เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 05, 22:16



กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 05, 22:16
 เวลาของที่นี่ต่างจากเมืองไทย ๑๒ ชั่วโมง    ที่บ้านเราเกือบสี่ทุ่ม  ที่นี่เกือบแปดโมงเช้า
หิมะแรกของฤดูหนาวเพิ่งลงเมื่อวานนี้เอง   ตกตั้งแต่เช้าเรื่อยไปจนค่ำ  ถึงได้หยุด
เปิดมู่ลี่ดูภายนอก    พื้นดินเหมือนฉาบด้วยครีมหน้าเค้ก เช่นเดียวกับหลังคาบ้านและหลังคารถ   ขาวสะอาดไปหมดทุกหนทุกแห่ง

ปีนี้หิมะมาช้ามาก    โดยมากคุณเธอจะมาเยือนตั้งแต่วันฮัลโลวีน คือ ๓๑ ตุลาคม  แล้วหายไปสองสามวันก็ค่อยๆมาบ้างไม่มาบ้างในเดือนพฤศจิกายน
แต่ปีนี้ผิดนัด  มาเอาธันวาคม   และมาทีก็จู่โจมเป็นข่าวไปทั่วรัฐว่าบางแห่งเจอพายุหิมะ  ถนนปิด  เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
แต่เมืองเล็กๆเมืองนี้หิมะแรกมาถึงอย่างเรียบร้อย  ไม่มีพิษสง ตกวันเดียว   วันต่อมาแดดสีทองก็ออกสว่างจ้าไปทั้งเมือง

มองเห็นชัดเลยละค่ะว่าแดดเป็นสีทอง  เวลาทอทาบบนหลังคาสีขาว   และกิ่งไม้ไร้ใบก็เหมือนฉาบด้วยทอง  เป็นเช้าที่สวยมาก
แต่ว่าหนาวจับใจ    ดูได้แต่อย่าแตะ

อยากจะเอารูปมาให้ดูเหลือเกิน  แต่เกิดปัญหาว่าสายที่จะเสียบจากกล้องเข้าคอมพ์  หาไม่เจอ
จะออกไปหาซื้อที่ร้านก็ยังขยาดความหนาว    ดิฉันคอเจ็บนิดหน่อยจากการออกไปถ่ายรูปเมื่อวานนี้  
จะต้องประคองสุขภาพไว้ไม่ให้เป็นหวัด   ถึง Commencement Day วันศุกร์ที่จะมาถึง
ก็เลยหารูปในเน็ตมาแก้ขัดไปพลางๆก่อน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 07 ธ.ค. 05, 22:52
 สวัสดีค่ะ
เวลาต่างกัน 12 ชม. ถ้าอย่างนั้นเดาว่าอาจารย์ต้องอยู่ตรงกลางของแผ่นดินลุงแซมแน่เลย
ดูในข่าวตอนนี้ ski resorts แถว Rocky คนพียบเลยค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 05, 23:36
 บนภูเขาตอนนี้เป็นสวรรค์ของนักสกีค่ะ    
เขาจะเล่นเรื่อยกันไปจนถึงเดือนเมษายน แล้วสกีรีสอร์ทก็จะปิด
ในช่วงนี้หิมะตกใหม่ๆ  สะอาด น่าเล่นมาก
ฟ้าใสสีน้ำเงินจัด แดดสว่าง
เป็น winter wonderland จริงๆ

แต่มีปัญหาว่าในเดือนธ.ค. และม.ค. บางครั้งถนนขึ้นสู่เทือกเขาร็อคกี้อาจจะต้องปิดเพราะเจอพายุหิมะ
ถ้าหากว่าเป็นกุมภา มีนาไปจนเมษา  พายุไม่มาแล้ว ก็เล่นกันได้ปลอดโปร่ง
เมืองนี้เป็นเมืองที่นักเรียนสาธิต ม.เกษตร มาซัมเมอร์กันในช่วงเมษา
ก็จะได้เล่นสกี ปิดท้ายฤดูก่อนกลับบ้าน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 05, 23:54
 อากาศหน้าหนาวของที่นี่มีเสน่ห์อย่างหนึ่ง

คือหิมะอาจจะตกติดต่อกัน ๑-๒ วัน  แล้วแดดก็จะออกทันที
เห็นฟ้าใส  แดดเจิดจ้า   ชวนให้ออกไปเดิน แดดช่วยลดความเย็นได้มาก
อากาศไม่ซึมเซาอย่างบางรัฐ ที่หนาวแล้วมืดมัวซัว ขมุกขมัวชวนให้ใจหดหู่

แต่ตอนหิมะละลายนี่สิคะ  หนาวอย่าบอกใคร  หนาวกว่าตอนหิมะตกอีก
อีกช่วง คือวันไหนลมแรง  จะหนาวยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก  เดินฝ่าลมหนาวจมูกเหมือนจะหลุดออกมาง่ายๆ  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 07 ธ.ค. 05, 23:56
 นึกถึงหิมะแรก ดิฉันยังจำได้ว่ามาวันที่ 19 ต.ค. ทดลองตักหิมะสะอาดๆใส่แก้ว
แล้วรินโค้กแคนใส่ เหมือนสเลอปี้ หรือ smoothy จังเลยค่ะ ใครจะว่าสกปรกเพราะ
ปนปื้อนจากชั้นบรรยากาศ แต่ดิฉันกินประจำ

นึกๆไป น้ำแข็งที่ร้านก็สะอาดไม่หยอกนะคะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 00:04
 แต่ว่าไปแล้วก่อนตกก็หนาวมาก เหมือนทีอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ท่านเขียนผ่านตัวละครขงท่านว่า กระดูกแทบแตก

ตอนหิมะละลาย แล้วเกิดมีฝนตก จนหิมะกลายเป็น ice เดินก้าวเดียว แต่ไป 10 ก้าว คงจะสนุกนะคะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 00:16
 หิมะที่ตกใหม่ๆ พูนหนาเต็มพื้นดิน  เวลาย่ำลงไป รองเท้าจะบดเกล็ดน้ำแข็งดังเอี๊ยดๆ   ถ้าแบบนี้ ไม่ลื่น เหมือนเราเดินบนทราย
แต่ถ้าเมื่อไรมันละลาย เริ่มจับแข็ง   ถ้าพื้นรองเท้าไม่หยักเป็นร่องลึกพอ   จะเท่ากับเล่นสก๊ตน้ำแข็งดีๆนี่เอง
ถ้ารักษาดุลย์ไว้ได้พอประมาณ ก็จะแค่ลงไปนั่งพับเพียบ หรือคลานบนพื้นน้ำแข็ง แล้วตะกายลุกขึ้นมาได้
แต่ถ้าเสียหลัก ลื่นหกล้มกระดูกอาจจะหักได้ง่ายๆ  เวลาเดินต้องระวังมากค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 00:43

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 01:07



ปีนี้ หวังกันมาก ว่าจะได้เจอ White Christmas

มีเค้าว่าจะเป็นความจริง

อันที่จริงรัฐนี้ก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องหิมะมาแต่ตั้งประเทศ

เพราะเป็นที่ราบสูง สูงกว่าน้ำทะเลแปดพันฟุต

มีเทือกเขาร็อคกี้พาดผ่านเป็นกระดูกสันหลัง



แต่8-9 ปีที่ผ่านมา โลกร้อนขึ้น   เลยไม่มี White Christmas อย่างก่อนหน้านั้น

หิมะตก วันเดียว แดดออก หิมะละลาย   ไม่ทันขาวอยู่จนคริสต์มาส

แต่ยังไงก็ตาม ขอมอบเพลงนี้ให้ชาวเรือนไทยทุกคน



คุณ Dominio มาก่อนเลยได้ก่อน

(คุณอยู่ดึกจังค่ะ)



White Christmas



I'm dreaming of a white Christmas

Just like the ones I used to know

Where the treetops glisten,

and children listen

To hear sleigh bells in the snow



I'm dreaming of a white Christmas

With every Christmas card I write

May your days be merry and bright

And may all your Christmases be white


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 01:16
 ขอบคุณค่ะ ดิฉันยังอยู่ที่ทำงานอยู่เลยค่ะ
ฟังเพลงนี้แล้วหวิวๆ เป็นโรค snowphobia น่ะคะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 01:36
 มองออกไปนอกหน้าต่าง  สิบเอ็ดโมงกว่า  
แดดจัดจ้าเหมือนหน้าหนาวเมืองไทยไม่มีผิด
เมื่อกระทบสีขาวของหิมะ จะสะท้อนแสงแรงกล้าเข้าตา
ถ้าออกไปข้างนอกต้องใส่แว่นกันแดดตัดแสงค่ะ
อย่างนักสกีก็ต้องใส่แว่นกันทุกคน ไม่งั้นกระทบกระเทือนสายตา
ต้องมาล้างตาด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ

อากาศแห้ง  และเย็น  ไม่มีเหงื่อ
อาบน้ำวันละครั้งพอ  
ฝรั่งเขาอาบน้อยกว่าเราอีก
ถ้าอาบวันละ ๒ ครั้งตามความเคยชิน
ผิวจะแห้งแตกคันคะเยอต้องลงครีม

มีนักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินผ่านหน้าอพาตเมนต์ไปเมื่อครู่
เธอสวมเพียงแจ็กเก็ตยีนส์   กางเกงยีนส์(ที่นี่เขาไม่นุ่งกางเกงอย่างอื่นเลยนอกจากยีนส์ เว้นแต่หน้าร้อนก็นุ่งขาสั้น)
มีเสื้อยืดหนาๆอีกตัว  แค่นี้ก็ทนหนาวได้แล้ว
ส่วนคนไทยใส่กัน ๓-๔ ชั้น พร้อมด้วยโค้ตหนา
ยังเดินคางสั่นปากเขียว  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 01:44
 สมัยก่อนดิฉันขับรถเป็นสามเหลี่ยม จาก Denver ขึ้นเหนือไป  Greeley (รู้สึกว่าจะ 85 N)
คลับคล้ายคลับคลา แล้วกลับทาง Boulder มีญาติและเพื่อนอยู่ที่นั่นหลายคน
สองข้างทางรัฐนี้สวยมากค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 02:04
 รัฐนี้ทางเหนือกับทางใต้ ภูมิประเทศผิดกันมาก และที่แปลกอีกอย่างคือพอเขยิบขึ้นเหนือ
ข้ามเส้นแบ่งรัฐขึ้นไปอีกรัฐหนึ่งที่อยู่ข้างบน ก็คนละเรื่องกันอีกเช่นกัน

รัฐที่อยู่เหนือขึ้นไป แห้งแล้ง   มีแต่พื้นดิน(หรือหิน) สีน้ำตาล
พอข้ามเส้นแบ่งรัฐลงมาที่นี่  ก็จะเจอต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม
สวยงามมากในฤดูร้อน
แต่พอขับรถลงทางใต้จะเจอเมืองกลางทะเลทรายปนดินกันหลายแห่ง แห้งแล้งอีก

ย้อนกลับมาต่อความที่คุณ Domonio เกริ่นไว้
Boulder เป็นเมืองสวยอยู่ติดภูเขา   มองจากมหาวิทยาลัยเห็นภูเขาอยู่ชิดเมือง คล้ายดอยสุเทพชิด ม.เชียงใหม่
ตัวมหาวิทยาลัยสร้างในสถาปัตยกรรมเค้าสเปน
เพราะว่ารัฐเคยเป็นของสเปนมาก่อนจะรวมเข้า ๕๐ รัฐของอเมริกา
ตัวมหาวิทยาลัยที่นี่  ขึ้นชื่อติดอันดับทางด้านวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาฯส่งนักเรียนทุนมาเรียนกันเป็นประจำ

อีกเมืองที่ไม่ห่างกันนัก คือ Fort Collins  U ที่นี่ก็มีนักเรียนทุนของไทยมาเรียนกันหลายคน
สาขาวิศวฯ สัตว์แพทย์  คือด้านสายวิทย์

ส่วน Greeley เป็นสายศิลป์ด้านการศึกษา   นักการศึกษาดังๆของไทยหลายคนจบจากที่นี่
มาแต่โบราณกาล
จนทุกวันนี้ก็ยังมีนักเรียนทุนมาเรียนกันอยู่

เมืองที่ดิฉันอยู่เป็นเมืองเล็กเหมือนลำพูนลำปางของเรา
มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่เชิดหน้าชูตาเมือง  แห่งเดียว
แล้วก็จบแค่นั้น   ไม่มีที่เที่ยวแบบกรุงเทพ
จะเที่ยวทีก็ต้องเข้าเมืองหลวง  ขับรถไป ๕๐ ไมล์
หรือถ้าไม่ไปไหนก็นั่งอยู่ในห้อง  ทีวีมีสัก ๙๐ ช่องได้  ดูกัน ๒๔ ช.ม. จนลืมตาไม่ขึ้น

ตอนนี้ดิฉันเล่นเน็ตแก้ง่วงนะคะ  เพราะยังปรับเวลาไม่ค่อยได้
กลางวันจะง่วง กลางคืนตาสว่าง
จะเป็นอยู่สัก ๔-๕ วันแล้วก็ค่อยๆปรับตัวได้
ปัญหาอีกอย่างคืออากาศทำให้เลือดกำเดาไหล  นิดหน่อยไม่มากนัก


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 02:24
 หากลงใต้อีกสักนิด ไปที่ Colorado Springs ดิฉันเคยอยู่ช่วง summer ที่นั่น มี lunch buffet,
Spanish $5.95, all you can eat. ต้องไปอุดหนุนทุกวัน ชอบ avocado salad ที่เป็น paste
ผสมกับมะเขือเทศ หั่นเป็นเต๋าเล็กๆ ผสมเครื่องเทศน่ะคะ

เอาเจ้านี่มาทำเป็น bread spread ก็อร่อย แต่ทานเสร็จต้องว่ายน้ำสัก 500 เมตร
หรือไม่ก็วิ่ง 2 รอบสนามฟุตบอลเพื่อ burn สักหน่อยค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 02:25
 เลขไม่ขึ้นค่ะ 5.95 ดอลลาร์ สมัยก่อน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 05:47
 ได้รูปแล้วค่ะ  เสียดายที่ต้องย่อลงเล็กมาก ไม่งั้นเกิน ๔๐ kb.
ไม่รู้ว่ากระทู้คุณ Vun เขาทำได้ยังไง  รูปใหญ่เบ้อเริ่มเลย
คุณอ๊อฟ  ขอเพิ่มจาก Max 40 kb เป็น 100 kb ได้ไหมคะ

หิมะแรก-
ถ่ายจากหน้าอพาตเม้นท์ มองเห็นอาคารเก่าของมหาวิทยาลัย
ที่นี่เคยเป็นที่รับปริญญาในฤดูใบไม้ผลิ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 05:48

ภาพที่สอง


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 05:49

ถ่ายจากในรถยนต์


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 05:58
 สวยดี่ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าหิมะแรก มาช้าขนาดนี้ จากรูป 15 แสดงว่าอาจารย์ได้ 2 ใบ
ตามที่คุณ paganini และติบอใบ้หวยจริงๆนะสิค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 11:32
 ดิฉันคงจะเบลอจริงๆ  นับชั่วโมงผิด ที่นี่ช้ากว่ากรุงเทพ ๑๔ ชั่วโมงค่ะ  ไม่ใช่ ๑๒

เช็คอุณหภูมิอากาศแล้วชักตกใจ   คืนนี้ลงต่ำมาก  ถึงลบสิบเจ็ดองศา ซ.
ปกติไม่เคยลงต่ำกว่าศูนย์  มีหิมะบางๆวันเดียวก็ละลาย
นี่แดดออกจ้าทั้งวัน ค่ำลงหิมะยังจับแน่นไม่ละลายเลย
หน้าหนาวปีนี้คงหนาวจัด  

เอารูปมาฝากสมาชิกเรือนไทยอีกค่ะ
เป็นตอนที่หิมะตกใหม่ๆ  ออกไปถ่ายรูปจนเกือบได้หวัดกลับมา
สังเกตเห็นทางเดินหน้าบ้านที่หิมะตกขาวไปหมดไหมคะ
เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบ้านแต่ละคนที่ต้องกวาดหิมะหน้าบ้านตัวให้หมด
ถ้าคนเดินผ่าน ลื่นล้ม  เขาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของบ้านได้ทันที
ค่าเสียหายที่นี่แพงมหาศาลเสียด้วย


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 11:35
 ตอบ ค.ห. ๑๘
ถ้านับตั้งแต่ปริญญาตรีก็เกิน ๒ แล้วค่ะ

ขับรถไปก็เห็นถนนหนทางเป็นแบบนี้


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 11:39

นี่คือสวนสาธารณะกลางเมืองชื่อเกลนเมียร์พาร์ค  
ดิฉันมานั่งเล่นที่นี่ในฤดูร้อน  มีสระกว้างพร้อมด้วยหงส์ลอย ต้นไม้เขียวสด
พอถึงฤดูหนาว มีแต่เป็ดป่า  สระกลายเป็นน้ำแข็งไปเกือบหมด


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 12:06
 อาจารย์ยังไม่ง่วงหรือค่ะ ดิฉันเร่งปิดงบปลายปี ก็ทั้งวันทั้งคืนเหมือนกันค่ะ เบื่อทีก็ไถลที

คำว่า lagoon และ creek เขาใช้ต่างกันอย่างไรค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 08 ธ.ค. 05, 12:22
 ได้ครับคุณเทาชมพู ทีมงานกำลังปรับปรุงให้ครับ สำหรับ vTeam ให้ปรับเป็นส่งรูปได้ 100 KBytes  ครับ เสร็จแล้วผมจะแจ้งอีกทีนะครับ

จากรูปดูเหมือนจะหนาวมาก แต่สวยจังเลยครับ คิดถึงหิมะ    
(ตอนนี้ผมอยู่ภาคใต้ ฝนตกไม่ยอมหยุดมา 6 วันแล้วครับ เฮ้อ)


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 13:11
 ดิฉันพยายามถ่างตาไม่ให้ง่วงค่ะ เพื่อจะได้นอนหลับรวดเดียวจนเช้า  ไม่งั้นก็ตื่นกลางดึก ตาเป็นนกฮูกแล้วไปง่วงเอาบ่าย

ขอบคุณคุณอ๊อฟค่ะ    เอาเป็นว่าเปลี่ยนตัวเลขในช่องโพสต์จาก Max 40 kb เป็น Max 100 kb เมื่อไรดิฉันก็รู้เอง
ฝนตกยังไม่หนาวเป็นบ้าเป็นหลังเท่าหิมะตก นะคะ  

lagoon  หน้าตาเป็นยังงี้ค่ะ  มักอยู่ติดทะเล มีทางเปิดถึงกันให้น้ำไหลเข้าออกได้  แต่มีสันดอนหรือแนวปะการังคั่นอยู่


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 13:12

นี่ก็ลากูน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 05, 13:15

ส่วน creek คือลำห้วย
แต่อย่าถามว่า ต่างจากลำธารยังไง  
ไม่รู้รายละเอียดมากขนาดนั้นว่าเขาวัดกันที่ขนาด
หรือว่าเหมือนกัน ต่างกันแต่ใครจะเรียกยังไง


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 20:38

แฮะๆ ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ จริงๆดิฉันหมายถึง รูปที่ 21...มีสระกว้างพร้อมด้วยหงส์ลอย
บางที่เรียก creek พอจำไปเรียกอีกที่ เขากลับเรียกชื่ออื่นอีก สรุปแต่ละที่ เรียกชื่อไม่ค่อยจะเหมือนกัน
ดูเหมือนไม่มีใครเรียกว่า pond เสียเท่าไรเลยค่ะ  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 21:03
 ช่วงเช้ากรุงเทพฯวันนี้อุณหภูมิ 20 องศา C (68 องศา F) ค่ะ
วิทยุรายงานว่าเหนือกรุงเทพฯขึ้นไป แถวลพบุรี เพชรบูรณ์ สัก15 องศา
ในตอนเช้า พอบ่ายๆหน่อย ก็ 32

หวังว่าฮีตเตอร์ในอพาร์ตเมนท์ของอาจารย์ เป็นแบบไฟฟ้า
(อ่านกระทู้ท่านอากาศฯ เลยเสียวๆค่ะ)
อาจารย์เดรส วอร์มนะคะ เดี๋ยวเป็นหวัดแล้วจะถ่ายรูปไม่สนุก  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 05, 00:01
 ฮีตเตอร์ไฟฟ้าค่ะ  ปรับอุณหภูมิไว้ที่ ๗๕ องศา ฟ.
วันนี้แดดออกสว่าง  อุณหภูมิขึ้นสูงสุดคือลบสาม ซ. (หรือ ๒๕ องศา ฟ.)
เมื่อคืนนี้หนาวววววมากกกก   ดูทีวี ช่องพยากรณ์อากาศ เขาเรียกว่า bitterly cold คืนนี้ก็หนาวพอกัน

วันนี้หนาวจัดเพราะหิมะเริ่มละลายนิดหน่อย  แต่ส่วนใหญ่ยังจับแข็งอยู่บนพื้นดิน  
เคราะห์ดียังไม่มีลม  

อาจารย์โทรมาชวนไปกินอาหารกลางวัน  จำใจต้องปฏิเสธ
เพราะว่าทำท่าจะเป็นหวัด  แสบคอและคัดจมูก ทั้งที่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน

ใจหนึ่งก็คิดว่าควรจะออกไปให้ชินอากาศหนาว  ดีกว่าจะโผล่ออกไปทีเดียวในวันงานพรุ่งนี้

เขาจัดงานกันในช่วงเย็นค่ะ ซึ่งก็มืดสนิทแล้ว  คงจะกินเวลาไม่นานนัก
เพราะการรับปริญญาแบ่งเป็น ๒ วัน  พวกปริญญาตรี(ซึ่งมีมาก) รับวันหนึ่ง
พวกปริญญาโทและเอก (ซึ่งมีน้อย) รับอีกวันหนึ่ง

แต่อีกใจห้ามว่าขืนออกไปวันนี้ กลับมาปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้หวัด     พรุ่งนี้จะลุกไม่ไหวละยุ่งเชียว
เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ออกไปงาน  ให้เสร็จๆกันไป  แล้วกลับมานอนซม ยังปลอดภัยหายห่วงกว่า  ว่าภารกิจใหญ่จบไปแล้ว


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 05, 00:23
 ขอเล่าให้ฟังสำหรับคนที่ยังไม่เคยมาเมืองหนาวแบบนี้  คืออาจจะเคยไปเมืองหนาวแบบอื่น
คืออุณหภูมิอากาศ กับที่เรารู้สึกว่ามันหนาวแค่ไหน  มันเป็นคนละเรื่องกัน

อุณหภูมิอากาศที่วัดได้  สมมุติว่า คือ 1 องศา ซ.  แต่เขาจะมีอุณหภูมิแบบ feel like เตือนชาวบ้านไว้ให้รู้กันด้วย  ว่ามันอาจจะเป็น - 10 องศา ซ. ก็ได้
เพราะอาจมีตัวแปรอื่นมาทำให้หนาวกว่าที่วัดได้ เช่นมีลมแรง   มีหิมะในช่วงละลาย
ตัวแปรนี้เองทำให้ผู้คนที่เดินยิ้มออกจากบ้านว่าหนาวแค่ 1  อาจจะหยุดยิ้ม  
เพราะเจอความรู้สึกว่ามันหนาวมาก ระดับ -10
อย่างหลังนี่แหละหนาวจริง

อย่างวันนี้ อุณหภูมิอากาศ เขาบอกว่าต่ำสุดแค่ -7 แต่ตอนนี้มัน feel like -19 เข้าไปแล้วละค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 09 ธ.ค. 05, 09:15
 เมืองมหาวิทยาลัย เช่น Greeley นี้ ช่วงซัมเมอร์ มันจะเหงาจับจิตเลยไหมค่ะ
นึกถึง Campus center และ groceries ร้านรวงในเมืองบางแห่ง คงโหรงเหรงถนัดตา ยามนักเรียนกลับบ้าน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ธ.ค. 05, 10:21
 เมืองเล็กๆของที่นี่มักจะมีคนน้อยอยู่แล้วค่ะ   ไม่คึกคักไม่ว่าฤดูไหน
ชาวบ้านเขาอยู่กันเงียบๆ    ความสนุกของเขาอยู่ในบ้าน ไม่ออกนอกบ้านอย่างคนไทย
คนไทยที่ไม่เหงาก็คือจับกลุ่มรวมกันในหมู่นักเรียนไทย   ถ้าใครอยู่คนเดียวก็เหงาหน่อย


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 09 ธ.ค. 05, 23:40

.
I wanna say hello and give you a fun cartoon to brighten your BIG day.
(Just away from home and no Thai fonts ka.)


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 05, 05:44
 เมืองที่ดิฉันอยู่  ถ้าในสายตาดิฉันเรียกว่าเมืองเล็ก  เพราะเนื้อที่แค่ ๓๐ ตารางไมล์  ประมาณอำเภอเมืองนครปฐมเห็นจะได้  ไม่ใหญ่ขนาดเท่าจังหวัดทั้งจังหวัด  
ขับรถผ่ากลางเข้าไปในเมืองจากเหนือลงใต้ หรือต.อ.ไปต.ต.  ไม่ถึง ๑๐ นาทีก็ผ่านหมดเมือง
ประชากรมีประมาณแปดหมื่นคน   เป็นฝรั่งผิวขาวเกือบ๗๐% อีก ๒๙% เป็นพวกฮิสปานิค  หรือพวกเชื้อสายเมกซิกัน ที่คนไทยเรียกว่าพวกแม็ค
ที่เหลืออีกนิดหน่อยก็พวกเชื้อสายอินเดียนแดง เอเชีย ส่วนพวกผิวดำมีน้อยมาก ไม่ถึง ๑%
ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน ตั้งครอบครัวแล้ว  หนุ่มสาวในเมืองคือพวกเรียนในมหาวิทยาลัยเสียส่วนใหญ่

เป็นเมืองตั้งอยู่ในแอ่ง  คือต่ำกว่าภูมิประเทศโดยรอบ  แต่ความที่มันกว้างก็เลยไม่รู้สึกว่าเราอยู่ในก้นกระทะ   ส่วนที่ดีคือหิมะน้อยกว่าเมืองหลวงที่อยู่บนขอบกระทะ  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 10 ธ.ค. 05, 11:45

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 11 ธ.ค. 05, 00:33
 สวยงามมากๆ เลยครับ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 11 ธ.ค. 05, 00:42
 ปีนี้ค่อนค่างแปลกครับ เชียงใหม่ยังไม่ค่อยหนาวเลย (+น้ำท่วม 4 รอบ)
รักษาสุขภาพดีๆ นะครับ อ.เทาชมพู
เห็นแล้วหนาวครับ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 11 ธ.ค. 05, 03:40

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 08:38
 รูปงานรับปริญญาคงจะต้องคอยอีกหลายวัน เพราะว่าดิฉันไม่มีสายต่อจากกล้องเข้ากับคอมพ์  มันหายไปไหนไม่ทราบ
ต้องไปซื้อเครื่องสำหรับเอาภาพในกล้องลงซีดี แล้วเปิดดูในคอมพ์
แล้วก็เซฟลงอีกทีก่อนจะมาย่อลงในกระทู้   ขั้นตอนยุ่งยากหน่อย  

วาดภาพตามไปด้วยพลางๆก่อนนะคะ

งานรับปริญญาจัดในตอนค่ำ ทุ่มหนึ่งของวันศุกร์ที่ ๙   ปีก่อนๆ ในฤดูหนาว เขาจัดกันในซิตี้ฮอลล์ของเมือง   แต่ปรากฏว่าญาติมิตรของบัณฑิตแห่กันมาเต็มล้นเนื้อที่ห้อง  ปีนี้เลยย้ายมารับในยิมเนเซียมของมหาวิทยาลัยแทน

บรรยากาศงานรับปริญญาของคนอเมริกันไม่เหมือนไทย   ของเรามีพิธีรีตองดูขรึมขลังเอางานเอาการมากกว่า   ของเขาค่อนข้างตามสบาย ไม่มีพิธีมากเท่าเรา
แต่จะว่าไม่มีเสียเลยก็ไม่ใช่   เขาก็มีพิธีของเขาเหมือนกัน

ค่ำวันศุกร์เป็นวันที่หนาวจัดวันหนึ่ง   หิมะยังขาวโพลนกองอยู่ข้างทาง ไม่ละลาย  
สี่โมงครึ่งก็พลบค่ำแล้ว พอห้าโมงก็มืดสนิทเหมือนสามทุ่ม

ต้องฝ่าความหนาวเฉียบเย็นจมูกเย็นหู ไปที่ University Center  ไปกินดินเนอร์กับ Board of Trustees และผู้บริหารมหาวิทยาลัย   เขาเลี้ยงให้เป็นเกียรติในฐานะเป็นคนเดียวที่ได้ปริญญา(สาขา)นี้ในปีนี้
ที่ได้มา เรียกว่า Doctor of Humane Letters  
Humane อ่านว่า ฮิวเมน  คนละคำกับ Human  นะคะ

ดินเนอร์เสร็จ  ก็ออกจาก U.C. ตรงไปที่ยิมเนเซียม


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 08:46
ใครที่จบปริญญาตรี โท หรือเอกจากอเมริกาอาจจะเคยผ่านวันรับปริญญาในยิมเนเซียมมาแล้ว   ขอฉายซ้ำอีกที  เผื่อสำหรับคนที่ยังไม่เคยเห็นน่ะค่ะ

เขาจัดเก้าอี้นั่งเอาไว้เป็นแถวหลายแถว เท่ากับจำนวนบัณฑิต    วันที่รับมีแต่บัณฑิตปริญญาโทและเอก  มีน้อยหน่อยไม่เกินร้อย  ปริญญาเอกมีสิบกว่าคนได้ นั่งอยู่แถวหน้าสุด
ส่วนปริญญาตรีที่มีเป็นพัน  รับอีกวันหนึ่ง

ญาติมิตรครอบครัวเข้าเป็นสักขีพยานด้วยการนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ทั้งสองฟาก    นั่งกันตามสบายตรงไหนก็ได้  ถ่ายรูปก็ได้   เวลาบัณฑิตที่เป็นคนในครอบครัวเดินขึ้นเวทีรับใบปริญญาบัตร  ก็จะมีเสียงเชียร์โห่ร้องมาจากหน้าม้า  
บัณฑิตบางคนก็หันไปโบกมือหัวร่อร่าให้เสียอีก  ไม่มีใครถือเป็นเรื่องผิด  เป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขา


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 08:53
 เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่ม  เขาก็มีพิธีการ คณาจารย์เดินเรียงแถวเข้ามาในห้องประชุม พร้อมด้วยเสียงเพลงกระหึ่มเป็นสัญญาณ
มีอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ ถือคธาเดินนำหน้า  ทุกคนสวมเสื้อครุยและหมวก   และมีตัวแทนของแต่ละคณะ (college) ถือธงคณะเดินมาเป็นคู่ๆ
ธงของเขาไม่ใช่ธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโบกสะบัดพลิ้วไสวอย่างธงชาติ  แต่เป็นผืนผ้าสี่เหลี่ยมยาวห้อยลงมาจากเสาสูงที่เขาถือมา  หน้าตาเหมือนธงในหนังอัศวินยุคกลาง
แล้วเดินขึ้นเวทีอย่างเป็นระเบียบ  นั่งลงตามที่ที่เขาเขียนชื่อไว้
ต่อจากนั้นก็มีอาจารย์ที่สอนใน Music Department มาร้องเพลงเป็นต้นเสียงเพลงชาติอเมริกัน  ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนให้ความเคารพ วางมือทาบบนหน้าอก   บางคนก็ยืนเฉยๆ  แต่ไม่มีใครไม่ยืน
กรรมการสภามหาวิทยาลัย (Board of Trustees) ก็เริ่มกล่าวต้อนรับบัณฑิต  และอธิการบดีกล่าวปราศรัย
แนะนำ Guest Speaker ที่เชิญมาในการนี้


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 09:15
 Guest Speaker ที่รับเชิญมาแต่ละปี มีไม่ซ้ำคนกัน   มหาวิทยาลัยเลือกจากบุคคลที่มีชื่อเสียง มีผลงานเป็นที่ยอมรับ  หรือได้รางวัลดีเด่นอะไรสักอย่าง
เพื่อมากล่าวสุนทรพจน์ แสดงความยินดี ให้กำลังใจและให้โอวาทกับบัณฑิต
ปีนี้ G.S. เป็นบ.ก.หนังสือพิมพ์ใหญ่ของรัฐ  เคยได้รางวัลด้านสื่อมวลชนมาแล้ว   เป็นหนุ่มใหญ่ผิวสี บุคลิกดี ดูคล่องแคล่ว ช่างพูดช่างจา สังคมเก่งสมกับทำงานกับมวลชน
ขอเรียกชื่อเขาสั้นๆว่าคุณเกร๊ก
คุณเกร๊กสูงกว่าดิฉัน มากกว่าหนึ่งไม้บรรทัด   เวลานั่งพูดกันยังต้องแหงนหน้ามอง     ไม่ต้องพูดถึงเลยเวลายืน รู้สึกว่าอยู่แค่สะเอวแกเท่านั้น

คุณเกร๊กพูดไม่ยาวนัก ประมาณ ๕ นาทีกว่าๆ หรืออย่างมากก็ไม่เกิน ๑๐ นาที
เล่าถึงประวัติตัวเขาเองนิดหน่อยเพื่อโยงเข้าสู่ประเด็น  คือการให้ข้อคิดบัณฑิตใหม่

ดิฉันสังเกตอยู่อย่างว่า คนอเมริกันเวลากล่าวสุนทรพจน์ มักจะขาดคำคม หรือ quotation เสียมิได้    เขาจะต้องอ้างอิงคำพูดคมๆของบุคคลสำคัญอยู่อย่างน้อย ๑ คน  เพื่อเป็นการสนับสนุนประเด็นที่เขาพูด
และอย่างที่สองคือคนอเมริกันเวลากล่าวอะไร มักจะออกมาในรูปของการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ฟัง   ทำให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพ  มีความสามารถที่จะทำชีวิตให้ดีขึ้น  
และที่สำคัญคือทำสังคมให้ดีขึ้นได้ด้วยจากศักยภาพนั้นๆ  

คนฟังจะรู้สึกว่า มนุษย์นั้นมีคุณค่า  มีประสิทธิภาพกันทุกคน   ขึ้นอยู่กับว่าใครจะดึงเอาส่วนที่ดีของตนเองออกมาพัฒนาให้คุ้มค่ากับที่เกิดมาและได้เติบโตมาจนถึงวันนี้   เมื่อเกิดความภูมิใจในตัวเอง  ก็เป็นแรงผลักดันให้ทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป   เขาจะไม่ให้คิดเพียงแค่ทำตัวเองให้ดี   แต่ทำตัวเองให้ดี...เพื่อทำสังคมให้ดี

คุณเกร๊กยกคำคมของนโปเลียนขึ้นมากล่าวว่า I was born to change the world.  
เขากล่าวต่อไปว่า บัณฑิตทุกท่านในที่นี้ก็สามารถพูดเช่นนี้ได้   ทุกคนสามารถตั้งปณิธานเช่นนี้ได้ และพัฒนาศักยภาพของตนเองไปสู่จุดนี้ได้
(คือจริงๆจะทำได้หรือไม่ได้มันเป็นอีกเรื่อง   แต่การสร้างสำนึกว่าทำได้ ก็เป็นกำลังใจที่ดีว่า คนเรามิได้เกิดมา เพื่อไม่ก่อความเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่จุดเดียวในโลกใบนี้  ถ้าเป็นยังงั้นก็ไปเกิดเป็นใบไม้ใบหญ้าเสียคงจะดีกว่า-ข้อเปรียบเทียบนี้ดิฉันเสริมเข้ามาเอง)


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 09:31
 พอคุณเกร๊กกล่าวจบ  ก็ถึงคิวของดิฉันเป็นคนแรกก่อนบัณฑิตอื่นๆ  
อธิการบดีให้เกียรติด้วยการประกาศประวัติ สั้นๆ เขาย่อเก่งมาก   ฟังแล้วก็ยังอัศจรรย์ใจว่าวิชาย่อความของคนที่ย่อประวัตินี้ คงได้คะแนนเต็มมาก่อน   เก็บความได้ครบถ้วนกระชับดีภายในไม่กี่นาที
ต่อจากนั้นก็คือลุกจากเก้าอี้บนเวที  ไปยืนหน้าเวที   เพื่อรับการสวมฮู้ดจากอธิการบดี โดยมี Provost หรือรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ช่วยสวมให้   พร้อมรับใบปริญญาจากอธิการบดีมาเลยรวดเดียว

สำหรับคนที่ไม่ทราบว่าเครื่องแต่งกายบัณฑิตของอเมริกาเป็นยังไง ขออธิบายว่ามันมี ๓ ชิ้นด้วยกันค่ะ
คือ
๑)เสื้อครุย เรียกว่า gown ส่วนใหญ่เป็นสีดำ มหาวิทยาลัยบางแห่งก็มีสีอื่นเช่นแดงหรือน้ำเงินแก่   แต่ฟ้าชมพูเหลืองพวกนี้ยังไม่เคยเห็น
หน้าตาคล้ายๆ ครุยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๒) แถบที่สวมคล้องหัวลงมาคล้องที่คอทิ้งชายยาวไว้ข้างหลัง  เรียกว่า hood
๓) หมวก มีพู่ห้อยลงมา  เรียกว่า cap

เขาแต่งกันครบ ๓ ชิ้น   แต่ถ้าปริญญาเอกแล้วจะอาจารย์ที่ปรึกษาจะสวมฮู้ดให้บนเวที  เป็นส่วนหนึ่งของพิธีการ

เสื้อครุยปริญญาเอกของอเมริกา  ไม่เหมือนเสื้อครุยปริญญาโท    เสื้อปริญญาเอกแขนยาวพองกว้าง มีแถบกำมะหยี่สามแถบบนแขนเสื้อแต่ละข้าง  พวกโทไม่มี

ครุยของดิฉันคล้ายกับของผู้ชายคนที่สองทางซ้าย หมวกก็เหมือนกัน
เพียงแต่ครุยของดิฉันเป็นสีน้ำเงินแก่ ไม่ใช่ดำ  แถบกำมะหยี่ก็น้ำเงินแก่
ฮู้ดเป็นแพรสีดำ ขลิบกำมะหยี่ขาว  ด้านในมีแถบแพรซาตินสองสีคือสีม่วงเข้มและสีทอง  สีของมหาวิทยาลัย


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 11 ธ.ค. 05, 09:33
 Doctor of Humane Letters แล้วตัวย่อจะเป็น DHL เหรอคะ แฮ่ๆๆ สาขานี้ไม่เคยได้ยินชื่อเลยค่ะ
คำว่า humane พบตอนจะไปขอสุนัขมาเลี้ยง จาก Humane Society ค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 10:06
 ส่วนเสื้อครุยของปริญญาโท เป็นแบบนี้ค่ะ
แขนเสื้อบานกว้างแต่ว่าเย็บติดเข้าด้วยกัน  เหลือแต่ส่วนที่สอดมือลอดออกมาได้แค่ครือๆข้อมือ
ก็เลยดูคล้ายๆถุงกาแฟโบราณห้อยติดอยู่
อาจจะเปรียบเทียบไม่เข้าท่าไปหน่อยนะคะ แต่ยังนึกถึงของอย่างอื่นไม่ออก

การรับปริญญาของบัณฑิต  เริ่มด้วยพวกปริญญาเอกเดินขึ้นมารับใบปริญญาก่อน   มีผู้ประกาศชื่อและสาขาที่เรียนจบมา
แล้วปริญญาโทก็เรียงแถวขึ้นมาตามลำดับแต่ละสาขา

ที่น่าเอ็นดูมากคือมีคุณแม่คนหนึ่งอุ้มลูกน้อยอายุสัก ๒ ขวบขึ้นมาด้วย
เห็นหนูน้อยเธอเดินเปะปะวนเวียนอยู่ใกล้ๆแม่มาตั้งแต่แรก    คงไม่มีพ่อหรือญาติมาช่วยเลี้ยง   เธอก็เกาะอยู่กับแม่  ไม่ร้องไห้งอแง
เด็กเล็กๆชาวอเมริกันค่อนข้างมีวินัย  ดิฉันยังไม่เคยเห็นวิ่งเอะอะเอ็ดตะโรหรือลงนอนดิ้นพราดๆในที่ชุมชน

แม่อุ้มขึ้นเวทีมารับปริญญาบัตร เธอก็นิ่งมองทุกคนตาแป๋ว ไม่ตื่นคน   เหมือนตุ๊กตาตัวโตๆไม่มีผิด   หน้าตาก็เหมือนตุ๊กตา
นุ่งกระโปรงกำมะหยี่สีแดงแก่ สวยงามตามแฟชั่นวิกตอเรียน   (คงจะเตรียมรับคริสต์มาสด้วย)สวมถุงเท้ายาว ผมหยิกฟูยาวเต็มบ่า  
เสียดายไม่มีกล้อง  ไม่งั้นจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 10:11
 ต่อจากนั้นพวกปริญญาเอกก็เดินเรียงแถวขึ้นเวทีมาสวมฮู้ดจากอาจารย์ที่ปรึกษา และจับมือแสดงความยินดีกับคณาจารย์ที่ยืนเรียงแถวบนเวที
มีตากล้องคอยถ่ายภาพทุกระยะ

อธิการบดีกล่าวอวยชัยให้พรอีกทีหนึ่ง  จบพิธี  คณาจารย์ก็เดินเรียงแถวลงจากเวที ออกนอกห้องประชุม
กลับไป U.C.

ล่ำลา Board และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้นามบัตรคุณเกร๊กไปใบหนึ่ง
บอกว่าถ้าไปเมืองไทยเมื่อไรขอให้โทรมาหา จะมาต้อนรับ

แล้วก็กลับบ้านด้วยความโล่งอกที่งานใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
พรุ่งนี้จะออกไปเที่ยวเสียที   เป็นหวัดก็ช่างมันเถอะ

เอาเสื้อครุยมาให้ดูชัดๆอีกที   ชุดนี้เป็นของมหาวิทยาลัยอื่นค่ะ  เหมือนกันเว้นแต่ไม่มีวงกลมบนหน้าอก


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 10:25
 คุณ Dominio คะ ปริญญาของดิฉันไม่ได้เกี่ยวกับองค์การสงเคราะห์สุนัขแต่อย่างใดค่ะ
ดิฉันไม่ทราบว่ามีคนไทยคนไหนได้ Doctor of Humane Letters บ้าง  แต่ในมหาวิทยาลัยนี้ยังไม่เคยมีคนต่างชาติคนใดได้มาก่อนค่ะ

อ่านเกี่ยวกับ Doctor of Humane Letters ได้ที่นี่
 http://www.google.co.th/search?hl=th&q=Doctor+of+Humane+Letters&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2+Google&meta=

ตัวย่อของปริญญานี้ คือ LHD ตัวใหญ่ทั้งหมดค่ะ  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 11 ธ.ค. 05, 10:34
 เข้าใจค่ะ เพียงแต่บอกว่าคำนี้เคยได้ยินครั้งเดียว

บางมหาวิทยาลัยอาจใช้ Ph.D (Literature) มังค่ะ
และบางยู โดยเฉพาะทางอีสต์โคสท์ อาจฉีกไปทางละตินเนม ก็มี
ตอนนี้หิมะเริ่มละลายบ้างหรือยังค่ะ อาจจะทำให้เที่ยวสนุกขึ้นบ้าง


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 19:42
 มาเล่าต่อ ค่ะ

ฤดูหนาวที่นี่ มหาวิทยาลัยหยุดประมาณ ๑ เดือนหลังสัปดาห์สุดท้ายของเทอม  ปีนี้ คือ ๕-๙ ธันวาคม  ใครเรียนจบก็มารับปริญญา  แล้วก็แยกย้ายกันไป
บางคนก็กลับบ้านไปหาครอบครัวช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นวันรวมญาติพ่อแม่พี่น้อง  ฉลองกันในบ้าน  
เรื่อยไปจนฉลองปีใหม่   แล้วค่อยกลับมาเริ่มเรียนเทอมใหม่กันเมื่อ ๑๐ มกราคม

๑ เดือนที่ว่างไม่มีอะไรทำ  หนาวก็หนาว  นักเรียนไทยมักจะกลับบ้านกัน  เหลือกันอยู่ส่วนน้อย
เพราะฤดูหนาวนอกจากขึ้นไปค้างคืนเล่นสกีตามรีสอร์ทต่างๆ แล้ว ไม่เหมาะกับท่องเที่ยว  ขับรถขึ้นภูเขาก็อันตราย เพราะหิมะตกเป็นประจำ  ถนนอาจปิดกะทันหัน หรือถ้าไม่ปิดก็ลื่นน่ากลัวมาก
กลางวันสั้นและกลางคืนยาว   แปดโมงเช้าดูพอๆกับหกโมง   พอตกเย็นแค่สี่โมงครึ่งก็เริ่มมืดแล้ว   หนาวก็หนาว  อยู่ในบ้านถือว่าอุ่นที่สุด  ไม่มีใครไปเอ้อระเหยลอยชายอยู่นอกบ้าน  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 11 ธ.ค. 05, 23:27
 แสดงความยินดีอีกครั้งครับ
ฟังบรรยากาศงานแล้ว น่าจะสบายๆ ต่างจากของไทยมากเลยนะครับ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 01:46

เอารูปที่ถ่ายไว้ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากหิมะตกครั้งแรก มาให้ดูกัน
พอหิมะหยุด  ฟ้าวันต่อมามักจะใสแบบนี้ค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 01:47

จะลงภาพใหญ่   พบว่ายังไม่ได้ค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 01:48

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 01:50

บริเวณตึกเก่าของมหาวิทยาลัย


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 02:04

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 11:10
 ต่อไปนี้เป็นภาพส่วนหนึ่งจากงานรับปริญญา
ภาพแรกคือคณาจารย์ เดินถือธงคณะเข้ามาในงาน มีเพลงกระหึ่มขึ้นมาประกอบ
ตอนแรกนึกไม่ออกว่าเพลงอะไร ตอนนี้นึกออกแล้ว America the Beautiful


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 12 ธ.ค. 05, 11:15
 Superb shots and beautiful as always.  Very artistic, and a great album to inspire.
Such a serene feeling I get from this photo.

You have done a great job of capturing some prize moments,
and thank you for sharing the beauty.

(still no Thai fonts ka)


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 11:16

คณาจารย์เดินเป็นขบวนกันมา แล้วขึ้นไปบนเวทีเตี้ยๆ ตอนนี้ทุกคนยืนทำความเคารพเพลงชาติ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ธ.ค. 05, 11:22

.


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 13 ธ.ค. 05, 03:25
 ขอกราบแสดงความยินดีกับอาจารย์เทาชมพูด้วยค่ะ อากาศหนาวๆแบบนี้ เวลาออกนอกบ้านต้องพันคอให้อบอุ่นนะคะ ถ้าเริ่มเจ็บคอก็ดื่มชา Chamomile อุ่นๆทั้งวันเลยค่ะ ชา Chamomile นี่สารพัดประโยชน์มากๆ และหาซื้อง่ายด้วยค่ะ ในซุปเปอร์มาร์เก็ตไหนๆก็มี

รูปสวยจังเลยค่ะอาจารย์ ท้องฟ้าก็ฟ้าได้ใจจริงๆ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 05, 11:29
 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะคุณนนทิรา
ที่นี่อากาศแห้ง  ทำให้ระคายคอ   เวลานอนก็ต้องเปิดเครื่องทำความชื้น (Humidifier)  ไม่งั้นตื่นมาคอจะแห้งเจ็บ
ออกไปข้างนอกต้องสวมเสื้อคอปิดมิดชิด   หรือพันคออย่างที่ว่ามาละค่ะ  คอเป็นจุดอ่อนจริงๆด้วย
ส่วนดีคือไม่มีเหงื่อ    แม้แต่ในฤดูร้อนที่อุณหภูมิขึ้นถึง 80 F.
สวมเสื้อผ้าซ้ำๆกันได้

ขอเล่าถึงเรื่องที่คนไทยชอบทำกันตอนไปเมืองนอก
คือช็อปปิ้ง

ภาพนี้เอามาจากเน็ต  ทิวทัศน์นอกเมืองเป็นทุ่งหญ้าแบบนี้ละค่ะในฤดูหนาว


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 13 ธ.ค. 05, 11:59
 รูปสวยมากค่ะ ดูสงบ แต่อ้างว้าง

ดิฉันคุ้นเคยกับการอาศัยในเมืองที่มีประชากร 7 แสนคน อยู่หลายปี
พอไปเรียนที่เมืองมหาวิทยาลัยซึ่งมีประชากร 5 หมื่นคน (ครึ่งคือนักศึกษา)
ช่วงฤดูหนาวนักเรียนไทย และฝรั่งกลับบ้านกันหมด เมืองทั้งเมืองยังกะเมืองร้าง แคมปัสไม่มีคน

คริสต์มาสอีฟ ปีนั้นหดหู่เหลือเกิน ความเหงาเป็นศัตรูตัวฉกาจ เห็นหิมะตก แล้วขวัญผวาอีกหลายปี


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 05, 14:39
 ใครมาเดินที่ศูนย์การค้าในเมืองนี้อาจจะตกใจว่าทำไมมันว่างเปล่านัก  ผู้คนโหรงเหรง
ผิดกับซูเปอร์มาเก็ตที่ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของกันคึกคักกว่ามาก
ไม่ใช่ว่ามันเป็นเมืองเล็ก แล้วคนแห่ไปเมืองใหญ่
เคยไปเดินในเมืองใหญ่ ก็พอๆกันละค่ะ

ตอนนี้ร้านรวงกำลังตกแต่งรับคริสต์มาส    แต่เมื่อเทียบกับของไทยแล้ว   ห้างใหญ่ๆในกรุงเทพตกแต่งสวยกว่าเยอะ

ชาวบ้านแถวนี้ไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้ากันนัก  กี่สิบปีแฟชั่นก็ไม่เปลี่ยน   ของยืนพื้นคือกางเกงยีนส์  
100 คนที่เจอ นุ่งกางเกงยีนส์เสีย 99 คน ทั้งชายหญิง  อีกหนึ่งที่ยกเว้นคือคุณยายอายุไม่ต่ำกว่า 80 เธอถึงจะนุ่งกางเกงแบบสแลค

เสื้อประจำของเขาก็คือเสื้อยืดในหน้าร้อนและเสื้อไหมพรมถักในหน้าหนาว  มีเสื้อสกีแจ็กเก็ตผ้าร่ม ซับในหนา ทับอีกที ถ้าอากาศหนาวจัด
แฟชั่นสวยๆอย่างบ้านเราไม่ค่อยมี
ผู้หญิงในเมืองนี้ไม่แต่งหน้าและไม่ทำผม  ซอยก็ซอยเฉยๆ  หรือปล่อยยาว  มัดไว้ง่ายๆ

แต่คนอเมริกันชอบแต่งบ้าน  ร้านขายของแต่งบ้านเปิดกันหนาตา  เช่นเดียวกับร้านหนังสือ
ของแต่งบ้านรับคริสต์มาสวางขายกันเต็มไปหมด  เช่นเดียวกับของขวัญ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 00:41
 เมื่อวานไปเดินเล่นในศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ในเมือง Boulder ชื่อ Fortiron (อ่านว่าฟอร์ตไออ้อน หรือจะกระดกลิ้นให้คล้ายฝรั่งกว่านี้ ก็เป็นฟอร์ตไอเอิ้น)



ศูนย์การค้าที่นี่มักจะอยู่นอกเมือง   ไกลออกไปจากตัวเมืองหลายไมล์พอสมควร  ไม่มาตั้งสง่าอยู่กลางเมืองอย่างสยามพารากอน

เขาจะสร้างในเนื้อที่กว้างขวางมาก  มีอาคารเตี้ยๆและยาวแบบเดียวกับเทสโกโลตัส  หลายอาคาร   พร้อมลานจอดรถขนาดมหึมา



เนื้อที่ข้างในยาว เป็นสองชั้น  แบ่งเป็นร้านรวงเป็นห้องๆไป เหมือนในศูนย์การค้าเซนทรัลปิ่นเกล้า

สินค้ามักจะเป็นแบรนด์เนมของใครของมัน    อย่างร้าน Victoria's Secret ที่ได้ข่าวว่ามาเปิดในเมืองไทยก็มี  

เป็นเสื้อผ้าและชั้นในของผู้หญิง   สีชมพูสว่างโร่บาดตาไปทั้งร้าน


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ธ.ค. 05, 00:44
 คอมป์ฟื้นแล้วหรือค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 00:49
 ร้านในอเมริกานี่เดินช็อปเท่าไร  คนไทยอย่างดิฉันก็ซื้ออะไรไม่ได้สักที
มีอุปสรรคหลายประการ อย่างแรกคือเสื้อผ้าหน้าหนาวนั้นเอาไปใช้ในเมืองไทยไม่ได้
อย่างที่สอง size ของเราต้องเข้าร้านที่เขามีเสื้อผ้าสำหรับคนโครงร่างเล็ก และเตี้ยแบบเอเชีย เรียกว่า petite  
ถ้าเป็นไซส์ทั่วไปของชาวอเมริกัน  ใหญ่เกินกว่าจะใส่
สามคือสไตล์ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา    เขาช้ากว่าเราประมาณปีหนึ่งหรือสองปีเห็นจะได้
อะไรที่สาวๆบ้านเราเลิกใส่ไปแล้วว่าเชย  ที่นี่กำลังฮิท


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 00:58
 กำลังวัดดวงกับคอมพ์ดูค่ะคุณ Nuchan  อยู่ดึกตามเคยนะคะ
กำจัดออกไป ๑ โปรแกรมที่เดาว่าทำให้เครื่องรวน  ถ้าไม่ใช่ก็แปลว่าเจอไวรัสเข้าจริงๆ

อาคารที่เดิน มันกว้างและยาวมาก   เดินไปเดินมารู้สึกว่าเราคงเดินมาเกือบสองไมล์แล้วมั้ง ก็เลยลงนั่ง ดูคนเดินไปมาว่าเขาแต่งตัวกันยังไง

Boulder เป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองที่ดิฉันอยู่  และเป็นเมืองเศรษฐี   มีธุรกิจกลางเมืองที่ดูคึกคัก
ผู้คนที่นี่จึงดูแต่งตัวทันสมัยกว่า     สาวๆที่หุ่นเพรียวสูงและแต่งตัวเท่แบบสาวออฟฟิศ เดินผ่านไปมากันหลายคน
แต่ถ้าเทียบหุ่นและการแต่งตัวดี   สาวกรุงเทพกินขาด

คนอเมริกันส่วนใหญ่ที่ดิฉันเห็นที่นี่  ล้วนน้ำหนักเกินมาตรฐาน   ไมใช่เกินแค่ ๕ - ๖ กิโลอย่างบ้านเรา  แต่เกินสัก ๕๐ กิโลได้
อ้าว ไม่ได้พูดเล่นนะคะ   คนอเมริกันมีโครงร่างสูงก็จริง แต่ส่วนกว้างก็ขยายใหญ่เสียจนน่าตกใจเหมือนกัน
ดิฉันกะๆด้วยสายตาว่าคนที่หนักเกิน ๑๐๐ กิโล มีกว่า ๕๐% ของคนเดินผ่านไปมาทั้งหมด  เรียกว่าเป็นประชากรส่วนใหญ่
อย่างในเมืองที่ดิฉันอยู่   ซึ่งเป็นหัวเมืองชนบท  ประชากรที่นั่นน้ำหนักเกินเสีย ๘๐-๙๐ %


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 02:23
ทำไมคนแถวนี้ตัวใหญ่กันนัก คำตอบคืออาหารการกินของเขานั่นเองเป็นสาเหตุ

อาหารฝรั่งที่รัฐอื่นเป็นไงไม่ทราบ   แต่อาหารการกินที่นี่ถ้าออกไปกินตามร้าน จะเจอแต่ฟาสต์ฟู้ดเป็นหลัก
อาจจะอุปาทานของดิฉัน    แต่คิดว่ารสชาติของแม็คโดนัลด์และเคเอฟซีที่นี่  มันและเค็มกว่าในเมืองไทย
โค้กที่นี่ก็น่าจะเรียกว่ากินเป็นถัง มากกว่ากินเป็นถ้วย

รสมันและรสเค็ม เป็นรสหลักของของคาว  ส่วนของหวานนั้นก็หวานจัดๆ  ไอศกรีมที่นี่หวานกว่าเมืองไทย

ผิดกับอาหารไทยซึ่งมีหลายรสในจานเดียว   ข้อสำคัญอาหารไทยของเรามีหลายอย่างที่ไม่มัน
อย่างพวกต้มทั้งหลาย ต้มโคล้ง ต้มยำ ต้มส้ม  และยังมีสมุนไพรประกอบด้วย
มาถึงใหม่ๆ ก็กินต้มโคล้งปลากรอบ ติดกันหลายมื้อ  หอบปลากรอบมาด้วยค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 17:52
 อาหารที่เห็นเขากินกันตามร้านนอกบ้าน คือฟาสต์ฟู้ดซึ่งท่วมท้นล้นไปด้วยแป้งและเนื้อสัตว์หนักๆอย่างเนื้อวัว
ส่วนเนื้อหมูไม่เป็นที่นิยม
ไก่ถ้าไม่ชุบแป้งทอดหนาเตอะ ก็อบด้วยเนย  กินด้วยเลี่ยนมาก
กินกับโค้กถ้วยใหญ่
ของหวานก็ไอศรีมที่อุดมไปด้วยครีม
ผักมีนิดเดียว  แล้วยังราดน้ำสลัดข้นๆแคลอรี่สูงอีกด้วย

สิ่งที่น่ายินดีคืออาหารไทยจัดเป็นอาหารชั้นดีของคนอเมริกันที่นี่ไปแล้วในตอนนี้
แซงหน้าอาหารจีนก็ว่าได้

ในเมืองเล็กๆที่ดิฉันอยู่ก็มีร้านอาหารไทยมาเปิด ๒ ร้าน   เมืองใกล้เคียงก็มีอีกเมืองละสองสามร้าน  
แทบจะเรียกได้ว่าอาหารไทยแพร่ขยายไปทั่วไม่ว่าเมืองเล็กเมืองน้อยแค่ไหน

แต่รสชาติอาหารไทยในอเมริกาต้องปรุงให้ถูกปากฝรั่ง  มันเลยไม่เหมือนอาหารไทยในเมืองไทย
เคยไปกินที่ร้านหนึ่ง  ก๋วยเตี๋ยวราดหน้ารสหวานทีเดียว
อาหารไทยที่นี่ใส่รสหวานนำหน้ารสอื่น   รองลงมาคือมันและจืด  เปรี้ยวแทบไม่มีเลย


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 05, 17:57
 ช่วงนี้ผู้คนกำลังต้องรับคริสต์มาสกัน เป็นเทศกาลใหญ่ประจำปี
ร้านรวงต่างๆขายกันแต่ของคริสต์มาส  อย่างพวกของขวัญ เต็มไปหมดทุกประเภท

คริสต์มาสที่นี่ไม่ครึกครื้นเหมือนการฉลองคริสต์มาสในบ้านเรา
ที่ออกไปเฮฮาเที่ยวเธคเที่ยวผับ หรือกินตามร้านอาหารนอกบ้าน

วันคริสต์มาสของเขาเป็นวันที่เมืองเงียบเหงาเหมือนเมืองร้าง  ผู้คนเข้าบ้านฉลองกันในครอบครัวและเครือญาติ
นักเรียนไทยที่เหลือตกค้างอยู่ในเมือง ไม่กลับบ้าน ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ  ไม่รู้จะไปไหน
ถ้าไม่มีเพื่อนให้จับกลุ่มกันละก็   จะเป็นวันที่เหงาที่สุดวันหนึ่งในรอบปี   ขับรถออกไปตามถนนก็ว่างเปล่าผู้คนแทบไม่มีให้เห็น


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ธ.ค. 05, 17:59
 ตื่นเช้าจังเลยค่ะ หรือว่ายังไม่เข้านอนคะ เกือบตี 4 แล้วมั้ง


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ธ.ค. 05, 12:30
 ดิฉันนอนไม่ค่อยเป็นเวลาค่ะ

มาเล่าต่ออีกเรื่องหนึ่ง  คือเรื่องมาขุดทองที่อเมริกา

อเมริกาเป็นดินแดนในความฝันของหนุ่มสาวจากหลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนากันน้อย
พวกเขาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า จากรายได้ที่ดีกว่า ในอเมริกา  
แม้ว่าเป็นงานแรงงานอย่างคนงาน ก็ยังได้ค่าตอบแทนดีกว่าอาชีพมีเกียรติในประเทศเขาเสียอีก
สามารถตั้งหลักปักฐาน มีบ้าน มีรถได้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน เมื่อทำไปนานๆก็มีเงินประกันสังคมเลี้ยงชีพในยามชราเสียอีก

ความใฝ่ฝันที่จะแสวงหาโชคลาภทำนองนี้ คนไทยเรียกว่ามาขุดทอง  ฝรั่งเรียกว่า American Dream   ทำให้อเมริกาเป็นประเทศที่ต้องกลั่นกรองการขอวีซ่า และตรวจคนเข้าเมืองกันอย่างเข้มงวดที่สุดในโลกก็ว่าได้
เพราะเขากลัวว่าจะเข้ามาแล้วไม่ยอมกลับ   ล่องหนหายตัวไปลักลอบทำงานในประเทศเขา   แย่งงานคนในประเทศ และอาจจะหลบเลี่ยงภาษีอีกด้วย  


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ธ.ค. 05, 12:37
 แต่เดี๋ยวนี้การลักลอบเข้ามาทำงานทำได้ยากแล้ว  ต่อให้ได้วีซ่าเข้าประเทศ และผ่านด่านตรวจมาได้ก็เถอะ
เพราะเขาไม่ออกเลข social security number ให้คนต่างชาติอีก

เลขนี้คือเลขผู้เสียภาษี     เมื่อก่อนใครขอก็ได้   แม้ว่าไม่มีภาษีจะต้องเสีย เพราะไม่ได้ทำงาน
คืออยากขอก็ไปขอมาไว้โก้ๆ  เอามาเก็บไว้เฉยๆ ส่วนคนทำงานทุกคนต้องมีเลขโซเชียลนี้แจ้งให้นายจ้างรู้เมื่อเข้าทำงาน
เดี๋ยวนี้ทางการเขาไม่ออกให้แล้ว นอกจากพลเมืองอเมริกัน

ถ้านักเรียนไทยคนไหนอยากจะไปลักลอบทำงาน หารายได้พิเศษ  ก็จะอด  เพราะไม่มีเลขโซเชียลไปยืนยัน
จะมั่วตัวเลขก็ไม่ได้ เพราะระบบเขาเป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
ถ้าไม่มีเลข  แต่นายจ้างยังรับเข้าทำงาน ด้วยความเมตตาหรืออยากได้แรงงานราคาต่ำ   ก็คือผิดกฎหมายทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
โดนจับได้เมื่อไรนายจ้างโดนปรับแทบจะล้มละลายเลยทีเดียวละค่ะ


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 06:02
 วันนี้เป็นวันอาทิตย์    ไม่ได้ออกไปไหน  ตั้งแต่เช้าหิมะปลิวลงมาอีกแล้วไม่ขาดสาย แต่ยังดีว่าเป็นละอองเบาๆ และไม่มีลม   ถ้ามีลมละก็หนาวเยือกเข้ากระดูก
ลองเปิดประตูออกไปรับอากาศหนาวว่าแค่ไหน    เย็นยะเยือกเหมือนอยู่ในช่องฟรีซไม่มีผิด    ต้องรีบปิดประตู

คนอเมริกันในเมืองนี้  ถ้าอยู่ในบ้านเขาก็เปิดทีวีดูกัน   ช่องที่เขาดูกันมากคือพยากรณ์อากาศ   เพราะมันจำเป็น
จะเดินทางไปเมืองไหนก็ต้องดูว่าถนนหนทางปิดเพราะหิมะตกหนักหรือเปล่า   จะขึ้นเครื่องบิน  จะไปเล่นสกี  ขึ้นภูเขาท่องเที่ยว   ต้องรู้เรื่องอากาศเป็นอันดับแรก
นักเรียนไทยกลุ่มหนึ่งในเมืองนี้หนีหนาวไปเที่ยวฟลอริดากันแล้ว     เห็นว่าจะไปดิสนีย์เวิร์ลด์กัน     คงไปเจอฝนที่โน่น  ฝนเข้าฟลอริดาทั้งเหนือและใต้  
นี่ก็ดูจากพยากรณ์อากาศค่ะ

ทีวีที่นี่มีหลายสิบช่องแบบยูบีซีของเรา    มีอยู่หลายช่องที่เอาหนังเก่าๆมาฉาย  
เลยได้ดูหนังเก่าแก่ ขาวดำก็มี   เป็นหนังสีแต่ในชีวิตจริงพระเอกนางเอกแก่ตายไปแล้ว
หรือปลดเกษียณไปนานแล้วก็มี

Pride and Prejudice เวอร์ชั่นขาวดำที่เกรีย การ์สันเล่นก็มีฉายให้ดูค่ะเมื่อคืนนี้
เป็นยุคที่พระเอกหล่อนางเอกสวยบาดใจ  แต่งตัวยุครีเจนซี่ได้สวยมาก

มีช่องหนึ่งเขาเอาหนังในอดีตของดาราดังมาฉายติดต่อกันหลายเรื่อง เป็นชุด
อย่างชุดของเอลวิส เพรสลีย์ก็มีตั้งแต่บลู ฮาวาย  จีไอบลูส์  ฯลฯ  สมัยที่เอลวิสโด่งดังเป็นพลุ
เรียกว่าดูกันเพลินไม่ได้นอนกันค่อนคืน

เมื่อเช้านี้มีหนังของเม็ก ไรอันมาให้ดูค่ะ  เรียงต่อกันหลายเรื่อง
แต่ดิฉันดูได้ ๒ เรื่องเท่านั้นก็พอแล้ว  เพราะเคยดูมาหลายครั้ง

ตอนที่กำลังพิมพ์นี่ เปิดดูทอมครูซ ไปพลางๆ

ที่เล่ามานี่เพื่อบอกว่าความบันเทิงของคนอเมริกันที่นี่ เขาปนกันทั้งหนังปัจจุบันและอดีต
ทำให้ดาราเก่าๆ ยังอยู่ในความทรงจำของคนดูเสมอ   ไม่ใช่ว่าพ้นยุคไปแล้วก็สาบสูญไม่มีใครรู้จัก


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 06:18
 ตอนนี้ รายการเพลงทางทีวีกำลังมีเพลงคริสต์มาสต้อนรับเทศกาลกันเป็นการใหญ่
ร้องกันหลายแบบ  ฟังกันเพลิดเพลินไปเลยค่ะ
บางช่องก็ร้องด้วยสไตล์คนดำ  นักร้องผิวสีร้องเสียงแหบๆหน่อย แต่ว่ามีเสน่ห์ในน้ำเสียงและลีลา

ส่วนที่ย้อนยุคเอาของเก่ามาให้ดูก็มี "แชมเปญมิิวสิค?" ของลอเรนซ์ เวลค์   ที่ดิฉันเรียกว่า "สุนทราภรณ์ของอเมริกา"
เมื่อวานเขาเอาเทปเก่าของลอเรนซ์ เวลค์มาออกอากาศ   ร้องเพลงคริสต์มาสกันตามแบบของบิง ครอสบี้
นักร้องหญิงก็เสียงใสเจื้อยแจ้วแบบยุค ๑๙๕๐   แต่งชุดราตรียาวสีขาวพลิ้ว สวยงามสะอาดสะอ้านเข้ากับฤดูหนาว

นักร้องดังๆของยุคนี้ก็มีค่ะ    ฟังกันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 07:50

เอารูปศูนย์การค้า Fortiron ที่เปิดใหม่มาให้ดูกันค่ะ
หน้าตามันก็คล้ายๆกันไม่ว่าที่ไหน
คือเป็นอาคาร ขยายไปตามแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้งอย่างในกรุงเทพ
มีเนื้อที่จอดรถกว้างขวางอยู่ข้างหน้า   บางแห่งก็มีที่จอดรถหลายล็อท


กระทู้: หิมะแรก
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 05, 07:53

ภายในศูนย์การค้า มีสองชั้น