เมื่อสองปีที่แล้ว ผมได้รับเชิญไปร่วมงาน รำลึกถึงเหตุการณ์“การรบที่ปากน้ำเจ้าพระยา ร.ศ. ๑๑๒” ที่กองทัพเรือจัดขึ้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ก่อนงานจะเริ่ม ผมได้เดินไปดูที่หลุมปืนคนเดียว และโชคดี ได้เจอนายทหารเรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตัวจริงในการบูรณะปืนที่เป็นวัตถุโบราณไปแล้วให้กลับมาคืนสภาพจนยิงได้อีกครั้งหนึ่ง เขามีความรู้อัดที่แน่นและยินดีที่จะถ่ายทอดให้ฟัง เมื่อผมคุยกับเขารู้เรื่องจึงต่อความกันสนุก ผมถึงได้ทราบว่าปืนนี้ระบบมันสลับซับซ้อนมากมาย โดยเฉพาะการยกตัวขึ้นยิงที่ใช้ระบบไฮโดรลิก สมัยนั้นเป็นนวัตกรรมใหม่ น้ำมันไฮโดรลิกยังไม่ได้คิดค้นขึ้นแต่ใช้น้ำมันละหุ่งเป็นตัวขับดัน ตอนนั้นเราคิดว่าน้ำมันละหุ่งหีบได้ในเมืองไทย ก็ดี ไม่ต้องง้อของนอก ที่ไหนได้ น้ำมันละหุ่งถ้าไม่บริสุทธิ์จริง มีตะกอนแขวนลอยที่ตาแทบจะมองไม่เห็นนี๊ดเดียว ก็จะทำให้ตัวระบบอุดตัน ยกปืนไม่ขึ้นจนกว่าจะถอดออกล้าง ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
ผมฟังนายทหารท่านนี้อธิบายต่อไปว่าปืนแต่ละกระบอกใช้กำลังพล๑๐นาย เป็นทหารประจำปืน๗นาย ทำหน้าที่บรรจุนัดดินและหัวกระสุน และปรับแต่งปืนให้หันซ้ายขวา หรือกระดกขึ้นลงตามมุมยิง เสร็จแล้วจึงทำการยิง และยังมีทหารอีก๓นาย วิ่งลำเลียงกระสุนและนัดดินจากคลัง
ผมอยู่ในหลุมปืนมองเห็นแต่กำแพงจึงถามว่า แล้วจะเล็งปืนไปยังเป้าได้อย่างไร ไม่เห็นมีศูนย์เล็ง เขาบอกว่าต้องดูสัญญาณธงของนายทหารที่ยืนอยู่ข้างบน ที่จะโบกให้หมุนไปทางทิศไหน หรือให้ยกปากกระบอกขึ้นลงกี่องศา
ผมมองไปที่พวงมาลัยสำหรับหมุนให้ปืนหันไปตามทิศหรือกระดกในมุมที่ต้องการแล้ว คงหนักหนาเอาการที่จะติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่ได้ทัน จึงถามต่อไปว่า มันช้าอย่างนี้แล้วจะยิงโดนหรือครับ เขาก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า
วันนี้เข้าไปเยี่ยมพันทิป ได้คลิ๊ปของคุณ Skyforce โยงไว้ จึงนำมาฝากครับ