SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1080 เมื่อ 18 มี.ค. 14, 10:27
|
|
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สะสมและจัดหา"เช่า" มาเก็บรักษามากมายนี้นอกจากจะมีคุณค่าเป็น เครื่องบูชาและยึดเหนี่ยวจิตใจเหล่าศาสนิกชนแล้ว ยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอันเป็นผลเนื่องมา จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอดีตกาลด้วยว่า สมัยก่อนนั้นนักเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่วนหนี่งก็คือนักจาริกแสวงบุญผู้ดั้นด้นเดินทางด้วยจิตศรัทธามุ่งหมายไปเคารพวัตถุบูชาและ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตามเมืองต่างๆ เมืองใดที่ขึ้นชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก เมืองนั้นก็ยิ่งมีนักแสวงบุญมาเยือนมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1081 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:23
|
|
จากอาสนวิหารพระแม่มารี ย้อนกลับมาวังซึ่งตั้งอยู่ทางขวามือ วังเจ้าเมือง Rector's Palace and City Museum
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1082 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:25
|
|
ช่วงเวลาเมื่อครั้งยังเป็น Ragusa ประมุขของสาธารณรัฐมาจากการเลือกตั้งจาก สมาชิกในครอบครัวชนชั้นสูงแล้วให้ดำรงตำแหน่งเรียกว่า Rector สมัยละเพียง 1 เดือน เนื่องจากคณะบริหารเชื่อตามหลักปรัชญาที่ว่า power corrupts* ดังนั้นผู้ที่ได้รับอำนาจ จึงไม่ควรครองอำนาจอยู่นานนัก
แยกซอย - *มาจาก "Absolute power corrupts absolutely" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อความในจดหมาย(ปี 1887) ของนักประวัติศาสตร์และ จริยธรรม John Emerich Edward Dalberg Acton, first Baron Acton(1834–1902) ผู้เป็นที่รู้จักแบบสั้นๆ ว่า Lord Acton
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1083 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:31
|
|
วังนี้นอกจากจะเป็นที่พักของเจ้าเมืองแล้วยังเป็นที่ทำการของสาธารณรัฐ จากบันทึก แรกสร้างเมื่อราวปี 1272 สถานที่นี้ใช้เป็นอาคารเก็บรักษาอาวุธยุทธภัณฑ์มีลักษณะเป็นป้อม พร้อมหอคอยสี่มุม แล้วจึงเปลี่ยนเป็น(เรียกว่า) วังในศตวรรษที่ 14(ปี 1349) โดยออกแบบ ตามวังของจักรพรรดิโรมันและวังเวนิส ต่อมาได้ถูกทำลายลงจากอุบัติเหตุดินปืนระเบิดที่ชั้นล่าง สุดในปี 1435 วังหลังที่สองถูกสร้างขึ้นใหม่ในทันทีโดยฝีมือนายช่าง Onofrio de la Cava จาก เนเปิล (ผู้นี้ที่มีผลงานการวางระบบประปาและสร้างน้ำพุในดูบรอฟนิคช่วงปี 1435 - 1440 หนึ่งผลงานคือน้ำพุน้อย Onofrio ซึ่งอยู่ใกล้ๆ และผ่านตาไปแล้ว) ได้เป็นวังในแบบเวนิส - กอธิค ระเบียงด้านหน้ารายเสาเรียงขนาบด้วยอาคารหอสองข้าง หัวเสาสลักรูปประดับ ผลงานที่ งดงามที่สุดเป็นของ Pietro di Martino แห่ง Milan แต่เหลือมาถึงปัจจุบันไม่กี่ต้นและถูกนำ ไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ด้านใน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1084 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:35
|
|
รูปแบบของวังครั้งนี้ยังคงสืบต่อมาจนปัจจุบัน นั่นคือ อาคารมีระเบียงด้านหน้าพร้อม กับอาคารอีกสามด้านโอบลานกว้างด้านในซึ่งกอปรด้วยระเบียงและชั้นลอยขนาดย่อมกับโถง แกลเลอรี่ขนาดใหญ่ แต่วังหลังใหม่นี้อยู่ได้ไม่ถึง 30 ปีก็ถูกทำลายลงด้วยอุบัติเหตุระเบิดอีกครั้ง ในปี 1463 สร้างความเสียหายให้แก่วังทั้งหลัง Michelozzo Michelozzi สถาปนิกชื่อดังจากฟลอเรนซ์,นายช่างสร้างป้อมที่นี่เป็น ผู้รับงานสร้างวังหลังใหม่ในแบบเรเนซอง แต่รูปแบบของวังหลังใหม่ของเขาที่นำเสนอไม่ต้อง รส(อนุรักษ์)นิยมของมหาสภาที่พึงใจแบบกอธิค หลังจากถูกปฏิเสธงานได้ไม่นาน นายช่างก็ทิ้ง เงินค่าจ้างสูงลิ่วของที่นี่แล้วเดินทางกลับฟลอเรนซ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1085 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:38
|
|
แต่งานสร้างคงดำเนินต่อไปในปี 1467 โดยนายช่างคนอื่น ได้เป็นระเบียงทางเข้าวัง แบบเรเนซองรายด้วยเสากลมที่หัวเสาแบบเรเนซองเช่นกัน พร้อมงานประติมากรรมตกแต่งที่ ทันสมัย ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากรูปแบบของ Onofrio คือ หน้าต่างด้านหน้าอาคารทาง ทิศตะวันตกและใต้ จากหน้าต่างธรรมดามาเป็นหน้าต่างกั้นแบ่งช่องแบบกอธิคที่เรียกว่า bifora ที่มีลักษณะประจำแบบคือรูปทรงหน้าต่างส่วนยอดคล้ายปลายทวน(lance tip) ทั้งสองสไตล์ กอธิค - เรเนซองนี้ปรากฏผสมกลมกลืนกันในหลายๆ จุดของตัวอาคาร
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1086 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 09:39
|
|
เสากลมแบบกอธิคเต็มต้น 5 ต้นและอีก 2 เสาครึ่งต้นที่อยู่สุดระเบียงสองข้างรองรับ โค้งรายเรียง ส่วนหัวเสาสลักเสลาสไตล์เรเนซองที่ต่อมาหลังเหตุแผ่นดินไหวได้รับการบูรณะ โดยนายช่างหลายท่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1087 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 10:41
|
|
หลังคาระเบียงเป็นรูปทรงโค้งสันแบบกอธิค โค้งสันสลักสไตล์เรเนซอง จากเพดาน ปลายสันโค้งข้างหนึ่งจรดลงบนส่วนหัวเสา(capital) ของเสากลม(column) รองรับโค้ง ระเบียงส่วนหน้า ปลายอีกข้างจรดลงบนหัว(capital) ปราศจากเสา(column) ที่ติดกับ ผนังวังส่วนหลังของระเบียง เบื้องล่างลงไปเป็นที่นั่งยาวตลอดผนังวังทำจากหินอ่อน ในอดีตกาล ท่านเจ้าเมืองพร้อมสมาชิกแห่งจุลสภาจะนั่งอยู่ที่นี่ในพิธีรับธงเฉลิมฉลอง วันนักบุญเบลส หรือนั่งชมงานเทศกาลคาร์นิวัลในเมือง และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่ในพิธีส่งทูต ของรัฐไปยังต่างแดนไกล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1088 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 10:44
|
|
พื้นที่กว้างสองข้างของระเบียงตรงส่วนมุมตึกรูปกล่องสี่เหลี่ยมเคยเป็นฐานของหอคอย ซึ่งถูกทำลายไปด้วยไฟและแรงระเบิดในปี 1463 กล่าวได้ว่าวังนี้เหมือนมีเคราะห์กรรมซ้ำซากทั้ง จากอุบัติเหตุระเบิดตามด้วยแผ่นดินไหวในปี 1520 และ 1667 ครั้งหลังนี้ได้สร้างความเสียหาย อย่างหนักต่อตัวอาคารด้านในโดยเฉพาะส่วนที่เป็นเสา, โค้งของลานและโถง อาคารได้รับการบูรณะ ในสไตล์บารอค และได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 17 โดยยังคงรูปแบบกอธิค ปนบารอคบางส่วน การบูรณะวังครั้งสุดท้ายเป็นในช่วงปี 1982/84 หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวปี 1979 ในอดีตทุกคืนหลังจากประตูเมืองถูกไขกุญแจปิดลงแล้วจะมีพิธีการนำตัวกุญแจเมืองมา มอบให้กับท่านเจ้าเมืองที่นี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1089 เมื่อ 19 มี.ค. 14, 10:53
|
|
เนื่องจากคณะบริหารเชื่อตามหลักปรัชญาที่ว่า power corrupts* ดังนั้นผู้ที่ได้รับอำนาจ จึงไม่ควรครองอำนาจอยู่นานนัก
หมายเหตุ - คณะบริหารดูบรอฟนิคมีแนวคิดแบบนี้อยู่เดิม ไม่ใช่มาถือตามที่ Lord Acton ได้เขียนไว้(ในเวลาต่อมา - ปี 1887)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1090 เมื่อ 21 มี.ค. 14, 09:36
|
|
จากระเบียงผ่านประตูเข้าสู่ลานด้านในสไตล์เรเนซองผสานบารอค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1091 เมื่อ 21 มี.ค. 14, 09:40
|
|
ที่นี่เป็นที่ตั้งรูปสลักของ Miho Pracat(Michaeli Prazzato) ผลงานของ ประติมากร P. Giacometti จาก Recanati(อิตาลี) ในปี 1638 ท่านเป็นนายวาณิช และนักผจญภัยแห่งศตวรรษที่ 16 จากเกาะ Lopud ผู้ซึ่งได้ยกทรัพย์สมบัติของท่าน ให้แก่สาธารณรัฐเพื่อการกุศล ตลอดช่วงเวลา 400 ปีของการเป็นรัฐอิสระ ไม่เคยมีรูปสลักบุคคลสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ตั้งแสดงอยู่ในเมือง ผ่านไปถึง 30 ปีทางการจึงได้ดำเนินการยกย่องท่าน อย่างสมเกียรติแต่ไม่ออกนอกหน้าสาธารณะเกินไป ด้วยการตั้งรูปสลักของท่านในลาน ด้านในวัง ท่านจึงได้เป็นพลเมืองคนแรกที่มีรูปอนุสรณ์รำลึกตั้งขึ้นใน(วังของ)เมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1092 เมื่อ 21 มี.ค. 14, 09:54
|
|
อาเคดสไตล์เรเนซอง ส่วนบันไดกว้างเป็นบารอคที่บุคคลระดับเจ้าไม่ต้องก้าวเดินขึ้น หากแต่นั่งในเกี้ยวมีคนแบก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1093 เมื่อ 21 มี.ค. 14, 09:56
|
|
ใต้บันไดเป็นน้ำพุใต้โค้งสไตล์เวนิสกอธิค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1094 เมื่อ 21 มี.ค. 14, 09:57
|
|
บันไดบารอคนี้สร้างขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวปี 1520 พร้อมราว"มือ"จับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|