ตอนเด็ก ๆ วิทยุเปิดเพลง It’s a sin to tell a lie ให้ผมฟังเป็นประจำ จำได้ว่าทำนองช้า ๆ นักร้องเป็นผู้ชายเสียงหล่อมาก แต่ผมไม่รู้ว่าใครร้อง
ต่อมาอีกนานเมื่อผมได้ปูมของ Joel Whitburn มาอยู่ในมือ ผมก็เปิดหาว่าใครร้องเพลงนี้ ในปูมบอกว่ามีศิลปินที่ร้องเพลงนี้ 2 ราย คือ Somethin’ Smith & Red Heads เพลงขึ้น top 10 บนตาราง billboard อ่านชื่อศิลปินก็รู้ว่าไม่ใช่ฉบับที่ผมได้ยินแน่ ๆ อีกคนคือ Tony Bennett (1926 - 2023) เพลงอยู่ในตาราง billboard แค่อาทิตย์เดียว คืออันดับที่ 99 ไม่รู้ว่าจะใช่รึเปล่า อย่างไรก็ตาม อยากรู้ว่าทำนองยังไง แต่จำต้องอดรอจนกระทั่ง youtube แตกพาน จึงลองหาฟังเพื่อการยืนยัน ซึ่งจริงดังคาด 2 ฉบับนี้เกิดมาไม่เคยได้ยิน แล้วก็มีอยู่แค่ 2 ฉบับนี้ใน billboard
เอาละซี นี่แสดงว่าฉบับที่ผมได้ยินมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนฝังอยู่ในหูต้องเป็นการนำมาร้องใหม่ ซึ่งคงหาชื่อคนร้องได้ยาก ที่พึ่งที่มีก็ช่วยไม่ได้แล้ว เพราะมันแสดงเฉพาะเพลงเข้าอันดับ ฯ ปัญหานี้ต้องแทงศูนย์ บรรยากาศเดียวกับการหาชื่อเพลงบรรเลง
วันหนึ่งขณะโต่เต๋อยู่ที่ร้าน Tower Records…
เขียนแล้วนึกถึงความหลังที่เกี่ยวข้องกับร้าน TR นี้ เคยฝอยเอาไว้นานแล้วในกระทู้หนังเก่า แต่อยากเล่าอีกง่ะ...
ร้านแผ่นเสียง Tower Records เป็น chain ของร้านขายแผ่นเสียงที่โด่งดังที่สุดของอเมริกาในยุคนั้น มีสาขาอยู่ทั่วทุกเมืองในทุกรัฐ (รองลงมาคือร้าน Warehouse) เอกลักษณ์ของร้านคือตัวหนังสือสีแดงบนพื้นสีเหลืองอ๋อย
ตอนไปอเมริกาครั้งแรก หลังจากตั้งหลักได้ผมพุ่งไปที่ร้าน TR เป็นแห่งแรก ยุคที่ผมไปนั้น format ของแผ่นเสียงกำลังจะล่มสลาย format ของ ซีดี กำลังเข้ามาแทนที่ มันเป็นช่วงรอยต่อ ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับทุกร้านขายแผ่นเสียงคือ ช่องวางแผ่นเสียงที่มีอยู่เดิมใช้ไม่ได้กับการวางแผ่นซีดี เพราะ format ของแผ่นซีดี มีขนาดเล็กกว่ามาก มันไม่พอดีกัน ทุกร้านจึงต้องปรับเปลี่ยนขนาดของช่องใส่แผ่นฯ เสียใหม่ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายและเวลาไม่น้อยและอ่วมไปเลยสำหรับร้านใหญ่ ๆ อย่าง TR ที่มีสาขานับร้อยแห่ง
ในช่วงแรก ๆ ของการเปลี่ยนแปลง เพื่อประวิงเวลาที่ใช้ในการปรับเปลี่ยน แผ่น ซีดี ทุกแผ่นที่ออกมาจากโรงงานจะใส่อยู่ในกล่องกระดาษที่มีความสูงประมาณเดียวกับแผ่นเสียง (12”) ดังนั้น ช่องวางแผ่นเสียง 1 ช่องจึงสามารถใส่แผ่นซีดีเรียงได้ 2 แถว จนกระทั่งการปรับเปลี่ยนช่องวางแล้วเสร็จ หน้าตา package ของแผ่นซีดีจึงมีรูปแบบเล็ก ๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ไม่มีกล่องกระดาษหุ้มอีกทีอีกต่อไป
รูปนี้แสดงการเปรียบเทียบระหว่าง package ของแผ่นเสียง กับ package ของแผ่นซีดี
สำหรับแผ่นฯ ที่มี gatefold (ตัวอย่างข้างบน) จะเห็นว่าภาพบน package ของแผ่นฯ กับภาพในกล่องซีดีนั้นมีขนาดคนละเรื่องเลย แถมในชุดที่เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างนี้รูปเป็นขาวดำเสียอีก ก็มันเป็นแผ่นผลิตย้อนหลัง (back issues) จะทำเริดหรูทำไมให้เปลืองต้นทุน
บางชุดยิ่งกว่านี้อีก อย่างชุด Simple Dreams ของ Linda Ronstadt เอกสารแนบในแผ่นซีดีไม่มีรูปนักดนตรีแบบที่เห็นในหน้า gatefold ของ package แผ่นเสียง รูปของเธอบน inner sleeve มีมาให้แต่ก็เป็นขาวดำ คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซื้อแผ่นซีดีไปก็จะนึกว่า เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น นี่แหละ ศิลปะกับการค้า มันไปด้วยกันไม่ด้ายยย
กลับมาที่ร้าน Tower Records พวกเราน่าจะจำได้ว่า ร้านมาเปิดสาขาที่เมืองไทยด้วยเช่นกัน แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะสาเหตุอะไรทุกคนรู้ดีกันแล้ว
แล้วก็มาถึงเรื่องอุบาทว์ของตัวเองที่จะแฉให้ฟัง (อ่าน) ว่า ช่วงที่ TR จะเข้ามาบุกเมืองไทยนั้น มีการประกาศจ้างงานหลายตำแหน่ง ด้วยความบ้าอยากเวียนว่ายอยู่กับเสียงเพลง ผมก็ไปสมัครกับเขาในตำแหน่งผู้จัดการ
ผมดำเนินเรื่องอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผมผ่านด่านต่าง ๆ เข้าไปถึงด่านสัมภาษณ์ แล้วก็จบตรงนั้น แสดงว่าผมปิ๋ว นั่นแหละ ผมจึงค่อยเผยเรื่องให้กับเพื่อน ๆ ฟัง รู้สึกเสียหน้าเพราะเก็งไว้ว่าไม่พลาด ก็ความรู้เรื่องเพลงยอดนิยมของผมใช่ย่อยเสียที่ไหน แถมตอนจบสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ยังทำหน้าเลื่อมใสกับความรู้ของผมให้ใจพองฟู
พอเล่าจบ เพื่อน ๆ พร้อมใจกันรุมกันกระหน่ำว่า ผมท่าจะสติเสียอย่างหนัก ถึงขนาดตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหน้าที่การงานในสถานที่ทำงานที่มีความมั่นคงระดับ 'แห่งประเทศไทย' เพียงเพื่อจะไปขายแผ่นซีดี (ขอแย้งนิดว่า ความจริงผมอยากเป็นพนักงานขายแผ่นเสียงมากกว่า จับแผ่นเสียงให้ความรู้สึกขลังกว่าจับแผ่นซีดีเป็นไหน ๆ) ยิ่งพี่มนันยา (นักแปล) หลังจากฟังผมเล่าแล้ว เธอแหวเสียงแสบแก้วหูขึ้นมาทันทีว่า 'ไอ้บ้าเอ๊ย ทำเข้าไปได้ยังไง โง่หรือฉลาดวะนี่ ดีนะนี่เค้าไม่เรียกตัว' ผมละทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ไม่มีใครแสดงความเห็นใจผมเลย แสดงว่านั่นเป็นการกระทำที่โง่สมบูรณ์แบบ
มาถึงวันนี้เมื่อคิดย้อนไปแล้ว รู้สึกขนลุก ผมถ้าจะผีเข้าจริง ๆ แล้วก็โล่งอกที่ไม่ได้งานตำแหน่งนั้น ไม่งั้นป่านนี้คงกำลังนั่งขายกะลอจี๊ริมถนนหาเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องแถวโทรม ๆ ข้างสลัมที่ไหนสักแห่ง...
แฉเรื่องโง่ของตัวเองจบแล้วก็กลับมาเข้าเรื่องต่อ
ช่วงเวลาก่อน อตน. ร้าน Tower Records นี้โด่งดังมาก ถึงขนาดมาเปิดสาขาหลายสาขาที่กรุงเทพฯ วันหนึ่ง ณ ร้านที่ว่าผมเดินเล่นพลิกดูแผ่น CD ไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาถึงแผ่นของ Pat Boone ก็นึกได้ว่าไม่เคยมีแผ่นของเธอเลย น่าจะซื้อเก็บไว้สักแผ่น ผมก็คว้าแผ่นรวมเพลงฮิตของเธอขึ้นมา รายชื่อเพลงในแผ่นคือเพลงดัง ๆ ของเธอ แล้วก็มีเพลง It’s ฯ นี้ด้วย พออ่านชื่อแล้ว ทำนองเพลงก็เข้ามาในหัว ตามด้วยเสียงร้องหล่อ ๆ ถึงตรงนี้ผมมั่นใจว่าฉบับที่ผมได้ยินมาตั้งแต่สมัยหินต้องเป็นเสียงร้องของ PB แน่ ๆ ซึ่งก็จริงดังคาด (อีกครั้ง) เพียงแต่ประหลาดใจนิดว่า มันไม่ได้ขึ้นตาราง bb จะเป็นเพลงฮิตได้ไงหว่า
ตายกันเกลี้ยง...