ยาวหน่อย... ไม่อยากค้างไปอาทิตย์หน้า
เกร็ดเด่น ๆ ของดาวค้างฟ้า Bette Davis
รายการโชว์ทางทีวีที่อเมริกาในยุค 80s เริ่มบัญญัติกฎห้ามทุกคนสูบบุหรี่ต่อหน้ากล้อง วันหนึ่ง Bette Davis ได้รับเชิญไปออกรายการ ระหว่างออกอากาศจู่ ๆ เธอก็เปิดกระเป๋าถือแล้วควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างสบาย ๆ พิธีกรและแขกคนอื่น ๆ ทำหน้าตาเลิ่กลั่กต่อภาพที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการบอกกล่าวกันแล้ว
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบกระซิบบอกเจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ใกล้เธอให้ดับบุหรี่เสีย แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นทำเฉย เธอมาบอกทีหลังว่า ไม่กล้า ไม่มีใครกล้าสั่ง Bette Davis
ในหนังสือประวัติของ Bette Davis เขียนโดย Ed Sikov นักเขียน (รับจ้าง) ประวัติชีวิตคนดัง เขียนว่าหมอฟันส่วนตัวของเธอเล่าว่า นิ้วเธอจะคีบมวนบุหรี่ตลอดเวลา ระหว่างคอยคิวเธอก็สูบ พอถึงคิว เธอขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ทำฟันแล้วก็ยังควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่สูบบุหรี่ คนจะไม่รู้ว่านี่คือ Bette Davis ปกติ BD สูบบุหรี่ 4 ซองต่อวัน
เมื่อ 1982 – เธอเล่าเรื่องประโยชน์ของระบบ Studio System ที่ทำให้เกิดยุคทองของฮอลลีวู้ด เท่าที่ได้อ่านเรื่องของดาราในยุคทอง พอเอ่ยถึง Studio System ทุกคนกล่าวถึงความดีของระบบนี้กันทั้งนั้น ที่จำแม่นคือ Robert Taylor ชมว่าถ้าไม่มีระบบนี้เธอไปไม่รอดเพราะความสามารถในการแสดงของเธอมีจำกัด ระบบฯ ช่วยให้เธอมีงานทำต่อเนื่องไม่ขาด แต่ขอเพียงอย่างเดียวคือ อย่ารั้นอย่าดื้อ (กรณีดื้อรั้นจนตัวพังที่ดังมากคือกรณีของพระเอกหนุ่มหล่อ Tab Hunter)
Bette Davis เคยสร้างประโยคที่ต่อมาเป็นประโยค signature ของเธอ คือ 'What a dump' Elizabeth Taylor เคยนำมาใช้ในหนังเรื่องหนึ่งซึ่งกระพือให้คนอื่น ๆ เริ่มกลับมาสนใจประโยคนี้ (สังเกตภาพบุหรี่ที่เธอคีบมีปรากฏในทุกที่)
Henry Graham Greene, an English writer and journalist regarded by many as one of the leading English novelists of the 20th century สรุป Bette Davis ไว้ว่า...
…Even the most inconsiderable film ... seemed temporarily better than they were because of that precise, nervy voice, the pale ash-blond hair, the popping, neurotic eyes, a kind of corrupt and phosphorescent prettiness ... I would rather watch Miss Davis than any number of competent pictures…
เรื่อง ดวงตา ของเธอเคยมีคนแต่งเพลงพาดพิงเอาไว้ ต่อมากลายเป็นเพลงอันดับ 1 นาน 9 สัปดาห์ที่ดังคับโลก Bette Davis eyes ร้องโดยสาวเสียงแหบ Kim Carnes ในยุคนั้นทุกรายการเพลงฝรั่งบ้านเราเปิดกันจนผมต้องออกไปหาซื้อแผ่นฯ มาฟัง ขี้เกียจฟังจากวิทยุ
(ชื่อ Harlow ที่เอ่ยในตอนต้นเพลงคือ Jean Harlow อีกหนึ่งดาราแม่เหล็กในยุคทองของฮอลลีวู้ด... กำลังรอคิวลงอยู่)
ข่าวเล่าว่า ตอนเพลงนี้ดังระเบิดเถิดเทิง BD ซึ่งตอนนั้นอายุ 73 ส่ง จม. ไปขอบคุณทั้งคนแต่งและคนร้องที่ช่วยทำให้ชื่อของเธอกลับมาเป็นที่รู้จักกันอีกครั้งในโลกยุคใหม่ เธอบอกว่ารู้เรื่องจากหลานชายซึ่งตื่นเต้นมากที่มีคนเขียนเพลงเกี่ยวกับย่า (หรือ ยาย ก็ไม่รู้)
ชื่อ Bette ของเธอเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อลูกของพ่อแม่ของดารา/นักแสดง/นักร้องชั้นนำอีกคนหนึ่งของโลกคือ Bette Midler โดยเขียนเหมือนกันแต่อ่านออกเสียงต่างกัน Bette (Davis) อ่านว่า เบ็ตตี้ แต่ Bette (Midler) อ่านว่า เบ็ต
สมัยยังสนุกสนานอยู่กับ ซี้คลาสสิก เธอเคยเล่าเรื่องหนึ่งของ Bette Davis ให้ฟัง เนื่องจากเธอมีความรู้เกี่ยวกับ (เรื่องเล้นลับของ) ดาราในยุคทองมาก ผมก็ฟังอย่างตั้งใจ
เธอเล่าว่า ตามข่าวหนาหูที่ว่า BD ไม่ถูกชะตากับ Joan Crawford (... รอคิวแป๊บ) นั้น คนวงในรู้กันว่า ความจริงแล้วเธอไม่ลงรอยกับดารา Miriam Hopkins (อีกหนึ่งดาราใหญ่ในยุคทองที่บ้านเรารวมถึงผม (ถ้าไม่มี ซี้คลาสสิก) ไม่รู้จัก ความสามารถในการแสดงของเธออยู่ระดับเข้าชิง Oscar) มาก่อน
ทั้ง 2 อยู่ร่วมยุคกันและมาจากเวทีละครทั้งคู่ MH ก้าวเข้ามาเล่นหนังฮอลลีวู้ดก่อนและดังกว่า พอ BD ก้าวตามเข้ามาและได้ตุ๊กตาทอง ความดังเลยกลบ MH สองสาวก็เริ่มไม่ถูกชะตากัน ต้นเหตุก็มาจากความขี้อิจฉา
MH เคยเล่นบทนำในเรื่อง Jezebel เป็นละครเวที แต่ฉบับละครไม่ประสบผลสำเร็จ พอมีคนนำมาทำเป็นหนังแล้วให้ BD เล่นแทน ทำให้เธอได้ Oscar เป็นตัวที่ 2 MH ก็เต้นผาง ๆ นอกจากนี้ก็มีเรื่องฝอย ๆ เช่นแย่งผู้ชายกัน ฯลฯ
เรื่องความไม่กินเส้นกันของ 2 ดาราใหญ่อยู่ในสายตาของฮอลลีวู้ด ซึ่งเห็นว่าควรจะเอามาผันเป็นเงินได้ก็เลยจับ 2 คนมาเล่นหนังด้วยกัน มีทั้งหมด 2 เรื่อง เรื่องที่ ซี้คลาสสิก ชอบมากคือ Old Acquaintance (1943 – ชีวิตของ 2 นักเขียนที่เป็นเพื่อนกันแต่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน) โดยเฉพาะฉากนี้
0.58…
BD: What did you tell Deirdre about Rudd and me?
MH: I told her that you were going to be married. Why?
BD: What did you tell her that for? Since I haven't even told him myself yet... I should have thought it was a little premature. But that certainly couldn't have upset her. It must have been something else. What was it?
MH: You set yourself up as a paragon of virtue to that girl and it was my duty, as her mother, to open her eyes.
BD: So that's what you told her. Millie, why did you do that? Why should you?
MH: Why shouldn't I? Haven't you done enough to me?
BD: What have I done to you?
MH: Don't you remember?
BD: Remember what?
MH: You, my so-called best friend and Preston, my husband. Surely you remember that?
BD: I do, distinctly.
MH: Then you don't pretend that you've forgotten taking him away from me? (อิงจากเรื่องจริงของทั้ง 2 สาว)
BD: Millie, where did you hear such nonsense?
MH: Never mind. You didn't think I'd ever find out, did you?
BD: There's nothing to find out, Millie.
MH: Don't try to squirm out of it. Why, there hasn't been a man yet you haven't carried on with if you've had half a chance.
BD: Millie, have you gone stark staring mad?
MH: No. You took my life and broke it. You were at the bottom of this whole thing and I hate you for it.
BD: Millie, if that weren't so stupid, it would be funny. You don't really believe these things, I know you don't.
MH: How could I have been so blind? You've coveted everything that I've ever had, always.
BD: All right, Millie. You've been asking for this for years. I'm going to have to tell you something that I hoped I'd never have to tell you. You don't care at all about having lost Preston. If it had been any other woman you never would have given it a second's thought. You only cared because it was me, because you're jealous of me. You've always been jealous of me. You've been jealous of my career, of the kind of life that I lead. You're even jealous of Deirdre's affection for me. That's why you told her about Rudd and me today. Millie, you've done some pretty bad things in your life but this is the worst yet. Even if you didn't care how much you hurt me you might at least have given a thought to what it would mean to Deirdre to have her faith in me shaken.
I'd better get out of here, Millie, before I do something I'll be very sorry for.
MH: Yes, go! Go! And if you think I want you to come back again, ever, you're wrong!
BD: You need have no worries on that score.
MH: And as you've taken everything else I've ever cared for in my life you might as well take Deirdre, too, since she's so fond of you.
BD: And don't think I couldn't have, many times.
MH: All right, go ahead and leave me alone, all of you. But you can't take my work away from me. That, at least, is inviolate (= undamaged แบบว่ามันไม่มีชีวิตจิตใจ จะแย่งชิงไปจากชั้นทำไม). Well, why don't you go?
BD: In just a minute…. Sorry.
วงในเล่าว่า BD ‘เอ็นจอย’ ฉากนี้อย่างมหันต์
ในชีวิตจริง MH ตายก่อน ในเวลาต่อมาเมื่อต้องพาดพิงถึงคู่กัด BD จะเอ่ยสั้น ๆ ว่า MH เป็นนักแสดงชั้นดี นอกเหนือจากนั้น ‘She’s a real bitch!’