เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
กระทู้นี้เป็นความพยายาม(อย่างอ่อนๆ)ที่จะรวบรวมรายชื่อและประวัติของนางในผู้เคราะห์ร้าย แม้ว่ามีวาสนาสูงได้ถวายงานเป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของพระมหากษัตริย์และกรมพระราชวังบวรฯ ก็มีวาสนาไม่ตลอดรอดฝั่ง ต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกประหาร แทนที่จะตายบนที่นอนในวัยชราอย่างสาธุชน ส่วนสาเหตุของการถูกประหารนั้นก็แตกต่างกันออกไป ไม่ได้ลงล็อกเดียวกันหมด จะค่อยๆเล่าไปทีละคนนะคะ ที่ว่าพยายามอย่างอ่อนๆคือ ไม่สามารถจะหารายชื่อมาได้ครบหมดทุกคน ถ้าทำได้อย่างนั้นคงต้องพยายามอย่างหนักกว่านี้ ซึ่งไม่มีทั้งเวลาและความเพียรขนาดนั้น ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านสมาชิก ถ้าใครจะเติมช่องโหว่นี้ให้เต็มก็จะขอบคุณอย่างยิ่ง
ขอหยุดแค่นี้ก่อน ไม่ได้เอาไว้เรียกเรตติ้งอย่างที่เคยทำ แต่เป็นเพราะมีธุระจะต้องลงจากเรือนไทยไปจ่ายกับข้าวมาทำสำรับคับค้อน เลี้ยงพวกนักเรียนที่ทยอยกันเข้ามานั่งในห้องเรียนนี้ค่ะ ใครเข้ามาแล้วกรุณาขานชื่อตัวเองได้เลย จะได้รู้ว่าเจ้าประจำเก่าๆมาครบรึยัง ได้จัดสำรับถูก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sirinawadee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 09:49
|
|
Sirinawadee มาค่ะ
วันนี้อากาศดี อาจารย์เดินตลาดคงไม่ร้อน ระวังรถด้วยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
werachaisubhong
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 09:54
|
|
มารอคุณครูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
|
|
|
:D :D
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 12:34
|
|
มาเข้าแถวรอด้วยค่ะ....ฮึ่ม...มีอาหารเลี้ยงซะด้วย พลาดได้ไงคะ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศุศศิ
อสุรผัด
ตอบ: 32
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 14:21
|
|
มาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ratananuch
อสุรผัด
ตอบ: 20
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:03
|
|
รัตนานุช มาค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:09
|
|
มาคร้าบบบบบบบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:40
|
|
ว่าจะไปซื้อเครื่องข้าวแช่มาทำให้นักเรียนกิน แกล้มกระทู้ แต่เดือนมีนาคม ลมฟ้าอากาศกลับกลายเป็นเดือนเข้าพรรษาไปเสียเฉยๆ กินข้าวแช่ท่ามกลางฝนพรำคงไม่เข้ากัน ก็เลยต้องอดกันไปก่อนนะคะ ไม่เป็นไร ฟังไปสักพัก พอเบรคเดี๋ยวจะหาขนมน้ำชามาให้ค่ะ
เริ่มด้วยคนแรก เจ้าจอมภู่ สีดา นางในที่เรียกกันด้วยชื่อจริง + ชื่อนางในวรรณคดี ต่อท้าย คือหญิงสาวที่เป็นนางละครหลวงมาก่อน คนไหนรำละครเป็นตัวอะไรก็มักจะรำเป็นตัวนั้นอยู่เป็นประจำ ถ้ามีชื่อเสียงเลื่องลือว่ารูปสวยรำดี ก็จะมีสมญาท้ายชื่อ เช่น เขียน อิเหนา อิ่ม ย่าหรัน อัมพา กัญจะหนา ทั้งสามชื่อที่กล่าวมานี้ล้วนเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าจอมและเจ้าจอมมารดาในรัชกาลต่างๆทั้งสิ้น
ส่วนเจ้าจอมภู่ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารำเป็นตัวนางสีดา เมื่อเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวนี้ เราก็คงดูออกเช่นว่าเธอต้องรำเก่งจนได้เป็นตัวเอก แล้วก็สวยมากด้วย ถึงได้เป็นนางสีดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า ในสมัยกรุงธนบุรีนั้น เล่าลือกันว่า มีตัวนางเล่นเป็นสีดาอยู่สามคน งามนักหนาทั้ง ๓ คน คือ บุนนาคสีดา ๑ ภู่สีดา ๑ และศรี (หรือสี) สีดา ๑ ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ โปรดเกล้าฯให้บุนนาคสีดา รับราชการเป็นเจ้าจอมในวังหลวง ส่วนภู่สีดา โปรดเกล้าฯพระราชทานไปยังพระราชวังบวรฯ วังหน้า ส่วนศรี (สี) สีดา พระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:44
|
|
อ้าว ... เข้าห้องสายครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:52
|
|
เจ้าจอมภู่ สีดา มีวาสนาเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าจอมวังหน้า พ่อชื่ออะไรไม่ปรากฏ ประวัติบันทึกไว้แต่ว่าแม่ชื่อเอี้ยง เป็นนายวิเสทปากบาตรในวังหน้า คำว่านายวิเสทปากบาตร แปลว่าเป็นหัวหน้าคนครัวผู้มีหน้าที่ควบคุมจัดการเครื่องทรงบาตร สำหรับกรมพระราชวังบวรฯ ที่จะเสด็จมาทรงตักบาตรกับพระสงฆ์ที่มารับบาตรทุกเช้าในวังหน้า
เมื่อผลัดแผ่นดินใหม่ๆ ได้ปีเดียว เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่สงบราบคาบ มีผู้ฉวยโอกาส แอบอ้างเป็นผู้วิเศษหลอกลวงให้ชาวบ้านหลงเชื่อเพื่อจะตั้งตัวเป็นใหญ่แบบเดียวกับผีบุญอยู่หลายราย ในจำนวนนี้มีชายจากเมืองนครนายก ๒ คน ซึ่งในคดีนี้ เรียกว่า "บัณฑิต" แสดงว่าเคยบวชเรียนแล้ว สองคนนี้อ้างตัวว่ามีวิชาความรู้ล่องหนหายตัวได้ เข้ามาอาศัยอยู่กับนางเอี้ยง แม่ของเจ้าจอมภู่ "บัณฑิต"สองคนนี้คงจะคารมดีแบบสิบแปดมงกุฎทั่วไป จึงสามารถเกลี้ยกล่อมให้ขุนนางวังหน้าและวังหลวงหลงเชื่อได้หลายคน รวมทั้งขุนนางตำแหน่งใหญ่อย่างพระยาอภัยรณฤทธิ์ จางวางกรมพระตำรวจซ้าย ส่วนนางเอี้ยงแม่ของเจ้าจอมภู่ สีดาซึ่งเป็นเจ้าบ้านนั้นเรียกว่าหลงเชื่อชนิดโงหัวไม่ขึ้น แม้แต่คบคิดกับคนร้ายทำสิ่งที่คนสติดีๆไม่น่าจะยอมทำ นางก็กล้าทำ คือไม่ใช่เชื่อแค่ไปขอหวย หรือเอาเงินทองทุ่มเทให้จนหมดตัวอย่างชาวบ้านสมัยนี้หลงเชื่อนักต้มตุ๋น แต่เชื่อขนาดที่ว่าสามารถก่อกบฏโค่นวังหน้าลงได้ทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 15:54
|
|
อ้าว ... เข้าห้องสายครับ แบมือมาซะดีๆ เด็กชาย siamese
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 16:08
|
|
เจ้านายในสมัยนั้น ท่านทรงเป็นพุทธมามกะ กิจวัตรตอนเช้าท่านก็ออกมาทรงบาตรเช่นเดียวกับชาวบ้านร้านถิ่น ทั้งพระเจ้าอยู่หัวและกรมพระราชวังบวรฯ ล้วนทรงปฏิบัติอย่างเดียวกัน ทีนี้ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ท่านทรงสังเกตว่า ตอนเช้าเวลาพระสงฆ์ออกจากวัดมารับบิณฑบาตรจากราษฎร พระไม่ต้องเป็นฝ่ายหยุดยืนคอย ชาวบ้านออกจากบ้านมานั่งรอตักบาตรพระอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าท่านจะพายเรือมาหรือเดินมาถึง ก็รับบาตรได้ทันที ผิดกับเวลาที่พระสงฆ์ผ่านไปรับบาตรในวังเจ้านายและบ้านผู้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่ ปรากฏว่าพระต้องไปคอยรอ บางครั้งก็จนสายก็ยังมิได้กลับวัด เพราะโยมยังไม่ออกมาตักบาตรสักที ข้อนี้ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะชาววังและขุนนางใหญ่ๆนั้นท่านใช้เวลากลางคืนแทนกลางวัน เข้าเฝ้ากันตอนกลางคืน อยู่กันค่อนคืนถึงจะเข้านอน ก็ย่อมตื่นสายกันเป็นธรรมดา กรมพระราชวังบวรฯเห็นพระต้องมายืนรอก็ไม่สบายพระทัยว่าเป็นเรื่องไม่สมควร จึงมีพระบัณฑูรกำหนดเวลาเอาไว้เลยว่า ในพระบวรราชวัง ให้เจ้าพนักงานเตรียมเครื่องทรงบาตรตั้งที่ให้พร้อม แล้วจึงให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ แล้วพระองค์จะเสด็จลงทรงบาตรในเวลาเช้าโมงหนึ่ง คือกำหนดเวลาเช้าตายตัวไปเลย ไม่เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้ ประตูดินในพระราชวังบวรจึงต้องเปิดก่อนย่ำรุ่ง ทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมประจำ กรมพระราชวังบวรฯท่านก็เสด็จมาทรงบาตรเป็นประจำทุกวัน เรียบร้อยราบรื่น ไม่มีใครนึกฝันว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น
ตัวกบฏทั้งสอง รู้ตื้นลึกหนาบางจากแม่เอี้ยงและขุนนางที่เป็นพรรคพวก ก็ดูออกว่าช่วงเวลานี้ละเหมาะสมที่สุดที่จะจู่โจมเข้าปลงพระชนม์ เพราะเป็นช่วงที่เสด็จลงมาโดยไม่มีขบวนแห่ ไม่มีองครักษ์ขุนนางใหญ่น้อยคุ้มกันหนาแน่นอย่างเวลาเสด็จไปไหนมาไหน และที่สำคัญคือเมื่อเสด็จทรงบาตรก็จะไม่มีพระแสงศัสตราวุธติดพระองค์มาด้วย ทำให้ป้องกันพระองค์ไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ratananuch
อสุรผัด
ตอบ: 20
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 16:22
|
|
ขออนุญาตเลี้ยวเข้าซอยหน่อยนะคะอาจารย์ สี สีดา คือ หม่อมสีหรือเจ้าคุณสีในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นหม่อมคนแรกของเจ้าฟ้าอิศรสุนทรหรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 16:30
|
|
ใช่ค่ะ คุณ benzene เคยตอบไว้ในกระทู้เก่าว่า
ขออนุญาต นำความจากท่านอดีตอธิบดีธนิต อยู่โพธิ์ มาชี้แจงเรื่อง"เจ้าคุณพี" ครับผม เจ้าคุณจอมมารดาศรี สีดา เดิมเป็นหม่อมศรี ในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร แล้วเป็นเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๒ เรียกกันทั่วไปว่า เจ้าคุณพี ธิดาเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด ต้นสกุล บุณยะรัตพันธ์) เป็นเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๒มีพระองค์เจ้า คือ ๑. พระองค์เจ้าหญิงจักรจั่น ๒. พระองค์เจ้าหญิงบุปผา (ซึ่งต่อมาสิ้นพระชนม์ก่อนเจ้าจอมมารดาศรี ทั้งสองพระองค์)
เดิมเป็นละครหลวงกรุงธนบุรีรุ่นเล็กหรือรุ่นจิ๋วเมื่อสิ้นแผ่นดินกรุงธนบุรี เจ้าจอมศรีมีอายุเพียง ๑๒ ปี เมื่อตั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ “พระราชทานไปตามคู่ตุนาหงันเดิม” คือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าหลวงอิศรสุนทร เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๘ ซึ่งเล่าลือกันว่า “ได้ยินว่าโปรดปรานมาก”
ต่อมาเมื่อภายหลังท่านคงจะสมบูรณ์มาก ชาววังจึงออกนามท่านว่า “เจ้าคุณพี” ดังพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ทรงกล่าวรูปพรรณของเจ้าคุณจอมมารดาศรีไว้ว่า
“จับได้เรือเจ้าคุณพี ท่านเป็นผู้ดีมาแต่แผ่นดินโน้น ท่านงามนักเจียวเมื่อสาว เดี๋ยวนี้อ้วนราวกับตะโพน”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ratananuch
อสุรผัด
ตอบ: 20
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 04 มี.ค. 13, 16:46
|
|
ขอบพระคุณมากค่ะ อาจารย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|