ย่านบางกอกในโคลงกำสรวลสมุทรครั้งหนึ่ง มีเจ้านายเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของกรุงศรีอยุธยา เสด็จประทับเรือจากพระนครศรีอยุธยา ลงมาตามแม่น้ำ ผ่านชุมชนหมู่บ้านทั้งสองฝั่ง จนถึงเขตเมืองนนทบุรี แล้วถึงบริเวณที่ลำแม่น้ำไหลคดเป็นรูปโค้งเกือกม้าที่เรียกย่านบางกอก คือ กรุงเทพฯ ทุกวันนี้
เหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๑ – ๒๐๗๒ จะเป็นปีใดยังไม่รู้แน่ แต่อยู่ระหว่างแผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชาธิราช ที่ ๓ กับ สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ ๒ ต่อเนื่องกัน มีหลักฐานยืนยันคือโคลงดั้น จำนวน ๑๓๐ บท เรียกกำสรวลสมุทรหรือรู้จักทั่วไป ชื่อ กำสรวลศรีปราชญ์ (แต่ “ศรีปราชญ์” ไม่ได้เป็นคนแต่งเรื่องนี้) แต่งอย่างที่เรียกในชั้นหลังว่านิราศ นับเป็นหนังสือนิราศมีอายุเก่าแก่มาก หรืออาจเก่าแก่ที่สุดของที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก็คงได้ แต่เรื่องนี้ต้องพิจารณาต่อไปอีก
ความสำคัญของ กำสรวลสมุทร อยู่ที่พรรณนาชื่อบ้านนามเมือง และสถานที่ของกรุงเทพฯ ยุคดึกดำบรรพ์เอาไว้ด้วย ยังไม่พบเอกสารเก่ากว่าเล่มนี้ และไม่น่าจะมีให้พบแล้ว ต้องยกเป็นเอกสารเก่าสุดที่ออกชื่อบ้านนามเมืองและสถานที่ของกรุงเทพฯ กับปริมณฑล มีรายการดังต่อไปนี้
บางเขน ชื่อนี้ไม่ใช่เขตบางเขน กรุงเทพฯ ปัจจุบัน หากเป็นบางเขนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งเหนือสะพานพระราม ๖ แต่ใต้วัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี บริเวณนี้มีคลองแยกไปทางตะวันออกเรียก คลองบางเขน
เวลาที่แต่งโคลงกำสรวลสมุทร ยังไม่ชุมชน ภูมิประเทศครั้นนั้นคงเป็นทุ่งโล่ง กวีจึงพรรณนาว่า
มาทุ่งทุเรศพี้ บางเขน
เขนข่าวอกนมเฉลา ที่ตั้ง
ปืนกามกระเวนหัว ใจพี่ พระเอย
ฤๅบ่ให้แก้วกั้ง พี่คงคืนคง ฯ
บางกรูด อยู่ใต้บางเขนลงมา แต่หาร่องรอยไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าน่าจะมีต้นมะกรูดขึ้นเป็นป่า เพราะกวีพรรณนาว่า
เยียมาสมดอกแห่ฃ้ง ฤทัย ชื่นแฮ
เครงย่อมถงวลถงมอก ค่ำเช้า
เยียมาเยียไกลกลาย บางกรูด
ถนัดกรูดเจ้าสระเกล้า กลิ่นขจร ฯ
บางพลู อยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำ ใต้บางกรูด ถัดมาทางใต้สะพานพระราม ๖ และใต้บางพลัด มีวัดบางพลูเป็นร่องรอยอยู่ ย่านนี้เห็นจะปลูกพลูไว้กินกับหมากเต็มไปหมด ดังกวีพรรณนาว่า
เยียมาพิเศษพี้ บางพลู
ถนัดเหมือนพลูนางเสวย พี่ดิ้น
เรียมรักษเมื่อไขดู กระเหนียก นางนา
รสรำเพยต้องมลิ้น ลั่นใจลานใจ ฯ
ฉมังราย อยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำ ทางใต้สะพานซังฮี้ลงมา ชื่อนี้รียกกันภายหลังต่อมาว่าสมอราย มีวัดสมอรายตั้งอยู่ ปัจจุบันคือวัดราชาธิวาส
คำเดิมว่า ฉมังราย จะเป็นคำมอญหรือคำเขมร ยังไม่รู้ แต่กวีพรรณนาว่าย่านนี้เป็นหลักแหล่งของชาวประมง ใช้อวนหาปลาในแม่น้ำ ดังนี้
เรือมาเจียรเจียดใกล้ ฉมังราย
ฉมังนอกฉมังในใน อกช้ำ
ชาวขุนสรมุทรหลาย เหลือย่าน
อวนหย่อนหยั่งน้ำถ้า ถูกปลา ฯ
บางระมาด ปัจจุบันอยู่ในคลองบางกอกน้อย แต่ยุตนั้นคือแม่น้ำ (เจ้าพระยา) สายเดิมที่ไหลคดเป็นรูปโค้งเกือกม้า
ชื่อระมาดเป็นคำเขมร แปลว่า แรด คงจะมีแรดอยู่แถบนั้น
ย่านนี้เป็นเรือกสวน มีกล้วย อ้อย และผักต่างๆ มีชาวสวนตั้งหลักแหล่งเรียงราย รวมทั้งมีตลาด (จรหลาด) ด้วย กวีพรรณนาไว้ดังนี้
กล้วยอ้อยเหลืออ่านอ้าง ผักนาง
จรหลาดเล็กคนหนา ฝั่งเฝ้า
เยียมาลุดลบาง ระมาด
ถนัดระมาดเต้นเต้า ไต่เฉนียน ฯ
บางฉนัง ปัจจุบันเรียกเพี้ยนเป็น บางเชือกหนัง อยู่ในคลองบางกอกน้อย ยังมีคลองบางเชือกหนังอยู่ฝั่งขวา ใต้คลองบางระมาด
ชื่อ ฉนัง เป็นคำเขมร แปลว่า หม้อ น่าเชื่อว่าชุมชนนี้มีอาชีพปั้นหม้อขาย ถ้าแปลความหมายต้องเรียก บางปั้นหม้อ หรือ บางหม้อ
ย่านนี้เป็นเรือกสวนหนาแน่น เพราะกวีพรรณนามาก่อนว่าสองฝั่งแม่น้ำ (เดิม) เต็มไปด้วยสวนผลไม้ มีมะม่วง ขนุน มะปราง ฯลฯ สวนถัดๆ ไปยังมีหมาก มะพร้าว เต็มไปหมด พวกแม่ค้าชาวบ้านต่างทำขนมแล้วเอาผลหมากผลไม้มาขาย ดังนี้
มุ่งเห็นเดียรดาษสร้อย แสนสวน
แมนม่วงขนุนไรเรียง รุ่นสร้อย
กทึงทองลำดวนโดร รสอ่อน พี่แม่
ปรางประเหลแก้มช้อย ซาบฟัน ฯ
เยียมาแล้วไส้หย่อน บางฉนัง
ฉนังบ่มาทันสาย แสบท้อง
ขนมทิพย์พงารัง รจเรข มาแม่
ยินข่าวไขหม้อน้อง อิ่มเอง ฯ
ด้าวหั้นอเนกซื้อ ขนมขาย
อรอ่อนเลวงคิด ค่าพร้าว
หมากสุกชระลายปลง ปลิดใหม่
มือแม่ค้าล้าวล้าว แล่นชิงโซรมชิง ฯ
บางจาก อยู่ฝั่งขวาแม่น้ำ (เดิม) ใต้บางเชือกหนัง มีโคลงว่า
มลักเห็นน้ำหน้าไน่ นัยน์ตา พี่แม่
เรียมตากตนติงกาย น่าน้อง
ลันลุงพี่แลมา บางจาก
เจียรจากตีอกร้อง เรียกนางหานาง ฯ
บางนางนอง ในโคลงเขียนคร่ำครวญ “นองชลเนตร”
เมื่อกวีล่องเรือตามแม่น้ำ (เดิม) ถึงคลองบางกอกใหญ่ ได้เลี้ยวขวาเข้าคลองด่าน (ตรงวัดปากน้ำภาษีเจริญ) มุงไปทางบางขุนเทียน ผ่านตำบลบ้านแห่งหนึ่ง คือ บางนางนอง ปัจจุบันมีวัดนางนอง ตั้งอยู่ริมคลอง มีโคลงกล่าวว่า
เสียดายหน้าช้อยชื่น บัวทอง กูนา
ศรีเกษเกษรสาว ดอกไม้
มาดลบันลุนอง ชลเนตร
ชลเนตรชู้ช้อยไห้ ร่วงแรงโรยแรง ฯ
บรรยากาศของสองฝั่งคลองด่านย่านบางนานอง ยังเป็นเรือกสวนหนาแน่นโดยเฉพาะสวนหมาก ดังโคลงบาทแรกของบทที่ ๖๓ ว่า “ลันลุงสองฟากฟุ้ง ผกาสลา” เมื่อสัก ๕๐ ปีที่แล้ว ย่านนี้ยังมีสวนหมากแน่นสองฝั่งคลอง
++++++
ตัดตอนมาจาก: สุจิตต์ วงษ์เทศ ๒๕๔๗.
นิราศเรื่องต่างๆ นิราศมาจากไหน ?.
ใน กวีสยามนำเที่ยวสยามประเทศไทย.
จาก เว็บไซต์ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย [
http://www.thaipoet.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=thaipoetnet&thispage=5&No=217593 ]
(คัดจากคำนำหนังสือกวีสยามนำเที่ยวกรุงเทพฯ มติชน ๒๕๔๗).