เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ส้มหวาน ที่ 18 ก.พ. 01, 08:18



กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 18 ก.พ. 01, 08:18
เคยทราบมาว่า หมอบรัดเลย์ ที่เข้ามาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นชาวเยอรมัน จริงไหมคะ ชื่อจริง-นามสกุลจริงภาษาเยอรมันเขียนอย่างไรคะ คืออยู่เยอรมนีพอดีจีงอยากลองเปืดกรุเอกสารแถวๆนี้ดูค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 01 ก.พ. 01, 23:42
เอ- ผมว่าแกเป็นอเมริกันนะครับ ชื่อ Bradley ?
มีคนที่เป็นเยอรมัน หรืออย่างน้อยชื่อก็เป็นเยอรมัน ตัวจะเป็นออสเตรียนหรือไรไม่ทราบ คนหนึ่ง เข้ามาเป็นนายวงคุมวงแตรฝรั่งหลวง ดูเหมือนจะชื่อ ไฟล้ทช์.. อะไรนี่แหละ ท่านผู้ผมจำชื่อไม่ได้นี่ เป็นต้นตระกูลของคุณพระเจนดุริยางค์ ซึ่งเป็นผู้แต่งทำนองเพลงชาติไทยครับ นามสกุลของคุณพระดูเหมือนจะ ไวทยากร นี่ก็ว่ามาจากชื่อเดิมในภาษาเยอรมัน


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: โสกัน ที่ 02 ก.พ. 01, 01:51
คนที่เข้ามาคุมวงแตรฝรั่งหลวง ที่คุณนกข. พูดถึง
คงไม่ใช่ นายหันแตร (Hunter) หรอกนะครับ
...ผมแวะเข้ามาได้แป๊บนึงเท่านั้น
แล้วจะเข้ามาคุยเรื่อง
 หมอปลัดเลย์ (Bradley) ด้วยคนครับ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 02 ก.พ. 01, 03:39
อ้าว..อเมริกันหรือคะ เหมือนคุ้นๆว่าแกเป็นหมอสอนศาสนาชาวเยอรมัน และนำเทคโนโลยีการพิมพ์ของเขาเข้ามาด้วย..แต่ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ..ต้องรอผู่รู่ซะแล้วสิคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 ก.พ. 01, 05:54
อเมริกันด้วยคนค่ะ  รู้สึกจะมาตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกในประเทศไทยน่ะค่ะ  และได้พิมพ์พงศาวดารฉบับเจ้าพระยา...ง่า...เกิดความจำเสื่อมกระทันหันค่ะ  นักประวัติศาสตร์บางครั้งก็อ้างถึงพงศาวดารฉบับนี้ว่า ฉบับหมอบรัดเลย์ค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 02 ก.พ. 01, 08:46
หมอบรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) เป็นอเมริกันค่ะ เป็นชาวรัฐนิวยอร์ค   ส่วนหมอชาวเยอรมันที่เข้ามาก่อนหน้า ชื่อ คาร์ล        กุตสลาฟ  หรือที่คนไทยเรียกว่า หมอกิศลับ

หมอบรัดเลย์เป็นคนแรก ๆ ที่เริ่มต้นงานโรงพิมพ์   ส่วนงานพิมพ์หนังสือนั้น ไม่น่าจะใช่พระราชพงศาวดารหรอกนะคะคุณพวงร้อย  น่าจะเป็นกฎหมายตราสามดวงมากกว่า ที่มีชื่อว่ากฎหมายหมอบรัดเลย์  นับเป็นหนังสือเล่มอื้อฉาว  เพราะพิมพ์สมัยรัชกาลที่ 3  แล้วถูกสั่งเก็บ  เรื่องนี้คุยได้อีกยาว   กับหนังสือเล่มสำคัญที่หมอบรัดเลย์พิมพ์ คือ สามก๊ก

หมอบรัดเลย์เป็นมิชชันนารีที่อยู่เมืองไทยยาวนานถึง 35 ปี ตายในเมืองไทยฝังอยู่ที่สุสานโปรแตสแตนท์  กรุงเทพนี่เอง  

นอกจากงานพิมพ์ ก็มีเรื่องการรักษาโรค นับว่าเป็นหมอตะวันตกคนแรกที่นำเชื้อหนองฝีเข้ามาบ้านเรา  เป็นหมอที่เคยตัดแขนพระที่ได้รับอุบัติเหตุ  เป็นหมอที่ใส่ใจกับปัญหาสุขภาพเขียนบทความหลายชิ้นตำหนิพฤติกรรมของคนไทยสมัยนั้น ทั้งเรื่องเสพสุรา สูบฝิ่น ฯลฯ

นอกจากนี้ยังเป็นหมอที่สนใจเรื่องราวทางการเมือง  มักจะเสนอแนะเกี่ยวกับการเมืองบ่อย ๆ จนบางครั้ง ก็ถูกราชสำนักรู้สึกว่าจุ้นจ้านมากเกินไป  ความคิดเห็นเหล่านี้ของหมอปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์ดเดอร์  นับว่าเป็นหนังสือพิมพ์แรกของไทยด้วยค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 02 ก.พ. 01, 10:07
Oooops!

ต้องขออภัยคุณพวงร้อยอย่างแรง
พอหยิบหนังสือหมอบรัดเลย์มาเปิดดูก็พบว่า มีการพิมพ์พงศาวดารจริง ๆ อย่างที่คุณพวงร้อยว่า
หนังสือชุดนี้มี 2 เล่ม เรียกว่า พงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์  

ขอแก้ไขที่ถูกต้องมาด้วยค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ลุงแก่ ที่ 02 ก.พ. 01, 15:41
ถ้าเป็นหมอสมิธ ละก็ คนนี้เป็นมิชชันนารีชาวอังกฤษ มาตั้งโรงพิมพ์เหมือนกัน แต่อยู่ที่บางคอแหลม


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 ก.พ. 01, 23:04
ขอบคุณคุณปะกากะออมมากเลยค่ะ  ที่อุตส่าห์ไปเช็คให้  ดีใจที่เช็คกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องค่ะ  
คุณปะกาฯไม่ทราบมีข้อมูลของพงศาวดารฉบับนี้มั้ยคะ  ว่าชื่อเป็นทางการว่าอย่างไร  ใครเป็นผู้ชำระ  ตีพิมพ์เมื่อไหร่  ดิฉํนไม่มีอะไรให้ค้นเลยค่ะ  
ดิฉันอยากรู้เค้ามูลของพงศาวดารฉบับนี้มานานแล้ว  ขอรบกวนช่วยค้นให้อีกหน่อยนะคะ แหะๆๆ
ไม่ทราบคุณทราบแหล่งที่จะหามาไว้ครอบครองได้ด้วยหรือเปล่าคะ  ขอขอบคุณมากเลยค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 03 ก.พ. 01, 04:56
ขอบคุณค่ะ หมอบรัดเลย์แกช่างเก่งหลายด้านจังนะคะ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพงศาวดารที่แกเขียนเหมือนกันค่ะ ฉบับจริงยังอยู่ไหมคะ ถ้ายังมีอยู่  ยังเป็นสมบัติของคยไทยหรือว่าเป็นของชาวต่างชาติไปแล้วคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 ก.พ. 01, 06:30
ไม่คิดว่าหมอบรัดเลย์เป็นคนเขียนนะคะ  แกเป็นเจ้าของโรงพิมพ์แห่งแรก  เค้าก็ไปจ้างให้พิมพ์เหมือนสำนักพิมพ์เอาหนังสือไปพิมพ์กับโรงพิพม์น่ะค่ะ คุณส้มหวาน  คุณปะกากะออมคงดูยืนยันให้ได้นะคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: koong ที่ 03 ก.พ. 01, 09:57
Presbytarian นิกายนี้น่าจะเป็นอเมริกันนะครับ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 04 ก.พ. 01, 17:37
อุ๊ย ขอโทษค่ะ คุณพวงร้อย เข้าใจผิดไปหน่อย  อย่าวนี้แสดงว่าพงศาวดารฉบับหมอบร้ดเลย์ก็เป็นฉบับที่คนไทยเขียนเองน่สิคะ ไม่มีอะไรที่มาจาก point of view ของแกเลย ไม่รู้ว่าแกอ่านภาษาไทยได้ไหมคะ แล้วแกมีไดอารี่ส่วนตัวหลงเหลืออยู่ไหมคะ แบบว่าอยากอ่าน point of view ของแกเองน่ะค่ะเพราะแกค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตาของคนสมัยนั้น ไม่เหมือนคุณแหม่มแอนนาค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 05 ก.พ. 01, 08:04
รับปากค่ะว่าจะค้นข้อมูลเกี่ยวกับพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์  แต่ขอเวลานิดหน่อยนะคะ  

สำหรับ diary ของหมอบรัดเลย์ที่คุณส้มหวานสนใจ  เคยมีคนบอกว่าที่หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยพายัพมีไมโครฟิล์มอยู่นะคะ  ยังไม่เคยไปขอดู เห็นว่าเป็นหมื่นหน้าทีเดียว  หรือในกรุงเทพก็มีฉบับย่ออยู่ที่หอสมุดกลางธรรมศาสตร์ค่ะ  ต้นฉบับอยู่ที่อเมริกาโน่น

งานชิ้นสำคัญของหมอบรัดเลย์อีกเล่มคือ อักขราภิธานศรับท์ พจนานุกรมเล่มใหญ่ที่หมอบรัดเลย์อำนวยการจัดทำ    ถือว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทั้งด้านภาษา และประวัติศาสตร์  เมื่อไม่กี่ปีมานี้ยังซื้อได้ที่ร้านศึกษาภัณฑ์


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 05 ก.พ. 01, 13:07
คุณส้มหวาน คุณพวงร้อย
ค้นเรื่องหนังสือพระราชพงศาสวดารฉบับหมอบรัดเลย์มาให้แล้วนะคะ

เป็นพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ชำระในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชำระและเพิ่มเติมเนื้อหาสมัยกรุงธนบุรีจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1   ฉบับนี้เองที่หมอบรัดเลย์ได้นำไปพิมพ์จำหน่ายใน พ.ศ. 2407 มี 2 เล่ม จึงมีชื่อเรียกว่า พระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเล หรือ ฉบับพิมพ์ 2 เล่ม

นอกจากนี้ยังเรียกว่า พระราชพงศาวดารฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน  หรือ ฉบับกรมพระปรมานุชิต  หรือฉบับหอสมุดแห่งชาติก็มี

ปัจจุบันคงหาต้นฉบับพิมพ์ได้ยาก  แต่พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับกรมพระปรมานุชิต เข้าใจว่าน่าจะพอหาซื้อได้ตามร้านหนังสือเก่า  หรือลองดูที่ศึกษาภัณฑ์ โดยเฉพาะที่ราชดำเนิน ที่นี่มักจะได้พบหนังสือฉบับพิมพ์รุ่นเก่าที่น่าสนใจเสมอ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 05 ก.พ. 01, 20:34
ขอบคุณมากค่ะตุณปะกากะออม


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 05 ก.พ. 01, 22:27
ขอบคุณจริงๆค่ะที่กรุณาไปค้นให้  อยากทราบมานานแล้ว


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 06 ก.พ. 01, 02:24
ลองหา บางกอกริคอร์เดอร์ อ่านดูสิครับ ในเมืองไทยน่าจะหาได้ ที่คุณเอนก นาวิกมูล พิมพ์ออกมาใหม่บ้างแล้วก็มี แล้วจะเห็นความคิดของหมอ "ปลัดเล"  (สำเนียงไทยเรียก - เลยเป็นแต่ปลัดจนตาย ไม่ได้เลื่อนขึ้นเลย)
ดูเหมือน นายหนหวย ก็จะเคยเขียนเรื่องของหมอปลัดเล

ใช่หมอปลัดเลหรือเปล่านะ ที่มีส่วนทำให้ไทยใช้ชช้อนกับส้อมเป็นเอกลักษณ์ไทยจนเดี๋ยวนี้?
สังเกตมั้ยครับว่า ไม่มีชาติไหนใช้ช้อนคู่กับส้อมเลยนอกจากไทย (ยกเว้นสมัยหลังๆ นี่เองที่มีการถ่ายทอดกันไปมา จนร้านเอเชียในเมืองฝรั่งเอาช้อนส้อมขึ้นโต๊ะ ตามไทย กันไปหมดแล้ว) ดั้งเดิมแท้จริงๆ นั้น ไทยเปิบมือ เหมือนอินเดียและชาติเอเชียอีกหลายชาติ ส่วนจีนและชาติที่รับวัฒนธรรมจีนก็ใช้ตะเกียบ ฝรั่งก็ใช้มีดกับส้อม และมีส้อมสลัด ส้อมปกติ มีดเนย มีดเนื้อ มีดปลา ช้อนซุป ช้อนหวาน ฯลฯ อีกเยอะ ชาติที่ต่อมาตกเป็นเมืองขึ้นฝรั่ง ถ้าไม่รับใช้มารยาทโต๊ะกินมีดส้อมแบบฝรั่งไปเลย ก็กลับไปหารากเดิมของตน คือ กินเปิบมือหรือตะเกียบต่อไป

แต่ไม่มีใครฉลาดประยุกต์ใช้ช้อนมากินข้าวคู่กับส้อม ได้เหมือนไทย แม้แต่ฝรั่งเองเวลาจะกินข้าว ก็กินข้าวด้วยมีดกับส้อม (ซึ่งไม่ถนัดที่สุด) เมื่อไทยกำลังเผอิญกับการคุกคามทั้งทางวัฒนธรรมและทางการเมืองจากฝรั่ง สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น กลุ่มหัวก้าวหน้าในสยาม ตั้งแต่ ร.4 สมเด็จพระปิ่นเกล้า ลงมา เห็นกันว่าต้องค่อยๆ ปรับรับใช้ธรรมเนียมตะวันตกบางประการ ไม่ให้ฝรั่งดูถูกว่าป่าเถื่อนแล้วหาเหตุยึดเมือง

วันหนึ่งก็มีรับสั่งวังหน้า คือพระปิ่นเกล้าฯ เชิญหมอสอนศาสนาฝรั่งผัวเมียคู่หนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกจะเป็นพ่อปลัดเลนี่เอง กับภริยา ให้ไป "ดินเน่อร์" เวลาแปดโมงเช้า (!) ที่วังที่ประทับ คือ ไปสาธิตการกินอาหารแบบฝรั่งใช้เครื่องโต๊ะฝรั่ง หมอสอนศาสนาคู่นั้นก็ไปแสดงให้ทอดพระเนตร ถึงจะต้องกินดินเน่อร์เช้ากว่าปกติหลายชั่วโมงก็ไม่เป็นไร

สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ สนพระทัยสอบถาม มารยาทโต๊ะและเครื่องโต๊ะแบบฝรั่ง ซึ่งฝรั่งคนสาธิตก็อธิบายถวายทุกอย่าง จนหมดจบสิ้นกระบวนการกินเลี้ยงโต๊ะแบบฝรั่ง (ซึ่งใครเคยนั่งโต๊ะแบบฝรั่งเมยศก็คงจะนึกออก ว่าเรื่องมากเป็นบ้าเลย)

พระปิ่นเกล้าฯ ท่านทรงเห็นว่า เครื่องโต๊ะแบบฝรั่งแท้นั้นรุงรังมาก (จริงๆ ก็รุงรังจริง) จึงทรงเลือกไว้แต่ส้อมคันหนึ่ง กับช้อนอย่างช้อนหวานฝรั่ง ไม่ใช่ช้อนซุป คันหนึง เข้าคู่กันกันเป็นเครื่องโต๊ะไทย คือช้อนส้อมคู่แรกในเมืองไทยและในโลก มีดฝรั่งสารพัดอย่างนั้นทรงไม่เลือกใช้เลย ช้อนนั้นต่อมาก็ปรับขนาดให้เหมาะมือเหมาะปากคนไทย และปรับใช้ให้เป็นอย่างที่คนไทยใช้ คือใช้ตักข้าวเข้าปากด้วยมือที่ถนัด (มักจะเป็นมือขวา) และถือส้อมคอยช่วยอีกมือหนึ่ง (มักเป็นมือซ้าย) ซึ่งไม่มีชาติไหน แม้แต่ฝรั่ง ทำมาก่อนในโลก

หมอปลัดเลจึงเกี่ยวโดยอ้อมกับช้อนส้อมด้วยประการฉะนี้


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.พ. 01, 12:18
หนังสือต้องห้ามที่ว่า น่าจะเป็นหนังสือของพระยากษาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) ที่พิมพ์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต นะคะ
เลยถูกสั่งห้าม ริบหมด

สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เคยสัมมนาเรื่อง "หมอบรัดเลย์กับสังคมไทย" ไว้ เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๘  รวมเอกสารได้เล่มโตทีเดียวค่ะ

ถ้าคุณเจ้าของกระทู้สนใจเรื่องหมอเยอรมันที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสังคมไทย ลองค้นหานายแพทย์ Carl Augustus Friedrich Gutzlaff ดูนะคะ
เขาเคยเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในสมัยรัชกาลที่ ๓  แจกยา แต่ไม่ได้ผ่าตัดรักษาโรค  อยู่ในสยามจนถึงพ.ศ. ๒๓๗๔ แล้วเดินทางต่อไปที่จีน
เขาได้ทำรายงานไปยังสภาคริสตจักรแห่งอเมริกา ขอมิชชันนารีมาทำงานต่อในไทย  ทำให้  ABCFM American Board of Commissioners for Foreign Missions ส่งมิชชันนารีมาหลายชุดด้วยกัน
ชุดที่สามที่มาเผยแพร่ศาสนา  คือหมอแดน บีช แบรดลีย์ค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 07 ก.พ. 01, 01:25
เอ...อ่านแล้วนึกขึ้นได้ ใช่หมอปลัดเลหรือเปล่าคะที่กำจัดโรคไข้ทรพิษให้หมดไปจากเมืองไทย โรคที่มีนำเหลิองไหลเต็มตัว พอหายก็เป็นแผลเป็นปูดๆเต็มไปหมดน่ะค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 07 ก.พ. 01, 01:28
คือดิฉันหมายถึงโรคฝีดาษค่ะ เอ๊ะ โรคฝีดาษกับไข้ทรพิษใช่โรคเดียวกันไหมคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 07 ก.พ. 01, 21:25
เผอิญไม่ใช่หมอครับ ไม่ทราบจริงๆ
ถ้าคุณส้มหวานจะค้นเรื่องคนเยอรมันที่มีส่วนเกี่ยวพันกับสยาม นอกจากหมอกิศลับที่คุณเทาชมพูและคุณปะกากะออม (ชื่อคุณใช่ภาษากะเหรี่ยงมั้ยครับ คุ้นๆ) ว่ามาแล้ว ผมขอแถม นายยาโค้บ ไฟท์ Jacob Feit ให้ลองไปค้นด้วยอีกคนครับ
เท่าที่ผมไปค้นเพิ่มมา จากที่เคยจำได้ตะหงิดๆ แฮร์ไฟท์ เป็นชาวเมืองเทรียร์ (Trier) ลุ่มแม่น้ำโมเซ็ล เขตชายแดนเยอรมันกับลักเซมเบอร์ก มีชีวิตอยู่เมื่อราว 100 กว่าปีกอน เคยเดินทางเผชิญโชคไปถึงอเมริกา เข้าร่วมรบในสงครามกลางเมืองอเมริกัน เสร็จสงครามแล้วตุหรัดตุเหร่มาจนถึงเมืองสยาม เข้ารับราชการกับฝ่ายไทยจนได้เป็นหัวหน้าวงดนตรีหลวงประจำวังหน้าเมื่อ พ.ศ. 2410 แฮร์ไฟท์ แต่งงานกับแม่ทองอยู่ สาวไทยเชื้อมอญ มีบุตร 3 คน คนสุดท้องชื่อ เพเท่อร์ ไฟท์ ต่อมาใช้ชื่อไทยว่า ปิติ ไวทยาการ สืบทอดความสามารถทางดนตรีมาจากบิดา นายปิติ ทำงานเป็นล่ามกรมรถไฟหลวง เป็นขุนเจนรถรัถ แล้วต่อมาในสมัย ร.6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายให้ไปประจำกรมมหรสพ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกรมนั้น ทำหน้าที่ควบคุมวงเครื่องสายฝรั่งหลวง ได้รับพะราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์ และราชทินนามใหม่ว่า หลวงเจนดุริยางค์
ปี 2465 ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็น พระเจนดุริยางค์
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คุณพระเจนดุริยางค์นี่แหละครับ ที่เป็นผู้แต่งทำนองเพลงชาติไทยที่เราร้องกันอยู่


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 08 ก.พ. 01, 15:54
ขอบคุณ คุณเทาชมพู มากค่ะที่กรุณาให้ข้อมูลที่ถูกต้องเรื่องการพิมพ์หนังสือกฎหมายตราสามดวง  ดิฉันไม่น่าจับแพะชนแกะได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่เคยทำรายงานเรื่องกฎหมายตราสามดวงส่งอาจารย์มาแล้วด้วย

สำหรับเรื่องหมอบรัดเลย์ กับ ไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ ตอบคุณส้มหวาน ได้ว่าใช่คะ  แต่การกำจัดโรคนี้หมดไปจากเมืองไทยยังไม่ใช่ฝีมือบรัดเลย์หรอกนะคะ  เขาเป็นเพียงคนนำหนองฝีเข้ามา และริเริ่มการปลูกฝีป้องกัน   แต่ก็เป็นยุคแรก ๆ นะคะ  ปลูกขึ้นบ้าง  ไม่ขึนบ้าง  ถึงอย่างไรก็ต้องให้เครดิตกับบรัดเลย์

คุณ นกข. ขา ชื่อดิฉันไม่ได้มาจากภาษากระเหรี่ยงหรอกคะ    ลองเดาสิคะเป็นภาษาอะไร


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 08 ก.พ. 01, 22:22
รู้สึกว่าภาษากะเหรี่ยงมีคำว่า ปญากะญอ แต่ปะกากะออมเป็นภาษาอะไรนั้น สารภาพว่าจนด้วยเกล้าครับ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 09 ก.พ. 01, 14:38
If I remember it correctly, "ปญากะญอ" is the word  กะเหรี่ยง call themself.


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 10 ก.พ. 01, 17:08
ในภาษากระเหรี่ยง "ปรา"(ออกเสียงหนัก ๆ ในคอ)  แปลว่า ฉัน  "กะยอ" แปลว่า คน
ความหมายคือ ฉันคือคน


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 11 ก.พ. 01, 00:48
แล้ว ปะกากะออม ล่ะครับ?
ถ้าเป็นภาษาไทย เดาว่า กาน้ำคงจะรั่วอยู่ เลยเอาไปปะ เพื่อตั้งใจจะเอาไว้เก็บออมอะไรสักอย่าง (น้ำ?) - จึงกลายเป็น ปะกาน้ำชา กะว่าจะออม....
แต่ถ้าเป็น ปะกากะอ่อม ก็แปลได้ว่า เดินๆ ไปเจอะ (ปะ) กาเข้าตัวหนึ่งเลยยิงเสีย กะว่าจะเอามาทำแกงอ่อม...

โปรดเฉลยด้วยครับ ก่อนผมจะเข้ารกเข้าพงไปไกลกว่านี้


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 11 ก.พ. 01, 01:06
ก๊ากกก คุณ รกข พักหน่อยเถอะค่ะ

มารอฟังคำเฉลยด้วยคนนะคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 11 ก.พ. 01, 01:08
ต๊ายยยย โทษทีค่ะ  ไม่ได้ไปพิมพ์มาก่อนเหมือนเคย (ด้วยความมั่นใจในฝีมือพิมพ์ของตัวเองสุดๆ)  เลยพิมพ์ผิดเพราะตรวจปรู๊ฟตัวกรีกไม่ได้  
ต้องขออภัยคุณ นกข ด้วยนะคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: ปะกากะออม ที่ 12 ก.พ. 01, 09:57
ว่าเข้าไปนั่น คุณ นกข. ออกมาจากป่าดงดิบได้แล้วค่ะ

เฉลยก็ได้ค่ะ  ไม่เคยบอกใครเลยว่าเป็นภาษาเขมรค่ะ

ปะกา  หรือ ผกา
ปะกากะออม เป็นชื่อดอกไม้หอมชนิดหนึ่ง

มีลายผ้ามัดหมี่ของทางสุรินทร์ ชื่อ อันปรมปะกากะออม  

รู้สึกว่าจะะออกนอกกระทู้นี้มากไปแล้วนะคะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 12 ก.พ. 01, 18:04
ออคุณ เจริญ เนียงเอย...


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: หนุ่ยนคร ที่ 18 ก.พ. 01, 15:13
มีหนังสือเกี่ยวกับประวัคิหมอบรัดเลย์อยู่เล่มหนึ่ง เขียนโดยสุกัญญา ตีรวนิช ให้เนื้อหารายละเอียดพอสมควร
นอกจากนี้ทราบว่าผู้เขียนคนเดียวกันได้แปลเอกสารซึ่งเป็นจดหมายที่หมอบรัดเลย์เขียนรายงานกลับไปที่อเมริกาด้่วย ดิฉันได้เคยอ่านสมัยเรียนกับอาจารย์ที่จุฬาฯ ค่ะ แต่ไม่ทราบว่าขณะนี้จัดพิมพ์แล้วหรือยัง ถ้าหากมีใครเจอบนแผงหนังสือ ช่วยบอกต่อกันด้วย เพราะทำงานอยู่ต่างจังหวัดค่ะ


กระทู้: หมอบรัดเลย์
เริ่มกระทู้โดย: คนเคยชอบฟิสิกส์ ที่ 18 ก.พ. 01, 20:18
คำถามงี่เง่าจากผู้ด้อยความรู้ครับ ชื่อแกเป็น
หมอ-บรัด-เลย์ หรือว่า หมอบ - รัด -เลย์ (ได้ยศมาเป็น "หมอบ"  อะไรสักอย่างทำนองนี้)