เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 255 เมื่อ 13 ม.ค. 13, 20:12
|
|
ในเมื่ออังกฤษยึดพม่าทั้งเหนือและใต้ได้หมดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขั้นต่อไปที่ลอร์ดดริฟฟินอุปราชอังกฤษทำก็คือลบล้างความเป็นอาณาจักรอิสระของพม่าออกจากแผนที่ไปเลย พม่าถูกผนวกเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของอินเดียซึ่งอังกฤษตั้งชื่อให้ใหม่ว่า British India แปลว่าพม่าเป็นเมืองขึ้นของอินเดีย ที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีกทอดหนึ่ง
แต่พม่าก็ไม่ใช่หมูสันในที่อังกฤษจะทุบๆเอาลงทอดมาเคี้ยวเล่นได้ง่ายนัก พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตอาจถูกปลดแบบสายฟ้าแลบได้ง่ายดายก็จริง แต่ส่วนอื่นๆของอาณาจักรพม่ายังมีกระดูกหมูชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างให้ติดคออีกหลายชิ้น ทันทีที่รู้ว่าอังกฤษยึดมัณฑเลย์ แนวร่วมต่อต้านพม่าก็ลุกฮือขึ้นจากหลายพื้นที่ในประเทศ ไม่ว่าพม่าเหนือ พม่าล่าง แคว้นฉาน กะฉิ่น ฯลฯ กลายเป็นสงครามกองโจรพม่ารบฝรั่ง ที่ยืดเยื้อไปจนอีก 11 ปีต่อจากนั้น
กลุ่มแรกที่โดดออกมาคือกองกำลังจากแคว้นฉานของเจ้าฟ้า Myinzaing (ขอยอมแพ้เลิกถอดเสียงพม่าเป็นภาษาไทย ยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้คุณเพ็ญชมพูและคุณ siamese ทั้งหมด) นำโดยนายทหารชื่อ Bo Manga และมือรองอีกสองคนซึ่งไม่ขอออกชื่อให้ยากไปกว่านี้ นายทัพโบเลือกเอาวันดี ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 1885 แค่หนึ่งเดือนเศษหลังจากมัณฑเลย์ศิโรราบอังกฤษ ยกพลบุกเข้าเมืองหลวงชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 256 เมื่อ 13 ม.ค. 13, 20:41
|
|
เจ้าฟ้า Myinzaing เป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง ที่รอดจากถูกประหารหมู่ด้วยฝีมือพระนางอเลนันดอ (และพระนางศุภยาลัต) ไปได้เพราะว่าตอนนั้นยังเยาว์มาก อายุไม่กี่ขวบ ตอนที่พม่าแพ้อังกฤษ เจ้าฟ้าเพิ่งอายุได้ 16 ก็ตัดสินใจจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับศัตรูที่มาล้มล้างพระราชวงศ์ กลายเป็นหัวหน้าขบวนการกู้ชาติคนแรกของพม่า
กองกำลังที่บุกมัณฑะเลย์ทำการไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับถูกกองทหารซีป่ายของอังกฤษที่มีอาวุธเหนือกว่าต้านทานและรุกกลับจนต้องถอยไปตั้งหลักที่จ๊อกเซ แต่อย่างน้อย ชาวบ้านทั่วประเทศที่ไม่พอใจอังกฤษต่างก็เริ่มได้กำลังใจว่ามีผู้นำมานำประชาชนแล้ว นอกจากนี้ เจ้าชายยังได้แรงสนับสนุนจากกำลังทางศาสนา คือพระสงฆ์ที่มีกำลังปึกแผ่นแน่นหนาทั่วประเทศ
ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นหนังหรือละคร เจ้าชายก็คงเป็นพระเอกประสบชัยชนะในตอนจบ แต่ในชีวิตจริงซึ่งไม่เคยแฮปปี้เอนดิ้งขนาดนั้น กองกำลังของเจ้าฟ้า Myinzaing ถูกฝรั่งที่มีทั้งกำลังและอาวุธเหนือกว่ารุกไล่จนต้องถอยกลับไปหลบแถวเทือกเขาฉาน ณ ที่นั้นเอง เจ้าชายก็เกิดป่วยเป็นไข้ป่า แล้วสิ้นพระชนม์ลงอย่างปัจจุบันทันด่วน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ม.ค. 13, 16:01 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 257 เมื่อ 13 ม.ค. 13, 21:44
|
|
กลุ่มแรกที่โดดออกมาคือกองกำลังจากแคว้นฉานของเจ้าฟ้า Myinzaing (ขอยอมแพ้เลิกถอดเสียงพม่าเป็นภาษาไทย ยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้คุณเพ็ญชมพูและคุณ siamese ทั้งหมด) นำโดยนายทหารชื่อ Bo Manga และมือรองอีกสองคนซึ่งไม่ขอออกชื่อให้ยากไปกว่านี้
Myinzaing คือ เจ้าชายมยินซายง์ ขณะนั้นทรงมีพระชันษา ๑๖ ปี เป็นพระราชโอรสในพระเจ้ามินดงที่ประสูติจากพระนางเละต์ปันซิน Bo Manga คือ โบ มันคะ รองอีกสองคนคือ Myedu Myosa - มเยดู เมียวส่า และลูกชายชื่อ Maung Lat - หม่องลัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 258 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 05:21
|
|
เมื่อได้รับรายงานว่ามีการก่อการร้ายขึ้นในมัณฑเลย์ภายหลังชัยชนะอันง่ายดาย ลอร์ดดรัฟฟรินมิได้มองว่าเป็นการกระทำของโจรกระจอกตั้งแต่แรก ด้วยประสพการณ์ในอินเดียที่เคยเผชิญกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงได้รีบเดินทางมาวางนโยบายการบริหารการปกครองในพม่าอย่างด่วน กบฏพม่าดาค้อยต์ถูกปราบอย่างรุนแรง เพราะสมัยนั้นสิทธิมนุษยชนยังไม่มีใครจุดประเด็นขึ้นในระดับสากล
ทหารพม่าหัวเมืองที่ยังถืออาวุธอยู่ พวกนี้จะกลายเป็นกบฎเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของอังกฤษในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 259 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 05:24
|
|
ก่อนที่นายใหญ่จะมาถึง ทหารอังกฤษก็จับผู้ต้องสงสัยเป็นอันมากมาจองจำอยู่ในคุกพม่าเดิมที่พระราชวังมัณฑเลย์หลายร้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 260 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 05:27
|
|
ที่แน่ชัดว่าเป็นระดับหัวหน้าก็ประหารเสีย ในข้อหาซ่องโจรก่อการร้ายปล้นฆ่าบ่อนทำลายบ้านเมืองและความสุขของประชาชน โดยเอาไปยิงทิ้งที่ริมกำแพงเมืองให้ชาวบ้านชาวเมืองเห็นกันจะจะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 261 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 09:25
|
|
อังกฤษไม่ให้ราคาแก่พวกขบวนการกู้ชาติเหล่านี้เลย .ให้แต่ค่าหัว แถมเรียกพวกนี้ว่า ดาค้อยท์ (Dacoits) ซึ่งมาจากภาษาฮินดู มีความหมายอย่างเดียวกับ bandit หรือโจร เท่านั้นเอง ถ้าเปรียบเทียบแบบไทยๆ ก็คืออังกฤษเห็นพวกนี้เป็นเหมือนไอ้เสือที่ปล้นสะดมตามชนบทสมัยร้อยปีก่อน อังกฤษถือตัวเองเป็นทางการบ้านเมือง ต้องปราบปรามเสียให้สิ้นซาก
วิธีปราบนอกจากตั้งค่าหัวล่อใจชาวบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ตั้งค่าหัวเจ้าฟ้าราชวงศ์คองบองในฐานะโจรแล้ว ก็คือจับตัวมายิงเป้าต่อหน้าต่อตาประชาชนตาดำๆ เพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ชาวบ้าน จะได้หัวหดไม่กล้าร่วมมือกับดาค้อยท์ อย่างในรูปที่ท่านนวรัตนนำมาให้ดูกันข้างบนนี้
อังกฤษมองดาค้อยท์เป็นเชื้อโรค จึงกรอกยาแรงลงไป แต่ดาค้อยท์ก็ดื้อยา เห็นได้จากเจ้าฟ้ามยินซายง์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าสงครามกู้ชาติจะจบลงง่ายๆแค่นั้น นอกจากเจ้าชายองค์นี้แล้วก็ยังมีเจ้าชายในราชวงศ์คองบองอีก 2 องค์ที่เป็นพระนัดดาหรือหลานปู่ของพระเจ้ามินดง ชื่อเจ้าชายซอยานงายง์ และเจ้าชายซอว์ยานปายง์ โอรสเจ้าฟ้าเมกขะยา รวบรวมรี้พลต่อต้านพม่าอยู่เช่นกัน มีที่มั่นอยู่ที่ช่องกวาในเขตอังวะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 262 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 20:49
|
|
เนื่องจากปักหลักอยู่ที่ช่องกวานี่เอง เจ้าชายดาค้อยท์ทั้งสองจึงได้ชื่ออีกชื่อว่า "สองเจ้าชายช่องกวา" พระองค์มีแม่ทัพมือดีคู่พระทัยอยู่คนหนึ่งชื่อโบชเวยัน นายคนนี้เป็นผู้นำท้องถิ่นทำนองกำนันหรือประธานอบต. มาก่อนจะเข้าสวามิภักดิ์ ช่วยกันรวบรวมผู้คนมาได้จนเป็นกองกำลังย่อยๆ แม้ไม่มากถึงเข้าโจมตียึดเมืองหลวงได้ แต่ก็ก่อกวนอังกฤษอยู่ได้ไม่น้อยในชนบท
กลางปี 1886 อังกฤษใช้กำลังที่เหนือกว่าเข้าปราบปรามกวาดล้างกองกำลังของเจ้าชายช่องกวา ตั้งค่าหัวให้ถึง 6000 รูปี ไม่ต่างอะไรกับเจ้าชายเป็นโจรร้าย โบชเวยันต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า ส่วนเจ้าชายทั้งสองหลบหนีเข้ามัณฑเลย์ โดยอาศัยความร่วมมือของพระสงฆ์ในเมืองหลวงให้หลบซ่อนอยู่ในวัด พรรคพวกของเจ้าชายวางแผนสถาปนาเจ้าชายซอว์ยานนายง์ขึ้นเป็นกษัตริย์ไร้บัลลังก์ต่อจากพระเจ้าสีป่อ เพื่อจะรวบรวมกำลังประชาชน แต่โชคไม่เข้าข้าง แผนแตกเสียก่อน อังกฤษจู่โจมเข้าจับตัวระดับบิ๊กๆได้หมด เนรเทศเจ้าชายซอว์ยานนายง์ไปกักบริเวณที่ย่างกุ้ง ส่วนเจ้าชายอีกองค์หนีไปได้ ก็ไปปักหลักอยู่ทางเหนือ สร้างกองกำลังไว้สู้กับพม่าต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 263 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 21:12
|
|
ราชวงศ์คองบองนี้ จะว่าไปก็มีเจ้านายใจเด็ดอยู่หลายองค์ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน อย่างน้อยเจ้าชายทั้งสามองค์ที่ว่ามา เห็นชัดว่ากล้าหาญพอจะลุกขึ้นหาทางกู้บัลลังก์และเอาเอกราชของพม่าคืนมา แม้ว่าตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบทุกด้าน ไม่ต่างจากเอาหนูตัวเล็กๆไปสู้สิงโตก็ตาม ต้องถือว่าเป็นคราววาสนาชะตาอับของราชวงศ์คองบองโดยแท้ ที่บัลลังก์เกิดไปตกอยู่ในมือผู้หญิงอย่างพระนางศุภยาลัตและผู้ชายอ่อนแออย่างพระเจ้าสีป่อ
เจ้าชายดาค้อยท์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ 3 องค์ แต่มีอีก เป็นเจ้าชายผู้เป็นหลานลุงของพระเจ้ามินดง คือพระบิดาเป็นพระอนุชาชื่อเจ้าฟ้ากะหน่อง พระโอรสชื่อเจ้าชายเตกตินหมัด(Htiektin Hmat) และเจ้าชายเตกตินเธน (Htirktin Thien) ตอนที่มัณฑเลย์ถูกยึด ทั้งสององค์ก็เป็นเจ้านายที่ยังติดอยู่ในเมือง แต่ไม่ได้โดนเนรเทศตามพระเจ้าสีป่อ เมื่ออังกฤษมาเป็นเจ้าเข้าครองเมือง ลงมือบังคับขับไสนานาประการอย่างที่บรรยายไว้ในกระทู้นี้ เจ้านายเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายต่างก็ตัดสินใจหลบหนีลี้ภัยออกนอกเมือง รวมทั้งเจ้าชายทั้งสองด้วย ทรงหนีไปอยู่ที่เมืองชเวโบซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของพม่า ซึ่งเป็นเมืองต้นตระกูลของราชวงศ์คองบอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 264 เมื่อ 14 ม.ค. 13, 21:40
|
|
เมืองชเวโบมีเจ้าเมืองชื่อชเวโบเมียวหวุ่น นายคนนี้รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เมื่ออังกฤษเป็นใหญ่เหนือพม่าเขาก็สวามิภักดิ์ต่อพม่า จึงได้นั่งเก้าอี้เจ้าเมืองต่อเช่นเดิม แต่ชาวเมืองอาจจะไม่ชอบหน้านายคนนี้เท่าใด เจ้าชายเตกตินหมัดและเจ้าชายเตกตินเธนจึงสามารถยึดเมือง ไล่นายเมียวหวุ่นตกเก้าอี้ไปได้ไม่ยาก
เมื่ออังกฤษได้ข่าวว่าลูกน้องพม่าของตนถูกยึดอำนาจ ก็ไม่รอช้า ส่งทหาร 2 กองร้อยเข้าไปปราบเจ้าชายที่ตนเองยัดข้อหา "กบฎ" ให้ทันที ทหารอังกฤษพร้อมด้วยอาวุธปืนเหนือกว่าก็เข้ายึดเมืองกลับมา เจ้าชายทั้งสองต้องล่าถอยออกจากเมือง แต่ก็ไปปักหลักซุ่มอยู่นอกเมืองคอยโจมตีทหารอังกฤษ เพราะมีชาวบ้านที่สมัครใจเป็นฝ่ายเจ้านายของตนเข้ามาสมทบกันเรื่อยๆจนขยายใหญ่ไปถึง 2000 คน กลายเป็นกองทัพประชาชนขนาดใหญ่ขึ้นมา
อังกฤษเห็นพม่าชักจะรวบรวมกองทัพได้มากกว่าที่คิดก็ตกใจ ใช้วิธีทุ่มกำลังเข้าตีแตกให้ได้ ส่งทหารมาอีก 2 กองร้อย บวกทหารกรมปืนคาบศิลาอีก 50 คนเข้ามากะลุยกันอีกฝ่ายแตกยับ ทางฝ่ายเจ้าชายก็ได้ผู้นำท้องถิ่นคือกำนันโบธองและกำนันธันดอว์สินธ์ซอว์โบ เป็นแม่ทัพ คอยตีโต้กลับอังกฤษ แต่ในเมืองใช้กำลังเข้าสู้ไม่ได้เพราะอาวุธน้อยกว่าและล้าสมัยกว่ามาก ก็ใช้วิธีรบแบบกองโจรแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 265 เมื่อ 15 ม.ค. 13, 05:39
|
|
การรบที่ชเวโบ ศาลทหารอังกฤษภาคสนามกำลังสอบสวนเชลย ก่อนพิพากษาแบบเชือดไก่ให้ลิงดูต่อไป
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 266 เมื่อ 15 ม.ค. 13, 15:59
|
|
ภาพซ้ายคือตอนที่ทหารจากเวลส์เข้าตีเมืองชเวโบ ภาพขวามือบรรยายว่าเป็นบ้านคนจีนที่ทำรั้วป้องกันการปล้นของพวกดาค้อยท์
ฝรั่งก็เชื่อแบบฝรั่ง พม่าก็เชื่อแบบพม่า ผมเชื่อว่าอาเสี่ยเจ้าของบ้านคงไม่ไว้ใจฝ่ายไหนทั้งสิ้น
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 267 เมื่อ 15 ม.ค. 13, 16:17
|
|
ในศึกชเวโบเราก็คงทายล่วงหน้าได้ว่า มันเหมือนเอายักษ์มาไล่ทุบมนุษย์ตัวเล็กๆ ฝ่ายเจ้าชายซึ่งกำลังน้อยกว่า อาวุธก็ล้าสมัยกว่าเป็นฝ่ายแตกพ่าย เจ้าชายเตกตินเธนสิ้นพระชนม์ในศึกครั้งนี้ แต่เจ้าชายเตกตินหมัตหนีรอดไปได้ ไปหลบซ่อนอยู่ในป่า
เห็นจะต้องบันทึกเป็นเกียรติประวัติว่าเจ้าชายองค์นี้ทรหดเอาการ ถึงแม้ว่ามีกำลังคนแค่ 3500 คน เจ้าชายก็รบอย่างไม่คิดชีวิต มีวิธีไหนจะสู้กับอังกฤษได้ก็สู้ เผชิญหน้าตรงๆไม่ได้ก็ทรงรบแบบกองโจร ถ้ามีกำลังพอจะเข้าโจมตีเมืองได้ก็โจมตี อย่างเมืองตาเซ (Taze) แต่ก็ไม่สำเร็จ ต้องหนีเข้าป่าไปตั้งหลักอีกครั้ง
ชีวิตในป่าลำบากยากแค้นและเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ เกินกว่าคนที่เกิดมาเป็นเจ้าและอยู่ในเมืองมาตลอดจะทนทานได้ เจ้าชายก็เลยสิ้นพระชนม์ด้วยไข้ป่าแบบเดียวกับเจ้าฟ้ามยินซายง์ เป็นอันจบบทบาทกู้ชาติของเจ้าชายสายเลือดเจ้าฟ้ากะหน่องเพียงแค่นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 268 เมื่อ 15 ม.ค. 13, 16:50
|
|
เจ้าชายสามองค์ที่บรรยายมาในค.ห.ข้างบนนี้เป็นเจ้านายในราชวงศ์คองบองของแท้ พิสูจน์ได้ว่าเป็นราชตระกูลสายไหน แต่ก็มีดาค้อยท์ที่ประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้านายอีกหลายคนเหมือนกันที่ประวัติค่อนข้างคลุมเครือ ถ้ามองในแง่จริงคือบรรดากษัตริย์และเจ้าฟ้าในอดีตนั้นนอกจากมีพระมเหสี พระสนมที่เป็นเจ้าหญิง ก็ยังมีหม่อมๆสามัญชนอีกมากมาย มีลูกออกมาบางทีก็ปลายๆแถว ไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นองค์ไหน มองในแง่เท็จก็อาจเป็นได้ว่าเป็นการแอบอ้าง เพื่อสร้างศรัทธาให้ประชาชนพม่า ซึ่งยังไงก็ยังเลื่อมใสและจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อยู่ดี
จะจริงหรือจะเท็จ อังกฤษก็ไม่เอาทั้งสองอย่าง จึงฉวยโอกาสโหมโรงประโคมข่าวว่า พวกนี้ก็แค่ดาค้อยท์ธรรมดา เป็นเจ้าเก๊ สิบแปดมงกุฎ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ หนึ่งในนี้คือเจ้าชายชะเวโจบะยู (Shwegyobyu) เดิมเล่ากันว่าเป็นข้าราชการพม่า ทำงานด้านสาธารณสุขให้ทางการอังกฤษ แต่พอพม่าเสียเมืองก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า แข็งข้อกับนายเก่า ไปตั้งตนเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองกันเล (Kanle) ทางตอนใต้ของมณฑลชินด์วิน เจ้าชายชะเวโจบะยูองค์นี้ก็เก่งพอจะขยายอำนาจไปทั่วเขตปะจีในเวลาต่อมา รวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นกองทัพย่อยๆได้ กลายเป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ของอังกฤษ อังกฤษก็ทำอย่างที่เคยทำ คือใช้ลำหักลำโค่นส่งทหารเข้าปราบปรามหนัก จนเจ้าชะเวโจบะยูต้องถอยเข้าไปหลบอยู่ในเขตเทือกเขาฉิ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 269 เมื่อ 15 ม.ค. 13, 20:32
|
|
การรบที่ชินด์วิน การเข้าปะทะซึ่งๆหน้ากับทหารอังกฤษ พม่าดาค้อยท์ไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|