัวนี้คือ Trilobite แต่ตัวนี้พันธุ์ Scabriscutellum Furciferum อายุราว 300-400 ล้านปี  โหลน้อยกว่า Paralejurus ตัวที่กำลังขายใน Ebay นิดนึง ปัจจุบันพบได้ในสภาพเป็นฟอลซิลตามชั้นหินกลางทะเลทรายแถวโมรอคโค Trilobite ตัวเป็นๆ ตัวสุดท้ายในโลกสูญพันธุ์ไปก่อนที่จะมีไดโนเสาร์อีก และอาจจะมีบรรพบุรุษร่วมกันกับแมงดาทะเล เมืองไทยสามารถหาฟอสซิล Trilobite ได้ตามภูเขาหินแถวสตูลครับ ว่างๆ จะลองไปหาบ้าง  ตามันโปนๆ น่าเอ็นดูดี

เนื่องจากบอกรายละเอียดได้ไม่หมด งดของรางวัล ปรบมือแปะๆ ให้พอ  ;D  ;D  ;D

นึกของรางวัลออกละ ผมได้ Trilobite ฟรีมาเสี้ยวนึง คือไม่ครบตัว มีแต่หัวกับตา แต่ตาสวยมาก หน้าตาน่ารักสุดๆ เหมือนตัวประหลาดใส่แว่นดำน้ำ จะส่งไปให้ซายาเพ็ญนะคร้าบบบบ ขอที่อยู่ด้วยครับ  หรือไม่อาจจะส่งตัวใหญ่ไปให้ตัวนึง เหมาะไว้ทำที่ทับกระดาษเวลานอนอ่านหนังสือมาก   8)  8)  8)

ขอบพระคุณสำหรับรางวัลที่จะมอบให้

อยากให้เพื่อน ๆ ชาวเรือนไทยเห็นไทรโลไบต์เสี้ยว กับตัวเต็ม กรุณาโชว์ตัวหน่อย

ตกลงจะได้ตัวเสี้ยวหรือตัวเต็ม ยืนยันด้วยหนอ รอดูรางวัลล่วงหน้าด้วยความตื่นเต้นยิ่ง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ภาพ collection สะสมของผมครับ ฮิฮิ  ตัวที่จะให้เป็นรางวัลได้คือตัวในภาพเดี่ยวๆ ครับ ตัวนี้มันแท้ครึ่งตัว กับมีส่วนที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า restore เยอะเหมือนกัน แต่ตัวนี้ถ้าใช้ทำที่ทับกระดาษนี่ รับรองว่าเท่ห์ไม่เหมือนใคร  ;D  ;D  ;D

ไตรโลไบท์นี่หาซื้อเมืองไทยยากซักหน่อย ที่ขายๆ กันก็แพงเว่อร์ ผมสะสมตั้งแต่มาอยู่อังกฤษใหม่ๆ แต่ตอนนี้เลิกสะสมแล้ว เพราะปีสองปีมานี้ราคามันขยับขึ้นเยอะเลยครับ

สงสัยว่าสองคนเขาตื่นเต้นอะไรกัน  เลยไปถามลุงกู๊กดู ลุงให้ไปถามน้องวิกี้
เลยได้คำตอบมาว่า 
ไทรโลไบต์ เป็นสัตว์ทะเลที่มีรยางค์เป็นข้อปล้องในไฟลัมอาร์โธรโพดา ในชั้น “ไทรโลไบตา” เริ่มปรากฏครั้งแรกในยุคแคมเบรียนตอนต้นและชุกชุมในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้น   ก่อนที่จะเริ่มต้นลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ไปในที่สุด

มาแปลไทยเป็นไทยครับ  ;D  ;D  ;D

ตัวสามพู เป็นสัตว์ทะเลในตระกูลเดียวกับพวกแมลงหรือกุ้ง เริ่มปรากฏครั้งแรกตั้งแต่เมื่อประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว สูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อประมาณ 250 ล้านปีก่อน ครองโลกอยู่ราวๆ เกือบ 300 ล้านปี ปัจจุบันสัตว์ที่ดูใกล้เคียงตัวสามพูมากที่สุดน่าจะเป็นแมงดาทะเลครับ   ที่เรียกสามพูเพราะแบ่งร่างกายออกเป็น 3 ส่วน ซ้าย ตรงกลาง และขวา แต่คนมักจะเข้าใจว่ามาจากการแบ่งเป็นหัว ตัว และหาง

หน้าตารางวัลของคุณประกอบดูน่ารักดี คิดว่าคงมาทำหน้าที่ทับกระดาษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบพระคุณในความกรุณาอีกครั้งหนึ่ง

ป.ล. ที่อยู่ดูที่หลังไมค์เน้อ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

นักสะสมฟอสซิลอย่างคุณประกอบ น่าจะรู้จักเจ้าตัวนี้   ;)

ตัวแอมโมไนต์ครับ หาง่าย ราคาไม่แพง แต่ของปลอมก็เยอะ  ผมไม่ได้สะสมตัวแอมโมไนต์เพราะหน้าตามันดูเหมือนกันไปหมด สู้ตัวสามพูไม่ได้ครับ เห็นตาใสๆ พอเอากล้องส่องพระส่องขยายดูจะเห็นเป็นตาประกอบเล็กๆ อลังการงานสร้างกว่ามาก ตามันแป๋วแหววดี ตัวที่จะส่งให้ซยาเพ็ญตามันเหลือให้ดูไม่เท่าไหร่ เป็นส่วนซ่อมซะเยอะแต่ก็ยังพอดูได้ครับ  นี่ยังไม่ได้ส่งเลยเพราะยังหากล่องเล็กๆ ใส่ไม่ได้  ใส่ซองจดหมายไปรษณีย์เค้าไม่ยอม  เดี๋ยวจะแถมกล้องส่องพระไว้ส่องดูไปให้ด้วย  :D  ;D  ;D


ใครรักจะสะสมฟอสซิลนี่ต้องระวังมาก กระเป๋าจะฉีกเอาได้ง่ายๆ  ช่วงนึงผมนั่งส่องฟอสซิลทั้งวันเหมือนพวกเล่นพระเครื่องนั่งส่องพระเลย   เวลาดูลวดลายบนฟอสซิล เห็นรอยหยักบนพื้นผิว รอยตะปุ่มตะป่ำบนผิว ดวงตาประกอบเล็กๆ แบบแมลง เห็นแล้วมันอัศจรรย์ใจมากว่าสามสี่ร้อยล้านปี ธรรมชาติยังรักษารายละเอียดเล็กๆ พวกนี้ไว้ได้เป็นอย่างดี  สะสมมากส่องบ่อย ตอนนี้เริ่มบอกได้แล้วว่าตัวไหนแท้ตัวไหนไม่แท้ ตัวไหนแท้ครึ่งตัว  ตรงไหนของจริงตรงไหนเป็นการซ่อม  ชักจะเชี่ยวแล้ว  ซายาเพ็ญต้องระวังหละครับ ได้ไปซักตัวเดี๋ยวจะติดใจต้องหาซื้อเพิ่มให้วุ่นวายกันหละทีนี้   :P  :P


ภาพตัวสามพูอีกตัวที่สะสมไว้ ของจริงยาวนิ้วกว่าๆ เท่านั้นเอง ภาพมันขยายเลยดูใหญ่  นั่งส่องตามันอย่างเดียวก็สุขใจแล้ว

แอมโมไนต์ตัวนี้ชื่อ Dactylioceras tenuicostatum มาจากWhitby, Yorkshire ประเทศอังกฤษ  

แอมโมไนต์เป็นสัตว์พวกหอย อายุไม่มากเท่าไทรโลไบต์ เพิ่งสูญพันธุ์ไปพร้อม ๆ กับไดโนเสาร์เมื่อ ๖๕ ล้านปีมานี้เอง  มีขนาดตั้งแต่เล็กกว่าในภาพ จนถึงใหญ่ยักษ์ดังในคลิป

http://www.youtube.com/watch?v=teYVYbo0Ac8

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ซายาเพ็ญไม่เอาของสะสมมาโชว์คุณประกอบบ้างหรือคะ   จะได้ขอชมด้วย
อยากรู้ว่าสะสมสัตว์ประหลาดประเภทไหน

สัตว์ประหลาดข้างล่างนี้เคยเอามาในกระทู้แรกหรือยังก็ไม่ทราบ      อะไรที่ดูเหมือนกิ่งไม้แห้งๆนี้ ความจริงคือแมลงชนิดหนึ่ง เรียกว่า Stick Bug (หรือ Stick Insect)

ของสะสมก็คือภาพในกระทู้สัตว์ประหลาดนั่นแหละหนอ   ;D


ตั๊กแตนกิ่งไม้พวกเดียวกับที่คุณเทาชมพูนำมาฝาก มีชาวเรือนไทยหามาให้สะสมหลายตัวทีเดียว




(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ลำดับต่อไป แพนด้าแดง (red panda)
ทำไมดูแล้วไม่ยักนึกว่าเป็นแพนด้า   กลับนึกไปถึงตัวฮู่ลี้(ปีศาจจิ้งจอก)ในหนังกำลังภายใน

ตามสายวิวัฒนาการ แพนด้าแดงใกล้ชิดแรคคูนมากว่าแพนด้ายักษ์  ;D

น่าจะตั้งชื่อว่าแรคคูนแดง มากกว่าแพนด้าแดง
เอาปูมาฝากอีกตัว   ไม่รู้ว่ากินได้หรือเปล่า  ชื่อปูมะพร้าวยักษ์  (Giant Coconut crab)

ปูมะพร้าว Birgus latro อยู่ในกลุ่มเดียวกับปูเสฉวน โดยเฉพาะตอนวัยเด็ก หน้าตาปูเสฉวนอย่างไรอย่างนั้นเชียว

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/7f/Coconut_Crab_-_Birgus_latro_%284090669383%29.jpg/770px-Coconut_Crab_-_Birgus_latro_%284090669383%29.jpg)

ก่อนจะถึงวัยอยู่ในเปลือกหอย ตัวอ่อนของปูมะพร้าวอยู่ในทะเล ๔-๕ ระยะ ลอกคราบไปเรื่อย ๆ กว่าจะขึ้นมาอยู่บนบก  

ป.ล. ได้ยินว่าเนื้อปูมะพร้าวอร่อยใช้ได้ทีเดียว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

กินปูมะพร้าวเสร็จแล้ว  เอามาฝากอีกตัว
มดกำมะหยี่แดง    เขาว่ามันมีพิษกัดเจ็บมากเชียวหรือคะ

ตัวเดียวกันไหมเอ่ย... ;D

มดแปลกๆ มาฝากค่ะ.... ;D

อีกรูปค่ะ... ;D

อีกรูปนะคะ น่ารักดี... ;D

มดของคุณ DD ราวกับเป็นของเล่น  น่ารักมากค่ะ  ไม่รู้ว่ามีพิษหรือเปล่า

นี่คือหอย Geoduck หรือหอยงวงช้าง    หน้าตาประหลาด แต่กินได้อร่อยด้วย

ไม่ใช่ "มด" ดอก มันคือ "แตน" Dasymutilla occidentalis (http://en.wikipedia.org/wiki/Dasymutilla_occidentalis) ตัวเมีย ไม่มีปีก มีเหล็กไนพิษร้ายนัก มีสมญานามว่า "นักฆ่าวัว -cow killer" เชียว

ส่วนตัวผู้ มีปีก ใจดีเพราะไม่มีเหล็กไน  ;D

มดของคุณดีดีคือ มดน้ำผึ้ง - Honeypot ant  (http://en.wikipedia.org/wiki/Honeypot_ant)  

เป็นเอเลี่ยนสปีชี่ชนิดหนึ่ง อยู่ที่ อุทยานแห่งชาติเขานัน จ.นครศรีธรรมราช   (http://hilight.kapook.com/view/16546)   :o
 
http://www.youtube.com/watch?v=Vjae5RqODFc

แตนกำมะหยี่แดง มีอยู่ในประเทศไทยหรือเปล่าคะ

คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Dasymutilla_occidentalis)  เล่าไว้ดังนี้

Dasymutilla occidentalis, commonly known as the Eastern Velvet Ant or Red Velvet Ant, is a species of parasitoid wasp that is native to the eastern United States. It is commonly mistaken for a member of the true ant family, as the female is wingless. The species ranges from Connecticut to Missouri in the north and from Florida to Texas in the south. Other common names include cow ant and cow killer.

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

หอยงวงช้าง เป็นชื่อหอยอีกชนิดหนึ่งคือ Nautilus เป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์อยู่บนโลกนี้แล้วกว่า ๓๕๐ ล้านปีแล้ว และยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็น ฟอสซิลที่มีชีวิต   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=QMFqV4SJLWg

ผัดดึกดำบรรพ์  ฝีมืออาเฮีย

จานนี้แบบญี่ปุ่นค่ะ

ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่มีโอกาสเจอ    

ดึกดำบรรพ์อย่างไรหนอ 

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley19.png)

^
ดึกดำบรรพ์อย่างนี้หนอ

Geoduck (http://en.wikipedia.org/wiki/Geoduck) มีชื่อจีนว่า  象拔蚌 แปลว่า หอยงวงช้าง คนไทยจึงเรียกว่า หอยงวงช้าง บ้าง แต่บางคนก็เรียกอีกชื่อหนึ่งตามลักษณะของหอย  ;D  ถ้านำมาผัดคงไม่ดึกดำบรรพ์

Nautilus (http://en.wikipedia.org/wiki/Nautilus)  คนไทยก็เรียกว่า หอยงวงช้าง เช่นกัน ถ้านำมาผัดก็คงเรียกว่า "ผัดดึกดำบรรพ์" ได้ แต่คงไม่อร่อย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ขออำภัย เสิฟผิดจาน

แก้ตัวด้วยการเสนอของสะสมรายต่อไปของคุณเพ็ญชมพู
 ชื่อ  Giraffe Weevil
ไปถามลุงกู๊กว่าวีวิลแปลว่าอะไร  แกตอบว่าแปลว่าด้วง
ด้วงยีราฟ?

แล้วคุณเทาชมพูรู้จักด้วงตัวนี้ไหมเอ่ย   ;)

ไม่รู้จักเพื่อนคุณเพ็ญชมพูซักคน

เห็นหอยงวงช้าง  คนทะลึ่งแบบผมไม่ยักมองเป็นงวงช้างแฮะ  :-X  :-X  :-X  :-X  :-X  :-X  :-X  :-X

^

^
เมื่อยไหมหนอ  ;D

สัตว์ ๒ ตัวข้างล่างนี้ล้วนคือ ด้วงยีราฟ Trachelophorus giraffa  ตัวบนคือตัวผู้  ส่วนตัวล่างคือตัวเมีย

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=40951;image)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=40962;image)

คอยาว ๆ ของตัวผู้นอกจากจะมีไว้เพื่อความเท่แล้ว ที่สำคัญคือเอาไว้ต่อสู้เพื่อแย่งกันมีอะไรกับสาว  ;)

http://www.youtube.com/watch?v=CN-WjdA6uUo

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

หนอนประหลาดตัวนี้อยู่ในคอลเลคชั่นของคุณเพ็ญชมพูแล้วหรือยัง

ในกระทู้แรกสะสมหนอนผีเสื้อประหลาดไว้หลายตัว

ตัวของคุณเทาชมพูตัวนี้เป็นหนอนผีเสื้อกลางคืน Pandora sphinx moth Eumorpha pandorus (http://en.wikipedia.org/wiki/Eumorpha_pandorus)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e7/Eumorpha_pandorusPCCA20040716-3450B.jpg)

ตัวในลิ้งก์ข้างบนน่าจะแปลกประหลาดกว่า  

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ระหว่างที่ไปหาผีและสิ่งลึกลับมาเพิ่มในคอลเลคชั่นของคุณประกอบ     ก็ไปเจอตัวประหลาดเข้าตัวหนึ่งที่ดูๆแล้วน่าจะอยู่กระทู้นี้มากกว่ากระทู้โน้น  จึงจูงมาให้ซายาเพ็ญเอาเข้ากรุไว้     ไม่แน่ใจว่าเคยพามาในกระทู้สัตว์ประหลาด ๑ แล้วหรือยัง

สัตว์ประหลาดตัวนี้ชื่อ Chupacabra หรือชูปาคาบรา   เป็นภาษาสเปนแปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ   มีผู้พบเห็นแถวอเมริกาใต้อย่างเปอร์โตริโก เม็กซิโกและบางส่วนของอเมริกาด้วย     ไม่มีใครรู้ว่าเป็นสัตว์ชนิดไหน  รู้แต่ว่าเป็นสัตว์ร้ายชอบมาขย้ำกินปศุสัตว์และดูดเลือดจากร่าง โดยเฉพาะแพะ
ในเมื่อหาตัวเป็นๆไม่ได้   นักวิชาการก็เลยเชื่อว่าเป็นแค่คำเล่าลือเท่านั้น   มีแต่รูปวาดหน้าตาพิลึกกึกกืออย่างข้างล่างนี้   

แต่ไม่นานนี้มีผู้ยืนยันว่าถ่ายรูปตัวชูปาฯได้แล้ว

http://www.youtube.com/watch?v=wYemBLuou90

คุณเทาชมพูเคยพา Chupacabra มาเยี่ยมกระทู้สัตว์ประหลาดแล้วครั้งหนึ่ง


ครั้งนั้นรู้สึกแท้จริงจะเป็นตัว coyote


ครั้งนี้คิดว่าเป็นตัว honey badger Mellivora capensis (https://en.wikipedia.org/wiki/Honey_badger)  สังเกตตั้งแต่นาทีที่ ๒.๔๑ จะเห็นลายสีขาวอยู่บนหัว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ยังจำ "วีนัส" แมวหน้าสองสี ได้ไหม  ;)


คราวนี้มีมาอีกหนึ่ง ไม่ใช่แมวแต่เป็นแกะวัย ๔ สัปดาห์นาม Battenberg  อยู่ที่เวลส์ อังกฤษ  Battenberg มีหน้าข้างขวาดำ ส่วนข้างซ้ายขาว ขาดำสองข้าง ขาวสองข้าง และที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือพ่อแม่ของมันเป็นแกะสีขาว ไม่ใช่แกะดำ

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2013/05/03/article-2318843-199A4F98000005DC-241_634x500.jpg)

ความแปลกของ Battenberg นำโชคดีให้มัน คือเจ้าของบอกว่าจะเลี้ยงดูมันเป็นสัตว์เลี้ยงแทนที่จะเอาไปทำเป็นอาหารเย็น

รายละเอียดรูปและเรื่องสามารถเข้าไปดูได้ที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2318843/Two-faced-Meet-Battenberg-week-old-lamb-black-white-markings-saved-life.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

สืบเนื่องมาจากของสมนาคุณจากคุณประกอบ



เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี้เองมีพัสดุภัณฑ์ส่งมาจากอังกฤษ มาทาง AIR MAIL เสียด้วย

เป็นอะไรหนอ ตื่นเต้น   ;)

มีอะไรอยู่ในกล่องหนอ  ;)

ตัวสามพูกับกล้องส่องพระ จากคุณประกอบนั่นเอง  ;D ไหนว่าอีกสองเดือนจะมาถึง นี่แค่สิบกว่าวันเอง  ;)

ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ขออนุญาตกลับไปเรื่องของ "แกะ"

แกะหน้าขาว-ดำที่อังกฤษเป็นความแปลกประหลาดเฉพาะตัว

(http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2013/05/03/article-2318843-199A4DE5000005DC-432_634x473.jpg)

แต่ที่ แคว้นวาเลส์ (Valais) (https://en.wikipedia.org/wiki/Valais) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งกำเนิดของแกะพันธุ์หน้าตาประหลาดอยู่พันธุ์หนึ่ง ที่ฝรั่งเรียกว่า "แกะจมูกดำ" Valais blacknose sheep (http://en.wikipedia.org/wiki/Valais_Blacknose_(sheep)) แต่ถ้าดูให้ดีมันไม่ใช่ดำแค่จมูก แต่ดำทั้งหน้า นอกจากนั้นยังดำที่หู เข่า และเท้า   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=s2KjhMGcOpo

ที่แคว้นวาเลส์นี้ นอกจากจะมี"แกะจมูกดำ" ซึ่งดำไปทั้งหน้าแล้ว ยังมี "แพะคอดำ" Valais blackneck goat  (http://en.wikipedia.org/wiki/Valais_Blackneck) ซึ่งจริง ๆ แล้วดำไปถึงครึ่งตัว  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=rUEIiHjBooM

แกะแพนด้าก็มีจ้า

แกะแพนด้าตัวข้างบนอยู่ที่อังกฤษ เช่นเดียวกับตัวข้างล่างนี้


ที่ปากช่องก็มี



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เป็นกวางหรือยีราฟ          หรือเป็นภาพตกแต่งกัน
ลองหาคำตอบนั้น           สัตว์ใดหนอขอทราบที

จะเฉลยทีเดียวก็ไม่สนุก ให้เพื่อน ๆ ลองส่องอินทรเนตรหากันจะสนุกกว่า   ;D

เป็นกวางใช่ไม๊ค้าบ    คล้ายยีราฟคอไม่สั้น
โซมาเลียเค้าเรียกกัน  ชื่อเจเรนุค (http://en.wikipedia.org/wiki/Gerenuk)นั้นเป็นที่มา

(http://f.ptcdn.info/887/006/000/1372941828-1370708482-o.gif)

สำหรับตัวข้างล่างนี้ไม่คล้ายยีราฟ แต่เหมือนเปี๊ยบเลยเชียว
เพราะว่าำกำลังอยู่ในภารกิจปลอมตัว(ด้วยโฟโตชอป) ไปสืบราชการลับที่กลางฝูงยีราฟครับ

(http://img493.imageshack.us/img493/4884/genewhat5qh.jpg)

 ;D

เยี่ยม ได้สิบคะแนนเต็ม

ป.ล. ตรวจคำตอบจากโตเกียว  ;)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เล่าเรื่องโตเกียวในห้องหน้าต่างโลกบ้างได้ไหมคะ    ถ้ามีภาพประกอบได้ยิ่งดี

อ่านคำตอบของคุณ mrpzone อีกที


ตรงนี้ไม่ถูกต้องนัก เจเรนุกเป็น แอนติโลป (http://en.wikipedia.org/wiki/Antelope) ซึ่งเป็นสัตว์อยู่ในวงศ์เดียวกับวัว ไม่ใช่อยู่ในวงศ์กวาง คะแนนเต็มที่ได้ไม่หักดอก ฐานที่ขยันตอบ  ;)

ป.ล. สำหรับคำขอเรื่อง "โตเกียว" ของคุณเทาชมพู คงมีโอกาสนำเสนอในโอกาสต่อไป  ;D

^
จะรอชมภาพโตเกียวค่ะ

เอาสัตว์ประหลาดมาฝาก    เผื่อคุณเพ็ญชมพูจะช่วยตรวจสอบให้ได้ ว่ามันตัวอะไรกันแน่

http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/02/blog-post_20.html#ixzz2LRLx33jJ

(19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า มีผู้พบซากสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายลูกไดโนเสาร์หรือสัตว์ประหลาดต่างดาว (ตัวเอเลี่ยน)
ที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 5 ต.ห้วยยางโทน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายชัยพล สว่างพื้น อายุ 30 ปี
จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายชัยพล กำลังนั่งดูซากสัตว์ประหลาดที่นำมาเก็บไว้ในกล่องพลาสติกอย่างดี
โดยนายชัยพลบอกว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้เดินไปดูพื้นที่นา ติดกับป่าละเมาะ และพบซากลูกสัตว์ดังกล่าวที่บริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ปะปนกับใบไม้แห้ง    เมื่อมองดูแล้วมีลักษณะประหลาดจึงได้เก็บมาให้กับญาติ ๆ ดู หลายคนก็บอกว่าไม่เคยเห็นและบอกให้เก็บไว้ให้ดีอาจจะมีโชค 
 ลูกสัตว์ประหลาดที่พบนั้นมีลักษณะแห้ง ไม่เน่าไม่เปื่อยคล้ายมัมมี่ ลำตัวยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 15 เซนติเมตร ลำตัวกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร   บริเวณส่วนหัวมีกระโหลกยาวคล้ายวัว ลำตัวมีซี่โครงเรียงเป็นชั้น ๆ มีกระดูกสันหลังยาวตลอดจนถึงหาง ที่เท้าจะมีกลีบเล็กๆ หลายกลีบ และมีรกติดอยู่ด้วย


ชาวบ้านที่มาดูต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา บ้างว่าลูกสัตว์ประหลาดตัวนี้มีลักษณะคล้ายลูกหมูหรือลูกวัว  แต่มีลักษณะตัวเล็กผิดปกติ บางคนบอกว่ามีลักษณะคล้ายลูกไดโนเสาร์ โดยเฉพาะนายชัยพล ซึ่งเป็นผู้ที่ไปพบซากลูกสัตว์ประหลาดตัวนี้บอกว่ามีลักษณะคล้ายกับตัวเอเลี่ยน เพราะมีลูกตาและหัวโต  และอยากให้มีหน่วยงานใดก็ได้เข้าไปพิสูจน์ว่าลูกสัตว์ประหลาดที่พบนั้นเป็นอะไรกันแน่

คำตอบ คือ "กระจง"

สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะใกล้เคียงกับซากสัตว์ประหลาดมากที่สุด คือสัตว์ป่าจำพวกกระจง เพราะเป็นสัตว์เท้ากีบ และบริเวณที่พบซากอยู่ติดกับเขตป่าสงวนอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน  นายสัญชัย เมฆฉาย นักวิชาการจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้เดินทางไปพิสูจน์ซากสัตว์ประหลาด และยืนยันว่าเป็นลูกกระจงซึ่งคลอดก่อนกำหนด เหตุที่ซากมีลักษณะแห้งและไม่เน่าเปื่อยเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ร้อนและแห้งแล้งนั่นเอง

ข้อมูลจาก เว็บองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (http://www.nsm.or.th/nsm2012/index.php?option=com_k2&view=item&id=505:ซากสัตว์ประหลาด-ณ-ราชบุรี&Itemid=719)

ป.ล. ยังอยูที่ ทสึกุบะ (http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEF5TVRFMU1nPT0=) เมืองวิทยาศาสตร์อยู่เลยหนอ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5650.0;attach=41455;image)

ยังไม่มีโอกาสไปเมืองทสึกุบะ เมืองวิทยาศาสตร์  เลยหนอ   อยากเห็นรูปค่ะ
เจอหุ่นยนต์แมวน้ำ "พาโร"หรือยัง?

ทสึกุบะจะมาพร้อมกับโตเกียวในโอกาสต่อไป  ;D

เจอสัตว์ประหลาดตัวนี้หรือยังหนอ   
 http://blog.goo.ne.jp/heiun/e/a9e191fbbafee58f3ff37440dff88935

หาสัตว์ประหลาดตัวใหม่มาเข้าคอลเลคชั่นคุณเพ็ญชมพู

ตัวแรก


สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นซากของดอกไม้ทะเล (sea anemone) ที่ตายแล้ว

ตัวเป็น ๆ น่าจะมีหน้าตาและพฤติกรรมประมาณนี้ 

http://www.youtube.com/watch?v=epuuvBnWoOI

ตัวที่สอง


อาจจะเป็นซากของ วาฬฟิน (http://en.wikipedia.org/wiki/Fin_whale) Balaenoptera physalus  ;D

ดอกไม้ทะเลเป็นสัตว์หรือเป็นพืช  ??? 
หรือเป็นอะไรอีกสักอย่าง ที่คุณเพ็ญชมพูเคยอธิบายให้ฟัง  แต่คนฟังไม่เข้าหัวจนบัดนี้

รอยอินท่านช่วยอธิบายได้ดังนี้

ดอกไม้ทะเล น. ชื่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิดและหลายสกุล ในอันดับ Actiniaria รูปทรงกระบอกยืดหดได้ ด้านหนึ่งเป็นฐานสําหรับยึด ด้านตรงข้ามเป็นช่องปาก มีหนวดมาก, เห็ดหลุบ ก็เรียก

ปรกติดอกไม้ทะเลจะไม่เคลื่อนที่ไปไหนยกเว้นในกรณีดอกไม้ทะเลตัวข้างบนที่ชื่อว่า Stomphia coccinea ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้โดยการกระตุ้นของดาวทะเล  Dermasterias imbricata

http://www.youtube.com/watch?v=Dm98n3908QM

อ่านรายละเอียดได้ในนิตยสาร nature (http://www.nature.com/nature/journal/v262/n5570/abs/262708a0.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ข่าวจาก เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/thailand/224148)

พบสัตว์ประหลาดตัวจิ๋วรูปร่างเล็กเหมือนหนู ปากยาว

เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านจับสัตว์ประหลาดตัวจิ๋วได้ที่ร้านทุ่งดินดำรีสอร์ท หมู่ ๗ ต.บ้านยาง อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี   จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดจันทราราม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่บริเวณลานวัดหน้าวิหารหลวงพ่ออโนทัย พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มมุงดูสัตว์ประหลาดตัวจิ๋ว อยู่ภายในโหลพาสติกใส ซึ่งมีรูปร่างคล้ายหนูแต่ตัวเล็กมากตัวเท่านิ้วหัวแม่มือ ลำตัวยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร ตาโต มีใบหู ๒ ข้างใหญ่ ที่ประหลาดก็คือมีปากยาวและกว้าง  และมีขาหน้าเล็กกว่าขาหลัง มีความปราดเปรียววิ่งเร็ว
 
ชาวบ้านบางคนว่าเป็นหนู บางคนว่าไม่ใช่ถ้าเป็นหนูทำไมตัวเล็กวิ่งเร็ว ถ้าเป็นหนูตัวขนาดนี้ยังเดินไม่ได้ บางคนว่าเป็นชะมดเพราะปากยาวเหมือนมาก

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=RJUNVzq23Xw

ดูจากภาพ คุณคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือตัวอะไร ;)
 

รอคุณ DD หรือไม่ก็ คุณ mrpzone มาตอบ

ไปแอ่วเชียงใหม่เพิ่งกลับมาครับ เห็นอาจารย์ใหญ่ขานชื่อก็เป็นที่ยินดียิ่งนัก  :-[

แหะๆ แต่การบ้านของ อ.เพ็ญชมพู คล้ายหนูแต่จมูกยาวซะด้วย
ก็คงต้องใช้เวิร์บทูเดาไปพลางๆ ก่อน (หาจากอากู๋ก็ไม่เฉลย ถ้าได้คำใบ้ซักเล็กน้อยก็คงจะดี ^^)

(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/224148.jpg)
(ภาพจากเดลินิวส์)

เดาว่าเป็น หนูผีจิ๋ว (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%8B%E0%B8%A7) (Suncus etruscus) ครับ เพราะลักษณะน่าจะฟิตโปรไฟล์กว่าชนิดอื่นๆ

ข้อมูลจากวิกิ : หนูผีจิ๋ว หรือ หนูผีอีทรัสแคน (อังกฤษ: Dwarf shrew, Etruscan pygmy shrew, ชื่อวิทยาศาสตร์: Suncus etruscus) เป็น หนูผี (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9C%E0%B8%B5) ชนิดหนึ่ง หนูผีจิ๋ว มีเท้าหลังสั้นมากและมีสีคล้ำในตัวเต็มวัย กะโหลกลาดแบน จมูกแหลมยาวมาก ตามีขนาดเล็กมาก ใบหูมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดลำตัว มีความจากหลายจมูกถึงรูทวารเพียง 4–5.6 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.8 กรัม เท่านั้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกจัดให้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกมาแล้ว ก่อนจะถูกแทนที่ตำแหน่งนี้ด้วยการค้นพบค้างคาวคุณกิตติ (Craseonycteris thonglongyai) ในเวลาต่อมา หนูผีจิ๋ว มีพฤติกรรมชอบอาศัยในที่เปียกชื้นและมีหญ้าขึ้นรก หากินแมลงขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ตามพื้นดินเป็นอาหาร ไม่จัดว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองแต่อย่างใด พบกระจายพันธุ์ในทวีปยุโรป, แอฟริกาเหนือ และบางส่วนในทวีปเอเชีย สำหรับในประเทศไทย พบได้ในป่าในภาคเหนือ ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เทียบจาก ข่าวเดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/thailand/224148)

วันที่ 5 ส.ค.  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านจับสัตว์ประหลาดตัวจิ๋วไว้ได้  จึงเดินทางไปตรวจสอบภายในวัดจันทราราม หมู่ 10 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่บริเวณลานวัดหน้าวิหารหลวงพ่ออโนทัย พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มมุงดูสัตว์ประหลาดตัวจิ๋ว อยู่ภายในโหลพาสติกใส ซึ่ง มีรูปร่างคล้ายหนูแต่ตัวเล็กมากตัวเท่านิ้วหัวแม่มือ ลำตัวยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ตาโต มีใบหู 2 ข้างใหญ่ ที่ประหลาดก็คือมีปากยาวและกว้าง  และมีขาหน้าเล็กกว่าขาหลัง มีความปราดเปรียววิ่งเร็ว

ข้อมูลเรื่องพื้นที่ (สีแดง) ที่พบหนูชนิดนี้ก็ตรงกันครับ  ;D

มาลุ้นข้างเวทีว่าคุณ pzone จะได้คะแนนจากครูเพ็ญเท่าไหร่

คุณพีขยันค้นคว้าข้อมูลเสมอ ให้สิบเต็มสิบ  ;D

ข้อเสริมเป็นความรู้เล็กน้อยเรื่อง ชื่อวิทยาศาสตร์ (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1) มีหลักเกณฑ์สำคัญดังนี้

๑. ชื่อวิทยาศาสตร์เป็นระบบทวินามประกอบด้วยคำศัพท์ละติน ๒ คำ คือ สกุล (genus) และ ชนิดหรือสปีชีส์ (species)

๒. ชื่อวิทยาศาสตร์จะถูกพิมพ์ด้วยตัวเอน เช่น หนูผีจิ๋ว - Suncus etruscus หรือ ค้างคาวคุณกิตติ - Craseonycteris thonglongyai  หากเป็นการเขียนด้วยลายมือควรขีดเส้นใต้ลงไปแทน

๓. คำศัพท์คำแรก (ชื่อสกุล) ต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ นอกจากนั้นใช้อักษรตัวเล็กทั้งหมด

ยังมีหลักเกณฑ์อื่น ๆ อีก คุณพีสามารถเข้าไปอ่านได้ในลิ้งก์ที่ให้ไว้ข้างบน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ขอบคุณครับ ลุ้นคะแนนด้วยความระทึกใจอยู่เหมือนกันครับ  :-[

(http://image.mcot.net/media/images/2013-05-08/13680005781372.jpg)
(เครดิตภาพจาก mcot.net)


เย้....

(http://image.mcot.net/media/images/2013-04-30/1367298185368.jpg)
(เครดิตภาพจาก mcot.net)

ได้เข้าไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อวิทยาศาสตร์ที่ อ.เพ็ญชมพู ได้กรุณาชี้แนะ
เดินตามลายแทงจากลิงค์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ได้รับความรู้เพิ่มอีกมากเลยครับ

ขอบคุณครับ  ;D

ท่าลุ้นคะแนนของคุณพีได้อารมณ์จริง ๆ  ;D  ;D  ;D

มี "สัตว์ประหลาด" ตัวใหม่ให้คุณพีและชาวเรือนไทยร่วมสนุกทายกันว่ามันคือตัวอะไร

รับรองว่า "สัตว์ประหลาด" ตัวนี้ไม่ธรรมดา

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

มาให้น้ำคุณพี  ;)

ระหว่างรอคุณพี(และ/หรือคุณดีดี)มาตอบ   เห็นเซนเซเพ็ญเคยไปญี่ปุ่น  คงรู้จักคำว่า ningen (นิงเง่น?)
ในวิดีโอนี่แหละค่ะ     เขาว่ามันคือตัว ningen

http://www.youtube.com/watch?v=bc2bAbQWBFM&feature=player_embedded

ภาพถ่ายนิงเง่น

คำว่า ningen - นิงเง็น  อักษรคันจิคือ 人間 แปลว่า มนุษย์ หากถามว่าไปญี่ปุ่นเห็นนิงเง็นบ้างไหม ก็ต้องตอบว่าเห็นเต็มท้องถนนไปหมดนั่นแล  ;)

เห็นคุณวิกกี้ชาวญี่ปุ่นเขาเรียกเจ้าตัวนี้ว่า 南極のニンゲン  (http://ja.wikipedia.org/wiki/%E5%8D%97%E6%A5%B5%E3%81%AE%E3%83%8B%E3%83%B3%E3%82%B2%E3%83%B3) อ่านว่า นันเกียวกุ โนะ นิงเง็น แปลว่ามนุษย์แห่งแอนตาร์กติกา

เป็นเงือกสายพันธุ์หนึ่งกระมัง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ขออำภัยค่ะ     เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค   ศัพท์นั้นคือ Ningyo (人魚)  ไม่ใช่นิงเง่น   

人魚 (人 = คน, 魚 = ปลา) - นิงเงียว ก็คือ เงือกขนานแท้นั่นแล  ;)

ตัวเดียวกันหรือเปล่า

นิงเงียวของญี่ปุ่นเองก็มีหลายสายพันธุ์ อย่างตัวนี้จาก คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Ningyo)  ;D

ส่งเงือกน้อยญี่ปุ่นเข้าร่วมกระทู้อีก ๑ ตน  เธอชื่อ Amabie   หน้าตาน่าเอ็นดู  มีความสามารถทางด้านพยากรณ์ล่วงหน้าว่าพืชผลจะได้ผลหรือไม่

คนละตัวกับตัวนี้หรือเปล่าคะ

สัตว์ประหลาดปริศนา ค้นพบใหม่เหมือนกัน แต่หลายปีมาแล้ว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=42097;image)

ข่าวการค้นพบสัตว์ประหลาดของคุณเทาชมพู จาก เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/world/226486)

รู้จัก "โอลินกีโต" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์ใหม่ของโลก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๑๖ ส.ค. ว่าทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันค้นพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์ใหม่ ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายแมวผสมหมี มักหลบซ่อนตัวอยู่ตามป่าในเอกวาดอร์และโคลอมเบีย ถือเป็นการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในแถบอเมริกาใต้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ ๓๕ ปี

นายคริสโตเฟอร์ เฮลเก้น ภัณฑารักษ์ประจำสถาบันวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งสถาบันสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า สัตว์ที่ได้รับการค้นพบมีชื่อว่า "โอลินกีโต" (olinguito) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Bassaricyon neblina เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กในวงศ์แรคคูน มีรูปร่างและหน้าตาคล้ายแมวผสมกับหมี มีขนาดลำตัวยาวประมาณ ๒.๕ ฟุตเมื่อโตเต็มที่ และมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ ๑.๑ กิโลกรัม

ทั้งนี้ เฮลเก้นและทีมงานออกเดินทางไปยังเอกวาดอร์เมื่อปี ๒๕๔๙ เพื่อสำรวจสิ่งมีชีวิตในป่าแถบนั้น ตามคำเชิญของนายมิเกล พินโต นักสัตววิทยาชาวเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนของเฮลเก้น หลังทั้งคู่สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องการพบกะโหลกและหนังสัตว์จำพวก "โอลินโก" ที่จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ในเมืองชิคาโก เมื่อ ๑๐ ปีก่อน ซึ่งเฮลเก้นสังเกตว่า กะโหลกที่นำมาจัดแสดงนั้นเล็กกว่ากะโหลกตัวโอลินโกทั่วไป

แม้จะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ค้นพบโอลินกีโต แต่เฮลเก้นเชื่อว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ ซึ่งกินทั้งแมลงและผลไม้ สืบทอดสายพันธุ์บนโลกใบนี้มานาน ๓-๔ ล้านปีแล้ว และจากข้อมูลใหม่ที่เขารวบรวมมาได้พบด้วยว่า โอลินกีโตมักอาศัยอยู่ตามหุบเขาในเทือกเขาแอนดีส บนระดับความสูง ๕,๐๐๐-๙,๐๐๐ ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นส่วนใหญ่นึกว่าสัตว์ชนิดนี้คือโอลินโก จึงไม่ให้ความสนใจ จนกระทั่งเขาและทีมงานใช้วิธีเปรียบเทียบดีเอ็นเอกับสัตว์ในสายพันธุ์เดียวกันอีก ๕ ชนิด จึงแน่ใจว่า นี่คือสัตว์สายพันธุ์ใหม่ของโลก

การค้นพบโอลินกีโตถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของวงการสัตววิทยา ในการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ถัดจากการค้นพบเพียงพอนโคลอมเบีย หรือเพียงพอน "ดอน เฟลิเป" ซึ่งมีขนาดโตเต็มที่เพียง ๒๒ เซนติเมตร บนเทือกเขาแอนดีส เมื่อปี ๒๕๒๑

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=6_6v5uKYJxc

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

อุตส่าห์รู้จักสัตว์ประหลาดได้จริงๆนะเรา 

ช่วงนี้มิสเตอร์พีกำลังขมักเขม้นทำการบ้านของคุณประกอบและคุณหนุ่มสยาม
พยายามหาทางลบโมเสคกระทู้ญี่ปุ่นโน้นมาหลายวันแล้วครับ

แหะๆ ล้อเล่นครับ มิกล้าดอกครับ  ;D

ได้รับข้อมูลเบื้องต้นจาก อ.เพ็ญชมพู และได้ใบ้คำว่า.. สัตว์ประหลาด และ ไม่ธรรมดา
แสดงว่าต้องมีอะไรพิเศษเป็นแน่แท้ อย่างน้อยต้องเป็นที่ฮือฮาระดับประเทศหรือระดับโลก


ขอบพระคุณอาจารย์ใหญ่สำหรับน้ำมะนาวแสนอร่อย ชื่นใจมากๆ เลยครับ  :-[

ปรึกษากับอากู๋ผู้รอบรู้อยู่นานสองนาน ใช้คีย์เวิร์ดเกี่ยวกับหนูแล้วค่อยตามข้อมูลไปเรื่อยๆ เจอข้อมูลที่หน้าข่าวต่างประเทศจากเว็บผู้จัดการครับ สุดยอด รอดมา 11 ล้านปี "หนูหิน" พันธุ์ใหม่ในลาว (http://www2.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9490000033634)

อื้อฮือ.. หนูหิน (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99)พันธุ์นี้น่าสนใจจริงๆ ด้วยครับ

• ช่วงต้นปี 2548 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ โรเบิร์ต ทิมมินส์ (Robert Timmins) พบร่างไร้ชีวิตของสัตว์ประหลาดตัวนี้โดยบังเอิญขณะเดินอยู่ในตลาดสดของเมืองคำม่วน ประเทศลาว ชาวบ้านเรียกมันว่า “ข่าหนู” ลำตัวจากปลายจมูกจนถึงหางประมาณ 40 เซนติเมตร มีหนวดยาว ขาสั้น หางยาวมีขนปุกปุย ลำตัวสีเข้มตลอด
• ทิมมินส์กล่าวว่า ชาวลาวในแขวงคำม่วนบางคนเรียกมันว่า “หนูหิน” ซึ่งที่จริงไม่ควรจะเรียกเช่นนั้น เพราะว่าเจ้าสัตว์ชนิดนี้แม้จะดูคล้ายๆ หนู คล้ายๆ กระรอก แต่ก็ไม่มีอะไรที่ใกล้ชิดกับหนูหรือกระรอกเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าจะเรียกว่า “ตัวเม่นที่ไม่มีขนแหลม” ดูจะเหมาะมากกว่า
• นักวิทยาศาสตร์ของ สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าโลก (Wildlife Conservation Society) ใช้เวลาศึกษาเกือบปี และแถลงว่า เป็นสัตว์โลกชนิดใหม่ที่ไม่มีผู้ใดเคยรู้จักมาก่อน บรรพบุรุษของมันสูญพันธุ์จนหมดสิ้น ญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้มันที่สุดก็คือ สัตว์ตระกูลหนูที่เป็นฟอสซิลอายุ 11 ล้านปี ซึ่งมีการค้นพบก่อนหน้านี้ในมณฑลส่านตง (Shandong) ของจีน และนักดึกดำบรรพ์ชีวศาสตร์เรียกมันว่า Diatomys shantungensis
• ไม่เพียงแต่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะเป็นสมาชิกใหม่ของสัตว์ตระกูลหนูตัวโต (Rodent) เท่านั้น แต่มันยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบในรอบ 30 ปี
• นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ ในสหรัฐฯ ได้เป็นผู้ศึกษาดีเอ็นเอ และ ตีพิมพ์ผลการวิจัย (ร่วม) ในนิตยสาร Systematics and Biodiversity ว่า บุคลิกลักษณะแตกต่างและโดดเด่นจากบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในปัจจุบัน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่จะเปิดทางไปสู่การศึกษาวิวัฒนาการของพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนูทั้งหลาย
• นักวิทยาศาสตร์ให้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ (ภาษาละติน) แก่สัตว์พันธุ์ใหม่จากภาคกลางของลาวว่า Laosnastes aenigmamus คำแรกหมายถึง “ผู้อาศัยอยู่ในหินในลาว” ส่วนคำหลังหมายถึง “หนูประหลาด” เชื่อกันว่า มันเป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน และน่าจะกินพืชเป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามซอกหินในที่ราบสูงป่าเขตร้อน

ที่เว็บผู้จัดการไม่มีรูปภาพให้ชมแล้ว ไปได้ภาพจาก วิกิ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99) ครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/4/48/Laotian_rock_rat.JPG)

เพิ่มเติมข้อมูลจากวิกิ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99)ที่ไม่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นอีกนิดครับ

หนูหิน นั้นเป็นสัตว์ที่ชาวพื้นเมืองรับประทานเป็นอาหารโดยปกติอยู่แล้ว แต่ว่าเพิ่งจะมาเป็นรู้จักของชาวโลกในกลางปี ค.ศ. 2005 จากการบันทึกเทปวิดีโอของนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตต และนักดูนกชาวไทยที่ได้เข้าไปสำรวจสิ่งมีชีวิตที่นั่น แต่ว่าก่อนหน้านั้นในปี ค.ศ. 2004 ได้มีนักอนุรักษ์ธรรมชาติและนักสัตววิทยาชาวอเมริกันผู้หนึ่งได้พบกับหนูหินมาแล้ว จากการที่เป็นอาหารย่างไม้ขายในตลาดสดของแขวงคำม่วน ซึ่งเขาเชื่อว่าต้องเป็นสัตว์ชนิดใหม่อย่างแน่นอน

ปล. พยายามค้นหาข้อมูลแต่ก็ไม่พบว่า นักดูนกชาวไทย ท่านนี้คือใครครับ?

ตบมือให้ในความพยายามของคุณพี ได้คะแนนสิบเต็มสิบตามเคย  ;D


นายอุทัย ตรีสุคนธ์ ปัจจุบันเป็นอุปนายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย เป็นนักดูนก มีผลงานด้านภาพถ่ายและหนังสือรูปภาพเกี่ยวกับนกเป็นที่รู้จักกันมานาน

ข้อมูลนี้มีอยู่ในเว็บผู้จัดการนั่นแหละ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

อย่างนี้ต้องได้ถ้วย

เย้...  ;D


ขอบคุณค้าบบบ  ;D

เปิดหาข้อมูลหลายเว็บ ขออนุญาตเสริมข้อมูลเพิ่มเติมครับ..

(1) ข้อมูลเรื่องชื่อ นักดูนกชาวไทย ท่านนี้ในวิกิภาคภาษาไทย (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99)ไม่ได้แสดงชื่อเอาไว้ แต่หากเป็นวิกิภาคภาษาอังกฤษ (http://en.wikipedia.org/wiki/Laotian_rock_rat) จะแสดงเอาไว้ในหัวข้อ Discovery ย่อหน้าสุดท้ายครับ

On June 13, 2006, David Redfield, a professor emeritus of Florida State University, and Thai wildlife biologist Uthai Treesucon announced they had captured, photographed and videotaped a live specimen of the species in the village of Doy in Laos.

(2) ภาพของ อ.อุทัย ตรีสุคนธ์ หนึ่งในสุดยอดนักปักษีวิทยาของไทย จากเว็บ naiwimut.org (http://www.naiwimut.org/wimut/album/20040618/page3.php) น่าจะเป็นอัลบัมภาพในปี 2004 (สังเกตจากชื่ออัลบัมที่เก็บภาพ) ซึ่งเมื่อตอนเดินทางไปร่วมทริปกับ ศ.เดวิด เรดฟิลด์ แล้วพบหนูหินที่ลาว รูปร่างหน้าตาของ อ.อุทัย น่าจะหล่อเฟี้ยวประมาณนี้ครับเพราะห่างเพียงแค่สองปี

(http://www.naiwimut.org/wimut/album/20040618/115_1550_r1.jpg)

(3) คลิปที่ ศ.เดวิด เรดฟิลด์ ถ่ายเหตุการณ์ขณะพบหนูหิน และได้เผยแพร่ที่เว็บ http://www.rinr.fsu.edu/rockrat

^
^
http://www.youtube.com/watch?v=3IZMc0G2P2s

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ชื่อสัตว์ตัวนี้คงผ่านตาคุณพีมาบ้าง เอามาให้คุณพี (หรือชาวเรือนไทยใจดีท่านอื่นก็ได้) ช่วยเฉลย  ;D

ด้วยความยินดีครับ ;D

สัตว์้เขายาวหายากมากและใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้ พบได้เพียงที่แถบชายแดนลาวเวียดนามเท่านั้น ชาวลาวเรียก "เสาลา" หรือ "ซาวลา" ตามลักษณะเขาของมันที่เหมือนแกนของหูกปั่นฝ้าย ส่วนชาวเวียตนามเรียกว่า "ซอนเดือง" (แปลว่าแพะภูเขา) และ ดร.จอห์นแมคคินนอน ฝรั่งผู้ค้นพบในคณะสำรวจสภาพพื้นที่ธรรมชาติสำหรับการอนุรักษ์ร่วมกับรัฐบาลประเทศเวียดนามเพื่อขยายพื้นที่ป่า เรียกว่า "วัววูกวาง" (เรียกตามลักษณะที่เหมือนวัวและพบที่ป่าวูกวาง) ได้ชื่อวิทยาศาสตร์ใหม่เอี่ยมว่า Pseudoryx nghetinhensis แถมยังชื่อนิคเนมเท่ๆ ว่า "ม้ายูนิคอร์นแห่งเอเชีย"

หารายละเอียดและเกล็ดความรู้มาเรียนเสนอดังข้างล่างครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1f/Pseudoryx_nghetinhensis_distribution.png/320px-Pseudoryx_nghetinhensis_distribution.png)
(แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของซาวลาจากวิกิ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2))

ยูนิคอร์นแห่งเอเชีย เสาลา (Saola) (http://www.komkid.com/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2/) : เมื่อ ดร.จอห์นแมคคินนอน ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตรวจดีเอ็นเอก็ได้ข้อสรุปว่า สัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน ทั้งยังเป็นสัตว์ที่ต่างจากสัตว์อื่นๆ ที่เคยรู้จักกันมา นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้มันว่า "ซูโดริกซ์เหง่ตินเนนซิส" ซึ่งแปลว่าโอริกซ์ปลอมแห่งเหง่ติน เนื่องจากวัวป่าชนิดนี้ดูคล้าย "โอริกซ์" แอนทีโลปเขาตรง ที่อาศัยอยู่ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ พวกมันยังได้รับสมญาว่า "ยูนิคอร์นแห่งเอเชีย" เนื่องมันมีเขายาวตรงเป็นแท่งบิดเป็นเกลียวแบบเดียวกับตัวยูนิคอร์นในตำนาน การค้นพบเสาลาทำให้ทั่วโลกสนใจป่าวูกวางเป็นอันมาก รัฐบาลเวียตนามจึงได้ประกาศให้ป่าวูกวางเป็นเขตสงวนและขยายพื้นที่จากเดิม 100,000 ไร่ เป็น 375,000 ไร่

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1873192)
(ภาพจากเว็บผู้จัดการออนไลน์)

เวียดนามชุบชีวิต "ซาวลา" ยืดเวลาสูญพันธุ์ (http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000048334&TabID=2&) : ซาวลาถูกค้นพบครั้งแรกปี 2535 ในป่าเขตรอยต่อระหว่าง จ.เหงะอาน (Nghệ An) กับ จ.ห่าตี๋ง (Hà Tĩnh) ติดชายแดนแขวงบอลิคำไซ (ບໍລິຄໍາໄຊ) กับแขวงคำม่วน (ຄໍາມ່ວນ) ของลาวที่อยู่ถัด จ.เถื่อเทียนเหว กับ จ.กว๋างบี่ง (Quảng Bình) ขึ้นไป ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายกวางป่าโอริก (Oryx) ในแอฟริกา จึงได้ชื่อทางวิทยาศาสตร์เป็น Pseudoryx nghetinhensis ซึ่งคำหลังเป็นชื่อย่อของ 2 จังหวัดในเวียดนามอันเป็นแหล่งที่พบครั้งแรก แต่องค์การอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์โต้แย้งว่า แท้จริงแล้วซาวลาพบครั้งแรกในเขตป่าชายแดนลาว-เวียดนาม ในปี 2535 เช่นเดียวกัน โดยมันปรากฏอยู่ในกล้องอินฟราเรดที่ถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการพบซาวลาในปีนั้น นับเป็นการค้นพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2479 เป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นข้อมูลของมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า หรือ World Wildlife Fund ความเป็นสัตว์หายาก บวกกับลักษณะเฉพาะของซาวลา ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งฉายาให้เป็น "ม้ายูนิคอร์นแห่งเอเชีย" ซึ่งหมายถึงม้าเขาเดียวในนิยายปรัมปรา ที่หาไม่พบในที่อื่นๆ แต่แท้จริงแล้วซาวลามีเขา 2 เขา จึงทำให้มีผู้เรียกกวางชนิดนี้ว่า "เสา-หลา" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลาว ซึ่งออกเสียงคล้ายกับชื่อเดิม เนื่องจากลักษณะเขาคู่ที่ตั้งชั้น คล้ายกับ "เสา" ของ "หลา" อันเป็นอุปกรณ์ปั่นด้าย ที่ใช้กันมาแต่โบราณกาลในอนุภูมิภาค ไม่ปรากฏหลักฐานว่า เพราะเหตุใดจึงเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า “ซาว-ลา” และ ใครเป็นผู้ตั้งชื่อนี้ ซึ่งมีความหมายว่า “หายาก (สวยงาม) ประดุจเดือนและดาว” ในภาษาเวียดนาม

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/7/72/Pseudoryx_nghetinhensis.PNG)
(ภาพจากวิกิ)

ข้อมูลจากวิกิ : ซาวลา (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2) หรือ วัวหวูกว่าง (เวียดนาม: sao la; อังกฤษ: Vu Quang ox) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคู่ชนิดใหม่ที่เพิ่งค้นพบในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pseudoryx nghetinhensis มีรูปร่างคล้ายแพะผสมกับเลียงผา จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับวัว (Bovidae) จัดเป็นแอนทิโลปชนิดหนึ่ง ถูกพบครั้งแรกในเวียดนาม ขนตามลำตัวสั้นมีสีน้ำตาลเข้ม มีลักษณะเด่นคือ มีลายสีขาวบริเวณใบหน้า เขาโค้งยาวและแหลมคม อาจมีเขายาวมากกว่า 50 เซนติเมตรได้ ต่อมใต้ตามีขนาดใหญ่ใช้หลั่งสารเคมีที่สื่อสารกับตัวเมีย ซาวลามีความยาวหาง 30 เซนติเมตร ความสูงจากพื้นดินถึงหัวไหล่ 84 เซนติเมตร น้ำหนัก 80-100 กิโลกรัม พบเฉพาะป่าทึบชายแดนลาวกับเวียดนามเท่านั้น จัดเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Pseudoryx มีพฤติกรรมออกหากินตามลำพังในช่วงเช้าตรู่ถึงตอนบ่าย แต่บางครั้งอาจพบเห็นหากินในเวลากลางคืน มักอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้น มีฤดูผสมพันธุ์ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ตั้งท้องนานประมาณ 8 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว

เวียดนามนำมาตั้งชื่อเป็นพายุ

pI5oLGrwFRw

มีเกล็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับซาวลา นั่นคือ ประเทศเวียดนามได้เสนอชื่อพายุเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สัตว์ชนิดนี้ต่อชาวโลก ว่า พายุซาวลา โดยได้เสนอชื่อต่อองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งอธิบาย (http://www.jma.go.jp/jma/jma-eng/jma-center/rsmc-hp-pub-eg/tyname.html)ว่าซาวลาเป็นสัตว์ที่ถูกค้นพบที่เวียดนาม (Saola : An animal recently found in Viet Nam) และ จากข้อมูลผลกระทบที่เกิดจากพายุซาวลา (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2555#.E0.B8.9C.E0.B8.A5.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.97.E0.B8.9A)สรุปว่า เกิดในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 4 กันยายน พ.ศ. 2555 ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ญี่ปุ่นและจีน สร้างความเสียหายมูลค่า 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีผู้เสียชีวิต 82 คน

พายุซาวลานี้เกิดไล่เรี่ยกับพายุชื่อไทย พายุโซนร้อนขนุน (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99_%28%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2555%29) ที่ไปต้มยำกุ้งสร้างความเสียหายก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันที่แถบประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตใกล้เคียงกัน คือ 89 คน

ขอบพระคุณคุณพีมากที่กรุณาค้นคว้าเรื่อง "สาวล่า" (ชื่อนี้สะดวกปากคนไทยในการเรียกขานมากกว่า) มาขยาย

"สาวล่า" เป็นสัตว์ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แต่ยังโชคดีกว่า "สมัน" ของเราซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว

http://www.youtube.com/watch?v=3Xv8MPOyMfU

เรารู้ถึงคุณค่าของ "สมัน" ต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว อย่าให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยกับ "สาวล่า" เลย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

จมูกดั่งงวงช้าง                 เขานั้นดั่งเขาแพะไพร
แปลกหนอตัวอะไร             มีชื่อไทยด้วยนะเออ  ;D

เป็นภาระหนักของมิสเตอร์พีอีกแล้ว   (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

ไปเจอปลาประหลาดตัวนี้ เลยเอาเข้าในคอลเลคชั่นค่ะ    เขากำลังตรวจสอบกันว่ามันอายุตั้ง 200 ปีจริงหรือ
หน้าตาน่าเกลียดมากเลย   เอามานึ่งบ๊วย วางจนจานเปล คงกินไม่ลง

ปลาของคุณเทาชมพูชื่อว่า Shortraker rockfish Sebastes borealis ถูกจับได้เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่นอกชายฝั่งอลาสกา  ดูจากด้านข้างหน้าตาก็ไม่เลวนัก ถ้าจะทำต้มยำได้หลายชามอยู่   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=eBA52-nufZ0

ที่น่าสนใจคือเขาทราบอายุปลาตัวนี้ได้อย่างไร คุณพีคงเข้ามาให้คำตอบได้พร้อมกับชื่อสัตว์ประหลาดตัวข้างบนในไม่ช้า

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

สงสารคุณพี ว่าการบ้านหนักมาก  เลยมาตอบข้อสอบให้แทนนะคะ
นักวิจัยสามารถที่จะตรวจสอบอายุปลา shortraker rockfish  ได้จากจำนวนวงแหวนปีที่เจริญเติบโตตามกระดูกใบหู

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5650.0;attach=41455;image)

ปลามีหู แต่ไม่มีใบหูหนอ กระดูกที่สามารถใช้ตรวจสอบอายุของปลาเรียกว่า "otolith" อยู่ในหูชั้นใน เทียบเท่ากับกระดูกค้อน ทั่ง โกลน ของคนเรา

อ่านรายละเอียดเรื่อง "กระดูกหูปลา" ได้ที่  http://www.fisheries.go.th/if-center/web2/images/pdf/2s.pdf

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

อดได้คะแนนเลยหนอ

ข้อสังเกตเล็กน้อยของผมครับว่าปลาตาโตๆ เกล็ดสีส้ม/แดงอย่างนี้ เนื้อหวานอร่อยมาก

ไปเปิดครัวกูเกิ้ลดูว่า rockfish  ทำอะไรกินได้บ้าง  พบว่าทำได้อยู่หลายจาน
ก็เลยยกเสิฟคุณ hobo ค่ะ

พอจะนำไปปรุงเป็นอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟกระทู้ญี่ปุ่นได้บ้างไหมหนอ อยู่ถึงอลาสกาคงปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสี   ;D

ตัวที่ผมกินอยู่คือตัวนี้ครับ ไม่ทราบว่าที่ไทยมีหรือไม่
เพราะเห็นเขาบอกว่าเป็น Circumglobal
แต่อาจจะเกี่ยวกับน้ำอุ่นน้ำเย็นด้วยครับ

ปลา Alfonsino Beryx splendens

ญี่ปุ่นเขากินปลาน่าเกลียดตัวนี้ด้วยนะคะ  เรียกว่า kinki   คุณเพ็ญชมพูอาจจะเคยลิ้มรสซูชิปลาคินคิมาแล้ว
ส่วนปลาของคุณ hobo ไม่ทราบว่าปลาอะไร  ต้องถามเซนเซเพ็ญ  ถ้ามีในครัวกูเกิ้ลจะได้ยกมาให้อีกค่ะ

ข้างล่างคือซูชิปลา black rockfish

ปลาของคุณโฮโบ ญี่ปุ่นเรียกว่า 金目鯛 อ่านว่า คินเมะได (แปลตามตัวว่าปลากะพงตาทอง) บางคนฟังเพี้ยนเป็น กินไม่ได้ แต่กินได้และอร่อยด้วย นักเปิบอาหารญี่ปุ่นบอกว่าทำซาชิมิ ซูชิ อร่อยมาก ก ก.... ;)

ภาพจาก http://gourmet-adventures.blogspot.com/2013/08/oceans-of-seafood-pasarbella.html (http://gourmet-adventures.blogspot.com/2013/08/oceans-of-seafood-pasarbella.html)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

ยังคงรอคำตอบอยู่  


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ดูจากเขาที่บิดเป็นเกลียวแล้วน่าจะเป็นพวก antelope ครับ แต่จะมีชื่อภาษาไทยด้วยหรือไม่นี่น่าสงสัยเพราะเราไม่มีสัตว์กลุ่มนี้ในประเทศไทย เหลืออยู่ทางเดียวคือต้องค้นสัตว์หิมพานต์ คนโบราณท่านเก่งอยู่ แต่สุดปัญญาผมครับ

เขานี่แหละปัญหา                ใช้ทำยากันมานาน
เจ้าตัวจึงถูกผลาญ               ถูกฆ่าฟันกันมากมาย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)

มีเขาเพียงตัวผู้         ส่วนโฉมตรูเขาไม่มี
คงนึก "ช่วยฉันที      ก่อนฉันนี้จะสูญพันธุ์"   

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)

ตัวเมียหน้าตาคล้ายอูดมากครับ

"อูฐ" เป็นตัวอย่างหนึ่งของชื่อสัตว์ที่ไม่มีในเมืองไทย แต่คนไทยมีชื่อเรียก  ;D

ชื่อ "อูฐ" อาจจะมาจากภาษาฮินดีที่เขียนว่า ऊंट เสียงอ่านเป็นอย่างไรลองฟัง คุณกุ๊ก  (http://translate.google.co.th/?hl=th&tab=iT#hi/th/%E0%A4%8A%E0%A4%82%E0%A4%9F) อ่าน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5650.0;attach=41455;image)

ลองเข้าไปฟังแล้วฮามากครับ
อ่านออกเสียงว่า อุด แถมตัวสันสกฤษเขียนคล้ายๆ คำว่า โอม เลยครับ
ส่วนตัว antelope นั้นยังไงก็นึกไม่ออก จะว่าคล้ายเลียงผาๆ เขาก็สั้นกว่ามาก และบิดไม่มาก
ต้องรอช่างวาดครับ บางทีอาจนึกได้บ้าง

หนึ่งในหลายขนาน               มีเกลื่อนไปในบ้านเรา

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)

แอบโกงโดยเอาภาพไปหามาครับ  ::) ได้คำตอบว่ายาน้ำเขากุย

สรรพคุณ : แก้ตัวร้อน ลดไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ช่วยลดกลิ่นลมหายใจเหม็นของผู้ที่พักผ่อนน้อย
ส่วนประกอบ   : ในน้ำยา 1,000 มิลลิลิตร มีตัวยาสำคัญ

เขากุย Saiga tatarica                  20     กรัม
etc

เขาที่เห็นในรูปคือเขาของ Saiga tatarica ตัวนี้เอง = โกษฐ์สิงคี

เขากุย เป็นเขาสัตว์ที่มีฤทธิ์เย็นมาก ปัจจุบันมีราคาแพง จึงมีการทำปลอมโดยการนำเขาของสัตว์อื่นมาแทน เช่นเขาควาย ตำรายาไทยกล่าวว่า เขากุยมีฤทธิ์แรงกว่าเขากระบือสิบเท่า 

https://www.facebook.com/ChinMed/posts/352414524863258

เพิ่งเคยเห็นตัวกุย   หรือ ไซกา (อังกฤษ: Saiga antelope, Saiga, จีน: 高鼻羚羊, ชื่อวิทยาศาสตร์: Saiga tatarica)
วิกิบอกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ในวงศ์ Antilopinae ในวงศ์ใหญ่ Bovidae

น่าสงสาร ด้วยความเชื่อที่ว่าเขาของกุยเป็นยารักษาโรค  กุยเลยโดนฆ่าตายเพื่อให้คนป่วยไข้ได้มีชีวิตอยู่ต่อ  

ป.ล.   ถ้าหมอแผนไทยรู้จักสรรพคุณเขากุย  และไทยมีชื่อไทยให้สัตว์ชนิดนี้    ครั้งหนึ่งคงเคยมีฝูงกุยอาศัยอยู่ในประเทศไทย   ต้องถามกูรูเพ็ญว่า "กุยบุรี"  เป็นแหล่งเดิมของฝูงกุยรึเปล่าคะ

ขอแสดงความยินดีกับคุณโฮโบที่ได้คำตอบในที่สุด  ;)


๑. กุยเป็นสัตว์เมืองหนาว คงไม่มีอยู่ในเมืองไทย

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9b/Saiga_tatarica_historic%26current_distribution.jpg)

ในพื้นที่ขอบสีดำคือถิ่นของกุย บริเวณสีจางคือถิ่นที่กุยเคยอาศัยอยู่   สีเขียวคือถิ่นที่กุยพันธุ์ Saiga tatarica tatarica และสีแดงคือถิ่นของกุยพันธุ์ Saiga tatarica mongolica (แผนที่จาก คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/File:Saiga_tatarica_historic%26current_distribution.jpg))

๒. ชื่อกุยน่าจะมาจากภาษาจีนสำเนียงใดสำเนียงหนึ่ง พร้อมกับตำรับยาจีน

๓. กุยบุรีไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับชื่อสัตว์ หรือแม้กระทั่งชื่อชนชาติกุยหรืออีกชื่อหนึ่งคือ "ส่วย" น่าจะเป็นชื่อแต่เดิมในอดีตซึ่งมาพ้องกับชื่อสัตว์และชนชาติ

ข้อ ๒ และ ๓ เป็นข้อสันนิษฐานส่วนตัว

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

โลกของไซกาที่คาซัคสถาน

ถึงแม้ว่าการฆ่าไซกาที่นี่จะผิดกฎหมาย แต่การลักลอบฆ่าก็เกิดขึ้นเสมอ ด้วยแรงจูงใจจากราคาเขาของไซกา เพื่อเอาไปทำยาที่ประเทศจีน

http://www.youtube.com/watch?v=-VfcLGcvMcs

มาร่วมกันเป็นพันธมิตรเพื่อพิทักษ์อนุรักษ์ไซกา   ;D

ไปแอ่วเจียงใหม่หลายวัน ขออภัยเป็นอย่างสูงที่ขาดเรียนและไม่ได้ส่งใบลาครับ
เอาร่มมาฝากทุกท่านเพื่อเป็นการขอโทษครับ

 :-[

ขอบคุณสำหรับร่ม         สีสวยสมของเชียงใหม่
คุณพีไปไกล๊ไกล          พบ (สองตัว) นี้ไหมที่ไนท์ซาฟารี 

ชื่ออะไรน้อ  ;)

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเขาแถลงข่าวว่า  (http://118.174.4.34/cns/page.php?id=248) เป็นลูกเม่นเผือกแฝดเพศผู้จำนวนสองตัว ลูกเม่นเผือกทั้งคู่เกิดเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยทั้งสองเป็นลูกเม่นเผือกแอฟริกา เป็นครอกที่ ๕ ที่เกิดในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้กำเนิดเม่นเผือกมาแล้วจำนวน ๗ ตัว โดยตอนนี้ลูกเม่นเผือกทั้งสองอยู่ในความดูแลของแม่เม่นเผือกอย่างใกล้ชิด

เม่นเผือกแอฟริกา (Albino Crested Porcupine) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystrix cristata เป็นเม่นที่มีขนแหลมสีขาว ตาสีแดง ความยาวลำตัว ๒๔ - ๓๓ นิ้ว น้ำหนัก ๑๓ - ๒๗ กิโลกรัม เป็นสัตว์ที่อาศัยบนพื้นดินปีนต้นไม้เก่ง แต่สามารถว่ายน้ำได้ หากินกลางคืน เมื่อถึงวัยสืบพันธุ์ ให้ลูกครอกละ ๑ - ๒ ตัว ตั้งท้องนาน ๖๖ วัน มีถิ่นกำเนิดพบในทวีปแอฟริกา และประเทศอิตาลี ซึ่งจัดเป็นสัตว์ที่หาดูยากในประเทศไทย และมีความน่ารัก สวยงามจากขนที่มีสีขาว โดยคนส่วนอย่างมักมีความเชื่อว่าเม่นสามารถสลัดขนใส่เพื่อป้องกันตัว แต่แท้จริงแล้วขนเป็นเส้นหนามแข็งจะพองออก เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนันเมื่อศัตรูวิ่งชน จึงทำให้เส้นขนของเม่นทิ่มแทงหรือหลุดออก จนเป็นที่มาของเม่นสามารถสลัดขนใส่ได้ นอกจากนี้เม่นจะกระทืบเท้าใส่เพื่อข่มขู่ศัตรูอีกด้วย

เจ้าสองตัวข้างบนในภาพอายุเพียงเดือนกว่า ๆ เท่านั้นเอง โตเต็มที่ขนาดประมาณนี้  ;D

 :D

ไม่ได้ไปแอ่วไนท์ซาฟารีก็เลยไม่มีโอกาสได้เจอสองตัวนี้ครับ น่ารักจังครับ  ;D

เข้าห้องเรียนทำการบ้านไม่ทัน อาจารย์เฉลยการบ้านไปซะแหล่ว  :-[
กลัวอาจารย์หักคะแนนจิตพิสัยเยอะ ขออนุญาตส่งงานประกอบเพิ่มเติม
เป็นเรื่องราวของเจ้าบรอนดี้ (Blondie) จากสวนสัตว์ลอนดอน (http://www.zslblogs.org/2013/02/07/blondie-the-almost-blind-porcupine)ครับ

บรอนดี้เม่นเผือกตัวอ้วนกระปุ๊กลุก (ยังกะลูกหมูน้อย) อายุ 9 ขวบ ตัวข้างล่างนี้ไม่ค่อยสบาย

(http://www.zslblogs.org/wp-content/uploads/2013/02/JO-and-Blondie.jpg)

หมอ (สัตวแพทย์) เลยวางยาพาขึ้นเตียงส่องโรควินิจฉัยซะหน่อย

(http://www.zslblogs.org/wp-content/uploads/2013/02/Checking-teeth-300x225.jpg)

หมอเช็คเลือด ถ่ายรูปเอ๊กซเรย์ ตรวจสุขภาพฟัน เช็คสายตา ฯลฯ อย่างแหยงๆ เพราะกลัวโดนขนเม่นจิ้มเอา โชคดีที่เจ้ากระปุ๊กลุกนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว จนได้ผลปรากฎว่าเป็นต้อกระจก ส่วนสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นปกติเหมือนวัยกลางคนทั่วไป และหมอได้เล่า (เขียน) เรื่องเกี่ยวกับภาวะเผือกในสัตว์ให้ฟังเป็นความรู้ดังข้างล่าง

บรอนดี้เป็นเม่นเผือก จึงมีผลทำให้เกิดปัญหาทางสายตาได้ง่าย (ที่พบเป็นปกติมากในสัตว์เผือก) เพราะการขาดเม็ดสีใน ผิว ผม และตา เกิดจากความบกพร่องของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตของเมลานิน (สี) ข้อบกพร่องนี้สามารถเกิดขึ้นกับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังทั้งหมดรวมทั้งมนุษย์ แต่พบมากสุดในหนูและกระต่าย และดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่บรอนดี้วัย 9 ขวบ (ซึ่งเป็นวัยกลางคนสำหรับเม่น) เริ่มที่จะมีปัญหาสายตา

ภาวะความบกพร่องของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตของเมลานิน (สี) ทำให้เกิดความเผือกในคนและสัตว์นี้ เรียกว่า "ภาวะผิวเผือก" คุณวิกกี้ให้ความเห็นไว้ดังนี้

ภาวะผิวเผือก (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81) (อังกฤษ: Albinism หรือ achromia หรือ achromasia หรือ achromatosis หรือถ้าเป็นคำวิเศษณ์ก็ใช้ albinoid หรือ albinic) “Albinism” มาจากภาษาละตินว่า “Albus” ที่แปลว่า “ขาว” หมายถึงภาวะความผิดปกติแต่กำเนิด hypopigmentation ชนิดหนึ่ง ที่มีทำให้บางส่วนของร่างกายหรือร่างกายทั้งหมดขาดสีเมลานินในบริเวณตา ผิวหนังและผม หรือบางครั้งก็เพียงแต่ที่ตา ภาวะผิวเผือกเกิดจากการได้รับ recessive allele ภาวะที่ว่านี้มีผลต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่รวมทั้งมนุษย์, ปลา, นก, สัตว์เลื้อยคลาน และ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ศัพท์ที่ใช้เรียกกันโดยทั่วไปของภาวะที่ว่านี้คือ “albino” ที่บางครั้งนำมาใช้ในเชิงดูหมิ่น “albino” จึงเลี่ยงมาเป็นการใช้วลีเช่น “albinistic person” หรือ “person with albinism” (ผู้มีภาวะผิวเผือก) แทนที่

ในภาพยนตร์เราจึงได้ยินศัพท์เรียกฝรั่งผิวขาวว่า "ไอ้เผือก" ในทำนองเหยียดหยามหรือพูดล้อเลียนกันในระหว่างเพื่อนฝูงต่างสีผิวอยู่บ่อยๆ ครับ  ;D

เมื่อสองสามวันก่อน  เปิดทีวีทิ้งไว้ระหว่างทำงาน    ได้ยินข่าวแว่วๆว่า ไก่ผสมพันธุ์กับเป็ดออกลูกเป็นไข่      แต่พอเงยหน้าจะดูข่าวก็จบไปแล้ว      เกิดมาก็เพิ่งรู้ว่าไก่กับเป็ดมันผสมกันได้ แล้วยังออกไข่ได้เสียด้วย   
ไปค้นในเน็ต ลุงกู๊กให้รูปตัวสัตว์ประหลาดออกมาหลายรูปด้วยกัน   ใต้ชื่อว่า Chicken-duck hybrids    เข้าแนวกระทู้นี้พอดี   ดูมันครึ่งเป็ดครึ่งไก่จริงๆ  แต่ไม่รู้ว่าภาษาไทยเราเรียกว่าตัวอะไรกันแน่   และประเทศเราเคยทดลองทำหรือเปล่า

ไข่ที่ออกมาครึ่งเป็ดครึ่งไก่นี่กินได้ไหมคะ     และที่สำคัญก็คือเจ้าตัวลูกครึ่งเป็ดไก่   (จะเรียก ไป่  หรือ เก็ด  ;))  พวกนี้มันเป็นกะเทยหรือว่ามีตัวผู้ตัวเมียขยายพันธุ์ต่อไปได้
วานกูรูเพ็ญเฉลยด้วย

ก่อนจะตอบคำถามของคุณเทาชมพูขออนุญาตวิสัชนาภาพที่คุณเทาชมพูแนบมาสักหน่อย

ภาพนี้คงไม่ใช่ลูกครึ่งเป็ด-ไก่ แต่เป็นเป็ดชนิดหนึ่งคือ เป็ดมัสโควี  (http://en.wikipedia.org/wiki/Muscovy_Duck) Cairina moschata

http://www.youtube.com/watch?v=3vvS0SK3Dmc

เป็นเป็ดพันธุ์เนื้อ ในเมืองไทยก็เลี้ยงเยอะอยู่

ป.ล. ถึงคุณพี เจ้าเม่นอ้วนที่สวนสัตว์ลอนดอนชื่อว่า "บลอนดี้" มากกว่ากระมัง

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)

ตัวนี้เห็นทีจะไม่พลาด   เรียกว่า Ducken   

http://explorernews.com/news/article_cd32cc42-956e-11e1-b44c-0019bb2963f4.html 

http://www.youtube.com/watch?v=neLQgbKctO4&feature=player_embedded

ข่าวจริงหรือข่าวหลอกกันแน่คะ

เจ้ากระปุ๊กลุกชื่อ "บลอนดี้" จริงๆ ด้วยครับ  :-[


น่าจะหลอกครับ เป็ดกับไก่ผสมพันธุ์ให้ลูกหลานไม่ได้ (ประมาณว่าสุนัขกับแมว)
เดาว่าน่าจะเป็นลูกเป็ดหน้าตาพิกลพิการแล้วเจ้าของนำมาเมคอัพใหม่

รอ อ.เพ็ญชมพู มาฟันธงครับ  ;D

คุณพีช่วยประหยัดเวลาในการหาคำอธิบายได้มากทีเดียว

หากใช้ การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C) เรียงลำดับความใกล้ชิดจากน้อยไปหามากคือ ไฟลัม ชั้น อันดับ วงศ์ สกุล ชนิด มาพิจารณา  สุนัขกับแมว อยู่ในอันดับ Carnivora (สัตว์กินเนื้อ) ยังใกล้ชิดกันมากกว่าเป็ดกับไก่ซึ่งอยู่คนละอันดับ แต่อยู่ในชั้นเดียวกันคือ Aves (นก) เสียอีก

สุนัขกับแมวผสมกันให้ลูกหลานไม่ได้ฉันใด เป็ดกับไก่ก็ผสมกันให้ลูกหลานไม่ได้ยิ่งกว่าฉันนั้น  ฟันธง !

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ตกลงว่าเป็ดอยู่ส่วนเป็ด   ไก่อยู่ส่วนไก่

มีภาพสัตว์ซึ่งชวนให้นึกว่าเป็น  Ducken (ซ้าย จาก เมืองจีน) (http://www.anorak.co.uk/190321/strange-but-true/the-chinese-chicken-foot-duck-scared-of-water.html/)  หรือไม่ก็เป็น Chucken (ขวา  จาก โคลอมเบีย (http://scientopia.org/blogs/thisscientificlife/2007/01/31/chiuck-ducken/)) เสียยิ่งกว่าเจ้า Ducken ของคุณเทาชมพูเสียอีก

คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้คือเป็นการบกพร่องทางพันธุกรรม

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เจ้าตัวนี้เกิดจากสุนัขผสมกับตัวอะไรหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

จูงเพื่อน hybrid มาให้อีกตัว

ยังติดใจอยากถามเรื่องเป็ดกับไก่   หมากับแมว  หงส์กับห่าน อะไรพวกนี้
นักวิทยาศาสตร์สามารถผสมเทียมให้เกิดสัตว์ครึ่งๆระหว่างตัวพ่อกับตัวแม่ ได้ไหมคะ

หงส์กับห่านอยู่วงศ์ (family) เดียวกัน คิดว่าไม่มีปัญหาในการผสมตามธรรมชาติ ส่วนเป็ดกับไก่และหมากับแมวคิดว่าเมื่อเทคโนโลยีวิศวพันธุกรรมพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไป อาจจะทำสำเร็จก็ได้

ว่าแต่ว่าคุณเทาชมพูเชื่อข่าวนี้ไหม  ;)

Cornell's Genetic Breakthrough Produces Cat-Dog Hybrid (http://www.catster.com/the-scoop/cornells-genetic-breakthrough-produces-cat-dog-hybrid)

ถ้าคณะสัตวแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคอร์แนลออกมาแถลงเองจริง เรื่องเจ้า Kotpies ลูกผสมหมาแมว   ก็เท่ากับเอาชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเป็นประกันอยู่แล้ว         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ
แต่รายเอกชนที่บอกว่าหมาแมวผสมกันเอง จนเกิดลูกออกมา    ข้อนี้ต้องยกให้คุณเพ็ญกับคุณพีตอบกันเอง ว่าจริงหรือไม่จริง

ตัวข้างล่างนี่หมาหรือแมวกันแน่   (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5728.0;attach=42352;image)
V

คุณเทาชมพูลองดูวันที่ของข่าวนี้เสียก่อน

ฝรั่งเขาไม่ถือดอก หากจะหลอกกันวันที่ ๑ เมษายน April Fools' Day (http://en.wikipedia.org/wiki/April_Fools'_Day)  ;)

เวลากลับไปค้นข่าวในกูเกิ้ล   โดยมากจะดูเนื้อหา ดูเว็บ   ใครมันจะไปดูวันที่ตัวนิดเดียว
ฝรั่งหลอก ไทยก็หลอก

ต้นแบบของเจ้า Kotpies

(http://www.tapetyzdarma.sk/uploads/wallpapers/2010/01/30/840/thumb_big_normal_0931857f17d8e19b06714b586f505d8b.jpg)

ยังมีผลงานจากห้องทดลองของ Dr Kwiecie Zywnoci มาแสดงอีกหลายตัว

http://www.catster.com/molz/thursday-thirteen-13-cat-dog-hybrids

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

สำหรับเจ้าตัวนี้ไม่ได้สัตว์ลูกผสมที่มาจากห้องทดลองของ Dr Kwiecie Zywnoci  และไม่ได้มีการตกแต่งภาพใด ๆ ทั้งสิ้น


ใครทราบบ้างว่า มันมีชื่อว่าอะไรน้อ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

พอได้การบ้านจาก อ.เพ็ญชมพู ก็รีบวิ่งไปปรึกษากับอากู๋ผู้รอบรู้ทันทีเลยครับ  ;D

เมื่อพิจารณาจากรูปร่างลักษณะของเจ้าสุนัขป่าประหลาดตัวนี้ ก็ยิงคำถามด้วยคีย์เวิร์ด "สุนัขป่า+ขายาว+ขาดำ (https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%2B%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%2B%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B3&ie=utf-8&oe=utf-8&rls=org.mozilla:th:official&client=firefox-a&gws_rd=cr&ei=cJk8UtW2EoborQeM5oDwAQ)" ว่ามีไม๊? อากู๋นั่งนึกอยู่แป๊บนึง ก็ตอบว่า สุนัขป่าที่ีขายาว น่ะมี แต่ "ขาดำ" ไม่มีนะ แต่มี "ขาว" ใช้ได้หรือเปล่า? ว่าแล้วก็ส่งรายชื่อสถานที่ให้เข้าไปเจ้าสุนัขพันธุ์ประหลาดนี้ซะมากมาย แต่แล้วก็โชคดีจริงๆ ที่ป้าวิกกี้บอกว่าลักษณะนี้มีเจ้า หมาป่าเคราขาว (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7) อยู่ตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า?

ก็เลยย่องเข้าไปส่องดู โป๊ะเช๊ะเลยครับ  ;D

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9e/Manvarg_%28Chrysocyon_brachyurus%29.jpg/160px-Manvarg_%28Chrysocyon_brachyurus%29.jpg)  (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/72/Chrysocyon_brachyurus_range_map.png/178px-Chrysocyon_brachyurus_range_map.png)
(เครดิตรูปภาพและแผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ จากวิกิพีเดีย (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7))

หมาป่าเคราขาว (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7) (ชื่อวิทยาศาสตร์: Chrysocyon brachyurus; อังกฤษ: Maned wolf) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ในวงศ์สุนัข (Canidae) เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Chrysocyon พบในทวีปอเมริกาใต้ ในประเทศบราซิล, ประเทศปารากวัย และประเทศโบลิเวีย มีลักษณะโดยผิวเผินคล้ายคลึงกับหมาจิ้งจอกแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก โดยสูงถึงสามฟุตนับจากเท้าถึงหัวไหล่ เพราะมีช่วงขาที่ยาวทำให้การมองเห็นได้ดีเมื่อต้องอยู่ในทุ่งหญ้าหรือที่รกชัฏ มีน้ำหนักประมาณ 20 ถึง 25 กิโลกรัม ขนลำตัวเป็นสีแดงน้ำตาล โดยมีขนขาและหลังคอเป็นสีดำ ขนปลายหางและใต้ลำคอเป็นสีขาว ขนดำที่หลังคอเป็นขนยาวและตั้งชันได้เวลากลัวหรือต้องการแสดงความก้าวร้าว มักอาศัยเป็นลำพังหรือเป็นคู่ ซึ่งต่างจากสัตว์ในวงศ์หมาป่าขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆที่มักอยู่เป็นฝูง ล่าสัตว์ขนาดเล็กและขนาดกลางเป็นอาหารในเวลากลางคืน ชอบกินผลไม้และพืชอีกหลายชนิดไม่แพ้เนื้อสัตว์ หากไม่ได้กินพืชจะเป็นโรคนิ่วได้

ป้าแหม่มวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Maned_wolf)ก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับหมาป่าเคราขาวอีกเยอะเลย เป็นต้นว่า

หมาป่าเคราขาวเมื่อโตเป็นหนุ่มสาว ก็จะเกี้ยวพาราสีจับคู่ผสมพันธุ์ในช่วงประมาณวันลอยกระทงถึงวันสงกรานต์ (เดือน พ.ย.-เม.ย.) ตัวเมียจะใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 2 เดือน คลอดลูกหมาน้อยน้ำหนักประมาณครึ่งโล 2-6 ตัว โดยพ่อแม่หมาจะเลี้ยงดูไปจนถึงอายุประมาณ 1 ขวบ จากนั้นลูกหมาน้อยที่โตเป็นหนุ่มสาวก็จะแยกย้ายออกไปหากินและสร้างครอบครัวใหม่ ทั้งตัวผู้และตัวเมียตัวเต็มวัย จะใช้ปัสสาวะในการกำหนดอาณาเขตและมีอาณาเขตหากินประมาณ 30 ตร.กม.

มีเรื่องที่น่าขำและเป็นเกล็ดความรู้เกี่ยวกับปัสสาวะของเจ้าหมาป่าเคราขาวเรื่องหนึ่ง คือ กลิ่นปัสสาวะของมันเหมือน "กลิ่นกัญชา" ว่ากันว่า (http://www.wired.com/wiredscience/2011/03/maned-wolf-pee-demystified/)..มีชาวบ้านคิดว่ามีคนแอบสูบกัญชาก็เลยแจ้งให้ตำรวจตามจับกันยกใหญ่ เหตุการณ์เกิดที่สวนสัตว์รอตเทอร์ดาม (ประเทศเนเธอร์แลนด์) ครับ  ;D

L0Lp3Z9N_lU
(สารคดีสั้นๆ จาก Mutant Planet- Maned Wolf (http://www.youtube.com/watch?v=L0Lp3Z9N_lU))

ถึงแม้่ว่าเจ้าหมาป่าเคราขาวจะมีหน้าตาหมาๆ (เหมือนกับพวกสัตว์อื่นๆ ในตระกูลสุนัข) ความจริงมันไม่ใช่ทั้งจิ้งจอกและไม่ใช่หมาป่าหมาป่า รวมทั้งไม่ใช่ญาติสนิทของโคโยตี้และไม่มีความใกล้เคียงกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ที่มีอยู่เลย

จากการศึกษาลักษณะทางกายวิภาคสมองที่ตีพิมพ์ในปี 2003 ได้จัดพวกมันไว้ในกลุ่มเดียวกับหมาป่าแห่งหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว (ตัวนี้ก็ไม่ใช่เผ่าหมาป่าอีกนั่นแหละ เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกพ้องกัน) และการศึกษา DNA ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2009 ยืนยันว่าทั้งสองสายพันธุ์มีความเกี่ยวข้องกัน โดยมีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อประมาณ 7 ล้านปีก่อน

เอ.. แล้วสุนัขบ้านกับหมาป่าเคราขาวนี้จะผสมพันธุ์ให้ลูกหลานได้หรือเปล่าน้อ?  ;D

น่าจะเป็นผีแมวอ้วนการ์ฟิลด์ครับ อิอิ

^

คุณพีช่างขยันค้นคว้าเหมือนเดิม

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/947/30947/blog_entry1/blog/2009-12-15/comment/535328_images/27_1260873760.gif)


อยู่ในวงศ์เดียวกันน่าจะผสมพันธุ์ให้ลูกหลานได้ แต่ยังไม่เคยเห็นผลงาน  

เคยเห็นแต่ผลงานแมวบ้านผสมกับแมวป่าออกมาน่ารักเชียว (ทั้งคนและแมว)  ;)



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

หมาป่า ผสมพันธุ์กับหมาบ้านได้ใช่ไหมคะ  อย่าง wolfdog ตัวนี้ ของจริงหรือหลอกกันอีกล่ะเนี่ย

ได้ยิ่งกว่าได้ สปีชีส์เดียวกันด้วยซ้ำ  ;)

ตารางข้างล่างนี้แสดงผลงานการผสมข้ามพันธุ์ของสัตว์ในวงศ์สุนัข (Canidae)

ข้อมูลจาก คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Canid_hybrid#Dog.E2.80.93fox_hybrids)

ลูก  coydog  น่ารักดี ขนปุกปุย แต่เห็นฟันมันแล้วไม่น่าเล่นด้วยเท่าไหร่

หาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการผสมข้ามพันธุ์ในวงศ์สุนัข ตั้งแต่.. หมาป่า+หมาบ้าน (wolfdog (http://en.wikipedia.org/wiki/Wolfdog)) ไปจนถึง.. โคโยตี้+หมาบ้าน (coydog (http://en.wikipedia.org/wiki/Coydog)) อ่านแล้วสะดุดตากับการทดลองผสมข้ามพันธุ์ที่เยอรมันระหว่าง พุดเดิล+โคโยตี้ ก็ชักอยากเห็นว่ารูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไร เผื่อท่านอาจารย์ใหญ่ อ.เทาชมพู สนใจจะเอาไปเลี้ยง แต่ไม่เจอครับ

กลับไปเจอ บทความสรุปผลการทดลองผสมข้ามพันธุ์ของ C. Schleifenbaum ในปี 1976 (http://goldendoodles.com/faqs/generations.htm) ซึ่งเค้าได้ยำรวมพันธุ์พุดเดิลกับหมาป่า (poodle-wolf hybrids) มีรูปให้ดูสองรุ่น (2 generation poodle-wolf hybrids) ดังข้างล่างครับ

(http://goldendoodles.com/faqs/20062cca0.jpg)
(รุ่นแรก เป็นสีดำล้วนแสดงลักษณะของพุดเดิลเด่นชัด)

(http://goldendoodles.com/faqs/200877ac0.jpg)
(รุ่นที่สอง มีความหลากหลายให้เห็น)

แต่รุ่นที่สามหรือรุ่นถัดๆ ไป ไม่มีรูปให้ชมแล้วครับ เข้าใจว่าจะมีปัญหาทางด้านกรรมพันธุ์ที่รุนแรงมากขึ้น เหมือนที่ป้าวิกกี้บอกไว้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Coydog#History) (เจอกับปัญหาการกลายพันธุ์ การลดลงของภาวะเจริญพันธุ์ โรคทางพันธุกรรม)

แต่จากรูปในรุ่นที่สอง ผมว่าหน้าตาจ๋องๆ น่าเอ็นดู อาจารย์ใหญ่น่าจะรับไปเลี้ยงซักตัวสองตัวนะครับ  ;D

ลูกผสมที่คุณพีเสนอมา  อุ้มก็ไม่ได้  เดินด้วยก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่    กลัวมันจะเห็นมือเจ้าของอร่อยกว่าขนมปัง
เอาอย่างข้างล่างนี้ละ ปลอดภัยดี

รับรองว่าไม่ใช่ลูกผสมหนูขาวกับหมูแน่นอน

แต่จะเป็นตัวอะไร เชื่อมือคุณพีว่าจะช่วยหาคำตอบได้แน่  ;D

คุณพีเจอการบ้านหนักอีกแล้ว

แอบมาปาดหน้าเคก ตัวนี้บินได้ไหมครับ ดูท่าทางแล้วน่จะใช่

เป็นพวกหนอนรึคะ  ดูจากใบไม้

อยากบินก็บินได้                    ที่ว่าใช่อะไรหนา
เป็นหนอนหรือเปล่านา             รอกายาเป็นแมลง

คุณพีว่าไรหนอ                      ยังร้อรอมาแสดง
คำตอบมาแถลง                     เชื่อมือไซร้ตอบได้เอย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ตัวล่างด้านซ้ายมือคล้ายคุณกิตติมากครับ

ได้ลายแทงคุณ hobo นำทาง  รู้แล้วว่าสัตว์ประหลาดนี้ชื่ออะไร  ตอนนี้ก็รอคุณพีมายืนยันอย่างเดียวค่ะ

ป.ล.  อ่านคุณ hobo ใบ้ทีแรกใจหายแว้บ    นึกว่าคุณ hobo เติมคำว่า "รัตน์"ลงไปอีกคำละยุ่งแน่

ใบ้คำที่ อ.เพ็ญชมพู ให้มาไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ  :'(


ใช่ครับอาจารย์ใหญ่ ผมนั่งส่องหาข้อมูลทำการบ้านมา 2-3 ชม. แล้วครับ   :-[


ใบ้คำจากคุณ hobo ช่วยได้เยอะเลยครับ ขอบคุณคร้าบบบ  ;D


อาจารย์ใหญ่ทราบชื่อแล้วน่าจะใบ้คำเพิ่มให้ลูกศิษย์อีกซักคำสองคำ อ.เพ็ญชมพู คงไม่ว่ากระไรหรอกครับ แหะๆ สารภาพตามตรงใบ้คำจากคุณ hobo ผมใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะเก็ตครับ เดาไปเรื่อยว่าหน้าตาเหมือนท่านใดน้อ?

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=43637;image)
(ภาพจากโจทย์การบ้าน (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5645.210)ของ อ.เพ็ญชมพู)

ที่จริงแล้วสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา ผมใช้เวลาอ่านสิ่งที่ไม่ได้ค้นหาเป็นซะส่วนใหญ่ครับ ไปเจออันนี้ก็น่าอ่าน ไปเจออันโน้นก็น่าสนใจ คลิกลิงค์โยงบทความต่างๆ ทิ้งไว้กว่า 30 แท็บ แล้วไล่อ่านไปเรื่อยๆ (คอมเครื่องที่ใช้งานอายุค่อนข้างเก่าเกือบสิบปีแล้วครับ ใช้เบราเซอร์ Firefox ก็ยังพอไหวอยู่ แต่ถ้าใช้เบราเซอร์ Google Chrome ป่านนี้เครื่องคงน็อคไปแล้ววววว)

คีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาจากอากู๋ก็เป็น "จมูกหมู สีขาว ตัวเล็ก" เห็นจากผลลัพธ์การค้นหาไปเจอตัวที่ชื่อน่าจะเข้าเค้าใบ้คำของ อ.เพ็ญชมพู อยู่ 2 ตัว คือ หมูหริ่ง (http://www.zoothailand.org/index.php?option=com_k2&view=item&id=230:%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87&Itemid=781&lang=th) และ เต่าบิน (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99) แต่ก็ไม่ใช่ครับ เลยเปลี่ยนใหม่เป็น "จมูกสีเหลือง หูสีเหลือง สีขาว ตัวเล็ก" อากู๋ส่งเข้าประกวดหลายตัว เป็นแมวมั่ง ไก่มั่ง โชคดีที่เจอโพสต์ใน เฟสบุค (https://www.facebook.com/KruTue/posts/149347068569651) แจ้งว่าเจ้านกมีหู หนูมีปีก ... คราวนี้ปีกสีขาวนะจ๊ะ คือ Honduran White Bat

ลักษณะเด่นชัดขนาดนี้ คงใช่คำตอบของการบ้านข้อนี้แล้วล่ะครับ  ;D

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a5/Ectophylla_alba_Costa_Rica.jpg/320px-Ectophylla_alba_Costa_Rica.jpg)
(ภาพค้างคาวขาวฮอนดูรัสจาก wikimedia (http://en.wikipedia.org/wiki/File:Ectophylla_alba_Costa_Rica.jpg))

ขออนุญาตส่งชื่อสามัญและรูปหน้าตรงของเจ้าค้างคาวขาวฮอนดูรัส ส่วนรายละเอียดและเรื่องราวที่น่าสนใจขอติดค้างไว้ก่อนครับ ขอเวลาสะสางอ่านบทความต่างๆ (ที่เปิดค้างไว้) อีกซักนิด หากท่านผู้อ่านกระทู้ท่านใดพอมีเวลา รบกวนทำการบ้านข้อนี้ล่วงหน้าไปก่อนได้เลยครับ

ต่อไปถ้าคุณพีได้การบ้านอีก ดิฉันจะพยายามใบ้ให้ชัดๆกว่านี้ค่ะ
ต้องไม่ประมาทข้อสอบโอเน็ทฝีมือเพ็ญชมพู

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=43637;image)

ยังสงสัยอยู่ว่าคล้าย คุณกิตติ  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B4) ตรงไหน

ตัวข้างบนน่ารักกว่าเยอะ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

นี่ คุณกิตติแน่นอน

ยังไงก็ไม่คล้ายคนนี้แน่นอน     คนนี้หล่อ

รูปนี้คงเป็นช่วงเริ่มหัดบินรึเปล่าคะ  เหมือนตุ๊กตาขนฟู

^
ตุ๊กตากระมัง

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

นี่ตัวจริง

เห็นคุณกิตติที่ อ.นวรัตน และ อ.เทาชมพู แนบรูปมา โอ๊ยยย นั่งฮาอยู่ตั้งนานสองนาน  ;D ;D ;D
ขอปรับอารมณ์แป๊บนึงครับ

(http://static.inaturalist.org/photos/178783/medium.JPG)
(ภาพจาก http://www.inaturalist.org/observations/126323)

ค้างคาวขาวฮอนดูรัส (http://www.iucnredlist.org/details/7030/0) เป็นค้างคาวจิ๋วพันธุ์หายากและมีจำนวนลดน้อยลง สามารถพบได้เฉพาะในแถบอเมริกาใต้ (คอสตาริกา ฮอนดูรัส นิการากัวและปานามา) (http://maps.iucnredlist.org/map.html?id=7030) มีชื่อสามัญว่า Honduran White Bat, White Bat มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Ectophylla alba ค้นพบโดย H. Allen ในปี ค.ศ.1892

ป้าแหม่มวิกกี้บอกว่า (http://en.wikipedia.org/wiki/Honduran_white_bat) ค้างคาวขาวฮอนดูรัส เป็นค้างคาวเพียง 1 ใน 2 พันธุ์ที่มีสีขาว (อีกพันธุ์หนึ่งคือค้างคาวผี (http://en.wikipedia.org/wiki/Ghost_bat)) มีจะงอยจมูกสามเหลี่ยมและหูเป็นสีเหลืองอำพัน ตัวเต็มวัยสูง 3.7-4.7 ซม. กางปีกกว้าง 6-10 ซม. น้ำหนัก 6 กรัม (น้ำหนักมากกว่าค้างคาวคุณกิตติ (http://www.biotec.or.th/brt/index.php/2009-06-23-04-27-44/184-kitti-bat) สัญชาติไทย ที่ได้ชื่อว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก ประมาณ 3 เท่า) ถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่เสียงต่อการสูญพันธ์ ส่วนชีวิตความเป็นอยู่อื่นๆ อาทิเช่น ชอบกินผลไม้และผัก ชอบอาศัยในเต็นท์ทำจากใบเฮลิโคเนีย (http://en.wikipedia.org/wiki/Heliconia) เกาะเบียดซุกเป็นกลุ่มห้อยแขวนต่องแต่งสูงจากพื้นราว 2 เมตร โดยตัวผู้จะชอบอาศัยรวมกับตัวเมียหลายตัว (ถ้าครองโสดหรือกลับไปนอนบ้านไม่ทัน ก็ไปอยู่เต็นท์ที่สร้างไว้กระจัดกระจายทั่วป่า) ซึ่งตัวเมียแต่ละตัวจะคลอดลูกน้อยเพียงตัวเดียวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อลูกโตก็จะถูกย้ายออกจากฮาเร็มเพื่อไปมีคู่ใหม่ ในฮาเร็มใหม่ต่อไป

มักพบตัวเมียในเต็นท์ฮาเร็ม 4-8 ตัว และอาจมากกว่า 12 ตัว ดูท่าชีวิตของชิ๊คหนุ่มขนขาวสำราญยิ่งนัก  :-[

(http://www.natgeocreative.com/comp/MI/001/1157123.jpg)
(ภาพจาก natgeocreative.com (http://www.natgeocreative.com/photography/1157123))

ครอบครัวขนขาวเค้าสร้างเต็นท์ห้อยกันแบบนี้ครับ ถ้าใบมันย้วยลงมาก็ไปสร้างกันใหม่

(http://cdn1.arkive.org/media/2D/2D8DFA9D-8AD5-4EDC-BE19-5E62636118AA/Presentation.Large/Honduran-white-bats-under-Heliconia-leaf.jpg)
(ภาพจาก arkive.org (http://www.arkive.org/honduran-white-bat/ectophylla-alba/image-G52516.html))

ซูมผ่านหูจมูกเจ้าขนขาวให้เห็นภายในเต็นท์กันชัดๆ ถูกกัดให้ใบโค้งลงและมีรูให้แสงลอดเข้ามาได้

(http://1.bp.blogspot.com/--xzR4Ozldvk/UI-c0mebFNI/AAAAAAAAdbY/WzmUYSxuRqo/s640/Honduran+White+Bat+Tent+Bat+Ectophylla+alba+costa+rica+5.jpg)
(ภาพจาก arkinspace.com (http://www.arkinspace.com/2012/10/the-honduran-white-bat.html))

ด้วยความน่ารักจึงถูกนำมาเป็นแบบทำเข็มกลัดซะเลย

(http://farm2.static.flickr.com/1141/5131790969_f6c8c12649.jpg)
(ภาพจาก flickriver.com (http://www.flickriver.com/photos/creturfetur/5131790969/))

ปิดท้ายด้วยภาพนี้ครับ น่ารักดีนะครับ ;D

(http://fc09.deviantart.net/fs43/f/2009/089/7/1/honduran_white_bat_2_by_zmouse.jpg)
(ภาพจาก deviantart.net (http://www.deviantart.com/#/art/honduran-white-bat-2-117646222?hf=1))

เห็นอยู่กันเป็นกลุ่มในใบกล้วยแล้วนึกอยากเอามาทำห่อหมก น่าจะกรอบหวาน ไม่ก็ทอดกรอบๆ ไฟแรงๆ ครับ

อ่านแล้วนึกถึงคุณป้าม.ล.เนื่อง นิลรัตนเคยเล่า  ท่านบอกว่าเนื้อค้างคาวเป็นเนื้อที่เปื่อยนุ่ม      ท่านเคยรับประทานมาแล้ว    ก็ไม่มีโอกาสจะถามว่ามันมีกลิ่นสาบติดมาบ้างหรือเปล่า   
ห่อหมกค้างคาวจิ๋วตัวขาวๆที่ว่า  น่าจะเนื้อนิ่ม   กระดูกกระเดี้ยวไม่ต้องถอด สับละเอียดลงไปในเนื้อพริกแกงเพื่อเอาแคลเซียม  เป็นสินค้าโอท็อปของเรือนไทย
ถ้าจะตั้งชื่อว่า ห่อหมกเพ็ญชมพู ก็น่าจะเรียกลูกค้าได้มากนะคะ คุณพีว่าไง

 :o  :o  :o

หนูช่วยบอกหน่อยได้ไหมจ๊ะ  ว่าใช้ฟ้อนต์อะไร      ถ้าโหลดมาใช้ได้  ก็จะเอาหนูออกจากห่อหมกเป็นรางวัล

ง่า.. มิกล้ารับประทานเนื้อค้างคาวครับ ได้ยินจากสื่อว่าเป็นพาหะโรคกลัวน้ำอยู่เนืองๆ ขนาดได้ยินเสียงตอนมันบินผ่านข้ามศรีษะยังต้องกลั้นลมหายใจกลัวเชื้อโรคเข้าสิงร่าง อีกทั้งปกติก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำบ่อยซักเท่าใด เกรงว่าจะไปกันใหญ่

แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อเมนูว่า "ห่อหมกเพ็ญชมพู" จะกัดฟันรับประทานจนหมดกระทงเลยล่ะคร้าบบบบ  ;D ;D ;D

ปล. นำภาพต้นเฮลิโคเนียประดับสวนมาจากกระทู้ ผ่าตัดแปลงโฉมบ้านในพันทิป (http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2010/01/R8807748/R8807748.html) มาเสริมในกระทู้ครับ เผื่อคุณ hobo หรือท่านอาจารย์ใหญ่ หาเจ้าขนขาวมาได้แต่ขาดกระทงทำห่อหมกเพ็ญชมพู จะได้ไปขอเจ้าของบ้านซักใบสองใบครับ

สัตว์ประหลาดสยองขวัญ(สำหรับคุณเพ็ญชมพูและคุณพี)ค่ะ

เอื๊อกกก

คงต้องส่งไปกระทู้ อาหารเครื่องดื่มแปลก ประหลาด หรือพิสดาร  (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5180.60) ของคุณกระต่าย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า

ภาพนี้ดูแล้วช่างน่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร นักประดาน้ำกำลังผจญกับสัตว์ประหลาดอะไรนั่น

รับรองว่าภาพนี้เป็นของจริง ไม่มีการตกแต่งภาพ ไม่มีการสร้างหุ่นจำลองขึ้นมา ไม่ได้มาจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด 

นักเรียนชั้นเหรียญทองคงจะต้องลงมือค้นคว้าอีกแล้ว  ;)

อนาคอนดาตัวนี้กลายเป็นลูกเจี๊ยบไปเลยครับ  ::)

ค้น (https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3+%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94+%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7+%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81&client=firefox-a&rls=org.mozilla:th:official&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=gllIUsfnMYf7rAf--oDoCw&ved=0CAcQ_AUoAQ&biw=1019&bih=505&dpr=1.33)เจอภาพคนละมุม คาดว่าน่าจะเป็นคนละตัวกัน แต่น่าจะเป็นพันธุ์เดียวกันครับ  ;D

(http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/288/12/13757703461375770385l.jpg)

อากู๋นำพาไปยัง Blog วิทยาศาสตร์ราชมงคล (http://nuclear.rmutphysics.com/blog-sci2/?cat=14) มีภาพและคลิปข่าวที่ระบุว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมว่า นักประดาน้ำในออสเตรเลียได้สัมผัสและบันทึกภาพหนอนทะเลพันธุ์ประหลาดซึ่งมีแสงเรืองในตัวเอง นอกชายฝั่งเมืองทาสมาเนีย ซึ่งถูกตั้งฉายาว่า “ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล”

รายงานระบุว่า หนอนทะเลหายากดังกล่าวซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “Pyrostremma spinosum” มีลำตัวยาวกว่า 30 เมตร หรือเท่ากับรถโดยสารสองคันต่อกัน โดยลำตัวที่มีลักษณะเรืองแสงของมันเกิดจากโคลนขนาดเล็กนับพันกลุ่ม ที่สามารถดูดน้ำผ่านท่อ และกินแพลงตอนเป็นอาหาร ก่อนจะคายเศษแพลงตอนออกมา และมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ซึ่งหมายถึงมันจะว่ายน้ำได้อย่างอิสระและอยู่ในพื้นที่ทะเลเปิดมากกว่าใกล้ชายฝั่ง และทำให้ยากที่จะพบเห็นมัน โดยมีเพียงนักประดาน้ำเท่านั้น ที่จะสามารถเห็นมันได้ ด้านนักประดาน้ำรายหนึ่งระบุว่า หนอนทะเลพันธุ์นี้ตัวใหญ่มาก ดูน่ากลัว และเคลื่อนตัวผ่านท้องทะเลระดับลึก แต่มีลักษณะนิ่ม จนคล้ายกับงูมีปีก ส่วนผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งระบุว่า พื้นที่คาบสมุทรทาสมานในทาสมาเนีย เป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่ของโลกที่อาศัยของแพลงตอนวุ้นแห่งท้องทะเลที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง

ตามเ้ข้าไปอ่านบทความในเว็บ deepseanews.com (http://deepseanews.com/2013/08/the-60-foot-long-jet-powered-animal-youve-probably-never-heard-of) ที่เป็นแหล่งข่าวของคนที่สนใจโลกใต้ทะเลลึก ซึ่ง RR Helm ได้เขียนบทความถึงเรื่องนี้และมีคลิปให้ชมด้วย อ่อ.. มีบางความเห็นเตือนอย่าคิดว่าผิวบอบบางแล้วดำเข้าไปเล่นในตัวมันนะ เพราะอีกพันธุ์หนึ่งในตระกูลนี้เค้าพบนกเพนกวินตายแหงแก๋ในท้อง จนทำให้ผู้เขียนบทความต้องอัพเดทเตือนใจคนอื่นๆ ในอีก 2 วันต่อมา

โอ๊ะโอ.. เจอที่มาของภาพที่ อ.เพ็ญชมพู ให้การบ้านแล้วครับ  ;D

(http://www.biodiversityexplorer.org/mm/tunicates/images/speciesHero_487321.jpg)

เว็บไซต์ biodiversityexplorer.org (http://www.biodiversityexplorer.org/mm/tunicates/pyrostremma_spinosum.htm) เค้าบอกว่าภาพโดยนายโรเจอร์ เฟนวิค (Mr Roger Fenwick ©, Victoria, Australia) นั่งยิ้มเผล่ถ่ายรูปบนตัวเจ้าหนอนยักษ์ขนาดประมาณ 20 เมตร แชะภาพถ่ายขณะดำน้ำลึก 25 เมตร ที่เกาะมองตากู ออสเตรเลีย (Montague Island in NSW, Australia) เมื่อปี ค.ศ.1985

ส่งท้ายด้วยภาพเปรียบเทียบสัตว์ประหลาดจากหนังเรื่อง El Secreto del Abismo (1989) กับเจ้าหนอนยักษ์ Pyrostremma spinosum (2013) ที่เจ้าของบล็อก federaciongalactica (http://federaciongalactica.blogspot.com/2013/08/extranos-organismos-marinos-con-forma.html) บอกว่าเหมือนกันเด๊ะเลยครับ  ;D

หากคุณพีตอบว่าเจ้า Pyrostremma spinosum หรือ Pyrosoma spinosum นี้คือหนอนยักษ์ตามที่สื่อไทยใช้เห็นจะไม่ถูก

Pyrosoma spinosum คือตัวอะไร ในเว็บภาษาอังกฤษทั้ง ๒ เว็บที่คุณพีได้ค้นคว้ามานั้นได้อธิบายรายละเอียดไว้แล้ว  ;)

อนึ่งภาพยนตร์เรื่อง El Secreto del Abismo (1989) ชื่อภาษาอังกฤษคือ The Abyss หรือชื่อไทยว่า "ดิ่งขั้วมฤตยู" ของผู้กำกับเรืองนาม เจมส์ คาเมรอน

เจ้าตัวประหลาดในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียงน้ำที่ถูกปั้นเป็นตัวเท่านั้น

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ครูเพ็ญให้การบ้านเด็กชายพี จนไม่มีเวลานอน   
โหดไปนะครู  คราวหน้าหาการบ้านง่ายๆกว่านี้หน่อย

^
นักเรียนชั้นเหรียญทองต้องขยันเป็นธรรมดา  ;)


ฉายาที่สื่อนอกตั้งให้ว่า "Unicorn of the Sea" นี้ ชวนให้นึกถึงเจ้าของฉายาเดิมตัวนี้

นาร์เวล Narwhal


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley04.png)

เอาการบ้านมาฝากครูเพ็ญ

เห็นทีจะต้องฝากความหวังไว้ที่คุณพี

ท่านอาจารยืใหญ่ติดตามข่าวสารตลอดเวลา นับถือๆ คุณพีคงเหงื่อตกเหมือนกันถ้าไม่ได้อ่านข่าว  :P

นั่งส่องหาปลาหลิมของอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่คืนวานแล้วครับ  :-[

เมื่อคืน อากู๋พาเด็กชายพีวิ่งหาข้อมูลจนแข้งขาอ่อน
วันนี้ ค่อยยังชั่วหน่อย ได้ลายแทงจากคุณ hobo เพิ่มมาอีกคำ (ข่าว)
ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้ อากู๋จะพาวิ่งจนหมดแรงข้าวต้มอีกหรือเปล่า?

แต่กว่าจะได้คำตอบ อ.เพ็ญชมพู คงจะมีหลักไมค์เกิน 6666 แล้วครับ  ;D

มาย่อระยะทางให้เด็กชายพี   ไม่งั้นเดี๋ยวนอนดึกทำการบ้านส่งครูอีก
คุณพีลองหาคำว่า  Akawaio penak นะคะ

รายงานข่าวจากมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 56 เวลา 13.11 น. ฮือฮา! ร้านปูแดงจับค้างคาวประหลาด คล้ายผีเสื้อสีส้ม-ดำ ไว้ได้ คนแห่ชมคึกคัก คาดบินหนีมรสุมมา (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1380590247&grpid=03&catid=&subcatid=)

(http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/247/1238638/ffrg.jpg)
(ตัวนี้เจอที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2556)

เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 30 กันยายน ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์ รายงานว่า ได้มีชาวบ้านเข้าไปชม ค้างคาวคล้ายผีเสื้อ สีส้ม-ดำ ที่ร้านอาหารปูแดง เลขที่ 202 / 1 บ้านโคกมะกะ หมู่ 8 ถนนสุรินทร์-ช่องจอม ในเขตเทศบาลกังแอน ซึ่งขังในกรงหุ้มผ้าสีขาว นายเจษฎาภรณ์ โพธิ์ประทุม อายุ 17 ปี ลูกชายเจ้าของร้านอาหาร ผู้จับค้างคาวประหลาดตัวนี้ เผยว่า ขณะกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำได้มีสัตว์ชนิดหนึ่ง บินวกวนอยู่ในห้องน้ำ จึงส่งเสียงร้องตะโกนให้นายนพรัตน์ และนางศรีอุทัย โพธิ์ประทุม พ่อและแม่ มาดูสัตว์ประหลาดที่พบเห็นในห้องน้ำ ก่อนจะรีบทำกรงใช้ผ้าสีขาวห้อมล้อม เอามาโชว์ให้ลูกค้าในร้านและเพื่อนๆชม นายนพรัตน์ กล่าวว่า สัตว์ประหลาดที่ นายเจษฎาภรณ์ ลูกชาย จับได้ครั้งนี้ อาจบินหนีมรสุม หรือพายุฝนพลัดหลงเข้ามาในร้าน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น ผีเสื้อ หรือ ค้างคาว ครอบครัวจะเลี้ยงไว้ให้เด็กๆ และผู้สนใจชมควบคู่กับปลามังกร

(http://image.mcot.net/media/images/2012-11-15/20121115174018-640x390x2.jpg)
(ตัวนี้เจอที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2555)

นานๆ จะมีโอกาสได้เห็นค้างคาวมากสีสรร เจ้าค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อ (http://tinyurl.com/p755563) หรือ ค้างคาวสี (อังกฤษ: Painted bat, Painted woolly bat; ชื่อวิทยาศาสตร์: Kerivoula picta) ก็เลยกลายเป็นของแปลก เป็นข่าวฮือฮาในหนังสือพิมพ์อยู่เนืองๆ เช่น พบที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร จากไทยรัฐออนไลน์ 1 เม.ย. 2554 (http://www.thairath.co.th/content/region/160373), ตลาดเทศบาลเมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง จากคมชัดลึกออนไลน์ 21 ก.ค. 2555 (http://tinyurl.com/qboerms), อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จาก mcot (http://www.mcot.net/site/content?id=50a4c693150ba0ee1c000002#.Ukryk1ObxpY) 15 พ.ย. 2555

ปล. จากการติดตามอ่านเรื่องทำนองนี้ พบว่ามีอยู่หลายครั้งที่สื่อมวลชนไม่ค่อยจะให้ความสำคัญของการตรวจสอบ แถมชอบให้ข้อมูลผู้อ่านแบบหวือหวาเกินเหตุ (กะขายอย่างเดียวเลย) ยิ่งใกล้หวยออกยิ่งเป็นข่าว จุดธูปขอหวยกันอีกแล้ว เฮ้อ..

ส่งดาราให้หวยมาเป็นเพื่อนน้องค้างคาวของคุณพีค่ะ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับที่ บ้านเลขที่ .............................. อ.เมืองสกลนคร เจ้าของปลาช่อนทอง ยังมีชาวบ้านทยอยเดินทางไปจุดธูปเทียนเพื่อดูหวยจากตัวปลาช่อนทอง ที่นายป. อายุ 46 ปี ที่มีอาชีพหาจับปลาในหนองหารขาย และเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา นายป. ได้ดักเบ็ดในหนองหารและได้ปลาช่อนติดเบ็ดมาหนึ่งตัว ขนาดความยาว 8 นิ้ว และหนัก ประมาณ 500  กรัม แต่ที่ฮือฮาพบว่าปลาซ่อนดังกล่าวมีสีทองทั้งตัว จึงนำมาเลี้ยงไว้เพราะเชื่อว่าเป็นปลาให้โชค โดยไม่ยอมบอกใครต่อมา ชาวบ้านทราบข่าว มาขอดู และมองจุดตามตัวปลา และเห็นตัวเลข 07 และบางราย นำความยาวและน้ำหนักปลาไปซื้อหวย งวดที่ผ่านมาปรากฏว่า รางวัลเลขท้ายสองตัว 07 และเลขท้ายรางวัลที่  458  ตรงๆ ทำให้ถูกหวยกันยกหมู่บ้านมาแล้ว

 ต่อมาก็มีชาวบ้าน เชื่อว่าปลาช่อนทองน่าจะให้โชคอีกจึงเดินทางทยอยกันมาขอดูปลาช่อนพร้อมกับจุดธูปเทียนขอหวย เพราะเชื่อว่างวดนี้ปลาช่อนต้องให้โชคอีกแน่นนอน

สื่อไม่ได้ค้นคว้าต่อว่าปลาช่อนทองตัวนี้คือปลาพันธุ์อะไร   คงหยุดแค่ให้หวย (ตามเคย)

ขอบคุณค้าบบบ  ;D

แต่เจ้าปลาหลิมเสียบปลั๊กไฟตัวนี้เป็นพันธุ์ใหม่เอี่ยม เพิ่งสอบบรรจุได้เดือนสองเดือนนี้เอง
ขนาดป้าแหม่มวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Akawaio_penak)ให้ข้อมูลสั้นจู๊ดจู๋แค่บรรทัดเดียว
คงต้องรบกวน อ.เพ็ญชมพู มาให้ความรู้ล่ะครับ ข้อนี้เด็กชายพีตายหยังเขียดสถานเดียวครับ  :'(

ปล 1. วิ่งกระทู้ชนอาจารย์ใหญ่อีกแล้ว ขอโทษค้าบบบ  ;D
ปล 2. ซุปตาร์ปลาช่อนทองตัวนี้น่าจะอร่อย ใบ้หวยแม่นซะด้วย เจ้ามือหวยน่าจะชอบครับ  :P
ปล 3. คุณ hobo เตือนเป็นนัยๆ แล้วเชียว ตอนนี้เหงื่อไม่ตกแล้วครับ เพราะหยุดหายใจไปแล้วครับ  :'(

Akawaio penak ถูกจัดเป็นปลาไฟฟ้าสกุล (genus) และชนิด (species) ใหม่เอี่ยม ตามรายงานในนิตยสารวิชาการทางด้านสัตววิทยา Zoologica Scripta (http://en.wikipedia.org/wiki/Zoologica_Scripta) เผยแพร่เป็นครั้งแรกใน นิตยสารออนไลน์  (http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/zsc.12035/abstract) เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคมนี้เอง

ชื่อสกุลของปลาตัวนี้ตั้งตามชื่อเผ่าของชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่บริเวณที่พบปลาคือแถวแม่น้ำมาซารูนี (Mazaruni River) ซึ่งอยู่ตอนเหนือของประเทศกายอานาในอเมริกาใต้

กระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากปลาสกุลใหม่นี้อ่อนเกินกว่าจะทำให้เหยื่อสลบ มีประโยชน์เพื่อใช้นำทางและตรวจจับวัตถุ รวมทั้งใช้สื่อสารกับปลาไฟฟ้าตัวอื่นเท่านั้น ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวเหมาะแก่แหล่งอาศัยที่เป็นน้ำขุ่น

รายละเอียดคุณพีสามารถติดตามได้ที่ เว็บของนิตยสารข่าววิทยาศาสตร์ (http://www.sci-news.com/biology/science-akawaio-penak-new-species-genus-electric-fish-guyana-01415.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley04.png)

ยังสนใจปลาช่อนสีทองข้างบนนี้ค่ะ  คุณเพ็ญชมพูพอจะบอกได้ไหมว่าเป็นปลาช่อนชนิดไหน
ในประเทศไทยเป็นปลาเลี้ยงหรือเปล่า

สีของสัตว์เป็นผลจากการแปรรหัสระดับสารพันธุกรรม (gene) ซึ่งอยู่บนสายโครโมโซมในนิวเคลียสของเซลล์ องค์ประกอบของยีนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ซึ่งไม่ใช่เรื่องปรกติ ศัพท์เทคนิคเรียกว่า "การผ่าเหล่า" (mutation) สีทองหรือลักษณะเผือก (Albino) ของสัตว์การเกิดจากการผ่าเหล่านี้เอง

สรุปว่าปลาช่อนสีทองก็คือปลาช่อนธรรมดา Channa striata ที่ผ่าเหล่าไปนั่นเอง

คุณเทาชมพูสามารถอ่านคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องสีของสัตว์ได้ที่ เว็บ The Tech (http://genetics.thetech.org/original_news/news27)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

เอางูสีทองมาโชว์ สีทองของงูตัวนี้มีสาเหตุคนละอย่างกับปลาช่อนสีทองข้างบน

คุณเทาชมพูพอจะบอกได้ไหมว่างูสีทองตัวนี้เป็นผลจากอะไร  ;)

ส่งไม้ต่อให้คุณพี หรือคุณดีดี ค่ะ

ไม้นี้ ไม่รับได้ป่าวครับอาจารย์ใหญ่ เด็กชายพีกลัวงูครับ  :'(

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=43927;image)
(ภาพการบ้านจาก อ.เพ็ญชมพู)

เป็นงูโฟโตเฉาะหรือเปล่าครับ   :P

จะว่าไป งูทองคำของ อ.เพ็ญชมพู ไม่น่ากลัวเท่าไหร่แถมสียังสวยมากครับ ผิวลื่นมันปลาบเปล่งแสงทองระยิบระยับ น่าจะหายากมากหรือใกล้สูญพันธุ์ เมื่อค้นดูจากเว็บไซต์ต่างๆ ก็มีพูดถึงงูตัวนี้อยู่พอสมควร แอบแวะอ่านรำลึกความหลังนิยายจีนกำลังภายในแป๊บนึง (เพ็กฮวยเกี่ยม จอมดาบงูทอง)

ไม่ได้อู้นะครับ กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลด้านอื่นๆ มาทำการบ้านน่ะครับ   :-[

ส่งการบ้านครับ  ;D

ที่เว็บ wafflesatnoon.com (http://wafflesatnoon.com/2012/09/15/is-this-golden-snake-real-or-a-hoax/) ภาพงูทองคำในบทความนี้ระบุว่า ได้รางวัลที่ 2 จากการประกวด Photo Effects Contests (http://www.worth1000.com/contests/20519/gold) ในหัวข้อ "ทองคำ" ข้างล่างนี้คือภาพเปรียบเทียบครับ

(http://wafflesatnoon.com/wp-content/uploads/2012/09/Golden-Snake-300x225.jpg)  (http://wafflesatnoon.com/wp-content/uploads/2012/09/goldsnakeoriginalbp9.jpg)
(ภาพจากเว็บไซต์ wafflesatnoon.com (http://wafflesatnoon.com/2012/09/15/is-this-golden-snake-real-or-a-hoax/))

ค้นต่ออีกนิด.. มีข้อมูลจาก nevadakid.webnode.hu (http://nevadakid.webnode.hu/fekete-kiralysiklo) ระบุว่างูตัวสีดำด้านขวามือ มีชื่อเรียกภาษาฮังการี Fekete királysikló (แปลว่า Western Black Kingsnake) พบที่เทือกเขาแอนดี เม็กซิโกและทางตอนใต้ของรัฐแอริโซนา

(http://files.nevadakid.webnode.hu/200000927-7333473ae9/Western%20Black%20Kingsnake%20%28Lampropeltis%20getula%20nigrita%29.jpg)
(ภาพจากเว็บไซต์ nevadakid.webnode.hu (http://nevadakid.webnode.hu/fekete-kiralysiklo))

ข้อมูลจาก reptilesofaz.org (http://www.reptilesofaz.org/Snakes-Subpages/h-l-getula.html) และข้อมูลจาก wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Lampropeltis_getula_nigra) ทำให้ทราบว่างูราชาสีดำ (ฺBlack kingsnake) มีชื่อวิทยาศาสตร์ Lampropeltis nigra เป็นงูขนาดใหญ่ปานกลาง มีสีดำสลับปล้องสีเหลืองหรือสีครีมจางๆ ความยาวเฉลี่ยของตัวเต็มวัยประมาณ 1 เมตร (90-122 ซม.) เติบโตใหญ่สุดประมาณเกือบ 2 เมตร (147-183 ซม.) หากินกลางคืน จำศีลในฤดูหนาว สืบพันธุ์ขยายพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิ ออกไข่ราวๆ 20-24 ใบ ไข่ฟักออกเป็นตัว (ลูกงู) ประมาณเดือนสิงหาคม

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/10/Black_Kingsnake_%28Lampropeltis_getula_niger%29.jpg/320px-Black_Kingsnake_%28Lampropeltis_getula_niger%29.jpg)
(ภาพจาก wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/File:Black_Kingsnake_%28Lampropeltis_getula_niger%29.jpg))

สรุป

แม้จะมีข้อโต้แย้งว่าอาจเป็นงูพันธุ์หายากสุดๆ ที่พบน้อยครั้งที่ป่าอเมซอน (จากการอัพเดทของผู้เขียนบทความ Is this Golden Snake Real or a Hoax? (http://wafflesatnoon.com/2012/09/15/is-this-golden-snake-real-or-a-hoax) ในวันที่ 2 ต.ค. 2012) แต่ภาพของงูทองคำดังกล่าว เป็นที่แน่ชัดว่า "เป็นภาพตกแต่ง" (จากการประกวดของเว็บ worth1000.com (http://www.worth1000.com/contests/20519/gold)) ซึ่งใช้เทคนิคทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเปลี่ยนงูสายพันธุ์ kingsnake สีดำ ให้กลายเป็นสีทอง (หรือทองคำ) นั่นเองครับ

ค้นหา "งูทองอเมซอน" ที่บอกว่าพบได้ยากสุดๆ ไม่เจอครับ เจอแต่ตัวนี้

(http://www.appletonexotics.co.uk/wp-content/uploads/2012/12/atb.jpg)
(Amazon Tree Boa from appletonexotics.co.uk (http://www.appletonexotics.co.uk/amazon-tree-boa/))

มีข้อมูลของ King Snake จาก reptilepet.net (http://www.reptilepet.net/index.php?topic=65.0) มาเพิ่มเติมครับ

Common King Snake (Lampropeltis getula) มีสี น้ำตาล เข้ม สลับ ขาวหรือครีมเป็นจุดเด่น ส่วนหัวที่นัยตากลมและเกล็ดเรียบ เป็นงูที่ได้รับความนิยมเลี้ยงอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากเพาะเลี้ยงง่าย และสวยงาม ไม่มีพิษ งู Kingsnakes กินงูด้วยกันเป็นอาหาร โดยการใช้กำลังที่มากกว่ากดทับ และบีบรัด รวมทั้งงูพิษเช่นงูหางกระดิ่ง ซึ่งมันมีภูมิต้านทานพิษของงูพิษต่างๆได้เป็นอย่างดี และสัตว์อื่นๆ เช่นสัตว์เลื้อยคลาน หนู นก ปลา มักออกหาเหยื่อในเวลาเช้าและช่วงเย็น ไม่ชอบอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน มักหากินตามพื้นดิน แต่สามารถปีนพุ่มไม้เพื่อล่าเหยื่อได้บางโอกาส ตระกูลนี่เท่ห์ สมเป็น King Snak กลายเป็นว่า งูที่กำจัดงูหางกระดิ่งกลับเป็นงูไม่มีพิษธรรมดาๆ

เผื่อว่า อ.เพ็ญชมพู อาจารย์ใหญ่ หรือท่านอื่นๆ จะรับไปเลี้ยงดูเล่นซักตัวสองตัว เลยหยิบภาพรวมเหล่า King Snake สายพันธุ์ต่างๆ มาให้ดูตัวก่อนครับ  ;D

อ่านแล้วทนไม่ได้ ขอเข้าร่มวงสนทนานด้วยคนครับ เรื่อง hoax นี้ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ post สื่อสารส่งข้อความให้สาธารณะได้ง่าย ต้องระวังมาก ของไทยก็มี ทุกท่านคงจำกันได้เมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ ว่ามีคนทำงูที่มีพิษรุนแรงหลุด ขอเข้ามายืนยันว่าไม่มีครับ สืบหาแหล่งต้นตอนไม่ได้ คนที่เอามาโพสคนแรกก็บอกว่าได้ยินมา เดี๋ยวๆ ก็มีข่าวแมงมุมแม่ม่ายดำบ้างซึ่งไม่จริงเลย คนบางคนไม่มีความรู้ก็อยากพูด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีการรวมกลุ่มทางอินทเนตร บางทีเรื่องที่เอามาก้เป็น pseudoscience ไม่มีคนท้วงก็ค้างอยู่อย่างนั้น แล้วมาอ้างกันต่อๆ เห็นแล้วปวดหัวมากครับ

โลกอินเทอร์เน็ตเป็นโลกที่ส่งข้อความกันได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ  เพราะไม่มีตัวตนผู้ส่ง   จึงมีเว็บผีบอก ยาผีบอกกันมากมาย  คนได้รับก็เชื่อกันจริงๆจังๆ  เช่นมะนาวโซดาดื่มแล้วฆ่าเซลล์มะเร็งได้ 100%  แต่หมอไม่บอกเพราะบริษัทยาจะเจ๊ง    พวกเราก็ต้องรับข่าวสารด้วยความระมัดระวังกันเองค่ะ
ขอส่ง hoax มาให้ตัวหนึ่ง   พืชแปลกประหลาดไม่มีชื่อ

เอาปลาทองมาให้ดูอีกตัวหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากการผ่าเหล่า ไม่ได้เกิดจากการตกแต่งภาพ

ตามข่าวกล่าวว่า  (http://wickedreport.com/a-real-goldfish-truly-unbelievable/) จับได้แถวทะเลไต้หวัน ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติของไต้หวัน นักวิทยาศาสตร์พบว่าบางส่วนของปลาทองตัวนี้เป็นทองแท้ ๒๔ กะรัตเชียว

คุณเทาชมพู คุณพี คุณโฮโบ และชาวเรือนไทยทุกท่าน  เชื่อหรือไม่

และปลาทองตัวนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรหนอ

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ไปหาต่อในเว็บอื่นๆ  ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ    เขาบอกว่าเป็นปลาจริง แต่บางส่วนของมันเป็นทอง 24 กะรัต   แน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่คนไปทำให้มันเป็นงั้นหรือคะ

พญานาคมาอีกแล้วนะคะ  คุณเพ็ญชมพู
ช่วยดูหน่อยว่าเป็นน้องอ๋อร์ เพื่อนเก่าคุณเพ็ญตั้งแต่ต้นกระทู้เดิม  หรือเปล่า
http://www.thairath.co.th/content/region/375238

หากพบในแม่น้ำโขง อย่างน้อยพอฟันธงได้ว่าไม่ใช่น้องอ๋อแน่นอน

ส่วนจะเป็นพญานาคหรือไม่ ขอให้จับขึ้นมาบนบก ดูให้ชัด ๆ จึงจะพอตอบได้

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ทำไมหน้าตามันเหมือนผมจังเลย นึกว่าเห็นตัวเอง

หล่อใช้ได้  ;)

ไหน ๆ คุณประกอบก็อยู่ในเหตุการณ์ ขอคำตอบคำถามข้างล่างหน่อย


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

เหอะๆ คราวนี้คงโดนทาสีแน่ๆ ครับ ร่างกายสิ่งมีชีวิตสร้างโลหะอย่างทองไม่ได้ มีแต่กำจัดออก การที่สารต่างๆ เช่นปรอท ตะกั่ว สารหนู ไปอยู่ที่เส้นผม ขน เล็บ ล้วนแต่เป็นการขจัดออกทั้งสิ้น คิดว่าโดนทาหรือไม่ก็ฉาบครับ ผมสงสัยว่าเขาทำอย่างไรให้มันมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถึงอยู่ได้คงอยู่ได้ไม่นานครับ

ถ้าเขาเอาปลามาฉาบทอง 24 กะรัต บางๆตามครีบ หรือหาง   ส่วนตัวก็ทาสีทองบางๆลงไป    ปลามันจะมีชีวิตอยู่ได้สักพัก รอจนสีลอกไปเอง ได้ไหมคะ

พิสูจน์พญานาคที่นครพนม 

http://www.youtube.com/watch?v=MVbvaH9homE

รายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผู้จัดการ (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000128039)

โอละพ่อ! ข่าวลือพญานาคโผล่น้ำโขงหน้าวัดธาตุพนม ที่แท้ “ทุ่นพลาสติกลอยน้ำ”

นครพนม - โอล่ะพ่อ หลังฮือฮาพญานาคโผล่กลางน้ำโขงหน้าวัดพระธาตุพนม วันทำพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึกบูชาพญานาคน้ำโขง ล่าสุด ตำรวจน้ำนำเรือพิสูจน์พบเป็นทุ่นพลาสติกใต้ผิวน้ำ ชาวบ้านที่มุงดูเผ่นกลับเสียอารมณ์
       
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า เมื่อวันที่ ๑๑ ต.ค.) เวลา ๑๓.๐๐ น. หลังจากที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สัตนาคารำลึก หรือพิธีบวงสรวงพญานาค ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญจัดสืบทอดมานานกว่า ๕๐ ปี ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลออกพรรษา ในคืนวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปีที่ผ่านมา และเป็นที่ฮือฮาแตกตื่นเพราะมีการถ่ายภาพเชื่อว่าเป็นพญานาคโผล่ขึ้นในแม่น้ำโขงเยื้องประตูโขง
       
โดยเฉพาะปรากฏเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง และโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก เป็นข่าววิทยุในพื้นที่ จนทำให้ช่วง ๑-๒ วันมานี้ ได้มีประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลมาชมโดยกระแสน้ำหมุนเป็นเกลียวหมุนยาวอยู่กับที่ให้คนชมตลอด
       
ขณะที่ชาวบ้านจับกลุ่มยืนชมอยู่นั้น ได้มีเรือตำรวจน้ำลำหนึ่งขับวนเวียนรอบคลื่นน้ำหมุน ที่เชื่อว่าเป็นพญานาค สักพักเจ้าหน้าที่บนเรือได้เกาะเชือกใต้น้ำขึ้น และพบเป็นกระป๋องน้ำพลาสติกลอยพ้นขึ้นสูผิวน้ำ และเกลียวคลื่นหมุนคล้ายตัวพญานาคก็หายไปทำเอาชาวบ้านรู้สึกผิดหวัง และเสียอารมณ์มาก
       
จากการสอบถามชาวบ้านแถบนั้น ตอบว่า จริง ๆ แล้วมันคือทุ่นใต้น้ำผูกเชือกถ่วงหินลงใต้น้ำโขง ส่วนบนกระป๋องน้ำเอาไว้ผูกมองหาปลา แต่บังเอิญสายถ่วงน้ำสั้นนิดหนึ่งทำให้เชือกดึงกระป๋องน้ำลงใต้ผิวน้ำ เมื่อกระแสน้ำกระทบมันจะเกิดเป็นคลื่นหมุนยาวๆ และมีการตื่นว่าเป็นพญานาค
       
แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็จะตอบเลี่ยงไว้เชิงว่า ขณะนี้พญานาคดำน้ำหนีไปแล้ว

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ฉาบทองคงไม่ใช่       ลองตอบใหม่ยังเฝ้ารอ
คุณพีอยู่ไหนหนอ      คงตอบได้เชื่อใจเอย

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เห็นทีจะต้องใบ้

คุณเทาชมพูยังจำปลาตัวนี้ได้ไหม

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=17567;image)

ปลาตัวนี้มีอะไรบางอย่างเหมือนปลาทองตัวข้างบน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

ปลาหุ่นยนต์หรือนี่?

สิ่งที่เราเห็น อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด  ;D

TOKYO, JAPAN: Japan's machinery giant Mitsubishi Heavy Industries' (MHI) subsidiary Ryoumei Engineering unveils the new fish robot swimming in a fish tank in Tokyo 15 October 2003. The MHI already developed smaller sized sea bream and coelacanth shaped robots in 1999 while they manufactured a golden colored carp shaped robot, 1 meter in length and weighing 17 kilograms, which can swims 0.4 meter per second in the water like a real fish. AFP PHOTO / Yoshikazu TSUNO (Photo credit should read YOSHIKAZU TSUNO/AFP/Getty Images)

จาก  http://www.gettyimages.com/detail/news-photo/japans-machinery-giant-mitsubishi-heavy-industries-news-photo/2601756 (http://www.gettyimages.com/detail/news-photo/japans-machinery-giant-mitsubishi-heavy-industries-news-photo/2601756)

มาสมทบค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=eO9oseiCTdk

มาสมทบด้วย 

http://www.youtube.com/watch?v=1iC2JRWsW08

ตัวเดียวกับปลาทองปริศนา

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ยาว 1 เมตร หนักตั้ง 17 ก.ก.  ตัวมันคงทำด้วยโลหะ
ว่ายน้ำนานๆไม่เป็นสนิมหรือนี่

วัสดุที่ใช้อาจเป็นยางหรือไฟเบอร์กลาสเป็นส่วนประกอบ ถึงมีโลหะเป็นส่วนประกอบบ้าง ชนิดที่ไม่เป็นสนิมก็มีอยู่หลายหลากให้เลือกใช้ หุ่นยนต์ปลาตัวนี้คงไม่เป็นสนิม'ง่าย ๆ หรอก

ลองพินิจพิศดูที ปลาสีทองตัวนี้เป็นหุ่นยนต์ด้วยหรือเปล่า   ;)

หน้าตาเหมือนหุ่นยนต์   แสดงว่าน่าจะเป็นปลาจริง

เหลืองทองน่ะสีแท้         ปลาจริงแน่แต่ชื่อใด
แปลกแท้แต่ตรงไหน       น่าตอบได้ไม่ยากเลย 

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)           

ปลามังกรทองมาเลย์   

คนละตัวกระมัง  ;)

อ้าว ผิดเสียแล้ว   
หน้าตามันคุ้นๆนะคะ  แต่นึกไม่ออก

ปลาครึ่งกบ ไม่มีชื่อ

ตัวนี้ยังไม่เคยมาเยี่ยมคุณเพ็ญชมพูใช่ไหม  Pinocchio anole

นับเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นทีเดียว

กิ้งก่าจมูกยาว Anolis proboscis ตัวนี้ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖  ๖๐ ปีมาแล้ว แล้วมาพบอีกทีตอนมันกำลังข้ามถนนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ จนมาถึงปีนี้จึงได้เห็นตัวอีกเป็นครั้งที่ ๓

http://www.youtube.com/watch?v=FphuK5aIE0k

มีรายละเอียดให้อ่านต่อที่ เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2449455/Its-lie-Extinct-Pinocchio-lizard-caught-camera.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

อย่าลืมปลาสีทองตัวนี้เสียล่ะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44182;image)

ยังรอคำตอบอยู่ต่อไป

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)

ตัวเดียวกันหรือเปล่า  Parancistrus aurantiacus  ไม่รู้ชื่อสามัญ
น่าจะเป็นปลาตู้สวยงาม

Parancistrus aurantiacus    (http://www.planetcatfish.com/common/species.php?species_id=82) มีชื่อสามัญว่า Chubby Pleco หรือ Rubber Pleco 

Pleco คือ ปลาซักเกอร์ หรือ ปลาเทศบาล ที่นิยมเลี้ยงตามตู้ปลาพื่อกินเศษอาหาร หรือพวกตะไคร่น้ำในตู้ปลา

แต่เจ้า Chubby Pleco นี้มีทีเด็ดตรงที่สามารถเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเหลืองทองได้ เหมือนเจ้าเงาะถอดรูปเป็นสังข์ทองอย่างไงอย่างงั้น

http://www.youtube.com/watch?v=vvvBq7jeOG0

เชื่อไหมว่าปลาสองตัวที่เห็นในคลิปเป็นปลาพันธุ์เดียวกัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44183;image)

ถัดจากกิ้งก่าจมูกยาว     เจ้ากบจมูกยาว  Pinocchio frog  มาเยี่ยมกระทู้สัตว์ประหลาดหรือยังคะ

กบจิ๋ว  เหมือนของเล่นขนาดจิ๋ว

ตัวที่เคยมานอกจากจมูกยาวแล้วยังหัวแหลมอีกด้วย  ;D

คุณหนุ่มกับคุณดีดีเคยพาเพื่อน ๆ ของมันมาเยี่ยมกระทู้สัตว์ประหลาดเรียบร้อยแล้ว



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

แก้ตัวใหม่

sand hopper แห่ง Antarctica

http://news.bbc.co.uk/2/hi/8426492.stm

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ขอแก้ตัวด้วย ปลาน้ำแข็ง   

Chionodraco hamatus ฝรั่งเรียกว่า crocodile icefish  อาศัยอยู่ที่  Antarctica เช่นเดียวกับตัวข้างบน ที่แปลกคือเลือดสีเหลืองเพราะไม่มีเม็ดเลือดแดง

http://www.youtube.com/watch?v=Jf46UNt5Esk

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ตัวนี้เคยพามาหรือยังคะ
เป็นตระกูลเดียวกับตัวอะไร  ดูไม่ออก

ชื่อสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ที่มุมล่างขวาในรูปข้างบน  

เคยพามาหลายครั้งแล้วหนอ  ;)



(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ความจำสั้นหนอ

แก้ตัวอีกที
หมูน้อย potbellied pig ที่เขาเลี้ยงกันในบ้านแทนหมา
เคยเอามารึยังคะ

ก่อนจะนำหมูจิ๋วมาเลี้ยง ตรวจสอบให้ดีก่อน เดี๋ยวจะเป็นเหมือนหมูจิ๋วของผัวเมียคู่นี้


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)

ตอนมันจิ๋ว น่ารักไม่แพ้หมา

จิงโจ้บิน ตัวจิ๋ว เคยเอามาให้ดูหรือยังคะ

เคยมาพร้อมกับกระรอกบิน


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

เขาเรียกว่า   vampire flying frog   กบบินแวมไพร์   แปลว่ามันบินได้? และดูดเลือด?

รูปประกอบของคุณเทาชมพูเห็นจะไม่ใช่กบผีดูดเลือด แต่เป็นกบมีเขา  ;D

ส่วนกบผีดูดเลือดคือ Rhacophorus vampyrus (http://en.wikipedia.org/wiki/Rhacophorus_vampyrus) มีถิ่นอาศัยอยู่ในเวียดนาม

(http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/12/X11403898/X11403898-7.jpg)

จะว่าบินได้ก็คงไม่ถูกทีเดียว เอาเป็นว่ามัน "ร่อน" ได้เพราะมีพังผืดที่นิ้วเท้าเพื่อต้านลมเวลาเหินเวหา

ที่ได้ชื่อว่าเป็นกบผีดูดเลือดมาจากลักษณะของมันขณะเป็นลูกอ๊อดที่มีเขี้ยวเหมือนผีแวมไพร์  :o

 ;)

แมลงสาบยักษ์มาดากัสการ์   คุณเพ็ญชมพูคงไม่อยากเอาไว้ในบ้าน

FYI

เนื้อข่าว  (http://news.voicetv.co.th/global/87377.html) มีดังนี้

พบปลาหุ้มเกราะที่มาเลเซีย

ซาปาร์ มันซอร์ วัย ๔๓ พรานเบ็ดจากหมู่บ้านทามันเซเรีย เมืองเปอร์มีจายา มาเลเซีย จับปลาตัวนี้ได้ในทะเลจีนใต้ ใกล้กับเมืองทูดันของมาเลเซีย เขาบอกกับหนังสือพิมพ์ Borneo Post ว่า "เพิ่งเจอปลารูปร่างหน้าตาแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ผมเอากลับบ้านไปให้ภรรยาดู"

เขากับเพื่อนคนหนึ่งแล่นเรือออกจากแม่น้ำมิรีเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงออกไปในทะเล ลงมือตกปลากันในเวลาตีห้า เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจ้าปลาประหลาดตัวนี้ติดเบ็ดของเขา

เจ้าหน้าที่ของแผนกอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่คุ้มครอง บริษัทซาราวักทำไม้ กำลังตรวจสอบว่าเป็นปลาอะไร ออสวอลด์ บราเกน ทีเซน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ของบริษัท บอกว่า กำลังสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สิถี กาดาเรีย ภรรยาวัย ๓๕ ของซาปาร์ กับลูกๆ เรียกเจ้าปลาตัวนี้ว่า "ปลาหุ้มเกราะ" เธอได้เอามันไปตากแห้ง "มันเป็นของขวัญจากพระเจ้า เราจะเก็บไว้ดูค่ะ"

จาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2488383/Is-terrifying-sea-creature-caught-Mystery-species-fearsome-tusk-like-spikes-spines-body-Borneo.html)

ฝรั่งก็ตื่นเต้นกับสัตว์พี้น ๆ ไม่ต่างกับไทยสักเท่าไร

ปลาตัวนี้คือ Armored searobin อยู่ในสกุล Peristedion เป็นปลาทะเลน้ำลึก พบทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก

http://www.youtube.com/watch?v=mjU7cL7-yW8

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)
 
 

คงไม่ค่อยได้พบในเขตมาเลเซีย  ไม่งั้นเพื่อนๆของนายซาปาร์คงบอกแกเสียนานแล้วละค่ะ ว่าฉันก็เคยจับได้เหมือนกัน
หน้าตาเหมือนปลาหุ่นยนต์มากกว่าปลาหุ่นยนต์สีทองที่คุณเพ็ญชมพูเคยเอามาให้ดูเสียอีก

ตัวข้างล่างนี้ไม่ใช่จิงโจ้ เขาเรียกว่า Wallaby  เป็นตัวอะไรไม่ทราบ  หวังว่าคงยังไม่เคยพามาให้ดู
ในรูปคือวัลลาบี้เผือก ขนฟูน่ารักดี

ผีเสื้อกลางคืนครับ หน้าเหมือนใครเอ่ย

 ;)

White Ibis with an Eyebrow  นกมีคิ้วด้วย  ::)

เห็นข่าวใน เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/news/article-2494029/Deaths-Head-Hawksmoth-moth-looks-like-storm-trooper.html) บอกว่าหน้าเหมือนหน้ากากทหาร  storm trooper ในเรื่อง Star Wars  ;D

ชื่อที่เรียกกันคือ Death's-head Hawkmoth (http://en.wikipedia.org/wiki/Death's-head_Hawkmoth) เป็นผีเสื้อกลางคืนชนิดใดชนิดหนึ่งใน ๓ ชนิด (สปีชีส์) ของสกุล Acherontia (http://en.wikipedia.org/wiki/Acherontia)

เป็นสัตว์ประหลาดของคุณศิลา


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)

ผีเสื้อหัวกะโหลกของคุณประกอบพบที่อังกฤษน่าจะเป็น Acherontia atropos (http://en.wikipedia.org/wiki/Acherontia_atropos)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=44757;image)

ส่วนตัวนี้พบที่บ้านเรานี่เองคือ Acherontia styx (http://en.wikipedia.org/wiki/Acherontia_styx)

ภาพโดย คุณ chao (http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:odeRBUtHqaIJ:www.siamensis.org/webboard/topic/6011+&cd=2&hl=th&ct=clnk&gl=th)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

สิ่งที่คุณเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด

คุณเห็นอะไรในรูปนี้

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/13.png)

เห็นใยแมงมุมชัดเจน แต่การวางขาประหลาดมาก ไม่เหมือนแมงมุมเลยครับ

ตอนแรกที่เห็น ผมนึกถึงตัวการ์ตูนปีศาจอะไรซักอย่่างนึงครับ กำลังเบ่งพลังเลยเชียว  ::)

ค้นเจอข้อมูลที่บล็อก perunature.com (http://blog.perunature.com/2012/12/new-species-of-decoy-spider-likely.html) เค้าว่าเป็นแมงมุมพันธุ์ที่เพิ่งจะค้นพบเมื่อปลายปีที่แล้ว (ธ.ค. 2012) แถบชายขอบป่าอเมซอน ประเทศเปรู มีความพิเศษตรงที่มันชาญฉลาด รู้จักสร้างตัวปลอมเอาไว้หลอกล่อผู้ล่าและเหยื่อได้ด้วย ต่อมาในต้นปี (ม.ค. 2013) ก็มีคนถ่ายคลิปวีดีโอแมงมุมพันธุ์นี้เป็นครั้งแรก (http://www.youtube.com/watch?v=RrWnZ7VySac)เอาไว้ด้วย

RrWnZ7VySac

จับภาพวีดีโอมาเปรียบเทียบภาพแมงมุมปลอมกับแมงมุมจริง ดังภาพข้างล่างครับ  ;D

คุณพีฝีมือไม่ตกจริง ๆ  ;)  

เสริมคำตอบของคุณพี แมงมุมตัวนี้เป็นชนิด (species) ใหม่ อยู่ในสกุล (genus) Cyclosa (http://en.wikipedia.org/wiki/Cyclosa) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบสร้างใยเพื่อให้ศัตรูผู้หมายมารุกรานเข้าใจผิดว่ามีกำลังเหนือกว่า

มีรูปมาเพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดของเรื่องนี้อ่านได้จาก เดลิเมล (http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2251047/The-astonishing-fake-spider--built-decoy-spider-How-amazing-Amazonian-arachnid-avoids-attack.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/17.png)

ปริศนาที่รอคำตอบ

คุณคิดว่ามันคืออะไร

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png)

ยังคงต้องรอตามเคยครับ เพราะคนถ่ายเอาไปถามหลายที่ ทั้งแมลง แมงมุม ก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่บทความอันนี้นานพอสมควรแล้ว ป่านนี้ไข่ก็น่าจะฟักเป็นตัวแล้ว ไม่รู้ว่าความคืบหน้าเป็นอย่างไร ตา Norman Platnick แกก้ retire แล้ว ส่วนจะต่อๆไม่ต่อ คงบอกยากเพราะ รบ. อเมริกัน ถังแตก ไม่มีเงินอีกแล้ว ที่โดนปิดชั่วคราวนั่น Smithsonian แต่ที่อื่นๆ เช่น American museum of Natural History จะโดนด้วยรึเปล่า ไม่อาจทราบได้ ไม่ได้ติดต่อนานแล้ว ความคืยหน้าหายไปเลย จริงๆ แล้วตัวนี่น่าสนใจมากครับ ชักใยเสียสวยหรู

เป็นเวลากว่า ๓ เดือนแล้วที่ทรอย อเล็กซานเดอร์ (Troy Alexander) นักศึกษาปริญญาเอกของจอร์เจียเทค (Georgia Tech) ได้สอบถามไปยังไป reddit.com (http://www.reddit.com/r/whatsthisbug/comments/1l6uaj/seriously_who_makes_egg_cases_like_this_just/) ถึงใยประหลาดที่เขาพบมีลักษณะเป็นเสาตรงกลาง ล้อมรอบด้วยรั้ววงกลมกว้างประมาณ ๒ เซ็นติเมตร อยู่กลางป่าอเมซอนที่เปรู คำตอบที่ได้มีตั้งแต่ดักแด้ของผีเสื้อกลางคืน, ใยแมงมุม, เชื้อรา ฟรือแม้กระทั่งเป็นสถานีส่งสัญญาณเพื่อติดต่อไปยังแมงมุมต่างดาว  ;D  แต่ยังไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าคำตอบที่ถูกต้องนั้นคืออะไร

ใยประหลาดนี้ไม่ได้พบเฉพาะที่เปรูเท่านั้น มีอีกภาพหนึ่งมีผู้ถ่ายไว้ที่ เฟรนช์เกียนา  (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2) ในอเมริกาใต้ เมื่อสิบปีมาแล้ว

ยังมีเวลาให้เก็บไปพิจารณาว่าใครเป็นผู้สร้างใยปริศนานี้

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png)

ข่าวยุงยักษ์ของช่อง ๓

ที่กำแพงเพชร

http://www.youtube.com/watch?v=wAgRBU7J0mE

ที่ชลบุรี

http://www.youtube.com/watch?v=y33EbmX7Zik

ตัวอะไรกันแน่ ช่วยบอกพี่ยุทธ์กับน้องไบร์ทที

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)

ผมว่าบอกไปทั้งสองคนเนี่ยก็คงไม่ฟังหรอกครับ  ;D

นักข่าวที่อ่านข่าวเรื่องพืชและสัตว์ประหลาดแบบไม่ลืมหูลืมตา เล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะเอามันอย่างเดียว แถมชอบทำเป็นลืมอีกต่างหาก เดี๋ยวปีหน้าและปีถัดไปก็จะมี ค้างคาวประหลาด ผีเสื้อประหลาด ยุงยักษ์ เห็ดประหลาด กล้วยประหลาด ฯลฯ ที่อยู่กระทู้นี้ วนเวียนกลับมาให้เป็นข่าวกันอีกล่ะครับ นี่แหน่ะ นินทาซะเลย

กลับมาทำการบ้านส่ง อ.เพ็ญชมพู ดีกว่า เดี๋ยวจะโดนแปรงลบกระดานเข็กกะโหลก อิอิ

หยิบข่าวมาจาก เว็บผู้จัดการ (http://www.manager.co.th) อีกตามเคย ไม่ใช่ว่าชอบเว็บนี้เป็นพิเศษหรอกครับ แต่ได้มาจากกูเกิลหน้าแรกของคำว่า ยุงยักษ์ (https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C&ie=utf-8&oe=utf-8&rls=org.mozilla:th:official&client=firefox-a&gws_rd=cr&ei=FW6nUv7yMoeJrgfPwoDABw) ในรายการค้นหาลำดับที่ 6 ซึ่งจากข่าว “ยุงยักษ์” แท้จริงคือ “แมลงวันขายาว” (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000150777) ระบุว่า มีชาวบ้านพบแมลงประหลาดคล้ายยุงยักษ์อยู่ 2 แห่ง คือที่ หมู่ 3 ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก (25 ต.ค. 2553) (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000150392) และ หมู่ 3 ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (2 ก.ค. 2550) (http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000076719)

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1703230)

(หมายเหตุ: ค้นเจอแต่รูปยุงยักษ์เท่าเหรียญสิบ จ.พิษณุโลก และข้อมูลจากเว็บหรรษา (http://vdo.hunsa.com/view_video.php?viewkey=Iyek1CKojhEXHPIHuNSa)มีเบาะแสว่ารายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ออกข่าวยุงยักษ์เชียงใหม่ในวันที่ 2 ก.ค. 2550 แต่ชมคลิปไม่ได้แล้วครับ)

ต่อมา ข่าวในวันที่ 26 ต.ค. 2553 (http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000150777) ระบุว่า นักข่าวสำนักผู้จัดการ ได้สอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านแมลง รศ.โกศล เจริญสม ภาควิชากีฎวิทยา คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เฉลยว่ามันคือ "แมลงวันขายาว" หรือ เครนฟลาย (crane fly) อยู่ในวงศ์ ธิปูลิดี (Family Tipulidae) นั่นเองครับ

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1703841)  (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1703843)
ภาพซ้าย ตัวเต็มวัยแมลงวันขายาว (วิกิพีเดีย) | ภาพขวา ตัวเต็มวัยยุงยักษ์ (vcharkarn.com)

ตามไปอ่านข้อมูลที่ วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ (http://en.wikipedia.org/wiki/Crane_fly) ยังได้อยู่ ส่วนที่ วิกิพีเดียภาษาไทย (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1) ข้อมูลเละไปแล้ว ใครน้อมือบอน? หนนี้ผมไม่ได้ทำเละนะคร้าบบบ  ;D

อยากสอบถาม อ.เพ็ญชมพู หรือท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ เพิ่มเติมครับ เรื่องชื่อสามัญในภาษาไทยของ Crane fly คือ แมลงวันขายาว หรือ แมลงวันแมงมุม หรือชื่ออื่นกันแน่ครับ? เช็คใน รายชื่อวงศ์ในอันดับ Diptera (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A_Diptera) ก็ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะในวิกิพีเดียภาษาไทยโยงมาหา Tipulidae Latreille (ไทย: แมลงวันแมงมุม) และ รศ.โกศล เจริญสม ท่านเรียกว่าแมลงวันขายาว หรือ Dolichopodidae Latreille (ชื่อพ้อง: Microphoridae ไทย: แมลงวันขายาว)

เคยได้ยินคนทางเหนือเรียกว่าแมลงโหย่งครับ

เห็นด้วยกับคุณพี นักข่าวที่ดีไม่น่าจะเป็นคนขี้ลืม   ;)



ก่อนอื่นขออธิบายว่า อันดับ Diptera มีสมาชิกอยู่จำนวนมากทั้ง ยุง ริ้น เหลือบ บั่ว และแมลงวัน crane fly ที่อยู่ในข่าวนี้เป็นแมลงวันอยู่ในอันดับย่อย Nematocera วงศ์ Tipulidae ชือภาษาไทยคือ แมลงวันแมงมุม ส่วนวงศ์ Dolichopodidae ของอาจารย์โกศล อยู่ในอันดับย่อย Brachycera ชื่อภาษาไทยคือ แมลงวันขายาว  หน้าตาเป็นอย่างนี้

(http://www.malaeng.com/blog/tmp/2009/09/dolichopodid1.jpg)

ข้อมูลข้างบนอ้างอิงจาก แมลงดอทคอม (http://www.malaeng.com/blog/?cat=116)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)
 

น่าจะเป็น "แมงโหย่ง" (harvestmen) อยู่ในอันดับ Opiliones บางคนเรียก "แมงมุมขายาว" แต่แมงโหย่งไม่ใช่แมงมุมเพราะอยู่คนละอันดับกัน แมงมุมอยู่ในอันดับ Araneae

แมงโหย่งในวงศ์ Sclerosomatidae วงศ์ย่อย Gagrellinae ส่วนใหญ่มีขายาว พบได้บ่อยในประเทศไทย

(http://www.siamensis.org/sites/default/files/u40/img_8080.jpg)

ข้อมูลจาก siamensis.com (http://www.siamensis.org/article/37185)

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png)

นึกถึงตัวโหย่งไต่ตามตัวแล้วขนลุกเลยครับ  :-\

เรื่องชื่อไทยหรือ common name ซ้ำกันทำให้สับสนเป็นปกติครับ ในกรณีนี้แมลงโหย่งคือยุงขายาว 6 ขา พวก dipteran ขณะที่แมงโหย่งคือ แมง 8 ขา อันดับ Opilliones หรือที่หลายท่านรู้จักในนาม daddy long-legged spider ครับ ซึ่งก็ผิดอีกเพราะไม่ใช่ spider ซึ่งอยู่ในอันดับ Araneae ยุงพวกนี้มักขย่มตัวไปมาบนเปลือกไม้ คนเหนือเลยเรียกว่าโหย่งครับ

ข่าวแมงโหย่งที่สุพรรณฯ

ขนหัวลุก! 'ฝูงแมงมุมป่า' ไต่ยุบยับเต็มห้องเรียนจ.สุพรรณฯ (http://www.thairath.co.th/content/region/337615)

ตะลึง! นักศึกษาพบแมงมุมสีดำตัวใหญ่นับร้อยตัว จับกลุ่มรวมตัวอยู่ ๒ กลุ่มชวนขนหัวลุก ในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนสาขาตะเพินคี่ คาดเป็นแมงมุมป่าหลบอากาศร้อนมาทำรัง...

http://www.youtube.com/watch?v=LWk6ERhhCfQ

ดูจากรูปก็บอกได้ไม่ยากว่าเป็น "แมงโหย่ง  ;D

มีสัตว์ประหลาดมาเข้าคอลเลคชั่นของคุณเพ็ญชมพูอีกตัวค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=wnkO46VLCYo

สำหรับนักสะสมฟอสซิล  มีฟอสซิลไดโนเสาร์มาให้ดูกัน  ตามข่าวบอกว่าสองตัวสู้กันจนตายทั้งคู่

http://www.oknation.net/blog/FossilCollector/2013/11/24/entry-1

๑.
ไม่น่าประหลาดอะไร ดูจากคลิปก็พอจะบอกได้ว่าคือ "วาฬ" ที่น่าประหลาดคือทำไมชื่อคลิปจึงเป็น "สัตว์ประหลาดเวียดนาม" ทั้ง ๆ ที่เสียงคนพูดเป็นภาษาเขมร  ;)

๒.

ตั้งราคาไว้เกือบ ๓๐๐ ล้านบาท เลยขายไม่ออก ของจำลองตามจินตนาการของศิลปินชิ้นนี้น่าสนใจกว่า

ราคาคงไม่แพงสักเท่าไร

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)

มดไม่ใช่สัตว์ประหลาด  แต่ประติมากรรมรังมดทำด้วยอลูมิเนียม อาจยังไม่มีใครเคยเห็นกัน

http://www.youtube.com/watch?v=iSTxoTynu_g

เห็นแล้วสงสารมด นึกถึงตอนเกิดภูเขาไฟระเบิดแล้วลาวาไหลมาท่วมบ้านเมือง 

ใจเขาใจเราหนอ :'(

นึกถึงมดอยู่เหมือนกันว่ามันอยู่ในรังหรือเปล่า      แต่ดูในคลิปไม่เห็นมดวิ่งกรูกระจายออกมาจากรังนี่คะ
หรือนายคนนี้แกไล่มดออกไปหมดแล้ว

แต่มีสัตว์ประหลาดบางชนิดหน้าตาคล้ายมด

Euspinolia militaris ชื่อสามัญคือ panda ant หรือ มดแพนด้า มันไม่ใช่มดแต่เป็นตัวต่อ พบได้ในประเทศชิลี มีพิษร้ายแรงทีดียว จนมีสมญานามว่า "นักฆ่าวัว"  :o

มดแพนด้าอยู่ในวงศ์  Mutillidae (http://en.wikipedia.org/wiki/Mutillidae) วงศ์เดียวกับตัวข้างล่าง


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ภาพข้างล่างจากพิธีปิดซีเกมส์ครั้งที่ ๒๗ เมื่อวานนี้เอง (๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) ที่เนปิดอว์ พม่า

มีสัตว์ประหลาด ๒ ตัวบินอยู่บนท้องฟ้า

ตัวอะไรเอ่ย  ;D

ขออภัยคุณเพ็ญ ที่ปาดหน้าครับ ระหว่างรอคำตอบจากท่านอื่นๆ ขออนุญาตเอาเขาตัวกุยมาลงก่อนที่จะลบจากเครื่อง จะไม่ลงก็เสียดาย ผมไปเจอโดยไม่ได้นัดหมายครับ เป็นภาพจาก museum เกี่ยวกับยาจีนในปักกิ่ง คำอธิบายคือเขาของ antelope เข้าใจว่าคุณเพ็ญอธิบายไปแล้วครับ ลองย้อยไปดูได้

มกรพม่า  หรือเหรา?
เดาเอานะคะ

หน้าตาเจ้าของเขา




(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)

มกรพม่าหรือเหรา หน้าตาเป็นอย่างนี้


หรืออย่างนี้


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ตัวนี้หอบมาจากเชียงใหม่ เป็นพันธุ์เดียวกับ ๒ ตัวที่บินเหนือสนามกีฬาในพิธีปิดซีเกมส์ที่เนปิดอว์  ;D

ตัวนี้หรือเปล่า  makara = มกร

ตัวอะไรเอ่ย?

เชิญเพื่อนผู้เยี่ยมยุทธ์   ทายว่าฉันนั้นคือใคร    ;D

เชิญจอมยุทธ พี ค่ะ
 ;D

แซงท่านจอมยุทธ พี หน่อยนะคะ   ;D
น่าจะเป็นตัวเดียวกับรูปข้างล่างนี้นะคะ

จอมยุทธหญิง ดี น่าจะรู้จักตัวนี้ เชิญค่ะ

ปัญจรูป เป็นสัตว์ในความเชื่อของพม่า ประกอบด้วยลักษณะเด่นของสัตว์ 5 ชนิด คือ
กวาง(เขา-หาง) ช้าง(งวง-งา) นก(ปีก) ปลา(หาง) พญานาค (ลำตัว) ถือเป็นสัตวฺมงคล แขวนไว้แล้วตีฆ้องให้เสียงดังให้ปัญจรูปได้ยินจะอำนวยอวยพรให้งานสำเร็จชาวพม่า ถือเป็น “สัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติพม่า” มาช้านานแต่โบร่ำโบราณ และมักมีการสร้างตัวปัญจรูปเอาไว้ตามศาสนสถานทางพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการสร้างเพื่อประดับวัดในพระพุทธศาสนาของพม่า และการสร้างปัญจรูปเพื่อประดับตกแต่งเครื่องดนตรีบางชนิด

ตัวปัญจรูปประกอบไปด้วยการผสมของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึง 5 สายพันธุ์ด้วยกันคือ
1. ปัญจรูป มีหัวเป็นพญาสิงห์ แสดงสีหน้าดุดันมีอำนาจ
2. ปัญจรูป มีงวงและงาเป็นพญาช้างสาร มักตวัดงวงและงาขึ้นสู่แดนสวรรค์
3. ปัญจรูป มีขาและเขาเป็นพญากวางอันงามสง่า
4. ปัญจรูป มีปีกเป็นพญาหงส์ สยายปีกอย่างงามงดน่าแลชม
5. ปัญจรูป มีลำตัวและส่วนหางเป็นพญาปลา พลิ้วไหวแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจแห่งสายนทีอันกร้าวกราด

นับถือ นับถือ จอมยุทธ์ดีดี  ;D

พม่าเรียกปัญจรูปว่า Pyinsa Rupa เคยอยู่ด้านหลังธนบัตร ๒๕ จ๊าตของพม่า (ด้านหน้าเป็นรูปนายพลอองซาน)

ภาพจาก Flickr.com (http://www.flickr.com/photos/ohbendy/7447693418/sizes/c/in/photostream/)

เป็นสัญลักษณ์ของสายการบินเมียนมาร์ แอร์เวย์ (Myanmar Airways International)

ปัญจรูปเคยมาเยือนกระทู้สัตว์ประหลาดแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ๓ ปีก่อน ครั้งนั้นมีเรื่องติดค้างอยู่เรื่องหนึ่ง


ปัจจุบันมีความเชื่อว่า "ปัญจรูป" กับ "พญาลวง" เป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่จากคำบรรยายลักษณะของตัวลวงข้างล่างนี้ น่าจะเป็นคนละตัวกัน

ตัวลวง เป็นสัตว์ในเทพนิยายชนิดหนึ่ง ที่หมายถึงมังกรในความเชื่อของคนจีน ว่าเป็นเทพบันดาลฝน ชื่อลวง คล้ายกับการเพี้ยนเสียงมาจากคำว่าเล้ง ซึ่งในภาษาจีน แปลว่า มังกรอีกด้วย ลวงมีลักษณะคล้ายมังกรหลายอย่าง เช่น เขาเหมือนกวาง หัวคล้ายหัววัว ลำตัวเป็นงู (นาค) เกล็ดเป็นปลา และมีเท้าดั่งเท้าเหยี่ยว บางแห่งจะมีขา และมีปีก เพิ่มขึ้นมาจากมังกร   พบในศาสนสถานล้านนา เช่น วัดกู่ป้าด้อม เวียงกุมกาม เชียงใหม่ ในการประดับรูปลวงมักปรากฏตามงานจิตรกรรมฝาผนัง

จาก เว็บสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  (http://www.sri.cmu.ac.th/~elanna/symbollanna/interpretation_page024.html)

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png)

ปูนปั้นรูปพญาลวงทอดตัวลงมา ส่วนหางเกี้ยวพันกันขึ้นไปเป็นยอดแหลม พบบริเวณซุ้มโค้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ของซุ้มประตูโขง วัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปาง  ;D

ภาพจาก ผู้จัดการ  (http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000113359) (ซ้าย) และ ภาพประกอบที่ ๘๔  (http://www1.finearts.cmu.ac.th/library/fulltext/thaiart/atitW.pdf) รายงานการศึกษาเรื่องลวดลายปูนปั้นประดับซุ้มประตูโขง วัดพระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ของนายอาทิตย์ วันเวียง (ขวา)

ส.ค.ส. ๒๕๕๗ แด่ชาวเรือนไทยทุกท่าน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

บ้านใครหนอ.  สวยทั้งบ้าน สวยทั้งสัตว์ประหลาดหน้าบ้าน.  ;)
ปีเก่าผ่านไป. ปีใหม่เริ่ม
ขอพูนเพิ่มปรีด์เปรมเกษมศรี
ความทุกข์ล่วงผ่านไปใกล้หมดปี
รอพรุ่งนี้ที่ดีกว่ามาถึงเรา

สุขสันต์วันปีใหม่. จากแม่ออนค่ะ
ที่นี่กลางคืนหนาวระดับน้องๆโคโลราโดตอนกลางวัน.  ไม่รู้จะหนีหนาวไปไหนแล้วค่ะ

มีสัตว์ประหลาดที่สวยและน่ารักมาก มาฝากคุณเพ็ญชมพู

อีกตัวหนึ่ง

มีหลายตัวด้วยค่ะ

ลายแทงอยู่ที่นี่ค่ะ
http://pantip.com/topic/31097141

ตามลายแทงของคุณเทาชมพูไปบ้านเทวาลัยของอาจารย์เข้มที่เชียงใหม่

http://www.youtube.com/watch?v=0-fPApLt-p8

นาทีที่  ๑๕.๐๐-๑๖.๑๕

ภาพแกะสลักจากไม้สักรูปสัตว์หิมพานต์ขนาด ๔๐ X ๔๐ เซนติเมตรมีทั้งหมด ๖๖ ตัว ใช้เวลาทำทุกขั้นตอนรูปละครึ่งเดือนเชียว  ;D

ลายแทงค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์หิมพานต์ของกรมศิลปากร


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ข้างบนเป็นสัตว์ประหลาดน่ารัก  แต่ข้างล่างนี่สัตว์ประหลาดน่าเกลียดมาก
บางตัวเคยมาเยือนแล้ว  แต่มาดูอีกทีก็คงยังไม่เบื่อนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=mdFW0a8EFEI

ร่ำลือกันว่ามนุษย์ต่างดาว

มันคือตัวอะไรกันแน่  ;)

เอาหน้าเอาตามาให้ดูกันชัด ๆ  ;D

แข็งใจเข้ามาเปิดดู เพราะกระทู้นิ่ง ไม่มีใครตอบ เลยมาดันให้เคลื่อนไหว  ได้พ้นหน้านี้เร็วๆ

มันน่าจะเป็นซากแห้งของสัตว์อะไรสักตัวที่น่าเกลียดมากๆค่ะ  แต่ไม่ใช่สัตว์ประหลาดต่างดาว   

ก่อนหน้านั้น เจ้าซากสัตว์ที่เหมือนมาจากต่างดาวนี้ยังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขบนหลังแม่ของมัน

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/03/Baby_baboon_on_back.jpg/800px-Baby_baboon_on_back.jpg)

มันคือลูกลิงบาบูน  เกิดอะไรขึ้นกับมัน  :o

http://www.youtube.com/watch?v=Oy_P7G4RjQg

เจ้าลิงบาบูนตัวนี้อยู่บริเวณอ่าวเพลทเทิร์นเบิร์ส์ก ที่แอฟริกาใต้ หลังจากมันถูกฆ่าตายโดยพรานป่า แม่ของมันลากร่างของลูกแกว่งไปมา และถูกหอบไปตามสถานที่ต่าง ๆ หวังจะให้มันฟื้น ทำให้ร่างของลูกยืดยาวอย่างที่เห็น

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/07.png)

สลดใจกับข่าวนี้

ตามข่าว  (http://news.mthai.com/world-news/131854.html) บอกว่ามีคนมอบให้สวนสัตว์ที่เมืองจีน คาดว่าเป็นลิงสายพันธุ์ใหม่

สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ใช่ลิงดอก แต่เป็นตัวอะไรเอ่ย ;D

ตัวนี้รึเปล่า?
ตัว cuscus มีอยู่ในออสเตรเลีย   ด่างๆแบบนี้เรียกว่า Common spotted cuscus

คัสคัสลายจุด  Spilocuscus maculatus เป็นสัตว์พวกมีถุงหน้าท้อง (Marsupial)

http://www.youtube.com/watch?v=PJ9aD41hSuc

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5879.0;attach=46291;image)

ตัวอะไรเอ่ย?

ดูครั้งแรกคิดว่าเป็น สุนัขจิ้งจอกฮอกไกโด Ezo red fox キタキツネ Vulpes vulpes schrencki

(http://image.mapple.net/img/user/00/00/02/56/H0000025623.jpg)

แต่ถามคุณกุ๊ก เธอบอกวาภาพนี้ถ่ายจากป่าในประเทศเบลีซ ที่อเมริกากลางโน้น มีคนให้ความเห็นวาอาจจะเป็นตัว โคอาติจมูกขาว  (http://www.nextsteptv.com/?p=419)White-nosed Coati Nasua narica

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e1/Nasua_narica_-Costa_Rica-8.jpg/502px-Nasua_narica_-Costa_Rica-8.jpg)

ถ้าหากเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้หันหน้ามาให้ดูชัด ๆ อาจจะฟันธงได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/15.png)

มีหันข้างอยู่ตัวหนึ่ง   เลยซูมมาให้ดู  อาจพอมองออกว่าตัวอะไร

เอาตัวที่เห็นชัด ๆ มาถามดีกว่า

ครั้งแรกที่เห็น หลายคนอาจนึกถึงกิ่งไม้ที่มีหนาม แต่ธรรมชาติหลอกตาเราเสียแล้ว มันคือสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง

เพื่อความสนุกสนาน ให้ผู้ที่สนใจลองค้นหาคำตอบดีกว่า ว่า มันคือตัวอะไร  ;D

verb to เดา
เป็น moth ชนิดหนึ่ง

ไม่ใช่

เพื่อความสนุกสนาน รอท่านอื่นเข้ามาตอบสักพัก ถ้ายังตอบไม่ถูกแล้วจะเฉลย  ;D

มีข่าวมาฟ้องคนรักสัตว์(ประหลาด)อย่างคุณเพ็ญชมพู

สัตว์ห่วงกุญแจ
จีนผลิตห่วงกุญแจ ห้อยสัตว์เป็นๆ ตัวเล็กๆ ใส่สารอาหารและออกซิเจนเอาไว้ด้วยพอที่มันจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีก 2 เดือน   ถ้าซื้อ  ก็จะมีสัตว์เป็นๆเคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กให้เห็นในห่วงกุญแจของเรา
เลยมีเว็บไซต์โวยวายขึ้นมาว่าทำแบบนี้ทารุณสัตว์

https://secure.avaaz.org/en/petition/Petition_contre_les_amulettes_danimaux_vivants_en_Chine/?dzSBSfb

ไม่รู้ว่าซื้อไปก่อนครบ 2 เดือน  เจ้าของทำลายถุงที่ใส่ ปล่อยสัตว์ไป จะถือว่าช่วยให้รอดไหม  คงเหมือนปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ตามวัดมั้งคะ

http://www.youtube.com/watch?v=ytt-DK6qSW4

สัตว์ไม่ประหลาด แต่คนประหลาด

สงสารหนอ  :'(  :'(  :'(

กลับมาเรื่องสัตว์ประหลาดตัวเดิม


จับมาให้ดูทั้งด้านหน้าและด้านข้าง หน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน  ;)

ตัวมันคือตัวที่หมอบอยู่ข้างล่าง ด้านบนคือปีกหรือมิใช่
เดาว่าเป็นแมลงชนิดหนึ่ง

ตัวผู้ ตัวเมีย มีเปลือกแหลมลักษณะต่างกัน

ซ้าย ตัวผู้  ขวา ตัวเมีย ขวาสุด ตัวอ่อน   ;D

มีฟอสซิลมาฝาก  เผื่อคุณประกอบด้วย  ยังไม่รู้ว่าตัวอะไร
http://www.naewna.com/local/87116

ตอบคุณเพ็ญชมพู
หน้าตาต่างดาวดีนะคะ  thorn bug ใช่ไหม

มาช่วยคุณประกอบดู

http://www.youtube.com/watch?v=OfK5CM8bdTo

ดูจากลักษณะกระดูกที่พบ น่าจะเป็นส่วนกระดูกกราม และฟันกรามของช้างปัจจุบัน Elephas maximus

ฟันกรามช้าง ๑ ซี่ ประกอบด้วยส่วนที่เป็นแผ่นฟันหลายแผ่นซ้อนกัน ดังนั้นที่เห็นทางขวาของภาพคือฟันกรามของช้าง ส่วนทีเห็นเป็นแผ่น ๆ ทางซ้ายเป็นแผ่นฟันย่อยซึ่งหลุดออกมา น่าจะเป็นฟันน้ำนมของช้างวัยรุ่นที่อายุยังไม่มากเพราะแผ่นฟันยังเชื่อมไม่ดีนัก ไม่เหมือนกับในช้างที่มีอายุแล้วประมาณ ๒๕ ปีขึ้นไป ฟันจะมีขนาดใหญ่ เนื้อฟันมีความหนาแน่น และแผ่นกระดูกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นฟันก็จะมีความแข็งแรงมาก  ;D

ตัวนี้เป็นสัตว์ประจำรัฐอริโซนา   แต่ไม่รู้ว่าเป็นตระกูลไหนค่ะ

ชื่อว่า Ring-tailed cat  (http://en.wikipedia.org/wiki/Ring-tailed_cat)Bassariscus astutus แต่ไม่ใช่แมว เป็นสัตว์ในตระกูลแรคคูน (Procyonidae)

http://www.youtube.com/watch?v=fDR0xGA0Gic

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ตัวของคุณเทาชมพูยังเด็กน้อยอยู่ จึงห็นมีอยู่สามเขา พอโตขึ้นจะเหลืออยู่เขาเดียว

http://www.youtube.com/watch?v=wZv5knCNBl8

ชื่อวิทยาศาสตร์ของมันคือ Umbonia crassicornis  (http://entnemdept.ufl.edu/creatures/orn/thorn_bug.htm)เป็นญาติกับจักจั่่น ศัตรูตัวร้ายของเกษตรกรแถวฟลอริดา สหรัฐอเมริกา  ;D

คิดแล้วว่าต้องเป็นญาติกับจั๊กจั่นแน่ๆ เลยค่ะ
สัตว์พวกนี้สีสรรแฟนซีดีจัง

นึกถึงจั๊กจั่นงวงช้างตามต้นลำไย ตอนเด็กๆ ต้องจับมาเเล้วเอาด้ายผูกงวง
ปล่อยให้เขาบิน เล่นเบื่อแล้วจึงปล่อยเขา

แล้วสัตว์นี้ล่ะคะคืออะไร เอามาปิ้ง มาทอด ก็หนึบหนับดี

ไปเจอสัตว์ประหลาดตัวนี้   อยู่ที่วัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
ไม่เคยเห็นลักษณะนี้มาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นตัวอะไรค่ะ
คุณเพ็ญชมพูเคยเห็นไหมคะ

สัตว์ประหลาดมาทีเดียว ๓ ตัวเชียว  ;)  

ตัวแรกมีสีสัน            ตัวสองนั้นเหลือแต่ซาก
ตัวสามแปลกที่ปาก     มีแปดหางร่างชอบกล

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ตัวแรกเคยมาเยี่ยมกระทู้สัตว์ประหลาดแล้ว   ;D

ตัวที่สอง "งูวงตากแห้ง" จากตลาดบัตเดือง เมืองเขมร อาหารโปรดของคุณฝน  ขออนุญาตส่งไปรวบรวมไว้ที่กระทู้ "อาหารประหลาด"  (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5180.msg130393#msg130393) อีกแห่งหนึ่ง

สัตว์ไม่ประหลาด แต่คน (ทำ) ประหลาด   ;)

ตัวที่สามก็เคยมาเยี่ยมแล้วนะเออ  ;)


ครั้งนั้นวิเคราะห์ว่าอาจเป็น เกียรติมุขหรือหน้ากาล ก่อนที่มันจะกินตัวเองเหลือแต่ศีรษะและแขน


หรืออาจเป็น "ตัวเหนียน" ส่งตรงจากเมืองจีน


ทั้งหน้ากาลและเหนียนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือมันจะกินทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่ง "เวลา"

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

^

ตำนานของเหนียน
ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย" หรือ "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน" มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน

           ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย

           ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

           เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน

           ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"

http://hilight.kapook.com/view/19791

ของจริงตัวใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ คุณเพ็ญชมพู

เต่ามะเฟือง Dermochelys coriacea เป็นเต่าพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ข้อมูลอันน่าทึ่งจาก คุณวิกกี้ (http://en.wikipedia.org/wiki/Leatherback_sea_turtle) มีดังนี้

ความยาวจากหัวถึงหางโดยเฉลี่ย ๑.๘๓-๒.๒ เมตร (เฉพาะกระดอง ๑-๑.๗๕ เมตร) น้ำหนัก ๒๕๐-๗๐๐ กิโลกรัม ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบยาวจากหัวถึงหาง ๓ เมตร กระดองยาว ๒.๒ เมตร น้ำหนัก ๙๑๖ กิโลกรัม  ;D

มีข่าวมาฟ้องอีกคดีหนึ่ง

คนรักสัตว์สุดทำใจฆ่า'ยีราฟ'ป้อน'สิงโต' (http://www.komchadluek.net/detail/20140210/178668.html)

สวนสัตว์โคเปนเฮเกนจำใจฆ่ายีราฟตัวผู้ ก่อนป้อนเป็นเหยื่อสิงโต เนื่องจากมีสายเลือดชิดกับยีราฟในกรงเดียวกัน ท่ามกลางการรณรงค์คัดค้าน-ขอชีวิต จากคนทั่วโลก

http://www.youtube.com/watch?v=2f6nT9-yI6A&list=PLF10yZb-FZldk4OIXoNughGofNiFK5O8t&index=2

สัตว์ไม่ประหลาด แต่คนประหลาด (อีกแล้ว)

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/11.png)

   สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่า "มาริอุส" ยีราฟน้อยเพศผู้อายุ 18 เดือน สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีเยี่ยม ถูกปลิดชีพด้วยการยิงด้วยปืนฆ่าสัตว์ ที่สวนสัตว์โคเปนเฮเกน เมืองหลวงเดนมาร์ก เมื่อเช้าวันอาทิตย์ แม้จะมีเสียงวิงวอนคัดค้านทางออนไลน์ จากประชาชนที่รักสัตว์หลายหมื่นคนก็ตาม โดยนายโทเบียส สเตนเบค โบร โฆษกสวนสัตว์โคเปนเฮเกน กล่าวว่า มาริอุสถูกจบชีวิตเมื่อเวลา 9.20 น. ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กำหนด ศพของมันจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เพื่อป้อนฝูงสิงโตภายในสวนสัตว์

      นายโบร กล่าวอีกว่า สวนสัตว์ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากการฆ่ามาริอุส เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์ในพวกเดียวเมื่อมันเติบโตเป็นหนุ่ม เนื่องจากภายใต้กฏระเบียบของ สมาคมสวนสัตว์และสวนสัตว์น้ำยุโรป (อีเอแซดเอ) กำหนดให้การผสมพันธุ์ในพวกเดียวกันของยีราฟต้องหลีกเลี่ยง ส่วนการ "ทำหมัน" พิจารณาแล้วว่าโหดร้าย เนื่องจากจะทำให้เกิด "ผลกระทบที่ไม่พึงปราถนา" และการปล่อยมันไปใช้ชีวิตในป่าธรรมชาติ คิดว่าไม่น่าจะประสบความสำเร็จ

      ช่วงที่สวนสัตว์ประกาศแผนการประหารชีวิตเจ้ามาริอุส ประชาชนจำนวนมากแสดงความโกรธแค้น กว่า 8,000 คน ร่วมกันลงชื่อวิงวอนสวนสัตว์ผ่านทางเฟซบุ๊ค "เซฟ มาริอุส" เป็นภาษาเดนมาร์ก ขอให้ไว้ชีวิตมัน และอีกกว่า 24,000 คนในภาษาอังกฤษ

      ก่อนหน้านี้มีความพยายามมากมายที่จะช่วยชีวิตมาริอุส สวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศสวีเดน ซึ่งไม่ได้เป็นภาคีเครือข่ายของ อีเอแซดเอ พยายามขอให้ย้ายมาริอุสไปไว้ที่นั่น แต่ไม่สำเร็จ และในรายงานของหนังสือพิมพ์เอคสตราบลาเดทของเดนมาร์ก ระบุว่า นายเคลาส์ เจลบัค โปรโมเตอร์มวยชาวเดนมาร์ก ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เพื่อนสนิทที่เป็นเศรษฐีหญิงชาวอเมริกัน ทราบข่าวเกิดความสงสาร ต้องการขอซื้อมาริอุส และพร้อมจะให้ราคาหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปเลี้ยงที่สวนในเบเวอร์ลี ฮิลล์ แต่ผู้อำนวยการสวนสัตว์โคเปนเฮเกนปฏิเสธ โดยกล่าวว่าไม่มีนโยบายขายสัตว์ในสวน.  

   อ่านแล้ว  นายเบงท์ โฮลส์ท ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและอนุรักษ์ของสวนสัตว์กรุงโคเปนเฮเกน  น่าจะถูกตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องสภาพจิตอันผิดประหลาด      เพราะนอกจากเหตุผลของแกจะฟังไม่ขึ้นแล้ว   การยิงยีราฟตายแล้วยังแล่เนื้อโชว์ประชาชนจำนวนมาก   นอกจากทารุณสัตว์แล้วยังทารุณจิตใจประชาชนทุกเพศทุกวัยด้วย

ฉันนี้มีชีวิต                       อยากลิขิตชีวิตเอง
โปรดอย่ามาข่มเหง              เห็นฉันเป็นเช่นส่วนเกิน

 :'(  :'(  :'(

ทั้งประหลาด ทั้งน่ารัก

เบื้องหลังความประหลาดที่น่ารักนี้ มีที่ม่าจากความโหดร้าย

Ōkunoshima เป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒  เกาะนี้เป็นสถานที่ทดลองก๊าซพิษ จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ รัฐาบาลญี่ปุ่นตัดสินใจทิ้งเกาะขนย้ายประชาชน ออกจากเกาะไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงกระต่ายตัวน้อย ๆ ที่เคยเป็นสัตว์ทดลอง ต้องอยู่กันอย่างอนาถา รอดบ้าง ตายบ้าง แต่สุดท้ายก็สามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาจนได้จวบจนปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ว่าเกาะนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นนักล่าอื่นมาล่ากระต่ายเลย กระต่ายจึงเติบโตสร้างครอบครัวได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญคือเป็นกระต่ายที่เชื่องมาก

ปัจจุบันกระต่ายเหล่านี้ก็ัยังคงเป็นเจ้าของเกาะต่อไป และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของญี่ปุ่น  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=H5-6Ccf9eIc

เกิดสงครามพันครั้ง    สัตว์ก็ยังสวยงาม
เป็นเพียงแค่สงคราม   ความเดียงสาเท่าเดิม

แปลงจาก เพลงกล้วยไขของเฉลียง (http://www.youtube.com/watch?v=lpBZRnxa8FA)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

วันที่ ๒๘ มีนาคม ปีที่แล้ว ชาวประมงแห่งมณฑลซานตง 山東省ประเทศจีน พบโครงกระดูกนี้ในทะเล คนจีนเชื่อว่านี่คือ "โครงกระดูกมังกร"

แล้วชาวเรือนไทยเล่า เชื่อเช่นนั้น ฤๅคิดว่าเป็นสัตว์ชนิดใด  ;D

ไม่ทราบมีใครเคยลงรูปตัวซิฟาคาห์ (Sifakas) กันหรือยังคะ  หน้าตาก็ไม่ได้ประหลาดเท่าไร เหมือนเป็น "ลิงขาว...ราวกับหนุมาน" แต่จริงๆไม่ได้เป็นลิงค่ะ เป็นตัวลีเมอร์

เมื่อสองปีก่อนดูรายการสารคดีชีวิตสัตว์ มีรายการหนึ่งพาไปดูชีวิตของลีเมอร์ ซิฟาคา ซึ่งหน้าตาคล้ายๆลิง ขนสีขาวสวย หน้าดำ กระโดดได้ไกลมาก เพราะหากินบนต้นไม่ที่มีหนามแหลม แล้วใช้วิธีกระโดดข้ามจากต้นนี้ไปต้นนั้น ไม่กลัวหนามกันเลย มันกินดอกอ่อน ใบอ่อน ของต้นไม่มีหนามพวกนั้น ซึี่งมีน้ำเพียงพอโดยไม่ต้องไปหาน้ำที่แหล่งอื่นเพิ่มอีก (ซิฟาคามีหลายชนิดย่อย มีชนิดที่เก่าแก่กว่านั้นคือพวกที่อาศัยในป่าเขตร้อน ตัวจะสีคล้ำกว่า แต่ก็สามารถกระโดดได้แบบเดียวกัน)

ที่สะกิดใจคือ ตอนที่มันกระโดด จะกระโดดจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่งโดยใช้ขาหลังไปจับที่กิ่งที่กระโดดไป แล้วมันสามารถกระโดดไปมาได้เร็วมาก นึกถึงนิยายกำลังภายในขึ้นมาทันทีที่เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามต้นไม้ จะเห็นแบบมาจากซิฟาคาพวกนี้หรือเปล่านะ

ท่าทางอีกอย่างที่คุ้นตามากคือการกระโดดไปบนดิน เวลาที่ลงมาจากต้นไม้ มันจะกระโดดตัวเอียงๆ ใช้ขาสองข้างทีละข้างก้าวไป แต่จังหวะกระโดดลงเกือบจะพร้อมกัน เห็นแล้วนึกถึงหนุมาน ตอนที่เขาแต่งเรื่องรามเกียรติ์ เขาจะเคยเห็นลีเมอร์พวกนี้บ้างไหม จริงๆแล้วนึกไกลไปถึงโขนด้วยซ้ำ เวลาที่ตัวลิง ตัวยักษ์ออกมา ก็จะเต้นตัวเอียงๆออกมาแบบนี้ค่ะ  :)

ภาพประกอบนำมาจากลิงก์นี้ http://www.burrard-lucas.com/photo/madagascar/sifakas_jumping.html

แล้วก็ดูท่ากระโดดจากวิดิโอนี้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=8fzpeCR2JmQ&feature=related

เรื่องลีเมอร์ของคุณSinging Blue Jay   อยากฟังคุณเพ็ญชมพูจะเข้ามาแจมว่ายังไง
ตัวลีเมอร์น่าจะเคยมาในกระทู้แล้วนะคะ

สัตว์ประหลาดตัวยาว เดาว่างูทะเลมีครีบ

ซิฟากาของคุณนก ดูแล้วนึกถึงชะนีมากกว่า

ลีเมอร์ที่เคยมาเยือนเรือนไทยมีทั้งน่ารักและน่าชัง


ลีเมอร์ซิฟากาของคุณนก

http://www.youtube.com/watch?v=8fzpeCR2JmQ&feature=related


แปลกตรงที่ลีเมอร์ทุกชนิดมีอยู่เฉพาะบนเกาะมาดากัสการ์ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปแอฟริกา

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ท่านอื่นมีความเห็นว่ากระไร  ;)

ข่าวการพบจากทีวีเมืองจีน  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=OlKDfnH2Tm0

ข้อสันนิษฐานว่าเป็นสัตว์ชนิดใดอยู่ท้ายคลิปนี้

http://www.youtube.com/watch?v=8SGnzBPqutQ

น่าจะเป็นตัวนี้มากที่สุด


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

นึกถึงตัวนี้อยู่เหมือนกัน แต่หารูปไม่เจอค่ะ

ตอนนี้เจอแล้ว
เชิญว่ายตามฉลามครุยไปต่อกระทู้ สัตว์ประหลาด 3
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5920.new#new