เรือนไทย

คำถามจากหลังไมค์ : ได้คลิปพญานาคมาทางไลน์ คิดว่าเป็นปลาชนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็น "น้องอ๋อ"* ของคุณหมอเพ็ญหรืเปล่า

https://www.facebook.com/asornw/videos/4528704133842498/

* น้องอ๋อ เป็นชื่อเล่นของ Oarfish ชื่อไทยบางคนเรียกว่า ปลาพญานาค

คลิปที่ส่งต่อให้กันทางไลน์นี้ เกิดจากการนำคลิป ๒ คลิปมาใช้

โดยใช้เสียงบรรยายจากคลิปข่าวของอมรินทร์ทีวี

https://youtu.be/vrm4si5zbZ0

และภาพเคลื่อนไหวจาก คลิปที่จัดทำขึ้นมาเพื่อจำลองการเคลื่อนไหวของพญานาค โดยใช้คอมพิงเตอร์กราฟฟิก (CG) ในการสร้างพญานาคขึ้นมา

https://youtu.be/OqcWRGZWA2w

สิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ;D

คลิปแรกที่แพร่ในโซเชียลมีเดีย ดูสมจริงมาก ทีแรกผมคิดว่าเป็นปลาน้ำจืดไซส์เล็กที่เลี้ยงไว้ในตู้ปลา
คลิปต่อมาเป็นต้นฉบับ เห็นผิวน้ำ-พลาญหิน-กอหญ้าชัดขึ้น จนจับพิรุธของรอยเลื้อยได้ // ต่อให้เลื้อยบนดินอ่อนยังไม่เห็นรอยชัดขนาดนี้เลย 555 // ถ้าคนสร้างคลิปไม่ใส่รอยเลื้อยลงไป น่าจะดีกว่า ผมอาจจะเชื่อว่าเป็นปลาพันธุ์ต่างประเทศบางชนิด
อย่างไรก็ตาม คนทำคลิปก็ได้เขียนบรรยายไว้อยู่แล้วว่าเป็นงานสร้างจากคอมพิวเตอร์
ขอบคุณ คุณเพ็ญชมพู ที่นำคลิปที่มีกึ๋น มาเผยแพร่ให้ชมครับ

สุดยอดค่ะ

น้องอ๋อ  oarfish   ปลาพญานาค

น้องอ๋อ สตอรี่ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6794.msg166885#msg166885)

น้องอ๋อ ช่างเป็นปลาที่สวยสง่ามาก  ทั้งเส้นหงอนบนหัวและครีบหลังที่พลิ้วตามกระแสน้ำ  ราวกับภาพเขียนมีชีวิต
น่าสงสาร กลายเป็นปลาตู้ไปเสียแล้ว 
 
https://www.youtube.com/watch?v=alUCqLzB7vs

เอาเสียงบรรยายจากคลิปข่าวของอมรินทร์ทีวีมาใช้อีกแล้ว

https://www.facebook.com/withan.tachakomol/videos/679982230063577/

สิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ;D

คุณคำ แสนจันทร์โดนอ้างชื่ออีกแล้ว  น่าจะคิดค่าลิขสิทธิ์เสียที

รวบรวมกันมา 11 ปี  น่าจะหมดสัตว์ประหลาดในเน็ตแล้ว   แต่ก็ยังมีเรื่องใหม่คลิปใหม่ผุดขึ้นเรื่อยๆ
อย่างคลิปนี้ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=x6lXEiBYIWA

ในแม่น้ำโขงมีปลาพันธ์ที่ตัวยาวๆแบบนั้นไหมคะ ถ้ามีอาจเป็นเหตุให้คนคิดว่าเป็นนาคหรือเปล่า

ในบรรดาเรื่องราวสัตว์ประหลาดทั้ง ๕ ในคลิปข้างบน ส่วนมากอยู่ในความมืดยากที่จะแยกแยะว่าเป็นตัวอะไร มีอยู่เรื่องเดียวที่เห็นได้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร และยังเป็นเรื่องในเมืองไทยเราเสียด้วย แต่ถึงกระนั้น สัตว์ประหลาดที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่ของจริง

นั่นคือสัตว์ประหลาดในลำดับที่ ๓ เป็นผลงานศิลปะของ ดร.ถู เหวินเจิ้น ศิลปินชาวไต้หวัน ชื่อผลงานว่า Giant Ruins เป็นการนำเอาชิ้นงานจำลองโครงกระดูกของยักษ์ที่ต่อสู้กับพญานาคจนเสียชีวิตในสภาพยักษ์ถูกพญานาครัดร่าง จัดแสดงในงานมหกรรมศิลปะนานาชาติระดับโลก Thailand Biennale Krabi 2018 อยู่ภายในถ้ำเขาขนาบน้ำ ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมืองกระบี่ ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

รายละเอียดอ่านได้จาก เวิร์คพอยท์ทูเดย์ (https://workpointtoday.com/แห่ชม-โครงกระดูกยักษ์-พ/)

https://youtu.be/UBfCAZhE3GI

สิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน อาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ;D

ถ้าเป็นปลาที่ตัวยาวอย่าง ‘น้องอ๋อ’ คงไม่มี แต่ถ้าเป็นสัตว์อื่นที่ตัวยาว ๆ อย่าง ‘งู’ นั้นไม่แน่ ;D

 ;)

ว่าด้วยเรื่อง รอยประหลาด (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg92491#msg92491) ;D

นำชม “วัวศักดิ์สิทธิ์แห่งรวันดา” หรือ อินยัมโบ (Inyambo) ในภาษาพื้นเมือง ฝูงวัวศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสืบสายมาจากฝูงวัวของกษัตริย์รวันดา เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์พระราชวัง (King’s Palace Museum) มีการขับกล่อมด้วยเพลงและบทกลอน และตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงามเพื่อเดินพาเหรด เหมือนกับที่เคยปฏิบัติในพระราชวังในอดีต

อินยัมโบมีลักษณะเด่นที่เขาอันยาวใหญ่สวยงาม เป็นสัญลักษลักษณ์ของเกียรติยศของกษัตริย์รวันดาในอดีต

https://youtu.be/x8NQOouk3TY

เห็นวัวแล้วนึกถึงคำชมว่าวัวงามคู่ค่ะ มีคนต่างถิ่นพูดเขาว่าหมายถึงคนหนุ่มสาวที่รูปงามเหมาะกันไม่รู้ว่าภาคกลางจะใช้คำนี้ด้วยไหม

อินยัมโบ จัดอยู่ในพันธุ์เดียวกับวัวแองโกล-วาตูซี่ (Ankole-Watusi) หรือ วัววาตูซี่

วัววาตูซีมีหลายสี ทั้งสีดำขาว น้ำตาลแกมแดง หรือสีน้ำตาล ลักษณะเด่นของวัววาตูซีคือเขาขนาดใหญ่ มีความสวยงาม แหลมยาว ภายในเขาของวัวชนิดนี้จะกลวงเป็นโพรงภายใน และมี โครงสร้างแบบรังผึ้ง โดยเขาของมันมีไว้สำหรับต่อสู้ และนอกจากนี้ยังมีไว้ช่วยในการระบายความร้อนอีกด้วย

ในเมืองไทยอาจพบวัววาตูซี่ตัวเป็น ๆ ได้หลายแห่ง เช่น ไร่บุญรอดหรือสิงห์ปาร์ค เชียงราย, สวนสัตว์ขอนแก่น, ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ

https://youtu.be/7gy15JKHvG8

วัววาตูซี่ฝูงแรกของเมืองไทยที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย

ทางอีสานเขาว่า “งัวงามคู่” ยังไม่เคยได้ยินคนภาคกลางพูดกัน


https://youtu.be/QxX39A_XYFE

แต่ถ้าจะเรียกวัวแอฟริกาเช่น อินยัมโบ หรือ วาตูซี่ แบบไทย ๆ น่าจะเรียกว่า “วัวฝูงเขางาม”

ขอพาย้อนอดีตไปดูสัตว์ประหลาดบางตัว 


https://www.youtube.com/watch?v=ziYdPS6WW1g

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะคุณเพ็ญชมพู

นำความประหลาด,น่ารัก? มาฝากชาวเรือน จากบีบีไทย เนื่องในวัน WORLD OCTOPUS DAY (วันที่ 8 ตุลาคมของทุกปี)

            หมึกยักษ์ : 10 เรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ใต้ท้องทะล

1. พวกมันฉลาดแต่เซลล์สมองส่วนใหญ่จริง ๆ แล้วอยู่ที่ "แขน" ของมัน

2. หมึกยักษ์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ และมีทักษะในการจำ

3. พวกมันซุกซนมาก

5 - 10 อ่านต่อที่ https://www.bbc.com/thai/international-58840704

ความฉลาดของหมึกยักษ์นำมาซึ่งความเชื่อว่ามันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว :o

ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ มีบทความชื่อว่า  Cause of Cambrian Explosion - Terrestrial or Cosmic? (https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0079610718300798) ตึพิมพ์ลงในวารสาร Progress in Biophysics and Molecular Biology เสนอโดยนักวิทยาศาสตร์ ๓๓ คนว่า หมึกยักษ์คือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกโดยระบุว่า การเกิดขึ้นอย่างฉับพลันของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดพันธุ์ในยุคแคมเบรียน (Cambrian) ราว ๕๔๐ ล้านปีที่แล้ว เป็นผลของปัจจัยแทรกแซงจากนอกโลก โดยอาจมีไวรัสจากต่างดาวติดมากับอุกกาบาตที่ตกลงบนโลก ซึ่งทำให้บรรพบุรุษของสัตว์จำพวกหมึกติดเชื้อไวรัสนั้นและวิวัฒนาการเป็นหมึกยักษ์ที่มีรูปร่างประหลาดในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า ไข่ของหมึกยักษ์ที่ได้รับการผสมและพร้อมเจริญเป็นตัวอ่อนแล้วจากต่างดาว อาจติดมากับบรรดาหินอวกาศและตกลงบนโลกโดยตรงด้วย

นายจอช แกบบาทิสส์ ผู้สื่อข่าววิทยาศาสตร์ของหนังสือพิมพ์ดิ อินดีเพนเดนต์ รายงานว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีผู้เชื่อว่าหมึกยักษ์คือเอเลียนจากต่างดาว เพราะแม้จะเป็นสัตว์จำพวกเดียวกับหอยและหอยทาก แต่กลับมีสมองใหญ่และระบบประสาทที่ซับซ้อน ทำให้มีความเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ทั้งยังมีตาที่ทำงานคล้ายกับกล้องถ่ายรูป มีโครงสร้างร่างกายที่ยืดหยุ่น รวมทั้งอำพรางตนเองด้วยการเปลี่ยนสีผิวและรูปร่างให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้ดี

คุณสมบัติที่แปลกประหลาดของหมึกยักษ์เหล่านี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มที่เสนอบทความข้างต้นเชื่อว่า ลักษณะดังกล่าวเป็นผลของวิวัฒนาการที่ "ยืมมาจากอนาคต" ซึ่งหมายความว่าหมึกยักษ์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่มีวิวัฒนาการล้ำหน้าสัตว์โลกไปก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ โดยนายมาร์ก คาร์นัลล์ ภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดชี้ว่า ในบรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอบทความ ๓๓ คนนี้ ไม่มีใครเลยที่มีความเชี่ยวชาญในทางสัตววิทยาโดยตรง

ศาสตราจารย์คาริน เมิลลิ่ง จากสถาบันมักซ์พลังก์ด้านพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุลชี้ว่า เรื่องหมึกยักษ์มาจากต่างดาวนั้นไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือใด ๆ สนับสนุนแม้แต่น้อย และไม่ควรถือเอาบทความที่เสนอล่าสุดเป็นเรื่องจริงจังนัก

"เหตุผลที่ว่าดีเอ็นเอของหมึกยักษ์มีความแปลกประหลาดลึกลับนั้น ถูกทำให้ตกไปจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของหมึกยักษ์ได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘แล้ว โดยข้อมูลทางพันธุกรรมนี้ชี้ว่า หมึกยักษ์มีวิวัฒนาการมาตามปกติเช่นเดียวกับสัตว์ต่าง ๆ บนโลก โดยแยกสายวิวัฒนาการออกจากหมึกชนิดพันธุ์อื่น ๆ เมื่อราว ๑๓๕ ล้านปีที่แล้ว" ศาสตราจารย์เป็นมิลลิ่งกล่าว

บทความจาก บีบีซีไทย (https://www.bbc.com/thai/features-44213978)

https://youtu.be/mijsuWEai_s

เมื่อวานนี้ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔) รัสเซล โครว์ โพสต์ในทวิตเตอร์ว่าพบเพื่อนใหม่ ขณะมาถ่ายภาพยนตร์ในเมืองไทย

https://www.facebook.com/Feedforfuture/videos/634877994174984/

คลิปนี้ทำเอา ‘น้องเห้’ เมืองไทยดังไปทั่วโลก ;D

สัตว์ประหลาดในทะเล กลับมาเยือนเรือนไทยอีกครั้ง
ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรบ้างนะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=XzJZ_Abhgv0

https://www.youtube.com/watch?v=w7MpLm9TdvE

เคยเห็นแต่ภาพนิ่ง มาดูภาพเคลื่อนไหวกันบ้าง

ระบำแมงมุม…เต้นเพื่อชีวิต ;D

https://youtu.be/8VP_u08JAxI

https://www.youtube.com/watch?v=Gl0XrQmkPm0

https://www.youtube.com/watch?v=9NQQKNAwaPk

สัตว์ประหลาดพวกนี้เคยมาหรือยังคะ

https://www.youtube.com/watch?v=AMD6c9oN1Ys

https://www.youtube.com/watch?v=qnlXwY7ILnA&t=191s

https://www.youtube.com/watch?v=7nxKfFEfsyk

https://www.youtube.com/watch?v=S1dRk_uhvFU

https://www.youtube.com/watch?v=suqafIYBux0

https://www.youtube.com/watch?v=EYgtN4fQE_w

แมงกะพรุนสีเลือด เคยมารึยังคะ

https://today.line.me/th/v2/article/7VlPkQ

นักวิจัยจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ  (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA) ของสหรัฐอเมริกาพบแมงกะพรุนสีแดงก่ำเหมือนเลือด ลอยไปแล้วก็ลอยมาใต้น้ำทะเล ๗๐๐ เมตร ซึ่งไม่เคยพบมาก่อน

ซึ่งภายหลัง พวกเขาก็ตรวจสอบและพบว่าแมงกะพรุนสีแดงที่เหมือนพู่ตกแต่งสีแดงนี้มาจากสกุล Poralia ก่อนหน้านี้เคยพบสัตว์ที่มาจากสกุลนี้แล้วคือ Poralia rufescens ที่มีรูปร่างเหมือนระฆัง มีหนวด ๓๐ หนวด และอาศัยอยู่ใต้น้ำลึกทั่วโลก

เจ้าแมงกะพรุนสีแดงนี้โผล่มาอยู่ในวิดีโอใต้น้ำของทีมที่ถ่ายด้วยยานสำรวจใต้น้ำที่บังคับจากระยะไกล เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ในท้องทะเลห่างจากชายฝั่ง Newport ของรัฐ Rhode Island

ยานสำรวจใต้น้ำของทีมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจ North Atlantic Stepping Stones ของ NOAA ที่ปฏิบัติการสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้น้ำลึกตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายนถึง ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔

https://youtu.be/5Ds1PxDoQag

นกฮัมมิงเบิร์ดแอนนา Anna’s hummingbird (Calypte anna) พบได้ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ  นกตัวผู้จะมีสีสันสดสวยกว่าตัวเมีย จะเปลี่ยนสีขนที่หัวของมันได้ตลอดเวลาที่มันเคลื่อนไหว เหมือนการแสดงเปลี่ยนหน้ากากของงิ้วจีน

สาเหตุที่ขนของมันเปลี่ยนสีได้อย่างน่าอัศจรรย์เป็นเพราะโครงสร้างของขนประกอบไปด้วฟองอากาศหลากหลายขนาด และสอดแทรกจำนวนมากอยู่หลายชั้น เมื่อแสงตกกระทบลงบนขนนก จึงทำให้เกิดการสะท้อนกลับ กลายเป็นสีสันที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมอง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกการสะท้อนแสงของขนนกฮัมมิงเบิร์ดได้ที่ sibleyguides.com (https://www.sibleyguides.com/2011/09/the-basics-of-iridescence-in-hummingbirds/)

https://youtu.be/hs6-G9SRISg

ซ้าย : นกตัวเมีย  ขวา : นกตัวผู้

ส่งไก่พันธุ์ Silver Spangled Hamburg ที่มีลายรูปหัวใจเช่นกัน มาเป็นเพื่อเจ้าเหมียว

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ พ.ศ. ๒๕๖๕ ;D

สุขสันต์วันวาเลนไทน์

ในสมัยที่ชาวเรือนไทยยังเป็นเยาวชน   ไดโนเสาร์หรือสัตว์ขนาดยักษ์ทั้งหลายในจอใหญ่ มักเป็นหนังผจญภัยประเภทเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี   มีไดโนเสาร์เคลื่อนไหวกระตุกๆ ออกมาสู้กัน หรือไล่งับพระเอกนางเอก แต่ไม่เคยทัน
จนเมื่อ CG เข้ามามีบทบาท  ไดโนเสาร์ก็ค่อยเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติมากขึ้น  จนถึงจุดพีคในจูราสสิค ปาร์ค
คลิปนี้เป็นการรวบรวมวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ในจอเงินตั้งแต่รุ่นคุณเทียดถึงปัจจุบัน

https://www.youtube.com/watch?v=5hxSws2W0-E&t=23

ตัวอะไรหนอ❓

https://youtu.be/fBTh9idMcsQ

อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ (https://www.facebook.com/219186678564393/posts/1342035262946190/?d=n) วิเคราะห์เรื่องสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้อย่างน่าคิด

มีการแชร์คลิปวีดีโอสัตว์ประหลาด อยู่ในโอ่งน้ำ ลักษณะการเคลื่อนที่ รูปร่าง และการแลบลิ้น ก็พันธ์เหมือนงู แต่มีขนยาว สีเขียว ปกคลุมทั่วร่างกาย เอาไม้เขี่ยก็ไม่หลุดออกมาด้วย

คลิปนี้มาจาก Tiktok ของ user ชื่อ firstfirstmini ซึ่งปรากฏมีเสียงพากย์ในคลิป เป็นเสียงผู้หญิงแบบที่ใช้ซาวด์เอฟเฟคดัดเสียง (เหมือนพยายามปกปิดเสียงจริง) ถามคำถามว่า สัตว์ที่อยู่ในคลิปวีดีโอคือตัวอะไร  ถ้าเป็นงูทำไมมีขน ไม่มีการติดตามได้ว่า งูตัวนี้ จริง ๆ พบที่ไหน จังหวัดอะไร พบอย่างไร ใครเป็นผู้พบ ฯลฯ นักข่าวไม่สามารถติดตามหาจนเจอตัวของงูประหลาดนี้ได้จริง

มีคนนำไปถามในเพจของผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์หลายเพจ คำตอบที่ได้มา ค่อนข้างจะตรงกันคือ ถ้ามันเป็นงูจริง ๆ ด้วยรูปทรงและลวดลายของส่วนหัว ดูแล้วน่าจะเป็นงูน้ำชนิดที่เรียกว่า "งูหัวกะโหลก หรืองูเหลือมอ้อ" (https://www.zoothailand.org/animal_view.php?detail_id=626&c_id=)

ปัญหาที่ตามมา คือ แล้วขนเขียว ๆ ที่เห็นนั้น คืออะไร เกิดจากอะไรกันแน่

กลุ่มที่มองว่าเป็น "เรื่องธรรมชาติ" ก็จะบอกว่า น่าจะเป็นพวกสาหร่าย ตะไคร่น้ำ ที่เจริญเติบโตอยู่บนเกล็ด บนหนังของงู จนเต็มไปหมด แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่า สาหร่ายมันไม่น่าจะขึ้นเยอะมากมายขนาดนั้น แถมยาวเหยียดเลย ถ้าเป็นสาหร่ายจริง แสดงว่าจะต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโตอยู่บนงูเป็นเวลานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่งูตัวนี้ยังค่อนข้างเล็กอยู่มาก แถมงูจะต้องมีการลอกคราบเป็นระยะ ๆ ซึ่งการลอกคราบแต่ละครั้ง สาหร่ายก็จะหลุดออกไปหมดไม่น่าจะปรากฏให้เห็นได้แบบในคลิป

ผู้เชี่ยวชาญบางคนจึงบอกว่า "หรือว่ามันเป็นของปลอมกันแน่" เพราะนอกจากเอาไม้เขี่ยแล้ว สาหร่ายก็ไม่หลุดออกมา มันยังพลิ้วสวยงาม จนคล้ายกับตั้งใจให้ดูเหมือน งูมีขน สำหรับผม ตั้งแต่ที่เห็นคลิปครั้งแรก ก็คิดว่าน่าจะไปการเอาคลิปของงูน้ำจริง ๆ มาทำคอมพิวเตอร์กราฟิกให้มันดูมีขน ..  แต่นั่นก็เป็นได้แค่ข้อสงสัย เพราะยังค้นหาคลิปต้นแบบไม่เจอ

มีคำเฉลยเรื่อง งูมีขน จากผู้เชียวชาญเรื่องงู คุณ Nick Wildlife (https://fb.watch/bCAj60xo7V/) ยืนยันว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือ งูหัวกะโหลกท้องดำ Deuve's water snake (Homalopsis nigroventralis) และสิ่งที่เป็นขนยาวบนผิวหนังลำตัวก็คือ ตะไคร่น้ำที่เกิดจากความผิดปกติทางธรรมชาติ

https://youtu.be/x9_laqsefxI

เพื่อนในไลน์ส่งรูป cabbit  (สัตว์ผสมระหว่างแมวกับกระต่าย) มาให้ ก่อนมาถามคุณเพ็ญชมพูก็ลองไป search google ดูก่อน  ได้คำตอบจากวิกิ(ซึ่งเชื่อไม่ค่อยได้ในหลายกรณี) ว่าไม่มีจริง
แต่ไปเจอเว็บนี้เข้า  พูดถึงตัวTucuman animal ซึ่งกึ่งๆแมว กึ่งๆกระต่าย  เลยอยากรู้ว่ามันตัวอะไรแน่คะ

https://www.youtube.com/watch?v=vq5_pz7MKAg

cabbit

เคยได้รับ cabbit (กระแตว) มาดูแลอยู่ตัวหนึ่ง ;D

กระแตวยังอยู่ดีไหมคะ  ;D  ;D

กระแตว : สิบปีผ่านมา แม้ชราลงมา ยังไม่จากไปไหน คงอาศัยอยู่ในเรือน ;D


หากสังเกตสัตว์ประหลาดแห่งเมือง Tucuman Argentina ในคลิปวิดิโอข้างบน จะเห็นว่ามีขาหน้าสั้นกว่าขาหลัง และไม่มีหาง แม้จริงมันคือแมวมีความผิดปกติของยีน (gene)  กรณีที่ขาหน้าสั้นกว่าปรกติ เกิดจากที่ขาหน้าไม่มีกระดูกช่วงที่ต่อลงมาระหว่างข้อต่อกับอุ้งเท้า (radial hypoplasia)  เวลาเดินก็จะคล้ายกระโดดเหมือนกระต่าย  

cabbit ตัวเก่าแก่เฒ่ามากแล้ว   ขอเอาตัวใหม่มาฝากแทน

https://www.pinterest.com/pin/497647827580685700/

กระแตวตัวเก่าคงดีใจได้มีเพื่อน ;D

https://youtu.be/uVdweF8PKF0

คลิปนี้มีคำบรรยายว่า ไดโนเสาร์ตัวน้อยถ่ายจากชายหาดคอสตาริกา

ไดโนเสาร์จริงหรือ ⁉️

https://www.facebook.com/Guerrillero53/videos/1643010746079557/

ลองเลื่อนคลิปถอยหลังดู  เป็นสัตว์สี่เท้า หางยาว เหมือนแมวหรือเสือ วิ่งเป็นแถวลงไปที่ชายหาด

แท้จริง มันคือคลิปถอยหลังของตัว โคอาติ ซึ่งเป็นสัตว์กลุ่มใกล้เคียงกับแรคคูน ที่เวลาวิ่งจะชอบยกหางขึ้นสูง (เลยทำให้นึกว่าเป็นคอไดโนเสาร์) ;D

https://youtu.be/hdlqEMMK3yU

ภาพฝูงโคอาติจมูกขาว white-nosed coati (Nasua narica) ประเทศคอสตาริกา

https://www.youtube.com/watch?v=LmjMduuUUG8

ปลาบินตัวข้างบนได้รับการรับรองจากกินเนสส์ว่าสามารถร่อนตัวเหนือผิวทะเลได้นาน ๔๕ วินาทีเป็นสถิติการร่อนตัวที่นานที่สุดในโลกในบรรดาปลาบินที่เคยมีการบันทึกมา

ทีมถ่ายทำรายการธรรมชาติของ NHK จับภาพนี้ได้ที่จังหวัดคาโงชิมะของญี่ปุ่นเมื่อปี ๒๕๕๑

ภาพแสดงให้เห็นปลาบินดีดตัวขึ้นจากทะเล แล้วร่อนตัวขนานไปกับเรือที่แล่นด้วยความเร็วราว ๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง พลางส่ายตัวเปลี่ยนทิศทางไปมา มีบางช่วงที่ตัวต่ำจนแตะผิวทะเล แต่ก็กระพือหางช่วย จึงทำให้ร่อนอยู่เหนือผิวทะเลได้นาน ๔๕ วินาที

จาก NHK WORLD-JAPAN Thai (https://fb.watch/ddCGh7EZ8w/)

;D

https://www.facebook.com/NHKWORLDThai/videos/423539169216857/

https://www.youtube.com/watch?v=ITTvlrIfE9E

https://www.youtube.com/watch?v=MrdOcnW4B2M

ปลาสเตอเจี้ยนยักษ์ giant monster sturgeon น่าจะเคยมาเยือนกระทู้นี้แล้ว  แต่เอามาให้ดูอีกที ค่ะ
รูปออกมาเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ

ต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา “อีฟ บิสสัน” (Yves Bisson) นักตกปลาชาวแคนาดาสามารถจับปลาสเตอร์เจียนตัวโตที่มีความยาวกว่า ๓ เมตรได้ในแม่น้ำเฟรเซอร์ เมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพและคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วยอาการตื่นเต้นสุด ๆ หลังจากนั้นก็ได้นำไปโพสต์เผยแพร่บน TikTok พร้มกับคำอธิบายสั้น ๆ ว่า

"นี่คือปลาตัวใหญ่ที่สุดที่ผมเคยจับได้"

ข่าวจาก dogsclip.com (https://www.dogsclip.com/articles/3/10-foot-sturgeon-in-river/MzQxNg/)

https://youtu.be/dTMB13fGOpA

ข่าวเรื่อง Bees are legally fish in California (บางสายพันธุ์) อาจจะเป็นสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ

เรื่องนี้น่าจะเป็นแนวถนัดของคุณเพ็ญชมพู   ไปหาข่าวมาให้แล้วค่ะ

https://www.sacbee.com/news/california/article262045952.html

Bees are now legally considered fish in California under the state’s endangered species law, an appeals court in Sacramento ruled Tuesday. The 1970 act explicitly protected “fish,” which were initially defined as invertebrates. And because the act has protected snails and other invertebrates that live on land since, Tuesday’s ruling said it interpreted the legislation to also include bees. “Accordingly, a terrestrial invertebrate, like each of the four bumble bee species, may be listed as an endangered or threatened species under the Act,” the 3rd district California Court of Appeals Associate Justice Ronald Robie wrote.

Read more at: https://www.sacbee.com/news/california/article262045952.html#storylink=cpy

องค์คณะผู้พิพากษาของศาลแคลิฟอร์เนีย เพิ่งมีคำตัดสินไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕) ให้ถือว่าผึ้งเป็นปลาชนิดหนึ่ง เพื่อให้ความคุ้มครองผึ้งป่าในแคลิฟอร์เนีย ๔ สายพันธุ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์

ในกฎหมาย California Endangered Species Act (CESA) จะมีการปกป้องคุ้มครองสัตว์พื้นเมือง นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลี้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ปลาและพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งไม่มีผึ้งรวมอยู่ด้วย ศาลได้นำเอาคำจำกัดความย่อยของคำว่า"ปลา"ในกฎหมาย CESA มาใช้ในการตีความ โดยใน CESA ให้นิยามคำว่าปลาหมายถึง

"ปลาป่า หอย ครัสเตเชียน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและไข่ของสัตว์เหล่านั้น"

การพิจารณาของผู้พิพากษาในวันอังคารที่ผ่านมา ได้พิจารณานิยามคำว่าปลาในส่วนของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เพื่อเทียบเคียงกับผึ้ง

"กบซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และหอยทากขนแปรงซึ่งเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบนบก ยังถูกนิยามว่าเป็นสัตว์คุ้มครองในหมวดปลา ดังนั้น แม้ว่าคำว่าปลาจะเป็นภาษาพูดที่เข้าใจโดยทั่วไปว่าหมายถึงสัตว์น้ำ แต่ศัพท์ในทางกฎหมายสำหรับกรณีนี้ สามารถใช้อธิบายได้ว่าผึ้งซึ่งเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ก็เป็นปลาด้วยเช่นกัน"

ข่าวจาก blockdit.com (https://www.blockdit.com/posts/629856b7434d04ceb753c55f)

https://youtu.be/rLK4UMuWR7E

ลำพังผึ้งเองคงไม่ใช่สัตว์ประหลาด หากเป็นศาลต่างหาก แม้จะตัดสินด้วยความปรารถนาดี แต่ก็ถือว่าเป็นคำตัดสินที่ประหลาดยิ่งยวด ;D

ขอถามคุณหมอเพ็ญชมพูค่ะ  
bumble bee  มันคือตัวผึ้ง หรือแมลงภู่กันแน่คะ   ค้นจากกูเกิ้ล หลายเว็บแปลไม่ตรงกันค่ะ

 ???

;D

งั้นกูเกิ้ลก็แปลผิด   ผึ้งหึ่งกลายเป็นแมลงภู่ไป   คุณหมอเพ็ญยังไม่ได้แนะนำแมลงภู่ให้รู้จักเลยค่ะ

พอพูดถึง bumble bee  ก็นึกถึงเพลงของ  Rimsky-Korsakov   เขาได้แรงบันดาลใจจากเสียงหึ่งของผึ้ง มาเป็นเพลงคลาสสิคโด่งดังเพลงนี้
เลยขอเอามาฝากในกระทู้สัตว์ประหลาด  คงไม่ประหลาดเท่ากับจัดผึ้งอยู่ในหมวดหมู่ของปลา


https://www.youtube.com/watch?v=rPTxBL0RJgY

แมลงภู่ คือ carpenter bee (Xylocopa sp.) มีลักษณะคล้าย ผึ้งหึ่ง (bumble bee) อยู่เหมือนกัน แต่อาจจำแนกได้ตามรายละเอียดข้างล่าง

https://youtu.be/zmEjc4YIoc8

ภาพจาก https://pediaa.com/what-is-the-difference-between-bumble-bee-and-carpenter-bee/

จากเพจ เรื่องเล่าเช้านี้

สำนักข่าวท้องถิ่นของไต้หวัน รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) ว่า นาย หลิน ยี่ ฟาน ชาวประมงอายุ 31 ปี สามารถตกปลา ออร์ฟิช ขนาดมหึมาได้ บริเวณชายฝั่งในเมือง เมืองไถตง ของไต้หวัน
คุณหลิน เล่าว่า เขารู้สึกมีปลามากินเหยื่อ และมีความเคลื่อนไหว จากนั้นคันเบ็ดเริ่มงอ เขาใช้เวลาเย่อเบ็ด สู้กับปลา นาน 40 นาที และเกือบจะทำปลาหลุดเบ็ดไปหลายครั้ง กว่าจะปลาตัวนี้ได้สำเร็จ
เมื่อเขานำปลาขึ้นฝั่ง ชาวประมงอื่นๆ รีบแห่มาดูและถ่ายรูป เพราะปลาที่เขาจับได้ คือปลาออร์ฟิช (Oarfish) ซึ่งคนไต้หวัน เรียกว่า ปลาแผ่นดินไหว มีความยาวกว่า 6 เมตร และมีน้ำหนัก ราว 130 กิโลกรัม นับเป็นปลาที่หายาก เพราะพวกมันอาศัยอยู่ในเขตน้ำลึกมาก 20 -1 พัน เมตร และหากพบบริเวณน้ำตื้น มักจะเกิดแผ่นดินไหวตามมา เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ตามปกติแล้วการพบปลาออร์ฟิชในน้ำตื้นนั้นเพราะว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บ หรือ ป่วย จนถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง
ด้าน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยชีวทางทะเลตะวันออก ประจำสถานบันวิจัยการประมง ของไต้หวัน เผยว่า เป็นครั้งแรกที่ชาวประมงตกปลาออร์ฟิชเป็นๆ ที่ยังมีสุขภาพดีได้ ด้วยเหยื่อตกปลา เพราะปลาที่ป่วย ปกติแล้วจะไม่กินเหยื่อ

https://www.youtube.com/watch?v=l8F7gw_XfBo

https://www.youtube.com/watch?v=alUCqLzB7vs

น้องอ๋อตัวที่คนไทยรูจักกันดี เห็นจะเป็นตัวนี้ บรรยายภาพว่า

"นางพญานาค จับได้ที่แม่น้ำโขง โดย ทหารอเมริกาที่ตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศลาว เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๑๖ ความยาวประมาณ ๗.๘๐ เมตร"

คนไทยหลายท่านยังเชื่อเช่นนั้นอยู่ ;D

ปัจจุบันหัวของนางพญานาคยังเก็บรักษาไว้ที่ สถาบันสมุทรศาสตร์ทางทะเลสคริปป์ (Scripps Institution of Oceanography) ในเมือง La Jolla รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพและคำบรรยายที่ติดอยู่หน้าห้องเก็บตัวอย่าง

"SIO 96-82 ถูกพบที่ชายหาดของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ของสหรัฐอเมริกา ใกล้กับชายหาดโคโลนาโด รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ (ค.ศ. ๑๙๙๖) มีความยาวประมาณ ๗.๓ เมตร"

(https://readthecloud.co/wp-content/uploads/2020/09/oarfish-naga-6.jpg.webp)

ส่วนหัวของนางพญานาคที่เก็บรักษาไว้

(https://readthecloud.co/wp-content/uploads/2020/09/oarfish-naga-7.jpg.webp)

ภาพและเรื่องจาก The Cloud (https://readthecloud.co/oarfish-naga/)

น้องอ๋อของคุณเพ็ญชมพู  ถูกธรรมชาติออกแบบมาสวยจริงๆ ทั้งรูปร่างสีสัน  ชวนให้เชื่อว่าเป็นปลาเทพเจ้ามากกว่าปลาที่เกิดมาให้มนุษย์ได้กินเป็นอาหาร

https://www.youtube.com/watch?v=yK2g4Nwdxco

พาญาติ(ในจินตนาการ)ของน้องอ๋อมาให้ดูบ้าง
หมายเหตุ   คลิปนี้เป็น CG

https://www.youtube.com/watch?v=kEYA1utNfvc

ขอแนะนำให้รู้จัก "น้องมายเลิฟ" งูเหลือมสีรุ้งเพศเมีย อยู่ในสวนสัตว์สัตว์เลื้อยคลาน ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

"เจย์ บริวเวอร์" (Jay Brewer) เจ้าของสวนสัตว์ให้สัมภาษณ์ว่า มายเลิฟเป็นงูที่น่ารักมาก มีนิสัยเชื่องที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่เขาโพสต์อะไรเกี่ยวกับมันลงบนโซเชียล มักจะได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าเป็นงูที่มีชื่อเสียงตัวหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้

จาก ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_6491961)

https://youtu.be/4TKVGwUW4TE

น้อง "มายเลิฟ" สวยสู้ "น้องอ๋อ" ได้ไหมหนอ ;D

https://www.facebook.com/tana.tim.9/videos/604768390571039/

ส่งน้องรุ้งเข้าประกวดอีกตัว

https://www.youtube.com/watch?v=UuydYf6G37I

ใหญ่ที่สุดในโลก! กัมพูชาพบกระเบนยักษ์กลางน้ำโขงหนัก 300 กก. แซงแชมป์เก่าปลาบึกไทย

เอเอฟพี - นักวิทยาศาสตร์เผยว่าชาวประมงในแม่น้ำโขงในกัมพูชาจับปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ได้ เป็นปลากระเบนราหูที่มีน้ำหนักมากถึง 300 กิโลกรัม

ปลากระเบนราหูน้ำจืดยักษ์ ที่วัดความยาวจากจมูกถึงหางได้ 4 เมตร ถูกจับได้เมื่อสัปดาห์ก่อน และได้ปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติหลังติดแท็กไว้ที่ตัวปลาเพื่อติดตามพฤติกรรม

ปลากระเบนราหูน้ำจืดตัวนี้ทำลายสถิติปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่บันทึกไว้ก่อนหน้าที่เป็นของปลาบึกที่จับได้ในไทยในปี 2548 ที่มีน้ำหนัก 293 กิโลกรัม โครงการวิจัย Wonders of the Mekong ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ระบุ

อ่านต่อได้ที่

https://mgronline.com/indochina/detail/9650000058973

;D

https://www.facebook.com/bbcindia/videos/433762944997090/

ไม่รู้ว่าแมลงตัวนี้เคยมาหรือยัง
มองดูเหมือนแมลงประดิษฐ์จากโลหะเคลือบเงา   แต่ความจริงเป็นแมลงจริงๆชื่อ chrysina limbata
รายละเอียดมากกว่านี้ต้องยกให้คุณเพ็ญชมพู

Chrysina limbata เป็นแมลงจำพวกที่เรียกว่า jewel scarab พบตั้งแต่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงทางใต้ของเวเนซุเอลาและเอกวาดอร์

ในปี ๒๐๑๑ มี การศึกษาโดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยคอสตาริกา (https://opg.optica.org/ome/fulltext.cfm?uri=ome-1-1-85&id=213294) เพื่อหาคำตอบว่าทำไม jewel scarab ๒ ชนิด คือ Chrysina aurigans (ด้วงสีทอง) และ Chrysina limbata (ด้วงสีเงิน) จึงมีลักษณะสะท้อนแสงแบบโลหะ

คำตอบที่ได้คือ ชั้นของไคติน (chitin) ที่เป็นส่วนประกอบเปลือกนอกของแมลงพวกนี้ มีดัชนีการหักเหของแสงต่างกัน ชั้นเหล่านั้นแยกแสงออกเป็นความยาวคลื่นต่าง ๆ และรวมตัวกันใหม่เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่เป็นโลหะ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชั้นของไคตินแยกแสงเหมือนปริซึม จากนั้นจึงค่อยรวมและสะท้อนแสงเหล่านั้นเพื่อเพิ่มความสว่างและสร้างความแวววาว

ซ้าย : Chrysina aurigans  ขวา : Chrysina limbata

;D

https://www.facebook.com/naturalhistorymuseum/videos/631971364222334/

มิตรภาพที่ไม่ธรรมดา ;D

คุณปู่ฮิโรยูกิ เอราคาวะ (荒川寛幸) มีหน้าที่ดูแลศาลเจ้าชินโตซึ่งอยู่ใต้น้ำบริเวณอ่าวตาเตยามะ (館山湾) จังหวัดชิบะ (千葉県) ที่ศาลเจ้าแห่งนี้คุณปู่ได้พบกับปลาโคบุได (コブダイ) หรือ ปลาหัวแกะ (Asian sheepshead wrasse - Semicossyphus reticulatus) ตัวหนึ่ง

มิตรภาพระหว่างมนุษย์และมัจฉาเริ่มขึ้น เมื่อคุณปู่ช่วยเหลือปลาตัวนั้นซึ่งดูเหมือนไม่ค่อยมีแรง ไม่สามารถหาอาหารได้เอง โดยนำปูอาหารโปรดของปลาหัวแกะมาให้มันกินทุกวัน  จนวันที่สิบเรี่ยวแรงก็กลับมา จากนั้นทั้งสองก็ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เกิดเป็นความผูกพัน เมื่อคุณปู่ลงดำน้ำคราใด เจ้าปลาตัวเดิมก็จะเข้ามาต้อนรับทุกครั้ง  ด้วยความเอ็นดูคุณปู่ตั้งชื่อมันว่า "โยริโกะ" (頼子) และขณะนี้คุณปู่อายุ ๘๔ ปี และเป็นเวลากว่า ๓๐ ปีแล้ว ที่ทั้งคู่ได้พบและเป็นเพื่อนกันใต้ทะเล

https://youtu.be/pfwdm5W2lWs

อยากให้คุณหมอเพ็ญแนะนำปลาหัวแกะหน่อยค่ะ   หน้าตาแบบนี้เคยมาเยือนกระทู้นี้หรือยัง

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ของ "น้องโยริโกะ" ที่น่าสนใจคือ ปลาหัวแกะเอเชียเป็นปลากะเทย (Hermaphrodite) มีทั้งอวัยวะเพศผู้และเพศเมียซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนเพศได้

https://youtu.be/Lg08EVWecVM

ปลาหัวแกะเอเซียอยู่ในวงศ์ปลานกขุนทอง (Labidae) ในคลิปนี้เป็นญาติกับปลาในลำดับที่ ๖ และมีการเปลี่ยนเพศในลักษณะเดียวกัน

https://youtu.be/IBFcK7wcuRU

ทำไมธรรมชาติถึงกำหนดให้มี 2 เพศในตัวเดียวกันคะ   เผื่อประโยชน์อะไร?

ในกรณีไส้เดือนหรือทากทะเลอาจจะเห็นไม่ชัด คุณธสาครเคยพูดถึงกรณีปลาการ์ตูนและปลานกขุนทองไว้


ตอบกว้าง ๆ ก็คือ เพื่อรักษาเผ่าพงศ์วงศ์วารของพวกมัน ให้สืบพันธุ์ต่อไปได้ไม่สะดุดเพราะความขาดแคลน ;D

เป็นอย่างนี้เอง ;D

ตัวนี้เคยมาหรือยังคะ แมลงหน้าคน ชื่อ Catacanthus incarnatus (Man-faced Stink Bug) family of Pentatomidae.

เคยมาครั้งแรกเมื่อ ๑๒ ปีมาแล้ว ;D

แก้ตัวใหม่  มังกรจิ๋วตัวนี้เคยมารึยังคะ
Draco หรือ  flying lizard, flying dragon หรือ gliding lizard.

https://www.youtube.com/watch?v=rBVgbxTkEuo

กิ้งก่าบินเคยมาครั้งแรกเมื่อ ๑๑ ปีมาแล้ว ;D

พระเอกของเราที่ป่าพุหนองปลิง ทองผาภูมิ กาญจนบุรี

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/956/2956/images/191Plunongpling/A2_BRT.jpg)

ป้ายต้อนรับจากเจ้าถิ่น

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=20814;image)

กิ้งก่าบินอยู่ในสกุล Draco (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Draco_(lizard))  คำว่า draco ในภาษาละตินมาจากคำว่า dragon

https://youtu.be/FxSGpCOtkSc

เห็นลีลาการเหินเวหาแล้วเหมือนมังกรบินไหม

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=20857;image)

ลูกหลานมังกรบินพวกนี้มีอยู่หลายพันธุ์ พบได้ในบ้านเราตั้งแต่เหนือจรดใต้ และทั่วไปในอุษาคเนย์และเอเซียใต้

https://youtu.be/eNC9ybhgJmo

จากกระทู้  สัตว์ประหลาด (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg85857#msg85857)

แก้ตัวใหม่ค่ะ

ขนลุกซู่! เมื่อเจอสัตว์ปริศนามากับน้ำประปาที่ต้องใช้ทุกวัน!

สาวสงสัยมันคือตัวอะไรโพสต์คลิปลง TikTok ชื่อ iamyours47 ระบุว่า “หน้าฉันเป็นสิวเพราะน้อง หรือเพราะฉันไม่สะอาด”

เธอระบุในคลิปว่า “เนื่องจากซักผ้าแต่น้ำไม่ไหล สงสัยอะไรอุดตันเลยเปิดดูตัวอะไรมากับน้ำประปาคะ เต็มไปหมดเลย” ซึ่งในภาพเป็นสัตว์ปริศนามีลักษณะตัวใสๆ ขนาดจิ๋ว ขยับยุกยิกเต็มไปหมด สาวคนโพสต์อัปเดตในคอมเมนท์อีกว่า “ถามผู้ดูแลประปาแถวบ้านบอกว่าคือ ตัวเห็บปลาค่ะ เราก็ไม่แน่ใจเพราะเพิ่งเคยเห็น ปกติจะมีเศษอะไรก็ไม่รู้อุดตันฝักบัว แล้วก็ท่อเครื่องซักผ้าตลอด เดาว่าคือเจ้าตัวนี้แหละค่ะที่อุด แค่ตอนนั้นเราไม่ได้สังเกตว่าน้องมีชีวิต”

ชาวเน็ตบอกว่าเป็นตัวเห็บปลาหรือไรแดง มีคนแนะนำให้ใช้พวกเครื่องกรองน้ำหรือตรวจสอบแทงค์น้ำ และแนะนำก่อนเก็บน้ำเข้าถังหรือก่อนน้ำเข้าปั๊ม ติดเครื่องกรองน้ำครับ ช่วยได้เยอะ

ยังไม่มีใครยืนยันว่าตัวอะไรกันแน่ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วขนลุกไม่ไหวเลยค่ะ

ขอผู้รู้ช่วยบอกหน่อย มันคือตัวอะไร อันตรายมั้ย?

https://www.ejan.co/social-trend/7cbuc8nbfk?fbclid=IwAR2qFr5adkZaz7N7JoWE3bOPBalEoiif___uMAywE8kdyfVnMHzNFZmXfi8

 ???

อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ (https://www.facebook.com/groups/122260101128398/permalink/5630643613623325/) วิสัชนาไว้ดังนี้

บางคนก็บอกว่า "เห็บปลา" แต่ผมว่าไม่น่าใช่นะ หน้าตาไม่เหมือนเห็บปลา ซึ่งจะเห็นเป็น ๒ ตา ตัวทึบแสง และมีขายื่นออกมา ขณะที่ตัวในรูปนี้ เห็นเหมือนมีตาเดียว ไม่มีขา และตัวใส

และเห็บปลา ซึ่งเป็นปรสิตเกาะภายนอกตัวปลา ก็ไม่น่าจะมาอยู่อิสระในน้ำประปาได้แบบนี้ด้วยครับ (เท่าที่เช็ค ถ้าเป็นช่วงตัวอ่อน มันน่าจะตายใน ๒๔ ชั่วโมง ถ้าไม่สามารถหาปลาเกาะได้ )

ตอนนี้ที่ผมสงสัยสุด คือ ไรแดงเทศ (Daphnia magna) ดูรูปทรงและขนาด มันคล้ายกับในภาพ แต่ไม่รู้มันมาอยู่ในน้ำประปาได้ยังไง

ไรแดงเทศ คือตัวอะไรคะ
เป็นสัตว์ประเภทไหน

ไรแดงเทศ (Daphnia magna) เป็นสัตว์จำพวกเดียวกับปูหรือกุ้ง (crustacean) ตัวเมียมีขนาดประมาณ ๕ มิลลิเมตร ตัวผู้ประมาณ ๒ มิลลิเมตร ในธรรมชาติจะชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ในเวลากลางวันจะเคลื่อนที่ลงในแนวดิ่ง  ในเวลากลางคืนจะว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหาอาหาร มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ ๔๐ - ๕๐ วัน นิยมใช้เป็นอาหารเลี้ยงปลา

https://youtu.be/xbfc30nw1PQ

https://youtu.be/A4TRXFGV8Bg

กระโดดมาจากกระทู้สัตว์น่ารัก ;D


สัตว์ประหลาดลายหรูดูแปลกนัก
ดูอีกทีก็น่ารักชักหลงใหล
"เพลี้ยกระโดดลายบ้านเชียง"พบในไทย
ชนิดใหม่เลื่องลือระบือนาม

;D

https://www.facebook.com/KURDINewsclips/videos/438136810731268/

๓ กันยายน ๒๕๖๕

สุขสันต์วันเกิด Janus the tortoise

Angelica Bourgoin เจ้าหน้าที่ประจำดูแลพิพิธภัณฑ์ Geneva Natural History Museum สวิตเซอร์แลนด์ เคาะกระดองของ Janus และกระซิบบอกเบา ๆ ก่อนที่มันจะโผล่หัวทั้งสองขึ้นมาชนกัน เนื่องในโอกาสวันเกิดปีที่ ๒๕ ของมัน

Janus* เป็นเต่ากรีก Greek tortoise (https://animalia.bio/greek-tortoise) (Testudo graeca) มีสองหัว สองหัวใจ และปอดสองคู่ แถมยังมีพฤติกรรมที่แตกต่าง ภายใต้กระดองเดียวกัน ซึ่งตามธรรมชาติแล้ว เต่าตัวนี้อาจไม่สามารถมีชีวิตรอด เพราะมันไม่สามารถหุบหัวเข้าไปในกระดองเต่า เพื่อหลบหนีจากผู้ล่าตามธรรมชาติได้

เจ้าหน้าที่จาก Geneva Natural History Museum พบ Janus ในปี ๒๕๔๐ และให้การดูแลเต่าพิเศษนี้มาโดยตลอด ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า Janus เป็นเต่าสองหัวที่มีอายุยืนที่สุดในโลก

Janus รอดจากการผ่าตัดนิ่วเมื่อ ๒ ปีก่อน หัวทั้งสองของมันต้องคอยทาด้วยวาสลีน เพื่อไม่ให้บาดเจ็บจากการกระทบกระทั่งกัน อีกทั้งพฤติกรรมที่แตกต่างกันของเต่า ยังมีอารมณ์และรสนิยมที่แตกต่าง ซึ่งบางครั้งนำไปสู่ความขัดแย้ง เช่น ทิศทางที่จะเลือกเดิน ซึ่งทีมดูแลเต่า Janus บอกว่า เต่าฝั่งขวาจะขี้สงสัย ตื่นต้น และมีพฤติกรรมที่ชัดเจนกว่า ขณะที่เต่าฝั่งซ้าย จะเป็นฝ่ายยอมและชอบกินมากกว่า

* Janus (http://en.wikipedia.org/wiki/Janus) เป็นชื่อเทพของชาวโรมัน มีหน้าที่อารักขาประตูและเป็นเทพแห่งการเริ่มต้น การเปลี่ยนแปลง และการสิ้นสุด มีสองหน้าจึงสามารถมองข้างหลังถึงอดีตที่ผ่านและมองข้างหน้าถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น

จาก รอยเตอร์ (https://www.reuters.com/lifestyle/oddly-enough/double-celebration-two-headed-tortoise-janus-turns-25-2022-09-02/) และ วีโอเอไทย (https://www.voathai.com/a/6729230.html)

;D

https://www.facebook.com/Q2News/videos/597650008573597/

ทำไมเต่าตัวนี้ถึงมี 2 หัวคะ?
มันคือเต่า 2 ตัวที่อวัยวะพัฒนาไม่เต็มที่หรือเปล่า

สัตว์ ๒ หัว คือฝาแฝดที่เกิดจากไข่ (ที่ปฏิสนธิแล้ว) ใบเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการแบ่งตัวมีความผิดปรกติคือตัวอ่อนแบ่งตัวไม่สมบูรณ์ จึงมีบางส่วนติดกันอยู่ เป็นลักษณะหนึ่งของ แฝดติดกัน (Conjoined twins) หรือ แฝดสยาม (Siamese twins)

https://youtu.be/cB0znopa5qQ

สัตว์ ๒ หัว พบได้ตั้งแต่ครั้งบรรพกาลแล้ว ;D

เมื่อ ๑๕ ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๐) มี รายงานการค้นพบฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลาน ๒ หัวในประเทศจีน (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2373827/#__ffn_sectitle) มีความยาวประมาณ ๗๐ เซนติเมตร เป็นตัวอ่อนของสัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำ จำพวก choristoderes (Hyphalosaurus lingyuanensis) ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียส (cretaceous) เมื่อประมาณ ๑๒๐ ล้านปีมาแล้ว

งูประหลาดสีฟ้า
https://fb.watch/flt_aP8CTT/

https://www.youtube.com/watch?v=BRIOM8leYOo

https://youtu.be/1roGVlnEjlk

ประหลาดยิ่งกว่างู เห็นจะเป็นคนที่ไปไหว้ ;D

เคยเป็นข่าวเมื่อ ๙ ปีที่แล้ว

ภาพจาก เดลินิวส์

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=39562;image)

ปรกติมีสีเขียว                หายากเขียวตัวสีฟ้า
ธรรมชาติสร้างสรรค์มา     ประดับป่าแลผืนดิน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=39573;image)

น่าจะเป็น งูเขียวหางไหม้ตาโต Trimeresurus  macrops  (http://en.wikipedia.org/wiki/Trimeresurus_macrops)

จากกระทู้ สัตว์ประหลาด (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg119957#msg119957)

สงสัยสัตว์ประหลาดนอกกระทู้จะไม่เหลือแล้ว :-\ :-\

แมลงเต่าทองตัวจริง  เคยมาหรือยังคะ

https://www.youtube.com/watch?v=ihQE7Hk5NWM

ราชบัณฑิตท่านอธิบายถึงเจ้าแมลงตัวนี้ว่า

เต่าทอง ชื่อแมลงพวกด้วงขนาดเล็กหลายชนิด หลายสกุล ในวงศ์ Chrysomelidae รูปร่างค่อนข้างกลม ลำตัวโค้งแบน ปีกแข็งใส โค้งนูน เมื่อหุบปีกจดกันด้านหลังทำให้มองคล้ายหลังเต่า ปีกมีลวดลายเหลือบสีทอง เรียก เต่าทอง เช่น ชนิด Aspidomorpha sanctaecrucis (Fabricius) ตัวยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร ชนิด Cassida circumdata (Herbst) ตัวยาวประมาณ ๔ มิลลิเมตร

แมลงตัวนี้เคยเห็นตัวจริงอยู่  น่าจะเป็น Aspidimorpha sanctaecrucis ตัวอ่อนกินใบผักบุ้งเป็นอาหาร ก็น่าจะถือเป็นศัตรูพืชชนิดหนึ่ง

บน ตัวอ่อน  ล่าง ตัวเต็มวัย

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6794.0;attach=66317;image)

จากกระทู้ สัตว์ประหลาด ๕ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6794.msg160368#msg160368)

https://youtu.be/xYy9GrCHEm4

เจ้าของแมวอยู่เวียงจันทน์ ประเทศลาว

พาแมลงเต่าทองสีเขียวมาเข้ากระทู้

https://www.youtube.com/watch?v=qretjDguPxA

เมื่อวาน (๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) มีข่าวการพบปลาบู่ตัวสีทอง ซึ่งดักได้ในสระน้ำที่ขุดไว้สำหรับเลี้ยงปลาแบบธรรมชาติ ที่อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว เจ้าของบอกว่า มีนักสะสมปลาสวยงามติดต่อขอซื้อในราคาตัวเลข ๗ หลัก แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจ

https://youtu.be/keANZPdLXOU

ขอแนะนำให้ขายในทันใด ก่อนที่ราคาจะตกเหลือตัวเลขเพียง ๓ หรือ ๔ หลัก ;D

เมื่อวานนี้ (๓ ตุลาคม ๒๕๖๕) ชาวนา ตำบลเมืองโพธิ์ อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ แจ้งว่าเจอลูกจระเข้ตัวเล็ก เข้าไปอยู่ในไซดักปลาจำนวน ๑ ตัว และคาดว่าน่าจะมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่อาศัยอยู่ตามทุ่งนาของชาวบ้าน

ข่าวจาก มติชน (https://www.matichon.co.th/region/news_3596627)

จากรูปร่างลักษณะไม่ใช่ลูกจระเข้แน่นอน แต่เป็น จิ้งจกดินลายจุด หรือ จิ้งจกดินสยาม Siamese leaf-toed gecko (Dixonius siamensis) ชอบหากินอยู่ตามพื้นดิน กองหิน โคนต้นไม้ ตอไม้

จิ้งจกดินสยามกับสาวน้อย ;D

https://www.facebook.com/suppayanaidin/videos/1293645351469378/

คิงคอง”Gigantopithecus” ภาพนี้จริงหรือเปล่าคะ

มีคำบรรยายว่าเป็นฟอสซิลของวาฬ  ทำไมโค้งราวกับงู

เป็นภาพถ่าย William "Bill" Munns นักแต่งหน้าและเทคนิคพิเศษ (makeup and special effects artist) แห่งฮอลลีวูด กับผลงานของเขา Gigantopithecus ลิงยักษ์ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่เมื่อ ราว ๒.๖-๐.๘ ล้านปีก่อน

ใน เว็บไซต์ของเขา (http://www.billmunnscreaturegallery.com/bmcgsite_006.htm) บอกว่า Giganto (ชื่อที่เขาเรียกหุ่นลิงยักษ์) สร้างขึ้นโดยได้แบบมาจาก กอริลลา และ มนุษย์โบราณ Homo erectus

หลายท่านอาจไม่เชื่อ ครั้งหนึ่งทะเลทรายซาฮาราเคยเป็นมหาสมุทร หลักฐานในเรื่องนี้อยู่ในทะเลทรายซาฮาราในส่วนของประเทศอียิปต์ ห่างจากกรุงไคโรมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๑๙๐ กิโลเมตร คือ สุสานแห่งวาฬ (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Wadi_al_Hitan) (Wadi Al-Hitan - whale valley) มีฟอสซิลของวาฬโบราณนับร้อย

เวลาผ่านไปหลายสิบล้านปี ด้วยอิทธิพลของกระแสน้ำครั้งยังเป็นมหาสมุทรและกระแสลมเมื่อน้ำเหือดแห้งกลายเป็นทะเลทราย ฟอสซิลโครงกระดูกของวาฬโบราณจึงคดโค้งดั่งโครงกระดูกงู ฉะนั้น

https://youtu.be/q553LpBWaVM

เอาปลาไหลสีทองมาฝากค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=C2K4Q7nAGLw

ชาวบ้านมักจะเห็น "สัตว์สีทอง" เป็นเรื่องประหลาด

ปลาแค้ยักษ์ น่าจะไม่เคยมาเยือนกระทู้สัตว์ประหลาด

https://www.youtube.com/watch?v=Wf895tkavD0

ทำเอาฮือฮากันยกใหญ่ เมื่อเพจดัง คนยโสธร ได้โพสต์ภาพของปลาช่อนตัวหนึ่ง ที่มีลักษณะแปลก ตรงบริเวณหัวมีเกล็ดที่งอกออกมาคล้ายกับดอกกุหลาบ

https://www.komchadluek.net/news/411062

ภาพนี้บรรยายเพียงว่า เป็นเต่าทะเลตัวใหญ่ที่สุด  แต่ไม่ระบุสถานที่หรือวันเวลา

26 ต.ค.65 ที่บริเวณริมถนนลำท่าแดง -ขุนอิน หมู่ 4 ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง พบ ป้าแหว๋ วัย 65ปี กับลุงเฉียบ ชาวบ้านตำบลศาลาแดง ดักตาข่ายได้ปลาดุกยักษ์ตัวใหญ่มากจนยกไม่ไหว ให้ลูกชายนำกระสอบปุ๋ยมาใส่ปลาดุกนำกลับไปบ้าน สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้พบเห็น

ป้าแหว๋ว เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ได้พายเรือเหล็กไปกับลุงเฉียบ เพื่อเก็บกู้ตาข่าย ที่วางดักปลาไว้ในห้วยจระเข้ ที่น้ำท่วมสูงกว่า 3เมตร พบปลาขนาดใหญ่ติดตาข่ายอยู่ ที่แรกมองอยู่ไกลๆ นึกว่าเป็นงูเหลือม เมื่อเข้าไปแกะตาข่ายพบว่าเป็นปลาดุกตัวขนาดยักษ์ ยาวประมาณ 1 เมตร หนักประมาณ 16-17 กิโลกรัม ถึงกับยกไม่ไหวต้องให้ลูกชายนำใส่กระสอบแบกปลาดุกกลับบ้าน ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก เตรียมนำกลับไปหันเป็นชิ้นชั่งกิโลขายสร้างรายได้ช่วงน้ำท่วมต่อไป

https://www.naewna.com/likesara/688414

เคยบรรยายภาพในเวอร์ชั่น 'ปรัศวภาควิโลม' ไว้เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ;D

น่าจะเป็น ปลาดุกแอฟริกา (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Clarias_gariepinus) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า ปลาดุกรัสเซีย (Clarias gariepinus โตเต็มที่ยาวประมาณ ๑-๑.๕ เมตร ในสภาวะที่เหมาะสมอาจโตได้ถึง ๑.๗ เมตร และหนักได้ถึง ๖๐ กิโลกรัม ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ มีรายงานว่าเคยพบตัวอย่าง (specimen) ปลาดุกแอฟริกายาวมากกว่า ๒ เมตร และหนักมากกว่า ๑๐๐ กิโลกรัม)

https://youtu.be/S0Z4s0OflZw

คุณหมอเพ็ญไม่เห็นเอ่ยถึงปลาแค้ยักษ์กับปลาช่อนหัวดอกกุหลาบเลยค่ะ    ไม่อยู้ในทำเนียบสัตว์ประหลาดหรือคะ

รับลงทะเบียนทั้งปลาแค้ยักษ์และปลาช่อนหัวลายดอกกุหลาบเข้าในทำเนียบสัตว์ประหลาดเรียบร้อยแล้ว ;D

คุณตั้งเคยกล่าวถึงปลาแค้ หรือ แค่ หรือ แคร่ น่าจะอธิบายเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะเรื่องทำไมเรียกว่า 'ฉลามน้ำจืด'


ส่วนเรื่องปลาช่อนประหลาด ความผิดปรกตินี้น่าจะเกิดจากโรคผิวหนังหรือเกล็ดในปลา ;)

ปรกติกวางจะสู้กันโดยใช้เขาชนกัน แต่ขาหน้าก็อาจจะใช้ต่อสู้กันในท่าทางที่คล้ายจิงโจ้ เชื่อว่าน้อยคนจะเคยเห็น ;D

https://youtu.be/n85IwnfSOlo

ปลาแสงอาทิตย์เคยมาเยือนกระทู้ สัตว์ประหลาด ๕  แต่คราวนี้พบในอ่าวไทย

https://www.youtube.com/watch?v=NVIdQhcudJQ

ว่าด้วยเรื่องปลาแสงอาทิตย์ ;D

วาฬอำแพง ได้รับการขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา (https://rkj.soc.go.th/DATA/PDF/2565/E/264/t_0016.pdf) ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ความจริงก็คือ โครงกระดูกนี้ไม่ใช่มาจากสิ่งมีชีวิตจริง ๆ แต่เป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ริมชายหาดซองต์ - เบรวิน เลส์ ปองส์ ในเมืองลัวราตล็องติก แคว้นเปอีเดอลาลัวร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส สร้างจากอะลูมิเนียม มีชื่อว่า Serpent D'Océan ยาว ๑๒๐ เมตร ขนาดใหญ่และยาวมากขนาดนี้จึงสามารถมองเห็นจากทางอากาศอย่างชัดเจน จนดาวเทียมถ่ายรูปได้ชัด

Serpent D'Océan เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการศิลปะ  Estuaire ที่เชิญศิลปินทั่วโลกมาสร้างผลงานขนาดใหญ่ ซึ่งงูตัวนี้สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก และได้รางวัลจากทางชุมชนด้วย

หวง หย่งผิง (黄永砯) ศิลปินชาวจีน เจ้าของผลงานดังกล่าว สร้างสรรค์งานชิ้นนี้โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมังกร สัตว์ในตำนานของจีน และยังมีนัยสำคัญแฝงอยู่อีกด้วย

สาเหตุที่มันเป็นโครงกระดูกก็เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องทะเลที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ได้ทำลายมัน ซึ่งไม่ได้คร่าชีวิตเท่านั้น แต่ยังคร่าจิตวิญญาณและพลังเหนือธรรมชาติของมันด้วยเช่นกัน  

ปัจจุบัน Serpent D'Océan ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงของพื้นที่ดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาเยือน จนได้ฉายาว่าเป็น งูที่ใหญ่ที่สุดในโลก  

https://hilight.kapook.com/view/214154

https://youtu.be/yFvHAPMq03Q

เกิดอะไรขึ้นกับแกะที่จีน ⁉️

เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นในจีน เมื่อกล้องวงจรปิดในฟาร์มแกะแห่งหนึ่งในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน บันทึกภาพฝูงแกะเดินตามกันเป็นวงกลมต่อเนื่องกันมากกว่า ๒ สัปดาห์ และดูเหมือนจะไม่มีใครอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร

คลิปวิดีโอเผยให้เห็นฝูงแกะเดินแถวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ขณะที่แกะตัวอื่น ๆ ยืนมองอยู่ข้างนอกวงกลมหรือเข้ามายืนนิ่งอยู่กลางวงกลม ถึงแม้จะมีรายงานระบุว่า พวกแกะน่าจะสุขภาพแข็งแรงดี แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าพวกมันได้หยุดกินอาหารหรือดื่มน้ำบ้างหรือไม่

เจ้าของฟาร์มแกะบอกว่า เหตุการณ์ประหลาดนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ตอนแรกมีแกะเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น แต่นับวันจำนวนแกะที่เข้าร่วมการเดินวงกลมก็มากขึ้นเรื่อย ๆ และน่าสนใจตรงที่ทั้งฟาร์มมีคอกแกะ ๓๔ คอก แต่มีเพียง ๑๓ คอกเท่านั้นที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาด

มีข้อสันนิษฐานว่า แกะพวกนี้อาจติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดโรค Listeriosis หรือ cercling disease ซึ่งตามทฤษฎีแกะที่เป็นโรคนี้จะตายภายใน ๑๔-๔๘ ชั่วโมงหลังเริ่มแสดงอาการ แต่ฝูงแกะในคลิปเป็นอย่างนี้มามากกว่า ๒ สัปดาห์แล้ว และพวกมันก็ดูแข็งแรงดี

https://www.facebook.com/thairath/videos/1377443402661992/

นักปีนเขาพบ "นกในตำนาน" สยายปีกกลางป่าลึกในเมืองจีน

ฮือฮาโซเชียลแห่แชร์ภาพของ "นกสีขาว" สยายปีกบินดูสวยแปลกตากลางป่าในเมืองจีน ซึ่งหลายคนบอกว่ามันคือ "นกฟีนิกซ์ขาว" ก่อนที่จะมีคนออกมาให้ข้อมูลว่า แท้จริงแล้วมันคือ "ไก่ฟ้าหลังขาว" นั่นเอง!

เฟซบุ๊กเพจ world forum ข่าวสารต่างประเทศ โพสต์ภาพนกสีขาวหายาก สยายปีกโผบินกลางป่าที่เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งถูกพบโดยนักปีนเขากลุ่มหนึ่ง พร้อมข้อความว่า
จีน

;D

https://www.facebook.com/ximoments/videos/508256767947873/

ชาวบ้านฮือฮา พบ "งูเขียวประหลาด" มีหงอนคล้ายพญานาค ที่เกาะคำชะโนด เชื่อว่าเป็นบริวารของพญานาคมาให้โชค ขณะที่คอหวยไม่พลาดส่อง "เลขเด็ด" ไปลุ้นโชคงวด ๑๖/๑๒/๖๕

ข่าวจาก ไทยรัฐ (https://www.thairath.co.th/lottery/news/2569425)

งูประหลาดที่คำชะโนด คืองูอะไร ทำไมมีหงอน?

เริ่มด้วยมีคนพบงูเขียวมีหงอนตกมาจากต้นไม้ ที่น่าแปลกใจคือมันมีหงอน ตกมานอนนิ่งสักพักก็เลื้อยขึ้นไปนอนบนขื่อ สร้างความสงสัย และแปลกใจให้กับหลาย ๆ คน โดนเฉพาะหงอนตรงปลายปาก

ความจริงงูตัวนี้มีชื่อว่า rhinoceros ratsnake (Gonyosoma boulengeri) อาจจะเรียกแบบไทย ๆ ว่า งูเขียวแรด หรือ งูเขียวหงอน เป็นงูไม่มีพิษ ไม่อันตราย ตัวเต็มวัย มีความยาวจรดปลายหาง ๑๐๐-๑๖๐ เซนติเมตร มีถิ่นอาศัยในป่าฝนเขตกึ่งร้อน ที่ระดับความสูง  ๓๐๐ ถึง ๑,๑๐๐ เมตร และมักเป็นหุบเขาที่มีลำธาร ปรกติมันจะอยู่บนต้นไม้ และส่วนใหญ่หากินในเวลากลางคืน ล่าสัตว์พวกหนูและนก พบได้ทางตอนเหนือของเวียดนาม และตอนใต้ของจีน ไม่พบในประเทศไทย

งูเขียวหงอนสามารถนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง บางทีอาจจะหลุดรอดหนีออกมาจากที่เลี้ยง หากพบที่อื่นอาจจะไม่ฮือฮาเท่ากับที่คำชะโนดก็เป็นได้ ;D

https://youtu.be/TBNbzba8uIk

ตัวสัตว์ไม่ประหลาดเท่าไหร่  สถานที่ก็ไม่ประหลาด  แต่พอเอามารวมกันแล้ว  สือพาดหัวข่าวว่า

สุดเหลือเชื่อ!! หมูป่าตัวใหญ่มากตกจากลานจอดรถชั้น 3 ในฮ่องกง นอนหายใจรวยรินเสียชีวิตใกล้ป้ายรถเมล์วันเสาร์
25 ธ.ค. 2565

เอเจนซีส์ - กลายเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อวันคริสต์มาสเกิดขึ้นเมื่อหมูป่าตัวใหญ่มีขนสวยงามตกลงมาจากลานจอดรถชั้น 3 ในฮ่องกงเมื่อเวลาเช้าวันเสาร์(24 ธ.ค)อย่างไม่คาดฝัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนเสียชีวิตนอกป้ายรถเมล์ตรงกันข้ามนอร์ท พอยท์ เซนเตอร์(North Point Centre) ท่ามกลางชาวฮ่องกงที่มุงดู

ติ่มซัมเดลี สื่อฮ่องกง รายงานเมื่อวานนี้(24 ธ.ค)ว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 06.27 น. ตามเวลาท้องถิ่นของฮ่องกงในวันคริสต์มาสอีฟ(24) ท่ามกลางความสนใจจากบรรดาชาวฮ่องกงมุง ที่มีทั้งควักสมาร์ทโฟนออกมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก

พบตำรวจฮ่องกงได้ขึงรอบบริเวณและมีตำรวจเฝ้าอยู่ในเหตุการณ์เมื่อหมูป่าตัวใหญ่ไม่ทราบเพศหรือรายละเอียดใดๆเกิดตกลงมาจากชั้น 3 ของอาคารลานจอดรถในบริเวณนั้นลงสู่ถนนเบื้องล่างใกล้ป้ายรถเมล์และตรงข้ามกับนอร์ท พอยท์ เซนเตอร์(North Point Centre) ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 288 ถนนคิง ฟอร์ตเทรส ฮิลล( Fortress Hill) และคนที่ผ่านไปมาและเห็นเหตุการณ์โทรศัพท์แจ้งตำรวจฮ่องกงให้มาที่จุดเกิดเหตุ

จากภาพที่เผยแพร่โดยสื่อฮ่องกง on.cc พบว่าหมูป่าตัวที่ว่าหลังตกลงมายังคงมีชีวิตและรู้สึกตัวและดูเหมือนมันพยายามนั่งท่ามกลางการเฝ้าจับจ้องจากเจ้าหน้าที่และชาวฮ่องกงที่พบเห็นในยาวเช้า

สื่อฮ่องกงรายงานต่อว่า มีการแจ้งไปที่แผนกการประมงทางการเกษตรและการอนุรักษ์ของฮ่องกง AFCD และ SPCA ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาที่จุดเกิดเหตุ แต่ทว่าหมูป่าได้สิ้นใจก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญ AFCD จะเดินทางไปถึง

ในรายงานระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญจากAFCDเป็นคนนำซากหมูป่าออกไปจากถนน

อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า มีชาวฮ่องกงรายหนึ่งเห็นหมูป่าตัวดังกล่าวเดินวนเวียนรอบลานจอดรถชั้น 3 ของนอร์ท พอยท์ เซนเตอร์ในช่วงต้นของวันเสาร์(24)

และชายชาวฮ่องกงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ถึงเหตุที่เกิดขึ้นแต่กลับไม่พบร่องรอยของหมูป่า

แต่ทว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุราวหกโมงเช้ามีใครบางคนได้ยินเสียงดังสนั่นก่อนที่จะเห็นหมูป่าที่น่าสงสารนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ใกล้ป้ายรถเมลในเวลาต่อมา

https://mgronline.com/around/detail/9650000122175

ฮ่องกงมีหมูป่าอยู่ราว ๓,๐๐๐ ตัว เดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนใกล้ตัวเมือง และหาอาหารที่ผู้คนมักให้มัน หรือแม้กระทั่งวิ่งไล่รถที่ผ่านไปมา

ก่อนหน้านี้ทางการได้มีการจับหมูป่ามาทำหมัน แล้วย้ายไปในพื้นที่ห่างไกล ต่อมาได้เปลี่ยนมาตรการโดยการจับหมูป่ามาทำการุณยฆาต รวมถึงเพิ่มโทษผู้ที่ให้อาหารแก่หมูป่า ท่ามกลางเสียงต่อต้านจากกลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิสัตว์

ที่มาจาก รอยเตอร์ (https://www.reuters.com/world/asia-pacific/hong-kong-authorities-begin-boar-hunt-amid-public-safety-fears-2021-11-18/)

https://youtu.be/2wWnB6U7aeM

ในวงศ์  Chrysomelidae  ยังมี แมลงเต่าอีกชนิดหนึ่งคือ แมลงเต่าสีน้ำเงิน (metallic blue tortoise beetle - Stolas imperialis) งามแท้ไม่แพ้แมลงเต่าทอง ดุจพลอยสีฟ้าอันมีค่า เป็นประกายท่ามกลางป่าฝนที่เขียวชอุ่มและมีชีวิตชีวาของบราซิล ลำตัวรูปไข่ หลังค่อม ยาว ๑ - ๑.๕ เซนติเมตร

ความจริงมันเป็นโลหะ ไม่ใช่สัตว์ แต่ชาวบ้านเรียก "ไข่ก๊อตซิลลา" ก็เลยเอามาไว้ในกระทู้นี้

ฮือฮามาก! ญี่ปุ่นเจอ “ไข่ก็อดซิล่า” พัดขึ้นหาดสุดพิศวงเป็นบอลโลหะขนาดยักษ์ไม่ทราบที่มา

เอเจนซีส์ - กลายเป็นเสียงฮือฮาทั่วเน็ตหลัง “ไข่ก็อดซิล่า” ถูกพัดขึ้นชายหาดเอ็นชูฮามา (Enshuhama) จังหวัดฮามามัตสึ (Hamamatsu) และมีคนบังเอิญไปพบเมื่อวันเสาร์ (18 ก.พ.) ก่อนแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ พบเป็นลูกบอลโลหะขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 เมตร ทั้งกั้นบริเวณเอาเครื่องเอกซเรย์ไปส่องแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร นอกจากยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายต่อชุมชน

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (22 ก.พ.) ว่า ผู้คนต่างสันนิษฐานกันยกใหญ่ถึงไข่ก็อดซิล่าที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกโซเชียลมีเดียเวลานี้ บ้างก็ว่าอาจเป็นทุ่นประเภทหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยังคงไม่แน่ใจในคำตอบ

เกิดขึ้นในวันเสาร์ (18) ล่าสุดมีคนตาดีผ่านชายหาดเอ็นชูฮามา (Enshuhama) จังหวัดฮามามัตสึ (Hamamatsu) และพบสิ่งแปลกประหลาดไม่ทราบที่มาถูกซัดขึ้นฝั่งจากทะเลและแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ

NHK สื่อญี่ปุ่นรายงานภาพข่าว เจ้าหน้าที่ 2 นายกำลังตรวจสอบลูกบอลโลหะสนิมจับขนาดใหญ่ตรงหน้าใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 เมตร

ทั้งนี้ พบว่าตำรวจได้กั้นพื้นที่ด้วยเส้นคาดสีเหลือง ก่อนที่จะนำเครื่องเอกซเรย์เข้าตรวจสอบไข่ก็อดซิล่า ฉายาที่บรรดาชาวเน็ตตั้งให้ แต่ไม่พบอะไรมากนักนอกจากยืนยันได้ว่าเป็นวัตถุที่ไม่ทำอันตรายต่อชาวบ้านในพื้นที่สร้างความโล่งใจไปทั่ว
นักวิ่งประจำชายหาดเอ็นชูฮามาเปิดเผยกับ NHK ว่า เขารู้สึกแปลกใจต่อสถานการณ์ความสับสนที่มาจากไข่ก็อดซิล่าในเวลานี้เพราะพบว่ามันตั้งอยู่บนชายหาดมาได้สักพักแล้ว
เขาเปิดเผยต่อว่า เขาพยายามใช้มือผลักมันเพื่อเขยื้อนแต่ทว่าไม่สามารถขยับบอลโลหะได้แม้แต่น้อย

บีบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่าไข่ก็อดซิล่าจะถูกนำออกไปในไม่ช้า
https://mgronline.com/around/detail/9660000017419

https://www.youtube.com/watch?v=UbvydV5iZuI

ไก่ดองต๋าว หรือ ไก่พันธุ์มังกร แห่งเวียดนาม มีขาใหญ่ดุจเท้าก๊อดซิลล่า ;D

ชาวเวียดนามจะนิยมนำตีนของไก่ดองต๋าวมาทำอาหารในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ของเวียดนาม

https://www.facebook.com/InTheKnowReports/videos/2273595709400511/

เมื่อวานนี้ (๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖) ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ น้องม้าลายตัวหนึ่งหลุดออกมาจากสวนสัตว์ใน Children's Grand Park (어린이대공원) ตระเวนทั่วเมือง เป็นเวลาเกือบ ๓ ชั่วโมง ก่อนจะถูกจับได้โดยการยิงยาสลบ

ลำพังม้าลายก็เป็นสัตว์แปลกอยู่แล้ว วิ่งเตลิดอยู่ในเมืองก็ยิ่งประหลาด เมื่อมาหยุดอยู่ตรง "ทางม้าลาย" คล้ายกับว่ารู้ว่าเป็น "ที่ทางของมัน" บนถนนในเมือง ;D

https://youtu.be/05FKpI09hHA

ที่ฟาร์มเบลบรูก โฮลสไตน์ (Bellbrook Holsteins) ในภูมิภาคเวสต์ กิปปส์แลนด์ (West Gippsland) รัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย มีลูกวัวตัวหนึ่งอายุประมาณ ๑ เดือน ลายบนลำตัวมีลักษณะคล้ายกับใบหน้ายิ้ม เจ้าของฟาร์มตั้งชื่อให้มันว่า Happy ตามลักษณะรอยยิ้มบนลำตัว

เดิมทีเจ้าของคิดจะเลี้ยงดูเจ้าแฮปปี้ ไว้ในฟาร์ม แต่สุดท้ายตัดสินใจขายเจ้าแฮปปี้ ไปให้กับ ลาร์ดเนอร์ พาร์ก (Lardner Park) ผู้ประกอบการฟาร์มขนาดใหญ่ในรัฐวิกตอเรีย ในราคา ๑ หมื่นดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ บาท) ด้วยเหตุผลว่า มันควรได้มีชีวิตที่ดีกว่า และได้วิ่งเล่นในพื้นที่ที่กว้างขวางกว่านี้ โดยเงินที่ได้จากการขายจะถูกนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลในภูมิภาคเวสต์ กิปปส์แลนด์ ต่อไป นอกจากนี้ เจ้าแฮปปี้ จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวนำโชคประจำ ลาร์ดเนอร์ พาร์ก อีกด้วย

https://www.facebook.com/ThaiPBS/videos/657451202880244/

ช้าง ๓ เศียร อวดโฉมในเทศกาลโขนกรุงศรีปีที่ ๔ (รามายณะนานาชาติ) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม - ๓ เมษายน ๒๕๖๖ ณ ลานหลังวัดมหาธาตุ จจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ช้าง ๓ เศียรก็คือ ฉบับย่อของช้างเอราวัณ (เต็มรูปแบบมีถึง ๓๓ เศียร) ในคลิปบรรยายว่าเป็นช้างในพงศาวดาร เห็นจะใช้คำผิด แท้จริงแล้วคือ ช้างในตำนาน หรือ ช้างในวรรณคดี นั่นเอง

(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRNrFLfnpmLFFjxPB5El3jSum5OxmxHN65XtQ&usqp=CAU) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTAxtJMdaTYKwe7ftqYJbWWIElPT_1KIqJW4A&usqp=CAU)

แม้อีก ๒ เศียรมิใช่ของจริง แต่ก็ถือเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งในสายตาของผู้พบเห็น ;D

https://youtu.be/qRR4CugiqyE

คุณเพ็ญชมพู
นิลกาย เคยมารึยังคะ

เคยมาแล้วหนอ ;D

"หน้าเหมือนกวาง หางเหมือนวัว ตัวเหมือนม้า ขาเหมือนแพะ"

บางคนเชื่อว่ามาจากป่าหิมพานต์

ตัวอะไรหนอ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=31320;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=31349;image)

คำตอบคือ นิลกาย Nilgai (Boselaphus tragocamelus) ความหมายตามชื่อคือ วัวสีนิล ฝรั่งอธิบายว่าคือ blue bull ซึ่งหมายถึงวัวตัวผู้ที่มีสีน้ำเงิน

ลักษณะตัวเป็นม้า หน้าเป็นกวาง ถ้าเรียกชื่อตามแบบฉบับของสัตว์หิมพานต์  คงชื่อว่า "อัสดรมฤคา"

อัสดรมฤคา..นิลกาย มีถิ่นเดิมอยู่แถวอินเดียตอนเหนือ และเนปาล

เมืองไทยก็มีอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่  ตัวใหญ่ที่นอนอยู่เป็นตัวผู้สีนิลตามชื่อ

ส่วนตัวยืนเป็นตัวเมียสีน้ำตาลอ่อน ไม่มีเขา ตัวเล็กที่นอนหันหลังเห็นเป็นตัวผู้เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=31412;image)

https://youtu.be/Vdkxjk3IyD0

จากกระทู้ สัตว์ประหลาด (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg103740#msg103740)

นิลกายในธรรมชาติ

https://youtu.be/nHyBrSLFUMc

นิลกายเป็นสัตว์ที่สง่างามมาก   ชื่อก็สมตัว   เหมาะจะมาจากหิมพานต์
ตัวข้างล่างนี้ไม่ใช้แรคคูน ชื่อเรียกยากว่า Coatimundi  ไม่รู้ว่าเป็นญาติกับแรคคูนหรือเปล่า
เคยมาเยี่ยมหรือยังคะ

https://www.youtube.com/watch?v=Fb-c0BEE2Mg

ปลายเดือนที่แล้ว (กรกฎาคม ๒๕๖๖) มีน้องหมีตัวหนึ่งในสวนสัตว์เมืองหางโจว ประเทศจีน เป็นที่กล่าวถึงในหมู่คนจีน เพราะมันลุกขึ้นยืน ๒ ขา และโบกมือให้นักท่องเที่ยว

มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหมีนี่ดูเหมือนคนใส่ชุดหมีมากกว่าหมีจริง ๆ แล้วพากันจับผิดว่าดูตอนมันยืน ๒ ขาสิ ที่ก้นของมันมีรอยย่นของชุดหมีด้วย รักแร้ก็ยานเหมือนชุดไม่พอดีตัว ทั้งนักข่าวทั้งประชาชนทั่วไปแห่โทรถามสวนสัตว์ กดดันให้ยอมรับว่าเอาคนมาแสดงเป็นหมีหรือเปล่า จนสวนสัตว์ต้องออกมาแถลงยืนยันว่าน้องเป็นหมีจริง ๆ ๑๐๐% และยังบอกอีกว่าช่วงนี้มีอุณหภูมิเกือบ ๔๐°ซ คงไม่มีใครสามารถเข้าไปอยู่ในชุดหมี ขณะที่มีอากาศร้อนขนาดนั้นแน่

สวนสัตว์อธิบายว่า เจ้าหมีตัวนี้คือ Malayan sun bear (คนไทยเรียกว่า หมีหมา เพราะบางครั้งมันส่งเสียงเหมือนหมาเห่า หรือเรียกว่า หมีคน เพราะเวลายืน ๒ ขาจะมีส่วนสูงใกล้เคียงกับคน) ถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบไทย มาเลเซีย พม่านี่แหละ รวมทั้งจีนตอนใต้ด้วย

หมีหมาเป็นหมีที่ตัวเล็กที่สุดในบรรดาหมีทั้งหมด และด้วยความที่มันเป็นหมีเขตร้อนจึงไม่จำเป็นต้องสะสมไขมัน รูปร่างเลยผอมเพรียว เวลามันยืน ๒ ขาเลยยิ่งดูเหมือนคนเข้าไปใหญ่

แม้จะเป็นสัตว์ป่า แต่พอมาอยู่ในสวนสัตว์พวกมันก็ปรับตัว รู้จักโบกมือให้นักท่องเที่ยวเพื่อขออาหาร น้องหมีตัวนี้เพิ่งมาอยู่ที่สวนสัตว์แห่งนี้เมื่อปี ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นช่วงโควิดพอดี นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยได้เห็นมัน เลยไม่รู้พฤติกรรมของมัน จนเข้าใจผิดว่าเป็นคนใส่ชุดหมี

https://www.facebook.com/thairath/videos/9664988230240946/

เห็นหมีหมาแห่งสวนสัตว์หางโจวตัวนี้ แล้วนึกถึงคนในชุดหมีขาว และบรรดาผองสัตว์ ในภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง 해치지않아 (ชื่อภาษาอังกฤษคือ Secret Zoo ชื่อภาษาไทยคือ เฟค zoo สู้โว้ย!)

https://youtu.be/30XZrN4tqSE

ตำนานของฝรั่งยุโรปเล่าถึงยักษ์ชื่อไซคล็อป (cyclop) ยักษ์ตาเดียว   มันออกมาอาละวาดในหนังและนิทานเด็กหลายร้อยหลายพันเรื่อง
มีคนพบกระโหลกมนุษย์ที่แปลกมาก คือมีโพรงอยู่ตรงกลางในส่วนที่ควรเป็นดวงตา  อายุประมาณ 10000 ปี
ยักษ์ตาเดียว มีจริงหรือนี่

https://www.youtube.com/watch?v=b8UzrU-lw98

เรื่องนี้อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ว่าเป็น การผ่าเหล่า (mutation) อันเนื่องจากการผิดปรกติของยีนที่มีชื่อว่า "เม่นสายฟ้า" ;D

นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับ (ยีน-gene-สารพันธุกรรม) ในแมลงหวี่ พบว่ามียีนตัวหนึ่งซึ่งเมื่อมีการผ่าเหล่า (mutation) จะทำให้รูปร่างของหนอนแมลงหวี่เปลี่ยนแปลงไปคือสั้น อ้วน ทำให้หนามบนตัวซึ่งเดิมเป็นแถวห่าง ๆ กัน กระเถิบเข้ามารวมกันเป็นผืนเดียวเหมือนกับหนามของตัวเม่นแคระ นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งชื่อยีนนี้ว่า ยีนเม่น (hedgehog gene)

ยีนเม่นเป็นตัวกำหนดว่าส่วนไหนของไข่ที่ผสมแล้วจะเจริญเป็นอวัยวะอะไร ตำแหน่งไหน โดยผลิตโปรตีนเม่น (hedgehog protein) เป็นตัวสื่อสาร

กลุ่มของยีนเม่น (hedgehog family) ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีอยู่ ๓ ตัว  สองตัวแรกตั้งชื่อตามชนิดของเม่นแคระ (desert hedgehog และ indian hedgehog) ส่วนตัวที่สามซึ่งเป็นตัวสำคัญและเป็นพระเอกของเรื่องนี้ตั้งชื่อว่า sonic hedgehog ตามชื่อตัวเอกในวิดิโอเกมคือ เม่นสายฟ้า  Sonic The Hedgehog (มีเกร็ดเล่าว่าขณะที่ทำงานวิจัย ลูกชายของนักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษายีนตัวนี้ติดเกมนี้งอมแงม)

ยืนเม่นสายฟ้ามีหน้าที่สำคัญคือควบคุมทั้งรูปร่างและตำแหน่งของนิ้วมือ นิ้วเท้ารวมทั้งแขนและขาด้วย  โดยการสร้างโปรตีนชื่อเดียวกันคือโปรตีนเม่นสายฟ้าเพื่อทำหน้าที่นี้

หน้าที่อีกประการหนึ่งของยีนเม่นสายฟ้าซึ่งสำคัญพอ ๆ กับหน้าที่แรกคือกำหนดการแบ่งสมอง (รวมทั้งไขสันหลัง) ออกเป็นสองข้าง

ยักษ์ตาเดียว (Cyclops) ในนิยายกรีก เป็นผลของการผิดปรกติของยีนตัวนี้ คือสร้างโปรตีนสื่อสารน้อยกว่าปรกติ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e9/Redon.cyclops.jpg/378px-Redon.cyclops.jpg)

หากโปรตีนสื่อสารมากไป ตัวอ่อน (embryo) ก็จะพัฒนาเป็นสัตว์สองหน้า

คนทั่วไปมักมองนักวิทยาศาสตร์ว่าเป็นคนเคร่งขรึม ไร้อารมณ์ขัน แต่จากเรื่องยีนเม่นสายฟ้าคงเผยความจริงให้เห็นว่านักวิทยาศาสตร์ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีอารมณ์ขันเป็นเหมือนกัน

แต่ภาระหนักคงจะตกอยู่กับคุณหมอเมื่อต้องอธิบายลึก ๆ ถึงสาเหตุของความผิดปรกติให้พ่อแม่ของคนไข้เด็กฟัง  พ่อแม่ของเด็กที่มีความผิดปรกติมาก ๆ เช่นเด็กนางเงือก, ตาเดียว หรือสองหน้า คงแปลกใจเป็นนักเป็นหนาว่าคุณหมอพูดตลกหรือเปล่าเมื่อบอกว่าสาเหตุของสิ่งเหล่านั้นเกิดจากยีนที่ชื่อว่า เม่นสายฟ้า sonic hedgehog

จากกระทู้ สัตว์ประหลาด (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg106549#msg106549) เมื่อ ๑๑ ปีก่อน

หมายความว่าเจ้าของหัวกระโหลกคนนี้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ เขามีดวงตาดวงเดียวตรงกลาง?
ดวงตาอีกข้างไม่มี  หรือหลบซ่อนอยู่ตรงไหน?
การมองของเขาเป็นอย่างไร  เหมือนคนทั่วไปไหม?
คนที่มีลักษณะเช่นนี้  ปัจจุบันยังมีให้เห็นไหมคะ

รูปลักษณ์อย่างยักษ์ตาเดียว ศัพท์ทางวิชาการเรียกว่า cyclopia ในมนุษย์พบได้ในทารก ๑ ใน ๑๐๐,๐๐๐ ราย ซึ่งยังไม่มีรายงานว่ารอดสักราย นอกจากนี้มีรายงานว่าพบได้ในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง (vertebrate) หลายชนิด เช่น สุนัข, แมว, หมู, ม้า, วัว, ควาย, แพะ, แกะ  รวมถึงปลาฉลามด้วย

https://youtu.be/r8jWAvF3rcE

ขอบคุณค่ะ
งั้นเจ้าของกระโหลกตาเดียวต้องแข็งแรงมาก  มีชีวิตรอดมาได้จนโตเป็นผู้ใหญ่   สงสัยจริงๆว่าเขาดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ หรือคนพิการ

ในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  มีอาคารเปิดใหม่เก็บเครื่องทองจากกรุวัดราชบูรณะ และที่อื่นๆไว้น่าตื่นตาตื่นใจมาก
ปรากฏว่ามีเจ้าไดโนเสาร์เพ็นนอโซรัสจากปราสาทตาพรหม  มาอยู่ที่นี่ด้วย    เจ้าหน้าที่ที่พาชมอธิบายว่าเป็นหมูป่า
ว่างๆเชิญคุณเพ็ญชมพูไปชมเพื่อนเก่าบ้าง   อาจจะต้องตั้งชื่อใหม่เสียแล้ว

 ;D

เพ็ญโน (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg97820#msg97820) คงยินดีที่ได้พบญาติผู้น้อง ;D

เพ็นโนซอรัส(เพ็ญโน) ตัวจริง

มันก็เป็นได้ ทั้งแรด และหมูป่า
ครีบบนหลังเพ็ญโน สลักไว้อย่างตั้งใจให้เรียงรายตลอดแถว    หมูป่ามีแผงขนอยู่บนหลัง  แรดไม่มี
แต่ก็เอาเถอะ   ถ้าถือว่าเพ็ญโนเป็นไดโนเสาร์   ก็จะเท่กว่าเป็นไหนๆค่ะ

Pennosaurus   อาจเป็นญาติตระกูลเดียวกับ Stegosaurus  ก็เป็นได้

หรืออาจจะเป็น Stegosaurus (ซ้าย) + Triceratops (ขวา) ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=9798;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3296.0;attach=9799;image)

หรืออาจเป็นพวก  Dimetrodon

ฮือฮา! 'สวนสัตว์ไบรท์ซู'เผยโฉมลูกยีราฟไร้ลาย พบเป็นตัวที่ 4 ของโลก

23 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมากเมื่อสวนสัตว์ไบรท์ ซู เมืองไลม์สโตน รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีแม่ยีราฟให้กำเนิดลูกยีราฟ ที่มีลำตัวเป็นสีน้ำตาลล้วนทั้งดัว ไม่มีลวดลายเหมือนยีราฟ ซึ่งทางสวนสัตว์เชื่อว่า เป็นยีราฟไม่มีลายตัวเดียวในโลก

ต่อมาเดวิด ไบรท์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ไบรท์ซู ดังฝันว่า นี่ไม่ใช่ยีราฟไม่มีลายตัวแรกที่เคยพบในโลก โดยก่อนหน้านี้ ในปี 1972 เคยมีลูกยีราฟในสวนสัตว์อุเอโนะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่เกิดมาโดยที่ลำตัวไม่มีลวดลายเช่นกัน ขณะที่ในปี 2020 เคยมีการพบครอบครัวยีราฟสีขาวหายาก 3 ตัว ในประเทศเคนยา โดยยีราฟที่มีสีขาวทั้งตัวนั้นเกิดจากความผิดปกติในการสร้างเม็ดสีผิว ที่เรียกว่าภาวะด่างหรือลูซิสซึมแต่ไม่ใช่เผือก

สวนสัตว์ไบรท์ ซู เปิดเผยว่า ลูกยีราฟไม่มีลวดลายตัวนี้ตอนนี้สูง 1.8 เมตรแล้ว และอยู่ในความดูแลของแม่ของมันและเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ โดยทางสวนสัตว์ประกาศว่าจะให้ประชาชนร่วมโหวตชื่อลูกยีราฟตัวนี้ จากชื่อภาษาสวาฮีลี 4 ชื่อที่คัดเลือกมาแล้ว ได้แก่ คิเปกี ที่แปลว่า มีเอกลักษณ์ , ฟีร์ยาลี แปลว่า โดดเด่น , ชากีรี แปลว่า สวยงามที่สุด และจาเมลลา  ที่แปลว่า สวยงามอย่างยิ่ง

โดยทางสวนสัตว์หวังว่า ลักษณะที่ผิดปกติของลูกยีราฟตัวนี้จะช่วยให้ผู้คนหันมาสนใจปัญหาที่สัตว์ชนิดนี้กำลังเผชิญอยู่ในธรรมชาติและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ เนื่องจากประชากรยีราฟในธรรมชาติได้ลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมียีราฟเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่ถึง 16,000 ตัว

 https://www.naewna.com/inter/751943

ภาพถ่ายปี ๑๙๗๒ โทชิโกะ ลูกยีราฟไร้ลายวัย ๔ เดือนพร้อมแม่ ที่สวนสัตว์อูเอโนะ โตเกียว ตามคำบรรยายใต้ภาพกล่าวว่า นอกจากโทชิโกะแล้ว ก่อนหน้านั้นยังเคยมียีราฟไร้ลายที่สวนสัตว์ในญี่ปุ่นอีก ๒ ตัว

เมื่อ ๖๐๐ ปีมาแล้ว สมัยราชวงศ์หมิง ยีราฟเข้ามาในประเทศจีน โดยเรียกมันว่า 麒麟 (ฉีหลิน ในสำเนียงจีนกลาง หรือ คี้ลิ้ง ในสำเนีงแต้จิ๋ว) ซึ่งหมายถึง กิเลน ในภาษาไทย

ภาษาจีนในปัจจุบันเรียกยีราฟว่า กวางคอยาว (長頸鹿) แต่ในภาษาญี่ปุ่นและเกาหลี ปัจจุบัน ยังรักษาวัฒนธรรมภาษาจีนสมัยราชวงศ์หมิงเอาไว้ โดยญี่ปุ่นเรียกยีราฟว่า キリン (คิริง) และเกาหลีเรียกว่า 기린 (กิลิน)

ยีราฟที่นำเข้ามาในประเทศจีนสมัยนั้นมี ๒ ตัว เป็นของขวัญจาก ไซฟุดดิน ฮัมซา ชาห์ สุลต่านแห่งเบงกอล (บังคลาเทศในปัจจุบัน) มอบให้จักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ (明成祖) หรือ จักรพรรดิหย่งเล่อ (永樂) ผู้ที่นำเข้ามาคือ เจิ้งเหอ (鄭和) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม ซำปอกง แม่ทัพขันที ผู้บัญชาการกองเรือมหาสมบัติของจักรพรรดิ โดยเดินทางมาถึง นานกิง (南京) เมืองหลวงในขณะนั้น เมื่อ ค.ศ. ๑๔๑๔ (พ.ศ. ๑๙๕๗)

ภาพนี้ชื่อว่า 瑞應麒麟圖 จิตรกรคือ เฉินตู（沈度) ปัจจุบันเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์กู้กง (國立故宮博物院）ไทเป ไต้หวัน ดูคล้ายกับยีราฟไม่มีลวดลาย แต่ถ้าลองขยายดูจะเป็นลวดลายจาง ๆ รูปหกเหลี่ยมต่อเนื่องกันทั้งตัว

จากยีราฟ เป็นกิเลนจีน

จากกิเลนถึงม้านิลมังกร

อพยพจากจีนมาสู่ป่าหิมพานต์ของไทย

อยู่ในป่าหิมพานต์ของไทย ก็งอกปีกขึ้นมาได้ด้วย

ที่ญี่ปุ่น キリン (kirin) ถ้าอยู่ในสวนสัตว์นั้นคือ ยีราฟ แต่ถ้าอยู่ข้างขวดหรือกระป๋องคือ กิเลน

ไทยเรา บางทีก็เรียก ยีราฟ ว่า กิเลน เหมือนกัน ;D

ยาอม ก็มีกิเลนประดับอยู่

กลับไปเยี่ยม สถาบันสมุทรศาสตร์ทางทะเลสคริปป์ อีกครั้งกับคุณฟาโรสและอาจารย์วิน (ดร.วัชรพงษ์ หงส์จำรัสศิลป์) ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล  คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เขียนบทความ Naga of San Diego (https://readthecloud.co/oarfish-naga/) ไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓

นาทีที่ ๑๒.๓๐ - ๒๓.๑๐

https://www.youtube.com/watch?v=LxG5cUrTC3Q

คิดว่า พญานาคในตำนานที่มีหงอนบนหัว ตัวสีเขียว ขนาดใหญ่ยาว นั้น  มีที่มาจากน้องอ๋อ (oarfish) ของคุณเพ็ญชมพูนั่นเอง
ต่ำลงมาจากชมพูทวีป คือมหาสมุทรอินเดีย  นักเดินเรือโบราณน่าจะเคยเห็นน้องอ๋อ   แล้วเข้าใจว่าเป็นสัตว์ของเทพเจ้า  เพราะน้องอ๋อช่างสวยสง่าด้วยดีไซน์ของธรรมชาติ ทั้งสีสัน ขนาด ครีบหลัง  และยังมีเครื่องประดับหัวอีกด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=yK2g4Nwdxco

https://www.youtube.com/watch?v=b1I-4-oL4WU

https://www.youtube.com/watch?v=vSTFMXjrrpI

ม้าลายจุด เคยมาหรือยังคะ

https://www.youtube.com/watch?v=QJy3n-zGM7M

ม้าลายสีทอง

https://www.youtube.com/watch?v=--UONsjuAIA

เสียดายม้าลายแควกกา :(

บางตัวน่าจะเคยมาเยือนเรือนไทยแล้ว  นานๆก็เอากลับมาให้ดูกันอีกทีค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=JUt9GpAZfYA

ค้นพบงูชนิดใหม่ของโลก ที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน

อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล ได้ค้นพบงูชนิดใหม่ของโลก “งูหางไหม้เขาหินปูน” มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Trimeresurus ciliaris ซึ่งจัดเป็นงูหางไหม้ที่มีขนาดเล็กที่สุด หน้าตาคล้ายกับงูหางแฮ่มใต้ Trimeresurus venustus สำหรับงูหางไหม้เขาหินปูน มีลักษณะเด่นชัดที่สามารถแยกออกมาด้วยสายตาแบบคร่าวๆ ขนาดลำตัวจะเล็กกว่างูหางแฮ่มใต้ คิ้วและจมูกโปนกว่า ลายกระเกล็ดข้างลำตัวชัดกว่างูหางแฮ่มใต้

งูหางไหม้เขาหินปูนตัวนี้ เจอโดยบังเอิญที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน นำโดย นายแสงสุรี ซองทอง หัวหน้าอุทยานทะเลบัน นายนเคนทร์ กวีธนาธรรม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ และนายบุญฤทธิ์ เดโชไชย เจ้าหน้าที่ฝ่ายศึกษาวิจัย ในการออกสำรวจลานนกหว้า ตอนกลับได้แวะพักที่เพิงถ้ำเขาหินปูน มองไปเห็นงูตัวหนึ่ง จึงได้ถ่ายรูปไว้ พร้อมพูดว่า งูหางแฮ่มใต้ ต่อมาจึงได้ส่งรูปให้นักวิจัยสัตว์เลื้อยคลานคนหนึ่งเพื่อถามถึงชนิดพันธุ์ นักวิจัยได้ขอรูปและสถานที่ เพื่อนำไปเขียนเปเปอร์งูหางไหม้ชนิดใหม่ของโลก

https://www.thaipost.net/district-news/458715/?fbclid=IwAR1Ce-or9Ll-sVIy-XwZZkO4EkdHA9x4QCNn9kl1dYpenwd8n-gjlLr--Xg

    มีคนพบเต่าปริศนา มีรูปร่างลักษณะแปลกประหลาด  ไม่เหมือนกับเต่าที่เคยพบเห็นทั่วไป  กระดองเรียบไม่โค้งมน และมีลวดลายสีดำ ส่วนขอบชายกระดองไม่บานเหมือนเต่าทั่วไป มาเขย่าพุ่มไม้หน้าบ้านของชาวบ้านจนสั่นไหว จนเจ้าของบ้านนึกว่าผีหลอก พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ กลับมีเสียงขู่ฟ่อๆคล้ายเสียงงู แต่กลับไม่ดุร้ายเดินต้วมเตี้ยมเข้าบ้าน   เจ้าของบ้านจึงจับมาเลี้ยงไว้ โดยเชื่อว่าจะนำโชคมาให้

https://www.tiktok.com/@thaich8news/video/7287799048193527058

เต่าไม่ว่าจะเป็น เต่าบก เต่าทะเล หรือเต่าน้ำจืด ต่างก็ส่งเสียงร้องได้ เพียงแต่เราอาจไม่คุ้นเคยเท่านั้น

https://www.facebook.com/BBCnewsThai/videos/451100607137530/

;D

https://youtu.be/KxwlUNdgotg

https://www.youtube.com/watch?v=dtiUopam-E4&t=2s

https://www.youtube.com/watch?v=_Yk1y01voPo

https://www.youtube.com/watch?v=srM1iS80O7A

บางทีสัตว์ที่เราเห็นบ่อย ๆ จนชินตาในบ้านเรา อาจจะเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของชาวต่างชาติ อย่างเจ้า ตัวเงินตัวทอง (เหี้ย, เหี้ยลายดอก Varanus salvator) ที่สวนลุมพินี

เป็น soft power ที่เราท่านอาจคาดไม่ถึง ;D

https://youtu.be/zSnjkereP04

รายการ Reptile Adventures ของ Dāv Kaufman (https://www.rattleonmedia.com/dav-kaufman)

https://youtu.be/bs51fInpnbY

เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีผู้โพสต์ถามใน นี่ตัวอะไร (https://www.facebook.com/share/N248t2SeWwV3fxzo/?mibextid=WC7FNe) ว่า "ปลาอะไรคะ ติดเรือขึ้นมา" มีผู้ให้คำตอบหลายท่านว่าคือ "ออร์ฟิช หรือ ปลาพญานาค" ต่อมาในโพสต์ต้นทางจึงขยายความว่า "เรือที่จับปลาตัวนี้ได้คือ เรือ ก.เทพเจริญพร ๑๕ ละงู สตูล และตอนนี้มีพี่นักวิจัยประมงมารับน้องไปวิจัยแล้วนะคะ" นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่พบปลาออร์และออกเผยแพร่ในสื่อ ;D

อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว (https://www.facebook.com/share/p/xbRX9CS3o3YwVh5G/?mibextid=WC7FNe) ว่า

"ในเมืองไทยเท่าที่จำได้ ไม่เคยมีข่าว (ต้องเช็คอีกทีนะครับ) แต่หากถามว่าในโลกหายากขนาดนั้นไหม ? คำตอบคือเจอเรื่อย ๆ ครับ สมัยไปลงเรือสำรวจญี่ปุ่น ลงอวนน้ำลึกก็จับลูกปลา oarfish ได้เช่นกัน oarfish แพร่กระจายทั่วโลก ที่น่าสงสัยคือเจอที่สตูลได้อย่างไร ?

อันดับแรก จับได้ที่ไหน ? ตอนนี้ผมยังไม่ทราบ เอาเป็นว่าแถวอันดามัน (ล่าสุดทราบว่าอยู่ระหว่างเกาะลิบงกับเกาะอาดัง ใกล้ฝั่งมากกว่าเกาะรอก) ทะเลอันดามันน้ำลึกครับ เฉพาะในไทยลึกสุดก็ ๒,๐๐๐ เมตร อาจมี oarfish อยู่แถวนั้น แต่ปรกติเราไม่จับปลาน้ำลึก ก็เลยไม่ค่อยรู้จักกัน

อีกอย่างคือช่วงนี้น้ำเย็นเข้าอันดามัน ปรากฏการณ์ IOD (Indian Ocean Diploes) (https://www.stkc.go.th/info/ปรากฏการณ์-iod-น้ำทะเลเย็นกว่าปกติในมหาสมุทรอินเดีย) มีปลาแปลก ๆ เข้ามาตามมวลน้ำเย็น เมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีโมล่าติดอวน ลูกเรือช่วยกันปล่อยไปแล้ว จึงเป็นไปได้ว่า oarfish ตัวนี้จะเข้ามาตามน้ำ เมื่อพิจารณาจากจุดจับได้ เป็นเขตน้ำไม่ลึกมาก คงเป็นปลาวัยรุ่นที่อาจเข้ามาตามมวลน้ำเย็น เท่าที่ทราบ จับได้โดยเรืออวนล้อม หมายถึงปลาขึ้นมาใกล้ผิวน้ำ ซึ่งบางครั้งก็เป็นไปได้ แต่ไม่เกิดขึ้นบ่อย"

ปลาออร์ที่พบ (เป็นทางการ) ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวานนี้ (๓ มกราคม ๒๕๖๖) นำไปไว้ที่สำนักงานประมงจังหวัดสตูล วันนี้ (๔ มกราคม ๒๕๖๖) และจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพื่อไว้ศึกษาในโอกาสต่อไป

https://www.facebook.com/songtainews/videos/1860920147674454/

https://www.facebook.com/songtainews/videos/1069209097560810/

มีปลาออร์อีกตัวหนึ่งซึ่งอ้างว่าพบเป็นตัวแรกในประเทศไทย อยู่ที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี ดองใส่ตู้เอาไว้

ประวัติของปลาตัวนี้ไม่ชัดแจ้งว่าพบบริเวณใด มีข้อมูลใน เว็บของอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ (https://www.facebook.com/share/p/GUik6ppFZ2REW5EF/?mibextid=WC7FNe) อ้างจากผู้เชี่ยวชาญ (?) ว่า ปลาตัวนี้ได้มาจากหัวเกาะสุมาตรา ที่น่านน้ำเหลื่อมทับกันกับของไทยและมาเลเซีย

คำบรรยาย (ลอกตามต้นฉบับตัวเขียน) ที่หน้าตู้ปลา มีว่า

"ปลาใบพาย (Oarfishes) จัดอยู่ในครอบครัว Regalecidae มีชื่อสากล Regalecus glesne ASCANIUS,1772 ลักษณะลำตัวยาวขนาดใหญ่และแบนข้างมาก ปากตั้งฉากกับลำตัว ขากรรไกรแผ่กว้าง ฟันขนาดเล็ก ครีบหลังยาว

มีความยาวตลอดลำตัว ก้านครีบส่วนหน้า 8-10 ก้าน งอกเป็นเส้นยาวมาก ครีบท้องมีก้านครีบก้านเดี่ยวยาว ไม่มีครีบก้น ครีบเหลือก้านครีบยาว ๆ 3 เส้น ไม่มีเกล็ด ขณะทีชีวิตลำตัวมีสีเงินแวววาว แถบสีคล้ำพาดขวางลำตัว

ส่วนหัวสีน้ำเงิน ครีบสีแดงเข้ม ความยาวของตัว 360 ซ.ม. ชีวประวัติ ปลาใบพายเป็นปลาที่หายาก อาศัยอยู่ในน้ำค่อนข้างลึกในมหาสมุทร เมื่อพบที่ผิวน้ำ หรือซากที่ไม่มีชีวิต มักจะเกี่ยวข้องกับการเกิดพายุรุนแรง หรือแผ่นดินไหว ปลาตัวนี้เป็นปลาตัวแรกของประเทศไทย

จาก Olney J.E. ใน Carpenter. KE. 1999 FAO SPECIES IdEnFICAtion GUIDE FOR FISHERIES PURPOSE   (เรือวิศวดี 9 ถวายให้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว)"

https://www.facebook.com/cha.damyen.18/videos/267112800667040/

มีเรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับปลาอีกแล้ว คราวนี้เกิดที่ฟิลิปปินส์

เมื่อวานนี้ (๗ มกราคม ๒๕๖๗) ปลาซาร์ดีนจำนวนมากถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดติโนโต้  เมืองมาซิม จังหวัดซารังกานี เกาะมินดาเนา ชาวบ้านต่างแห่มาเก็บ ได้คนละ ๒๐-๓๐ กิโลกรัมโดยเชื่อว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า

https://www.facebook.com/pakaad/videos/1323543725021606/

ถามคุณเพ็ญชมพู  และ/หรือ ผู้รู้ท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้
น้องอ๋อได้ชื่อว่า "ปลาแผ่นดินไหว"  โผล่มาทีไรก็มักจะมีคลื่นสึนามิตามมา    ส่วนปลาที่ขึ้นมาตายเป็นก่ายเป็นกองนั้นก็อาจจะหนีจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำเช่นกันก็ได้
ถ้าหากว่าเป็นสึนามิที่เพิ่งเกิดในญี่ปุ่น   เราก็ได้คำตอบแล้วเรื่องนี้  แต่อ่านแล้วอดวิตกไม่ได้ก็คือ น้องอ๋อและปลาหนีจากเหตุร้ายใต้ทะเลที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นริมฝั่งหรือเปล่า  สึนามิครั้งใหม่จะมาเยือนแบบพวกเราไม่ทันตั้งรับอีกไหม

(๑) เรื่องความสัมพันธ์ของน้องอ๋อกับเรื่องแผ่นดินไหว  ในเว็บ naturalnews (https://www.naturalnews.com/2020-02-06-deep-sea-fish-in-shallow-waters-doesnt-mean-earthquake.html) รายงานการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์โยชิอากิ โอริฮาระ (織原義明) จากมหาวิทยาลัยโตไก (東海大学) เรื่องความเป็นไปได้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันระหว่างการพบเห็นปลาออร์กับแผ่นดินไหว และสรุปว่าไม่พบความเกี่ยวข้องใด ๆ

"ปลาออร์มากมายถูกพบในทะเลญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวปี ๒๐๐๙ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น"

(๒) สำหรับปรากฏการณ์  "ปลาเต็มหาด" ที่ฟิลิปปินส์ รายงานข่าวจาก หนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ (https://www.philstar.com/nation/2024/01/07/2324107/villagers-collect-sardines-swept-waves-sarangani-shores) กล่าวว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพแวดล้อมในทะเล เช่น อุณหภูมิของน้ำทะเล ทิศทางของคลื่น และแพลงค์ตอนซึ่งเป็นในอาหารของปลานั้นมีจำนวนลดลง

นาย Cirilo Aquadera Lagnason Jr. เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน the Protected Area Management Office of the Sarangani Bay Protected Seascape เผยว่า ปรากฏการณ์ ปลาซาร์ดีนวัยเยาว์ ลอยผิวน้ำ มาจนเต็มชายหาดนี้ ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ดังเช่นบางคนไปตีความกันตามตำนานเรื่องเล่าโบราณที่เตือนถึงภัยพิบัติที่จะตามมา แม้ว่าจะแปลกแต่ก็อธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=ZdK9pDWEOD4

ปลอดภัยแล้ว! ช่วย 'โลมาหลังโหนก' ถูกเชือกและทุ่นรัดตัว

16 ม.ค.67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายแสงสุรี ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จังหวัดตรัง (ศอท. จ.ตรัง) ได้ออกปฏิบัติการติดตามและเข้าช่วยเหลือโลมาหลังโหนกมีชีวิต บริเวณหน้าหาดมดตะนอย ซึ่งได้รับแจ้งในวันเดียวกัน ว่าพบโลมาหลังโหนกมีชีวิตถูกเชือกพร้อมทุ่นลอยพันรัดที่บริเวณโคนหาง ว่ายน้ำอยู่บริเวณหาดหยงหลิง ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.กันตัง จ.ตรัง

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและติดตามช่วยเหลือโลมาหลังโหนกตัวดังกล่าว โดยได้นำเรือยางขนาดเล็ก เรือสปีดโบ๊ต และเรือพาดหางยาว จำนวน 9 ลำ พยายามเข้าช่วยเหลือโลมาโดยการใช้อวนล้อมและกระโดดจับเพื่อทำการปลดเชือกที่โคนหาง ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถจับตัวโลมาและปลดเชือกพันรัดที่โคนหางได้สำเร็จ จากการตรวจสอบพบว่าโลมาติดเชือกลอบหมึกสาย(กุ๊งกิ๊ง) ขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร และมีอิฐบล๊อกถ่วงอยู่ด้านล่าง ทั้งนี้สัตวแพทย์ประเมินอาการสัตว์เบื้องต้นพบว่าโลมามีขนาดประมาณ 1.7 เมตร อยู่ในช่วงวัยรุ่น สัตว์ยังมีการตอบสนองดี สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ พบบาดแผลถลอกบริเวณครีบหลังและใต้โคนหางไม่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ จึงทำการรักษาโดยการให้ยาลดปวดและยาแก้อักเสบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ก่อนทำการปล่อยกลับสู่ธรรมชาติทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับชุมชนในพื้นที่ให้ช่วยเฝ้าระวังหากพบการเกยตื้นซ้ำในพื้นที่ต่อไป
https://www.naewna.com/likesara/781156

ถามคุณหมอเพ็ญ
โลมาหลักโหนก  เป็นโลมาประเภทไหน   หายากไหมคะ

มันใหญ่มาก! 'งูจงอางยักษ์'โผล่สนามกอล์ฟลพบุรี ชาวบ้านบอกยังมีตัวสีทองอีก
17 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 12.00 น. ทางศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัย สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือให้จับงูจงอาง ขนาดใหญ่ เลื้อยเข้ามาในสนามหญ้าของสนามกอล์ฟ หลังรับแจ้งจึงได้แจ้งให้อาสากู้ภัยโคกสำโรงสังเคราะห์ มีความชำนาญด้านการจับอสรพิษ พร้อมอุปกรณ์เดินทางไปจับงูจงอางขนาดใหญ่ ภายในสนามกอล์ฟ นารายณ์ฮิลล์ เลขที่ 23 หมู่ 5 ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี 

เมื่อไปถึงพบงูจงอางสีดำขนาดใหญ่ เลื้อยอยู่บนพื้นหญ้าสนามกอล์ฟเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันไล่ต้อน ก่อนจะใช้อุปกรณ์เป็นเชือกทำเป็นบ่วงคล้องงูได้สำเร็จ จากนั้นนำใส่กระสอบมายังศูนย์กู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง แล้วนำงูช่างน้ำหนักและวัดความยาว โดยชั่งน้ำหนักได้ 12 กิโลกรัม และวัดความยาวได้ 4  เมตร 20 เซนติเมตร จากนั้นนำตัวงูใส่ถังพลาสติกที่เจาะรูไว้ เพื่อนำส่งสวนสัตว์สระแก้วลพบุรี ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรีต่อไป 

เจ้าหน้าที่กู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ จับงูจงอางตัวดังกล่าว เปิดเผยว่า งูจงอางขนาดใหญ่เช่นนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ตัวเองได้ลงมือจับ และมีขนาดใหญ่เหมือน 2 ตัวที่แล้ว

นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าวมาว่า ยังเคยเห็นงูจงอางสีเหลืองทองขนาดใหญ่ อยู่บริเวณจุดที่จับอีกด้วย คาดว่าน่าจะเป็นคู่ของมัน คาดว่าเหตุที่งูชุกชุมเป็นเพราะอากาศร้อน งูจึงออกมาหาน้ำและอาหารกิน
https://www.naewna.com/likesara/781280

ขอบคุณค่ะ  ;D
เอาสัตว์ประหลาด  เพราะไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่  และไม่รู้ว่าไปอยู่ได้ยังไง  มาฝากอีกตัวค่ะ
ส่วนตัวเลขตอนท้าย   ผลออกมาแล้ว   จึงไม่ถือว่าเรือนไทยใบ้เลขเด็ดนะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=hgu6onRx0gw&t=6s

งูที่มีลักษณะลายขาวสลับดำอย่างตัวที่พบบนเครื่องบิน มีคล้าย ๆ กันอยู่ ๒ ตัว คือ งูทับสมิงคลา (Bungarus candidus) และ งูปล้องฉนวนตับจาก (Lycodon davisonii)

งูทับสมิงคลา เป็นงูพิษอันตราย มีลำตัวค่อนข้างกลม มีสันเล็กน้อย แต่ไม่ชัดเจนอย่างงูสามเหลี่ยม มีลายสีขาวสลับกับสีดำ ในบางตัวเกล็ดสีขาวมีสีดำแซม เต็มวัยบางตัวมีสีขาวอมเหลืองอ่อน ๆ สลับกับสีดำ ท้องมีสีขาว ลายสีดำจะไม่คาดถึงท้องแบบงูสามเหลี่ยม

ส่วนงูปล้องฉนวนตับจาก เป็นงูไม่มีพิษ ลำตัวเรียวยาว สีลำตัวเป็นปล้องสีดำ หรือบางตัวสีออกสีน้ำตาล สลับกับสีขาว หรือสีขาวครีมอมเหลือง แก้มขาว ลักษณะปล้องไม่รอบไปถึงด้านท้อง ท้องสีขาว ลายที่หางจะเป็นลายถี่ ๆ


งูทับสมิงคลาเกล็ดกลางสันหลังเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม ลักษณะนี้ใช้จำแนกกับกลุ่มงูปล้องฉนวนที่เป็นงูไม่มีพิษ กลุ่มงูปล้องฉนวนเกล็ดมีลักษณะเท่าๆ กัน

ข้อมูลจาก Nick Wildlife (https://www.facebook.com/share/ULPg4rMvae3Fxrpw/?mibextid=WC7FNe)

จะชี้ชัดว่าเป็น งูทับสมิงคา หรือ งูปล้องฉนวนตับจาก  คงต้องดูตัวจริง จะแน่นอนกว่าดูในภาพจากข่าว ;D

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจมากในขณะนี้ หลังจากมีนักท่องเที่ยวสาวรายหนึ่ง ได้ไปพักผ่อนดำน้ำทะเลลึก ปรากฏว่ากลับเจอสัตว์หน้าตาประหลาด ตัวสีใสมากจนสามารถมองทะลุผ่านลำตัวไปได้ อีกทั้งมีความยาวกว่า 2 เมตรอีกด้วย

โดยเธอได้อัดคลิปมีความยาว 28 วินาที เป็นภาพบรรยากาศขณะที่พยายามจะแหวกว่ายเพื่อขึ้นเหนือน้ำ แต่กลับมีตัวประหลาดดังกล่าวได้ว่ายมาใกล้ตัวสาวรายนี้

ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงกลุ่มเฟซบุ๊กนี่ตัวอะไร พร้อมเขียนแคปชั่นระบุว่า “ตัวอะไรคะ” ภายหลังจากที่โพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพากันสงสัยล้นหลาม ซึ่งก็มีความเห็นจากชาวเน็ตบางส่วนบอกว่าอาจจะเป็น ซาล์ป หรือ Salp

้้หรือที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า Jelly balls เป็นสัตว์โปร่งใส ขนาดยาว 1-10 เซนติเมตร ลักษณะกลม ตรงกลางป่อง อาหารของซาล์ปคือสาหร่าย เป็นเซลล์เดียวที่มีมากมายในทะเล และยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ด้วย
https://www.dailynews.co.th/news/3105818/?fbclid=IwAR1AWM3rNl1i8PyuQGtorRB6ZBx4NLI1R0DOwTZVpxW2nW7dVituxrUlypc

"ซาล์ป" พบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวทะเล เพื่อเพียงแต่ว่ายน้ำเล่น หรือเดินเล่นบนชายหาด มักพบลอยอยู่บนผิวน้ำ หรืออยู่บนชายหาด

ดังเช่นข่าวเมื่อประมาณ ๓ ปีที่แล้ว ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


https://youtu.be/-Jooz4gz264

ครั้งนี้เป็นคลิปของคุณ ช็อคโกบี่ม พีช ดำน้ำบริเวณเกาะตุกนลิมา หรือเกาะห้า ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ สีสันและลวดลายของ "ซาล์ป" ดูประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดดำน้ำของนางแบบ ;D

https://www.facebook.com/alicepeachchan/videos/851094073435547/?idorvanity=317654035895356

สายมูแตกตื่นรอยพญานาคโผล่ในวัดป่าที่บ้านผือเลื้อยเป็นทางยาวจากรูปปั้นลงสระน้ำ

คอหวย สายมูแตกตื่น พบรอยประหลาดเชื่อเป็นรอยพญานาคโผล่ในวัดป่าที่อำเภอบ้านผือ อุดรธานี เลื้อยเป็นทางยาวจากรูปปั้นพญานาคลงสระน้ำ เชื่อเป็นรอยพญานาคมาร่วมบุญสวดถอดอุโบสถ เผยเลขเด็ด 567

วันนี้ (27 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจพระลิน สุจิตโต ได้โพสต์คลิปวีดีโอพร้อมข้อความว่า "เจอรอยปริศนาคล้ายลอยพญานาค" ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ไปเมื่อวันที่ 25 ม.ค.67 คืนวันพระขึ้น 15 ค่ำ ในคลิปพบว่าเป็นรอยสีขาวคดเคี้ยวเป็นทางยางดูแล้วน่าจากเลื้อยจากสระน้ำขึ้นมายังรูปปั้นพญานาคที่ตั้งอยู่ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าดอนบ้านเทือง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระลิน เมื่อไปถึงพบประชาชนจำนวนมากอยู่ที่วัดเพื่อมาดูรอยประหลาดคล้ายพญานาคดังกล่าว

พระลิน สุจิตโต พระลูกวัดได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่พบรอบและอธิบายว่า รอยประหลาดคล้ายพญานาคนั้นออกมาจากรูปปั้นพญานาค 2 ตน เลยผ่าน กระถางธูป แล้วมีรอยหายไปริมสระน้ำ ตอนแรกอาจารย์ก็แปลกใจดูด้วยตาเปล่าตอนแรกไม่เห็น ซึ่งอาตมาก็อธิษฐานจิตว่าหากเป็นรอยพญานาคชัดเจนก็ขอให้รอยนั้นชัดเจนขึ้นพออธิษฐานจบปรากฏว่า รอยนั้นคล้ายๆ กับเกร็ด ซึ่งอาตมาคิดว่าพญานาคอาจจะมาอนุโมทนาบุญจากการสวดมนต์เมื่อคืนวันพระที่ผ่านมาเพราะคนที่มาสวดมนต์คืนนั้นมีหลายพันคน

สำหรับรอยประหลาดนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันพระวันที่ 25 ม.ค.67 ที่ผ่านมา วันนั้นทางวัดนิมนต์พระสงฆ์จากต่างจังหวัดและหลายที่มาจำนวน 567 รูปมีญาติติธรรม 3-4 พันคน ซึ่งพระคุณเจ้าจำนวนดังกล่าวนั้นท่านมาสวดถอดถอนพระอุโบสถ ภายหลังสวดถอดถอนเสร็จ พระคุณเจ้าบางรูปก็กลับวัดบางรูปก็ยังคงอยู่และมีการพาญาติโยมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ตอนสวดมนต์ฟ้าก็ครึ้มราวกับมีปาฏิหาริย์ พอสวดมนต์เสร็จก็มีฝนตกลงมาปรอยๆ ซึ่งตอนนั้นก็สวดมนต์ตากฝนไปด้วย สวดมนต์เสร็จถามแผ่เมตตา ญาติโยมก็กลับจากนั้นพระอาจารย์ก็เดินไปที่กุฏิโดยมีญาติโยมเดินมาด้วยตอนเดินไปก็ไม่มีรอย แต่พอเดินออกมาเพื่อที่ส่งญาติโยม กลับเห็นรอยประหลาดบอกญาติโยมมาดูใครเห็นรอยอะไรไหม

ลักษณะของรอยนั้นคดเคี้ยวจากรูปปั้นพญานาคผ่านกระถางธูปและลงสระน้ำตอนนั้นเห็นว่าเป็นรอยก็ได้เอาไม้มาเช็ดถูถูยังไงก็ไม่ออก ส่วนตัวหลายคนก็ไม่เชื่อหลายคนเชื่อก็มี แต่อาตมาคิดเห็นว่า บางสิ่งบางอย่าง มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มันต้องมีสมาธิภาวนา แต่หากถามว่าจะเกิดมรรคผลนิพพานไหมเรื่องนี้ก็คงนำทางสู่เส้นทางนั้นไม่ได้ แต่อยากให้สื่อถึงความดีมีจริงความชั่วมีจริง อย่างน้อยๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อก็มาร่วมอนุโมทนาบุญ ทำคนงานความดี ส่วนตัวก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะบารมีของปู่องค์ดำกับย่ามณีจันทร์

กรณีคนที่มาหาพระอาจารย์ที่วัดเพื่อให้เขียนดวงยันต์มหารวยให้นั้นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนมาให้พระอาจารย์เขียนให้ประสบความสำเร็จก็บอกกันปากต่อปากจนผู้คนหลั่งไหลมาจำนวนมาก สิ่งที่อาตมาทำให้ก็เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หลายคนให้อาจารย์ลงให้ก็ประสบความสำเร็จและบอกกันปากต่อปาก สำหรับปัจจัยที่ญาติโยมถวายมาอาตมาไม่ได้เก็บไว้เองเอาไปช่วยเหลือโรงเรียน คนจนและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา วัดวาอาราม โรงพยาบาลและหน่วยงานราชการ

นางพัชรี รัตน์มณี บอกว่า ตนเป็นคนจังหวัดชัยภูมิแต่ทำงานที่จังหวัดอุดรธานี ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพระอาจารย์เขียนยันต์เปิดโชคเปิดลาภ ตอนนั้นตนดูในช่อง YouTube เห็นคนมาหาพระอาจารย์มาก พระอาจารย์ก็เขียนยันต์เปิดโชคเปิดลาภให้บางคนก็ไปขอพรกับองค์พญานาค หลายคนมาก็ถูกหวยมีโชคมีลาภตนก็เลยอยากมาเผื่อจะถูกบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพระลิน เคยเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยชายพิการคนหนึ่งได้เอาเงินที่หาได้จากการขายขยะ 240 บาททำบุญกฐินที่พระอาจารย์เป็นเจ้าภาพ และขอร่วมบุญสร้างพญานาค ต่อมาพระลิน ได้ช่วยปลดหนี้บ้านให้ชายพิการจำนวน 3 หมื่นบาท - 003

ปลาออร์พบครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ นำไปไว้ที่สำนักงานประมงจังหวัดสตูลเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖ และนำไปเก็บรักษาต่อไปที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

มีตัวแรกก็ต้องมีตัวที่สอง เมื่อวานซืนนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) พบซากปลาออร์อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ วัดขนาดความยาวได้ ๒.๘๕ เมตร นำขึ้นมาจากเรือประมง ปมัสยานำโชค ๔ หลังจากติดอวนลากคู่ ขณะเก็บกู้อวนบริเวณทิศตะวันตกนอกเขตชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ห่างจากฝั่งประมาณ ๑๕ ไมล์ทะเล ประมงจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก่อนที่จะส่งไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพื่อศึกษาต่อไป

https://youtu.be/AAKfeCq4fR8

ที่ญี่ปุ่น มีการพบสัตว์ทะเลพันธุ์ใหม่ ที่เกาะคูเมะจิมะ (久米島) โอกินาวา (沖縄) จำพวก เพรียงหัวหอม (https://th.m.wikipedia.org/wiki/เพรียงหัวหอม) (sea squirts) ลำตัวใสยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร พร้อมลายคล้ายโครงกระดูก และมีจุดแต้มสีขาวดำซึ่งทำให้นึกถึงแพนด้า จึงได้ชื่อว่า ガイコツパンダホヤ (ไกโคทสึพันดะโฮยะ = เพรียงหัวหอมโครงกระดูกแพนด้า)

นาโอฮิโระ ฮาเซกาวะ (長谷川直弘) จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด นักวิจัยด้านเพรียงหัวหอม ได้ตีพิมพ์การศึกษาเรื่องเพรียงหัวหอมชนิดใหม่ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Clavelina ossipandae  ฮาเซกาวาบอกว่าพบภาพของสัตว์ชนิดนี้ครั้งแรกในทวิตเตอร์เมื่อปี ๒๐๑๘  และอธิบายว่า

"ส่วนสีขาวที่ดูเหมือนกระดูก คือ เส้นเลือดของมัน ส่วนจุดดำบนหัวที่ดูเหมือนตาและจมูกแพนด้านั้นเป็นแค่ลวดลาย และไม่มีเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น"

https://youtu.be/KRDU-Qq7Bdw

;D

https://www.facebook.com/TNNWorld/videos/354414770747983/

เรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับสัตว์ทะเลมีอย่างต่อเนื่อง คราวนี้เกิดที่เมืองไทย ;D

เมื่อวานนี้ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) คุณสุวรรณา แซ่ฮึง (https://www.facebook.com/share/Bd6jcoTaZihEhyzo/?mibextid=WC7FNe) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "กุ้งต็อกหรือกั้งต็อก  หลาย ๑๐ ปี พึ่งเคยเจอ ใครอยากได้มาช้อนเอาเลย"

กุ้งต๊อก หรือ กั้งต๊อก ของคุณสุวรรณา คือ กั้งหางแดง หรือ แม่หอบอ่อน ซึ่งขึ้นมาลอยตัวบนผิวน้ำจำนวนมาก บริเวณจุดชมวิวแหลมแท่น ชายหาดบางแสน  ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (https://www.facebook.com/share/p/CkgSi3DCxarTVfbR/?mibextid=WC7FNe) รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเฟซบุ๊กว่า

น่าจะมีภาวะผิดปรกติบางประการที่ทะเลแถวบางแสน ทำให้ "แม่หอบอ่อน" ขึ้นมาในน้ำเยอะมาก

แม่หอบอ่อน ชาวบ้านเรียกกั้งหางแดง แต่ไม่ใช่กั้ง เป็นสัตว์มีเปลือกกลุ่มกุ้งปู เป็นญาติของแม่หอบที่อยู่ในป่าชายเลน แต่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกันแม่หอบอ่อน เรียกเช่นนี้เพราะตัวอ่อนนุ่ม ในเมืองไทยมีรายงานประมาณ ๒๐ ชนิด

แม่หอบอ่อนมักฝังตัวอยู่ตามพื้นทราย/พื้นเลน อยู่ในรู กินสัตว์เล็กและซากต่าง ๆ เหมือนกุ้งทั่วไป ปรกติจะไม่ขึ้นมาอยู่ในน้ำ และต่อให้ขึ้นมา ก็ไม่เข้ามารวมกันเยอะขนาดนี้ อาจมีปัจจัยบางประการที่ทำให้แม่หอบอ่อนไม่อยู่ในรู แต่ออกมาอยู่ในมวลน้ำเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดจากดร.สุเมตต์ มหาวิทยาลัยบูรพา

"นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลได้ออกสำรวจคุณภาพน้ำทะเลในบริเวณที่แม่หอบอ่อนรวมตัวกันมีค่าปกติตามเกณฑ์มาตรฐาน และออกซิเจนไม่ได้ต่ำลง จึงคาดว่า อาจจะเป็นเพราะคุณภาพดินในบริเวณนี้และแม่หอบอ่อนรวมกลุ่มกันเพื่อผสมพันธุ์"

ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จะไปจับตามรู นำมาทอด ในเมืองไทยอาจเป็นอาหารประจำถิ่นเฉพาะพื้นที่ สามารถกินได้ ไม่มีพิษ แต่สาเหตุที่ออกมาอยู่ในน้ำจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป

https://youtu.be/G1ed5AvN6do

ระยอง -ชาวสวนฮือฮาพบ “ค้างคาวสีส้ม” สายพันธุ์หายากในประเทศไทยและใกล้จะสูญพันธุ์ ขณะกำลังปรับพื้นที่การเกษตรเพื่อปลูกทุเรียนใน อ.แกลง จ.ระยอง พร้อมเตรียมปล่อยคืนธรรมชาติให้ได้ขยายพันธุ์ต่อไป

เย็นวันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ว่าพบค้างคาวสีส้มซึ่งเป็นพันธุ์หายากและใกล้สูญพันธุ์ ขณะกำลังทำการปรับหน้าดินเพื่อเพาะปลูกทุเรียน ซึ่งในครั้งแรกคิดว่าเป็นผีเสื้อหลังบินเข้ามาเกาะที่มือ แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดกลับพบว่าเป็นค้างคาวมีสีส้ม และเมื่อนำภาพเปรียบเทียบใน Google พบว่าเป็นค้างคาวพันธุ์หายากในประเทศไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบและพูดคุยกับชาวบ้านทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยพบเจอค้างคาวสายพันธุ์นี้มาก่อน เช่นเดียวกับคนในพื้นที่ที่อายุมากถึง 71 ปี บอกว่าอยู่มาจนป่านนี้เพิ่งจะได้เจอค้างคาวสายพันธุ์นี้เช่นกัน

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/local/detail/9670000018194

เมื่อประมาณ ๑๑ ปีมาแล้ว คุณพีได้พาเจ้าค้างคาวตัวนี้มาแนะนำ


ข่าวค้างคาวยอดกล้วยผีเสื้อที่ระยองตัวนี้ มาก่อนวันหวยออก และก็มีตัวเลขใบ้ไว้ในข่าวตามธรรมเนียม อย่างที่คุณพีว่าไว้ ;D

https://youtu.be/nnoWIH_ZuRk

ค้างคาวตัวน้อยในโลกกว้าง

https://www.facebook.com/natgeowild/videos/10155210292330930/

ตัวอะไรเอ่ย?
ไม่รู้ว่าในกรุงเทพยังหลงเหลืออยู่หรือเปล่า

รอบเกาะสุรินทร์เหนือพบ "น้องถลาง" ติดต่อกัน ๓ วันคือ ๑-๒-๓ มีนาคม ๒๕๖๗ ภาพวันที่ ๓ เป็นภาพน้องถลางอึเป็นทางยาว เป็นปุ๋ยชั้นดีให้เหล่าแพลงตอน ถ่ายโดยคุณอับดุลฮาลีม ราหมันและลูกชาย กฤษดา ราหมัน

https://www.facebook.com/thaiwhales/videos/332512236476618/

จีนพบ'กบ'กลิ่นตัวเหม็นสายพันธุ์ใหม่ บริเวณต้นไผ่ใกล้ลำธารในพื้นที่สูง
วันอังคาร ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567, 18.59 น.
Tag : จีน กบสายพันธุ์ใหม่ กบกลิ่นตัวเหม็น
 

5 มีนาคม 2567 สำนักข่าวซินหัวไทยรายงานว่าคณะนักวิจัยของจีนพบกบมีกลิ่นตัวเหม็นสายพันธุ์ใหม่ชื่อ "โอดอร์รานา เหลยซานเนซิส" (Odorrana leishanensis) ในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน  ทีมวิจัยร่วมค้นพบกบสายพันธุ์นี้ระหว่างการสำรวจทรัพยากรสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติภูเขาเหลยกง ระหว่างเดือนมีนาคม-ตุลาคม 2023

หลี่ซื่อเจ๋อ หัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่าตัวอย่างกบตัวโตเต็มวัย 7 ตัวถูกพบบนโขดหินและต้นไผ่ใกล้ลำธารในพื้นที่สูง 1,600-1,800 เมตร โดยตัวอย่างกบตัวผู้วัดความยาวได้ 39.1-49.4 มิลลิเมตร และตัวอย่างกบเพศเมียยาว 49.7 มิลลิเมตร การค้นพบครั้งนี้ได้รับการเผยแพร่ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ซูคีส์ (ZooKeys)

https://www.naewna.com/inter/791250

เจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมชาวอินเดีย 6 คนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังพยายามลักลอบนำ “แพนด้าแดง” และสัตว์ป่าหายากอีกเกือบร้อยตัว เดินทางออกนอกประเทศไทย

ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กของกรมศุลกากรระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ กิ้งก่า (Black Throat Monitor,อื่น ๆ) 29 ตัว, งู (Corn Snake, Red Bamboo, อื่นๆ) 21 ตัว, นก (Bird of Paradise, นกแก้วปากใหญ่, อื่น ๆ) 15 ตัว, ตะกวด 7 ตัว, จิ้งเหลน 4 ตัว, กระรอกตาแดง 2 ตัว, ค้างคาว 2 ตัว, ลิงหัวสำลี (Cotton Top) 2 ตัว, เสือปลา 1 ตัว, แพนด้าแดง 1 ตัว, หมี Sulawesi Bear Cuscus 1 ตัว, กบ 1 ตัว และ หนู 1 ตัว รวมทั้งสิ้นจำนวน 87 ตัว โดยของกลางทั้งหมดได้บรรจุซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่กลุ่มผู้โดยสารซึ่งเป็นชาย 5 คนและหญิงอีก 1 คนจะโหลดใต้ท้องเครื่อง และเตรียมเดินทางไปยังนครมุมไบของอินเดีย

กรมศุลกากรยังได้เผยแพร่ภาพถ่ายสัตว์ที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดไว้ได้ โดยมีแพนด้าแดงซึ่งเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติถูกใส่เอาไว้ในตะกร้า นกแก้วซึ่งถูกใส่ไว้ในกล่องพลาสติก รวมถึงงูอีกหลายตัวซึ่งอยู่ในถุงผ้า

โฆษกกรมศุลกากรระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร มาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบกับสัตว์ดังกล่าวบางรายการอยู่ภายใต้การควบคุมตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 23 วรรคแรก และมาตรา 112 และเป็นความผิดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และมาตรา 92 วรรค 2 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558

ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี

BBC รายงานว่าไทยถือเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อสำคัญของเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่า โดยสัตว์เหล่านี้มักจะถูกส่งไปขายในจีนและเวียดนาม ขณะที่อินเดียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตลาดใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: BBC, FB กรมศุลกากร

แพนด้าแดง น่าจะเป็นญาติกับแรคคูนมากกว่าหลินฮุ่ย

ตามสายวิวัฒนาการ แพนด้าแดงใกล้ชิดแรคคูนมากว่าแพนด้ายักษ์ 

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=40856;image)

แพนด้าแดง เป็นสัตว์พื้นเมืองของไทยใช่ไหมคะ  มีชื่อไทยหรือเปล่า?

แพนด้าแดง (Ailurus fulgens) ไม่ใช่สัตว์พื้นเมืองของไทย ชื่อเรียกในภาษาไทย แปลมาจากชื่อภาษาอังกฤษว่า red panda  แต่เป็นสัตว์พื้นเมืองของจีน ในภาษาจีนเรียกได้ ๒ ชื่อ คือ 小熊猫 (เสี่ยวโสวงเหมา) แปลว่า หมีแพนด้าน้อย และ 火狐 (อ่านว่าฮัวฮู) แปลว่า จิ้งจอกไฟ

火狐 เป็นที่มาของชื่อ Firefox เว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมเป็นอันดับ ๓ รองจาก กูเกิล โครม (Google Chrome) และซาฟารี (Safari) นั่นเอง

https://youtu.be/FsBiPQUBxVQ

แพนด้าแดง พบได้ตามแนวเทือกเขาหิมาลัย ตั้งแต่ภาคเหนือของประเทศอินเดีย, ทิเบต, เนปาล, ภูฏาน, จีน, ภาคเหนือของพม่า

เปิบมรณะเมนู ‘เนื้อเต่าทะเล’ สังเวย 9 นักชิม ร่อแร่กว่า 80 คน...

ปกติแล้ว เนื้อเต่าทะเลถือว่าเป็นอาหารจานเด็ดของชาวเกาะแซนซิบาร์ แม้ว่าจะถือว่าเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อีกทั้งในอดีตจะเคยมีผู้เสียชีวิตมาแล้วจากการกินเนื้อเต่าทะเล ด้วยอาการของอาหารเป็นพิษซึ่งเกิดจากสาร Chelonitoxism ในเนื้อเต่าที่มีพิษร้ายแรงถึงขั้นทำให้คนตายได้.

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/3251612/?fbclid=IwAR3ngpewqybyXfqBkvBSr4lSiBDmCumixDrURmglGyWjmBR_eBAiwNbM_tE

แปลกใจว่า ในเมื่อเนื้อมันมีสารพิษขนาดนี้   ทำไมถึงเป็นอาหารจานเด็ดของชาวเกาะได้     ถ้าเนื้อมันอร่อยมากจนหักห้ามใจไม่ได้    พวกเขาไม่มีวิิธีกำจัดสารพิษออกไปก่อนกินหรือคะ

เนื้อเต่าทะเลไม่ใช่มีพิษทั้งหมด การเป็นพิษเนื่องจากการรับประทานเนื้อเต่าทะเล หรือ Chelonitoxism (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Chelonitoxism) เกิดจากเต่าทะเลไปกินอาหารบางอย่างที่เป็นพิษ  เช่นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน หรือ ฟองน้ำตามแนวปะการัง โดยเต่าไม่แสดงอาการ สารพิษจะสะสมในตัวเต่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคนจับเต่าไปกิน ก็จะไม่สบาย มีอาการเช่น ปวดแสบร้อนปาก เจ็บคอ กลืนลำบาก แน่นหน้าอก ปวดท้อง คลื่นไส้ ถ่ายเหลว มีไข้ ปวดศีรษะ ที่หนักก็ถึงตายได้ เนื้อเต่าที่มีพิษไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน และสามารถส่งผ่านจากแม่สู่ลูกทางน้ำนมได้

เนื่องจากไม่สามารถจำแนกได้ว่าเต่าทะเลตัวไหนปลอดภัยหรือเป็นพิษ ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการงดกินเนื้อเต่าทะเลแม้ว่าจะทำให้สุกแล้วก็ตาม

https://youtu.be/_qLw0YRfMC4

กินเนื้อเต่าทะเลอาจถึงตาย แต่กินเนื้อปลาทะเลบางชนิดทำให้เห็นภาพหลอน (Ichthyoallyeinotoxism) (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Ichthyoallyeinotoxism) ปลาพวกนี้มีอยู่หลายชนิดแต่ตัวที่เด่น ๆ เห็นจะเป็น ปลาพาฝัน (https://en.m.wikipedia.org/wiki/Salema_porgy) (salema porgy หรือ dreamfish - Sarpa salpa)

จุดเด่นของปลาชนิดนี้คือมีแถบสีทองพาดไปตามความยาวของลำตัว ปลาทะเลชนิดนี้พบกระจายพันธุ์ในทะเลและมหาสมุทรเขตร้อนและอบอุ่นทั่วโลก ตั้งแต่ชายฝั่งแอฟริกาด้านมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน ถึงจะดูว่าเป็นปลาธรรมดา แต่ทว่า มันมีพิษหลอนประสาทได้เหมือนอย่าง LSD (Lysergic acid diethylamide)

ชาวอาหรับมีคำเรียกปลาชนิดนี้ที่แปลได้ว่า 'ปลา(พา)ฝัน' หรือปลาที่ทำให้เกิดอาการเหมือนตกอยู่ในความฝัน ขณะที่ชาวโรมันก็รู้มานานแล้วว่าหากใช้ในปริมาณน้อย ๆ เจ้าสัตว์ทะเลตัวนี้ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ล่องลอย หรือเรียกรวม ๆ ว่ามีสรรพคุณ 'หย่อนใจ' ได้ แต่ถ้ากิน 'หัวปลา' ชนิดนี้เข้าไป จะเกิดอาการประสาทหลอน ซึ่งเป็นอาการของพิษที่เกิดขึ้นหลังกินปลา เช่น หูแว่วและเห็นภาพหลอน เพ้อ ขาดสติ ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ คลื่นไส้ ฝันร้าย เวียนศีรษะ ทรงตัวลำบากและอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางถูกรบกวน

สาเหตุที่ทำให้ปลาชนิดนี้มีพิษหลอนประสาทนมาจากการที่ปลากินแพลงตอนพืชชนิดหนึ่งที่เติบโตอยู่ในหญ้าทะเล  Neptune grass (Posidonia oceanica) ซึ่งเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่งของปลาชนิดนี้ แต่ไม่มีรายงานชัดเจนว่าปลาที่กินแพลงตอนนี้เข้าไปเกิดอาการประสาทหลอนด้วยหรือไม่ อาจเป็นไปได้ว่าโครงสร้างทางเคมีของสารที่อยู่ในสาหร่ายและแพลงตอนพืชที่ปลากินเข้าไปมีความคล้ายคลึงกับโครงสร้างของ LSD ก็เป็นได้  

https://youtu.be/mTBq4wwzMck

พบกิ้งก่ายักษ์ลำตัวสีดำ แอบมาหลบร้อนใน "สวนน้ำยิ้มแย้ม" บ้านด่านคำ ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร ภายหลังพนักงานช่วยกันจับส่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พบว่าเป็น "ตะกอง" หรือ "ลั้ง" กิ้งก่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ห้ามล่า ห้ามเลี้ยง...

https://www.dailynews.co.th/news/3282525/?fbclid=IwAR1IxKTlb_mjiH0TnSc7qqq5kYDD68FZrSz2sX-Sp35lkrGko4xKj-IxNMs

ตะกอง (Physignathus cocincinus) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองมีชื่ออยู่ใน บัญชีแนบท้าย กฎกระทรวง กำหนดให้เป็นสัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖  (http://www.verdantplanet.org/protect/protectedanimal.php) ตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕  (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/A/015/1.PDF)  ประเภทสัตว์เลื้อยคลาน ลำดับที่ ๔๑

ตะกอง สามารถพบได้ตามลำน้ำที่มีต้นกำเนิดจากเขาใหญ่ ไหลผ่านปากช่อง ที่มีชื่อว่า "ลำตะคอง" น้อยคนจะทราบว่ามีที่มาจากชื่อเจ้ากิ้งก่ายักษ์ "ตะกอง" ตัวนี้นี่เอง

รูปร่างหน้าตาของ ตะกอง คล้าย อีกัวนา แต่เล็กและดุกว่า แยกความแตกต่างได้ตามคำอธิบายในคลิป

https://youtu.be/73facXKv_7s

ปรกติจะเห็นตะกองมีสีเขียว แต่อาจพบเป็นสีน้ำตาลอย่างที่พบตามข่าวได้ตามสภาพแวดล้อม

เคยเห็นที่สวนสัตว์นครราชสีมา ตัวสีเขียวน่ารักเชียว ;D

ที่ริมฝั่งลำตะคอง ปากช่อง

https://www.facebook.com/fudgy.fud/videos/315729384786029/?idorvanity=317654035895356

https://www.dailynews.co.th/news/3281891/?fbclid=IwAR1l9ySeQvL_-fs2XDUvEqvzAoVC35Gw3sBV6-sQ8yhU3q7vt3T46bEBUys

"อันนี้คือตัวอะไรครับ เหมือนงูทำไมมีขา" เป็นคำถามของคุณ natakon chinnawong ในเฟซบุ๊ก กลุ่ม นี่ตัวอะไร (https://www.facebook.com/share/p/KpzNdE2ojqkTM2h5/?mibextid=K35XfP) มีผู้ให้คำตอบที่ตรงกันมาหลายท่านคือ "จิ้งเหลนเรียวขาเล็ก"

จิ้งเหลนเรียวขาเล็ก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ จิ้งเหลนน้ำ (Lygosoma quadrupes) มีลักษณะพิเศษอยู่ตรงขาที่เล็กมาก ตามชื่อของมัน ตัวมีสีเทาดำ หรือ น้ำตาลอ่อน อาจมีลายขีดสีคล้ำเป็นเส้น ๆ เนื่องจากขาเล็กมาก จึงใช้วิ่งไม่ดีเท่าไหร่นัก จิ้งเหลนชนิดนี้เลยต้องเลื้อยไปตามดิน หรือ ไถตัวไปเรื่อย ๆ มักพบหากินตอนเช้าหรือสาย กินหนอนผีเสื้อที่อยู่ตามต้นหญ้าเป็นอาหาร ปลวก และ แมลงขนาดเล็กอื่นๆ หาอาหารตามใบหญ้า โดยการใช้ขาเล็ก ๆ เกาะต้นหญ้า แล้ว ไสตัวไปเรื่อย ๆ กลางวันหลบซ่อนตัวตามใต้ขอนไม้ ใต้กองใบไม้ผุ วางไข่ครั้งละ ๒-๓ ฟอง พบแพร่กระจายทุกภาค

https://youtu.be/k4FJBFZD1-c

https://www.facebook.com/newsringside

คนไทย เปิดบ่อระบายน้ำ สุดอึ้ง พบปลายักษ์ สายพันธุ์ดึกบรรพ์ 100 ล้านปี
มีการโพสต์โลกออนไลน์ ของชายคนหนึ่ง ผ่านเพจ Thailand science news ซึ่งเปิดบ่อพักน้ำแล้วเจอปลาตัวเบิ้ม พร้อม caption ว่า
ที่เห็นคือ ปลาอัลลิเกเตอร์ครับ ปลาสายพันธุ์เก่าแก่ ถิ่นกำเนิด แถวอเมริกาเหนือตอนใต้
เป็นสายพันธุ์ใหญ่สุด ในตระกูลการ์ ความยาวเฉลี่ยโตเต็มวัย ยาว 5-7 ฟุต น้ำหนักโตเต็มที่ ได้ถึง 100 ปอนด์
เป็นปลาโคตรอึด แต่ไม่ดุร้ายนะครับกินสัตว์เล็ก ไม่ทำร้ายมนุษย์
การที่จะไปเจอมันตามแหล่งน้ำ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นปลาที่คนนิยมเลี้ยง แล้วพอมันโตจัด ก็เอามันไปปล่อย เป็นภาระธรรมชาติ
#Ringsideการเมือง

https://www.youtube.com/watch?v=eAGB-stVEGg