เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ พื้นฐานพระเจ้าตากต้องเป็นคนเติบโตในอยุธยา มีความเป็นไทยไม่น้อยกว่าเป็นจีน ทั้งเรื่องวรรณคดีและการบวชพระไม่ใช่เรื่องที่ลูกจีนแท้ๆจะทำแน่ๆครับ
แต่มีบางประเด็นที่ผมขอเพิ่มเติมนะครับ
ตอนเกิดศึกกับพม่า ท่านมาประจำอยู่ในเมืองหลวง ได้ติดตามแม่ทัพออกไปรบกับพม่าหลายครั้ง ไม่กี่วันก่อนกรุงแตก ท่านพาสมัครพรรคพวกจำนวนหนึ่ง ตีฝ่าพม่าหนีออกไปได้สำเร็จ
ผมคิดว่าพระยาตากน่าจะใช้เวลาอยู่นอกกำแพงพระนครเป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ ช่วงที่เริ่มถูกปิดล้อมรับหน้าที่ลาดตระเวณในแม่น้ำเจ้าพระยาทางใต้ของบางกะจะลงไป จนพระยาเพชรบุรีที่ออกรบด้วยการเสียชีวิตในการศึก หลังจากนั้นพระยาตากมาลาดตระเวณป้องกันพม่าในลำน้ำแถบคูขื่อหน้าทางตะวันออกของเกาะเมือง เชื่อว่าเวลานั้นพม่าคุมลำน้ำเจ้าพระยาใต้กรุงศรีอยุธยาลงไปได้แล้ว ปิดล้อมไม่ให้อยุธยาติดต่อกับต่างชาติได้
หลังน้ำลด พม่ายิ่งกระชับวงล้อมเข้ามา เชื่อว่าแม่ทัพที่รับศึกพม่าอยู่นอกกำแพงพระนครหลายคนเริ่มคิดว่างานนี้เอาไม่อยู่แน่ กลางดึกวันที่ 3 มกราคม ก่อนเสียกรุงสี่เดือนเศษ พระยาตากพาไพร่พล 1,000 ตีฝ่าวงล้อมพม่ามุ่งไปทางตะวันออก ซึ่งสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะอยู่ตรงข้ามกับทิศทางที่กองทัพพม่ายกมา และทัพของพระยาตากเองก็ลาดตระเวณอยู่ทางด้านตะวันออกอยู่แล้ว
น่าสังเกตว่าถึงเดือนเมษา พม่าส่งคนข้ามแม่น้ำมาขุดอุโมงค์ใต้กำแพงที่หัวรอ สุมไฟใต้กำแพงเผาจนกำแพงทรุด เปิดช่องให้พม่ายกเข้าเมืองอยุธยาได้ ตำแหน่งหัวรออยู่ตรงตอนเหนือของคูขื่อหน้าพื้นที่รับผิดชอบของพระยาตากนี่แหละครับ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าในเวลานั้น เป็นไปได้สูงว่าทัพที่ลาดตระเวณในลำน้ำนอกกำแพงพระนครถ้ายังเหลืออยู่ก็ต้องมีน้อยจนไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง พม่าถึงได้ยกข้ามมาทำการได้สำเร็จครับ
ท่านตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ ทั้งๆเป็นก๊กเล็กสุด และมีภูมิหลังที่ด้อยกว่าก๊กใหญ่ๆอีกหลายก๊ก เช่นก๊กพระยาพิษณุโลกนั่นก็ขุนนางใหญ่ในเมืองใหญ่ เจ้าพระฝางก็เป็นพระสงฆ์ที่มีผู้คนนับถือกันมากมาย ก๊กกรมหมื่นเทพพิพิธก็พระราชโอรสกษัตริย์
แต่ทุกก๊กแพ้ฝีมือรบของท่านราบคาบ ทั้งๆแต่ละก๊กก็น่าจะมีแม่ทัพนายกองชั้นผู้ใหญ่กว่าท่านเป็นกำลังรบ ส่วนท่านมีแต่ขุนนางระดับกลางๆและข่าราชการหนุ่มๆที่ยังไม่เคยกรำศึก
ก๊กพระเจ้าตากเมื่อแรกตั้งเป็นก๊กเล็ก แต่เชื่อว่าประสบการณ์กรำศึกโชกโชน ก๊กพระยาพิษณุโลกเป็นขุนนางใหญ่ น่าจะมีคนมียุทโธปกรณ์ครบครันกว่าแน่ แต่เรื่องประสบการณ์นั้น ไม่แน่นักว่าจะมีมากสักเท่าไหร่ เพราะระหว่างที่พม่ายกมาล้อมอยุธยา พิษณุโลกเป็นเมืองที่พม่าไม่ยุ่งด้วย ไม่ใช่เป้าหมายหลัก เชื่อว่าที่ก๊กพระเจ้าตากยกไปปราบเป็นก๊กแรกนั้นก็เพราะเหตุผลนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุปืนถูกพระชงฆ์ จึงต้องถอยทัพ เรื่องปืนถูกพระชงฆ์นี้ไม่แน่ว่าจะเป็นสาเหตุที่แท้จริง ถ้าตัดเรื่องนี้ไป สรุปง่ายๆคือพระเจ้าตากตีพิษณุโลกไม่สำเร็จ ต้องหันไปปราบก๊กอื่นๆก่อน
ก๊กพระยาพิษณุโลกชนะศึกนี้ พระยาพิษณุโลกตั้งตัวเป็นกษัตริย์ แต่พงศาวดารว่าเป็นได้ 7 วัน ประชวรถึงแก่พิราลัยเพราะบุญญาธิการไม่ถึง เจ้าพระฝางเห็นเป็นโอกาสจึงยกมาตีได้เมืองพิษณุโลก ตัดรายละเอียดอื่นๆออกไปให้หมด สรุปง่ายๆว่าวันนั้นก๊กเจ้าพระฝางแข็งแกร่งกว่าก๊กพระยาพิษณุโลก ส่วนก๊กพระยาพิษณุโลกนั้นก็ยังเหนือกว่าก๊กพระเจ้าตาก แต่สงครามในสมัยนั้น ยิ่งรบก็ยิ่งได้คนได้อาวุธมากขึ้น พระเจ้าตากหันไปปราบชุมนุมอื่นๆ (ก๊กพิมาย ก๊กนครศรีธรรมราช แถมทั้งเขมร และพุทไธมาศ) หลังจากนั้นกลับขึ้นไปปราบก๊กเจ้าพระฝางด้วยกองกำลังที่ใหญ่กว่าครั้งยกไปรบพระยาพิษณุโลกหลายเท่า คราวนี้เจ้าพระฝางพ่ายแพ้ขาดลอย
การสะสมกำลังโดยการรบของพระเจ้าตากไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในภูมิภาคนี้ ราชวงศ์โกนบ่องของพม่าก็มาแบบเดียวกันนี้เหมือนกัน เริ่มต้นจากเจ้าเมืองเล็กในอาณาจักรพม่าที่ถูกทัพมอญจากหงสาวดียกมาตีอังวะแตกจนอาณาจักรพม่าสลายตัวเกิดศูญญากาศทางอำนาจ พระเจ้าอลองพญาไล่ตีไปทั่วจนในที่สุดก็ยกมาถึงอยุธยา สยามในยุคของพระเจ้าตากก็เช่นเดียวกัน ช่วงหลังของรัชกาลพระเจ้าตาก สยามได้ลาวเป็นเมืองขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนะครับ